แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - กอ-กล้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 24
1
 :salam:

อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่า มัสยิดทั้ง 13 แห่งดังกล่าว มีที่ไหนบ้างคะ


ปัญหายาเสพติดกับเยาวชนมุสลิมถือเป็นปัญหาเรื้อรังที่ควรดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อินชาอัลลอฮฺ

3
สมัยทำงานเมื่อนานมาแล้ว ก๊ะก็เคยประสบแบบโยเช่นกัน เข้าใจและเห็นใจอย่างยิ่ง

ขอบคุณน้องครูจิรงใจ สำหรับลิงก์ และขอบคุณเยาะห์หมัด สำหรับฮาดีษ ที่เอามาลง ญาซากุมุลลอฮุค็อยรอน

ป.ล. แอบฮาเยาะห์หมัดอ่ะ ^^

4
เกษตรแฟร์ปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ นี้จ้า ^^


กล้วยไม้ในรูปมันมีประวัติน่ะ 
เป็นกล้วยไม้ที่ กอ-กล้วย เลือกซื้อให้ แล้วส่งมาทางไปรษณีย์  เรียกว่า สมบุกสมบัน กว่าจะมาถึงบ้าน
เหมือนว่าจะครบกำหนดงานเกษตรแฟร์ อีกรอบแล้วหรอ?
แต่รอบนี้ ขอต้นไม้พันธ์ใหญ่ๆ ประมาณ หมากแดง อะไรแบบนี้นะจ๊ะ กอ-กล้วยจ๊ะจ๋า hehe


เอางั้นเลยหรอ แล้วหมากเหลือง ปาล์มขวด สนมั้ย ?  wink:

กล้วยไม้ที่กอ-กล้วยซื้อมาพร้อม ๆ กับของ al-firdaus~*  ตอนนี้เฉาตายไปแล้วหนึ่ง ส่วนอีกต้น กำลังเข้าสู่โหมดเฉา สงสารมันอ่ะ ไม่น่าซื้อมาทรมานมันเลย  :o

5
ขออัลลอฮฺทรงเมตตาเยาะห์หมัดให้หายไว ๆ เพื่อรับใช้อิสลามได้นาน ๆ อามีน ยาร็อบ  loveit:

ปล. แอบขอเรียกเยาะห์หมัดนะคะ ^^'

6
"Dream World"

     อยู่ใกล้ห้องน้ำ แถว ๆ บริเวณ 4D มีที่อาบน้ำละหมาดพร้อมแอร์เย็นฉ่ำ แต่ไม่มีโสร่งและตะละกงให้นะคะ  ;D






ที่อาบน้ำละหมาดไม่แยกชาย-หญิง


แอร์เย็นฉ่ำ  cool2:

ป.ล. อามีน ช่วยแก้ขนาดภาพให้หน่อย ป้าทำไม่เป็น ><" แก้แล้ว



7
 :salam:

         เป็นข้อมูลที่ได้มาจากรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ในโรงงานผลิตเบียร์ยี่ห้อหนึ่งคะ น้องเขาบอกมาว่า

"เบียร์ไร้แอลกอฮอล์" มีกระบวนการผลิตเหมือนการผลิตเบียร์ทั่วไป คือ ใช้จุลินทรีย์ในการหมักวัตถุดิบเริ่มต้น ในที่นี้คือ malt น้ำตาล หรือแป้ง เพื่อใช้สำหรับการเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวน โดยจะผลิตแอลกอฮอล์ (ethanol) ออกมา เป็นผลได้ (finish product) หลังจากนั้นจึงทำการกำจัดแอลกอฮอล์ออกมา โดยมีด้วยกันสามวิธีให้เลือก คือ
         1. นำไปให้ความร้อนเพื่อระเหยแอลกอฮอล์ออกไป อาศัยความต่างของจุดเดือด
         2. กรองด้วยตัวกรอง (Filter) แล้วให้ความร้อน
         3. ใช้หลัก Freeeze dry อาศัยจุดเยือกแข็งที่แตกต่างของแอลกอฮอล์กับน้ำ

นิยามเบียร์ Low หรือ No Alcohol beer คือยังมี Alcohol อยู่แต่น้อยมากประมาณ 0.05-0.5 ABV (alcohol by volume)


บางครั้งบางที อาจเรียก Malt Drink หรือน้ำต้มมอล์ท  oh:

วัสสลามุอะลัยกุม

8
หากเป็นกรณีที่ 1 ในช่วงที่สีหรือสารอย่างอื่น เช่น กาวตราช้าง ยังติดอยู่ การละหมาดของเราที่ผ่านมาจะต้องชดใหม่ (กอฎอ) ด้วยใช่มั้ยคะ

9
ใช่สิ เรามันคนไม่มีใครต้องการนิ

กด like  ^^

10
 :salam:

หากในช่วงวันดังกล่าวเกิดมีประจำเดือน เราสามารถเนียตถือศีลอดสุนัตนี้ถัดไปจากวันดังกล่าวได้หรือไม่คะ ??

รบกวนพี่น้องช่วยให้ความรู้ ความกระจ่างด้วยคะ

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีงามคะ

วัสสลามุอะลัยกุม

11
บทความ / "186=2"
« เมื่อ: ธ.ค. 09, 2010, 09:49 PM »
        บ้านชั้นเดียวเก่าคร่ำคร่าจวนถึงคราจะผุพังไปตามกาลเวลา มุงหลังคาสังกะสีเพิงหมาแหงน ในดินแดนชานเมืองกรุงเทพมหานคร


"ป๊ะจ๊ะ .. ป๊ะจ๊ะ.. เรานับถือศาสนาอะไรจ๊ะ"ฮาบีบะห์ หนูน้อยวัย 9 ขวบเศษ เอ่ยถามพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ ขณะที่กำลังขะมักเขม้นในการทำการบ้านวิชาภาษาไทย
 

"เราเป็น มุสลิม ก็ต้องนับถือศาสนาอิสลามสิ ... เออ ! นั่นแหละ ๆ ยิงเข้าไปเลย เออ ! ต้องอย่างงั้นสิวะ" ผู้เป็นพ่อวัย 47 ปี ตอบคำถามลูกสาวในขณะที่ตนเองก็กำลังนั่งดูฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศทางจอสี่เหลี่ยม 15 นิ้ว อย่างขะมักเขม้นเช่นกัน


"ออ..อ่าง สระ..อิ สอ..เสือ ลอ..ลิง สระอา มอ..ม้า"ฮาบีบะฮฺเขียนคำว่า 'อิสลาม' ลงไปในบรรทัดที่เธอเว้นว่างไว้


"ป๊ะ ๆ แล้วอิสลามเนี่ยต้องทำอะไรบ้างล่ะในแต่ละวัน" ฮาบีบะห์ถามพ่อของเธอต่อไป


"ละหมาด ไง โหย...เล่นไรของมันวะ ไม่ได้เรื่องเลย ศูนย์หน้ามันควายจริง ๆ" พ่อยังคงตอบคำถามอย่างลวก ๆ พร้อมกับการนั่งดูฟุตบอลด้วยความขะมักเขม้นต่อไป


"ลอ..ลิง สระอะ หอ..หีบ มอ..ม้า สระอา ดอ..เด็ก" ฮาบีบะห์สะกดคำเขียนตามคำบอกจากพ่อ


"แล้วละหมาดต้องทำไงบ้างล่ะคะป๊ะ" เป็นอีกครั้งที่ฮาบีบะห์ดึงชายเสื้อของพ่อ และถามคำถาม ... แต่ครั้งนี้พ่อหันมาหาเธอด้วยแววตาดุดันและจริงจัง


"มัน จะถามอะไรนักหนาวะ ถามอยู่ได้ คนจะดูบอล กวนประสาทจริง ๆ ไปไกล ๆ เลยไป ไปถามมะแกโน่นนั่งอยู่โน่น รำคาญ ไป๊ !" ท่าทางของพ่อดูจะไม่สบอารมณ์นัก สงสัยว่าฟุตบอลคืนนี้จะไม่สนุกแล้วกระมัง
 

"ไปถามมะตอนกินเหล้าเนี่ยนะ ไม่เอาหรอกจ้ะ ป๊ะเห็นตุ่มที่แตกอยู่หน้าบ้านรึเปล่าล่ะ นั่นแหละฝีมือมือมะ เมื่อวานซืนหนูแค่เดินผ่านแก แต่แกไม่รู้เป็นอะไรเมาอาละวาดไล่ตีหนู จนหนูต้องวิ่งหนีลงไปแอบในตุ่มหน้าบ้าน แต่มะจับได้แกก็ขว้างสากมาโดนตุ่มแตกเลย" ฮาบีบะห์สาธยายวีรกรรมของแม่ให้พ่อฟังอย่างละเอียด คงเป็นเพราะว่าเธอเข็ดเสียเหลือเกินในเวลาที่แม่กระดกน้ำเมาเป็นขวดๆ "เออ ! เรื่องของแก ไป ๆ คนจะดูบอล" พ่อก็ยังคงสนใจฟุตบอลสุดที่รักมากกว่าลูกสาวสุดที่รักอยู่ดี ฮาบีบะห์ตัดใจวางดินสอลง และทิ้งกระดาษการบ้านของเธอไว้เพียงเท่านั้น



..................................................

 

เช้าวันรุ่งขึ้น
 

"รัชนีกร ! ทำไมการบ้านของเธอถึงไม่เสร็จ ออกมาหาครูเดี๋ยวนี้" คุณครูวัยกลางคนยืนอยู่หน้ากระดานดำ มือขวาถือไม้เรียวก้านยาว ๆ กระดิกขึ้นลงเป็นจังหวะ หล่อนใส่แว่นตาหนาเตอะตามแบบฉบับหลักสูตรครูภาษาไทยเป๊ะ .. ฮาบีบะห์เดินออกไปหาคุณครูด้วยท่าทางหวาดกลัว พร้อมกับตาบวม ๆ ที่แอบร้องไห้มาอย่างหนักเพราะน้อยใจพ่อเมื่อคืนนี้
 

"คะ....คะ...คือ หนู...หนูไม่รู้จะเขียนยังไงต่อค่ะ" ฮาบีบะห์ตอบคำถามไม่เต็มปากเต็มคำนัก
 

"ครูให้เธอเขียนเรียงความหน้าเดียวแค่นี้ เธอเขียนมาสองบรรทัดเนี่ยนะ มันจะยากอะไรนักหนา ดูคนอื่นสิ เขายังเขียนได้สองสามหน้าด้วยซ้ำไป" คุณครูตวาดลูกศิษย์ตัวน้อยเสียงเขียว ซ้ำเพื่อน ๆ ในห้องต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยเธอ

 
"คือ...หนูไม่รู้ว่าละหมาดทำยังไงค่ะ" ฮาบีบะห์ตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า
 

"ละหมาด หรอ ? อ๋อ..ที่อิสลามเขาทำกันใช่มั้ย อ้าว ! แล้วนี่เธอเป็นอิสลามเธอละหมาดไม่เป็นหรือไง พ่อแม่เธอไม่สอนให้เธอหรอ อีกอย่างนะถ้าเธอเขียนเรื่องนี้ไม่ได้แล้วเธอจะเขียนทำไมล่ะ เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นสิ ครูไม่ได้บังคับเธอซะหน่อย" คุณครูคนเดิมตวาดฮาบีบะห์ด้วยเสียงเขียวอีกครั้ง


"ก็...หนูเห็นชัยยุทธเขาเขียนเรื่อง 'ศาสนาของฉัน' หนูก็อยากเขียนบ้างค่ะ"และแล้วความไร้เดียงสาของฮาบีบะห์ก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เธอตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ และเธอก็จงใจจะส่งมันทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสร็จ

 
"แปลกคนจริง ชัยยุทธจะเขียนก็ให้เขาเขียนไปสิ คราวหน้าคราวหลังก็เปลี่ยนเรื่องอื่นซะถ้าเขียนไม่ได้ จำไว้นะ แต่วันนี้ครูต้องลงโทษเธอด้วยการตี 3 ทีเป็นไง จะได้จำเป็นบทเรียน" ฮาบีบะห์โดนไม้เรียวก้านยาว ๆ ฟาดที่มือเล็ก ๆ ไปสามทีจนบวมพอ ๆ กับตาทั้งสองข้าง ฮาบีบะห์หยิบกระดาษเรียงความแผ่นนั้นกลับไปนั่งข้าง ๆ ชัยยุทธ
 

"นิ้ง .. ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวทีหลังถ้าอยากรู้อะไรมาถามเราก็ได้ เดี๋ยวบอกให้" ชัยยุทธหรือยูซุฟเพื่อนซี้ปึ้กเรียกชื่อเล่นของฮาบีบะห์อย่างสนิทสนมและปลอบใจเพื่อน เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับ โดยที่มือขวายังคงกำกระดาษเรียงความไว้แน่นจนยับยู่ยี่และมันก็ย่นเปื่อยจากหยดน้ำตา ... เธอนั่งก้มหน้ามองมือซ้ายที่เพิ่งถูกคุณครูตีเป็นรอยแดง ๆ อย่างเจ็บปวด

 

...........................................


 
      เวลาเลิกเรียน ที่นักเรียนหลาย ๆ คนต่างมีความสุขยิ้มร่าเริงเบิกบานกันทั่วหน้า
 

ยูซุฟเดินกลับบ้านทางเดียวกับฮาบีบะห์

 
'อัลลอฮุอักบัร ... อัลลอฮุอักบัร .......'

 
"อะซานแล้ว ... ป่านนี้ป๋าเตรียมตัวไปละหมาดอยู่แน่ ๆ เลย" ยูซุฟ พูดขึ้นมาอย่างรีบร้อน

 
"เสียงนี้เราได้ยินทุกวันเลย เสียงอะไรนะ แล้วเมื่อกี้ได้ยินว่าละหมาด อะไรหรอ" ฮาบีบะห์ยิ้ม ทำตาโต ที่ได้ยินคำว่า 'ละหมาด'
 

"เดี๋ยวไว้เราค่อยบอกพรุ่งนี้นะไปก่อนนะ ป๋ารอละหมาดอยู่" ยูซุฟรีบกุลีกุจอวิ่งกลับบ้าน ทิ้งให้ฮาบีบะห์ยืนงงอยู่คนเดียว


"พรุ่งนี้ ๆ เหมือนป๊ะอีกคนแล้ว เมื่อไหร่จะได้รู้เนี่ย" ฮาบีบะห์ชักสีหน้าเบื่อหน่าย

 

...........................................

 

      บ้านเก่าคร่ำคร่าหลังเดิม ๆ ที่มีวิถีชีวิตเดิม ๆ 3 ชีวิต ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ รอบนับครั้งไม่ถ้วน


 ฮาบีบะห์เป็นเด็กวัย 9 ขวบ ที่ต้องแบกรับภาระแทนแม่ของเธอไปเสียทุกอย่าง ก็พวกงานบ้านงานเรือนที่เด็กคนอื่น ๆ คงไม่เคยแตะแม้สักครั้งเดียว


"ป๊ะ จ๊ะ .. บรี้สหมด หนูจะซักผ้า ขอตังค์ออกไปซื้อหน่อยจ้ะ" และแม้แต่การออกไปจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นนอก บ้านซึ่งเป็นภาระที่เธอต้องรับผิดชอบเอง
 

"อะไรวะ ! เพิ่งให้ไปไม่นานหมดแล้ว ใช้ให้มันประหยัด ๆ หน่อยสิ ... อ่ะเอาไป วันนี้พ่อจะกินผัดกะเพรา แกทำให้ด้วยนะ" ฮาบีบะห์รับเหรียญสิบบาทจากพ่อ "จ้ะ" และวันนี้พ่อก็ยังคงนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์หลังกลับจากที่ทำงานเช่นเคย

 

...........................................

 

      ร้านของชำ 'เจ๊เล้ง' หน้าปากซอย ที่ไม่ค่อยมีคนเข้าร้านนัก คงเป็นเพราะร้านสะดวกซื้อของพวกฝรั่งมาเปิดอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแย่งลูกค้าไปหมด


'อัลลอฮุอักบัร ... อัลลอฮุอักบัร .......' เสียงอาซานจากลำโพงดังขึ้นบอกเวลามัฆริบ


"เสียง นั่นไง ... ใช่แล้ว ๆ เหมือนที่โรงเรียนเรียนเลย เหมือนที่ชัยยุทธบอกด้วย เราจำได้"ฮาบีบะห์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นระคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่ อยู่


"อาหมวย นี่ของ ๆ ลื้อ 10 บาท ไหนเงินล่ะ มีมั้ยเนี่ย" เจ๊เล้งเจ้าของร้านส่งถุงผงซักฟอกให้ฮาบีบะห์ พร้อมกับพูดจาด้วยน้ำเสียงเชิงดูถูก


"นี่ค่ะ 10 บาท เอ่อ .. เจ๊จ๊ะ เสียงนั่นมาจากไหนหรอจ๊ะ" ฮาบีบะห์ส่งเงินให้เจ๊เล้งและอดไม่ได้ที่จะถามถึงที่มาของเสียงที่คุ้นหูเสียงนั้น


"โอ๊ย ! เสียงร้องอะไรไม่รู้ของอ้ายพวกแขก วัน ๆ นึง มันจะร้องกังทำไมไม่รู้ตั้ง 5 ครั้ง ไอ้หยา ! อั๊วล่ะรำคาญเจง ๆ มันอยู่ถัดซอยนี้ไปสองซอย แต่มันก็ดันมาติดลำโพงแถวนี้อีก พูดเรื่องนี้ทีไรปวดหัวทุกที ลื้อก็รีบ ๆ กลับบ้านไปได้แล้ว อั๊วจะปิดร้าน วันนี้หมดอารมณ์ขาย ไป ๆ" วันไหนที่เจ๊เล้งอารมณ์เสียเป็นอันว่าต้องปิดร้านทุกที ร้านฝรั่งเลยได้กำไรจากลูกค้าขาประจำของแก แล้วบางรายก็พลอยติดใจไม่มาร้านแกอีกเลยก็มี


"ซอย 58 หรอ" ฮาบีบะห์ยิ้มที่ได้ข้อมูลจากเสียง ๆ นั้นสมใจ เธอเดินออกจากร้านไป แต่ทว่า ... ทางที่เธอเดินนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้านแล้วเธอกำลังจะไปไหนกันนะ

 

...........................................

 

      ฮาบีบะห์เดินไปจนกระทั่งเสียงที่เธอเคยได้ยินจบลง และสักครู่หนึ่งก็มีเสียงแปลก ๆ เข้ามาแทนที่


'อัลลอฮุอักบัร .. อัลฮัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน...'


เสียงนั้นฟังถนัดหูขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสองเท้าของเธอพาเธอมาหยุดที่หน้ามัสยิดแห่งหนึ่ง


"แปลก จังมีเสียงแบบนี้ด้วย" หัวใจของฮาบีบะห์เต้นเป็นจังหวะเร็วถี่และแรงจากความเหนื่อยล้าที่เดินมาไกล และความตื้นเต้นดีใจที่ได้มาเจอต้นเสียงที่เธออยากรู้


"นี่ หนู..มายืนทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าสุเหร่า ไม่ละหมาดหรือไงจ๊ะ เดี๋ยวพระเจ้าลงโทษนะ ถ้าไม่เข้าไปก็อย่ามายืนขวางหน้าประตูสิจ๊ะ มีคนเขาจะเข้าจะออก" หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง แต่งชุดสีขาว ๆ ที่มีหมวกคลุมหัวเหมือนตอนที่ฮาบีบะห์ใส่เวลาฝนตก แตกต่างกันที่ผ้าแบบนี้ไม่กันฝนและคงไม่ใส่ตอนฝนตกแน่ ๆ


"ละหมาดหรอคะ ! มุสลิมต้องละหมาดหรอคะ " ฮาบีบะห์ยังคงปิดอาการตื่นเต้นไม่มิด


"อ้าว.... ใช่สิจ๊ะ เป็นมุสลิมมาสุเหร่าก็ต้องละหมาด เดี๋ยวป้าเข้าไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวไม่ทันเขา" หล่อนบอกกับเด็กน้อยอีกครั้งและเดินเข้าไปยืนในแถวที่มีแต่ผู้หญิงแต่งตัวเหมือนกับหล่อนเต็มไปหมด และพวกผู้ชายที่ใส่หมวกทรงประหลาดยืนข้างหน้า ใส่ผ้าอะไรสักอย่างเหมือนผ้าขาวม้าของป๊ะ ทำท่าก้ม ๆ เงย ๆ ฮาบีบะห์ยิ้มและยืนมองคนทั้งหมดผ่านทางเหล็กดัดซึ่งทาสีสวยงามหน้าประตูมัสยิด


'อัสลามมุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ' เสียงให้สลามครั้งสุดท้ายดังขึ้น


ฮาบีบะห์ยังคงยืนมองอย่างไม่วางตา แต่เธอก็ต้องสะดุ้งขึ้นจากการสะกิดของใครบางคน"นี่ หนู ไม่เข้าไปละหมาดจริง ๆ ด้วย ถ้างั้นก็รีบกลับบ้านซะ ถ้าวันหลังมาใหม่เข้ามาละหมาดนะ พระเจ้าจะประทานสิ่งดีดีให้ กลับเถอะจ้ะฝนตั้งเค้าจะตกแล้ว ค่ำแล้วด้วยนะ" ฮาบีบะห์เงยหน้ามองฟ้า เธอตกใจมากที่ท้องฟ้ามืดลงไม่เป็นสีฟ้าแล้ว เธอรีบวิ่งกลับบ้านด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวลบางอย่าง

 

...........................................

 

      เด็กน้อยรีบวิ่งกลับเข้ามายังบ้านเก่าคร่ำคร่าเปียกปอนไปด้วยสายฝนบาง ๆ


"แก ไปไหนมา ป๊ะกับมะยังไม่ได้กินข้าวเลยรอแกทำอยู่เนี่ย หายไปไหนมามืด ๆ ค่ำ ๆ หนีไปเที่ยวมาใช่มั้ย ดีเลย ... โดนก้านมะยมหน่อยดีกว่าให้มะแกตีโน่นแสบดี ทีหลังจะได้ไม่ทำ"พ่อของฮาบีบะห์ขึ้นเสียงใส่ลูกสาวพร้อมกับดึงแขนเธออย่างแรงจนถุงผงซักฟอกหล่นจากมือ


เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น "ป๊ะ..หนูไม่ได้ไปเที่ยวนะ หนูไปซื้อของแล้วทีนี้หนู..." ฮาบีบะห์พูดไม่ทันจบประโยคดี ก้านมะยมก้านแรกก็บรรเลงลงกระทบกับผิวหนังอันบอบบางของเธอ


"มะ..หนู ไม่เอาแล้ว หนูไม่ทำแล้ว โอ๊ย ! มะอย่าตีหนู ฮือ... มะอย่าตีหนู" ฮาบีบะห์แสนเจ็บปวดมากกว่าตอนที่คุณครูตีเธอเสียอีก เพราะฤทธิ์สุราทำให้แม่ของเธอใช้กำลังสุดแรง จนขาของฮาบีบะห์เป็นแนวไปหมด


"สมน้ำหน้านัก เอามันให้หนัก จะได้รู้จักจำ" ... วันนี้เป็นวันที่ฮาบีบะห์ต้องเจ็บปวดที่สุดในรอบสัปดาห์ก็ว่าได้ ทั้งที่โรงเรียน ทั้งที่บ้าน ... ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ และเป็นอีกคืนหนึ่งเธอต้องนอนทั้งน้ำตา

 

...........................................

 

      เช้าวันต่อมา


ฮาบีบะห์มาโรงเรียนตาบวมเหมือนเมื่อวาน และชีวิตของเธอก็ถูกฉายขึ้นแบบเดิม ๆ อีกครั้ง ... แต่ วันนี้เธอได้ยินเสียงอะซานในเวลากลางวัน ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยได้ยิน หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับสิ่งนี้กระมัง


'มุสลิมต้องละหมาด'


'ไม่ละหมาดพระเจ้าลงโทษ ถ้าละหมาดจะได้สิ่งดีดี'


เธอนึกในใจถึงคำพูดของคุณป้าหน้ามัสยิดคนนั้น เธอคิดว่าที่เธอโดนตีเพราะเธอยังไม่ละหมาดนี่เอง และพลอยนึกถึงเจ๊เล้งเมื่อวานทันที


'วัน ๆ นึง มันจะร้องกังทำไมไม่รู้ตั้ง 5 ครั้ง'


ฮาบีบะห์ยิ้มและแววตาฉายแววแห่งความหวังอีกครั้ง เธอรู้มาแล้ว 3 เวลานี่หน่า "นี่ๆ ยูซุฟ เขาละหมาดกัน 5 เวลา เวลาไหนบ้างหรอ" ฮาบีบะห์ถามยูซุฟที่นั่งข้าง ๆ


"อ้าว...ไม่รู้หรอ เดี๋ยวบอกให้ เราจะละหมาด ช่วงแรกตอนนี้ก็ประมาณตีห้า แล้วก็ตอนประมาณเที่ยงกว่า ๆ เมื่อกี้ไงที่เราได้ยินเสียงอะซานไป แล้วก็ตอนที่เราเลิกเรียนเธอคงจำได้ แล้วก็ตอนเย็น ๆ หน่อยหกโมงได้มั้ง แล้วก็สุดท้ายตอนประมาณสักเกือบ ๆ สองทุ่มน่ะ"


ฮาบีบะห์ยิ้มให้ยูซุฟ "ขอบใจมากนะ"


วันนี้ เธอกลับมาบ้านด้วยสีหน้าระรื่นผิดปกติ แต่เธอก็ยังคงปฏิบัติตัวเหมือนเช่นเคย ทำงานบ้านทุกอย่างแล้วก็เข้านอน ... สิ่งที่แปลกไปนอกจากรอยยิ้มก็คือ ก่อนนอนเธอหยิบสมุดเล่มใหม่เล่มหนึ่งและดินสอแท่งใหม่ที่บรรจงเหลาไว้อย่าง ดีออกจากลิ้นชักหัวนอน นี่เป็นสมุดที่พ่อให้เธอในวันที่พ่อได้เงินเดือนครั้งแรก เธอวางสมุดไว้ข้าง ๆ ตัวอย่างทนุถนอม เธอตั้งนาฬิกาปลุก แล้วก็ผล็อยหลับไป

 

...........................................

 

      เช้ามืดวันนี้ ฮาบีบะห์ลุกขึ้นจากที่นอนในเวลาตีสี่ครึ่ง ซึ่งปกติแล้วเธอจะตื่นขึ้นมาในตอนตีห้าครึ่งของทุกวัน วันนี้เธอคงอยากจะไปโรงเรียนเช้ากว่าปกติ ที่โรงเรียนต้องมีอะไรดีดีแน่ ๆ


แต่ กลับไม่เป็นอย่างนั้น ฮาบีบะห์ไปถึงโรงเรียนเกือบจะสาย ทั้ง ๆ ที่เธออกจากบ้านเวลานั้นเธอจะต้องมาถึงเร็วกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ และฮาบีบะห์ก็ทำเช่นนี้จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป 3 เดือนเศษ


... ค่ำคืนหนึ่ง ที่บ้านเก่าคร่ำคร่าหลังนี้ "แกเอาผ้าขาวม้าป๊ะไปเล่นทำไมวะ เอามานี่ ซนจริงๆเลย เดี๋ยวก็ให้มะแกตีซะอีกหรอก ไม่โดนมานานนี่" พ่อของฮาบีบะห์กระชากผ้าขาวม้าจากศีรษะของเธอ แต่เธอก็ยังคงยืนด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดวงตาสองดวงจ้องไปบนพื้นว่างเปล่าเบื้องล่าง
 

"อัลลอฮุอักบัร.." ฮา บีบะห์กล่าวถ้อยคำบางอย่างขึ้น พร้อมกับยกมือทั้งสองบรรจงกอดอกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมต่อไป และนั่นทำให้ชายคนเมื่อครู่ต้องหันกลับมามองผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของเขา

 
"อัลฮัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน..."ฮาบีบะห์กล่าวข้อความต่อด้วยเสียงดังฟังชัด ถึงแม้สำเนียงของเธอจะฟังดูแปลกหูไปบ้างก็ตาม


"อัรเราะฮฺมานิรเราะฮีม.."หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งเริ่มเปิดขวดน้ำเมาหยุดค้างท่าทางของหล่อนไว้ราวกับถูกกด stop จากเครื่องเล่นวีดีโอ
 

"มาลิกิเยามิดดีน.." หญิงคนนั้นหันกลับไปมองผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของเธอ
 

"อียยากะนะอฺบุดุว่ะอียยากะนัซตะอีน" ชายผู้เป็นพ่อหันกลับมามองกล่องสี่เหลี่ยมจอ 15 นิ้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ... เขากดปุ่มของมันให้ดับลงด้วยปลายนิ้วชี้ของเขาเอง "อิฮฺดินัซซิรอต้อลมุซตะกีม.." ชาย คนดังกล่าวลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวโปรดที่เขาเองก็ไม่เคยลุกเลยในทุกวันหลัง จากกลับมาถึงบ้าน ... เขาเดินตรงไปยังก๊อกน้ำหน้าบ้าน บรรจงอาบน้ำละหมาดอย่างดี และน้ำสามารถชะล้างน้ำตาบางส่วนบนใบหน้าของเขาได้ ... หญิงผู้เป็นแม่วางขวดน้ำทิพย์ของหล่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วลุกขึ้นมายืนข้างหลังสามีเพื่อรอการชำระล้างอวัยวะต่าง ๆ บนร่างกายเธอ นี่เป็นช่วงเวลาที่ .... ไร้บทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่

 

ชายผู้เป็นพ่อเดินไปยังตู้ไม้เก่า ๆ ข้างครัว ที่คนทั้งบ้านไม่ได้แตะต้องมันมานับปีแล้ว เขาเปิดมันออกและหยิบผ้าปูละหมาดพร้อมกับโสร่งผืนเก่าที่ยังแลดูเหมือนใหม่ออกจากตู้ และมองดูมันสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะสวมใส่..หญิงผู้เป็นแม่เองก็เช่นกัน หล่อนหยิบชุดละหมาดสีขาวสะอาดตาที่เหมือนกับคุณป้าคนนั้น คนที่ฮาบีบะห์เจอครั้งแรกที่มัสยิด ... หล่อนสวมใส่อย่างช้า ๆ


"อัสลามมุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ..." เสียงให้สลามครั้งสุดท้ายในละหมาดของฮาบีบะห์ดังขึ้น


พ่อเดินเข้าไปลูบศีรษะฮาบีบะห์ เขาอุ้มลูกสาวสุดที่รักไปนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา แล้วจึงไปยืนตรงที่เดียวกับที่ลูกสาวของเขาละหมาดเมื่อสักครู่ แม่มายืนอยู่ข้างหลังพ่อ ฮาบีบะห์นั่งมองด้วยรอยยิ้ม
 

"อัลลอฮุอักบัร.." ................ "อัสลามมุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ..." สิ้นเสียงการให้สลามครั้งสุดท้าย น้ำตาของชายชาตรีก็ไหลรินลงอาบแก้ม หญิงอีกหนึ่งคนก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองยกมือขึ้นระดับอก


"ยา...อัล ลอฮฺ บ่าว.....บ่าว... ขออภัยโทษต่อพระองค์ ... ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ...บ่าวผู้ต้อยต่ำ ... ขอให้พระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ในสิ่งที่ได้กระทำลงไป.."


เขาหยุดสะอื้นไห้สักครู่หนึ่ง


"...บ่าว... ซาบซึ้งและ ขอบคุณเหลือเกิน...ใน....ในความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ทรงประทานผู้เป็นที่รักยิ่ง....แก่ข้าพระองค์ ให้....ให้เขามาเปิดหัวใจ และขอพระองค์ทรงประทานทางนำที่เที่ยงตรงแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด อามีน.." หากใครผ่านมาได้ยิน เสียงสั่นเครือนี้คงจะสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ พ่อเอามือลูบหน้าปาดน้ำตาของเขาออก


"อัชฮะดุอัลลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัรร่อซูลุลลอฮฺ.."เสียงขอแม่ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา
 

"ฉัน ขอสาบานว่าไม่มีพระ เจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺและนบีมูฮัมหมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ .... ในครั้งนั้นฉันกล่าวด้วยกับร่างกายของฉัน" อันที่จริงแล้วแม่ของฮาบีบะห์ เป็นบุคคลที่เข้ามารับอิสลามหลังจากที่แต่งงานกับพ่อ
 

"แต่ใน ครั้งนี้ฉันขอสาบานด้วยกับจิตวิญญาณของฉัน ... ฉันไม่เคยเป็นมุสลิมที่ดี ฉันไม่เคยเป็นภรรยาที่ดี ฉันไม่เคยเป็นแม่ที่ดี" เธอสะอื้นไห้ น้ำตาของบ่าวผู้สำนึกกำลังไหลรินอย่างไม่หยุด


"โอ้...พระเจ้าของฉัน ขอพระองค์ทรงเมตตาฉันและให้อภัยโทษในสิ่งที่ฉันได้กระทำด้วยเถิด"ความรู้สึกดีใจ รู้สึกละอายใจ รู้สึกขอบคุณ ได้บังเกิดแก่คนทั้งสอง ณ เวลานี้ ฮาบีบะห์ยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนัก เธอรีบวิ่งไปหยิบกระดาษปึกหนึ่งจากลิ้นชักหัวเตียงของเธอมายื่นให้พ่อและ แม่


"ป๊ะกับมะละหมาดผิดหรอ ไม่ต้องร้องไห้นะคะ หนูเขียนไว้ในนี้แล้ว มีตั้ง 186 แผ่นแน่ะ หนูไปดูเขาละหมาดซุบฮิกันตอนเช้าทุกวัน ถึงแม้หนูจะไปโรงเรียนสายบางวันนะ แต่ว่าหนูก็เขียนมันจนเสร็จ ป๊ะกับมะเอาไว้ดูนะ"
 

ผู้เป็นพ่อรับกระดาษที่มีลายมือบรรจง 186 แผ่นมา และน้ำตาของคนทั้งสองก็ไหลรินอีกครั้ง เด็ก 9 ขวบเศษที่ชื่อว่าฮาบีบะห์ก็ยังคงไม่รู้หรอกว่า เธอได้ทำให้น้ำตาของคนที่เธอรักถึงสองคนชำระล้างหัวใจของเขาแล้ว น้ำตาที่เกิดจาก 'ผู้เป็นที่รัก' เหมือนกับชื่อของเธอ และ เธอก็คงไม่รู้สินะว่ากระดาษ 186 แผ่นนี้มันมีค่าเท่ากับ 2 ... เพราะชีวิตใหม่ 2 ชีวิต ได้แลกมากับกระดาษ 186 แผ่น ... และนี่คือบทเรียนเล่มหนึ่งที่ทำให้พ่อและแม่ของเธอหันกลับมาสู่พระผู้อภิบาล ของพวกเขาแล้ว....

 

...........................................

 

      เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนแห่งเดิม


"ครูคะ จำเมื่อสามเดือนที่แล้วได้มั้ยคะ หนูขอส่งเรียงความค่ะ ครูอยากได้หนึ่งหน้า หนูแถมให้ 185 หน้าเลยค่ะ" ฮาบีบะห์ยิ้มแล้วเดินออกจากห้องพักครูไปด้วยหัวใจพองโตทิ้งให้คุณครูงุนงง กับคำพูดของเธอต่อ และหวังว่าครูอ่านแล้วคงจะรู้ว่า 'หนูกับป๊ะกับมะละหมาดเป็นแล้ว'


refer : Hassan Aero 's FB http://www.facebook.com/note.php?note_id=175157079175789

12
^
^
อิลฮาม..รบกวนถอดเป็นภาษาไทยด้วยดิ อยากได้บ้าง
ตอนนี้ที่บ้านก๊ะโดนขึ้นมา 4 ครั้งแล้ว แจ้งความไปตำรวจก็ไม่ดำเนินการอะไรเลย
สภาวะจิตใจของคนที่บ้าน โดยเฉพาะยายที่เพิ่งโดนขโมยของไปย่ำแย่มาก
เห็นแม่เล่าให้ฟังว่าไปหาโต๊ะบอมอแล้วด้วย   :-[

13
 :salam:

จากบทความที่ท่านเอามาลง คุ้น ๆ ว่าเคยอ่านจาก fw mail หรือไม่ก็ blogspace ใช่หรือไม่คะ ???

ขออธิบายเพิ่มเติมนะคะ รหัส E-number ในบทความดังกล่าว เป็นรหัสเพื่อแยกประเภทของวัตถุเจือปนในอาหาร เช่น สี สารให้ความหวาน สารกันเสีย เป็นต้น โดยสารแต่ละตัวก็จะมีรหัสประจำสาร (ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/E_number)

รหัสดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในทวีปยุโรป เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ทางยุโรปได้ออกกฏหมายให้ประเทศที่ต้องการส่งผลิตภัณฑ์อาหารเืพื่อจำหน่ายในยุโรปจะต้องระบุ E-number ของวัตถุเจือปนอาหารในการส่งสินค้าแต่ละล็อตการผลิต ขณะเดียวกัน ทางอเมริกาเองก็มีการกำหนดกฏหมาย HACCP ออกมา เป็นการกีดกันทางการค้า ทำให้โรงงานที่ผลิตอาหารเพื่อส่งออกไปยังทั้งสองทวีปต้องทำตามกฏกติกาดังกล่าวกันยกใหญ่ (ข้อคิดเห็นส่วนตัว)

ยกตัวอย่างเช่น การผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนประกอบหลัก คือ แป้ง น้ำมัน น้ำตาล เกลือ MSG เป็นต้น ส่วนประกอบทุกตัวจะต้องมีการระบุถึงรหัส E-number และรวมทั้งส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุในฉลาก เช่น malic acid, citric acid, I+G เป็นต้น จึงจะสามารถส่งสินค้าไปยังประเทศยุโรปได้

แต่ในการยื่นขอเครื่องหมายรับรองฮาลาลของผลิตภัณฑ์อาหารแต่ละชนิด ส่วนประกอบทุก ๆ อย่างในการผลิตจะต้องได้รับเครื่องหมายรับรองฮาลาล แม้กระทั่ง จารบี ที่ใช้สำหรับเครื่องจักรในการผลิต

วัสสลามุอะลัยกุม

14
^
^
วะอี้ยากุมจ๊ะ ซานา
ต้องยกความดีให้กับน้อง Larla เขาอ่ะจ้า

ส่วนที่โทรหาก๊ะไม่ติด แบตหมดอ่ะ มาอัฟด้วยเด้อ..

15
สนใจค่ะแต่ไกลจัง

ต้องต่อรถสองแถวหรือป่าวค่ะ

สถานที่เรียนห่างกับปากซอยประมาณ 100 เมตร
เท่าที่สังเกตมีแต่พี่วินนะคะ

หน้า: [1] 2 3 ... 24