แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Ibnu Ubdullah

หน้า: [1]
1
ยาซากัลลอฮฺอีกครั้งนะครับ อ.อัซฮารีย์  ช่างเป็นการตอบโต้ทางวิชาการที่เข้มข้นจริงๆ เลยครับ  การที่ผมตั้งประเด็นนี้  ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกใดๆ แต่ต้องการข้อมูลทางวิชาการเพื่อพิจารณาความถูกต้องด้วยความอยากรู้  หากนักวิชาการโต้ตอบกันด้วยข้อมูลทางวิชาการมากกว่าด้วยอารมณ์โดยไม่ใช้คำพูดดูถูกดูหมิ่นอันก่อให้เกิดความกริ้วโกรธระหว่างกัน  สังคมของเราก็คงจะมีบรรยากาศของการศึกษาเรียนรู้ที่สร้างสรรค์  นักเรียนนักศึกษาก็จะได้ข้อมูลความรู้อย่างครบครันจากหลากหลายนักวิชาการที่มีความเห็นทางวิชาการแตกต่างกัน  ผมเป็นนักศึกษาที่ชอบศึกษาเรียนรู้จากอุลามาอฺที่น่าเชื่อถือหลายๆ ท่าน  ซึ่งอธิบายด้วยหลักฐานและข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจน   โดยไม่ยึดติดกับผู้รู้ท่านใดท่านหนึ่ง  โดยเฉพาะผู้รู้ที่ชอบโจมตีผู้อื่น  หรือผู้รู้ที่ใช้อารมณ์และอคติในการนำเสนอข้อมูล  เพราะมันไม่ใช่การนำเสนอข้อมูลที่สร้างสรรค์แต่มันคือการทำลายและสร้างความเสียหายความแตกแยกให้กับสังคมอย่างมากมาย  ขอให้อาจารย์อัซฮารีย์เป็นผู้รู้ที่นำเสนอข้อมูลอย่างสร้างสรรค์เช่นนี้ต่อไปนะครับ  อย่าได้มีการนำเสนอที่ลดเกียรติหรือลดความน่าเชื่อถือต่อผู้รู้ท่านอื่นเลยนะครับ  สังคมจะได้มีความหวังสักที  วัสสลาม

2
อ.อัซฮารีย์ ครับ  ผมได้อ่านคำตอบของอาจารย์แล้วเกี่ยวกับ อัลบากอเราะฮฺว่า หมายถึงวัวตัวเมีย  และผมก็เชื่อตามนั้น  แต่ผมก็ลองไปตรวจสอบดูในเว็บไซต์ของ ชัยคฺริฎอ อีกครั้งว่าท่านอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่  ปรากฎว่าท่านได้อธิบายเพิ่มเติมไว้  และเป็นคำอธิบายที่แตกต่างและขัดแย้งกับคำอธิบายของท่าน  และเป็นคำอธิบายเชิงวิชาการที่น่าเชื่อถือเช่นกัน  ดังนี้

ในวงนักวิชาการมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์ความรู้ของนักวิชาการเป็นที่น่าเชื่อถือตามบรรทัดฐานของวิชาการ นั่นคือความสามารถที่จะเข้าใจสำนวนตำราต่างๆ โดยเฉพาะตำราโบราณซึ่งนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่าเป็นพื้นฐานของกระบวนการการศึกษาที่จะให้นักวิชาการนั้นมีข้อผูกพันกับตำราโบราณอย่างใกล้ชิด ฉะนั้นวิทยานิพนธ์ของปริญญาโทและปริญญาเอกส่วนมากจึงเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับตำราโบราณที่ไม่เคยพิมพ์มาก่อน โดยผู้วิจัยจะนำเสนอเนื้อหาของตำราโบราณให้ชัดเจนและตรงกับเจตนารมณ์ของผู้เขียนตำรามากที่สุด เรื่องนี้อัชชัยคฺซักกอฟ (ในหนังสืออัลฟะวาอิดุลมักกียะฮฺ) เรียกว่า มะละกะตุลอิสติหฺซอล คือความสามารถในการเข้าใจสำนวนและภาษา และอัชชัยคุลมุฮักกิก มะหฺมูด มุฮัมมัดชากิร ได้ระบุว่าเรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่านักวิชาการคนใดที่มีความคลุกคลีกับตำราของอัสสะละฟุศศอลิหฺ แต่มีนักวิชาการบางท่านที่นึกว่าเพียงภาษาและไวยกรณ์เท่านั้นที่จะทำให้ตัวเองสามารถเข้าใจสำนวนภาษาในตำราโบราณได้อย่างถูกต้อง

ผมได้อ่านและได้ยินนักวิชาการบางท่านพาดพิงถึงผมในประเด็นที่ผมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ความหมายอัลกุรอานภาษาไทยเกือบทุกเล่มมีข้อผิดพลาด และผมหยิบยกตัวอย่างในอายะฮฺ 67 ของซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ที่อัลลอฮฺตรัสไว้ว่า

وَإِذْ قَالَ مُوسَى لِقَوْمِهِ إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُكُمْ أَنْ تَذْبَحُوا بَقَرَةً قَالُوا أَتَتَّخِذُنَا هُزُوًا قَالَ أَعُوذُ بِاللَّهِ أَنْ أَكُونَ مِنَ الْجَاهِلِينَ (67)

ซึ่งในความหมายอัลกุรอานภาษาไทยของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ โดย ครูดารี บินอะหมัด รอหิมะฮุลลอฮฺ ได้แปลไว้ว่า ?และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า แท้จริงอัลลอฮฺบัญชาแก่พวกท่านให้เชือดวัวตัวเมียตัวหนึ่ง...? ซึ่งผมได้บอกว่าเป็นข้อผิดพลาดเพราะความหมายที่ถูกต้องคือให้เชือดวัวตัวหนึ่ง

ก็มีนักวิชาการวิจารณ์ด้วยความมั่นใจว่าคำพูดของผมต่างหากที่คลาดเคลื่อนและผิดพลาด โดยอ้างว่าคำแปลว่า วัวตัวเมีย นั้นมีอยู่ในตัฟซีรอิบนุกะษีร, อัลบะหฺรุลมุฮีฏ, อัลกุรฏุบียฺ, และอื่นๆ ซึ่งเขาอ้างว่าผมดูเพียงความหมายตามพจนานุกรมแต่มิได้ดูความหมายจากตำราตัฟซีร(คือตำราที่อธิบายความหมายอัลกุรอาน)

และเรื่องนี้ได้ขยายวงจนกระทั่งมีผู้เขียนท่านหนึ่งตามกระทู้ในอินเตอร์เน็ตเขียนว่า ในอายะฮฺต่อจากอายะฮฺที่ 67 พระองค์ตรัสว่า

قَالُوا ادْعُ لَنَا رَبَّكَ يُبَيِّنْ لَنَا مَا هِيَ قَالَ إِنَّهُ يَقُولُ إِنَّهَا بَقَرَةٌ

คำว่า ?หิยะ? และ ?อินนะฮา? เป็นสรรพนามเพศหญิง จึงหมายรวมว่าวัวที่อัลลอฮฺสั่งให้บนูอิสรออีลเชือดนั้นเป็น วัวตัวเมีย

มีลูกศิษย์ลูกหามาถามผมในประเด็นนี้และขอให้อธิบายในเชิงวิชาการ ผมได้ตอบว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรให้มันเป็นเรื่องที่มีสาระใหญ่จึงต้องตอบโต้กัน และได้อธิบายเหตุผลของผมสั้นๆ แต่ผมได้อ่านและได้ยินคำพูดของนักวิชาการที่พาดพิงถึงผมโดยอ้างเนื้อหาทางวิชาการ อันเป็นเนื้อหาที่ทำให้นักศึกษาความหมายอัลกุรอานถูกทำให้พิศวงหรือหลงในภาพลวงของหลักฐานอ้างอิง ซึ่งการพิทักษ์รักษาความน่าเชื่อถือของวิชาการเป็นจรรยาบรรณส่วนหนึ่งของบรรดานักวิชาการที่จะมิให้สิ่งปลอมมาแอบอ้างเป็นวิชาการหรือหลอกลวงประชาชนว่านี่คือวิชาการ จึงขอชี้แจงประเด็นนี้ดังต่อไปนี้

ในตัฟซีรอัฏฏ๊อบรียฺ ท่านอิมามอัฏฏ๊อบรียฺกล่าวว่า พระองค์ได้สั่งใช้พวกเขา(คือบนูอิสรออีล)ให้เชือดวัวตัวหนึ่งจากบรรดาวัว หมายรวมว่าวัวตัวไหนก็ได้ที่พวกเขาประสงค์จะเชือด โดยที่พระองค์มิได้เจาะจงประเภทหรือชนิด ท่านอิมามอัฏฏ๊อบรียฺกล่าวว่า ?มินฆ็อยริ อันยะหฺสุเราะ ละฮุมซาลิกา อะลาเนาอิน มินฮา ดูนะเนาอิน เอา ซินฟิน ดูนะซินฟิน? คำว่า ?เนาอุน? กับ ?ซินฟุน? หมายถึง ลักษณะที่เจาะจงประเภทหรือชนิดวัว ซึ่งหมายรวมถึงเพศของสัตว์ด้วย นี่คือคำอธิบายของอิมามอัฏฏ๊อบรียฺซึ่งมีความชัดเจนในคำอธิบายอายะฮฺนี้

แต่นักวิชาการที่คัดค้านผมได้หยิบยกทัศนะของอุละมาอฺที่อธิบายลักษณะวัวในอายะฮฺ 68 ที่พระองค์ตรัสว่า ?อินนะฮาบะเกาะเราะตุน ลาฟาริดุน วะลาบิกรุน? ซึ่งมีทัศนะของซุดดียฺว่าคือวัวที่มีลูกแล้ว นักวิชาการที่คัดค้านผมได้อ่านทัศนะนี้ในตัฟซีรฏ๊อบรียฺ, กุรฏุบียฺ, และอิบนุกะษีร โดยเข้าใจว่านี่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าวัวที่ถูกใช้ให้เชือดคือวัวตัวเมีย ซึ่งความคลาดเคลื่อนของนักวิชาการท่านนี้เกิดเนื่องจากว่าที่ผมได้กล่าวถึงคืออายะฮฺแรกที่พระองค์สั่งให้เชือดวัวโดยยังไม่ได้ระบุลักษณะต่างๆ ที่บนูอิสรออีลได้ถามนบีมูซา ทั้งนี้ทัศนะของซุดดียฺที่ว่าวัว ?อะวานุน? คือวัวที่มีลูกแล้วนั้นเป็นการตีความแต่ไม่ใช่ความหมายตายตัว เพราะทัศนะของบรรดาเศาะฮาบะฮฺและตาบิอีนส่วนมาก คำว่า ?อะวานุน บัยนะ ซาลิกะ? คือ ไม่แก่และไม่อ่อน ดังนั้นลักษณะต่างๆที่มีการตีความว่าหมายถึงวัวตัวเมียนั้นไม่ใช่เนื้อหาของสำนวนอัลกุรอาน หากเป็นทัศนะหรือการตีความของบรรดานักอธิบายความหมายอัลกุรอาน

ในการบันทึกของท่านอิมามอัฏฏ๊อบรียฺและหนังสือตัฟซีรแทบทุกเล่มได้รายงานไว้ จากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิอับบาสกล่าวว่า

لَوْ أَنَّهُمْ أَخَذُوْا أَدْنَى بَقَرَةٍ لأَجْزَأَتْهُمْ وَلَكِنَّهُمْ شَدَّدُوْا فَشَدَّدَ اللهُ عَلَيْهِم


ถ้าพวกเขา(บนูอิสรออีล)ได้เอาวัวระดับต่ำที่สุดก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาต้องการเคร่งครัด อัลลอฮฺจึงทำให้ยิ่งเคร่งครัดสำหรับพวกเขา ท่านอิบนิอับบาสใช้คำว่า ?เลาอะเคาะซู อัดนา บะเกาะเราะติน? ซึ่งใครที่เข้าใจสำนวนภาษาอาหรับก็จะเข้าใจว่าหมายถึง ?วัวตัวหนึ่งตัวใด?

นักวิชาการที่คัดค้านผมได้อ้างถึงอัลบะหฺรุลมุฮีฏของอิมามอิบนุฮัยยาน ซึ่งท่านกล่าวว่า ?อัลบะเกาะเราะฮฺ (البَقَرَة) คือเพศหญิงของสัตว์ที่รู้จักกันและอาจใช้สำหรับตัวผู้? แต่นักวิชาการท่านนั้นไม่ได้อ่านคำพูดของอิมามอิบนุฮัยยานต่อจากนั้นซึ่งมีความหมายว่า ?ความหมายของอายะฮฺคือสิ่งที่เขาถูกใช้ให้เชือดวัวตัวหนึ่ง ซึ่งตัวใดก็ได้ถ้าพวกเขาเชือดแล้วก็ถือว่าทำหน้าที่? และอิมามอิบนุฮัยยานยังอ้างถึงหะดีษ(แต่เป็นหะดีษอ่อนหลักฐาน)ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ?ขอสาบานด้วยพระผู้ที่วิญญาณของมุฮัมมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ถ้าพวกเขาได้เจอวัวตัวหนึ่งและเชือดมันแล้วก็ใช้ได้สำหรับพวกเขา...? ซึ่งคนที่อ่านตำราตัฟซีรจะเข้าใจว่าท่านอิมามอิบนุฮัยยานได้กล่าวถึง ?อัลบะเกาะเราะฮฺ? ว่าหมายถึง ตัวเมียหรืออาจหมายถึงตัวผู้ นั่นคือการระบุความหมายโดยภาษาทั่วไป อันเป็นลักษณะของผู้อรรถาธิบายความหมายอัลกุรอานเกือบทุกเล่มที่จะระบุความหมายของคำศัพท์ในพจนานุกรมทั้งหมด แต่มิได้หมายรวมว่าอันหนึ่งอันใดคือความหมายที่มีน้ำหนักมากกว่า เว้นแต่จะระบุอย่างชัดเจนในคำวินิจฉัยของผู้อธิบาย

ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า ?อัลบะเกาะเราะฮฺ? มีความหมายในภาษาอาหรับว่า วัวตัวเมีย แต่ผมได้พูดว่า ในอายะฮฺ 67 นั้นหมายถึง วัวตัวหนึ่ง เพราะคำว่า ?อัลบะเกาะเราะฮฺ - البَقَرَة  ? มี 2 นัยยะ นัยยะหนึ่งทางไวยกรณ์เรียกว่า อิสมุยินซิน (นามของประเภท) หมายถึง ชื่อสัตว์โดยไม่คำนึงว่าสัตว์นั้นเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ซึ่งอักษรตากลม(ة) ในคำว่าอัลบะเกาะเราะฮฺมิได้หมายถึงเพศหญิง คือไม่ใช่ ตาอุตตะนีส แต่ในทางไวยกรณ์อาหรับเรียกว่า ตาอุลอิฟรอด คือ ตา-เอกพจน์ กล่าวคือ วัวตัวหนึ่งนั่นเอง ซึ่งในภาษาอาหรับจะมีบางคำที่เอกพจน์กับพหูพจน์จะแยกได้ด้วยตัว ?ตากลม(ة)? นี้  เช่น ตัมรุน تَمْرٌ  (อินทผลัมพหูพจน์) และ ตัมเราะตุน تَمْرَةٌ (อินทผลัมเม็ดเดียว), นัมลุน نَمْلٌ (มดหลายตัว) และ นัมละตุน نَمْلَةٌ  (มดตัวเดียว) 

ทั้งนี้สรรพนามที่ใช้กับคำที่มี ตา-เอกพจน์ ก็จะใช้สรรพนามเพศหญิง เพราะไวยกรณ์ภาษาอาหรับบังคับให้ถือว่าเป็นเพศหญิงโดยคำพูด(การออกเสียง)เท่านั้น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเพศหญิงก็ตามและในอัลกุรอานก็มีหลายตัวอย่าง อาทิเช่น ในซูเราะฮฺอันนัมลฺ อายะฮฺ 18 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

حَتَّى إِذَا أَتَوْا عَلَى وَادِ النَّمْلِ قَالَتْ نَمْلَةٌ يَا أَيُّهَا النَّمْلُ ادْخُلُوا مَسَاكِنَكُمْ

?จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึงทุ่งที่มีมดมาก มดตัวหนึ่งได้พูดว่า โอ้พวกมดเอ๋ยจงเข้าไปในรังของพวกเจ้าเถิด? ซึ่งคำว่า ?กอลัตนัมละตุน? ก็เป็นเพศเมีย ( نَمْلَةٌ  นัมละตุน) และใช้กริยาเพศหญิง( قَالَتْ  กอลัต) ทั้งๆที่คำแปลได้ระบุว่า มดตัวหนึ่ง นักวิชาการที่คัดค้านผมเรื่องวัวตัวเมียคงจะไม่แปลอายะฮฺนี้ว่า  มดตัวเมียตัวหนึ่งได้พูดว่า...  เพราะถ้าแปลเช่นนี้ก็คงจะไม่มีข้ออ้างอิงหรือเหตุผลที่น่าเชื่อถือเลย

และสิ่งที่เป็นหลักฐานบ่งชัดว่าอัลกุรอานไม่ได้กล่าวถึงวัวตัวเมียเลยคืออายะฮฺที่ 70 ของซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อัลลอฮฺตรัสว่า

قَالُوا ادْعُ لَنَا رَبَّكَ يُبَيِّنْ لَنَا مَا هِيَ إِنَّ الْبَقَرَ تَشَابَهَ عَلَيْنَا

มีความหมายว่า ?พวกเขา(บนูอิสรออีล)กล่าวว่า โปรดวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่พวกเราเถิด พระองค์ก็จะทรงแจ้งแก่พวกเราว่า วัวนั้นเป็นอย่างไร แท้จริงวัวนั้นมันคล้ายๆกัน แก่พวกเรา?

ซึ่ง ?อินนัลบะเกาะเราะ ตะชาบะหะ? ได้ใช้พหูพจน์ของ อัลบะเกาะเราะตุ ( البَقَرَةُ ) คือ อัลบะเกาะเราะ( البَقَرَ) โดยใช้กริยาเพศชายคือ ตะชาบะหะ กล่าวคือถ้าวัวที่อัลลอฮฺสั่งให้เชือดตั้งแต่แรกคือวัวตัวเมีย แล้วบนูอิสรออีลไปหาวัวตัวเมียเท่านั้นก็น่าจะใช้พหูพจน์ของวัวตัวเมีย คือ บะเกาะรอต (بَقَرَات) ซึ่งในอัลกุรอานก็มีใช้คำนี้ อาทิเช่นในซูเราะฮฺยูซุฟ เป็นต้น และควรจะใช้กริยาเพศหญิงคือ ตะชาบะหัต อันแสดงว่าความหมายที่นักวิชาการท่านนั้นกล่าวว่าอัลบะเกาะเราะฮฺคือวัวตัวเมีย เป็นความหมายที่ขัดกับเนื้อหาของอายะฮฺอื่นๆในเรื่องเดียวกัน และเมื่อบรรดาอุละมาอฺกล่าวถึงชื่อซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ก็ไม่มีใครเลยที่อธิบายว่าหมายถึง ซูเราะฮฺวัวตัวเมีย

บางท่านอาจติงว่าความเข้าใจแบบนี้ย่อมไม่มีน้ำหนักเช่นเดียวกัน เพราะไม่มีอุละมาอฺท่านใดบอกว่าหมายถึง วัวตัวหนึ่ง ขอตอบว่า แท้จริงไม่มีอุละมาอฺท่านใดที่อธิบาย ?อัลบะเกาะเราะฮฺ? ในอายะฮฺ 67 ว่าหมายถึงวัวตัวเมียต่างหาก มิหนำซ้ำคำพูดของอุละมาอฺทั้งหมดโดยเฉพาะบรรดาเศาะฮาบะฮฺ เช่น อับดุลลอฮฺ อิบนิอับบาส ก็มิได้เอ่ยเรื่องตัวผู้ตัวเมียแต่อย่างใด ทั้งนี้อุละมาอฺที่เชี่ยวชาญด้านตัฟซีรโดยเฉพาะคือ ท่านอิมามอิบรอฮีม อิบนุอุมัร อัลบิกออียฺ (เสียชีวิตปี ฮ.ศ.885) ได้กล่าวในตัฟซีรนัซมุดดุรอรของท่านว่า อักษรตา(ة)ของคำว่าอัลบะเกาะเราะฮฺไม่ใช่ตาเพศหญิงจริง แต่หมายถึงตัวหนึ่งในประเภท ?วัว? ซึ่งอาจหมายถึงตัวผู้หรือตัวเมียก็ได้ ซึ่งมีสำนวนภาษาอาหรับว่า ?วะตาอุฮา ลัยซัต ลิตตะนีซิลหะกีกี บัล ลิอันนะฮา วะหิดะตุน มินัลญินสิ ฟะตะเกาะอุ อะลัซซะกะริ วัลอุนซา?

แท้จริงคำอธิบายของท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิอับบาส ก็เพียงพอแล้วที่จะระบุว่าเรื่องตัวผู้ตัวเมียไม่มีกล่าวถึงในพระบัญชาของอัลลอฮฺ แต่วัตถุประสงค์ของคำสั่งให้เชือดวัวนั้นคือตัวไหนก็ได้ เพื่อนำส่วนหนึ่งจากวัวไปตีศพของผู้ที่ถูกฆ่า เพื่ออัลลอฮฺจะให้เขาฟื้นคืนชีพและชี้ตัวฆาตกร และเมื่อพิจารณาในเหตุผลที่นักอธิบายความหมายอัลกุรอานได้กล่าวถึงคำสั่งให้เชือดวัวนั้น เพราะบนูอิสรออีลเคยคลุกคลีกับชาวอียิปต์โบราณ(พวกฟะรออินะฮฺ)ซึ่งบูชาวัวตัวผู้(อัษเษารฺ) อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อของพวกเขา เมื่อบนูอิสรออีลข้ามทะเลและนบีมูซาไปรับคัมภีร์จากอัลลอฮฺ พวกเขาได้สร้างวัวเพื่อบูชาเช่นเดียวกับชาวอียิปต์ อันเป็นประเพณีของพวกมุชริกีนที่ติดมา ซึ่งอัลลอฮฺต้องการหยามความเชื่อดังกล่าว จึงสั่งใช้ให้บนูอิสรออีลเชือดวัว ถ้าเรามองถึงเหตุผลนี้ก็อาจตีความได้ว่าวัวตัวที่ถูกใช้ให้เชือดเป็นตัวผู้ก็ได้ เพราะมันตรงกับวัตถุประสงค์ที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้อายะฮฺที่อัลลอฮฺสั่งบนูอิสรออีลให้เชือดวัวนั้น นักปราชญ์อิสลามมักจะหยิบยกมาเพื่อบ่งชี้ว่าคำสั่งของอัลลอฮฺนั้นควรรีบปฏิบัติโดยไม่ต้องเจาะถึงรายละเอียดที่พระองค์ไม่ได้กล่าวถึง และการเจาะถึงรายละเอียดเป็นกมลสันดานของบนูอิสรออีลที่มุสลิมไม่ควรกระทำ แต่ถ้าหากเราเข้าใจว่าคำสั่งให้เชือดวัวตรงนี้คือวัวตัวเมียก็จะไม่มีเหตุผลดังกล่าว

โดยนิติศาสตร์อิสลามในวาระอื่นๆ เช่น การเชือดวัวกุรบาน(อุฎหิยะฮฺ)หรือในพิธีฮัจญฺ ถ้าเชือดวัวตัวผู้หรือตัวเมียก็ถือว่าใช้ได้ และอะกีเกาะฮฺที่นบีกล่าวว่า ?อะนิลฆุลามิ ชาตาน? โดยใช้คำว่า ?ชาต? คือแพะ ซึ่งมีอักษรตาที่เป็นเพศหญิง แต่ตรงนี้ก็เช่นเดียวกัน มิได้หมายถึงเพศหญิงจริงๆ เพราะคำว่า ?ชาต? หมายรวมถึงตัวผู้และตัวเมีย

อนึ่งคำอธิบายข้างต้นเพียงเป็นกุญแจให้บรรดาผู้ค้นหาสามารถไตร่ตรองและพิจารณาข้อมูลอย่างเป็นบรรทัดฐาน ไม่ใช่หยิบจากตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยแล้วมาตีความอัลกุรอานหรือตำราของนักปราชญ์อิสลามโดยอ้างว่าตนเองเข้าใจถูกต้องแล้ว แท้จริงผมสามารถอธิบายและหยิบยกหลักฐานมากกว่านี้ แต่ดังที่ระบุข้างต้นว่าไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ต้องการให้ผู้ศึกษาความหมายอัลกุรอานและผู้วิพากษ์วิจารณ์คำพูดของคนอื่นระมัดระวังและสำรวจข้อมูลที่อ้างอิงอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน เพื่อเป็นข้อมูลคุณภาพอยู่ในเครือข่ายของวิชาการ มิใช่เครือข่ายอ่านเล่นๆ และพูดง่ายๆ




ในฐานะที่ผมเป็นคนที่ไม่รู้ไวยกรณ์อาหรับและไม่ได้ศึกษาวิชาตัฟซีรกุรอาน  จึงเกิดความสับสนอีกครั้ง  และด้วยความอยากรู้ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่) จึงอยากรบกวนให้อาจารย์อัซฮารีย์ช่วยชี้แจงหรือวิจารณ์คำอธิบายของชัยคฺริฎอเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกครั้ง  ยาซากัลลอฮฺ ครับ

3
ยาซากัลลอฮฺครับ อาจารย์อัซฮารียฺ  ถ้าพิจารณาจากคำ  البقرة  อย่างเดียว  ก็อาจหมายถึงวัวหนึ่งตัวได้  ดังคำอธิบายของท่านอาจารย์ข้างต้น  แต่ถ้าพิจารณาในสำนวนอายะฮฺต่อๆ มาที่กล่าวถึงวัว  จะพบว่าอัลลอฮฺใช้สรรพนามที่ชี้ถึงเพศหญิงหรือเพศเมียกับวัวหนึ่งตัวตัวนั้น  จึงให้ความหมายได้ว่า"วัวตัวเมียหนึ่งตัว"  แสดงว่าท่านชัยคฺลืมดูอายะฮฺต่อมาแน่เลย

4
จากการศึกษาเรื่องอากีดะฮฺเกี่ยวกับการให้ความหมายของซีฟัตของอัลลอฮฺทางเว็บไซต์นี้  แบ่งออกเป็น  3  แนวทางใหญ่ๆ ด้วยกัน  คือ 
     แนวทางแรก  เป็นการมอบหมายความหมายของซีฟัตต่างๆ ที่อัลลอฮฺทรงระบุไว้กลับไปยังพระองค์  โดยปล่อยให้มันผ่านไป  ดังเช่นที่มันมีมา 

     แนวทางที่สองคือ  การตีความซีฟัตของอัลลอฮฺให้เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของพระองค์จากการเหมือนกับสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย  เช่น  พระหัตถ์ของอัลลอฮฺ  หมายถึง  อำนาจของอัลลอฮฺ  หรือ  อัลลอฮฺทรงอยู่เบื้องบน  หมายถึง  อัลลอฮฺทรงสูงส่ง  เป็นต้น

     และแนวทางที่สาม  คือ  การให้ความหมายซีฟัตของอัลลอฮฺดังเช่นที่อัลลอฮฺระบุไว้ในอัลกุรอานหรือคำบอกเล่าของท่านร่อซู้ล  ตามความหมายทางภาษานั้น  โดยปราศจากการตีความใดๆ  โดยเน้นว่า  ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์  เช่น  พระหัตถ์ของอัลลอฮฺ  หมายถึง  มือของอัลลอฮฺ  แต่เป็นมือที่ไม่มีมือของสิ่งถูกสร้างใดเสมอเหมือน  หรือ  อัลลอฮฺทรงอยู่เบื้องบน  หมายถึง  อัลลอฮฺทรงอยู่เบื้องบนจริงตามตัวบททางภาษานั้น 
 
    แนวทางที่หนึ่งและสองนั้น  คือแนวทางของสะลัฟและอาชาอิเราะฮฺ  ส่วนแนวทางที่สามนั้นคือแนวทางของวาฮะบียฺ  ผมเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องใช่มั้ยครับ  แล้วแนวทางที่อยู่บนหนทางที่ถูกต้องคือ  แนวทางแรกและแนวทางที่สอง  ส่วนแนวทางที่สามคือแนวทางที่หลงผิดใช่มั้ยครับ  อยากให้อาจารย์อัลอัศฮารียฺยกตัวอย่างอุลามาอฺหรือนักปราชญ์อิสลามตั้งแต่สมัยซอฮาบะฮฺจนถึงปัจจุบันที่มีทัศนะตามแนวทางต่างๆ ทั้งสามแนวทางไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ  ยาซากัลลอฮฺครับ

5
มีผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวว่า  พี่น้องที่ประกาศตัวว่าสังกัดมัซฮับชาฟิอียฺ  โดยเฉพาะในประเทศไทย  กลับไม่ได้มีอากีดะฮฺเกี่ยวกับซีฟัตของอัลลอฮฺเช่นเดียวกับอิหม่ามชาฟิอียฺ  แต่มีอากีดะฮฺตามทัศนะของอิหม่าม อบุล  หะซัน  อัลอัชอารียฺ  ซึ่งเป็นอากีดะฮฺที่ผสมผสานระหว่างอากีดะฮฺสลัฟและอากีดะฮฺของพวกมุอฺตะซิละฮฺ  เป็นคำกล่าวที่จริงหรือไม่  หากเป็นจริงดังที่ผู้รู้ท่านนี้กล่าว  เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

6
เคยอ่านตัฟซีรกุรอานของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ  ระบุว่า  บากอเราะฮฺในซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ  หมายถึง  "วัวตัวเมีย"  แต่เคยได้ฟังบรรยายจากชัยคฺริฎอ  อะหมัด สมะดี  ท่านกล่าวว่า  "บากอเราะฮฺ"  มีความหมายได้สองนัย  คือ  วัวตัวเมีย  และ วัวตัวหนึ่ง  แต่  คำว่า  "บากอเราะฮฺ" ในซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺนั้น  หมายถึง  "วัวตัวหนึ่ง"  ในความหมายของการตัฟซีรตามทัศนะของอุลามาอฺตัฟซีรส่วนใหญ่  แต่ความหมาย "วัวตัวเมีย" นั้นเป็นความหมายตามพจนานุกรม  สรุปแล้ว  อัลบากอเราะฮฺในซุเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ  แปลว่าอะไรกันแน่ครับ  ตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง 

หน้า: [1]