1
ประชาสัมพันธ์บอร์ด / Re: สอนหนังสือผ่านทางแคมฟร์อกซฺ โดยบังอัลอัซฮะรีย์
« เมื่อ: พ.ค. 18, 2009, 10:52 AM »
มีวีดีโอให้ดูย้อนหลังป่าว ดูสดๆไม่ค่อยสะดวก
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
เรื่องมีอยู่ว่า มีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งมาถามว่าถ้าจะแนะนำให้เราพูดคุยกับเพื่อนเค้าเราจะรังเกียจมั้ยเพราะเค้าเห็นว่าเรานิสัยดี
แล้วก็อยู่ในวัยที่ควรจะแต่งงานได้แล้ว พูดง่ายๆก็คือ เกือบจะขึ้นคานอยู่แล้ว เค้าอยากแนะนำให้เรารู้จักพูดคุยกับเพื่อนเค้า
ตอนนี้เรางงมาก เลยตอบเลี่ยงไปว่า คุยกับใครทีไรอกหักทุกที ฟังดูเหมือนเป้นการปฏิเสธ แต่ตอนนั้นคิดอะรัยไม่ออกจริงๆ
ไม่รู้จะตอบยังงัย แต่ใจจริงแล้ว ก็อยากแต่งงานนะ แต่กลัวคุยแล้วไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ได้แต่งงาน จะเจ็บปวดกันเปล่าๆ
อีกอย่างมะก็อยากให้แต่งงานมาก และเพื่อนๆทุกคนก็บอกว่า เราปิดตัวเองเกินไป
พี่น้องอ่านแล้วอาจจะงงเล็กน้อย ขอมาอัฟด้วย เพราะตอนนี้ทั้งหัวใจ ทั้งหัวสมอง สับสนเหลือเกิน
ถามว่าปฏิเสธไปแบบนั้น บาปมั้ย
salam
แนะนำให้นิดนึงนะคับ?ถ้าเปนอย่างที่พูดมา ผมขอให้ละหมาด(อิสติคอเราะห์)ขอต่อ อ.ล ให้พระองค์เลือกคนดีๆมาให้.
อินซาอัลลลอ์ มีความสุขคับ
ถ้าจำไม่ผิด ดูในวีดีโอมุสลิมบางตัวบอกว่าเกมหมากรุกมุสลิมเป็นผู้คิดค้นขึ้น วัลลอฮูอลัม
ทำไมใช้คำว่ามุสลิมบางตัวละครับ
ไม่ใช้คำว่าคนละ
ไปทะเลมาค่ะ เห็นภาพประทับใจอยู่หนึ่งภาพ
เวลาเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังคล้อย... ที่ใต้ต้นสน ภาพที่พ่อเป็นอิหม่ามนำละหมาดคนในครอบครัว หันหน้าไปสู่ทิศกิบลัต ทำละหมาดเพื่อผู้อภิบาลของเขา
เป็นภาพที่ประทับใจมาก เชื่อว่าคนต่างศาสนิกที่มอง คงรู้สึกประทับใจเช่นกัน
พ่อสอนลูกได้ดีที่เดียว
ก็คงตอบว่าผมให้น้ำหนักทัศนะที่ 1 เพราะปลอดภัยกว่าและตรงกับสะละฟุศซอและที่สุด แต่คงไม่ถึงขนาดฮูกุ่มทัศนะที่ 2
ว่าเป็นบิดอะเพียงแต่คงต้องบอกว่าไม่ควรทำ เพราะการไปคิดมากเกินไปในเรื่องของอัลลอฮที่เราไม่รู้ก็มักจะโดนชัยตอน
กระซิบกระซาบอยู่เป็นอาชีพมันอยู่แล้ว และคงบอกว่าทัศนะที่ 1 ดีที่สุด
อัลฮัมดุลิลลาฮ์ครับ เพราะการมอบหมายนั้นปลอยภัยกว่า มั่นใจกว่า และเป็นทัศนะของสะละฟุศศอลิห์ส่วนมากอีกด้วย สรุปคือเราเข้าใจกันตรงกันนั่นเอง
ผมว่าวะฮะบีไม่ได้บอกว่านั่งอยู่บนบัลลังค์หรอก
ครับผม น้องจงยึดมั่นหลักอะกีดะฮ์ตรงนี้เอาไว้ครับ ที่ว่าอัลเลาะฮ์ไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ แต่อัลเลาะฮ์ทรงอิสติวาอฺเหนือบัลลังก์แต่ความหมายอิสติวาอ์มีความหมายอย่างไรนั้น เรากลับมอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์ครับผมเองก็ยึดถือทัศนะนี้อยู่ ให้น้ำหนักทัศนะนี้มากกว่าทัศนะที่ 2 ซึ่งมันก็ตรงกันละครับกับบังอัลฯ
แต่บังรู้มั้ยครับ ประเด็นมันก็คือกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อว่าวะฮาบีก็มีอากีดะแบบเดียวกันนี้แหละ คือทำการ
มอบหมายความหมายที่แท้จริงไปยังพระองค์อัลลอฮ
อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ดังนั้นบังอยากให้น้อง tksarb ยึดหลักอะกีดะฮ์นี้และจุดยืนนี้ให้จงมั่นครับ โดยเราจงมอบหมายความหมายที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา และน้องก็อยู่ในแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อย่างแท้จริง บัง(อัลอัซฮะรีย์)คนนี้ยอมรับน้องว่าเป็นอะฮ์ลิซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์หนึ่งคนแหละครับ![]()
ความเห็นผมสำหรับคนต่างศาสนิกก็ตอบไปว่าเราศรัทธาตามที่พระเจ้าทรงบอกเรา และพระองค์จะเป็นอย่างไรเราก็ไม่สามารถจินตนาการได้
สมองมนุษย์คิดไม่ถึง ส่วนคนเอาวาม ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะหยุดความคิดที่จะจินตนาการต่ออัลลอฮ เราก็ต้องขอความคุ้มครอง
จากอัลลอฮให้พ้นจากผู้กระซิบกระซาบเท่านั้น และก็ต้องรู้ไว้ในใจลึกๆด้วยว่าเราไม่สามารถจินตนาการอะไรถึงต่อพระองค์ได้ และควรจะมอบหมาย
ให้แก่อัลลอฮเมื่อเราสงสัย ผมคิดว่าการสอนตามแนวทางที่มอบหมายความรู้ต่ออัลลอฮนี้แก่คนเอาวาม เป็นการสอนที่ตรงกับที่ท่านนบี
สอนซอฮาบะด้วยซึ่งเป็นแบบฉบับที่ดีที่สุดอยู่แล้วในการให้คนเอาวามยึดถือตาม เราจะสอนหรือใช้วิธีใด ก็น่าจะใช้วิธีที่ดีที่สุด
ตามแบบฉบับของท่านนบีแก่คนเอาวามดีกว่าโดยไม่จำเป็นต้องไปคิดค้นวิธีการแบบใหม่เช่นการตีความไปเสนอให้แก่คนเอาวามเอง
ใช่ครับ อันดับแรกเราต้องมอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา คนเอาวามก็ควรยึดจุดยืนนี้ แต่ที่บังหมายถึงคือคนเอาวามบางคนที่มีจิตใจอ่อนแอ น้องต้องเข้าใจว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน บางคนละหมาดแล้วละหมาดไหม่เพราะจิตใจอ่อนแอวิสวัสว่าทำละหมาดไปกี่ร่อกะอัตแล้ว บางคนอาบน้ำละหมาดเป็นครี่งชั่วโมงเพราะจิตใจอ่อนแอวิสวัสสงสัยไปเรื่อย ดังนั้นถ้าหากแก้ไม่หาย (เพราะไม่ไหวจะไปบอกและควบคุมเขา) ก็ให้ทำการตีความเพราะเหตุจำเป็นเนื่องจากสะลัฟบางส่วนก็ตีความ แต่หากไม่มีความจำเป็นอันใดก็ให้มอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลานั่นเองครับ
ประการที่หนึ่ง : ฮุกุ่มไปเลยว่าอุลามาอ์สะละฟุศศอลิห์บางส่วนและปราชญ์ผู้มีคุณธรรมท่านอื่น ๆ ผิดพลาด มีจุดยืนที่บิดอะฮ์ เพราะไปตีความตามทัศนะที่เราไม่เลือก
ประการที่สอง : เราไม่ไปกล่าวฮุกุ่มและกล่าวหาบิดอะฮ์ต่อสะละฟุศศอลิห์และปราชญ์ผู้มีคุณธรรมเหล่านั้น แต่เราเพียงให้น้ำหนักว่า การมอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์ดีกว่าและปลอดภัยกว่าตามทัศนะที่กระผม(อัลอัซฮะรีย์)และน้อง tksarb เลือก
เราจะเอากันอย่างไรดีครับ จะฟันธงไปเลยว่าทัศนะที่ 2 บิดอะฮ์ลุ่มหลง หรือเพียงเราให้น้ำหนักว่าแนวทางที่ 1 ปลอดภัยกว่าโดยไม่ไปฮุกุ่มปราชญ์แนวทางที่ 2
ผมจะรอคำตอบจากน้อง tksarb ครับ แล้วเราจะมาเสวนากันต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์ ก็ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานทางนำแก่ผมและน้อง tksarb ครับยาร็อบ
อุลามาอฺทัศนะที่สอง : กล่าวว่า "และ ไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้" พวกเขาเข้าใจและวิเคราะห์ว่า การตีความนั้นนอกจากอัลเลาะฮ์ทรงรู้แล้ว พระองค์ยังเปิดโอกาสให้บรรดาปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญรู้ความหมายด้วยเหมือนกัน เพราะมีสะละฟุศศอลิห์หลายท่านได้ทำการตีความเอาไว้เช่นกันนั่นเอง และแนวทางนี้ก็เป็นทางเลือกที่สองของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำมาใช้ในยามจำเป็น เอามาใช้เพื่อตอบโต้พวกนอกศาสนาที่ไม่ใช่ในอัลกุรอานและซุนนะฮ์และพวกนอกลู่ อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้กับคนเอาวามที่จิตใจอ่อนแอที่ชอบจินตนาการคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ให้คล้ายหรือเหมือนกับมัคโลค
อุลามาอฺทัศนะที่หนึ่ง : กล่าวว่า "และไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น" โดยอ่านหยุดแค่นี้ โดยอุลามาอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้มีจุดยืนที่ว่า ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่ระบุไว้ในตัวที่มีความหมายหลายนัยนั้น เรารู้ความหมายหลายนัยเหล่านั้น แต่เราไม่เจาะจงว่ามันคือความหมายใดที่เป็นเป้าหมายของอัลเลาะฮ์ ดังนั้นเราจึงมอบหมายการรู้ความหมายที่เจาะจงนั้นไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้เป็นแนวทางส่วนมากของสะละฟุศศอลิห์ และเป็นแนวทางเดิม อีกทั้งเป็นแนวทางหลักของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ และเป็นแนวทางที่ตัวกระผมเอง(อัลอัซฮะรีย์) ให้เลือกและให้น้ำหนัก
คืออย่างนี้นะครับ หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ซอฮิห์เด็ดขาดได้ระบุเกี่ยวกับ "ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย" นั้นเราเชื่อตามที่ได้ระบุไว้ ส่วนการอธิบาย "ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย" นั้น หากปรากฏว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ตีความหรืออธิบายไว้จริง ก็จะไม่มีการขัดแย้งระหว่างอุลามาอฺเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอาล่ะเมื่อเราเชื่อในอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ซอฮิห์เด็ดขาดแล้ว โดยท่านร่อซุลลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้อธิบายไว้อย่างเด็ดขาด เราก็ต้องกลับไปหาความเข้าใจของผู้ที่ดีและประเสริฐกว่าเรานั่นคือบรรดาอุลามาอฺปราชญ์แห่งโลกอิสลามที่อัลเลาะฮ์ทรงยืนยันไว้ในอัลกุรอานว่าพวกเขาเป็นบ่าวที่มีความเกรงกลัวของพระองค์(ซูเราะฮ์ฟาฏิร อายะฮ์ที่ 28) ว่าเขามีจุดยืนกันอย่างไรต่อการเข้าใจตัวบทหลายนัยที่พูดถึงซีฟัตของอัลเลาะฮ์
และพระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
وَلَوْ رَدُّوهُ إِلَى الرَّسُولِ وَإِلَى أُوْلِي الأَمْرِ مِنْهُمْ لَعَلِمَهُ الَّذِينَ يَسْتَنبِطُونَهُ مِنْهُمْ
"หากพวกเจ้าส่งกลับเรื่องนั้นไปยังร่อซูลและผู้ปกครองการงานของเขา แน่นอนก็จะรู้มันได้โดยบรรดาผู้สามารถวิเคราะห์(วินิจฉัย)มันได้จากพวกเขา" อันนิซาอฺ 83
salam
ถึงน้อง tksarb ครับ ผมได้นำเสนอไปเสียยืดยาวเลยครับ ยังไงก็อดทนอ่านแบบช้า ๆ อย่างมีสมาธิเพื่อจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น และหากว่าตรงใหนไม่เข้าใจก็โปรดถามครับ
เรียนถึงพี่น้องสมาชิกทุกท่านครับ กระทู้นี้ผมของสงวนในการโพสต์ระหว่างกระผมและน้อง tksarb เท่านั้นนะครับ เพื่อการเสวนาจะได้เป็นระเบียบและสร้างความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
วัสลามุอะลัยกุ้ม