แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - tksarb

หน้า: [1] 2 3 ... 8
1
มีวีดีโอให้ดูย้อนหลังป่าว ดูสดๆไม่ค่อยสะดวก

2
เรื่องมีอยู่ว่า มีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งมาถามว่าถ้าจะแนะนำให้เราพูดคุยกับเพื่อนเค้าเราจะรังเกียจมั้ยเพราะเค้าเห็นว่าเรานิสัยดี

แล้วก็อยู่ในวัยที่ควรจะแต่งงานได้แล้ว พูดง่ายๆก็คือ เกือบจะขึ้นคานอยู่แล้ว เค้าอยากแนะนำให้เรารู้จักพูดคุยกับเพื่อนเค้า

ตอนนี้เรางงมาก เลยตอบเลี่ยงไปว่า คุยกับใครทีไรอกหักทุกที ฟังดูเหมือนเป้นการปฏิเสธ แต่ตอนนั้นคิดอะรัยไม่ออกจริงๆ

ไม่รู้จะตอบยังงัย  แต่ใจจริงแล้ว ก็อยากแต่งงานนะ  แต่กลัวคุยแล้วไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ได้แต่งงาน  จะเจ็บปวดกันเปล่าๆ

อีกอย่างมะก็อยากให้แต่งงานมาก  และเพื่อนๆทุกคนก็บอกว่า เราปิดตัวเองเกินไป

พี่น้องอ่านแล้วอาจจะงงเล็กน้อย ขอมาอัฟด้วย เพราะตอนนี้ทั้งหัวใจ ทั้งหัวสมอง สับสนเหลือเกิน

ถามว่าปฏิเสธไปแบบนั้น บาปมั้ย


 salam

แนะนำให้นิดนึงนะคับ?ถ้าเปนอย่างที่พูดมา ผมขอให้ละหมาด(อิสติคอเราะห์)ขอต่อ อ.ล ให้พระองค์เลือกคนดีๆมาให้.
อินซาอัลลลอ์ มีความสุขคับ

 mycool:

3
ถ้าจำไม่ผิด ดูในวีดีโอมุสลิมบางตัวบอกว่าเกมหมากรุกมุสลิมเป็นผู้คิดค้นขึ้น วัลลอฮูอลัม

ทำไมใช้คำว่ามุสลิมบางตัวละครับ

ไม่ใช้คำว่าคนละ

ขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดครับ ความหมายประโยคที่แท้จริงน่าจะเป็น
"ถ้าจำไม่ผิด ดูในวีดีโอบางตัวของมุสลิมบางคนที่ทำขึ้นมาบอกว่าเกมหมากรุก.........."
 :ameen:

4
ไปทะเลมาค่ะ เห็นภาพประทับใจอยู่หนึ่งภาพ

เวลาเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังคล้อย... ที่ใต้ต้นสน  ภาพที่พ่อเป็นอิหม่ามนำละหมาดคนในครอบครัว  หันหน้าไปสู่ทิศกิบลัต  ทำละหมาดเพื่อผู้อภิบาลของเขา
เป็นภาพที่ประทับใจมาก เชื่อว่าคนต่างศาสนิกที่มอง คงรู้สึกประทับใจเช่นกัน
พ่อสอนลูกได้ดีที่เดียว mycool:


 mycool:

5
ก็คงตอบว่าผมให้น้ำหนักทัศนะที่ 1 เพราะปลอดภัยกว่าและตรงกับสะละฟุศซอและที่สุด แต่คงไม่ถึงขนาดฮูกุ่มทัศนะที่ 2
ว่าเป็นบิดอะเพียงแต่คงต้องบอกว่าไม่ควรทำ เพราะการไปคิดมากเกินไปในเรื่องของอัลลอฮที่เราไม่รู้ก็มักจะโดนชัยตอน
กระซิบกระซาบอยู่เป็นอาชีพมันอยู่แล้ว และคงบอกว่าทัศนะที่ 1 ดีที่สุด

อัลฮัมดุลิลลาฮ์ครับ เพราะการมอบหมายนั้นปลอยภัยกว่า มั่นใจกว่า และเป็นทัศนะของสะละฟุศศอลิห์ส่วนมากอีกด้วย สรุปคือเราเข้าใจกันตรงกันนั่นเอง  mycool:

 mycool:
ใช่ครับ

6
ผมว่าวะฮะบีไม่ได้บอกว่านั่งอยู่บนบัลลังค์หรอก

ครับผม น้องจงยึดมั่นหลักอะกีดะฮ์ตรงนี้เอาไว้ครับ ที่ว่าอัลเลาะฮ์ไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ แต่อัลเลาะฮ์ทรงอิสติวาอฺเหนือบัลลังก์แต่ความหมายอิสติวาอ์มีความหมายอย่างไรนั้น เรากลับมอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์ครับ  loveit:

ผมเองก็ยึดถือทัศนะนี้อยู่ ให้น้ำหนักทัศนะนี้มากกว่าทัศนะที่ 2 ซึ่งมันก็ตรงกันละครับกับบังอัลฯ
แต่บังรู้มั้ยครับ ประเด็นมันก็คือกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อว่าวะฮาบีก็มีอากีดะแบบเดียวกันนี้แหละ คือทำการ
มอบหมายความหมายที่แท้จริงไปยังพระองค์อัลลอฮ

อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ดังนั้นบังอยากให้น้อง tksarb ยึดหลักอะกีดะฮ์นี้และจุดยืนนี้ให้จงมั่นครับ โดยเราจงมอบหมายความหมายที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา และน้องก็อยู่ในแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อย่างแท้จริง บัง(อัลอัซฮะรีย์)คนนี้ยอมรับน้องว่าเป็นอะฮ์ลิซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์หนึ่งคนแหละครับ  loveit:  


งั้นผมว่าไม่น่าจะไปโจมตีเรื่องอากีดะของวะฮาบีนะ เพราะมันน่าจะเป็นเรื่องโอละพ่อมากกว่าครับ  อากีดะก็อากีดะเดียวกัน
ไม่ต้องไปโจมตีให้เสียเวลา จะได้ไม่สร้างความแตกแยกด้วย ส่วนเรื่องประเด็นฟิกฮก็ว่ากันไปครับ จะจัดโต้จัดอะไรก็ดีเหมือนกันครับ

7
ความเห็นผมสำหรับคนต่างศาสนิกก็ตอบไปว่าเราศรัทธาตามที่พระเจ้าทรงบอกเรา และพระองค์จะเป็นอย่างไรเราก็ไม่สามารถจินตนาการได้
สมองมนุษย์คิดไม่ถึง ส่วนคนเอาวาม ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะหยุดความคิดที่จะจินตนาการต่ออัลลอฮ เราก็ต้องขอความคุ้มครอง
จากอัลลอฮให้พ้นจากผู้กระซิบกระซาบเท่านั้น และก็ต้องรู้ไว้ในใจลึกๆด้วยว่าเราไม่สามารถจินตนาการอะไรถึงต่อพระองค์ได้ และควรจะมอบหมาย
ให้แก่อัลลอฮเมื่อเราสงสัย ผมคิดว่าการสอนตามแนวทางที่มอบหมายความรู้ต่ออัลลอฮนี้แก่คนเอาวาม เป็นการสอนที่ตรงกับที่ท่านนบี
สอนซอฮาบะด้วยซึ่งเป็นแบบฉบับที่ดีที่สุดอยู่แล้วในการให้คนเอาวามยึดถือตาม เราจะสอนหรือใช้วิธีใด ก็น่าจะใช้วิธีที่ดีที่สุด
ตามแบบฉบับของท่านนบีแก่คนเอาวามดีกว่าโดยไม่จำเป็นต้องไปคิดค้นวิธีการแบบใหม่เช่นการตีความไปเสนอให้แก่คนเอาวามเอง

ใช่ครับ อันดับแรกเราต้องมอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา คนเอาวามก็ควรยึดจุดยืนนี้  แต่ที่บังหมายถึงคือคนเอาวามบางคนที่มีจิตใจอ่อนแอ น้องต้องเข้าใจว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน บางคนละหมาดแล้วละหมาดไหม่เพราะจิตใจอ่อนแอวิสวัสว่าทำละหมาดไปกี่ร่อกะอัตแล้ว  บางคนอาบน้ำละหมาดเป็นครี่งชั่วโมงเพราะจิตใจอ่อนแอวิสวัสสงสัยไปเรื่อย ดังนั้นถ้าหากแก้ไม่หาย (เพราะไม่ไหวจะไปบอกและควบคุมเขา) ก็ให้ทำการตีความเพราะเหตุจำเป็นเนื่องจากสะลัฟบางส่วนก็ตีความ แต่หากไม่มีความจำเป็นอันใดก็ให้มอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลานั่นเองครับ

ไม่รู้ดิบัง ผมว่าการที่คนเอาวามจินตนาการคุณลักษณะของอัลลอฮให้คล้ายกับมัคลูกนั่นคือชัยตอนกำลังกระซิบกระซาบ
แต่ถ้าผู้รู้จะพยายามอธิบายความหมายมากเข้าให้แก่คนเอาวามเข้าไปอีก ผมว่าน่าจะสร้างความสงสัยให้คนเอาวามมากขึ้น
ที่ดีที่สุดน่าจะขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮแล้วมอบหมายความรู้ต่อพระองค์ เหมือนที่นบีแนะนำตามหะดีษนี้

มุสลิม/หมวดที่1/บทที่62/ฮะดีษเลขที่ 0244

أَنَّ أَبَا هُرَيْرَةَ، قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ يَأْتِي الشَّيْطَانُ أَحَدَكُمْ فَيَقُولُ مَنْ خَلَقَ كَذَا وَكَذَا حَتَّى يَقُولَ لَهُ مَنْ خَلَقَ رَبَّكَ فَإِذَا بَلَغَ ذَلِكَ فَلْيَسْتَعِذْ بِاللَّهِ وَلْيَنْتَهِ ‏"‏ 


                         แท้จริงอบูฮุรอยเราะห์ รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ซัยตอนจะมาหาพวกเจ้าแล้วกระซิบว่า ผู้ใดสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้มา จนกระทั่งมันจะกระซิบถามเขาว่า ผู้ใดสร้างองค์อภิบาลของเจ้ามา ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าประสบกับภาวะเช่นนี้ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ แล้วเลิกคิดตามซัยตอน” 

การสอนให้คนเอาวามมอบหมายต่ออัลลอฮ ผมว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันตัวเขาเองจากมารร้ายและข้อสงสัยใดๆ
ซึ่งอินชาอัลลอฮน่าจะได้ผลบุญจากอัลลอฮด้วย เพราะเป็นการปฏิบัติตามซุนนะของท่านนบี นี่เป็นทัศนะผม บังคิดว่าไง

8

ประการที่หนึ่ง : ฮุกุ่มไปเลยว่าอุลามาอ์สะละฟุศศอลิห์บางส่วนและปราชญ์ผู้มีคุณธรรมท่านอื่น ๆ ผิดพลาด  มีจุดยืนที่บิดอะฮ์  เพราะไปตีความตามทัศนะที่เราไม่เลือก

ประการที่สอง : เราไม่ไปกล่าวฮุกุ่มและกล่าวหาบิดอะฮ์ต่อสะละฟุศศอลิห์และปราชญ์ผู้มีคุณธรรมเหล่านั้น  แต่เราเพียงให้น้ำหนักว่า  การมอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์ดีกว่าและปลอดภัยกว่าตามทัศนะที่กระผม(อัลอัซฮะรีย์)และน้อง tksarb เลือก

เราจะเอากันอย่างไรดีครับ  จะฟันธงไปเลยว่าทัศนะที่ 2 บิดอะฮ์ลุ่มหลง  หรือเพียงเราให้น้ำหนักว่าแนวทางที่ 1 ปลอดภัยกว่าโดยไม่ไปฮุกุ่มปราชญ์แนวทางที่ 2

ผมจะรอคำตอบจากน้อง tksarb ครับ  แล้วเราจะมาเสวนากันต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์  ก็ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานทางนำแก่ผมและน้อง tksarb ครับยาร็อบ


ก็คงตอบว่าผมให้น้ำหนักทัศนะที่ 1 เพราะปลอดภัยกว่าและตรงกับสะละฟุศซอและที่สุด แต่คงไม่ถึงขนาดฮูกุ่มทัศนะที่ 2
ว่าเป็นบิดอะเพียงแต่คงต้องบอกว่าไม่ควรทำ เพราะการไปคิดมากเกินไปในเรื่องของอัลลอฮที่เราไม่รู้ก็มักจะโดนชัยตอน
กระซิบกระซาบอยู่เป็นอาชีพมันอยู่แล้ว และคงบอกว่าทัศนะที่ 1 ดีที่สุด

9

อุลามาอฺทัศนะที่สอง : กล่าวว่า  "และ ไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก  นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น  และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้"  พวกเขาเข้าใจและวิเคราะห์ว่า  การตีความนั้นนอกจากอัลเลาะฮ์ทรงรู้แล้ว  พระองค์ยังเปิดโอกาสให้บรรดาปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญรู้ความหมายด้วยเหมือนกัน   เพราะมีสะละฟุศศอลิห์หลายท่านได้ทำการตีความเอาไว้เช่นกันนั่นเอง  และแนวทางนี้ก็เป็นทางเลือกที่สองของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำมาใช้ในยามจำเป็น  เอามาใช้เพื่อตอบโต้พวกนอกศาสนาที่ไม่ใช่ในอัลกุรอานและซุนนะฮ์และพวกนอกลู่   อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้กับคนเอาวามที่จิตใจอ่อนแอที่ชอบจินตนาการคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ให้คล้ายหรือเหมือนกับมัคโลค


ความเห็นผมสำหรับคนต่างศาสนิกก็ตอบไปว่าเราศรัทธาตามที่พระเจ้าทรงบอกเรา และพระองค์จะเป็นอย่างไรเราก็ไม่สามารถจินตนาการได้
สมองมนุษย์คิดไม่ถึง ส่วนคนเอาวาม ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะหยุดความคิดที่จะจินตนาการต่ออัลลอฮ เราก็ต้องขอความคุ้มครอง
จากอัลลอฮให้พ้นจากผู้กระซิบกระซาบเท่านั้น และก็ต้องรู้ไว้ในใจลึกๆด้วยว่าเราไม่สามารถจินตนาการอะไรถึงต่อพระองค์ได้ และควรจะมอบหมาย
ให้แก่อัลลอฮเมื่อเราสงสัย ผมคิดว่าการสอนตามแนวทางที่มอบหมายความรู้ต่ออัลลอฮนี้แก่คนเอาวาม เป็นการสอนที่ตรงกับที่ท่านนบี
สอนซอฮาบะด้วยซึ่งเป็นแบบฉบับที่ดีที่สุดอยู่แล้วในการให้คนเอาวามยึดถือตาม เราจะสอนหรือใช้วิธีใด ก็น่าจะใช้วิธีที่ดีที่สุด
ตามแบบฉบับของท่านนบีแก่คนเอาวามดีกว่าโดยไม่จำเป็นต้องไปคิดค้นวิธีการแบบใหม่เช่นการตีความไปเสนอให้แก่คนเอาวามเอง

10

อุลามาอฺทัศนะที่หนึ่ง : กล่าวว่า "และไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก  นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น"  โดยอ่านหยุดแค่นี้  โดยอุลามาอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้มีจุดยืนที่ว่า  ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่ระบุไว้ในตัวที่มีความหมายหลายนัยนั้น   เรารู้ความหมายหลายนัยเหล่านั้น  แต่เราไม่เจาะจงว่ามันคือความหมายใดที่เป็นเป้าหมายของอัลเลาะฮ์  ดังนั้นเราจึงมอบหมายการรู้ความหมายที่เจาะจงนั้นไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้เป็นแนวทางส่วนมากของสะละฟุศศอลิห์  และเป็นแนวทางเดิม  อีกทั้งเป็นแนวทางหลักของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  และเป็นแนวทางที่ตัวกระผมเอง(อัลอัซฮะรีย์) ให้เลือกและให้น้ำหนัก


ผมเองก็ยึดถือทัศนะนี้อยู่ ให้น้ำหนักทัศนะนี้มากกว่าทัศนะที่ 2 ซึ่งมันก็ตรงกันละครับกับบังอัลฯ
แต่บังรู้มั้ยครับ ประเด็นมันก็คือกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อว่าวะฮาบีก็มีอากีดะแบบเดียวกันนี้แหละ คือทำการ
มอบหมายความหมายที่แท้จริงไปยังพระองค์อัลลอฮ บางทีผมอ่านที่มีผู้อ้างว่ามาจากเว็บนี้กับเว็บวะฮาบี
โต้กัน มันเหมือนคนอากีดะเดียวกันแต่มาฟัดกันเองอ่ะครับ ผมอ่านแล้วมันเหมือนเรื่องโอละพ่อมากกว่า
เพื่อนผมเองหลายๆคนที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีพอผมไปถามๆดูก็มีอากีดะเดียวกันอย่างที่ผมกับบังยึดถือนั่นแหละ
ผมเลยแปลกใจว่าทำไมในเว็บมุสลิมไทยถึงไปโจมตีเรื่องอากีดะของเขา ผมว่าเรื่องโอละพ่อแท้ๆ น่าจะเปิดใจต่อกันดีๆดีกว่า

11
คืออย่างนี้นะครับ  หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ซอฮิห์เด็ดขาดได้ระบุเกี่ยวกับ "ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย" นั้นเราเชื่อตามที่ได้ระบุไว้  ส่วนการอธิบาย "ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย" นั้น  หากปรากฏว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ตีความหรืออธิบายไว้จริง  ก็จะไม่มีการขัดแย้งระหว่างอุลามาอฺเกี่ยวกับเรื่องนี้   เอาล่ะเมื่อเราเชื่อในอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ซอฮิห์เด็ดขาดแล้ว  โดยท่านร่อซุลลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่ได้อธิบายไว้อย่างเด็ดขาด  เราก็ต้องกลับไปหาความเข้าใจของผู้ที่ดีและประเสริฐกว่าเรานั่นคือบรรดาอุลามาอฺปราชญ์แห่งโลกอิสลามที่อัลเลาะฮ์ทรงยืนยันไว้ในอัลกุรอานว่าพวกเขาเป็นบ่าวที่มีความเกรงกลัวของพระองค์(ซูเราะฮ์ฟาฏิร อายะฮ์ที่ 28)  ว่าเขามีจุดยืนกันอย่างไรต่อการเข้าใจตัวบทหลายนัยที่พูดถึงซีฟัตของอัลเลาะฮ์

ตรงส่วนที่บังขีดเส้นใต้ไว้ผมมีความเห็นคือ ถ้าท่านนบีไม่ได้อธิบายไว้อย่างเด็ดขาด ผมคิดว่าท่านนบีคงสั่งใช้ให้
บรรดาซอฮาบะอีมาน โดยที่ท่านไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น ซึ่งเมื่อลองคิดดูเเล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านนบีจะลืม
อธิบายเกี่ยวกับโองการเหล่านั้นเอาไว้ให้เราเข้าใจ และเมื่อท่านนบีไม่ได้อธิบายไว้โดยให้อีมานโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆในนั้นเพียงอย่างเดียว
เราเองที่เป็นมุสลิมก็น่าจะถือว่านั่นคือแบบอย่างที่สวยงาม และใกล้เคียงกับซุนนะนบีและบรรดาสะลัฟฟุศซอเเละที่สุดแล้ว และบางครั้งตามที่ผม
ได้อ่านๆเจอมาก็คือบรรดาเจ้าของมัซฮับทั้งหลายก็มักจะมอบหมายความหมายของโองการเหล่านั้นต่ออัลลอฮ ดังนั้นผมคิดว่าการไปริเริ่มการตีความ
เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ และไม่ได้ตรงกับแบบฉบับของท่านนบีที่สั่งใช้ให้ซอฮาบะอีมานอย่างเดียวโดยไม่มีข้อสงสัยด้วย

12
 salam
โองการนี้บังแปลผิดนิดหน่อย ตรงคำว่าพวกเจ้า



และพระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

وَلَوْ رَدُّوهُ إِلَى الرَّسُولِ وَإِلَى أُوْلِي الأَمْرِ مِنْهُمْ لَعَلِمَهُ الَّذِينَ يَسْتَنبِطُونَهُ مِنْهُمْ

"หากพวกเจ้าส่งกลับเรื่องนั้นไปยังร่อซูลและผู้ปกครองการงานของเขา  แน่นอนก็จะรู้มันได้โดยบรรดาผู้สามารถวิเคราะห์(วินิจฉัย)มันได้จากพวกเขา" อันนิซาอฺ 83


ส่วนจะเจาะจงสาเหตุในการประทานลงมาหรือไม่ผมไม่รู้ วัลลอฮูอลัม แต่เมื่อได้อ่านย้อนไปก็เจอว่า


80. ผู้ใดเชื่อฟังร่อซูล แน่นอนเขาก็เชื่อฟังอัลลอฮฺแล้ว และผู้ใดผินหลังให้ เราก็หาได้ส่งเจ้าไปในฐานะเป็นผุ้ควบคุมพวกเขาไม่ 
81. และพวกเขากล่าวว่า เชื่อฟัง(*1*) แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้าแล้ว กลุ่มหนึ่งในพวกเขาก็ได้วางแผนในเวลากลางคืน อื่นจากสิ่งที่เจ้ากล่าว และอัลลอฮฺจะทรงบันทึกสิ่งที่พวกเขาวางแผนกันในเวลากลางคืน ดังนั้นจงเพิกเฉยต่อพวกเขาเสีย และจงมอบหมายแก่อัลลอฮฺเถิด(*2*) และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา 

(1)  คือพวกมุนาฟิกนั้นเมื่อได้รับคำสั่งจากท่านนะบีให้ปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็จะกล่าวว่า พวกเราเชื่อฟังและจะปฏิบัติตาม
(2)  มอบหมายให้อัลลอฮฺทรงจัดการแก่พวกเขาเอง 

82. พวกเขาไม่พิจารณาดูอัล-กุรอานบ้างหรือ ? และหากว่า อัล-กุรอานมาจากผู้ที่ไม่ใช่อัลลอฮฺแล้วแน่นอนพวกเขาก็จะพบว่าในนั้นมีความขัดแย้งกันมากมาย
83. และเมื่อมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมายังพวกเขาจะเป็นความปลอดภัยก็ดีหรือความกลัวก็ดี(*1*) พวกเขาก็จะแพร่มันออกไป(*2*)และหากว่าพวกเขาให้มันกลับไปยังร่อซูล และยังผู้ปกครองการงานในหมู่พวกเขาแล้ว(*3*) แน่นอนบรรดาผู้ที่วินิจฉัยมันในหมู่พวกเขาก็ย่อมรู้มันได้ และหากมิใช่ความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้าแล้ว แน่นอน พวกเจ้าก็คงปฏิบัติตามชัยฎอนไปแล้ว นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น(*4*) 

(1)  จะเป็นข่าวคราวที่ทหารได้รับชัยชนะและปลอดภัยก็ดี หรือได้รับความปราชัยและสูญเสียชีวิตก็ดี
(2)  พวกที่มีอีมานอ่อนแอก็จะดีอกดีใจหรือตกอกตกใจจนเลยขอบเขต และแพร่ข่าวกันออกไปสู่ประชาชนคนอื่น ๆ ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เนื่องจากความเข้าใจผิดหรือได้รับข่าวที่ไม่ถูกต้อง
(3)  หมายถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้นโดยตรง
(4)  ถ้าอัลลอฮฺไม่ทรงกรุณาแนะนำให้พวกเจ้ารับฟังข่าวการสู้รบจากท่านนะบี และบรรดาเจ้าหน้าที่แถลงข่าวโดยตรงแล้ว แน่นอนพวกเจ้าก็จะปฏิบัติตามการชี้นำของชัยฏอนกันแล้ว นั่นก็หมายความว่าพวกเจ้าจะต้องได้รับความหายนะอย่างแน่นอน และผู้ที่จะไม่ปฏิบัติตามชัยฏอนนั้นก็จะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 


13
ท่านนบีมูฮัมหมัด ซอลลอลลอฮูอลัยฮีวะซัลลัม คือผู้ที่มีแบบฉบับและมารยาทดีที่สุดที่เราสมควรเอาแบบอย่าง
ท่านมีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่นเสมอ ไม่เคยมีอคติกับผู้ใด

14
 salam
ผมตอบเป็นประเด็นๆไปละกัน เพราะว่าตัวผมเองและคนอ่านจะได้ไม่สับสน
ก่อนอื่นก็ต้องขอชมเชยบังที่เขียนแยกประเด็นมาได้ชัดเจนดี อ่านแล้วเข้าใจแยกแยะเป็นเรื่องๆได้

อัลกุรอ่านอันนิสา/59 ที่บังยกมา

59. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย (*1*) แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล (*2*) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป (*3*) ที่สวยยิ่ง 

(1)  บรรดาเจ้าหน้าที่ในหมู่พวกเจ้าที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง เมื่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นสั่งให้ทำสิ่งใดก็จงปฏิบัติตาม
(2)  นำสิ่งที่ขัดแย้งกันนั้นไปตรวจสอบดูกับอัล-กุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนะบีว่า อัลลอฮฺ และท่านนะบีได้กล่าวว่าอย่างไร แล้วให้ยึดถือตามนั้นโดยปราศจากดื้อดึงใด ๆ ทั้งสิ้น
(3)  กลับไปสู่ความจริงที่สวยงามยิ่ง เพราะจะทำให้ทุกฝ่าย ตั้งอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง และมีความพอใจโดยทั่วกัน

โองการนี้ก็เป็นที่มาที่ไปของคำถามของผมที่ต้องการหลักฐานจากหะดีษที่ท่านนบีได้กล่าวไว้แก่ซอฮาบะในเรื่องโองการคลุมเครือนั้น
ที่ใช้หลักเกณฑ์นี้ก็เพราะอยากจะกลับสู่อิสลามอย่างดีและสวยงาม ตามที่อัลลอฮทรงแนะนำขอให้พี่น้องในเว็บนี้เข้าใจกฎเกณฑ์ตรงนี้ที่ผมยึดถือด้วยนะครับ





15
salam

ถึงน้อง tksarb ครับ ผมได้นำเสนอไปเสียยืดยาวเลยครับ ยังไงก็อดทนอ่านแบบช้า ๆ อย่างมีสมาธิเพื่อจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น และหากว่าตรงใหนไม่เข้าใจก็โปรดถามครับ

เรียนถึงพี่น้องสมาชิกทุกท่านครับ กระทู้นี้ผมของสงวนในการโพสต์ระหว่างกระผมและน้อง tksarb เท่านั้นนะครับ เพื่อการเสวนาจะได้เป็นระเบียบและสร้างความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น

วัสลามุอะลัยกุ้ม


ครับ

หน้า: [1] 2 3 ... 8