แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Molto

หน้า: [1] 2 3 ... 8
1
อ้างถึง


คำตอบ ในทัศนะของผม เว็บไซต์ดังกล่าวไม่ใช่เว็บไซต์เผยแผ่กิตาบุลลอฮฺ และสุนนะฮฺนะครับ. والله أعلم
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 11/9/09 05:10 



แต่ความจริงที่เห็นด้วยตาของเราได้ยืนยันแล้วว่า  มุรีดโกหกมุสา


2
เวปไซด์แห่งนี้นำเสนอข้อมูลทุกอย่างเป้นไปตาม อัลกุรอานและสุนนะฮฺ  ไม่ว่าจะเป็นบทความหรือการตอบปัญหาศาสนา  ล้วนแล้วแต่ควบคู่ได้ด้วยหลักฐานจากอัลกุรอาน , หะดิษ , และทัศนะอุละมาอฺ แทบทั้งสิ้น 

การตอบปัญหาของมุรีดกับเวปนี้  ห่างกันมาก  มุรีดตอบแบบใช้ความคิดไม่ค่อยระบุอัลกุรอานและฮะดีษ  มีแต่โลโก้เท่านั้นที่เด่นอยู่  ส่วนเวปนี้ตอบปัญหาศาสนามีอัลกุรอานและซุนนะฮ์กำกับเสมอ

นบีได้กล่าวว่า "พวกเขาถูกถาม  ก็จะตอบฟัตวาโดยไม่มีความรู้  พวกเขาหลงและทำให้คนอื่นหลง"  ผมมักจะนึกถึงมุรีดเสมอ

นบีได้กล่าวว่า "ฉันกลัวยิ่งจากพวกนั้นมากกว่าตัจญาล  ซอฮาบะฮ์ถามว่าผู้ใดหรือ ? นบีตอบว่า  ผู้รู้ฟาซิก"

มุรีดชอบกล่าวหาแนวทางอื่นแบบอธรรม ซึ่งน่ากลัวว่าดัจญาล

3
 salam

ฮิกัมที่ 160  เตือนให้เราระวังในการทำอิบาดะฮ์ในเดือนรอมะฏอนว่า อย่าริยาโอ้อวด  แม้จะทำอะมัลคนเดียวก็ตาม ไม่งั้นอัลลอฮ์ทรงไม่ตอบรับอะมัลแล้วยุ่งกันครับ sad:

4
ไปเจอคำพูดของปราข์ที่พูดเชิงเปรียบเทียบความสำคัญของฮิกัมมาครับ

มีนักปราช์กล่าวว่า

لو جازت الصلاة بشيء غير القران لجازت بحكم ابن عطاء الله

"หากอนุญาตให้ละหมาดด้วยการอ่านสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช่อัลกุรอาน  แน่นอนก็อนุญาตให้ละหมาดด้วยการอ่านฮิกัมอิบนุอะฏออิลาฮ์"

5
ต้นทุนสูงหรือแบบนั้น

ใช้ครับ แต่ก็ได้ความคงทนกว่า

ยังไงก็อยากให้เย็บเล่มแบบที่ใช้เชื่อก เขาเรียกอะไรไม่รู้ลืมไปแล้ว ถ้าเป็นไสกาว หนังสือหนาๆ เนื้อในมันชอบหลุดออกมา



           ใช่แล้วครับ...ผมก็คิดเช่นกันว่า หนังสือที่มีความหนามากกว่า 200 กว่าหน้านั้น ก็ควรที่จะเป็นปกแข็ง ยิ่งดีก็ต้องเคลือบปกมันด้วย และจุดที่สำคัญขององค์ประกอบของปกก็คือ สันปก ควรเย็บแบบใช้เชือกเย็บ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ก็คือ คัมภีร์อัลกุรอานเล่มเขียวที่มีอยู่ตามมัสญิด หรือบางๆบ้านของพี่น้องนั่นแหละ หรือดูง่ายๆเลยก็คือ หนังสือกิตาบเล่มใหญ่นั้นแหละ เขาก็จะเย็บด้วยเชือกที่มีความคงทนเป็นอย่างดีมาก เพื่อความทนทานต่อการใช่อ่านและสะดวกต่อการใช้เปิดและพกพาไปมาได้อย่างมาตรฐาน ถึงแม้นว่า ต้นทุนและราคาจะแพงหรือสูงสักทีก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าและความมาตรฐานของหนังสือที่จะออกมาแล้วนั้น คำว่าแพงก็ย่อมแลกได้เสมออย่างแน่นอน หากเผื่อว่า เราทั้งหลายจะคำนึงถึงสิ่งเหล่านั้น...วัสสลามุอะลัยกุม วะรอห์มะตุลลอฮิ วะบะรอกาตุฮฺ


ใช่ครับ  ต้องเย็บด้วยเชือก  จะได้ทนทาน  เพราะต้องอ่านกันหลายรอบ  เนื่องจากอ่านแต่ละรอบนั้น จะมีความเข้าใจเพิ่มเข้ามาอีกแบบหลากหลายน่ะ

ทราบมาว่า ท่านอิมามซัรรูก ได้ทำการอธิบายฮิกัมถึง 30 เล่ม  แต่ละเล่มนั้นอธิบายไม่เหมือนกันเพราะอัลลอฮ์จะทรงเปิดให้เข้าใจเพิ่มขึ้นแบบหลากหลายจริงๆ

6
salam

กำลังจะแซว ว่าให้แจกในงานวะลีมะฮฺ ของผู้เขียนเลย  ;D

ดีครับ  พรุ้งนี้มีเรียนฮิกัมตอนหลังซุฮ์ริพอดี  จะขึ้นพูดนำเสนอแบบเฮฮาเรียกน้ำย่อยก่อนเริ่มจะสอนครับ  สมมติว่าฮิกัมนี้หากเจ้าบ่าวเขียนแล้วเจ้าสาวตรวจทาน  ก็คงเข้าทางสำหรับแจกงานวะลีมะฮ์  ผมคิดว่า ฮิกัมฉบับที่ 2 พวกเราน่าจะได้ฟรีกันน่ะครับ เป็นการเผยแผ่แนวทางตะเซาวุฟไปในตัว  อินชาอัลเลาะฮ์  เน้นของฟรีไว้ก่อน ฮูฮูฮู


อะฮ้า  อยากได้ของฟรีกันล่ะซิครับ  ใครๆ ก็ชอบ ๆ  แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องลงทุนกันหน่อยเพราะทำเป็นหนังสือแจกชำร่วยเนี่ยใช้งบเยอะ แต่ถ้าหากฮิกัมฉบับที่สอง 

ทำฮิกัมที่ 21-40 ก็ทำเป็นของชำร่วยสัก 5 ฮิกัมก็พอ คือฮิกัมที่ 21-25 พอเวลาออกฉบับที่สองจริง ๆ ก็ออกฮิกัมทั้งหมด  21-40 เลยเขาจะได้ติดตาม  อิอิ  แนะนำเพื่ออยากได้ของฟรีเหมือนกัน  ;D


แต่ฮิกัมทั้งหมดมีตั้ง 264 ฮิกัมแน่ะครับ  หากเขียนให้ทยอยนำเสนอจริงๆก็หลายพันหน้าน่ะเนี่ย   ขอแนะอาจารย์ไว้เลยว่า  เลือกว่าที่ภรรยาที่สามารถเข้ามาช่วยเชิงวิการศาสนาแก่เราได้  รับรองเขียนฮิกัมจบแน่ ๆ นอนน่ะ อิงชาอัลลอฮ์


ขอให้แต่งงานเร็วๆ  จะได้ของชำร่วยฮิกัมฟรีๆ  hehe

7
 salam

อัลฮัมดุลิลลาฮ์  ฮิกัมฉบับภาษาไทยครั้งแรกในเมืองไทย  สมควรที่จะนำไปขัดเกลาจิตใจ  และเอาไปอ่านคุฏบะฮ์ได้สบายๆ เลย  อ่านกันได้เป็นปี  ผมได้เห็นต้นฉบับแล้ว  เพราะลูกศิษย์ที่ได้เรียนฮิกัมจะมีสิทธิ์พิเศษได้ต้นฉบับคร้าบ

ขอแนะนำว่า ปกหนังสือต้องสีหวานแว๋วไว้ก่อนครับ  มีดูสวยดีสำหรับเก็บสะสมไว้อ่าน  มีรูปแบบเล่มกระรัดยิ่งดี  เพื่อพี่น้องจะนำมาอ่านในยามว่างเพื่อจิตใจสงบและเร้าร้อนอยากทำอิบาดะฮ์  ได้อ่านฮิกัมแล้วอยากทำอิบาดะฮ์  อยากรักอัลเลาะฮ์ยิ่งขึ้น 

 loveit:

8
ฮะดิส ที่รายงานว่า ท่านอุมัร ละหมาด 20 ร๊อกอัตนั้น เป็นฮะดิสดออีฟ
ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่า การละหมาด 8 ร๊อกอัตนั้น ได้ผลบุญมากกว่า 20 ร๊อกอัต

เท่าที่สังเกตุ อ.ปราโมทย์  ที่วะฮาบียะฮ์ชอบนำมาเสนออ้างว่าฮะดีษท่านอุมัร 20 รอกะอัตฏออีฟนั้น  อาจจะทำให้หางเครื่องเข้าใจผิดกันไปเอง เพราะฮะดีษ 20 นั้นมีรายงานอยู่ 2 รูปแบบ

1. รายงานที่ว่าท่านอุมัรใช้ให้ละหมาด 20 นั้น ฏออีฟ

2. รายงานว่าในสมัยท่านอุมัรมีการละหมาด 20 นั้น ซอเฮี๊ยะห์แน่นอนครับ

ดังนั้นฮะดีษที่ยืนยันว่าในสมัยท่านอุมัรละหมาดตะรอวิห์ 20 นั้นซอเฮี๊ยะห์แน่นอนอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว  ฉะนั้นเมื่อมีความซอเฮี๊ยะห์  ก็สามารถนำไปสนับสนุนสายรายงานที่ท่านอุมัรได้ใช้ให้ละหมาด 20 อย่างมิต้องสงสัย

เพราะเป็นไปไม่ได้ที่มีรายงานซอเฮี๊ยะห์ยืนยันว่าสมัยท่านอุมัรละหมาด 20 โดยท่านอุมัรไม่เคยใช้ละหมาด 20 รอกะอัต

และการละหมาดตะรอวิห์ 20 นั้น  เป็นอิจญฺมาอฺจากซอฮาบะฮ์  กระทำต่อ ๆ กันมาเรื่อย ๆ จนถึงสมัยอิมามชาฟิอีย์ ก็ยังเห็นละหมาดตะรอวิห์ 20 รอกะอัตในมักกะฮ์  แล้วท่านอิมมามชาฟิอีย์บอก  เป็นที่รักยิ่งยังฉันในการทำละหมาด 20 รอกะอัต  ไม่ใช่ 11 รอกะอัต   ท่านอิมามอะห์มัดก็ 20 รอกะอัต  ท่านอะบูฮะนีฟะฮ์ก็ 20 ร่อกะอัต  ทัศนะที่เลื่องลือจากอิมามมาลิก ก็ 20 รอกะอัต

ดังน้นนักปราชญ์ฮะดีษที่เป็นปราชญ์ฟิกห์  พวกเขาได้วินิจฉัยตัวบทแล้ว  ปรากฏว่าละหมาด 11 ร่อกะอัตไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาในการนำมาเป็นละหมาดตะรอวิห์เลย 

9
          ท่านอบูสะละมะฮ์ บินอับดุรฺเราะห์มาน ได้กล่าวถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ รฺ.ฎ.ว่า ...
             كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ رَمَضَانَ؟
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้นมาซอย่างไรในเดือนรอมะฎอน?” .. ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ก็กล่าวตอบว่า ...
    مَا كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيْدُ فِىْ رَمَضَانَ وَلاَ فِىْ غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً .........
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซ – ไม่ว่าในเดือนรอมะฎอนหรือมิใช่เดือนรอมะฎอน – เกินกว่า 11 ร็อกอะฮ์ .......................”
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอิหม่ามมาลิก, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นะซาอีย์, ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-บัยฮะกีย์, และท่านอบู อะวานะฮ์)
หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์โดยปราศจากข้อโต้แย้ง ...   

อะบูสะละมะฮ์เขาถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ในเรื่องละหมาดกิยามุลลัยน์  ไม่ใช่ถามเรื่องละหมาดตะรอวิห์  เพราะท่านหญิงเขาตอบเรื่องการละหมาดยามค่ำคืนในทั้งเดือนรอมะดอนและอื่นจากเดือนรอมะดอน  ดังนั้นถ้าหาก 11 รอกะอัตนี้  คือละหมาดตะรอวิห์  ก็แสดงว่า  ทั้งในเดือนรอมะดอนและเดือนอื่นจากรอมะดอนก็มีละหมาดตะรอวิห์ด้วยน่ะซิ

อีกอย่าง ฮะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮ์นี้  มีปราชญ์ฟิกห์บางส่วนบอกว่าเป็นหลักฐานของละหมาดวิติร 11 รอกะอัต เพราะทำได้ทั้งเดือนรอมะดอนและอื่นจากเดือนรอมะดอน

ดังนั้นเมื่อฮะดีษดังกล่าวมีการตีความเกิดขึ้น  การจะนำมาอ้างหลักฐานในเรื่องละหมาดตะรอวิห์ก็ต้องตกไป

10
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^
« เมื่อ: ส.ค. 28, 2009, 08:09 PM »

เพื่อความสบายใจ ให้คุณ Molto นำเสนอหลักฐานจากอัลกุรอานและสุนนะฮฺที่บ่งชี้ว่าการปิดหน้าไม่วาญิบมาก็แล้วกัน

คุณ GeT  สบายแน่นอน  เพราะนั่งรอนั่นอ่านสิ่งที่ผมค้นคว้านำเสนอน่ะซิครับ  แต่ผมเหนื่อยน่ะซิ (เพราะขี้เกียจค้น)  oh:  สำหรับผมไม่มีปัญหาในเรื่องปิดหน้าอยู่แล้วครับ  สตรีคนใหนจะปิดก็ได้ไม่ปิดก็ได้  หากปิดก็ดีกว่า  แต่ไม่ถึงขั้นฮะรอมเปิดหน้า  เพราะในอุลามาอฺมัซฮับชาฟิอีย์เขาก็มีทัศนะที่ต่างกัน  แต่ถ้าหากคุณบอกว่าฮะรอมเปิดหน้าและวายิบปิด  แสดงว่าต้องมีหลักฐานสั่งใช้อย่างเด็ดโดยไม่ต้องตีความเป็นอื่นเป็นแน่เลยซิ    natural:

11
salam ก็ศึกษาข้อมูลจากเว็บนี้ก็ไม่เลวนะ  เพราะอาจารย์ตอบชนิดที่ไม่ต้องซักต้องไซร้กันเลยที่เดียว  เรื่องแบบคุณผมและเพื่อนอีกหลายคนเคยโดนเพื่อนและอาจารย์ถามมาแล้ว  แต่อัลอัมดุลิลละ  หลังจากศึกษาข้อมูลจากเว็บนี้ เราก็ได้ทั้งตอบ ทั้งโต้ทั้งย้อนถามครับ  จนทุกวันนี้ไม่ค่อยจะมีใครพูดศาสนากับผมซะแล้ว 

สำหรับพวกผมนั้น   แต่ตอนนี้พรรคพวกเพื่อนๆ ของผม  กำลังคิดลงตังค์กันซื้อน้ำหมึกเพื่อปริ้นข้อมูลต่างๆ ในเว็บนี้ให้เป็นหนังสือหนึ่งเล่ม  แล้วไปถ่ายเอกสารแจกจ่ายกัน  เพราะอาจารย์เขาอิญาซะฮ์ให้แล้ว  loveit:

12
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^
« เมื่อ: ส.ค. 28, 2009, 09:52 AM »
قال ابن شهاب الدين الرملي رحمه الله (ت1004هـ) في شرحه لكلام النووي السابق : " و وجهه الإمام : باتفاق المسلمين على منع النساء أن يخرجن سافرات الوجوه ، وبأن النظر مظنة الفتنة ، و محرك للشهوة .. وحيث قيل بالتحريم وهو الراجح : حرم النظر إلى المنتقبة التي لا يبين منها غير عينيها و محاجرها كما بحثه الأذرعي ، و لاسيما إذا كانت جميلة ، فكم في المحاجر من خناجر "اهـ (نهاية المحتاج إلى شرح المنهاج في الفقه على مذهب الشافعي 6/187ـ188) .

ผมจะเอาการอ้างอิงที่คุณ GeT ก็อบอ้างอิงที่ถูกตัดทอนไปมาเสนอให้ความหลากหลาย  มัวตัวไปก็อบมาอย่างเดียวแล้วมาฟันธงว่าเปิดใบหน้าฮะรอมนี้  ก็คงเป็นทัศนะที่คุณเลือกไม่ให้คนอื่นเลือกตามน่ะครับ

ووجهه الإمام باتفاق المسلمين على منع النساء أن يخرجن سافرات الوجوه وبأن النظر مظنة الفتنة ومحرك للشهوة فاللائق بمحاسن الشريعة سد الباب والإعراض عن تفاصيل الأحوال كالخلوة بالأجنبية وبه اندفع القول بأنه غير عورة فكيف حرم نظره لأنه مع كونه غير عورة نظره مظنة للفتنة أو الشهوة ففطم الناس عنه احتياطا على أن السبكي قال الأقرب إلى صنيع الأصحاب أن وجهها وكفيها عورة في النظر

"อิมามซุบกีย์บอกว่า  ตัวบทที่ใกล้เคียงคำพูดของอิมามชาฟิอีย์มากที่สุดคือ  มือและใบหน้าของสตรีนั้นเป็นเอาเราะฮ์ในการมอง  ไม่ใช่การเปิด"

ดังนั้นหากคุณ GeT บอกว่าปิดหน้าเป็นสิ่งที่มุบาห์หรือสุนัต  อันนี้ตามสบาย  แต่หากบอกว่าฮะรอมเปิดหน้าเพราะมีหน้ำหนัก  คุณต้องยกหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่มาบ่งชี้ถึงวายิบปิดและฮะรอมเปิดหน้า 

ฉะนั้นหากคุณ GeT เสนอแค่หอมปากหอมคอ  ก็นำเสนอที่บอกว่าวายิบได้เลยครับ  อย่าออมมือ  oh:


13
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^
« เมื่อ: ส.ค. 28, 2009, 08:05 AM »
3. อันนะวะวีย์ อัชชาฟิอีย์ (676 ฮ.ศ.) กล่าวว่า การมองเอาเราะฮฺของสตรีอัจญ์นะบีย์เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) สำหรับชายหนุ่มที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว เช่นเดียวกับใบหน้าและฝ่ามือ ในกรณีที่กลัวจะเปิดฟิตนะฮฺ

อิมามอันนะวาวีย์บอกนั้น คือเอาเราะฮ์ในการมอง(ถ้าหากผู้หญิงไม่ปิดหน้า) عورة النظر ไม่ใช่เอาเราะฮ์ในการเปิดหน้า عورة الستر  แล้วมาบอกว่าห้ามมอง  และการที่อิมามนาวาวีย์บอกว่า  ห้ามมองใบหน้าและฝ่ามือในกรณีจะเกิดฟิตนะฮ์  ก็หมายความว่า ผู้หญิงเขาปิดหน้าและฝ่ามือ  ไม่ได้ปิดหน้า 

14
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^
« เมื่อ: ส.ค. 28, 2009, 08:00 AM »
และในกรณีที่ถูกกล่าวว่า (การเปิดเผยใบหน้า) เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม)ซึ่ง เป็นทัศนะที่ถูกต้อง (รอญิหฺ) ดังนั้น จึงห้ามมองสตรีที่ปกปิดใบหน้าและไม่เปิดเผยนอกจากสองดวงตาของนางเท่านั้น

คุณศึกษาหลักฐานทั่วถึงแล้วหรือ ที่สรุปว่า  การเปิดเผยใบหน้าเป็นสิ่งที่ฮะรอม  คุณให้น้ำหนักเพราะมีหลักฐานที่มีน้ำหนักมายืนยัน  หรือว่าให้น้ำหนักเพราะ***

อีกอย่าง  ที่คุณเจาะจงว่า "ดวงตาเท่านั้นที่มองได้" คุณเอาหลักฐานใหนมาเจาะจงหรือ?

หน้า: [1] 2 3 ... 8