แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - นัซซอเราะฮฺ

หน้า: [1] 2 3 4
1
ต่อจาการนำเสนอครั้งที่แล้ว...

นบีลูฏได้เรียกร้องประชาชาติของท่านไปสู่แนวทางแห่งสัจธรรม
และตักเตือนความประพฤติปฏิบัติของพวกเขา  แต่ประชาชาติของท่านไม่รับฟังคำตักเตือนใดๆ
และยังคงทำการขับไล่นบีลูฏออกจากเมือง  อีกทั้งทำเมินเฉยต่อการลงโทษที่นบีลูฏได้ตักเตือนไว้แก่พวกเขา


وَلُوطاً إِذْ قَالَ لِقَوْمِهِ إِنَّكُمْ لَتَأْتُونَ الْفَاحِشَةَ مَا سَبَقَكُم بِهَا مِنْ أَحَدٍ مِّنَ الْعَالَمِينَ 


[29.28]  และ (จงรำลึกถึง) ลูฏ เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า แท้จริงพวกท่านได้กระทำการลามกซึ่งไม่มีผู้ใดในหมู่มวลชนกระทำมาก่อนพวกท่านเลย 


أَئِنَّكُمْ لَتَأْتُونَ الرِّجَالَ وَتَقْطَعُونَ السَّبِيلَ وَتَأْتُونَ فِي نَادِيكُمُ الْمُنكَرَ فَمَا كَانَ جَوَابَ قَوْمِهِ إِلَّا أَن قَالُوا ائْتِنَا بِعَذَابِ اللَّهِ إِن كُنتَ مِنَ الصَّادِقِينَ 


[29.29]   แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายและปล้นบนทางหลวงกระนั้นหรือ ? และกระทำอนาจารในที่ชุมชนของพวกท่านแต่คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า จงนำการลงโทษของอัลลอฮ์มาให้แก่พวกเราซิหากท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง 

( ซูเราะฮฺ  อัลอังกะบูต  :  28-29 )


เมื่อนบีลูฏได้ฟังการตอบรับจากประชาชนของท่านในข้างต้น
ท่านจึงได้ขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ


قَالَ رَبِّ انصُرْنِي عَلَى الْقَوْمِ الْمُفْسِدِينَ 

[29.30]  เขา (ลูฏ) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้อยู่เหนือหมู่ชนผู้บ่อนทำลายด้วยเถิด 

( ซูเราะฮฺ  อัลอังกะบูต  :  30 )

رَبِّ نَجِّنِي وَأَهْلِي مِمَّا يَعْمَلُونَ 

[26.169]  ข้าแต่พระเจ้าของฉันขอพระองค์ทรงช่วยฉัน และบริวารของฉันให้พ้นจากที่พวกเขากระทำกัน

( ซูเราะฮฺ  อัชชุอะรออฺ  :  169  )


อัลลอฮฺทงตอบรับการขอพรของนบีลูฏด้วยการส่งเทวทูต ( มลาอิกะฮฺ )  ในร่างของชายหนุ่มสองท่านมาหานบีลูฏ
โดยที่ก่อนหน้านั้นเทวทูตทั้งสองได้ไปหานบีอิบรอฮีมก่อนเพื่อบอกข่าวดีแก่ท่านว่าภรรยาของท่านจะให้กำเนิดทารกน้อย

เทวทูตทั้งสองได้บอกแก่นบีอิบรอฮีมถึงเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทั้งสองถูกส่งมา
นั่นคือการทำลายประชาชาติผู้โอหัง


قَالَ فَمَا خَطْبُكُمْ أَيُّهَا الْمُرْسَلُونَ 

[51.31]  เขากล่าวว่า ดังนั้นความมุ่งหมายของพวกท่านคืออะไรเล่า โอ้บรรดาทูตเอ๋ย?


قَالُوا إِنَّا أُرْسِلْنَا إِلَى قَوْمٍ مُّجْرِمِينَ 

[51.32]   พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราถูกส่งมายังหมู่ชน ผู้กระทำผิด



لِنُرْسِلَ عَلَيْهِمْ حِجَارَةً مِّن طِينٍ 

[51.33]  เพื่อเราจะได้โยนก้อนหินทำด้วยดินเหนียวแข็งลงบนพวกเขา


مُسَوَّمَةً عِندَ رَبِّكَ لِلْمُسْرِفِينَ 

[51.34]   ถูกตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้ว ณ ที่พระเจ้าของเจ้าสำหรับพวกที่ละเมิดขอบเขต

( ซูเราะฮฺ  อัซซาริยาต : 31-34  )

 
إِلاَّ آلَ لُوطٍ إِنَّا لَمُنَجُّوهُمْ أَجْمَعِينَ 

[15.59]  นอกจากบริวารของลูฏ แท้จริงเราจะเป็นผู้ช่วยพวกเขาให้รอดทั้งหมด

 
إِلاَّ امْرَأَتَهُ قَدَّرْنَا إِنَّهَا لَمِنَ الْغَابِرِينَ 

[15.60]   เว้นแต่ภริยาของเขา เราได้กำหนดไว้แล้วว่า แท้จริงนางจะอยู่ในหมู่ผู้ล่วงไปแล้ว

( ซูเราะฮฺ  อัลฮิจรฺ : 59-60  )


หลังจากที่เทวทูตทั้งสองเสร็จสิ้นการบอกข่าวดีแก่นบีอิบรอฮีมแล้ว
พวกเขาก็ออกเดินทางไปหานบีลูฏ...



โปรดติดตามต่อไป...



ด้วยจิตคารวะ

2
 ;D   [MusalmarN]   รู้ทันอีกแน่ะ

อย่างนี้ก็ต้องทำตามเสียงเรียกร้องแล้วล่ะสิ

งั้นก็ติดตามต่อแบบลุ้นระทึกกันได้เลย

ด้วยจิตคารวะ

3
อัสลามมุอะลัยกุมผู้ติดตามทุกท่าน

ก่อนอื่นก็ต้องเรียนท่านผู้อ่านว่า  ตอนนี้อัลกุรอานความหมายภาษาไทยในเว็บของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับเซิฟเวอร์ขัดข้องชั่วคราว
จึงทำให้การนำเสนอติดขัด โดยไฟล์ภาพของแต่ละอายะฮฺที่นำเสนอไปแล้วนั้นไม่แสดงภาพขึ้นมา
เช่นนั้นแล้วจึงต้องขอเรียนต่อไปว่า  จะพักยกการเสวนาในกระทู้นี้ไปจนกว่าระบบจะกลับมาเป็นปกติ  อินชาอัลลอฮฺ

NOTE  :  ว้าอดโพสต์เลย

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆท่านจะติดตามกันต่อไป  ^--^

ด้วยจิตคารวะ

4
ต่อจาการนำเสนอครั้งที่แล้ว...

อัลกุรอานได้บอกให้เรารู้ถึงการทำหน้าที่ของนบีลูฏในการตักเตือนประชาชนของท่าน
และปฏิกิริยาที่พวกเขาแสดงออกต่อคำตักเตือนของนบีลูฏ




160. หมู่ชนของลูฏ ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล(*1*) 

(1)  เป็นการเริ่มเรื่องราวของนบีลูฏ คือชนชาติของลูฏได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังร่อซูลของพวกเขาคือนบีลูฏ ผู้ใดปฏิเสธร่อซูลคนหนึ่งก็เท่ากับปฏิเสธบรรดาร่อซูล



 
161. ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือลูฏได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?



 
162. แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน



 
163. ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮฺ  และเชื่อฟังฉัน




164. และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก(*1*)

(1)  อัลอายาตได้กล่าซ้ำเช่นนี้ และได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว




165. พวกท่านเข้าหาผู้ชายในหมู่ผู้คนทั้งหลายกระนั้นหรือ?(*1*)

(1)  คือพวกท่านร่วมสังวาสกับบรรดาผู้ชายทางทวารหนักกระนั้นหรือ พวกท่านเท่านั้นที่กระทำการอันน่าเกลียดในหมู่มนุษย์ชาติทั้งหลาย 

 

 
166. และพวกท่านปล่อยทิ้ง สิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านทรงบังเกิดมาสำหรับพวกท่าน คือภรรยาของพวกท่าน(*1*)แน่นอนพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน 

(1)  พวกท่านไม่ปฏิบัติในสิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านได้อนุมัติให้ คือการหาความสุขกับบรรดาภรรยาของพวกท่าน 



 
167. พวกเขากล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย! หากท่านไม่หยุดยั้ง แน่นอนท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะถูกขับไล่ให้ออกไป(*1*) 

(1)  คือหากท่านไม่เลิกการตำหนิสิ่งที่พวกเรากระทำกันอยู่ เราจะไล่ท่านออกไปจากพวกเราและนรเทศให้ออกจากแผ่นดินของเรา

 

 
168. เขากล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นผู้ที่เกลียดยิ่งต่อการกระทำของพวกท่าน(*1*) 

(1)  ฉันขอปลีกตัวออกจากการกระทำอันน่าเกลียดของพวกท่าน 

( ซูเราะฮฺ  อัชชุอะรออฺ  :  160-168 )


ประชาชนของนบีลูฏได้ทำการตอบรับคำเชื้อเชิญไปสู่แนวทางที่ถูกต้องโดยการข่มขู่ท่าน
พวกเขาเกลียดชังต่อนบีลูฏที่นำเสนอแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา
และพวกเขาต้องการที่จะเนรเทศนบีลูฏและบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อคำสอนของท่านออกจากเมือง
ในอีกอายะฮฺหนึ่งในอัลกุรอานได้เล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า




80. ?และจงรำลึกถึงลูฏ(*1*)ขณะที่เขาได้กล่าวแก่ประชาชาติของเขาว่า ท่านทั้งหลายจะประกอบสิ่งชั่วช้าน่ารังเกียจ ซึ่งไม่มีคนใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลายได้ประกอบมันมาก่อนพวกท่านกระนั้นหรือ?? 

(1)  คือท่านนบีลูฏ 

 

 
81. ?แท้จริงพวกท่านจะสมสู่เพศชายด้วยตัณหาราคะอื่นจากเพศหญิง(*1*)ยิ่งกว่านั้นพวกท่านยังเป็นพวกที่ละเมิดขอบเขตด้วย 

(1)  กล่าวคือมีตัณหาราคะในเพศชายมากกว่าในเพศหญิง   



 
82. ?และคำตอบแห่งประชาชาติของเขานั้นมิปรากฏเป็นอื่นใด นอกจากการที่พวกเขากล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงขับไล่พวกเขา(*1*)ออกไปจากเมืองของพวกท่านเสีย แท้จริงพวกเขาเป็นพวกที่บริสุทธิ์?(*2*)   

(1)  หมายถึงท่านนบีลูฏและผู้ที่ศรัทธาต่อท่าน
(2)  เป็นถ้อยคำเย้ยหยันจากพวกเขา มิใช่เป็นถ้อยคำชมเชยหรือยอมรับในความจริง


( ซูเราะฮฺ  อัลอะอฺรอฟ  :  80-82 )


นบีลูฏได้เรียกร้องประชาชาติของท่านไปสู่แนวทางแห่งสัจธรรม
และตักเตือนความประพฤติปฏิบัติของพวกเขา  แต่....




โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ

5
ญะซากัลลอ  ค่ะ
พี่ นูร และ บัง อัลอัซฮารี่ ค่ะ

ข้อมูลแน่น และละเอียด ดีมั่ก ๆ เลยค่ะ  ;D
(แต่ นู๋ ยังอ่านไม่จบนะคะ  คืนนี้ อิงชาอัลลอ จะมาอ่านให้จบค่ะ)




ยินดีจ้ะ  ยังไงก็อ่านต่อให้จบนะจ๊ะนู๋น้อยปุ้มปุ้ย   ;D


อัสลามุอะไลกุ้ม

ก็คงติดตามกันต่อไปครับ....นึกว่ากระทู้จบตัวเองไปเสียแล้ว.... ;D


วะอะลัยกุมมุสลาม   

แหมๆ  ช้าๆได้พร้าสองเล่มงามนะจะบอกให้    ;D  ของดีต้องใจเย็นๆ

6
ประชาชาติของลูฏและเมืองที่ถูกพลิกแผ่นดิน




33. หมู่ชนของลูฏได้ปฏิเสธต่อการตักเตือน




34. แท้จริง เราได้ส่งพายุหินจากท้องฟ้าลงบนพวกเขา นอกจากวงศ์วานของลูฏ เราได้ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นในยามรุ่งสาง 




35. เป็นความโปรดปรานจากเรา เช่นนั้นแหละเราตอบแทนผู้กตัญญู   (*1*)

(1)  หมู่ชนของลูฏคือ ชาวเมืองซะตูม และอะมูเราะฮ. ได้ปฏิเสธต่อการเรียกร้องเชิญชวน และการตักเตือนของนบีลูฏ ซึ่งเป็นบุตรของน้องชายของนบีบรออฮีม มีชื่อว่า ฮารอน หลังจากที่พวกเขาปฏิเสธต่อการตักเตือน พร้อมกับยืนกรานต่อการปฏิเสธศรัทธา และกระทำการลามก เราได้ส่งลมพายุหอบก้อนหินจากท้องฟ้าลงบนพวกเขา อับนฺกะซีรกล่าวว่า อัลลอฮฺ  ตะอาลา ทรงบัญชาให้ญิบรีลยกเมืองของพวกเขาขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพลิกคว่ำลงมา และส่งก้อนหินหล่นมาทับพวกเขาเว้นแต่วงศ์วานของนบีลูฏ  และผู้ที่ศรัทธาต่อเขา เราได้ให้พวกเขารอดพ้นจากการลงโทษในยามรุ่งสาง ทั้งนี้เป็นความโปรดปรานและเมตตาจากเราแก่พวกเขาและนั่นคือการตอบแทนของเราแก่ผู้ที่กตัญญูต่อความโปรดปรานของเราด้วยการศรัทธาและการเชื่อฟังปฏิบัติตาม




36. และโดยแน่นอนเขา (ลูฏ) ได้ตักเตือนพวกเขาถึงการลงโทษของเรา แต่พวกเขาได้โต้แย้งข้อตักเตือน (ของเรา)

( ซูเราะฮฺ  อัลเกาะมัรฺ  :  33-36 )


นบีลูฏ  อะลัยฮิสลาม  มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับนบีอิบรอฮีม  อะลัยฮิสลาม 
นบีลูฏถูกส่งมาเพื่อเป็นศาสนทูตแก่อีกประชาชาติหนึ่ง  ซึ่งเป็นประชาชาติเพื่อนบ้านกับชุมชนของนบีอิบรอฮีม 
จากคำสอนที่ได้จากอัลกุรอานบอกให้เราทราบถึงกลุ่มชนเหล่านี้ว่า  เป็นพวกประพฤติผิดในกาม  นิยมรักร่วมเพศ
เมื่อนบีลูฏออกสั่งสอนให้พวกเขายกเลิกพฤติกรรมดังกล่าวและบอกพวกเขาให้ทราบถึงคำตักเตือนจากอัลลอฮฺ 
แต่พวกเขาปฏิเสธ  ไม่ยอมรับการเป็นศาสนทูตของนบีลูฏ  และยังคงดำเนินพฤติกรรมนิยมรักร่วมเพศ
จนสุดท้ายพวกเขาก็ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

เมืองที่นบีลูฏอาศัยอยู่นั้นมีอ้างถึงในคัมภีร์ไบเบิลเก่า 
โดยเรียกว่า  "เมืองโซดอม"  ( Sodom )  ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลแดง
เมืองดังกล่าวถูกทำลาย  ดังที่มีระบุไว้ในอัลกุรอาน 
จากการศึกษาของนักโบราณคดีพบว่าเมืองดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณเขตเดดซี  ( Dead  sea ) 
ซึ่งทอดตัวยาวตลอดพรมแดนอิสราเอล-จอร์แดน

ก่อนที่เราจะมาศึกษาสิ่งซึ่งยังหลงเหลืออยู่จากมหันตภัยครั้งนั้น
ขอให้เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมประชาชาติของลูฏจึงถูกลงโทษจากการหลงใหลกับสิ่งดังกล่าว  ?

อัลกุรอานได้บอกให้เรารู้ถึงการทำหน้าที่ของนบีลูฏในการตักเตือนประชาชนของท่าน
และปฏิกิริยาที่พวกเขาแสดงออกต่อคำตักเตือนของนบีลูฏ...





โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ

7
ญะซากัลลอฮฺ บังอัล-อัซฮารีย์มากจ้าที่ร่วมเสวนาสรุปให้  สำหรับประชาชาติที่ถูกทำลายในสมัยนบีนุฮฺ  อะลัยฮิสลาม
ท่านอื่นๆ ล่ะคะ  ได้ข้อตักเตือน  ข้อคติจากเรื่องนี้อย่างไร ?
คาดว่าทุกท่านคงมีคำตอบในใจกันแล้ว.... ;D

จขกท.  ก็หายหน้าหายตาไปทำภารกิจอยู่หลายมื้อ
ขอต้องอภัยด้วยจิตคารวะต่อพี่น้องที่ทำให้อ่านแบบไม่ต่อเนื่อง
วันนี้ก็ขอกลับมาพร้อมกับเนื้อหาในตอนที่  2

"ประชาชาติของลูฏและเมืองที่ถูกพลิกแผ่นดิน"



โปรดติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ

ด้วยจิตคารวะ

8
อัสลามมุอะลัยกุม

..............................เหนื่อย...............................ใจ................................!!!

19-08-2007

9
ญะซากัลลอฮฺ  บัง  al-azhary  มากค่ะ  ที่มาสรุปจบให้  พอดีเลยกำลังลงไม่ถูก  อิอิ 
ทีนี้ก็หาทางลงเจอและ   ;D
น่าติดตามๆ  เชิญบังเสวนาต่อเลยจ้า


ด้วยจิตคารวะ

10


เทือกเขาอารารัต  ( Ararat )  ในตุรกี  จากพันธสัญญาเก่าที่ว่า

ณ  วันที่สิบเจ็ด  ของเดือนที่เจ็ด  นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต  ( เยเนซิส,  8:4 )



โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ

11
อุทกภัยแห่งนุฮฺในพันธสัญญาใหม่

พันธสัญญาใหม่ที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วยถ้อยคำและเกียรติประวัติของนบีอีซา  อะลัยฮิสลาม
( Jesus )  พันธสัญญาใหม่เริ่มขึ้นจากการเขียนของสาวกของพระเยซู  4  คน หลังจากสมัยของอีซา 100 ปี
พวกเขาไม่เคยคลุกคลีกับท่านหรือแม้แต่เห็นท่านมาก่อน  สาวกทั้ง  4  คนนี้ก็คือ
แมททิว, มาร์ค, ลู้ก  และจอห์น  เห็นได้ชัดเจนว่ามีสิ่งที่ค้านกันเองระหว่างทั้ง  4  คน 
โดยเฉพาะสาวกที่ชื่อ  จอห์น  มีความแตกต่างจากคนอื่นๆ  บ้างในบางเรื่องแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ทำให้พอมีความสอดคล้องที่จะไปด้วยกันได้  ส่วนเล่มอื่นๆ ของพันธสัญญาใหม่ประกอบด้วยงานเขียนของ
อโพสเทิล  ( Apostles )  และซาร์ล  ( Saul )  แห่งทาร์ซัส
( ต่อมาเรียกกันว่า  เซนต์  ปอล  ( Saint  Paul ) )  อธิบายเกี่ยวกับพันธสัญญาแห่งอโพสเทิลหลังจากอีซา

นั่นคือพันธสัญญาใหม่ในปัจจุบันที่ไม่ใช่คัมภีร์ศาสนาอีกต่อไป  แต่เป็นเพียงหนังสือกึ่งประวัติศาสตร์


ต่อไปนี้คือเรื่องราวโดยย่อที่กล่าวถึงอุทกภัยแห่งนุฮฺในพันธสัญญาใหม่

นุฮฺถูกส่งมาอยู่ในฐานะผู้ส่งข่าวแก่ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าและหลงผิด  แต่ชนชาติของเขาก็ไม่เชื่อฟังเขา
และยังคงออกนอกลู่นอกทางเหมือนเดิม  ในเวลานี้นั่นเองที่พระเจ้าได้บอกให้บุคคลผู้ซึ่งปฏิเสธศรัทธา
ให้ยอมรับการมาถึงของน้ำท่วม  พระองค์ทรงปกป้องนุฮฺและเหล่าผู้ที่เชื่อในพระเจ้า
โดยให้พวกเขาขึ้นเรือของนุฮฺ

นี่คือบางบทในพันธสัญญาใหม่ที่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้วยสมัยของโนอาห์ได้เป็นอย่างไร  เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้น
เพราะว่าก่อนวันน้ำท่วมนั้นคนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน  ทำการสมรสและให้เป็นสามีภรรยากัน
จนถึงวันที่โนอาห์ได้เข้าในนาวา  และน้ำท่วมมากวาดเขาเอาไปสิ้น  โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด
เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้น 
   ( แมททิว,  24:37-39 )


และไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคน
เมื่อคราวที่พระองค์ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม
  ( ปีเตอร์ส่วนที่สอง,  2:5 )


ในสมัยของโนอาห์  เหตุการณ์ได้เป็นมาแล้วอย่างไร  ในสมัยของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นไปอย่างนั้นด้วย

เขาได้กินและดื่ม  ได้สมรสกัน  และได้ยกให้เป็นสามีภรรยากันจนถึงวันนั้นที่โนอาห์ได้เข้าในนาวา
และน้ำได้มาท่วมล้างผลาญเขาเสียสิ้น
  ( ลู้ก,  17:26-27 )


ซึ่งกาลก่อนไม่ได้เชื่อฟังในพระเจ้าคราวเมื่อพระเจ้าได้โปรดงดโทษไว้ในสมัยโนอาห์
ขณะที่ท่านกำลังต่อเรือใหญ่  ในนั้นมีน้อยคน  คือทางน้ำนั้น  แปดคนรอดชีวิตจากน้ำท่วม

( ปีเตอร์ส่วนที่หนึ่ง, 3:20 ) 

เพราะว่าเขาแกล้งลืมข้อนี้เสีย คือโดยวจนะของพระเจ้า
ฟ้าสวรรค์ได้อุบัติขึ้นแต่โบราณ  และแผ่นดินโลกจึงได้เกิดขึ้นจากน้ำและมีน้ำล้อมรอบทุกด้าน

ด้วยน้ำนั่นเองชาวโลกที่มีอยู่ในขณะนั้นก็ได้ถูกทำลายให้พินาศไปเพราะน้ำท่วม 
( ปีเตอร์ส่วนที่สอง,3:5-6 )


โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ


12
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน  บัง dektharue  เช่นกันที่เข้ามาอ่านและร่วมให้ข้อมูล   ;)

13
ลึกลงไปใต้พื้นดิน  4-5  เมตร  ชมิดท์ได้ขุดมาถึงชั้นดินสีเหลือง  ( เป็นการทับถมเกิดจากน้ำท่วม )
เป็นดินที่มีส่วนผสมของดินเหนียวและดินทราย  เป็นดินชั้นที่................

โปรดติดตามต่อไป...

ดูการลงท้ายซิครับท่านพี่น้อง เป็นดินชั้นที่................  ;D  แบบนี้ก็ติดตามอ่านกันงอมแงมอีกตามเคย  :D


 ;D ;D 

14
เข้ากระทู้นี้   รู้สึกว่าผ่อนคลายมากเลยครับ  ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนและตอบรับดุอาอ์ที่คุณ  Nur-fitri ขอไว้ด้วยนะครับ และขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนสำหรับการนำเสนอความรู้แก่พี่น้อง

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่านที่แวะมาอ่านเช่นกัน   :)

15
อุทกภัยแห่งนุฮฺในพันธสัญญาเก่า

คัมภีร์อันเที่ยงแท้ที่ได้ถูกประทานแก่นบีมูซา  อะลัยฮิสลาม  นั่นคือคัมภีร์เตารอต  ( Tawrah )
แทบจะไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์นี้เลย 
ส่วนคัมภีร์ไบเบิลนั้น  ในคัมภีร์  5  เล่มแรกของพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับเก่า  ( Pentateuch ) ขาดการต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลานานจากต้นฉบับ  มิหนำซ้ำหลายๆ ส่วนของเนื้อหาที่เป็นจริงยังได้ถูกแรบไบ ( นักบวช )
ในศาสนายิวบิดเบือนไป

ศาสนทูตทุกท่านที่ได้รับการถ่ายทอด  จะถ่ายทอดต่อไปยังวงศ์วานของอิสรออีล
หลังจากสมัยของนบีมูซาทุกอย่างก็ถูกครอบงำเหมือนเช่นที่ผ่านมาและมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาครั้งใหญ่
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเรียกคัมภีร์เหล่านั้นใหม่ว่า
"พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่" ( Altered  Pentateuch )
เพราะมันไม่มีความต่อเนื่องจากฉบับดั้งเดิม  ทำให้เห็นว่ามันเป็นเพียงแค่หนังสือที่มนุษย์เขียนขึ้นมา
เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ของตนเองมากกว่าที่จะเป็นคัมภีร์ศาสนา 
ซึ่งไม่น่าประหลาดใจที่คัมภีร์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้วกับการกระทำที่ค้านกับข้อความ
ในคัมภีร์จะมีเรื่องราวของนบีนุฮฺปรากฏอยู่ด้วย  แม้ว่าเนื้อหาบางส่วนจะคล้ายคลึงกับในอัลกุรอานบ้างก็ตาม

จากพันธสัญญาเก่า   :  พระเจ้าได้ประกาศแก่นุฮฺว่า  ใครก็ตามยกเว้นผู้ศรัทธา  จะถูกทำลาย
เพราะแผ่นดินเต็มไปด้วยความรุนแรง  ในการณ์นี้พระองค์ได้สั่งให้นุฮฺสร้างเรือของนุฮฺขึ้นมา
โดยพระองค์ได้อธิบายถึงวิธีการสร้างแก่นุฮฺ  และยังได้สั่งให้นุฮฺพาครอบครัวขึ้นเรือไปด้วย
( ลูกชายทั้ง  3  คน  และลูกสะใภ้ )  สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง อย่างละ  1  คู่  และของจำเป็นทุกอย่าง

เจ็ดวันต่อมา  เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม  แผ่นดินก็ได้ระเบิดแยกออกมา  หน้าต่างแห่งสวนสวรรค์ก็เปิดออก
และแล้วอุทกภัยครั้งใหญ่ก็กลืนทุกสิ่งทุกอย่างหายไป  ทั้งหมดนี้ใช้ระยะเวลา  40  วัน  40  คืน
เรือได้แล่นบนผิวน้ำที่ปกคลุมภูเขาทุกลูก  ผู้ที่ยอมขึ้นเรือตามนุฮฺนั้นปลอดภัย
ส่วนที่เหลือก็ถูกสายน้ำพัดพาไปจนจมไปกับน้ำ  หลังจาก  40  วัน  40  คืน  แล้วฝนก็หยุดตก
และน้ำก็ลดลงภายใน  150  วัน

ต่อมาในวันที่  17  ของเดือนที่  7  เรือก็ได้มาเกยตื้นที่ภูเขาอารารัต  ( หรือ  Agri )
นุฮฺได้ส่งนกเขาไปสืบดูว่าน้ำได้ลดลงแล้วหรือไม่  เมื่อนกไม่ได้กลับมาอีกเลยเขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่า
น้ำลดลงแล้ว  พระเจ้าได้ทรงสั่งให้พวกเขาขึ้นฝั่งและให้อาศัยอยู่บนหน้าแผ่นดิน...

สิ่งที่ค้านกับความเป็นจริงของเรื่องราวดังกล่าวในพันธสัญญาเก่าก็คือ
จากข้อความในคัมภีร์ฉบับยาวิส  ( Yahwist  version )  กล่าวว่า  พระเจ้าได้สั่งให้นุฮฺนำสัตว์ขึ้นไป
ชนิดละ  7 ตัว  ( ทั้งตัวผู้และตัวเมีย )  พระองค์เรียกว่า  "บริสุทธิ์"  ส่วนสัตว์ที่ไม่เป็นคู่  พระองค์เรียกว่า
"ไม่บริสุทธิ์"  นี่คือสิ่งที่ค้านกับสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว 
นอกจากนี้ในพันธสัญญาเก่า  ระยะเวลาที่เกิดน้ำท่วมก็มีความแตกต่างกันด้วย
จากบันทึกฉบับยาวิสกล่าวว่า  น้ำท่วมใช้เวลา  40  วัน  ในขณะที่บันทึกของฆราวาสบอกไว้ว่า  150  วัน


ต่อไปนี้คือบางส่วนของพันธสัญญาเก่าที่มีการกล่าวถึงอุทกภัยแห่งนุฮฺ

พระเจ้าทรงเห็นว่า  ความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน  และทรงเห็นว่า  เค้าแห่งความคิดในใจของเขา
ล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป

พระเจ้าจึงเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดิน  และโทมนัส

พระเจ้าจึงตรัสว่า  "เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน
ทั้งมนุษย์กับบรรดาสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย  เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างมา"


แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า
  ( เยเนซิส,  6:5-8 )


พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า  "เราตัดสินใจแล้วว่า  จะให้บรรดามนุษย์ถึงความพินาศเสียที
ด้วยเหตุว่าโลกเต็มไปด้วยความทารุณ  เพราะการกระทำของมนุษย์
ดูเถิด  เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก

เจ้าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์  แล้วทำเป็นห้องๆ  และยาชันทั้งข้างในข้างนอก

จงต่อนาวานั้นตามแบบนี้  คือยาวสามร้อยศอก  กว้างห้าสิบศอก  สูงสามสิบศอก

จงทำช่องข้าง  ( หรือ  หลังคา )  บนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง  จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง  และทำดาดฟ้าชั้นล่าง
ชั้นที่สอง  และที่สาม

เพราะดูเถิด  เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน  จะทำลายมนุษย์และสัตว์ที่มีลมปราณทั้งปวงใต้ฟ้า
ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น

แต่เราจะตั้งพันธสัญญาไว้กับเจ้า  ให้เจ้าเข้าอยู่ในนาวา  ทั้งบุตร  ภรรยา  และบุตรสะใภ้

จงนำบรรดาสัตว์ที่มีชีวตทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกชนิดอย่างละคู่เข้าไปไว้ในนาวา  เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า

นกตามชนิดของมัน  สัตว์ตามชนิดของมัน  ทุกๆ ชนิดอย่างละคู่  ต้องไปกับเจ้าเพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้

เจ้าจงสะสมเสบียงอาหารไว้ทุกอย่าง  เป็นอาหารของเจ้าบ้าง  ของสัตว์เหล่านั้นบ้าง"

พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร  โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ
  ( เยเนซิส,  6:13-22 )


ณ  วันที่สิบเจ็ด  ของเดือนที่เจ็ด  นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต  ( เยเนซิส,  8:4 )


จงเอาบรรดาสัตว์ที่สะอาดไปด้วยทุกชนิดอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย
และสัตว์ที่ไม่สะอาดอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย

นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  เพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ไว้ให้สืบพันธุ์ทั่วพื้นแผ่นดิน
  ( เยเนซิส,  7:2-3 )


"เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้า  จะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดให้น้ำท่วมอีก
และจะไม่ให้มีน้ำท่วมทำลายโลกอีกต่อไป"
  ( เยเนซิส,  9:11 )


จากพันธสัญญาเก่ากล่าวว่า  มีความสอดคล้องกับคำตัดสินที่ว่า  "ทุกอย่างบนหน้าแผ่นดินจะตาย"
น้ำท่วมได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก  ทุกประชาชาติถูกลงโทษ  ยกเว้นผู้ที่ยอมขึ้นเรือกับนุฮฺ


โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ

หน้า: [1] 2 3 4