แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - คนอยากรู้

หน้า: [1] 2 3 ... 14
1
ดีครับกระทู้อย่างนี้ ได้ฟามรุ้เพิ่มเติมและความคิดของวาอาบียะบางกลุ่ม
แต่ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าal-azharyได้เสวนากับบังasan ที่เวปmuslimthaiแล้วนะ

ลองอ่านดูได้ครับว่าบังasanที่ว่าแน่ๆของชาววาฮาบียะพูดไว้อย่างไร   party:

2
 salam
เอ..ช่วงนี้อาเดะal-fiduasหายไปไหนน้า  หรือว่ากำลังเตรียมตัว.อย่างที่เขจาว่ากัน5555... hehe

3
อ้างถึง
จากความหมายตรงนี้  สรุปได้ว่า  ใครจะเป็นพระเจ้าได้นั้น  ต้องมีคุณลักษณะ 2 ประการ

1.  เขาไม่ต้องการพึ่งพาสิ่งใด

2.  ทุก ๆ สิ่งต้องพึ่งพาเขา

ดังนั้น  ผู้ใดมีคุณลักษณะเช่นนี้  ก็ให้เขาประกาศเป็นพระเจ้าที่แท้จริงได้เลย



 loveit:

4
ก็อยากจะตอบให้อยู่นะแต่เราไม่ใช่ผู้รู้..เอางี้ครับเอาบทความของผู้รู้ที่เขียนมาจากบรรดาอุลามะที่อีกทีครับว่าเขา...เข้าใจกันอย่างไร
แล้วถ้ามันเป็นอย่างนี้ล่ะครับ

ในเรื่องสุนัข เขาศึกษาดูแล้วคิดว่า สุนัขไม่น่าจะเป็นนะญิส
ในเรื่องฮุกมต่างๆนั้นเราจะใช้สมมติฐานไม่ได้กระมั้งครับ เพราะมีหลักฐาบ่างชี้ในเรื่องนี้อยุ่ก่อนแล้ว

สำหรับสุนัขนั้นเป็นนะยิสครับ  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"การที่ภาชนะคนใดคนหนึ่งจากพวกท่าน  เมื่อสุนัขได้เลียลงในภาชนะนั้น  จะสะอาดได้ด้วยการล้างมันเจ็ดครั้ง  ครั้งที่หนึ่งจากเจ็ดครั้งนั้นเป็นน้ำปนดิน"  รายงานโดยมุสลิม


มีหะดิษรายงานว่า "ท่านนบีได้ถูกเชิญให้ไปบ้านของชนกลุ่มหนึ่ง  ดังนั้น  ท่านนบีจึงตอบรับ  หลังจากนั้น  ท่านนบีจึงถูกเชิญไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง  แต่ท่านนบีไม่ตอบรับ  จึงถูกตั้งคำถามแก่ท่านนบีในกรณีดังกล่าว  ดังนั้น  ท่านนบีตอบว่า  แท้จริงในบ้านของคนนั้นมีสุนัขอยู่  ท่านนบีถูกถามอีกว่า  แล้วในบ้านอีกคนหนึ่งที่มีแมวล่ะครับ  ดังนั้น  ท่านนบีได้ตอบว่า  แท้จริงแมวนั้นไม่ได้เป็นนะยิส"  รายงานโดย อัดดารุกุฏนีย์และอัลฮากิม ( ดูหนังสือ มุฆนีย์อัลมั๊วะห์ตาจญ์ 1/172)

วิธีการทำความสะอาดนะยิสประเภทหนักนี้  คือให้ล้างน้ำไหลผ่านเจ็ดครั้งและหนึ่งในเจ็ดครั้งนั้นต้องมีน้ำผสมดินหนึ่งครั้ง  แต่ในทางที่ดีแล้วให้ล้างน้ำดินในครั้งแรก  ส่วนกรณีที่เราไปกระทบหรือสัมผัสสุนัขที่แห้งและเราก็อยู่ในสภาพที่แห้งด้วยนั้น  ถือว่าไม่เปื้อนนะยิสนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างถึง
อ้างถึง
ดังนั้น  ในการตักลีดตามในรูปแบบดังกล่าวนี้  เป็นสิ่งที่ต้องห้ามโดยความเห็นพร้องกันและบางทัศนะบอกว่ามันเป็นมติของปวง ปราชญ์
อิจมาอ์เลยหรือครับ  อยากทราบว่าเขากล่าวบ้างครับ


 yippy:ในเรื่องของการตัลฟีกนั้นไม่เป็นที่ยอมรับของบรรดาปวงปราชญ์ที่มีมัสหับในอดีต
แต่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อนักวิชาการสมัยใหม่ยุคหลังๆโดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ในทัศนะดังกล่าวของเขานั้นถือว่า กระทำได้ เว้นแต่คนเอาวามซึ่งจำเป็นจะต้องยึดมัสหับหนึ่งมัสหับใด จะปะปนหรือคละเคล้าถือว่าไม่บังควร

เกี่ยวกับเรื่องนี้มีบอกไว้ในหนังสือ
 "อัลดุร็อร อัสสะนียะฮ์ ฟีลกุตุบ อันนัจญฺดียะฮ์" ซึ่งเป็นตำราที่อุลามาอฺวะฮาบีย์ ตั้งแต่สมัยของท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ทำการตอบทัศนะของพวกเขาเกี่ยวกับมัซฮับทั้งสี่ไว้ว่า

وَنَحْنُ أَيْضاً : فِي الفُرُوْعِ، عَلَى مَذْهَبِ الإِمَامِ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَل، وَلاَ نُنْكِرُ عَلىَ مَنْ قَلَّدَ أَحَدَ الأَئِمَّةِ الأَرْبَعَةِ، دُوْنَ غَيْرَهِمْ، لِعَدَمِ ضَبْطِ مَذَاهِبِ الْغَيٍرِ ؛ الرَّافِضَةِ، وَالزَّيْدِيَّةِ، وَالإِمَامِيَّةِ، وَنَحْوِهِمْ ؛ وَلاَ نُقِرُّهُمْ ظَاهِراً عَلَى شَيْءٍ مِنْ مَذَاهِبِهِمِ الفَاسِدَةِ، بَلْ نُجْبِرُهُمْ عَلَى تَقْلِيْدِ أَحَدِ الأَئِمَّةِ الأَرْبَعَةِ

"เช่นเดียวกันในเราข้อปลีกย่อยทางฟิกห์  เรานั้นอยู่มัซฮับอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล และเราไม่ทำการปฏิเสธต่อผู้ที่ตักลีดอิมามหนึ่งจากบรรดาอิมามทั้งสี่  แต่ไม่ให้ตักลีดอื่นจากพวกเขา  เนื่องจากบรรดามัซฮับอื่นจากทั้งสี่นั้นไม่ได้บันทึกหลักการไว้อย่างเป็นระบบ  เช่นพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะฮ์  ชีอะฮ์อัซซัยดียีะฮ์  ชีอะฮ์อิมามมามียะฮ์ และอื่น ๆ จากพวกเขา  และเราไม่ให้การยอมรับสิ่งใดจากมัซฮับต่าง ๆ ของเขาที่มีหลักการไม่ถูกต้อง  ยิ่งกว่านั้น เรายังบังคับพวกเขาให้ตักลีดตาม(มัซฮับ)หนึ่งจากบรรดาอิมามทั้งสี่" หนังสือ อัรดุร็อร อัสสะนียะฮ์ ฟีอัจญฺวิบะฮ์ อันนัจญฺดียะฮ์ 1/227

บรรดานักปราชญ์ได้บอกไว้ในบรรดาหนังสือมูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม(อุซู ลุลฟิกห์)  และท่านอิบนุหะญัร  อัลฮัยติมีย์(ร.ฮ.)

ได้รวบรวมสิ่งดังกล่าวไว้อย่างดีในหนังสืออัลฟะตาวา อัลฟิกฮียะฮ์ อัลก๊อบรอ  เล่ม 4 หน้า 326     

 หากเขาต้องการตักลีดตามอิมามมากกว่าหนึ่งคน  ก็ต้องมีเงื่อนไขว่า  เขาต้องไม่ทำการตัลฟีก(คละปนมัซฮับ)

กับประเด็นหนึ่งๆ   ที่ไม่เคยมีมาก่อน  ดังนั้น  เมื่อบรรดากฎเกณฑ์ต่างๆหรือกฏเกณฑ์เหล่านั้นบกพร่องหรือมีบางส่วนบกพร่องลงไป

 แน่นอนว่า  อิบาดะฮ์ของเขาย่อมใช้ไม่ได้และจำเป็นต้องชดใช้อย่างเร่งด่วน..

5
 salam
ผมมีวีธีการสังเกตุหาเนื้อคู่ให้กับพี่น้องของเราในเวปนี้มาฝากครับแต่เชิงของมุมมองของนัก

วิชาการภาค กอลบี หมายถึงว่า มองลึกเข้าไปข้างในทะลุหัวใจของผู้ที่มาเป็นเนื้อคู่รวม

เตียงเคียงหมอนของเรา..เพราะนั้นหมายถึงว่า คู่ชีวันขวัญชีวาของเรานั้นเอง   cool2:

 party:ชึ่งไม่ว่าเขาผู้นั้นที่ยังไม่มีใครมาก่อนหรือกำลังจะหาเพิ่มอีก123คนก็ตาม

หลังจากได้บทเรียนคนเรียนคนแรกไปแล้ว หรือคิดจะแก้ตัวใหม่

รวมทั้งบทสอนที่เอามาฝากนี้เหมาะกับบรรดาพ่อหม้ายและแม่หม้ายทั้งหนุ่มบาวหรือสาวแก่..

บางคนอาจจะเคยอ่านมาแล้ว แต่คิดว่าหลายคนยังไม่ผ่านหูผ่านตามาที.อีกอย่างเพื่อประดับความรู้ก่อนจะหาคู่นะครับ  หุๆๆ    boulay:



อีกอย่างหนึ่งที่อยากบอกว่าจริงๆแล้วในศาสนาอิสลามนั้น  การเลือกหาคู่นั้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการตัดสินใจและการมีคู่ครองนั้นเปรียบได้กับการทำอบาดัตเพื่ออัลลออ์ตาอะลาเช่นกัน

                       ________________________________________
เรื่องการเลือกคู่ครองที่ดีเปรียบเสมือนการทำอีบาดัตที่เรารู้เป้าหมาย

 
     ท่านทั้งหลายที่เคารพ ผมขอถามท่านว่า ที่ท่านทำอิบาดัตเพื่อต้องการอะไร ???
ต้องการผลบุณค่าจ้างหรือ ท่านก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ไช่ สำหรับคำตอบในเรื่องนี้ จะยกเรื่องราวจากชีวประวัติ ส่วนหนึ่งของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีความรู้ ความชำนาญ ในวิชานี้ ชื่อ รอบีอะห์ เธอเป็นผู้สอนวิชานี้ด้วย
 
       ครั้งหนึ่ง  ขณะที่เธอสอนวิชานี้อยู่นั้น เธอได้ยกมือขอดุอาอฺต่ออัลเลาะห์  พร้อมกับกล่าวใน
ดุอาอฺว่า “โอ้อัลเลาะห์ อิบาดัตอันใดของฉันที่ยังไม่สมบูรณ์ขอให้ท่านได้โปรดให้ความสมบูรณ์ด้วย และฉันขออุทิศส่วนกุศลผลบุญจากอิบาดัตทุกๆอย่างของฉันให้แก่บรรดามุสลิมทั้งหมด” เมื่อบรรดาลูกศิษย์ของเธอได้ฟังเช่นนั้นก็ได้ถามเธอว่า แล้วเธอทำอิบาดัตเพื่อต้องการอะไร เธอก็ตอบว่า “ฉันทำอิบาดัต ไม่ต้องการหวังอะไร ฉันต้องการเพื่อเอาอัลลอฮฺมากอดในอ้อมอกเท่านั้น” 
 

     นี่แหละคือคำตอบจากผมที่ให้กับท่าน และหวังว่าต่อไปนี้ท่านก็กล้าที่จะอุทิศผลบุญจากการทำอิบาดัตต่างๆของท่าน ให้แก่มุสลิมทั้งหมดโดยปลาบปลื้มปิติ และด้วยความชื่นชมยินดีโดยไม่นึกเสียดายเลย และถ้าหากท่านถามว่าถ้าอุทิศผลบุญให้เขาเสียหมดแล้วเราจะได้อะไร 
 
      คำตอบก็คือ สมมุติว่าผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ มารีนา เธอเป็นคนสวยและฉลาดและเป็นลูกคนรวย เธอเองก็ร่ำรวยด้วย เธอยังเป็นโสด อายุยังน้อย เรียนจบปริญญาชั้นสูง มีประสบการณ์อย่างดี เธอทำงานอาชีพดี มีรายได้สูง มีผู้ชายมากมายหมายปองต้องการตัวเธอมาเป็นคู่ครอง
 
       แต่เธอก็ยังไม่ตัดสินใจอะไร เธอเป็นผู้ที่มีคติ เป็นผู้ฉลาด มีความคิดรอบคอบ เธอจะทำอะไรลงไปสักอย่าง จะต้องพิจารณาดูคำนึงถึงก่อนว่า หากทำลงไปจะได้ผลดีหรือไม่และอย่างไร เมื่อกาลเวลาผ่านไป อายุของเธอก็ย่างเข้าสามสิบปี เธอจึงคิดว่าสมควรแก่วัยแล้วที่จะเลือกคู่ครอง เลือกผู้ชายที่ดีที่สุดมาเป็นคู่ครองไว้เป็นที่พึ่งซึ่งกันและกันได้แล้ว
 
       เธอจึงตัดสินใจรับสมัครชายที่จะมาเป็นคู่ครอง โดยต้องมีกฏตั้งไว้ว่าผู้ใดรับจะเป็นคู่ครองต้องคบกับเธอก่อน และไม่ให้ล่วงล้ำในตัวเธอ และไม่ยอมแต่งงานก่อน เพราะต้องการอ่านน้ำใจของผู้ชายคนที่มาสมัครเป็นคู่ครองของเธอว่าเขาต้องการอะไรในตัวเธอ
 
       มีชายคนหนึ่งมีชื่อว่า อะห์หมัดได้มาสมัครเป็นคู่ครอง เธอเองก็รับปาก แต่ต้องคบกันในฐานะเพื่อนก่อนเป็นเวลาประมาณครึ่งปี แล้วจึงค่อยตัดสินใจแต่งงานกัน เมื่อเธอได้คบกับอะห์หมัดได้เพียงสามเดือนเท่านั้น เธอก็อ่านใจอะห์หมัดออก รู้ได้ทันทีว่าที่อะห์หมัดต้องการแต่งงานกับเธอก็เพราะเขาต้องการความสวยงามของเธอ
 
       เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าท่านผู้อ่านเป็นตัวเธอ แน่นอนที่สุดท่านก็จะไม่ยอมรับเอาอะห์หมัดมาเป็นคู่แต่งงาน มารีนาเองก็เหมือนกัน เธอจึงไม่ยอมรับอะห์หมัดมาเป็นคู่แต่งงาน เพราะความสวยงามนี้จะคงทนติดตัวเธอไปได้นานสักเท่าไหร่ ถ้าเธอเกิดเป็นโรคภัยไข้เจ็บใบหน้าของเธอเป็นรู ขรุขระ แน่นอนที่สุดเขาก็ต้องตีจากไปจากเธอแน่แท้ทีเดียว เธอก็จึงบอกเลิกกับอะห์หมัด
 
       ต่อมาไม่นานก็มีชายคนที่สองได้มาสมัครเป็นคู่ครองของเธอ เขาชื่อ อัดนาน เธอก็ตอบยอมรับ แต่ก็ต้องมีกฏเกณฑ์ดังกล่าวและเมื่อคบกับเขาเป็นเพื่อนอย่างสนิทสนมได้เพียงห้าเดือนเท่านั้น มารีนาก็อ่านใจของเขาได้ออกทันทีเลยว่า เขาต้องการทรัพย์สมบัติของเธอ
 
        ถ้าหากว่าเธอมีแต่ความสวยแต่ไม่มีทรัพย์สมบัติแล้ว แน่นอนเขาก็จะไม่มาสมัครนี้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าท่านเป็นมารีนา ท่านก็จะไม่ยอมรับเอามาเป็นคู่ครอง มารีนาเองก็เหมือนกัน เธอก็ไม่ยอมรับอัดนานผู้นี้ เพราะว่าทรัพย์สมบัตินั้นจะคงนานอยู่กับเธอได้แค่ไหนกัน วันหนึ่งอาจจะถูกขโมยปล้น ถูกไฟไหม้ หรือถูกทำลายสูญหายหมด และเมื่อนั้นเขาก็จะทอดทิ้งเธอ เธอก็เลยบอกเลิกกับอัดนานทันที
        และอยู่มาไม่นานก็มีชายคนที่สามชื่ออับดุลลอฮฺ ได้เข้ามาสมัครเป็นคู่ครองของเธอ โดยเธอเองก็วางกฏไว้เหมือนเดิม เมื่อเธอคบกับเขาอย่างเป็นเพื่อน โดยสนิทสนมอยู่เป็นเวลานานเกินหกเดือนและนานต่อไปอีก เธอก็อ่านใจเขาออกโดยละเอียด  รอบคอบ และด้วยการที่เธอทดลองดูเขาต่างๆนานา เธอก็อ่านใจเขาออกว่า ที่เขามาสมัครเป็นคู่ครองของเธอนั้น เพราะเขาต้องการตัวของเธอถึงหากว่า เธอไม่มีความสวยและไม่ร่ำรวยเขาก็ยังต้องการเธอ   
 
      นี่ถ้าหากท่านเป็นมารีนาแล้ว แน่นอนท่านก็จะรับเขา เอาเป็นคู่ครองทันทีและเธอก็เหมือนกันก็รับปากแต่งงานกับเขาทันที เมื่อแต่งงานแล้ว เธอกับเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ด้วยจิตซึ่งไว้วางใจใจตัวเขา แน่นอนเธอก็บอกกับเขาว่านี้แหละ กุญแจไขตู้เซฟ เธอเก็บไว้เถิด ทรัพย์ของฉันก็เหมือนทรัพย์ของเธอและอะไรของฉันทั้งหมดนั้นก็เหมือนกับเป็นของๆเธอ เธอเอาไปใช้ได้ตามสบายเลย
 
    สรุปแล้วเมื่ออับดุลลอฮฺได้ตัวเธอมาอยู่ในอ้อมกอด แน่นอนเขาก็ย่อมได้ทั้งความสวยของเธอ ทรัพย์สมบัติของเธอแล้วทุกสิ่งของเธอด้วย ฉันใดก็ฉันนั้นนี่แหละเป็นคำตอบแก่ท่าน คือเมื่อท่านทำอิบาดัตแล้วได้ซาบซึ้งต่ออัลลอฮฺ เมื่อได้อัลลอฮฺมาอยู่ในจิตใจแล้ว แน่นอนที่สุดผลบุญของการทำอิบาดัตมันจะไปไหนเสียในเมื่อ  อัลลอฮฺนั้นเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง
 
    เพราะฉนั้นถ้าท่านทำได้อย่างนี้แล้ว ผลบุญอิบาดัตท่านก็ได้รับ ผลบุญช่วยเหลือผู้อื่นท่านก็ได้ และยิ่งกว่านั้นท่านก็ได้เป็นคนรักของอัลลอฮฺด้วย นี้แหละคือการกระทำของผู้ฉลาดและมีความเฉลียวเป็นอัฉริยภาพ 
 
 หมายเหตุเรื่องเดิม คือ   ทำอิบาดัตเพื่ออะไร
จากหนังสือ...ทางนำไปสู่อัลเลาะห์ จากหลักวิชาจิตวิทยาของอิสลาม
 บรรยายโดย   อาจารย์ อาลี บินยูนุส ไชยา มักกะห์
 เรียบเรียงโดย อับดุลวาฮับ บินอะหมัด เหร่าหมัด ไชยา

ขอเสริมนิดหนึ่งว่า การที่เราทำอิบาดัดโดยรู้เป้าหมายเพื่ออะไรนั้น จะทำให้เรามีความหวังและพึงพอใจกับมัน
เช่นกันการที่เรารู้จักบุคลิกของผู้ที่จะเป็นคู่ครองของเรานั้นก่อนที่จะตัดสินใจนั้นย่อมทำให้เรามีความสุข และปลื้มปิติกับเขาคนนั้น เพราะเมื่อเขาและเราต่างรู้จักและรู้เป้าหมายกันและกันแล้วนั้น มันหมายถึงว่า การตั้งความหวังทั้งสองนั้นย่อมที่จะสำเร็จไปโดยดี

และการทำการใดๆที่มีการร่วมมือบนความพึงพอใจในการงานนั้นย่อมที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้โดยไม่ยาก ดังนั้นการศึกษาใจของคนรักนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีแต่การลองใจนั้นเป็นสิ่งไม่บังควร เพราะเขาอาจจะน้อยใจกับสิ่งที่ถูกลองก็ได้

ทางที่ดีแล้ว   การที่เลือกคนดีมมีอีหม่าเรื่องศาสนานั้นย่อมที่จะได้ทั้งความสุขในการครองเรือนในโลกนี้ และโลกอาครีรัตด้วย

วัสลาม

6
น้องมัยซุนกำลังรออ่านอยู่ซิครับ  อิๆๆ

7
ขั้นตอนแรกใครที่คิดจะมีเมียคนที่สองนั้นจะต้องประกาศตัวดังๆในเวปนี้ซะก่อนว่า


 smile:ฉันไม่กลัว เธอหรอก ย่ะ...แฮกๆๆๆ...ไม่ทราบว่มีใครกล้าไม่..อ้าว..บังมัดbangmudว่าไง    ...... hehe

8
 
อ้างถึง
บังๆเค้าพูดถึงหลักการจริงๆ ในทางศาสนาว่าอนุญาตมีได้
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย ขึ้นอยู่ที่ว่า ผู้ชายสามารถปกครองได้ทั่วถึงหรือไม่ เท่านั้นเอง
คิดว่านะคะ...(ในเว็บนี้)  น้อยคนที่จะมีภรรยาถึง 4 คน เหตุผลเพราะว่า


al-firdausเข้าใจหาอะไรมาเปรียบเปรยนะครับแฮๆๆ   mycool:


9
อ้างจากคุณ ktata

อ้างถึง
ว่าแต่ในเว็บนี้ใครมีภรรยามากกว่า 1 บ้างน่ะ..อยากรู้..ว่าเขาบริหารเวลายังไง..อิอิ/font]..


เรื่อง การบริหารเวลาให้ภรรยามากกว่า1นั้น มีในหลักการและแบบฉบับของท่านนบีเรียบร้อยครับ

สัปดาห์มี7วัน  
อาจจะคนละวัน หรือ 6วัน พัก1หรือ 2วันเจอทีก็ได้แล้วพักยาว1วัน อาจจะลาป่วยหรือกิจก็ได้

ประเด็นวันลาห้ามเข้าหาใครเด็ดขาด นอกจากความจำเป็นแต่ที่จำเป็นนั้นต้องอยู่ในหลักการและหลักการนั้นไม่ใช่หลักการของตัวเองแต่หลักการที่ศาสนายินยอิมเท่านั้น

ทางที่ดี  เจรจากันก่อนครับว่าใครจะเป็นคนแรก แล้วนัดแนะกันหรือว่า ใช้วิธีการจับฉลากผู้โชคร้ายเอ้ยผู้โชคดี..

วีธีแรกน่าจะทำก่อนครับ..

ที่สำคัญผ้ชายต้องเท่าเทียมเรื่องเวลานะครับไม่งั้นเป็นเรื่อง...
 เล่ามาจากเขามาอีกที...

10
bangmudกับบังมุด สู้ๆๆค้า

จะคอยเป็นคนหามเปลให้ครับอิๆๆๆ mycool:

11
พี่น้อง ครับ  loveit:กระทู้นี้ ผมยอมรับว่า สู้ผู้หญิงไม่ไหวจริงๆครับขอสารภาพ

วัสลาม    mycry mycry mycry

12
ก็อบมาเพื่อให้เราทุกคนพึงระวังและให้ตระหนักด้วยการรู้จักตัวเองซะก่อนครับแล้วเราจะรู้ว่าตัวเองนั้น เป็นใคร เป็นตัวเราเองหรือเป็นของพระองค์


พึงทราบเถิดว่า  แท้จริง  กุญแจที่จะไขไปสู่การรู้จักอัลเลาะฮ์นั้น(3)  คือการรู้จักตัวของท่านเอง  ดังที่อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสไว้ว่า
سَنُريهِم آياتِنا في الآفاقِ وَفي أَنفُسِهِم حَتّى يَتَبَيَّنَ لَهُم أَنَّهُ الحَقُّ                                                   
  “ต่อไปเราจะทำให้พวกเขาได้มองเห็นสัญลักษ์ต่างๆ  ของเรา  ซึ่งมีอยู่ในด้านต่างๆ  (ของจักวาลนี้)  และในตัวของพวกเขาเอง  จนกระทั่งได้ประจักษ์แจ้งชัดแก่พวกเขาว่าที่จริงแล้วพระองค์คือสัจจะธรรม”(ฟุศศิลัฟ 53) (4)
 ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า
من عرف نفسه فقد عرف ربه                                                             
                                        “ผู้ที่รู้จักตัวเขาเองแล้วนั้น  แน่นอน  เขาย่อมรู้จักพระเจ้าของเขา”
 โดยที่ไม่มีสิ่งใดที่จะใกล้ชิดมากที่สุดไปกว่าตัวของท่าน  เพราะถ้าหากท่านไม่รู้จักตัวของท่านเองแล้ว  แน่นอนว่า  ท่านจะรู้จักพระเจ้าผู้ทรงสร้างตัวของท่านได้อย่างไร?  ดังนั้น  ถ้าหากท่านกล่าวว่า “แท้จริง  ฉันรู้จักตัวของฉันแล้ว”  ซึ่งความจริงท่านรู้จักเพียงร่างกายภายนอกเท่านั้น  ซึ่งประกอบไปด้วย  มือ  เท้า  ศีรษะและร่างกาย  แต่ท่านไม่รู้ถึงสภาวะจิตวิสัยภายในตัวของท่าน  ซึ่งเมื่อท่านเกิดความโทสะ   ท่านก็จะทะเลาะวิวาท  เมื่อมีอารมณ์ความใคร่  ท่านก็จะเสพสม  เมื่อหิวท่านต้องรับประทาน  เมื่อยามกระหายท่านต้องดื่ม  ซึ่งบรรดาสัตว์เดรัจฉานนั้นก็ล้วนมีสิ่งต่างๆ  เหล่านี้เหมือนกับท่าน  เพราะฉะนั้น  จึงจำเป็นแก่ท่านที่จะต้องรู้จักตัวของท่านเองอย่างแท้จริง  จนกระทั่งสามารถรู้ได้ว่า  สิ่งใดกันแน่ที่เป็นตัวของท่าน  ท่านมาจากไหนในโลกใบนี้  จากสิ่งใดกระนั้นหรือที่ท่านถูกสร้างมา  ด้วยเหตุใดที่ท่านมีความสุข  และด้วยสิ่งใดที่ทำให้ท่านความทุกข์ 
แท้จริง  ภายในจิตใจของท่านนั้น มีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน
1.   ลักษณะของสัตว์เดรัจฉาน
2.   ลักษณะของสัตว์ร้าย
3.   ลักษณะของชัยฏอน
4.   ลักษณะของมะลาอิกะฮ์
 ดังนั้น  จิตวิญญาณจึงเป็นรัตถะแก่นแท้ของท่าน  สิ่งที่นอกเหนือจากจิตวิญญาณนั้น  ย่อมเป็นสิ่งที่แปลกใหม่  และเป็นสิ่งที่ถูกให้ยืมแก่ท่าน(ที่ไม่จีรัง)  เพราะฉะนั้น  จึงจำเป็นที่ท่านจะต้องรู้จักต่อสิ่งนี้  คือต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านั้น  ย่อมต้องการอาหารและความผาสุก  ความสุขของสัตว์เดรัจฉาน  คือการที่มันได้มีการกิน  การดื่ม  การหลับนอน  การสืบพันธุ์  ดังนั้น  หากท่านเป็นส่วนหนึ่งจากพวกเขา   ท่านก็จงหาปัจจัยยังชีพและการสืบพันธุ์  ความสุขของสัตว์ร้าย  คือการจู่โจมและสังหารเยื่อ  ความสุขของชัยฏอน  คือ  การหลอกลวง  ความชั่วและกลอุบาย  ดังนั้น  ถ้าหากท่านเป็นส่วนหนึ่งจากพวกเขา  ท่านก็จงกระทำเหมือนกับที่พวกเขาได้กระทำ  ,  และความผาสุกของมะลาอิกะฮ์อยู่ในการเพ่งพิศ(คุณลักษณะ)ความวิจิตรแห่งพระผู้เป็นเจ้า  พวกเขาไม่มีความโทสะ  ไม่มีความใคร่  ดังนั้น  หากท่านเป็นส่วนจากพวกเขา  ท่านก็จงเพียรพยายามในการรู้จักจุดกำเนิดของท่าน  จนกระทั่งรู้หนทางในสู่พระผู้เป็นเจ้า  แล้วท่านจะบรรลุไปสู่การเพ่งพิศ(คุณลักษณะ) ความยิ่งใหญ่และ(คุณลักษณะ) ความวิจิตรงดงามของพระองค์ (5)   ท่านจะหลุดพ้นจากข้อผูกมัดทางอารมณ์และความโกรธ  ท่านจะรู้ว่าคุณลักษณะเหล่านี้ว่ามีสิ่งใดบ้างที่ถูกประกอบขึ้นในตัวของท่าน   ซึ่งอัลเลาะฮ์จะไม่ทรงสร้างมัน(คือคุณลักษณะที่สี่) เพื่อให้ท่านเป็นจำเลยของมัน  แต่พระองค์จะทรงสร้างมันเหล่านั้น  เพื่อให้มันเป็นจำเลยของท่าน   ท่านสามารถมัน(คุณลักษณะทั้งสี่) เพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง  สามารถใช้มันเป็นพาหนะ  ทำให้เป็นอาวุธเพื่อทำการล่า(สัตว์)  โดยหาความสุขสำราญด้วยกับมันได้  ดังนั้น  เมื่อท่านบรรลุถึงเป้าหมาย (แห่งการรู้จักพระองค์) ท่านก็จงต่อสู้มันภายใต้สองเท้า(ที่มั่นคง)ของท่าน  และจงหวนกลับไปยังที่พำนักอันผาสุกของท่านเถิด  ซึ่งนั้นก็คือ  สถานที่พำนักสำหรับบุคคลพิเศษสำหรับพระองค์  แต่ที่พำนักของคนทั่วไปเป็นเพียงชั้นของสวรรค์ธรรมดาเท่านั้นเอง  ดังกล่าวนี้  ท่านจึงจำเป็นที่จะต้องรู้จักความหมายต่างๆ  เหล่านั้น(คุณลักษณะทั้งสี่)  ด้วยการรู้จักตัวของท่านเองทีละน้อยๆ (เป็นลำดับขั้นตอน)  ดังนั้น  ผู้ใดที่ไม่ทำความรู้จักความหมายเหล่านี้  ส่วนที่ได้รับของเขาก็คงเป็นเพียงแค่เปลือกนอก  เนื่องจากสัจจะธรรมจะถูกปิดบังด้วยเปลือกนอกนั้น

13
เป็น
อ้างถึง
คนนึงการรับอิสลาม รับไม่ได้จริง ๆเรื่องมีมากกว่า 1
ตั้งแต่รับอิสลามมา ศึกษาเรื่องนี้การมีภรรยามากกว่า1แต่ไม่ถึง 4 ลองจากหลักศรัทธาและหลักปฏิบัติ..

มันเป็นเรื่องที่ทดสอบความเข้มแข็งของผู้หญิงจริง ๆ ผู้หญิงหลายคนที่เป็นมุอัลลัฟอาจจะได้รับทางนำต่างกัน..แต่บางคนต้องมาเจอกับการที่ผู้ชายที่จะมาสู่ขอหรือคบหาดูใจ..นั้นกลับกลายว่ามีภรรยาอยู่แล้ว...

ครับ ผมเองก็คงจะรับไม่ได้เช่นกัน..ถ้าอัลลอฮฺให้สิทธินั้นกับผู้หญิงบ้าง...

คือให้ภรรยามีสามีได้4 คนสลับกันประเด็นมันอยู่ที่ว่าใครจะรับผิดชอบลูกที่เกิดขึ้นมานีซิ..

แต่นั้นคืออารมณ์นัฟซูของมนุษย์แต่เจ้าของผู้สร้างประสงค์ให้เราแสดงอย่างนั้นอย่างนี้หละ  แล้วใครกล้าจะขัดขืน.ในเมื่อมนุษย์คือสิ่งถูกสร้างและถูกกำกับมาเช่นนี้...

14
แสดงว่าคุณคนอยากรู้ ยอมรับใช่ไหมคะว่า ฝ่ายผู้ชายเป็นคนเริ่มโกหกก่อน

แล้วนี่นะหรือ ผู้ชายที่อิหม่านที่สมควรจะเอามาเป็นพ่อของลูก (ฝ่ายสามีที่โกหกค่ะไม่ใช่คุณคนอยากรู้)
แล้วชีวิตคู่ที่เริ่มต้นด้วยการโกหก มันน่าพิศมัยมา



 party:เอ..กระทู้นี้หว่าเหว้เหลือเกินหันซ้ายหันขวาไม่พบตัวช่วยเลย มีILHAMที่เข้าๆออกๆ  อิๆๆไม่น่าเข้ามาเลยตู    mycry

15
 mycry=j=ช่วยด้วยครับ ผู้ชายโดนรุม    boulay:

หน้า: [1] 2 3 ... 14