แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - nada-yoru

หน้า: [1] 2 3 ... 268
2
ขอขุดเป็นรอบทีี่ 3 ให้กับกระทู้ที่เนื้อหาไม่เคยล้าสมัยเลย...

"การมีชีวิตเพื่อหนทางของอัลลอฮ์ยากกว่าการตายในหนทางของอัลลอฮ์"


3
บทความ / ฉันผิดเอง...
« เมื่อ: มิ.ย. 03, 2017, 01:04 AM »
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์

“ฉันผิดเอง” เป็นอีกหนึ่งถ้อยคำที่บางครั้ง บางสถานการณ์ก็เอื้อนเอ่ยออกมา
ได้ยากยิ่งนัก…ยิ่งเอ่ยออกมาด้วยใจจริงยิ่งเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญ
จนบางครั้งต้องรวบรวมเอาความเข็มแข็งทั้งหมดที่มีอยู่ ณ ห้วงเวลานั้น
เพื่อเปล่งถ้อยคำดังกล่าวออกไป…ด้วยจิตสำนึกอันแท้จริง…มิใช่การแสร้งพูด…
เพื่อให้ตัวเองดูดี…หรือเพื่อยุติปัญหาลง…ชั่วคราว…

หลายครั้งเราก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า “อารมณ์” ที่เข้ามาครอบงำ
ได้ทำให้ “สติปัญญา” อันเฉียบแหลมบกพร่อง จนเป็นศูนย์ กลายเป็น “เสียศูนย์”
จนทำให้เกิดการ “สูญเสีย” ขึ้นในที่สุด

การต้องยอมรับว่าตัวเองผิด ดูจะเป็นเรื่องหิน…ที่มนุษย์ทั่วไป…ทำได้ไม่บ่อยนัก
อาจจะเพราะว่ามนุษย์เรามีกลไกอันซับซ้อนในการปกป้องตัวเอง
ด้วยการพยายามผลักใสคว่ามผิดหรือข้อผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นออกไปให้พ้นตัว
เป็นอันดับแรกก่อน โดยมิอาจแบกรับความผิดพลาดนั้นๆได้ในทันทีทันใด…

เช่นร่างกายคนเราที่มีกลไกในการปกป้องตัวเองจากเชื้อโรค ก็เพื่อให้ร่างกาย
ปลอดภัยจากโรคร้ายต่างๆ แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว เชื้อโรคก็ยังสามารถย่ำกราย
เข้ามาจนได้ก็ตาม…นั่นเพราะว่าร่างกายคนเราคือรังของโรค และโลกนี้
ก็คือรังของโรคต่างๆ…แต่ทว่าคนเราก็ยังคงเฝ้าพยายามแสวงหาวิธีการต่างๆนาๆ
เพื่อแก้ไขเยียวยารักษาโรคต่างๆให้หาย…หรือบรรเทาลุเลาลง…
ก็เพื่อให้ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปได้…

ในขณะที่ “จิตวิญญาณ” ของเราเองก็เฝ้าปรารถนาความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
อารมณ์ของคนเราจึงมักจะพยายามผลักใสสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายที่ทำให้รู้สึกแย่ๆ
ออกไปให้พ้น เช่นเมื่อเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้นมา…อารมณ์ของเรา
จะรีบผลักใสความผิดนั้นๆออกไปในทันทีทันใดเป็นอันดับแรก…เพื่อเป็นการ
ปกป้องตนออกจากสิ่งแย่ๆเหล่านั้น ไม่ปรารถนาจะแบกรับหรือยอมรับมันเข้ามาได้

แต่ไม่ว่าจะพยายามผลักใสอย่างไร…ความผิดพลาดนั้นๆก็ยังคงอยู่ต่อไป
เนื่องจากการผลักใสมิใช่การแก้ไขปรับปรุงความผิดพลาดนั้นๆ
ให้กลายเป็นความถูกต้องนั่นเอง…ความผิดนั้นๆจึงยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูก
จึงยังคงเป็นความผิดอยู่เช่นนั้น…

การไม่ยอมรับว่าเรานั้นทำผิด…จึงกลายกลับเป็นการชักนำโรคร้ายมาสู่จิตวิญญาณ
ของเราโดยไม่รู้ตัว…โรคร้ายที่ว่าก็คือ การพยายามหาข้ออ้างต่างๆมาแก้ต่าง
การพยายามหาเหตุผลมากมายเพื่อที่จะนำมากล่าวโทษกันและกัน…
นำไปสู่การพยายามจับผิดเพื่อที่จะได้ตำหนิต่อกันได้ถนัดขึ้น…
สุดท้ายจึงกลายเป็นการตำหนิผู้อื่นว่าเป็นคนผิดทั้งหมด…ส่วนตนเองนั้นคือ
ผู้บริสุทธิ์ที่กำลังถูกอีกฝ่ายอธรรม…ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วนั้น…ตนเองก็มีส่วน
ผิดในความผิดพลาดนั้นๆอยู่ด้วย…นั่นจึงกลายเป็นว่าบรรดาความผิดต่างๆ
ที่เราได้ก่อเอาไว้จะยังคงอยู่คู่เราต่อไป…และจะทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมันไม่เคยได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง…

ฉะนั้น…เมื่อเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น สิ่งที่เราควรตรวจสอบเป็นอันดับแรกคือ
การตรวจสอบตัวเองเพื่อมองหาความผิดพลาดที่ตนเองมีส่วนผิดในข้อผิดพลาดนั้นๆ
เมื่อใช้เวลาพิจารณาใคร่ครวญจนค้นพบความผิดของตนเองแล้ว
ก็จงยืดอกเพื่อรับผิดและจงเร่งรีบที่จะรับผิดชอบต่อความผิดนั้นๆ ด้วยการสำนึกผิดและทำการแก้ไขปรับปรุงให้ความผิดนั้นๆ
กลายเป็นความถูกต้องเสีย…ความผิดพลาดนั้นๆจะได้หมดไป…
และมลายหายไปในที่สุด…หลังจากที่มันได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

แต่ถ้าไม่มีกระบวนการในการตรวจสอบตัวเอง ก็จะไม่มีการค้นพบข้อผิดพลาด
ของตัวเอง…จึงไม่มีการสำนึกผิดในความผิดนั้นๆทำให้ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข…
เลยทำให้บรรดาข้อผิดพลาดนั้นๆก็จะยังคงอยู่ไม่หายไปไหน…
แล้วจิตวิญญาณของเราจะบริสุทธิ์จากความผิดนั้นๆได้อย่างไรกัน…

ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อิสลามพยายามปลูกจิตสำนึกให้มนุษย์รู้จักสำนึกผิด
ต่อความผิดพลาดต่างๆ…แล้วแก้ไขปรับปรุง…พยายามไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำๆอีก
นั่นเพราะไม่มีใครที่จะไม่เคยทำผิดพลาดเลยในชีวิต…ทุกคนล้วนทำผิดกันได้ทั้งนั้น
เพียงแต่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา เราจะยืดอกรับอย่างผู้ที่สำนึกผิด
หรือว่าผลักใสมันอย่างไร้ความรับผิดชอบกันแน่…

และไม่แปลกใจเลยที่ความผิดจะได้รับการให้อภัยเมื่อผู้กระทำความผิด
ได้สำนึกผิดด้วยใจจริง และได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น…

ไม่แปลกที่ “การเตาบะฮ์” คือ ประตูทางรอด

ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“ลูกหลานอาดัมทุกคนย่อมมีความผิดและบรรดาผู้มีความผิดที่ดีเลิศนั้น
คือ บรรดาผู้เตาบะฮ์”
(รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์ หะดิษลำดับที่ 4250.
ดู อิบนุ มาญะฮ์, สุนันอิบนุมาญะฮ์, ตะห์กีก :  มุฮัมมัด ฟุอาด อับดุลบากีย์
(ไคโร : ดารุ เอี๊ยะห์ยาอิล กุตุบิลอะร่อบียะฮ์), เล่ม 2, หน้า 1420.)

และ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“ผู้สารภาพผิดจากบาป เสมือนว่าเขาไม่มีบาปใดๆ”
(รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์, หะดิษลำดับที่ 4251)

ท่านอิมามอิบนุอะฏออิลลาฮ์ ได้กล่าวว่า

“เมื่อบาปหนึ่งได้เกิดขึ้นแก่บ่าว ความมืดมนก็จะเกิดขึ้นพร้อมกับเขาด้วย
ดังนั้น อุปมาความชั่ว ที่ประหนึ่งไฟและความมืดมนคือควัน
อุปไมยดังผู้ที่จุดไฟ (หุงต้ม) ในบ้านเป็นเวลา 70 ปี ท่านจะไม่เห็นบ้าน
กลายเป็นสีดำดอกหรือ?! เฉกเช่นเดียวกัน หัวใจก็จะเป็นสีดำด้วยการทำความชั่ว
ดังนั้นหัวใจจะไม่สะอาดนอกจากด้วยการเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮ์ เพราะความตกต่ำ
ความมืดมน (ในจิตใจ) และฮิญาบ (ปิดกั้นหัวใจจากอัลลอฮ์) จะเกิดขึ้น
พร้อมกับการทำบาป ฉะนั้น หากท่านเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ร่องรอยของบาปทั้งหลาย
ก็จะหายไป” (อะห์มัด บิน มุฮัมมัด อิบนุ อะฏออิลลาฮ์, ตาญุลอะรุซ อัลฮาวี
ลิตะฮ์ซีบ อันนุฟูซ (มักตะบะฮ์ มุฮัมมัด อะลี ศุบัยห์์), หน้า 4.)

และ อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

“แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้เตาบะฮ์และทรงรักผู้ทำตนให้สะอาด”
(อัลบากอเราะฮ์ : 222)

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

“และผู้ใดไม่ทำการเตาบะฮ์ พวกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้อธรรม”
(อัลหุญะร็อต :11)

ดังนั้น การยอมรับผิด การสำนึกผิดจึงเป็นสิ่งดีงามที่อิสลามส่งเสริมให้ปฏิบัติ
เป็นนิสัยหรือเป็นกิจวัตรประจำวัน…

ดังแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กระทำไว้
ซึ่งท่านได้กล่าวว่า

“แท้จริงหัวใจของฉันจะถูกทำให้พร่ามัว ฉันจึงทำการขออภัยโทษ (อิสติฆฟารฺ)
ต่ออัลลอฮ์ในหนึ่งวันถึง 100 ครั้ง”
(รายงานโดยมุสลิม, หะดิษลำดับที่ 2702. ดู อันนะวาวีย์, ชัรห์ ศ่อฮีห์มุสลิม, เล่ม9,
หน้า 73.)

ขอขอบคุณหนังสือ “อัตเตาบะฮ์ ก้าวแรกของผู้ศรัทธา”
ของ อาจารย์อารีฟีน แสงวิมาน ที่ทำให้หัวใจได้รับแสงอันอบอุ่น
และให้ข้อมูลที่ส่งผลดีต่อหัวใจอย่างมากมาย…

ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนท่าน…



4
คิดถึงกระทู้แบบนี้จัง...
^^


5
อบรมกอรีภาคฤดูร้อน..........
พ่อ:ลูกปีนี้ไปอบรมกอรีน่ะ
ลูก: ไม่เอาฉันไม่ไปหรอก
พ่อได้บอกกับลูกแบบนี้อยู่หลายวันลูกก้อไม่ยอมไป จนกระทั่ง........
พ่อ: ไปเถอะลูก แม้ว่าลูกจะเรียนศาสนาเก่งแค่ไหน แต่หากว่าลูกละหมาดแล้วอ่านฟาติฮะฮฺไม่ถูก ละหมาดก้อใช้ไม่ได้
ลูก:  ..........จ๊ะ

เป็นคำสอนที่...คมคายยิ่ง ^^

6
ขุดอีกสักอัน

ชอบอ่านตรงบรรดาคอมเมนต์ของพี่น้องเรามากๆ
ซึ่งบรรยากาศแบบนี้จะไม่ค่อยพบเจอในเฟสบุ๊คสักเท่าไหร่...

^^

7
“โอ้ศรัทธาชน ทั้งหลาย สูเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด
และสูเจ้าทั้งหลาย จงละทิ้งสิ่งที่เหลืออยู่ จากดอกเบี้ย
หากว่าสูเจ้าทั้งหลาย เป็นศรัทธาชน
ดังนั้น หากสูเจ้าทั้งหลายไม่ปฏิบัติ สูเจ้าทั้งหลาย ก็จงรับรู้ถึงสงครามจากอัลลอฮฺ
และศาสนทูตของพระองค์เถิด
และหากสูเจ้าทั้งหลาย สำนึกผิดแล้ว 
ดังนั้น สำหรับสูเจ้าทั้งหลาย ก็คือทรัพย์ต้นทุนของสูเจ้า (ที่มีสิทธิเอาคืน) ...”

(สูเราะฮฺอัล-บะกอเราะฮฺ  อายะฮฺที่ 278-280)

สงครามจากอัลลอฮ์ช่างน่าหวั่นและน่ากลัวมากๆค่ะ...
เราไม่มีทางที่จะเอาชนะอัลลอฮ์ได้แน่นอน...

ฉะนั้น เลี่ยงได้ก็ขอให้เลี่ยงดอกเบี้ยกันให้ถึงที่สุดนะคะ...


ปล.ขุดแล้วขุดอีก หลังจากที่กลับมาอ่านทบทวน
การอ่านซ้ำๆมีข้อดีคือ เราจะได้อะไรไม่เท่ากันในทุกๆครั้งทีี่อ่าน
ที่เหนือกว่านั้นคือ สถานการณ์ปัจจุบันในชีวิตเราสามารถช่วยให้เรา
สังเคราะห์ความรู้ที่เราได้กลับไปอ่านทบทวนซ้ำๆให้เพิ่มพูนขึ้นจากเดิม...

^^

8
salam

อ้างถึง
อาจจะเป็นดั่งที่เคยได้ยินมาว่า หญิงที่ดีคู่กับชายที่ดี ชายที่ไม่ดีก็คู่กับชายที่ไม่ดี

ตัวแดงนั้นมีความหมายซ่อนเร้นหรือว่าพิมพ์ผิด

วัสสลาม

7 ปีผ่านไป จึงจะได้หวนกลับมาอ่านทบทวนและ "แก้ไข" ข้อผิดพลาด เฮะๆๆๆ
แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ...

การได้กลับมาทบทวนมีส่วนดีมากๆจริงๆ อย่างน้อย เราก็ได้แก้ไขข้อผิดพลาด
ที่เราไม่รู้ตัวและได้ทำตกหล่นเอาไว้ในวันวาน...

หวังหมดใจว่า...รอมฎอนปีนี้...อัลลอฮ์จะดลใจให้เราได้หวนกลับไปทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านพ้นมา
จนกระทั่งได้ค้นพบความผิดพลาดและได้ทำการแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้นให้ถูกต้อง...

ญะซากัลลอฮุค็อยรอนทุกๆคำตักเตือนค่ะ ^^

ปล.ขอแบกจอบสีชมพูเข้ามาพรวนดินค่ะ

9
ช่างดีต่อหัวใจมากๆค่ะ
ขุดๆๆ เผื่อจะมีใครแวะเวียนเข้าเว็บมาอ่าน...

^________________^


12
วะอะลัยกุมมุสลามค่ะ

แม้จะวังเวงไปบ้าง แต่ที่นี่คงยังคงอบอุ่นเสมอในความรู้สึกค่ะ
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะบอกตัวเองให้หยุดเข้าเว็บนี้...
แม้จะสามารถชัตดาวน์ห้างใหญ่อย่างเฟสบุ๊คได้มาหลายครั้งแล้ว
แต่ก็ไม่เคยสามารถบอกให้ตัวเองเลิกเข้าเว็บนี้ได้เลยสักครั้ง ^^

ปล.มีคนค้างไฟล์เสียงกิตาบของข้าน้อยอยู่นะคะ...อิอิ
^^

13
เขียน ณ
1/06/2017

ปีนี้...ได้ถือศีลอดที่บ้านเกิดกับพ่อแม่พี่น้องและญาติๆในหมู่บ้าน...
และได้รับข่าวดีที่สุดในรอบสิบกว่าปี คือ ในที่สุดก็สามารถวางหลักปักฐานลงที่นี่ได้เสียที

จากที่เคยร่อนเร่พเนจรออกเดินทางเพื่อการศึกษาในแดนไกล...เป็นเวลาเกือบหกปี
และเคยร่อนเร่พเนจรออกเดินทางเพื่อแสวงหาปัจจัยยังชีพในเมืองอันแสนวุ่นวาย...
เป็นเวลาเกือบหกปีเช่นกัน

ปีนี้...มีโอกาสได้หยุด...อยู่ที่ 'บ้านเกิด'
ยังคงได้ศึกษาความรู้เช่นเดิม...ในรูปแบบใหม่
อีกทั้งยังได้ทำงานที่รักและถนัดอยู่กับบ้านเกิด...กับพี่ๆน้องๆ กับญาติๆ...และหลานๆ
ที่คุ้นเคยและผูกพันธ์กันมาเนิ่นนาน...

ได้มีกิจการงานให้ทำเป็นหลักเป็นแหล่งโดยไม่ต้องออกไปแสวงหา
ปัจจัยยังชีพในเมืองไกล

ได้กลับมาสูดกลิ่นไอ ณ บ้านเกิดแบบเต็มรูปแบบ...เสียที

อัลฮัมดุลิลลาฮ์

รอมฎอนปีนี้นำพาข่าวดีและบททดสอบหนักมาด้วย...

...ทุกๆบททดสอบก็เพื่อ...ขัดเกลาเราให้สะอาดยิ่งขึ้นกว่าเดิมทั้งสิ้น...
แล้วทุกๆบททดสอบเราก็จะต้องผ่านมันไปได้...อินชาอัลลอฮ์...

วันนี้...รู้สึกว่า...ปลอกที่คอถูกปลดออก...
มีเพียงคุกที่แสนอบอุ่น...ล้อมกายเอาไว้ให้พักพิง...
อาจไม่ใช่วิมาน แต่คือสถานกักกันที่เราเต็มใจที่จะพักพิงขณะยังหายใจอยู่บนโลกนี้...
อย่างน้อยๆก็ทำให้จิตใจสงบมั่นกว่าการเดินแกว่งมือในโลกกว้างโดยปราศจากรั้วใดๆ
คอยให้การคุ้มกันสัตว์ร้าย...

แม้จะมีคนเคยบอกว่า เรียนจบนอกมาแล้วกลับมาอยู่บ้านจะทำอะไร เสียดายความรู้
ที่ศึกษามาแย่...หลายปีก่อนที่พเนจรอยู่ในเมืองกรุง...ยังไม่สามารถตอบคำถาม
เหล่านั้นแก่คนที่ถามได้...

แต่วันนี้...อัลลอฮ์ส่งคำตอบนั้นมาให้เราผู้แสวงหาคำตอบเสียที...
เพราะความรู้ที่เคยมี ทั้งความรู้สามัญและความรู้ศาสนา
มันยังมีไม่พอที่จะใช้ทำประโยชน์ในวันนี้...สิ่งที่ตั้งใจจะทำที่บ้านเกิด
ยังคงต้องอาศัยความรู้ทางสายสามัญและทางศาสนาอีกมากมายเหลือเกิน...

และที่สำคัญที่สุด...ต้องใช้พลังกาย พลังสมองและพลังใจอีกโข...ในการก้าวเดิน
ในแต่ละก้าว...

กว่าจะถึงวันนั้น...วันที่เราฝันใฝ่...เราต้องผ่านบททดสอบอีกมากมาย...
ฉะนั้น...ดุอาอ์เท่านั้นที่จะเป็นอาวุธถางทางให้กับเรา...

เมื่อก่อนรักที่จะ 'บินเดี่ยว' เพราะรู้สึกว่าท้าทายดี
แต่เดี๋ยวนี้รักที่จะ 'บินเป็นฝูง' เป็นหมู่คณะ เพราะรู้สึกว่าอุ่นใจดี

ในวันที่อัลลอฮ์ทำให้เราไม่เหลือใคร...วันนั้นอัลลอฮ์ได้สอนเราว่า
พระองค์ยิ่งใหญ่เพียงพอแล้วที่เราจะขอการพึ่งพา ขอการช่วยเหลือ
แม้ชีวิตจะไม่มีใครคอยให้การคุ้มครองดูแล แต่พระองค์ทรงมีอำนาจ
มากพอที่จะปกป้องดูแลและอภิบาลเราตลอดเวลาและตลอดไป...
การที่พระองค์ประสงค์ให้เราโดดเดี่ยว นั่นอาจจะเพราะพระองค์ประสงค์
จะปลดม่านกั้นระหว่างเรากับพระองค์ลง ให้เราได้สัมผัสกับอำนาจ
และความเมตตาของพระองค์...ได้รู้ว่า พระองค์คือผู้ดูแลเราที่ที่แท้จริง
แม้ไม่มีใครสักคนอยู่กับเรา หากพระองค์ทรงอยู่ด้วยตลอดเวลา...
และจะอยู่กับเราตลอดไป...

และในวันที่เราได้กลับมาอยู่รวมกัน...พระองค์อาจจะประสงค์
ให้เราได้เรียนรู้ว่า...ธรรมชาติของมนุษย์นั้นย่อมต้องการการดูแล
ซึ่งกันและกัน...ต้องการผูกสัมพันธ์ต่อกัน...เพื่อสอนเราว่า...
เราควรดูแลคนที่เรารักและมีความรักต่อเราแบบไหน...

วันนี้ได้เป็น 'ดอกไม้สีขาวที่บานกลางคืน' โดยไม่จำเป็นต้องเป็น
ต้นไม้ในกระถาง...

วัสลามค่ะ

^________________^


14
คิดถึงกระทู้นี้และบรรยากาศในวันวาน...

จึงกลับมาขุดอีกครั้ง...

รอมาฎอนมุบาร็อกค่ะ ^^

เมื่่่อเราคิดถึงใครหรือสิ่งใดๆ...แน่นอนว่าเราย่อมยินดีปรีดาและมีความสุข
เมื่อได้ประสบพบเจอกับคนหรือสิ่งที่เราคิดถึง...

^^


15
ญะซากัลลอฮุค็อยรอนค่ะ ^^

มีคนเคยแนะนำให้ซอลาวาตนะบีบ่อยๆ เพื่อเป็นการขัดเกลาหัวใจตนเอง
ให้สะอาดบริสุทธิ์...เพื่อเป็นการใกล้ชิดกับนะบี...สู่การใกล้ชิดอัลลอฮ์...
หัวใจเราจะได้สงบ มั่นคง...

^^

ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนสิ่งดีงามแด่ทุกๆท่าน
ที่คอยให้คำแนะนำตักเตือนกันในเรื่องดีงาม...


หน้า: [1] 2 3 ... 268