แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - al-azhary

หน้า: [1] 2 3 ... 417
1
คำสอนของท่านอิหม่ามอับดุลกอดิร อัลญีลานีย์ ที่ระบุไว้ในหนังสือ ฟุตูหุลฆ็อยบ์ หน้า 140 ต่อไปนี้ ซึ่งผมได้นำมาสอนกับบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายในทุกระดับ ถึง 5 ครั้งด้วยกัน เพื่อย้ำเตือนตัวผมเองและไม่ต้องการให้อารมณ์ใฝ่ต่ำมาครอบงำพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัฟซูอารมณ์ใฝ่ต่ำนั้น มันจะเข้ามาครอบงำกับคนทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับผู้รู้และผู้ที่ไม่รู้ก็ตาม

ดังนั้นผมจึงพยายามบอกกับตัวผมเองและเน้นบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายว่า กระทำอะไรก็ต้องถูกต้องตามหลักการของกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์และไม่ขัดแย้งกับหลักการของทั้งสอง เพื่อเราจะได้ไม่รักและเกลียดกันบนพื้นฐานของอารมณ์ใฝ่ต่ำ มิเช่นนั้นแล้วเราจะกลายเป็นผู้วิบัติเองเสียโดยไม่รู้ตัว วัลอิยาซุบิลลาฮ์

มาตรฐานความรักและรังเกียจต่อบุคคลหนึ่ง คือ:

ท่านอิหม่ามอับดุลกอดิร อัลญีลานีย์ ได้กล่าวว่า

إِذَا وَجَدْتَ فِيْ قَلْبِكَ بُغْضَ شَخْصٍ أَوْ حُبَّهُ فَأعْرِضْ أَعْمَالَهُ عَلَى الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ, فَإِنْ كَانَتْ فِيْهِمَا مَبْغُوْضَةً وَ أَنْتَ تَبْغَضُهُ فَأبْشِرْ بِمُوَافَقَتِكَ اللهَ عَزَّ وَجَلَّ وَرَسُوْلَهُ

'เมื่อท่านรู้สึกว่าในหัวใจของท่านรังเกียจบุคคลหนึ่งหรือรักบุคคลหนึ่ง ท่านก็จงเอาการกระทำของเขาไปเทียบกับหลักกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ ดังนั้นหากการกระทำของเขาเป็นที่น่ารังเกียจในหลักการของกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ และท่านก็รังเกียจเขาด้วย ดังนั้นท่านก็จงรับข่าวดีเถิดว่า ท่านได้รังเกียจสอดคล้องกับอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์แล้ว'

وَإِنْ كَانَتْ أَعْمَالُهُ فِيْهِمَا مَحْبُوْبَةً وَأَنْتَ تَبْغَضُهُ فَاعْلَمْ بِأَنَّكَ صَاحِبُ هَوًى، تَبْغَضُهُ بِهَوَاكَ ظَالِماً لَهُ بِبُغْضِكَ إِيَّاهُ، وَعَاصٍ للهِ عزَّ وجلَّ وَلِرَسُوْلِهِ تُخَالِفُ لَهُمَا

'แต่หากบรรดาการกระทำของเขาเป็นที่รักยิ่งตามหลักของกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ แล้วท่านก็ไปรังเกียจเขา ดังนั้นท่านจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงท่านเป็นคนเจ้าอารมณ์ ท่านรังเกียจเขาด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำเขาท่าน ท่านกลายเป็นผู้อธรรม(ซ่อเล็ม) ด้วยการที่ท่านได้แสดงความรังเกียจกับเขา ท่านกำลังเป็นผู้ฝ่าฝืนอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ ท่านกำลังขัดแย้งกับอัลลอฮฺและร่อซูลุลลอฮ์'

فَتُبْ إِلَى اللهِ عزَّ وجلَّ مِنْ بُغْضِكَ وَاسْأَلْهُ عَزَّ وَجَلَّ مَحَبَّةَ ذَلِكَ الشِّخْصِ وَغَيْرِهِ مِنْ أَحِبَّائِهِ وَأَوْلِيَائِهِ وَأَصْفِيَائِهِ وَالصَّالِحِيْنَ مِنْ عِبَادِهِ، لِتَكُوْنَ مُوَافِقاً لَهُ عَزَّ وَجَلَّ.

'ดังนั้นท่านจงเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮฺเนื่องจากการที่ท่านได้รังเกียจเขาและท่านจงวอนขอต่อพระองค์ให้มีความรักต่อบุคคลดังกล่าวและบุคคลอื่นๆ จากบรรดาผู้เป็นที่รักของอัลลอฮฺ บรรดาผู้บริสุทธิ์ต่อพระองค์ และปวงบ่าวของพระองค์ผู้มีคุณธรรมทั้งหลาย เพื่อท่านจะได้สอดคล้อง(ไม่ขัดแย้ง)กับอัลลอฮฺนั่นเอง'

وَكَذَلِكَ أَفْعِلْ فِيْمَنْ تُحِبُّهُ يَعْنِيْ أَعْرِضْ أَعْمَالَهُ عَلَى الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ فَإِنْ كَانَتْ مَحْبُوْبَةً فِيْهِمَا فَأَحِبَّهُ. وَإِنْ كَانَتْ مَبْغُوْضَةً فَابْغَضْهُ. كَيْلاَ تُحِبَّه بِهَوَاكَ وَتَبْغَضَهُ بِهَوَاكَ وَقَدْ أُمِرْتَ بِمُخَالَفَةِ هَوَاكَ قَالَ عَزَّ وَجَلَّ :

'เช่นเดียวกัน ท่านจงทำกับผู้ที่ท่านรัก หมายถึง ท่านจงเอาบรรดาการกระทำของเขาไปเทียบกับหลักกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ ดังนั้นหากการกระทำของเขาเป็นที่รักในหลักของกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ ท่านก็จงรักเขาเถิด และหากบรรดาการกระทำของเขาถูกรังเกียจตามหลักการของกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ ท่านก็จงรังเกียจเขา เพื่อท่านจะไม่รักเขาด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำของท่านและไม่รังเกียจเขาด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำของท่าน เนื่องจากท่านได้ถูกสั่งใช้ให้ขัดแย้งกับอารมณ์ใฝ่ต่ำ

อัลลอฮฺตะอาลาทรงตรัสว่า

وَلَا تَتَّبِعِ الْهَوَىٰ فَيُضِلَّكَ عَن سَبِيلِ اللَّهِ

“ท่านอย่าตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ เพราะมันเป็นเหตุจะทำให้ท่านหลงออกไปจากทางของอัลลอฮฺ(ใปสู่ทางของชัยฏอน)” [ศ็อด : 26]' อับดุลกอดิร อัลญีลานีย์, ฟุตูหุลฆ็อยบ์, หน้า 104.

ดังนั้นอย่าให้อารมณ์ความรู้สึกของเรา กลายเป็นการอธรรมต่อบุคคลหนึ่ง เพราะอาจจะเป็นการฝ่าฝืนและขัดแย้งกับอัลลอฮฺและร่อซูลุลลอฮ์ในทางหลักการโดยไม่รู้ตัว วัลอิยาซุบิลลาฮ์

3
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ ، وَبَعْدُ
 
การก่อกองไฟ  ไม่ใช่เป็นเรื่องของอิบาดะฮ์และไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดครับ

وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى أعْلىَ وَأَعْلَم

4
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ ، وَبَعْدُ
 
ซุนนะฮ์ส่งเสริมให้ถือศีลอดวันอาชูรออฺ( 10 มุหัรร็อม) และตาซูอาอฺ(9 มุหัรร็อม)

ท่านก่อตาดะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า

سُئِلَ عَنْ صَوْمِ يَوْمِ عَاشُوْرَاءَ فَقَالَ يُكَفِّرُ السَّنَةَ الْمَاضِيَةَ

“ท่านนะบีย์ได้ถูกถามเรื่องการถือศีลอดวันอาชูรออ์ ดังนั้นท่าน นะบีย์ตอบว่า มันจะลบล้างความผิดของปีที่ผ่านไป” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษลำดับที่ 1162.

ท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَئِنْ بَقِيتُ إِلَى قَابِلٍ لَأَصُومَنَّ التَّاسِعَ

“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ถ้าหากฉันมีชีวิตอยู่จนถึงปีหน้า ฉันจะต้องถือศีลอดในวันที่เก้า” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษลำดับที่ 1134.

มีอีกรายหนึ่งจากท่านอิบนุอับบาส ความว่า

قَالَ: رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صُومُوا يَوْمَ عَاشُورَاءَ وَخَالِفُوا الْيَهُودَ صُومُوا قَبْلَهُ يَوْمًا أَوْ بَعْدَهُ يَوْمًا

“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า พวกท่านจงถือศีลอดวันอาชูรออ์ และพวกท่านจงแตกต่างกับพวกยิว คือพวกท่านจงถือศีลอดก่อนวันอาชูรออ์หนึ่งวัน (คือวันที่ 9) หรือถือศีลอดวันหลังวันอาชูรออ์อีกหนึ่งวัน (คือวันที่ 11)” รายงานโดยอิหม่ามอะห์มัด, อัลมุสนัด, เล่ม 1 หน้า 241.

หะดีษนี้เป็นหะดีษฎ่ออีฟ เพราะมี “มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะหฺมาน อิบนุ อะบีลัยลา” ซึ่งเขามีความจำไม่ดี ดังนั้นคำสั่งใช้ให้ถือศีลอดในรูปแบบที่แตกต่างจากยิวจึงไม่เด็ดขาดถึงขั้นจำเป็น แต่หะดีษฎ่ออีฟนำมาปฏิบัติในเรื่องคุณความดีได้ตามหลักการของสะละฟุศศอลิห์ เช่น อิหม่ามอัชชาฟิอีย์ เป็นต้น

ท่านอิหม่ามอัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ ได้กล่าวว่า

فَإِنْ لَمْ يَصُمْ مَعَهُ تَاسُوْعَاءَ سُنَّ أَنْ يَصُوْمَ مَعَهُ الحَادِيْ عَشَرَ بَلْ نَصَّ الشَّافِعِيُّ فِي الأُمِّ وَالإِمْلاَءِ عَلَي إسْتِحْبَابِ صَوْمَ الثَّلاَثَةِ

“ถ้าหากเขามิได้ถือศีลอดวันที่ 9 พร้อมกับวันที่ 10 มุฮัรร็อม ก็สุนัตให้เขาทำการถือศีลอดในวันที่ 11 มุฮัรร็อม ยิ่งกว่านั้น อิหม่ามอัชชาฟิอีย์ได้กล่าวระบุในหนังสือ อัลอุมมฺและหนังสืออัลอิมลาอฺว่า สุนัตให้ถือศีลอดในสามวัน (คือวันที่ 9, 10, และ 11 มุฮัรร็อม)” อัชชัรบีนีย์, มุฆนิลมั๊วะห์ตาจญฺ, เล่ม 2, หน้า 197.

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสก่อลานีย์ ได้กล่าวว่า “การถือศีลอดวันอาชูรออ์นั้น มี 3 ระดับ ระดับน้อยสุด ให้ถือศีลอดวันอาชูรออ์วันเดียว ระดับปานกลาง ให้ถือศีลอดวันตาซูอาอ์ (วันที่ 9) พร้อมกับวันอาชูรออ์ ระดับสมบูรณ์ ให้ถือศีลอดวันตาซูอาอ์ วันอาชูรออ์ และวันที่ 11 วัลลอฮุอะลัม” ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 246.

وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى أعْلىَ وَأَعْلَم


5
:salam:
แวะมาบันทึกความฝัน ณ พฤหัสบดี 15/10/2558

   ฝันว่ากำลังรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับอาจารย์และลูกศิษย์มุสลิมะฮฺที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใครได้บ้าง
แต่ความรู้สึกบอกว่าเราผูกพันธ์กัน ขณะที่รับประทานเราก็มีเรื่องพูดคุยกัน เรื่องอะไรไม่อาจทราบได้ แต่มีรอยยิ้มแน่นอน
เพราะอาจารย์ยิ้ม และเรานั้นก็มีความสุข

การรับประทานอาหารเกิดชะงัก  เมื่อเสียงลูกศิษย์อีกมุมนึง ตะโกนบอกว่ามีคนมาแล้ว
อาจารย์ได้ยินเช่นนั้นก็เลย ลุกขึ้นเเล้วกล่าวว่า เอาละถ้าคนนี้มา ก็ได้เวลาเริ่มเรียน

อาจารย์คนดังกล่าว ชื่ออะไรครับ?

6
วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะร่อกาตุฮ์^^

7
ร่อมะฎอน ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าที่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมในเรื่องของผลบุญคุณความดี แต่ร่อมะฎอนเป็นเดือนที่อัลลอฮฺให้เปิดโอกาสให้เราได้แสดงถึงความเป็นบ่าวผู้นอบน้อมและต่ำต้อยและสร้างความใกล้ชิดต่อพระองค์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากร่อมะฎอนไม่มีโปรโมชั่นให้แก่เรา เราก็จะถือศีลอดและปฏิบัติตามคำสั่งในฐานะของบ่าวผู้มีศรัทธาและนอบน้อมต่อพระองค์

8
เครื่องหมายที่บ่งชี้ว่าการถือศีลอดถูกตอบรับ คือหัวใจและพฤติกรรมของเราดีกว่าก่อนร่อมะฎอนและหลังร่อมะฎอน

9
เดือนร่อมะฎอน มีความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้น คือ รังเกียจที่จะรับประทานอาหารละศีลอดเพียงคนเดียวเสมือนกับรังเกียจที่จะละหมาดเพียงคนเดียว ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจที่รับประทานอาหารคนเดียวเสมือนกับไม่สบายใจที่ละหมาดเพียงแค่คนเดียว เนื่องจากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ใช้ให้เรารับประทานอาหารร่วมกันเป็นกลุ่มเสมือนกับใช้ให้เราละหมาดเป็นญะมาอะฮ์ ผลที่ได้รับก็คือ จะทำให้หัวใจมีความรักต่อกัน ทำให้ริสกีมีความเพิ่มพูนโดยไม่รู้ตัว และทำให้มีความสามัคคี มีหัวใจที่เอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมกันรับประทานอาหาร

อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ที่อัลกุดวะฮ์ฺมีการร่วมละศีลอดกันทุกวันและเชิญชวนสานุศิษย์ทั้งหญิงชายมาร่วมรับประทานอาหารละศีลอดเสมอและร่วมกันละหมาดญะมาอะฮ์และตะรอวิห์พร้อมกันตลอดนอกจากมีอุปสรรคเท่านั้น ความรู้สึกดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้น

10
การถือศีลอด จะมาปลดปล่อยให้เราพ้นจากการเป็นทาสของบริโภคนิยม วัตถุนิยม และอารมณ์ใฝ่ต่ำทั้งหลาย ดังนั้นการที่เรามีจิตใจอดกลั้นจากการกินการดื่ม อดกลั้นจากการกระทำสิ่งที่หะรอมทั้งหลายนั้น แสดงว่าเราได้ถูกปลดปล่อยให้พ้นจากการเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้น เพื่อให้เราเป็นทาสของอัลลอฮฺตะอาลา อย่างแท้จริงนั่นเอง

11
 การถือศีลอด เป็นอะมัลของหัวใจที่ต้องอดทน คืออดทนอดกลั้นเพื่ออัลลอฮ์ อดกลั้นจากการกิน อดกลั้นจากการดื่ม อดกลั้นจากสิ่งที่หะรอม อดกลั้นจากการนินทา อดกลั้นจากการอิจฉาริษยา อดกลั้นจากสิ่งที่ไร้สาระเพื่ออัลลอฮ์ อดกลั้นจากการคิดสิ่งไร้สาระ ด้วยการซิกรุลลอฮ์ นี้คือสภาวะจิตที่มีอีหม่านและอดทน แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงตอบแทนการถือศีลอดด้วยพระองค์เองอย่างคณานับมิได้

12
ในเดือนร่อมะฎอน  เราจะรู้ได้ว่า อัลลอฮฺทรงให้เรามีเกียรติแค่ไหน ก็ดูที่หัวใจของเราสนใจอยู่กับพระองค์มากแค่ไหน อัลลอฮฺตะอาลาก็จะตอบแทนศีลอดของเรามากแค่นั้น

13
เมื่อฉันละศีลอด ข้างหน้ามีสำรับอาหารน่ารับประทานมากมาย หัวใจของฉันจดจ่ออยู่กับอัลลอฮฺและดื่มด่ำในความรู้สึกอยู่เสมอว่า อาหารเหล่านี้เป็นความโปรดปรานจากอัลลอฮฺที่มีให้แก่ฉัน ทั้งที่ฉันไม่สมควรที่จะได้ความโปรดปรานนี้เลย เพราะฉันรู้ว่าฉันนั้นทำอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ไม่ได้อย่างสมบูรณ์เท่าที่สมควรจะเป็น แต่พระองค์ก็ยังคงโปรดปรานแก่ฉันให้ได้รับประทานอาหารทุกมื้อแก่ฉัน

14
อัสลามุอะลัยกุ้มวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะร่อกาตุฮ์

คิดถึงเว็ปซุนนะฮ์สติวเด้นท์(เว็ปนักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์)อย่างมาก  ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาอยากจะเสวนาว่าเราได้รับอะไรดีๆ ในเดือนร่อมะฎอนบ้าง^^

วัสลามุอะลัยกุ้ม

al-azhary

15

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ آلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ ،،، وَبعْدُ ؛

ไม่ว่าจะนั่งตะชะฮุดครั้งแรกหรือครั้งสุดท้าย  สุนัตให้วางสองฝ่ามือบนขาอ่อนทั้งสองโดยให้บรรดานิ้วแนบติดกันเพื่อให้นิ้วทั้งหมดผินไปทางทิศกิบละฮ์และให้ปลายนิ้วนั้นอยู่ตรงกับจรดปลายหัวเข่าทั้งสอง(คืออย่าวางปลายนิ้วให้เลยหัวเข่าหรืออย่าหดปลายนิ้วเข้ามาจนไม่ถึงปลายหัวเข่า) หลังจากนั้นก็ให้กำบรรดานิ้วมือข้างขวายกเว้นนิ้วชี้  ไม่ต้องกำ  หลังจากนั้นก็เอานิ้วโป้งมาวางชิดกับขอบนิ้วชี้โดยให้อยู่ข้างล่างนิ้วชี้เล็กน้อย  เพื่อตามซุนนะฮ์นะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม. ดู อิบรอฮีม อัลบาญูรีย์, หาชียะฮ์อัลบาญูรีย์, เล่ม 1, หน้า 171.

وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ


หน้า: [1] 2 3 ... 417