ความทุกข์ของประชาชาติ หลายครั้งเวลาเดินไปตามท้องถนน พบมุสลิมะฮฺคลุมฮิญาบแขนสั้น หรือมุสลิมีนสูบบุหรี่ หรือหนุ่มสาว(คลุมฮิญาบ) เดินจูงมือกัน หรือบางภาพที่เห็นแล้ว ใจหายที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากถอนหายใจสามครั้ง
ในใจตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่ามุสลิมะฮฺหรือมุสลิมีนคนนั้นจะมีใครตักเตือน หรือขัดเกลาเขาไหม ?
มากกว่านั้นบางครั้งภาพที่เห็นแล้วถอนใจไม่ใช่แค่ในระดับบุคคล แต่มันกว้างใหญ่ถึงขนาดสังคมเลยทีเดียว ซึ่งบางครั้งหลังนั่งมองนิ่ง ๆ ได้ซักพักแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะเราทำอะไรกับมันไม่ได้ หรือเป็นเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน ..
นบีบอกแล้วใช่ไหมว่าอิสลาม คือ การตักเตือนกัน ?
ฮะดีษนี้สะท้อนให้เห้นว่าสังคมมุสลิม หรืออิสลามของส่วนบุคคลอยู่ได้ด้วยการตักเตือน
คำถามต่อมาคือ แล้วผู้ตักเตือนล่ะอยู่ที่ไหนกัน ? แล้วเราล่ะห่างหายไปจากสนามแห่งการตักเตือนกันบ้างรึเปล่า ?
ท่านนบีมุฮัมมัด (ซล.) ไม่ได้คาดการณ์ผิดพลั้งเลยสักนิดว่าในอนาคต (ก็คือวันนี้) คุณภาพของมุสลิมเราจะน้อยลง ในขณะที่ปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือง่าย ๆ ว่าอีหม่านรวมของประชาชาตินี้หากนำมาเฉลี่ยต่อคนแล้วจะลดลง เมื่อเทียบกับในอดีต
ในตอนนั้นท่านนบีร้องไห้มากมายเหลือเกิน เพื่อขอให้พวกเรามีศรัทธา มีอิสลามอยู่ในหัวใจอย่างเข้มแข็ง ขออย่าให้ศรัทธาของเราอ่อนแอลงเลย
? ประชาชาติของฉัน .. ประชาชาติของฉัน .. ประชาชาติของฉัน ?
หันกลับมามองเราในวันนี้ หากเราจำนนและชินชาต่อความอ่อนแอของประชาชาตินี้จนกระทั่งห่างหายจากสนามทำงานแล้ว .. แอบคิดเล็ก ๆ ว่า เราใจร้ายต่อท่านนบี (ซล.) อย่างเหลือเกิน
เพราะฮิญาบสั้น มุสลิมะฮฺในเสื้อแขนกุด หรือการที่มุสลิมซักคนขาดละหมาด มันไม่ใช่ความผิด ของคนนั้นเพียงคนเดียว หรือการปล่อยปละละเลยของสังคมใดไม่ใช่ความผิดของสังคมนนั้นสังคมเดียว
แต่มันคือความทุกข์ทนของประชาติ
..โอ้พระเจ้าของเราโปรดเทความอดทนลงมาบนพวกเราด้วยเถิด
และโปรดทรงให้พวกเราตายในฐานะผู้สวามิภักดิ์ด้วย (อัลอะรอฟ :126)
http://chadumyen.spaces.live.com/ญะซากิลลาฮ์ค๊อรร๊อน