แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา....

หน้า: [1] 2 3 ... 16
1
 :salam:

ผมขอกล่าวแบบสรุปๆคับ
มุตะชาบิฮาต .ตามหลัก ภาษา คือ สิ่งหนึ่งมันคล้ายกับอีกสิ่งหนึ่ง
ตามหลัก ศาสนา.ท่าน อิบนุ มันซูร กล่าวว่าคือ สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ความหมายของมันนอกจาก อัลลอฮ์ เท่านั้น ส่วน ท่าน อิบนุ ซัมอานีย์ กล่าวว่า คือ การปกปิด หรือซ้อนเร้นที่ดีที่สุดหรือสวยที่สุด และเป็นที่ถูกเลือกตามทางอัสซุนนะห์ ( บะห์รุล มุหีฏ)1/450/451

และมันมีคำหนึ่งที่คล้ายกันคือ ( المحكم)
المحكم ตามหลัก ภาษา คือ สิ่งที่ไม่ได้ถูกยกเลิก หรือ คือสิ่งหนึ่งที่ผู้ฟังไม่ต้องการไปยังการตีความขยายความเพื่ออภิบายสิ่งนั้น
ตามหลัก ศาสนา คือ มีเห็นต่างกัน และที่ถูกต้อง เหมือนกับสิ่งท่าน มันซูร ได้กล่าวเอาไว้ คือ สิ่งที่สามารถจะรับรู้เป้าหมายมันได้ตามภายนอก หรือมีกลักฐานมาบ่งชี้

ฮุก่มโดยรวม เกี่ยวกับมุตะชาบิฮาต
บรรดาอุลามาอ์เห็นต่างกัน ว่า จำเป็นต้องอีหม่านและไม่ต้องตีความแต่อย่างใด หรือให้ปฏิบัติตามที่ได้ตีความเอาไว้ ?
ท่าน ซัรกะซีย์ กล่าวว่า คำ المحكمของกุรอ่านให้ปฏิบัติตามได้เลย ส่วน متشابهةจำเป็นต้องศรัธทาและไม่ต้องตีความแต่อย่างใดหากไม่มีหลักฐานที่ชักเจนมาบ่งชี้

ส่วน ท่าน อบู อิสฮาก กล่าวว่า การเห็นต่างกันของบรรดาอุลามาอ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฮุก่มต่างๆของศาสนาเพราะไม่มีสิ่งอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้นอกจากแค่รู้ถึงความกระจ่างเท่านั้น (บะห์รุล มุหีฏ)1/452/453
 วัลลอฮุ อะลัม

2
รอมะฎอน / Re: ทำไงดี?
« เมื่อ: ส.ค. 21, 2011, 11:11 AM »
:salam:

มีเรื่องถามหน่อยคับ
คือว่าผมยังไม่ได้ละหมาดอีซาเลยแล้วหลับไปก่อน ตื่นมาอีกทีก็ใกล้จะซุบฮิแล้ว ผมเลยมาละหมาดขณะที่ทำการละหมาดนั้นผมนึกได่ว่าผมยังไม่ได้เนียตถือศลีอด จะเลิกละหมาดแล้วเนียตถือศลีอดก็ไม่ได้เพราะถ้าเลิกละหมาดไม่ทันแน่ จะไม่เนียตก็ไม่ได้ตามมัสฮับซาฟีอี ผมเลยตัดสินใจเนียตถือศลีอดในละหมาด อยากทราบว่าละหมาดผมจะเสียใหม??  วัสลามครับ



ที่ถามมานี้ผมอ่านเจอใน หนังสือ ฮาวีย์ ลิ้ลฟาตาวา ของ อีหม่าม อัซสุยูฏีย์ บท ฟาตาวา ฟิกฮียะห์ ว่าด้วยเรื่อง อัซซียาม
ท่านบอกว่า ไม่อนุญาตให้เนียตเลิกละหมาด และไม่อนุญาตให้ทิ้งการเนียตถือศลีอด และถือว่าการเนียตบวชในละหมาดนั้นไม่ทำให้การละหมาดเสียแต่ประการใด

ส่วนการเนียตเอี๊ยะติกาฟในละหมาด และการเนียตบวชในละหมาดโดยที่เวลาของการเนียตบวชยังคงพออยู่เมื่อเลิกละหมาดนั้น ต้องรอผู้รู้มาตอบครับ

(การเนียตเอี๊ยะติกาฟในละหมาด ผมจำมาจากอาจารย์ 70 เปอร์เซน ท่านว่าเสียการละหมาดเพราะเปลี่ยนเนียตเป็นอื่น)
(ส่วนการเนียตบวชในละหมาดโดยที่เวลาของการเนียตบวชยังคงพออยู่เมื่อเลิกละหมาดนั้น ผมว่าละหมาดก่อนแล้วค่อยมาเนียตดีกว่านะครับ) วัลลอฮูอะลัม



3
นียัตปอซอทั้งเดือนเป็นของมาลีกี นียัตปอซอฟัรดูตอนกลางวันเป็นของฮานาฟีหรอกหรือ
เคยฟังคุตบัฮที่แก้วนิมิต รู้สึกว่าสองอันนี้มันสลับกัน หรือว่าผมจำผิดไป

  salam

                นียัตปอซอทั้งเดือนเป็นของมาลีกี นียัตปอซอฟัรดูตอนกลางวันเป็นของฮานาฟีหรอกหรือ

..ใช่แล้วครับ เนียตบวชในคืนแรกของเดือนร่อมะฎอนหรือบวชที่เปนฟัรดู เช่นการ บนบานไว้ ถือว่าใช้ได้แล้วในมัสฮับ มาลีกี
..ส่วนการเนียตในตอนกลางวันนั้นถือว่าใช้ได้เมื่อเกิดขึ้นก่อนตะวันคล้อยในมัสฮับ ฮานาฟี
                               ( ดูหนังสือที่ได้กล่าวไว้แล้ว และหนังสือ  رحمةالأمةفي اختلاف الأئمة   )

4
.. ฮานาฟี มาลีกี เห็นว่า การสูดน้ำเข้าจมูก การบ้วนปาก แล้วเกิดน้ำนั้นเข้าไปโดยไม่เกินเลยไป (غيرمبالغة ) ถือว่าเสียบวช ส่วนซาฟีอีในโกลที่ รอเญี้ย และมัสฮับ ฮัมบาลี เห็นว่า ไม่เสีย

.. 3 มัสฮับ มาลีกี ซาฟีอี ฮัมบาลี ใครที่ล่าช้าในการชดใช้บวชของปีที่ผ่านมาทั้งๆที่มีความสามารถจนกระทั้งเดือนร่อมะฎอนปีหน้ามาถึง จำเปนที่เขาต้องชดใช้และต้องเสียกัฟฟาเราะห์วันละ 1 มุด และไม่อนุญาติให้ล่าช้า ส่วน ฮานาฟี เห็นว่า อนุญาติให้ล่าช้าได้ โดยไม่ต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์ และท่าน มุซนี ก็ได้เลือกเอาไว้

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า สุนัตให้บวช 6 วันจากซาววาล ส่วน มาลีกี เห็นว่าไม่มีสุนัต และท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ (الموطأ )ว่าฉันไม่เคยเห็นจากบรรดาอาจารย์ของฉันเลยว่าท่านเหล่านั้นได้บวชใน 6 วันจากซาววาล เพราะเขาเกรงว่าจะเกิดเปนฟัรดู

.. ฮานาฟี มาลีกี เห็นว่า ไม่มีสิ่งใดหลังจากฟัรดูอัยนีที่จะดีกว่าการศึกษาหาวิชาความรู้ ต่อมา ก็การ ญีฮาด ส่วน ซาฟีอี เห็นว่า การละหมาดเปนอามาลทางร่ายกายที่ประเสริฐที่สุด ส่วนฮัมบาลี เห็นว่า ฉันไม่เห็นสิ่งใดเลยหลังจากฟัรดูที่จะดีกว่าการญีฮาด

.. ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า ใครที่บวชสุนัตหรือละหมาดสุนัตอยู่นั้นสามารถเลิกกลางคันได้ แต่ที่ดีควรทำให้ครบ ส่วนฮานาฟี มาลีกี เห็นว่า จำเปนต้องทำให้ครบ

.. ฮานาฟี มาลีกี เห็นว่า การบวชวันศุกร์วันเดียวนั้นไม่มักโร๊ะ ส่วน ซาฟีอี ฮัมบาลี อาบี ยูซุฟ ถือว่ามักโร๊ะ

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี มาลีกี ฮัมบาลี เห็นว่า การแปรงฟันของผู้ที่บวชนั้นไม่มักโร๊ะ ส่วน ซาฟีอี ถือว่ามักโร๊ะหลังจากตะวันคล้อยไปแล้ว ส่วน(มุคตาร)โกลที่ถูกเลือกในชนรุ่นหลังในมัสฮับซาฟีอีนั้นถือว่าไม่มักโร๊ะ

.. ศานานั้นถือว่าการนินทาการใส่ร้ายของผู้ที่บวชนั้นเปนที่ต้องห้ามอย่างมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ถือบวช ดังน้นสมควรที่ผู้ถือบวชนั้นต้องรักษาปากของเขาให้พ้นจากการนินทาใส่ร้ายเหล่านี้                        
                                        
                (จบบริบูรณ์เกี่ยวกับฮุก่มต่างๆที่เกี่ยวกับการถือศีลอดที่มีกล่าวไว้ในหนังสือ  الميزان الكبرا  للشعرانى )                                                                                  
                                                           والله تعالى أعلم

..

5
ไม่ทราบว่า โกล คืออะไรหรือ ใช่ قول หรือเปล่า

 salam

ใช่แล้วครับ โกล ก็คือ قول นั้นเองครับ ( โกล ก็คือ คำพูดหนึ่ง อย่างเช่นโกลที่ (รอเญี้ย)ก็คือ คำพูดที่มีน้ำหนักนั้นเองครับ )

6
.. อีหม่าม ฮานาฟี และส่วนมากของซาฟีอี มาลีกี เห็นว่าการเนียตออกจากบวชนั้นไม่ทำให้เสียบวช ส่วน ฮัมบาลี ถือว่าเสีย

.. มาลีกี ซาฟีอี เห็นว่า การเจตนาอาเจียนนั้นทำให้เสียบวช ส่วน ฮานาฟี ถือว่าไม่เสีย นอกจากว่าการอาเจียนนั้นเต็มปากจึงเสียบวช ส่วน ฮัมบาลี เห็นว่าบวชนั้นเสียถ้าการอาเจียนนั้นน่าเกียดเกินไป

.. 3 มัสฮับ มาลีกี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า หากมีอาหารตติดตามฟันและน้ำลายนั้นได้ทำให้เศษอาหารไหลลงคอ ถือว่าไม่ทำให้เสียบวชเพราะไม่สามารถแยกออกได้ แต่ถ้าเจตนากลืนลงไป ถือว่าเสียบวช ส่วน ฮานาฟี บวชนั้นไม่เสีย และบางส่วนของฮานาฟีได้กำหนดปริมาณของเศษอาหารต้องไม่เกินเมล็ดงา

.. มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า การใช้ยาสวนถวารนั้นทำให้เสียบวช ส่วน มาลีกีเห็นว่า ไม่เสีย ส่วนการหยอดหู หรือนำสิ่งหนึ่งเข้าทางอวัยวะหน้าหลังนั้นเสียบวชในมัสฮับซาฟีอี ส่วนท่านอื่นๆไม่ได้กล่าวเอาไว้

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี มาลีกี เห็นว่า การกอกเลือดนั้นไม่ทำให้เสียบวช ส่วน ฮัมบาลี ถือว่าคนกอก และคนถูกกอก เสียทั้งคู่

.. บรรดาอีหม่ามทั้งหลายเห็นตรงกันว่า การกินในขณะที่สงสัยว่าดวงอาทิตย์ขึ้นหรือยังต่อมาก็รู้ว่าดวงอาทิตย์นั้นมันขึ้นแล้ว ถือว่าเสียบวช ส่วนท่าน อาฎออ์ ดาวูด และอิสหาก บอกว่า ไม่ต้องชดใช้ ส่วน มาลีกี ต้องใช้ในบวชที่เปนฟัรดู

.. ฮานาฟี ซาฟีอี เห็นว่าการทาตานั้นไม่มักโร๊ะ ส่วน มาลีกี ฮัมบาลี ถือว่ามักโร๊ะ ยิ่งไปกว่านั้นหากว่ามีรสชาติอยู่ในลำคอถือว่าเสีย ส่วนท่าน อาบี ลัยลา และ อิบนุ ซีรีน ถือว่าเสียในการทาตา

.. ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า การปล่อยทาศ การให้อาหาร การบวช ในกัฟฟาเราะห์ของการร่วมประเวณีนั้นจำเปนต้องเรียงตามลำดับ ส่วนมาลีกีเห็นว่า การให้อาหารดีที่สุด และให้เลือกทำได้

.. ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า กัฟฟาเราะห์นั้นจำเปนบนสามี ส่วน ฮานาฟี และมาลีกี เห็นว่าจำเปนบนทั้ง2คน หากเขาร่วมประเวณี2วันต้องเสียกัฟฟาเราะห์2วันในมัสฮับ มาลีกี และซาฟีอี ส่วนฮานาฟี หากเขายังไม่จ่ายในครั้งแรกถือว่าให้จ่ายครั้งเดียว ส่วนฮัมบาลี จ่าย2กัฟฟาเราะห์ไม่ว่าครั้งแรกจะจ่ายแล้วหรือไม่ก็ตาม ส่วนการร่วมประเวณีในวันเดียว 2 ครั้ง จ่ายครั้งดียวเห็นตรงกันทั้งหมด

.. ทั้ง 4 มัสฮับ เห็นว่า กัฟฟาเราะห์นั้นไม่จำเปน นอกจาก มนเดือนร่อมะฎอนเท่านั้น ส่วนท่าน อาฎออ์ และ กอตาดะห์ เห็นว่าจำเปนต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์ในบวชดใช้ด้วย

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า ใครที่ร่วมประเวณีขณะดวงอาทิตย์ขึ้นและเขาก็ทอนออกตอนนั้นเลยบวชนั้นไม่เสีย ส่วนมาลีกีถือว่าเสีย

.. ฮานาฟี ซาฟีอี และรายงานหนึ่งของฮัมบาลี เห็นว่า การจูบสำหรับคนบวชนั้นไม่ฮาราม นอกจากว่าจะเกิดซะห์วัต ส่วนท่าน มาลีกี ถือว่า ฮารามทุกสภาพ

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี มาลีกี เห็นว่า ใครที่จูบแล้วมีน้ำมาซีย์ ถือว่าไม่เสีย ส่วนฮัมบาลี ถือว่าเสีย และการมองที่เกิดอารมณ์แล้วน้ำมานีไหลออกมานั้นไม่ทำให้เสียบวช ตามฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี ส่วน มาลีกี ถือว่าเสีย

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี มาลีกี เห็นว่า คนเดินทางสามารถแก้บวชได้ด้วยการกิน ดื่ม หรือ ร่วมประเวณีได้ ส่วน ฮัมบาลี แก้บวชด้วยการร่วมประเวณีนั้นไม่ได้ ถ้าเมื่อใดที่เขานั้นทำจำเปนต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์

.. ฮานาฟี มาลีกี เห็นว่า ใครแก้บวชในเดือนร่อมะฎอนโดยที่เขามีสุขภาพดีไม่ได้เดินทางจำเปนต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์ ส่วนซาฟีอีในโกลที่รอเญี้ย และฮัมบาลี ถือว่าไม่เสีย

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า ใครที่กิน หรือดื่ม โดยลืม ไม่เสียบวช ส่วนมาลีกี ถือว่าเสีย และต้องใช้ด้วย

.. 4 มัสฮับ เห็นตรงกันว่า ใครที่เสียบวชด้วยการกินหรือดื่มโดยเจตนาให้ชดใช้ของวันนั้นๆ

.. ฮานาฟี ซาฟีอี เห็นว่า ใครที่กิน ดื่ม ร่วมประเวณี โดยลืมนั้น ไม่เสียบวช ส่วน มาลีกี ถือว่าเสีย ส่วนฮัมบาลี เสียบวชด้วยการร่วมประเวณีอย่างเดียว และจำเปนต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์

.. ฮานาฟี มาลีกี ซาฟีอีในโกลที่ รอเญี้ย ตามอีหม่าม รอฟีอี เห็นว่า คนที่บวชนั้นเมื่อโดนบังคับให้กินหรือดื่ม หรือหญิงที่ถูกบังคับจนเกิดการร่วมประวณีนั้น ไม่ทำให้เสียบวช แต่ในโกลที่อาเซาะห์ ณ.อีหม่าม นาวาวีย์ ถือว่าเสีย ส่วนฮัมบาลี เสียบวชถ้าเกิดการประเวณี ไม่ใช่การกินหรือดื่ม


                                                    ( เดี๋ยวมาต่อใหม่ครับ )

7
.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า การจ่ายกัฟฟาเราะห์นั้นไม่จำเปนในบวชที่ไม่ได้อยู่ในเดือนร่อมะฎอน ส่วนท่าน กอตาดะห์นั้นบอกว่า จำเปนต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์ในการชดใช้บวชด้วยถ้าทำในสิ่งที่ทำให้เสียกัฟฟาเราะห์

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า ใครที่กินหรือดื่มในเดือนร่อมะฎอนโดยที่เขามีสุขภาพดีและไม่ใช่เปนผู้เดินทางจำเปนต้องชดใช้ และงดในเวลาที่เหลืออยู่ด้วย

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า ใครที่ทำให้เสียบวชวันหนึ่งของเดือนร่อมะฎอนจำเปนต้องชดใช้ของวันนั้นๆ ส่วนท่าน รอบีอะห์บอกว่าต้องใช้ 12 วัน ส่วนท่าน มูซัยยิบ บอกว่าต้องใช้แต่ละวันนั้น 1 เดือนต่อ1วันที่เสียบวช ส่วนท่าน นัคอีย์ บอกว่าไม่ต้องใช้ นอกจาก 1000 วัน ส่วนท่าน อาลี และ อิบนุ มัสอูด บอกว่าการบวชตลอดชีวิตนั้นไม่ต้องชดใช้

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า การบวชของคนที่เปนลมตลอดทั้งวันนั้นไม่เซาะห์ แต่ถ้าหากนอนตลอดทั้งวันนั้นบวชเซาะห์ โดยแตกต่างกับ ท่านอิซฎอครีย์เปนผู้หนึ่งที่อยู่ในมัสฮับซาฟีอี

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า สุนัตให้บวชในวันที่ 13 14 15 ของเดือน
 
                                    (ทั้งหมดนี้เปนมัสอะละห์ที่บรรดาอุลามาอ์เห็น الإجماع และ الإتفاق กัน)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                                      
                                             (ต่อไปเปนมัสอะละห์ที่บรรดาอุลามาอ์เห็นต่างกัน)

.. มัสฮับซาฟีอีตามโกลที่ รอเญี้ย และฮัมบาลี บอกว่า คนท้องและคนให้นมนั้นถ้านางนั้นแก้บวชเนื่องจากกลัวอันตรายเกิดกับลูกของนาง จำเปนต้องชดใช้ และจ่ายกัฟฟาเราะห์ทุกๆวัน วันละ 1 มุด ส่วนอีหม่าม ฮานาฟีนั้นไม่ต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์ ส่วนท่าน อิบนุ อุมัร และ อิบนุ อับบาส ให้จ่ายกัฟฟาเราะ ไม่ต้องชดใช้

.. ทั้ง 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี มาลีกี เห็นว่า ใครที่บวชแล้วต่อมาเขาได้เดินทางไม่อนุญาติให้แก้บวช ส่วน ฮัมบาลี อนุญาติ และท่าน มุซนีก็ได้เลือกไว้เช่นกัน

.. อีหม่าม ฮานาฟี และฮัมบาลี บอกว่า คนที่เดินทางถ้าเขานั้นแก้บวชมาแล้ว และเขาก็กลับมาที่บ้านของเขา หรือคนป่วยที่แก้บวชต่อมาเขาก็หายป่วย หรือเด็กที่บรรลุนิติภาวะในตอนกลางวัน หรือคนกาเฟรเข้ารับอิสลามตอนกลางวัน จำเปนที่พวกเขานั้นต้องงดในเวลาที่ยังเหลืออยู่ ส่วน มาลีกี และ ซาฟีอีในโกลที่ อาเซาะห์ ถือว่าเปนสุนัต

.. 3 มัสฮับ มาลีกี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า ผู้ที่ออกจากศานา (ตกศานา)จำเปนต้องชดใช้บวชในสภาพที่เขานั้นตกศานา ส่วน ฮานาฟี ไม่จำเปนต้องใช้

.. 3 มัสฮับ มาลีกี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า เด็กนั้นบวชใช้ได้ ส่วน ฮานาฟี ใช้ไม่ได้

.. ฮานาฟี และ ซาฟีอี บอกว่า คนบ้า เมื่อเขาหายจากการบ้า ไม่จำเปนต้องใช้ในสิ่งที่เขาได้ขาดไป ส่วน มาลีกี ถือว่าจำเปน และเปนหนึ่งในมัสฮับ ฮัมบาลี

.. ฮานาฟี และซาฟีอี ตามโกลที่ อาเซาะห์ เห็นว่า คนป่วยที่ไม่หวังว่าจะหาย และคนแก่ที่ไม่สามารถบวชได้ จำเปนต้องจ่าย ฟิดยะห์ วันละ 1 มุด ไม่ต้องบวชใช้ ส่วน มาลีกี ไม่ต้องชดใช้ และไม่ต้องเสีย ฟิดยะห์ และเปนโกลหนึ่งของ ซาฟีอี ส่วน ฟิดยะห์ที่ต้องจ่ายในมัสฮับ ฮานาฟี และ ฮัมบาลี นั้น ครึ่งซออ์ ส่วน ซาฟีอี 1 มุด ทุกๆวัน

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี มาลีกี ซาฟีอี และรายงานหนึ่งของฮัมบาลี บอกว่า บวชนั้นไม่จำเปน เมื่อว่าไม่เห็นจันทร์เสี้ยวขณะที่ท้องฟ้านั้นมีเมฆปกคลุม หรือจันทร์เสี้ยวนั้นซ้อนตัวในค่ำคืนที่ 30 ของเดือนซะห์บาน ส่วนอีกรายงานหนึ่งของ ฮัมบาลี บอกว่า จำเปนต้องบวช

.. ฮานาฟี บอกว่า ไม่เปนการยืนยันว่าเห็นจันทร์เสี้ยวของเดือนร่อมะฎอนในขณะที่ท้องฟ้านั้นโปร่งใส นอกจากต้องมีพยานส่วนใหญ่ของผู้ที่รู้ข่าว อันนึง เมื่อท้องฟ้านั้นมีเมฆ ก็เปนสิ่งที่ยืนยันได้ด้วยการมีพยายคนเดียวไม่ว่าจะเปนชายหรือหญิงจะเปนทาศหรือเสรีชนก็ตาม ส่วน มาลีกี ต้องมีพยาน 2 คน ส่วน ซาฟีอี และหนึ่งจากรายงานของฮัมบาลี เห็นว่า มีพยานคนเดียวก็พอแล้ว

.. ทั้ง 4 มัสฮับ เห็นว่าใครที่เห็นจันทร์เสี้ยวคนเดียวก็ให้เขาบวช และถ้าเขาเห็นจันทร์เสี้ยวของเดือน ซาววาล ก็ให้เขาแก้โดยลับๆ ส่วน ท่าน ฮาซัน และอินุ ซีรีน เห็นว่าไม่จำเปนที่เขานั้นต้องบวชเมื่อเขาเห็นคนเดียว

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี มาลีกี ซาฟีอี เห็นว่า การบวชในวันที่สงสัยนั้นใช้ไม่ได้ ส่วน ฮัมบาลี ถือว่ามักโร๊ะหากท้งอฟ้านั้นโปร่งใส ส่วนถ้าท้องฟ้านั้นมีเมฆวายิบ

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี มาลีกี ซาฟีอี เห็นว่า ถ้าจันทร์เสี้ยวถูกเห็นตอนกลางวันถือว่าเข้าบวชในคืนต่อไป ส่วน ฮัมบาลี บอกว่า ถ้าเห็นก่อนตะวันคล้อยถือว่าเข้าบวชเมื่อที่ผ่านมา แต่ถ้าเห็นหลังจากตะวันคล้อยมี 2 รายงาน ดังนั้น 3 มัสฮับ ถือว่าไม่ต้องชดใช้คืนที่ผ่านมา

.. 3 มัสฮับ มาลีกี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า จำเปนต้องเจาะจงบวช ส่วน ฮานาฟี ไม่มีเงื่อนไขต้องเจาะจง ถ้าเนียตบวชเฉยๆหรือเนียตเปนสุนัตในเดือนร่อมะฎอนใช้ได้

.. 3 มัสฮับ มาลีกี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า เวลาเนียตบวชนั้นนับตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกจนถึงดวงอาทิตย์ที่2ขึ้นคือ(ฟายัร กาซิบ) ส่วน ฮานาฟี ไม่จำเปนต้องเจาะจงเนียตในตอนกลางคืน แต่อนุญาติให้เนียตตอนกลางคืนได้ จนถึงก่อนตะวันคล้อย

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า การเนียตในเดือนร่อมะฎอนนั้นต้องเนียตทุกคืน ส่วน มาลีกี เนียตแค่ครั้งเดียวพอเพียงแล้ว

.. 3 มัสฮับ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี เห็นว่า บวชสุนัตนั้นถ้าเนียตก่อนตะวันคล้อยใช้ได้ ส่วน มาลีกี เนียตตอนกลางวันนั้นใช้ไม่ได้

.. 4 มัสฮับ นั้นเห็นว่า การบวชของผู้ที่มียูนุบนั้นใช้ได้ ส่วน อาบี ฮุรอยเราะห์ และ ซาเล็ม บิน อับดิลลอฮ์ เห็นว่า ใช้ไม่ได้ ส่วนท่าน อุรวะห์ และ ฮะซัน หากเขาล่าช้าจากการอาบน้ำโดยไม่มีอุปสรรคใดๆบวชนั้นเสีย ส่วนท่าน อัคอีย์ เห็นว่า หากเปนบวชที่วายิบนั้นต้องชดใช้ และการนินทา โกหก นั้นทำให้เสียบวชด้วยเช่นกัน

                                                                   (เดี๋ยวมาต่อใหม่ครับ) วัสลาม..

8
                                                            السلام عليكم ورحمة اللله وبركاته      

                                      بسم الله، والحمد لله، والصلاة والسلام على رسول الله، وآله وصحبه ومن والاه، وبعد.


ผมเห็นว่าใกล้เข้าถึงเดือนร่อมะฎอนแล้วเลยอยากนำเสนอฮุก่มต่างๆที่เกี่ยวกับการถือศีลอดในทัศนะของบรรดาอุลามาอ์ต่างๆมาให้ทราบกัน เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นบางเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเราเกี่ยวกับการถือศีลอดตามมัสฮับซาฟีอีอาจเกิดความลำบาก หรือเรานั้นเกิดลืมทำในเงื่อนไขที่อีหม่ามซาฟีอีได้วางเอาไว้ซึ่งทำให้การถือศีลอดเรานั้นเปนโมฆะไป หรือเกิดความลำบากในบางกรณี เราก็สามารถตักลีดตามมัสฮับอื่นได้ หรือทำตามในมัสฮับซาฟีอีที่เปนโกลที่อ่อนกว่าได้

( เพราะตาม กออีเดาะห์ที่ว่า เมื่อเรานั้นตามมัสฮับนึงมัสฮับใด แล้วเกิดความลำบากกับเราในบางกรณีเราก็สามารถตามมัสฮับอื่นได้ )

( และการตามมัสฮับอื่นนั้นจำเปนที่เราต้องรู้ว่ามีกล่าวไว้ว่าอย่างไรถึงแม้ว่าจะไม่รู้ถึงลักฐานของพวกเขาก็ตาม แต่จำเปนที่เราต้องรู้ที่มาไม่ว่าจะอยู่ในหนังสือใดก็ตามแต่ เพราะไม่อนุญาติให้เรานั้นตามมัสฮับอื่นโดยที่เรานั้นคิดเอาเอง มีกล่าวไว้ใน  الميزان الكبرا  للشعرانى)


                                                            كتاب الصيام

.. บรรดาอุลามาอ์ทั้งหมดเห็นว่าการถือบวชนั้นเปนฟัรดูเหนือมุสลิมชาย หญิงทุกคน และเปนรุก่นหนึ่งของศาสนาอิสลาม

.. อีหม่ามทั้ง 4 เห็นตรงกันว่าบวชนั้นเปนสิ่งที่จำเปนเหนือมุสลิมชายหญิงที่บรรลุนิติภาวะ มีสติปัญา มีความสะอาด ไม่ได้เปนผู้เดินทาง และมีความสามารถบวชได้ และหญิงที่มีเฮด นิฟาสนั้นฮารามสำหรับนางที่จะบวช หากนางทั้ง2นั้นบวช ก็ใช้ไม่ได้ และจำเปนต้องกอดอใช้ ส่วนหญิงที่ท้องและหญิงที่ให้นมนั้นอนุญาติให้แก้บวชได้เมื่อนางนั้นกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับตัวนางหรือบุตรของนาง หากว่านางทั้ง2นั้นบวชถือว่าใช้ได้

.. อีหม่ามทั้ง 4 เห็นตรงกันว่าผู้ที่เดินทางและผู้ที่ป่วยที่หวังว่าจะหายนั้นอนุญาติให้แก้บวชได้ หากเขาจะบวชถือว่าใช้ได้ และถ้าหากเกิดอันตรายกับเขา ถือว่ามักโร๊ะ และบางส่วนของ อะห์ลุส ซอฮิรีย์ ถือว่าผู้ที่เดินทางนั้นบวชใช้ไม่ได้ และท่าน เอาซาอีย์ ถือว่าการแก้บวชในการเดินทางนั้นดีกว่าในทุกกรณี

.. อีหม่ามทั้ง 4 เห็นตรงกันว่า เด็กที่ยังไม่บรรลุ และผู้ที่บ้าจริงๆนั้น ไม่ถูกคีฎอบให้บวช แต่ทว่าให้ใช้เมื่อเด็กนั้นอายุ 7 ขวบ และให้ตีเมื่ออายุ 10 ขวบ

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า การเห็นจันทร์เสี่ยวของซะห์บานคนเดียวนั้นไม่เปนที่ยอมรับ ส่วน อาบู เซาริน นั้นยอมรับ

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า บวชรอมาฎอนจำเปนด้วยการเห็นจันทร์เสี่ยว หรือนับให้ครบ 30 วันของซะหฺบาน

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า เมื่อจันทร์เสี่ยวนั้นถูกเห็นที่ใดก็ตาม ให้บวชกันทั้งหมดโลก ส่วนอัสฮาบอีหม่ามซาฟีอีเห็นว่าบวชนั้นจำเปนเมืองที่ใกล้ไม่ใช่เมืองที่ใกล (ประเทศใครประเทศนั้น)

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า บวชนั้นไม่จำเปนด้วยการคำนวณทางดาราศาสต์ นอกจาก ท่าน อิบนุ ซาเรี้ย ( เรื่องนี้มีทัศนะต่างๆมากมาย)

.. บรรดาอุลามาอ์ทั้ง4เห็นว่า จำเปนต้องมีเนียตในบวชเดือนรอมะฎอน ส่วนมท่าน อาฎออ์ และ ซัฟรุ บอกว่าไม่จำเปน

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า บวชของผู้ที่มียูนุบนั้นใช้ได้ แต่ที่ดีแล้วให้อาบน้ำก่อนแสงอรุณขึ้น ซึ้งต่างกับท่าน อาบี ฮุรอยเราะ และ สาเล็ม บิน อับดิลลอฮ์ บอกว่าใช้ไม่ได้ และต้องงดด้วย และต้องชดใช้ด้วย ส่วนท่าน อุรวะห์ และหะซัน บอกว่า หากเขาล่าช้าเพราะมีอุปสรรคถือว่าใช้ได้ ส่วนท่าน นัคอีย์ บอกว่า หากเปนบวชฟัรดูนั้นต้องชดใช้

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า การนินทา การโกหกนั้นมักโร๊ะสำหรับผู้ที่บวช كراهة شديدة ถ้าไม่เข้าข่ายฮาราม แต่บวชนั้นใช้ได้ ส่วนท่าน เอาซาอีย์บอกว่าบวชนั้นเสีย

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า ใครที่กินโดยที่คาดว่าดวงอาทิตย์นั้นตกแล้ว หรือคาดว่าดวงอาทิตย์นั้นยังไม่ขึ้นแล้วปรากฎว่าตรงกันข้ามกับสิ่งที่คาดเอาไว้ จำเปนที่เขานั้นต้องชดใช้

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า ใครที่อวกโดยที่ไม่สามารถบังคับได้ถือว่าไม่เสียบวช ซึ้งต่างกับ ท่าน ฮาซัน บาซอรีย์

.. บรรดาอุลามาอ์เห็นว่า ใครที่ร่วมประเวณีโดยเจตนาและไม่มีอุปสรรคเขานั้นมีบาป บวชเสีย และจำเปนต้องงดในเวลาที่ยังเหลือ และจำเปนต้องจ่ายกัฟฟาเราะห์ใหญ่ ถือ ปล่อยทาศ 1คน หากไม่มี บวช 2เดือนติดต่อกัน หากไม่สามารถ ให้จ่ายอาหารแก่คนจน 60 คน คนละ1มุด ส่วนท่าน อีหม่าม มาลิก บอกว่า กัฟฟาเราะห์นั้น ให้เลือกเอาจะทำอันไหนก็ได้

                         ( เดี๋ยวมาต่อใหม่ครับ ในสิ่งที่ยังเหลืออยู่ จากสิ่งที่บรรดาอุลามาอ์ส่วนใหญ่เห็นตรงกัน และที่เห็นต่างกัน)

9
salam

ได้ตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อย  รูปสัตว์บ้าง เช่น หมีพูห์  ชินจัง  ฯลฯ หมีตัวใหญ่เบ้อเร่อ...ไม่ทราบว่าเล่นได้ไหม  นำมาตั้งในบ้านได้หรือไม่

จุดประสงค์คือ  นำมาเล่น  กอด หนุนนอน

อยากทราบว่า  เป็นที่อนุญาติให้มีในบ้านหรือไม่  (กลัวว่ามะลาอิกะฮฺจะไม่เข้าบ้าน )เท่าที่อ่านจากหะดิษข้างต้นยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
loveit:



อยากทราบเช่นกันครับ

แล้วหุ่นกันดั้มหละ  ;D อยากทราบเช่นกัน


 salam

เล่าจากอาอิชะฮฺ (ร.ด.) ได้กล่าวว่า : ฉันเคยเล่นตุ๊กตารูปผู้หญิง  บางครั้งท่านรอซูล (ซ.ล.) เข้ามาหาฉัน  โดยที่ฉันยังมีพวกเด็กผู้หญิงอยู่ด้วย  เมื่อท่านเข้าเด็กผู้หญิงเหล่านั้นก็จะออกไป  และเมื่อท่านนบีออกไป  เด็กผู้หญิงเหล่านั้นก็จะเข้ามา (อาอิชะฮฺมีตุ๊กตารูปผู้หญิงซึ่งเธอจะใช้เล่นกับเด็กๆผู้หญิงชาวอันซอร  เมื่อท่านนบี (ซ.ล.)เข้าไปหาอาอิชะฮฺ เด็กๆ ผู้หญิงเหล่านั้นก็จะออกไป ทั้งนี้เพราะยำเกรงท่านนบี (ซ.ล.) (متفق عليه)



เล่าจากอาอิชะฮฺ (ร.ด.) ว่า แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.)ได้กลับมาหานางจากสงครามตะบูกหรือคอยบัร  โดยที่หิ้งวางของของนางมีม่านปิดอยู่  ลมได้พัดทำให้ม่านเปิดออกเห็นเด็กผู้หญิงของอาอิชะฮฺที่เป็นของเล่น (คือตุ๊กตารูปผู้หญิง) ท่านได้ถามว่า : อะไรนี่ โอ้อาอิชะฮฺ  อาอิชะฮฺตอบว่า : ลูกสาวของฉันเอง  และท่านนบีได้เห็นอยู่ในท่ามกลางตุ๊กตาเด็กผู้หญิง ม้ามีปีกทำจากเศษผ้า  ท่านได้ถามว่า : ฉันเห็นอะไรอยู่ตรงกลางตุ๊กตา เหล่านั้น ?   อาอิชะฮฺตอบว่า : ม้า  ท่านได้กล่าวว่า : อะไรอยู่บนตัวม้า  อาอิชะฮฺตอบว่า : ปีกสองข้าง  ท่านนบีกล่าวว่า :  ม้ามีสองปีกหรือ อาอิชะฮฺตอบว่า: ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่า  ม้าของนบีสุลัยมานนั้นมีหลายปีก  อาอิชะฮฺกล่าวว่า : ท่านรอซูล (ซ.ล.)หัวเราะจนฉันเห็นฟันของท่าน (رواه ابوداوود)

ท่าน เซากานีย์ กล่าวว่านี้คือ ฮาดิส ที่ชี้ให้เห็นว่าอนุญาติการเล่นตุ๊กตาหรือของเล่นต่างๆที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความสำคัญหรือให้เกียจให้ความยิ่งใหญ่กับมัน
(ดังนั้นไม่ว่าตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อย  รูปสัตว์บ้าง เช่น หมีพูห์  ชินจัง  ฯลฯ หมีตัวใหญ่เบ้อเร่อ และหุ่นกันดั้มจึงเปนสิ่งที่ (رخصة)ผ่อนผันให้)
 
-ท่านอีหม่ามมาลิกกล่าวว่า มักโร๊ะการที่คนหนึ่งจะซื้อของเล่นชนิดนี้ให้ลูกสาวหรือลูกคนอื่น-
-ท่าน قاضى عياض กล่าวว่าของเล่นของเด็กผู้หญิงนั้น (رخصة) เช่นเดียวกันของเล่นเด็กผู้ชาย-
(..หนังสือ الحلال والحرام فى الإسلام ของ ดร.ยูซุฟ กอรฏอวีย์..94)
...วัลลอฮุ อะลา วะละลัม...

10
salam

1.อยากทราบว่า เด็กที่คลอดออกมาซึ้งมีน้ำคล่ำออกติดตัวเด็กมาด้วยนั้น เป็นนายิสใหมคับ?
2.ผ่านมาได้3เดือนผู้เป็นแม่ได้ให้นมกับบุตรโดยเปลี่ยนมาเป็นนมผงกระป๋องแทน อยากทราบว่าปัสวะที่เด็กได้ถ่ายออกมานั้นเป็นนายิสใหมคับ?
.....ญาซากัลลอฮุคอยรอน....

 salam

ตอบข้อ 1.ปัญหาเด็กที่ออกมาพร้อมมีน้ำออกมากับเด็กนั้น เปนปัญหาที่มีรายละเอียด...
         - ท่านอีหม่ามมาวัรดีย์บอกว่า สิ่งที่เปืยก(คือน้ำที่ออกมากับเด็กขณะออกลูกนั้น) มี 2อย่างด้วยกัน-
           1 เปนนายิสเพราะเหมือนกับปัสวะ
           2 สะอาดเพราะเหมือนกับน้ำมานี

           - ในฟาตาวาอิบนุซอลลาห์บอกว่า ลูกที่ออกมานั้นไม่เปนนายิส (ในโกลอาเซาะห์)
         - ในหาตาวา อิบนุ ซอบบาฆ ซึ่งถ่ายทอดเอามาจาก( صاحب الشامل ) ว่าลูกที่ออกมาจากช่องคลอดแม่
             นั้นสะอาดไม่ต้องล้าง โดยอิจมาอ์ มุสลิมีน
           - ท่านอัสนาวีย์กล่าวใน(المهمات)น้ำที่ออกมากับลูกนั้นไม่เปนนายิส (على الأصح)
         - ท่านอีหม่ามรอฟีอีกล่าวใน(الشرح الصغير)อย่างชัดแจนเด็ดขาดว่า สิ่งที่เปือกซึ่งออกมากับลูกนั้นเปน
              นายิส นอกจากลูกที่ออกมาจากคน ไม่เปนนายิส
           (อ้างอิงจาก หนังสือ( فتاوى شرعية ) ของ ซัยยิด มูฮำหมัด คอยรุดดีน กอเซม

ตอบข้อ 2.ถ้าเปนลูกสาวถือว่าเปนนายิส(มุตะวัสซีเฎาะ)ต้องล้างน้ำ
              ถ้าเปนลูกชายก็พิจรณาที่นมผงกระป๋องว่ามีส่วนผสมของสิ่งอื่นหรือไม่ (แต่โดยส่วนมากแล้วนมผง
              กระป๋องนั้นจะมีส่วนผสมอื่นอยู่ด้วย ดังนั้นการที่ลูกทานนมกระป๋องนั้นจึงมีฮุก่มว่า..
            - ท่านอีหม่ามนาวาวีย์ได้กล่าว เหมือนกับท่าน กอตาดะห์ ได้กล่าวว่าเด็กที่ดื่มสิ่งอื่นรวมกับน้ำนม
               เปนอาหารนั้น วายิบต้องล้างโดยไม่มีการคิลาฟ (شرح صحيح مسلم) เล่ม 3 หน้า 193
          ..วัลลอฮุ อะลา วะอะลัม..[/color]

11
อัสลามมุอะลัยกุม..
การละหมาดของมะมูมใช้ได้ในละหมาด5เวลา หรือวันศุกร์ครับ หรือใช้ได้ทั้ง2การละหมาดเลยครับรบกวนหน่อยครับ
ญาซากัลลอฮุ คอยรอน...

 salam
การละหมาดของมะมูมนั้นใช้ได้ทั้งในละหมาด5เวลาและวันศุกร์ แต่มีเงื่อนไขอยู่ข้อนึง(สำหรับการละหมาดวันศุกร์) คือจำนวลการละหมาดวันศุกร์นั้นต้องครบสมบรูณ์โดยมะมูมซึ้งไม่ได้รวมกับอีหม่าม กล่าวคือ มะมูมนั้นครบ40คนขึ้นไปนั้นเอง ในมัสฮับ ซาฟีอี และ อะห์หมัด (หนังสือ อัลมีซาน อีลกุบรอ ของ ซะอ์รอนีย์ หน้า 349) วัลลอฮุ อะลา วะอะลัม...

12
 salam

คือถ้ามีคนหนึ่งละหมาดฟัรดูอยู่กลางมัสยิดคนเดียว ต่อมาก็ได้มีญามาอะห์เข้ามาละหมาดโดยละหมาดข้างหน้าใกล้ที่ๆอีหม่ามละหมาด แล้วคนที่ละหมาดฟัรดูคนเดียวนั้นเขาได้เนียตเปนมะมูมตามผู้ที่ละหมาดญามาอะห์ขณะนั้น อยากทราบว่าเขาละหมาดตามได้ใหม..

การที่คนหนึ่งละหมาดคนเดียวแล้วได้มีกลุ่มญามาอะห์มาทำการละหมาดแล้วเขาก็เนียตตามเปนมะมูมนั้นใช่ได้ครับ
(แต่สิ่งที่ควรทำนั้นให้เราเนียตละหมาดฟัรดูเปนสุนัตเหลือ2รอกาอัตหลังจากนั้นก็ให้เราไปตามญามาอะห์ที่เขาละหมาดกันอยู่ครับ)
หนังสืออ้างอิง อัลวารุล มาสาลิก ของเซค มูฮำหมัดซะฮ์รีย์ ฆอมรอวีย์ หน้า 90 และใน ฟิกฮุลอะดิลละห์อิสลามมีย์ ของ ดร.วะฮ์บะห์ ซุฮัยลีย์
...วัลลอฮุ อะลา วะอะลัม...

13
บางทีก็ลืมอ่านเหมือนกันนะ...บางทีในใจเราคิดแต่สิ่งอื่นๆๆ เลยทำให้ออกนอกละหมาดแต่ดีนะ..ที่ใจกลับมาทันละหมาดตอนอิมามจะรอกัวะแล้ว...อย่างนี้เราต้องเริ่มละหมาดไหม่รึเปล่า....

 salam
ไม่ต้องละหมาดใหม่แล้ว..ให้เราอ่านฟาตีฮะห์ตอนนั้นเลยคับและให้เราพยายามอ่านให้ทันอีหม่ามแต่กรณีนี้ทำแตกต่างจากอีหม่ามได้3รุกุ่นที่ยาว คือ รูกั๊ว และ สองซูหยูด กล่าวคือให้เราอ่านฟาตีฮะห์ให้ทันก่อนที่อีหม่ามจะเงยจากซูหยูดครั้งที่2ถือว่าละหมาดใช่ได้คับ
แต่ถ้าเราอ่านยังไม่จบโดยที่อีหม่ามเงยจากซูหยูดมานั้งตะซะห์ฮุดหรือลุกขึ้นยืนมาทำรอกาอัตต่อไปก็ให้เราทำตามอีหม่ามเลยคับ
ถ้าอีหม่ามนั้งเราก็ลงมานั้งเลยแต่ถ้าอีหม่ามยืนเราก็ให้อยู่ในสภาพเดิมโดยไม่ต้องลงไปรูกั๊วหรือซูหยูดแล้ว พออีหม่ามให้สลามก็ให้เราลุกขึ้นทำแทนรอกาอัตที่เราไม่ทันอีหม่ามอี1รอกาอัตคับ...
..ดูมุฆนีย์ อัลมั๊วตาญจ์ 1/505 อ้างอิงจาก อัลกีตาบุลฟิกห์ อะลัล มซาเฮบ อัรบะอ์ 1/400...
วัลลอฮ์ อะลา วะอะลัม..

14


ว่าแต่ว่า ถ้าอ่านฟาติฮะพร้อมกับอีหม่าม หรืออ่านตามอีหม่ามแบบนี้อะนะ พี่น้องมีความคิดเห็นอย่างไร

คือ เป็นคนที่ชอบสมาธิฟังอีหม่ามอ่านซูเราะฮ์หลังฟาติฮะ หลายๆครั้งก็อ่านตามอะ

 salam

ถ้าอ่านฟาติฮะพร้อมกับอีหม่าม หรืออ่านตามอีหม่ามแบบนี้อะนะ พี่น้องมีความคิดเห็นอย่างไร
มักโร๊ะคับ เพราะการที่อัลกุรอานถูกอันเชิญเรานั้นต้องนิ่งเพื่อรับฟังงอัลกุรอาน
และคนที่เปนอีหม่ามนั้นเมื่ออ่านฟาตีฮะห์เส็จให้หยุดพักพอที่มะมูมนั้นเขาอ่านฟาตีฮะห์เส็จเพื่อที่มะมูมจะได้ฟังอีหม่ามในการอ่านซูเราะห์ ถ้ามะมูมยังอ่านไม่เส็จโดยที่อีหม่ามเริ่มอ่านซูเราะห์ก็จำเปนต้องอ่านให้จบเพราะการอ่านฟาตีฮะห์นั้นวายิบ
...วัลลอฮุ อะลา วะอะลัม...

15

  salam

ลืมอ่านฟาติหะฮ์ในละหมาด  หรือไม่แน่ใจว่าได้อ่านหรือไม่ในรอกาอัตนั้น  
รอกาอัตนั้นใช้ได้หรือไม่  หลังละหมาดเสร็จ ต้องทำเพิ่มอีกรอกาอัตหรือไม่  ต้องสุยุดสะอ์วีย์หรือไม่
ขอบคุณครับ

 salam

ลืมอ่านฟาติฮะห์ในละหมาด รอกาอัตนั้นไม่นับคับ
ถ้านืกได้เมื่อเส็จจากละหมาดโดยที่ยังไม่ได้คุยกับใครหรือยังไม่ได้ผินหน้าอกออกจากกิบลัตกล่าวคือละหมาดเส็จก็นึกได้โดยไม่ห่างกันนานให้ขึ้นทำละหมาดต่อเลยแทนรอกาอัตที่เราลืมอ่านฟาตีฮะห์และก่อนให้สลามก็ให้ซูหยูดซะห์วีย์ด้วยคับ ส่วนถ้าหลังละหมาดเราทำสิ่งที่ให้เสียละหมาดไปแล้วเช่นพูดกับคนอื่นหรือเคลื่อนไหวมากๆตรงนี้วายิบที่เราจะต้องละหมาดใหม่คับ

ส่วนการไม่แน่ใจว่าอ่านหรือไม่นั้นถ้านึกได้ตอนขณะละหมาดรอกาอัตนั้นไม่นับคับ ส่วนถ้านึกได้หลังละหมาดตรงนี้ไม่มีผลต่อการละหมาดกล่าวคือละหมาดใช้ได้แล้วคับ
..วัลลอฮ์ อะลา วะอะลัม...

หน้า: [1] 2 3 ... 16