แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - isma-il

หน้า: [1] 2 3 ... 16
1
อัสลามุอลัยกุม วาเราะห์มาตุลลอฮิวาบารอกาตุ อาจารย์อารีฟีน และผู้รู้ทุกท่าน

ผมมีเรื่องรบกวนสอบถาม เกี่ยวกับประเด็นจากบทความ ประเภทของเตาฮีด : นิยามและความเป็นมา ของ ชาฟุรดีน อามิลี อ้างถึงใน http://www.islamic-dialectic.blogspot.com/2011/01/blog-post_6393.html ดังนี้
๑. การอ้างว่า คำกล่าวของ ท่านอิมามอิบนุบัฏเฏาะฮฺอัล-อัคบารีย์กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า
 الإبانة عن شريعة الفرقة الناجية ในเล่ม ที่ 2 หน้า 172-173 ความว่า
وذلك أن أصل الإيمان بالله الذي يجب على الخلق اعتقاده في إثبات الإيمان به ثلاثة أشياء: أحدها: أن يعتقد العبد ربانيته؛ ليكون بذلك مبايناً لمذهب أهل التعطيل الذين لا يثبتون صانعاً. والثاني: أن يعتقد وحدانيته؛ ليكون بذلك مبايناً لأهل الشرك الذين أقروا بالصانع وأشركوا معه في العبادة غيره. والثالث: أن يعتقده موصوفاً بالصفات التي لا يجوز إلا أن يكون موصوفاً بها من العلم والقدرة والحكمة وسائر ما وصف به نفسه في كتابه.
   “และด้วยเหตุนี้นี่คือรากฐานของการศรัทธาในพระองค์อัลลอฮฺซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น(วาญิบ)เหนือสรรพสิ่ง(ทั้งปวง)ในการยืนยันต่อการศรัทธาต่อพระองค์ด้วยกับสิ่งสามประการนี้
   ประการแรก : คือการที่บรรดาบ่าวของพระองค์ศรัทธาใน “ร็อบบานียะฮฺ” ของพระองค์(หมายถึงศรัทธาในการเป็นพระเจ้าเหนือมัคลูกทั้งปวงของพระองค์) ดังนั้นด้วยกับสิ่งนี้พระองค์จึงบริสุทธิ์จากแนวทางของผู้ที่ปฏิเสธการมีอยู่ของพระองค์ซึ่งพวกเขาไม่ได้ทำการยืนยันต่อ(การเป็น)ผู้สร้าง(ของพระองค์)
   ประการที่สอง : คือการที่เขา(มนุษย์)ศรัทธาในความเป็น “วะฮฺดานียะฮฺ” (ความเป็นเอกะ)ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงบริสุทธิ์จากบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีซึ่งทำการยืนยันต่อผู้สร้างแต่ทว่าได้ทำการตั้งภาคีด้วยการเคารพสักการะสิ่งอื่น
   ประการที่สาม : คือการที่มนุษย์ศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกกล่าวถึงพระองค์ด้วยคุณลักษณะ(ศิฟาต)ซึ่งไม่เป็นที่อนุมัติ(ที่จะพาดพิงพระองค์ถึงด้วยศิฟาตหนึ่งใด)เว้นแต่คุณลักษณะที่ได้ถูกแจกแจงไว้ ดังเช่น อิลมฺ(ความรู้), กุดเราะฮฺ(อำนาจ),ฮิกมะฮฺ(วิทยญาณ) และทั้งปวงจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกล่าวถึงพระองค์เองในคัมภีร์อัลกุรอาน” 

...ชาฟุรดีน อามิลี  ได้กล่าวว่า "จากหลักฐานข้างต้นเราจะพบว่าการแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภทตามที่ได้ถูกร่ำเรียนกันอยู่ในปัจจุบันนั้นมิใช่เป็นนวัตกรรมใหม่ทางศาสนาซึ่งถูกอุติรขึ้นโดยกลุ่มคนนอกรีตนอกรอยในเรื่องเตาฮีด(เอกวิทยา)ตามที่ได้มีบางกลุ่มบางพวกได้อ้างไว้แต่อย่างใด และแน่นอนว่าการแบ่งประเภทเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภทดังข้างต้นนั้นจะสมบูรณ์พอที่แจกแจงถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้มากน้อยเพียงใดนั้นพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่ง"


และชาฟุรดีน อามิลี  ได้กล่าวว่า โดยสรุปแล้วการแบ่งประเภทเตาอีดของท่านอิบนุบัฏเฏาะฮฺปราชญ์และอิมามแห่งอะฮฺลุซซุนนะฮฺฯแห่งศตวรรษที่ 4 ของอิสลามนั้นคือการแบ่งเตาฮีดที่ได้ถูกเล่าเรียนกันในวิชาเตาฮีดในยุคสมัยของเราซึ่งประกอบไปด้วยสามส่วนคือ 1) ร็อบบานียะฮฺ อันหมายถึงการศรัทาต่อการเป็นพระผู้อภิบาลของพระองค์อัลลอฮฺซึ่งเป็นแก่นเนื้อหาเดียวกันกับ เตาฮีดรุบูบียะฮฺ 2) เตาฮีดวะฮฺดานียะฮฺ อันหมายถึงการไม่กระทำการตั้งภาคีต่อพระองค์ภาคส่วนนี้ผูกพันธ์อยู่กับพฤติกรรมของมนุษย์อันเป็นเนื้อหาเดียวกันกับเตาฮีดอัลอิบาดะฮฺหรืออุลูฮียะฮฺ 3) คือการศรัทธาต่อคุณลักษณะของพระองค์ที่ได้ถูกระบุไว้ในอัลกุรอานอันไพโรจน์ของพระองค์อันเป็นเนื้อหาเดียวกันกับเตาฮีดอัล-อัสมาอ์วัศศิฟาต


กระผมอยากเรียนถามว่า การอ้างอิงโดยพาดพิงหลักฐานดังกล่าวกับการแบ่งเตาฮีด ๓ ประเภท ของกลุ่มวาฮาบีปัจจุบัน ถูกต้องใหม
วัลลอฮูอะลัม

2
เคยพีน้องบอกว่า การปฎิบัติอามาลเช่นนั้นกระทำได้ เพราะไม่มีคำสั่งห้าม    แสดงว่าอามาลทุกอย่างเราสามารถคิดเองได้หรือปล่าว

การพูดว่า การปฏิบัติอะมัลนั้นกระทำได้เพราะไม่มีคำสั่งห้าม" เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง  แต่ที่ถูกต้องและผมพยายามบอกพี่น้องอยู่เสมอก็คือ "การปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นั้นกระทำได้หากมีรากฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์(เช่น อ่านอัลกุรอาน  ซุกรุลลอฮ์  ศ่อลาวาตนะบีย์ เป็นต้น) โดยมีรูปแบบที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์"  เพราะทุกอิบาดะฮ์ต้องมีหลักฐานมาระบุรับรอง  ไม่ว่าหลักฐานนั้นจะมีข้อบ่งชี้ที่เฉพาะเจาะจงให้กระทำ  หรือมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ 

แต่กรณีที่ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่ก็คือการปฏิบัติอิบาดะฮ์โดยมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ  ซึ่งอนุญาตให้กระทำได้ในรูปแบบที่ไม่ขัดกับหลักศาสนา  นี่คือหลักการหนึ่งที่ท่านนะบีย์ยอมรับ  เป็นหลักการของซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิห์ด้วยเช่นกัน  ดังคำถามนิยามของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ที่ว่า "สิ่งที่บังเกิดขึ้นไหม่ที่ดีงามคือสิ่งที่ไม่ขัดกับอัลกุรอาน  ซุนนะฮ์  อิจญฺมาอฺ  และคำกล่าวของซอฮาบะฮ์"
ลองดูที่มักกะฮ์  ตอนที่อิหม่ามนำละหมาดช่วง 10 คืนสุดท้ายของร่อมะฎอน  อิหม่ามนำละหมาดวิติร และอ่านดุอาอฺกูนูตวิติร  ด้วยหลายบรรดาถ้อยคำดุอาอฺกูนูตที่ท่านนะบีย์ไม่เคยทำและไม่เคยอ่าน  แล้วอิหม่ามก็อ่านกุนูตเกือบครึ่งชั่วโมงทั้งที่นะบีย์ก็ไม่เคยทำแบบนี้  เพราะนะบีย์อ่านกุนูตสั้น 

ดังนั้น  การที่จะมาตั้งคำถามว่า "อย่างนี้ก็ละหมาดมัฆริบ 4 ร็อกอะฮ์ได้ซิ"  ผมขอตอบว่าไม่ได้ เพราะมันเป็นรูปแบบที่ขัดกับซุนนะฮ์  และรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีอีกพอสมควรครับ


มันทะแม่งๆตรงใหนเหรอ ก็มีหลักการรองรับอยู่ ไม่ได้คิดตามจังหวัดใจ สักหน่อย

3
:salam:
ลองดูที่มักกะฮ์  ตอนที่อิหม่ามนำละหมาดช่วง 10 คืนสุดท้ายของร่อมะฎอน  อิหม่ามนำละหมาดวิติร และอ่านดุอาอฺกูนูตวิติร  ด้วยหลายบรรดาถ้อยคำดุอาอฺกูนูตที่ท่านนะบีย์ไม่เคยทำและไม่เคยอ่าน  แล้วอิหม่ามก็อ่านกุนูตเกือบครึ่งชั่วโมงทั้งที่นะบีย์ก็ไม่เคยทำแบบนี้  เพราะนะบีย์อ่านกุนูตสั้น
----------------------------------
แต่ผมคิดว่าเรื่องยาวสั้นนั้นไม่เกี่ยวนะ เพราะอย่างน้อยท่านนบีก็เคยกระทำ
ผมจะดูที่การกระทำมากกว่าว่า ท่านศาสนทูต และซอฮาบัตเคยสั่งเคยสอนบ้างไหม ถ้าไม่ ผมว่าอยู่ห่างๆดีกว่า
เพราะที่ท่านนบีสอนมาเยอะแยะเราดันไม่ทำ แต่กลับมาคิดเองว่าอันที่เราคิดขึ้นมาใหม่นี้ดี ควรกระทำ.ผมว่าอยู่ห่างฟิตนะห์ดีกว่าครับ
 :salam:

วะอะลัยกุมุสลามเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะร่อกาตุฮ์

สิ่งที่ผมยกตัวอย่างมา  ก็เพื่อจะบอกให้ทราบว่า การเพิ่มเติมดุอาอฺกุนูตที่ท่านนะบีย์ไม่ได้ทำและไม่ได้เจาะจงสั่งนั้น  ถือว่าไม่เป็นไร  ดังนั้นถ้าหากเราไปกุบูร  แล้วไปขอดุอาอฺที่กุบูรแบบยาวๆ เกินที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกไว้  ก็ถือว่าไม่เป็นไรเช่นเดียวกัน

แต่สำหรับส่วนตัวของผมแล้ว  หากเราจำกัดเพียงแค่อิบาดะฮ์ที่ท่านนะบีย์และศอฮาบะฮ์ทำเพียงอย่างเดียวนั้นแบบเปะๆ  จะทำให้หัวใจของเราไม่ไปถึงใหน  เพราะอย่างลืมว่าเราไม่เหมือนกับนะบีย์และศอฮาบะฮ์  เนื่องจากอิบาดะฮ์ที่ศอฮาบะฮ์ทำนั้น  สมมุติว่าไม่มาก  แต่ก็มีคุณภาพเหลือเกิน  และการละหมาดหนึ่งร็อกอะฮ์ของพวกเขานั้น  อาจจะมีคุณภาพสูงยิ่งว่าการละหมาด 1000 ร็อกอะฮ์ของพวกเราปัจจุบันก็เป็นไปได้สูง  ดังนั้นเมื่อระดับอีหม่านของเราสู้ทัดเทียมศอฮาบะฮ์ไม่ได้  เราก็สมควรทำอิบาดะฮ์สุนัตให้เยอะๆ  สิ่งใดที่นะบีย์ไม่ได้กระทำ  แต่ท่านนะบีย์ได้สั่งเอาไว้แบบกว้างๆ  เราก็สมควรนำมาทำให้เยอะๆ  เพื่อชดเชยระดับอีหม่านอันอ่อนแอของเรา  และหัวใจของเราก็จะได้ผูกพันกับอัลเลาะฮ์มากขึ้น

ส่วนการคิดว่า ทำแค่ในสิ่งที่นะบีย์ทำก็พอ  ปลอดภัยดี   ผมอยากถามว่า  แน่ใจไหมว่าอิบาดะฮ์ที่ท่านทำมันปลอดภัยและมีคุณภาพเหมือนกับนะบีย์และศอฮาบะฮ์  บางทีการละหมาดหรืออิบาดะฮ์ของท่านอาจจะไม่ถูกตอบรับด้วยซ้ำไป วัลอิยาซุบิลลาฮ์  ท่านนะบีย์อิสติฆฟารวันละ 100 ครั้ง  ดีกว่าและมีคุณภาพกว่าเราอิสตัฆฟารวันละ 10000 ครั้งก็ได้และเป็นไปได้ด้วย  แต่ถ้าหากเราทำอิบาดะฮ์แบบกว้างๆ ให้เยอะ  ก็จะเป็นการดีเพื่อมาชดเชยในส่วนที่บกพร่องของเรา  ก็ยังถือบรรเทาได้บ้าง 

ดังนั้นการที่เราทำอิบาดะฮ์สุนัตแบบกว้างๆ ที่ท่านนะบีย์บอกไว้  เข้ามาเสริมด้วย  เพราะเรารู้สึกว่าเราต่ำต้อยและบกพร่องต่างหาก  เราไม่รู้สึกว่าตนเองปลอดภัยเลย


มีปุ่ม Like กดใหมครับ อยากกด Like   myGreat:

4
ญาซากุมุลลอฮูคอยร๊อน ครับอาจารย์อารีฟีน และท่านอื่น

พอดีได้อ่านไปเจอในเฟสบุค หากใครมีความรู้ภาษามลายู เก่งๆ ก็ฝากแปลให้หน่อยผมพออ่านได้เลาๆ แต่ไม่แปลไม่ได้ ที่พูดถึงสะนัด ความรู้ต่าง
โดยหัวข้อกล่าวไว้ว่า อูลามะอีหมามสี่มัสหัฟ ได้ฮารามตาม อุลามะที่ไม่มีสะนัด และซิลซีละห์  เช่น 
Imam Syafi’i ~rahimahullah mengatakan “tiada ilmu tanpa sanad” อีหม่ามชาฟีอี ร.ฮ. ได้กล่าวว่า ไม่มีความรู้โดยไม่มีสะนัด


และเมื่อได้ฟังคลิปยูทูบ อุสตาสอัซฮัร ก็มีกล่าวสั้นๆ ว่า การมีสะนัด นั้นถือเป็นซุนนะห์ .............

อ้างถึงใน http://www.facebook.com/#!/notes/yanda-mahyalil-acheh/ulama-imam-4-madzab-mengharamkan-ikut-kepada-ulama-tanpa-bersanad-dan-silsilah/291024644253606

ULAMA IMAM 4 MADZAB MENGHARAMKAN IKUT KEPADA ULAMA TANPA BERSANAD DAN SILSILAH


Nasehat Imam Malik ra berkata: “Janganlah engkau membawa ilmu (yang kau pelajari) dari ahli bid’ah; juga dari orang yang tidak engkau ketahui catatan pendidikannya (sanad ilmu); serta dari orang yang mendustakan perkataan manusia, meskipun dia tidak mendustakan hadits Rasulullah shallallahu alaihi wasallam“
 
Dalam nasehat Imam Malik ra ada 3 kriteria yang tidak boleh diambil ilmu atau pendapat atau pemahamannya yakni
1. Ahli bid'ah
2. Ulama tidak bersanad ilmu (sanad guru) atau ulama tidak bermazhab
3. Mereka yang mendustakan perkataan ulama
 
Ahli bid'ah adalah mereka yang membuat  perkara baru atau mengada-ada yang bukan kewajiban menjadi kewajiban (ditinggalkan berdosa) atau sebaliknya, tidak diharamkan menjadi haram (dikerjakan berdosa) atau sebaliknya dan tidak dilarang menjadi dilarang (dikerjakan berdosa) atau sebaliknya. Selengkapnya telah diuraikan dalam tulisan pada http://mutiarazuhud.wordpress.com/2011/11/03/
ahli-bidah-sebenarnya/
 
Sebaiknya hindari ulama tidak bersanad ilmu (sanad guru) atau ulama tidak bermazhab.  Dengan bermazhab artinya mempertahankan rantai sanad ilmu (sanad guru) dari Imam Mazhab.
 
Dalam beberapa tulisan berturut-turut, kami telah menghimbau untuk menggigit As Sunnah dan sunnah Khulafaur Rasyidin berdasarkan pemahaman pemimpin ijtihad (Imam Mujtahid) / Imam Mazhab dan penjelasan dari para pengikut Imam Mazhab sambil merujuk darimana mereka mengambil yaitu Al Quran dan as Sunnah.  Janganlah memahaminya dengan akal pikiran sendiri atau mengikut pemahaman ulama yang tidak dikenal berkompetensi sebagai Imam Mujtahid Mutlak. Hal ini telah kami uraikan dalam tulisan pada http://mutiarazuhud.wordpress.com/
2011/10/31/gigitlah-as-sunnah/ .
 
Sebaiknya kita mengambil ilmu dari mulut ulama bermazhab dan sholeh. Hal ini telah kami uraikan dalam tulisan pada http://mutiarazuhud.wordpress.com/
2011/11/02/dari-mulut-ulama/
 
Kita sebaiknya menghindari kitab ulama yang belajar sendiri dan tidak bermazhab hal ini telah kami uraikan dalam tulisan pada http://mutiarazuhud.wordpress.com/2011/11/03/
kitab-tidak-bermazhab/
 
Sanad ilmu (sanad guru) sama pentingnya dengan sanad hadits.
Sanad hadits mempertanyakan atau menganalisa dari mana matan/redaksi hadits tersebut diperoleh sampai kepada lisannya Rasulullah
Sedangkan sanad ilmu (sanad guru) mempertanyakan atau menganalisa dari mana penjelasan Al Qur’an dan As Sunnah tersebut diperoleh sampai kepada lisannya Rasulullah
 
Sanad ini sangat penting, dan merupakan salah satu kebanggaan Islam dan umat. Karena sanad inilah Al-Qur’an dan Sunah Nabawiyah terjaga dari distorsi ataupun serangan ghazwul fikri (perang pemahaman) yang dilakukan kaum kafir dan munafik atau tercampurnya dengan hawa nafsu. Karena sanad inilah warisan Nabi tak dapat diputar balikkan.
 
Ibnul Mubarak berkata :”Sanad merupakan bagian dari agama, kalaulah bukan karena sanad, maka pasti akan bisa berkata siapa saja yang mau dengan apa saja yang diinginkannya.” (Diriwayatkan oleh Imam Muslim dalam Muqoddimah kitab Shahihnya 1/47 no:32 )
 
Imam Syafi’i ~rahimahullah mengatakan “tiada ilmu tanpa sanad”.
Al-Hafidh Imam Attsauri ~rahimullah mengatakan “Penuntut ilmu tanpa sanad adalah bagaikan orang yang ingin naik ke atap rumah tanpa tangga”
Bahkan Al-Imam Abu Yazid Al-Bustamiy , quddisa sirruh (Makna tafsir QS.Al-Kahfi 60) ;  “Barangsiapa tidak memiliki susunan guru dalam bimbingan agamanya, tidak ragu lagi niscaya gurunya syetan”  Tafsir Ruhul-Bayan Juz 5 hal. 203
 

5
อัสลามุอลัยกุม วาเราะห์มาตุลลอฮ์ฮิวาบารอกาตุฮ์

อยากรบกวนถามผู้รู้ทุกท่าน หรือ ผู้อยู่ในสามจังหวัดที่พอจะทราบ คำถามมีดังนี้

๑. ไม่ทราบว่าโต๊ะครูปอเนาะแถวสามจังหวัด ปัจจุบัน เช่น ปอเนาะดาลอ หรือปอเนาะอีนๆ มีตอรีเกาะฮ์หรือไม่

๒. และหากว่ามี ไม่ทราบว่าท่านเหล่านั้นอยู่ในฏอรีเกาะห์อะไรบ้าง

เนื่องจาก เท่าที่ได้ศึกษามาบ้าง โต๊ะครูหรือผู้รู้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นแช็คดาวูด อัลฟาฏอนี หรือท่านอื่นๆ ก็มีฏอรีเกาะห์ เลยอยากสอบถามผู้มีข้อมูลเหล่านี้มาเล่าสู่กันครับ

6
:salam:ท่านผู้รู้ทุกท่าน ขุดขึ้นมาศึกษาเพิ่มเติมครับท่าน....หายไปเกือบปีไม่มีใครให้ความกระจ่างตามที่ท่าน
:salam:

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮ์และไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
ครับผม...


มาดันเพิ่มอีกคน

7
อัสลามุอลัยกุมฯ

การละหมาดโดยโพกสะระบั่นมีผลบุญ 25 เท่า การทำวันศุกร์โดยโพกสะระบั่นมีผลบุญเท่ากับ 70 การทำวันศุกร์ นี่เป็นหะดีษเมาวฺฎอฺ (เก๊) อัล-ฟะวาอิด อัล-มัจญ์มูอะฮฺ อัล-หาดีษ อัล-เมาฎูอะฮฺ ; อัช-เชาวฺกานียฺ หะดีษเลขที่ 537 หน้า 137)

อยากถามว่าพอจะมีฮาดีษอื่นอีกใหม ที่บอกถึงการได้รับผลบุญของการโพกสะระบั่น เพราะผมเคยยึดตัวบทฮาดีษนี้ เพื่ออามาลบ่อยครั้ง พึ่งรู้เองว่าเป็นฮาดีษเมาวฏอ (เก๊)

จากการถามตอบ ของอาจารย์อาลี เสือสมิง http://www.alisuasaming.com/index.php/webbord/32--/1908

8
สลาม

พอดีว่าผมไ่ม่ค่อยได้เข้ามาเว็บนี้สักพัก

ไม่ทราบว่าท่าน นูรู้ลอิสลาม หายไปใหนครับ

ปกติท่านจะมาให้ความรู้บ่อยๆ

พอจะมีใครตอบได้ใหมครับ

วัสลามฯ

9
จากกระทู้ http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,3255.15.html ที่เรายกไป

เป็นการเสวนากันว่าบางตำรากล่าวว่าดัจญาลเป็นคน...บ้างก็บอกว่าดัจญาลเป็นคอมพิวเตอร์เป็นชาวตะวันตก

ก็เลยเอารูปมาให้ดู

อ้างอิงจากwww.muslimthai.com

เด็กแรกเกิด มีตาข้างเดียว ถูกกล่าวหาว่าเป็นดัจญาลมาเกิด









ภาพนี้ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์และฟอร์เวิร์ดต่อๆกัน เป็นที่โจษจันว่าเป็นดัจญาล ข้อเท็จจริงคือเด็กคนนี้เกิดมามีความผิดปกติของร่างกายเท่านั้น ในหน้าแผ่นดินนี้มนนุย์ที่มีตาเดียวไม่ได้มีคนเดียว



ชายชาวปากีสถานมีตาข้างเดียว

...

ยังคงเป็นปริศนาต่อไป





โห่ๆๆๆ ภาพสุดท้ายน่ากลัวจริงๆ

10
สลาม

ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆจะเจออย่างผมใหม เวลาเปิดหน้าเว็บแรก ตรงกระดานสนทนา จะปรากฏเป็นตัวอักษร ที่อ่านไม่ออก
ดังนี้

เธธเน‚เธšเธฃเธ‚เธญเธ‡เธ—เนˆเธฒเธ™เธ™เธšเธตเธกเธนเธ‹เธฒ เธญเธฐเธฅเธฑเธขเธฎเธดเธชเธชเธฅเธฒเธก เธ•เธฑเน‰เธ‡เธญเธขเธนเนˆเธ—เธตเนˆเนƒเธ” ?? เน‚เธ”เธข

รบกวนผู้ดูแลเว็บ ช่วยแ้ก้ไข หน่อยนะครับ

วัสลามฯ

11
สลาม

   ;D กระผมไม่ได้มีเป้าหมายจะตำหนิ อันใด  กระผมเองก็ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่มีความสนใจ เนื้อหา อยากอ่านที่น้องเขาแปลนะ แต่พออ่านๆแล้วรู้สึกตะหงิดๆ เลยเสียดาย ถ้าหากเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาการความก้าวหน้าในสาขาอื่นๆ ก็คงจะดีไม่น้อย จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้น
    และเนื่องจาก เป็นเนื้อหาทางศาสนา ซึ่งตัวกระผมเองมีความคิดเห็นส่วนตัวว่า น่าจะแปลจากข้อมูลปฐมภูมิ (เล่มภาษาอาหรับ) ไม่ควรจะแปลจาก ข้อมูลทุติยภูมิ (เล่มภาษาอังกฤษ) เพราะไม่รู้ว่าจะมีความคลาดเคลื่อนหรือไม่อย่างไร ทำให้รู้สึกลดความน่าเชื่อถือทางวิชาการ ทั้งๆที่ เนื้อหาน่าสนใจมากๆ
    ต้องขอโทษด้วยครับ ถ้าหากคำพูดใดๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

วัสลามฯ

12
สลาม

งง ครับ ทำไมต้องแปลจากภาษาอังกฤษด้วยครับ

บางทีแปลผิดนะ

วัสลามฯ

13
:salam:

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮและไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา

อัสลามุอลัยกุมฯ

ถ้าหากไม่เป็นการรบกวนอาจารย์อารีฟีน หรือ ผู้รู้ท่านอื่นๆ อยากให้อธิบายขยายความข้อความหนาข้างบนด้วย จะขอบพระคุณอย่างมากครับ

วัสลามฯ


14
สลาม

บางครั้ง บางสิ่งบางอย่างก็ต้องเลือกเอาสิ่งที่ไม่ทำให้ สงสัย

วัสลาม


15
อัสลามุอลัยกุม

ขอบคุณครับที่ท่านอาจารย์อัชอารีย์ ช่วยได้อธิบายเนื้อหาในหนังสือเพิ่มเติมและก็ผู้รู้ท่านอื่นๆ ที่ได้อธิบาย

ส่วนตัวกระผมก็ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นยังงัยเหมือนกัน

รออ่าน ได้อย่างเดียว

วัสลามมุอลัยกุมฯ

หน้า: [1] 2 3 ... 16