แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Sunni Partisan

หน้า: [1] 2
1
ญาซากัลลอฮุคอยร็อนครับ ผมกด"อ้างถึง" เสร็จแล้วผมก็เอาเฉพาะบ้างข้อความ สงสัยผมจะทำผิดพลาดครับ

ขออภัยจริงๆเลยครับ

2
อ้าวว ทำไมคลิกตั้งกระทู้แล้ว ดันออกมาเป็นอย่างนี้ละครับ!

3

ในคลิปนี้ วะฮาบีย์ได้อ้างเหตุการณ์หนึ่งที่ว่า.. "ท่านนบี (ซ.ล.) ก็มีความผิดพลาดอันเนื่องมาจากความหลงลืม ดังเช่น ในขณะที่ทำการละหมาด (วุกตูหนึ่ง) ไม่ครบตามจำนวนเราะกาอัต จนทำให้เศาะหาบะฮฺสงสัยและขอความเห็นจากท่าน"

ตรงนี้เราจะให้ความรู้กับพี่น้องได้อย่างไรครับ ??

อะไรคือความหมายของคำว่าผิดพลาดในที่นี้ครับ

1.หากหมายถึงผิดพลาดในรื่องทั่วๆไป โดยเกิดจากโครงสร้างทางกายภาค เช่น การกิน การดื่ม การพักผ่อน การจำ การลืม สิ่งเหล่านี้ถือว่าอนุญาตสำหรับท่านนบี(ซ.ล.) เพราะท่านนั้นเหมือนมนุษย์ทั่วไปในเรื่องเหล่านี้

ดั้งนั้น การลืมจำนวนร่อกะอัตละหมาดของท่าน ดังที่ปรากฎในฮะดีษที่ซู้ลยะดัยน์ถามท่านว่า"การละหมาดนั้นถูกย่อหรือท่านลืม โอ้ ร่อซูลุ้ลลอฮ์" ถือว่าไม่มีปัญหาครับ เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ก็ลืมได้เช่นกัน ในฐานะที่ท่านนั้นเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไป ในเรื่องโครงสร้างทางธรรมชาติ

แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับ ฮูก่ม หลักการ หรือวะฮย์แล้ว ท่านนบี(ซ.ล.)จะได้รับการปกป้องไม่ให้ลืม จนกว่าจะได้เผยแพร่สิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อน แต่หลังจากเผยแพร่แล้ว ท่านนบี(ซ.ล.)ก็มีสิทธิ์ลืมได้.

เหตุการณ์เรื่องละหมาดอัสริสองร็อกอะฮ์  ไม่ควรมาแสดงความเสียมารยาทต่อท่านนะบีย์ด้วยการกล่าวหาว่าท่านผิดพลาด! เพื่อแสดงความชอบธรรมในการตอบโต้แนวทางอื่น


ผมเห็นด้วยกับอ.อารีฟีนทุกประการครับ เพราะสิ่งที่บังนำเสนอมาทั้งหมดก็หมายถึงสิ่งที่ผมกำลังหมายถึง ผมจึงได้ถามตั้งแต่เปิดประเด็นว่า อะไรคือความหมายของ

การผิดพลาดที่วะฮาบีย์หมายถึงในที่นี้ และสุดท้ายผมก้อจะพิมพ์ว่า "สุดท้ายนี้ ยังไงเราก็ไม่สามารถนำเรื่องละหมาดมาอ้างว่านะบีก็มีผิดพลาดได้ เพราะมันคนละเรื่อง

กัน" แต่อาจเป็นเพราะเรื่องความไม่ถนัดเรื่องการพิมพ์ของผมที่ค่อนข้างช้่า เลยทำให้ผมพิมพ์ได้น้อย ผมก็เลยไม่ได้พิมพ์หลายๆสิ่ง นี่ก็เลยนำไปสู่การคลาดเคลื่อน

ของความหมายที่ผมสื่อ แต่วันนี้ต้องทนพิมพ์ละครับ เพราะจำต้องชี้แจง ก่อนที่ผมจะโดนปรักปรัมเป็นวะฮาบีไปซะก่อน 555 โดยเฉพาะอ.อารีฟีน ขืนท่านรู้ว่าผมเป็น

ใคร บังคงเคืองผมแย่แน่เลย เป็นถึงลูกศิษย์ของบัง แต่ไฉนจึงมีทัศนะคติเช่นนี้

สุดท้ายนี้ กระผมขอมะอัฟสมาชิกทุกๆคนด้วยนะครับ

ปล.สมาชิกท่านไหนอยุ่ในไคโร ถ้าว่างจากสอบแล้ว ถ้าช่วยสอนคอมพิวเตอร์ผมหน่อย จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลยขอรับ party: party:

4

ในคลิปนี้ วะฮาบีย์ได้อ้างเหตุการณ์หนึ่งที่ว่า.. "ท่านนบี (ซ.ล.) ก็มีความผิดพลาดอันเนื่องมาจากความหลงลืม ดังเช่น ในขณะที่ทำการละหมาด (วุกตูหนึ่ง) ไม่ครบตามจำนวนเราะกาอัต จนทำให้เศาะหาบะฮฺสงสัยและขอความเห็นจากท่าน"

ตรงนี้เราจะให้ความรู้กับพี่น้องได้อย่างไรครับ ??

อะไรคือความหมายของคำว่าผิดพลาดในที่นี้ครับ

1.หากหมายถึงผิดพลาดในรื่องทั่วๆไป โดยเกิดจากโครงสร้างทางกายภาค เช่น การกิน การดื่ม การพักผ่อน การจำ การลืม สิ่งเหล่านี้ถือว่าอนุญาตสำหรับท่านนบี(ซ.ล.) เพราะท่านนั้นเหมือนมนุษย์ทั่วไปในเรื่องเหล่านี้

ดั้งนั้น การลืมจำนวนร่อกะอัตละหมาดของท่าน ดังที่ปรากฎในฮะดีษที่ซู้ลยะดัยน์ถามท่านว่า"การละหมาดนั้นถูกย่อหรือท่านลืม โอ้ ร่อซูลุ้ลลอฮ์" ถือว่าไม่มีปัญหาครับ เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ก็ลืมได้เช่นกัน ในฐานะที่ท่านนั้นเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไป ในเรื่องโครงสร้างทางธรรมชาติ

แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับ ฮูก่ม หลักการ หรือวะฮย์แล้ว ท่านนบี(ซ.ล.)จะได้รับการปกป้องไม่ให้ลืม จนกว่าจะได้เผยแพร่สิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อน แต่หลังจากเผยแพร่แล้ว ท่านนบี(ซ.ล.)ก็มีสิทธิ์ลืมได้.

2.หากหมายถึงการผิดพลาดในเรื่องทำบาป อันนี้ ท่านนบี(ซ.ล.)ได้รับการปกป้องบาปจากอัลลอฮ์ ตะอาลา หรือที่เรียกว่า มะอฺซูม มาตั้งแต่เกิด ซึ่งต่างกับนบีท่านอื่นๆที่เป็นมะอฺซูม หลังจากได้รับวะฮีย์แล้ว

ตัวอย่างที่ท่านเป็นมะอฺซูมก่อนเป็นนบี

1.ฮะดีษที่ท่านได้เล่าถึงว่า ท่านนั้นได้เข้าไปในเมืองในเย็นวันหนึ่ง แล้วท่านก็ไปเจอบ้านงานแต่งที่มีการเปิดเพลง แล้วท่านก็ได้หยุดอยู่ที่นั้น ทันใดนั้นท่านก็สลบไปจนกระทั่งแสงอาทิตย์ได้สาดส่องไปที่ใบหน้าของท่าน พออีกวันหนึ่งท่านก็ทำเช่นนี้อีก แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิมที่เกิดขึ้นกับท่านเมื่อวาน จนกระทั่งท่านนบี(ซ.ล.) ตั้งใจจะไม่ไปอีก

2.ครั้งที่ท่านกำลังบูรณะซ่อมแซมกะอฺบะห์ โดยท่านนั้นได้ยกผ้าขึ้นไปไว้ที่บ่า จนกระทั่งเอาเราะห์ท่านเปิด ทันใดนั้นท่านนบี(ซ.ล.)ก็ได้ตกลงมาสลบไป หลังจากนั้นท่านก็ไม่เคยเปิดเอาเราะห์อีกเลย



5
The reliable source of this field is quite plentyful.

I suggest you to seek it from the arabic source noticing carefully about the author,then you may translate it into English.

This may be the easiest and correct method.

May Allah grant you Taofiq ,Insha Allah

6
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: มะฮัร VS สินสอด !?!
« เมื่อ: มิ.ย. 21, 2011, 06:19 PM »
ท่าน อาจารย์ อาดำ มะหะหมัด เคยบอกว่า

ไม่ควรจะใช้คำว่าสินสอด เพราะท่านเกรงว่าจะไม่เซาะฮ์ เนื่องจากในอิสลามไม่มีค่าน้ำนม

ที่สำคัญ สินสอดนั้นเหมือนกับการปฏิบัติในยุคญาฮีลียะห์ ซึ่งที่เวลาบุตรสาวแต่งงาน  ทรัพย์สินนั้นจะตกเป็นของบิดามารดาทันที

โดยที่ลูกสาวนั้น ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ผู้ชายมอบให้

ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับความหมายของมะฮัรในอิสลาม

มะฮัรในอิสลามนั้นคือ ทรัพย์สินต่างๆ ที่ฝ่ายชายมอบให้ เพื่อเป็นการแสดงถึงเกียรติของผู้หญิง

และบิดามารดานั้นไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์นี้ เว้นแต่ ด้วยการยินยอมของบุตรสาว

จากความหมายข้างต้น เราจะเห็นว่า มะฮัรและสินสอดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยที่จากคำนิยามของสินสอดนั้น คือ สิ่งที่อิสลามให้การปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง!          
                   
                       วัลลอฮุอะอฺลา วะ อะอฺลัมบิซซ่อวาบ

7
         หลักการของขบวนการดะวะห์ คือหลักการเดียวกันกับอิสลาม ขบวนการดะวะห์มีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูศาสนาและแบบอย่างของท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม หาใช่ทำลายไม่ ดังนั้นสิ่งใดที่ศาสนาใช้ให้ปฏิบัติตาม ขบวนการดะวะห์ก็ย่อมใช้ให้ปฏิบัติตาม และสิ่งใดที่ศาสนาห้าม ขบวนการดะวะห์ก็ย่อมห้ามด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเอี๊ยะลานก่อนที่จะมีการบะยานว่า "ความสำเร็จของมนุษย์อยุ่ในศาสนา ใครก็ตามที่นำศาสนาไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เขาจะได้รับความสำเร็จทั้งโลกนี้และโลกหน้า" ได้ชี้ให้เห็นถึงหลักการของดะวะห์ที่จำต้องตั้งอยุ่บนพื้นฐานของศาสนา ดังนั้น เมื่อศาสนาได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องนะฟะเกาะห์ ดะวะห์ก็ให้ความสำคัญกับนะฟะเกาะห์เช่นกัน


         ส่วนคำพูดที่ได้มีผู้หยิบยกมาข้างต้นนั้น ไม่ว่าจะมีคนดะวะห์พูดสิ่งนั้นจริงหรือไม่ก็ตาม มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด(ที่ผิด)ส่วนบุคคล ฉนั้น จะนำคำพูดของดะวะห์ท่านนั้นมาตัดสินว่า นี้เป็นเป็นหลักการของขบวนการดะวะห์ ย่อมมิได้เด็ดขาด


                                                                 วัลลอฮุอะลาวะอะลัมบิซซอวาบ

8
 salam

ผม Sunni Partisan ขออนุญาตเป็นสมาชิกใหม่เว็บนี้ด้วยนะครับ ความจริงติดตามมาตั้งแต่เริ่มเว็บแล้วแหล่ะแต่สมัครไม่เป็น เห่อๆ  ;D ;D

                                                                         วัสสลาม

                             

9
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

เรามักไม่ค่อยได้ยินกันนะครับว่า  เด็กที่เพิ่งคลอดออกมาแล้ว  พวกเขาจะยิ้มหรือหัวเราะ   แต่ทำไมเด็กที่คลอดออกมาถึงส่งเสียง ร้อง ออกมา  ทั้งเด็กทารกได้ออกมาจากความมืดจากครรภ์มารดามาสู่โลกภายนอกที่มีความสว่าง  ดังนั้น  เด็กที่คลอดออกมานั้น น่าจะมีเครื่องหมายที่แสดงถึงความดีใจน่ะ??  แล้วเราคิดว่ายังไงกัน  ก็ช่วยกันบอก ๆ หน่อยครับ   ;D

 salam

ก็เพราะว่าเด็กนั้นได้ออกมาจากท้องแม่อันเงียบสงบสู่โลกดุนยาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากครับ ดร.ที่อัซฮัรเคยสอนผมมา

                                                วัสสลาม

10
...

และท่าน อิบนุ กะษีรได้รายงานจากท่าน มุฮำหมัด บิน ซีรีน ได้กล่าวว่า "ฉันได้ถามท่าน عبيدة  السلماني ถึงคำตรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า  (يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلابِيبِهِنَّ) 
ท่านจึงทำท่าปิดหน้าและศีรษะของท่านและเปิดตาข้างซ้ายข้างเดียวให้ดู

ด้วยความสงสัยครับ
รบกวนขอคำอธิบายเรื่องเปิดตาข้างเดียวด้วยครับ
ขอบคุณครับ

 salam

หมายถึงให้เปิดนัยตาข้างซ้ายได้ข้างเดียวเพื่อที่นางจะได้มองเห็นทางเดิน ที่ผมโพสต์ไปผมเอามาจากหนังสือตัฟซีร صفوة التفاسير ซึ่งบอกแค่ว่าเปิดตาได้แค่ข้างซ้ายข้างเดียวแต่ไม่ได้บอกถึงสาเหตุ ส่วนหนังสืออ้างอิงที่บอกสาเหตุผมก็จำไม่ได้เพราะเจอตั้งแต่ตอนผมเรียนซานาวี อินชาอัลลอฮ์ผมจะพยายามนึกและไปหามาให้ครับ

                                                     วัสสลาม

11
salam   ขอให้จิ้ม เสร็จเร็วๆนะ รอบริโภค ข้อมูลอยู่

 salam

มีต่ออีกยังไม่หมด หาคนช่วยพิมพ์อยู่ ;D ;D ;D

12
                                                            بسم الله الرحمن الرحيم

                                   การละหมาดโดยไม่สวมหมวกหรือผ้าสารบั่น

        ท่าน เชค อัลบานี (ขอความเมตตาจากอัลลอฮ์ทรงมีแด่ท่าน) (จากหนังสือ  อัล เกาลุลมุบีน ฟี อัคฏอ อัลมุซ็ลลีน โดย ท่าน มัชฮูร ฮุซเซน หน้า58 ของการพิมพ์ครั้งที่ 2 )
 
“ การละหมาดโดยที่ศีรษะว่างนั้นเป็นมักรูฮ์ ”
ไม่มีปรากฎเลยว่าท่านร่อซู้ล(ซ.ล.)เคยละหมาดนอกจากที่ไม่ใช้ฮัจย์โดยที่ศีรษะว่าง ไม่โพกสารบั่นหรือสวมหมวก หากผู้ใดที่คิดเช่นนั้นก็จงนำหลักฐานมาอ้างอิงยืนยัน ถ้าหากท่านร่อซู้ล(ซ.ล.)ทำเช่นนั้นจริง(ละหมาดโดยไม่สวมหมวกหรือผ้าสารบั่น)มันก็จะต้องมีรายงานถูกบันทึกไว้แล้ว ส่วนการรายงานที่พาดพิงไปยังท่าน อิบนุ อับบาส (ร.ฎ.)ว่าท่านร่อซู้ล(ซ.ล.)บางครั้งถอดหมวกของท่านและวางมันไว้เป็นซุตเราะห์ข้างหน้าท่านนั้นเป็นฮะดีษฎ่ออีฟ

ท่าน เชค อัลบานี (ขอความเมตตาจากอัลลอฮ์ทรงมีแด่ท่าน) (จากหนังสือ อัล ดีนุ้ลคอลิศ(3:214) และหนังสือ อัล อัจวิบะฮ์ อัล นาเฟียะอ อัน อัลมาซาอิล อัลวาเกียะอ หน้า 110)

“ทุกคนต่างยอมรับว่าเป็นการบังควรอย่างยิ่งสำหรับมุสลิมที่จะทำการละหมาดที่จะอยู่ในภาพลักษณ์ของอิสลามที่สมบูรณ์ที่สุด ตามฮะดีษที่ว่า “อัลลอฮ์นั้นสมควรยิ่งแห่งการประดับประดาตัวเองของท่าน”(หะซัน)และถือว่าไม่ใช่การแต่งตัวที่ดีเลิศตามแบบฉบับการแต่งตัวของชาวสะลัฟในการที่ปล่อยให้ศีรษะโล่งเป็นนิสัย เดินไปตามท้องถนนและเข้าสถานที่ทำอิบาดะห์ในรูปแบบนี้ ,ในทางตรงกันข้าม, มันเป็นการแต่งตัวของผู้คนชนชาติอื่นที่ได้ไหลเข้ามาสู่ประเทศมุสลิมในช่วงที่กาเฟรบุกรุกประเทศของพวกเขา และนำการแต่งตัวของพวกเขาไปให้มุสลิม มุสลิมนั้นก็เริ่มที่จะเลียนแบบพวกเขาในเรื่องการแต่งตัวนี้ ด้วยกระนี้เองมุสลิมได้สูญเสียบุกคลิกภาพของอิสลามของพวกเขาด้วยเหตุนี้และเหตุอื่นๆที่คล้ายกัน และก็ไม่มีปรากฎอีกว่าท่านร่อซู้ล(ซ.ล.)เคยละหมาดโดยที่ศีรษะว่างเปล่าโดยไม่โพกสารบั่น นอกจากตอนที่ท่านทำการเอี๊ยะฮ์รอมเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีหลายโอกาสที่รายงานว่าท่านทำเช่นนั้น ดังนั้นใครก็ตามที่อ้างเช่นนั้นก็จงนำหลักฐานมายืนยัน เนื่องจากสัจธรรมความจริงนั้นสวมควรต้องปฏิบัติตามอย่างยิ่ง”

                                               นำมาให้ศึกษากันต่อนะครับ

                                                              วัสสลาม

13
 salam

มีข้อมูลอีกจิ้มเสร็จมะไหร่จะมานำเสนอให้บรรดาอุลามาอ์ในเว็บได้ศึกษากัน wink:

14
                                         بسم الله الرحمن الرحيم
 
   การสวมหมวกนั้นถือเป็นซุนนะฮ์ ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล)  ซ่อฮาบะฮ์ (ร.ฎ )  บรรดาผู้รู้ผู้ยิ่งใหญ่ และ บรรพชนผู้เคร่งครัดยุคก่อนของประชาชาตินี้

     มีหลักฐานมากมายที่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่จะยกมาบางส่วนเพื่อเป็นตัวอย่าง ;

1.   ท่าน อับดุลลอฮ์ บุตร อุมัร ได้รายงานว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.) มักจะสวมหมวกขาว     (บันทึกโดย ฏ๊อบรอนี)

2.   ท่าน ฮะซัน อัลบัศรี กล่าวว่า “ผู้คน (ซอฮาบะฮ์-ร.ฏ.) มักจะทำการซู่หญูดบนผ้าสารบั่นและหมวกของพวกเขา”       (ซอเฮี๊ยะฮ์ อัลบุคอรี,1/151)

3.   ท่านรู่กานะฮ์ ร.ฎ. กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า ความแตกต่างระหว่างพวกเราและพวกมุชรี่กีนคือ การโพกผ้าสารบั่นบนหมวก.               (ซุนัน อบี ดาวุด 4075/ซุนัน ติรมีซี 3919)
 
4.   ใน มุซ็อนนัฟ ของท่าน อบี ชัยบะห์ การสวมหมวกนั้นได้ถูกรายงานโดย ท่าน อลี บุตร อัล ฮุเซ็น ท่าน อับดุลลอฮ์ บุตร ซุเบร ท่าน ฎ๊อฮฮาก และ ท่าน อบี มูซา(ร.ฎ.)


      จากหลักฐานข้างต้นทำให้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การสวมหมวกนั้นเป็นซุนนะฮ์  การสวมหมวกนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาต่อเนื่องยาวนานตลอดประวัติศาสตร์ และการสวมหมวกนั้นยังเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอิสลามอีกด้วย

ปราชญ์นักฟิกฮ์มัซฮับฮานาฟี ท่าน มุลลา อลี กอรี (ร.ฎ.) กล่าวว่า การสวมหวมกนั้นได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่โดดเด่นของอิสลาม    (ดู มิรกอต อัล ม่าซอเบียฮ์,เล่ม 8 หน้า246).

จากข้างต้น ท่านผู้รู้ จำนวนมากได้กล่าวว่า ถึงแม้ว่าการไม่สวมหมวกนั้นไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นสิ่งที่ฮะรอม เนื่องจากมันเป็นแค่เพียงซุนนะฮ์  แต่เนื่องจากว่ามันถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอิสลาม มันถือเป็นการไม่สมควรในการปล่อยให้ศีรษะโล่ง เราควรจะสวมหมวกตลอดเวลาที่เป็นไปได้

อัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่ง

มูฮำมัด บิน อาดัม
ดารุ้ลอิฟตาอ.
เลเสสเตอร์,สหราชอณาจักร

15
        การโพกผ้าสารบั่นนั้นเป็นซุนนะฮ์มาตลอด มีรายงานว่าท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)ได้สั่งใช้ให้โพกผ้าสารบั่น ท่านกล่าวว่า"จงโพกสารบั่นให้เป็นประจำเถิด เนื่องจากมันจะช่วยทำให้ความอ่อนโยนของผู้นั้นเพิ่มขึ้น".(ฟัตฮุ้ลบารี)

ท่านหนึ่งได้ถามอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอุมัรว่า "การโพกผ้าสารบั่นเป็นซุนนะฮ์ไหม?" ท่านตอบว่า"ใช่, มันเป็นซุนนะฮ์"(อัยนี)

และมีอีกฮะดีษหนึ่งบอกว่า ผ้าสารบั่นควรได้รับการโพกเป็นประจำ เนื่องจากมันคือสัญลักษณ์ของอิสลามที่แบ่งแยกระหว่างมุสลิมออกจากกาฟิร.(อัยนี)

                                      อ่านเจอมาครับพี่น้องก็เลยนำมาให้ลองศึกษาดู

 salam ช่วยอ้างหน้าหนังสือและบทด้วยครับ  จะได้ตรวจสอบง่ายหน่อย


 salam

3) Rukanah (Allah be pleased with him) says, I heard the Messenger of Allah (Sallallahu Alayhi Wasallam) say: “The difference between us and the polytheists is, wearing the turban over the hat” (Sunan Abu Dawud, 4075 & Sunan Tirmizi, 3919).

(ดู ซุนัน ติรมิซี กิตาบ لباس   บาบที่42  &  ซุนัน อบี ดาวุด   กิตาบ لباس   บาบที่51)

ผมยังมีหลักฐานที่อยากจะให้บังanti-bidahตรวจสอบอีกเกี่ยวกับเรื่องการใส่หมวกในละหมาด แต่กว่าผมจะจิ้ม(ไม่ใช่พิมพ์)ข้อมูลเสร็จก็คงอีกนาน(โคตร) บอกแล้วว่าไม่สันทัดเรื่องคอมๆเท่าไหร่ แต่ถ้าบังอ่านภาอังกฤษได้ก็เค้าไปดูก่อนได้เลยที่  http://www.central-mosque.com/fiqh/bareheadagsunnah.htm ถ้าไม่งั้นก็รอก่อนอย่าขี้เกียจรอนะบัง

ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนครับ

                                                          วัสสลาม

หน้า: [1] 2