แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Muftee

หน้า: [1] 2 3 ... 126
1
ซูเราะฮ์ใดในคัมภีร์อัล-กุรอาน ที่ถูกประทานลงมาเป็นลำดับแรกและเป็นลำดับสุดท้ายที่นครมะดีนะฮ์ ?? ตอบโดย ศาสตราจารย์ ดร.มุหัมมัด บิน มุหัมมัด อะบู ชะฮ์บะฮ์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ อดีตคณบดีสาขาอุศูลุดดีน มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร ประเทศอียิปต์



ตอบ..

ซูเราะฮ์(บท)​ แรก ที่ถูกประทานลงมาที่นครมะดีนะฮ์ คือ ซูเราะฮ์อัล-บะเกาะเราะฮ์ ซึ่งท่านอิมาม อัล-หาฟิซ อิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวยืนยันทัศนะนี้เอาไว้ในตำราฟัตหุลบารีย์ของท่านว่า นี่เป็นทัศนะที่บรรดาปวงปราชญ์มีความเห็นพ้องต้องกัน( الإتفاق )​

แต่ทว่า การอ้างว่านี่เป็นทัศนะที่บรรดาปวงปราชญ์มีการเห็นพ้องต้องกัน ( الإتفاق )​ นั้น ยังต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติม เนื่องจากท่านอิมาม อัล-วาหิดีย์ ได้รายงานมาจาก อะลีย์ บิน อัล-หุซัยน์ ว่า แท้จริงซูเราะฮ์แรกที่ถูกประทานลงมาที่มะดีนะฮ์ คือ ซูเราะฮ์อัล-มุต็อฟฟิฟีน

ส่วนซูเราะฮ์สุดท้ายที่ถูกประทานลงมาที่มะดีนะฮ์ คือ ซูเราะฮ์บะรออะฮ์(หรือซูเราะฮ์อัต-เตาบะฮ์นั่นเอง)​  บ้างก็กล่าวว่าเป็นซูเราะฮ์อัล-มาอิดะฮ์  บ้างก็กล่าวว่าเป็นซูเราะฮ์อัล-นัศรฺ

และข้าพเจ้า(เชค อะบู ชะฮฺบะฮ์)​ มีความเห็นว่า ที่ชัดเจนที่สุด คือ แท้จริงซูเราะฮ์สุดท้ายที่ถูกประทานลงมาทีเดียวทั้งซูเราะฮ์ คือ ซูเราะฮ์อัล-นัศรฺ เนื่องจากมีรายงานว่า แท้จริงซูเราะฮ์อัล-นัศรฺ ถูกประทานลงมาให้แก่ท่านนบี(ซ.ล.)​ในช่วงหัจยะตุลวะดาอฺ(ฮัจญ์อำลา)​ ในช่วงกลางของวันตัชรีก
ส่วนซูเราะฮ์บะรออะฮ์กับซูเราะฮ์อัล-มาอิดะฮ์นั้น ทั้งสองล้วนเป็นซูเราะฮ์สุดท้ายที่ถูกประทานลงมาที่นครมะดีนะฮ์ เพียงแต่ไม่ได้ถูกประทานลงมาแบบทีเดียวจบทั้งซูเราะห์.

ดู ตำรา อัล-มัดคอล ลิ ดิรอสะติล กุรอานิลกะรีม ประพันธ์โดย ศาสตราจารย์ ดร.มุหัมมัด บิน มุหัมมัด อะบู ชะฮ์บะฮ์ หน้าที่ 130.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4267279680001324

2
ญิน(อมนุษย์)​ มีปีกหรือไม่ ??


ตอบ..

     ญิน(อมนุษย์)​ คือ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นอกจากมันจะแปลงกายมาเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วไป เช่น งู หรือสุนัขดำ เป็นต้น มนุษย์จึงจะสามารถมองเห็นพวกมันได้

     ในหมู่ญินนั้น มีทั้งญินที่ดี และญินที่ชั่วร้าย โดยพวกญินสามารถเข้าไปสิงสู่ในร่างกายและสามารถเข้าไปวนเวียนในเส้นเลือดของมนุษย์ได้
ท่านรสูลุลลอฮ(ซ.ล.)​ฺ กล่าวว่า

الْجِنُّ ثَلَاثَةُ أَصْنَافٍ صِنْفٌ لَهُمْ أَجْنِحَةٌ يَطِيرُونَ فِي الْهَوَاءِ، وَصِنْفٌ حَيَّاتٌ وَكِلَابٌ، وَصِنْفٌ يَحِلُّونَ وَيَظْعَنُونَ

“ญินแบ่งออกเป็น 3 จำพวก คือ 
    1. ญินที่มีปีก พวกมันสามารถบินล่องลอยในอากาศได้
    2.ญินที่แปลงร่างเป็นงู และสุนัข
    3.ญินที่เร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง” (บันทึกโดยอัล-หากิม หะดีษเศาะเฮี๊ยะห์ : 3702)

     มีบันทึกจากท่าน อิบนุ ญะรีร จากท่าน อุบัยดิลละฮ์ เล่าวว่า ท่านอิมาม อัด-เฎาะห์หาก(ร.ฮ.)​ ได้เคยถูกถามว่า..

هل للشياطين أجنحة ؟ فقال ؛ كيف يطيرون إلى السماء إلا ولهم أجنحة
 
"พวกชัยตอนมีปีกหรือไม่ ?? แล้วท่านอิมามก็ตอบว่า พวกมันจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ยังไงละ นอกสะจากว่าพวกมันจะต้องมีปีก".

ดู ตำรา ลักตุลมัรญาน ฟี อะห์กามมิลญาน ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัล-หาฟิซ อัส-สุยูตีย์ อัช-ชาฟิอีย์ หน้าที่ 214.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4271020396293919

3
อัลลอฮ์ ตะอาลา เคยพูดกับอิบลีส(จอมมาร)​โดยตรงบ้างหรือไม่ ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อัส-สุยูตีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

ท่านอิมาม อิบนุ อะกีล อัล-หัมบะลีย์ ได้เล่าว่า มีชายคนหนึ่งได้ถามขึ้นมาว่า อัลลอฮ์ ตะอาลา เคยพูดกับอิบลีส(จอมมาร)​ โดยตรงแบบไม่มีสื่อกลาง บ้างหรือไม่ ??

ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ บรรดาปวงปราชญ์มีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่แนวทางที่ถูกต้องที่สุดตามทัศนะของปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญ มีความเห็นว่า แท้จริงพระองค์ไม่ได้พูดกับอิบลีสโดยตรงอย่างชัดเจน แต่เป็นการตรัสผ่านคำพูดของมลาอิกะฮ์(เทวฑูต)​ ท่านใดท่านหนึ่ง

เพราะแท้จริงคำตรัสหรือคำพูดของอัลลอฮ์ ตะอาลา นั้น จะถูกมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงเมตตา ทรงพึงพอพระทัย ทรงยกย่องและทรงให้เกียรติ โดยจะเห็นได้จากการที่ท่านนบีมูซา(อ.ฮ.)​ นั้น ท่านได้รับเกียรติให้พูดกับอัลลอฮ์ ตะอาลา จริงๆ โดยไม่มีสื่อกลาง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเกียรติที่สูงส่งยิ่งของท่านเหนือกว่าบรรดานบีท่านอื่นๆ ยกเว้นท่านนบีอิบรอฮีม(อ.ฮ.)​ กับท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.).

ดู ตำรา ลักตุลมัรญาน ฟี อะห์กามมิลญาน ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัล-หาฟิซ อัส-สุยูตีย์ อัช-ชาฟิอีย์ หน้าที่ 240.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4273186732743952

4
มุสลิมชายจะสามารถโกนศีรษะในช่วงเวลาปกติทั่วไปได้หรือไม่ ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

     การโกนศีรษะของมุสลิมชายในช่วงเวลาปกติทั่วไป ที่ไม่ใช่ช่วงทำฮัจญ์หรืออุมเราะฮ์นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้(มุบาห์)​ และไม่ถือว่าเป็นสิ่งมักรูห์(ควรหลีกเลี่ยง)​ แต่อย่างใด

     ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวว่า..

أما حلق جميع الرأس، فقال الغزالي: لا بأس به لمن أراد التنظيف، ولا بأس بتركه لمن أراد دهنه وترجيله، هذا كلام الغزالي،... والمختار أن لا كراهة فيه، ولكن السنة تركه، فلم يصح أن النبي - صلى الله عليه وسلم - حلقه إلا في الحج والعمرة، ولم يصح تصريح بالنهي عنه

"ส่วนการโกนผมทั้งศีรษะนั้น ท่านอิมาม อัล-ฆอซาลีย์ กล่าวว่า ดังกล่าวนี้ถือว่าไม่เป็นไร สำหรับผู้ที่ต้องการจะทำให้ศีรษะสะอาด และการปล่อยผมไว้เพื่อทาน้ำมันหรือเพื่อจัดทรงให้สวยงาม ก็ถือว่าไม่เป็นไรเช่นกัน นี่คือคำกล่าวของท่านอิมาม อัล-ฆอซาลีย์,...(ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ กล่าวว่า)​ และทัศนะที่ถูกเลือก คือ แท้จริงการโกนศีรษะนั้น ถือว่าไม่มักรูห์แต่อย่างใด แต่ส่งเสริมให้ปล่อยผมไว้ ดังนั้น ถือว่าไม่ถูกต้องเลย หากจะบอกว่าท่านนบี(ซ.ล.)​ โกนศีรษะแค่ในช่วงพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮ์ และถือว่าไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน หากจะมาห้ามการโกนศีรษะ".

ดู ตำรา อัล-มัจญมั๊วะอ์ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เล่มที่ 1  หน้าที่ 347.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4275880642474561

5
คนรับใช้ของท่านรสูล(ซ.ล.)​ มีกะรอมัต(สิ่งพิศดาร)​ ด้วยหรือไม่ ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อิบนุ กะษีร อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

กะรอมัต(สิ่งพิศดาร)​ นั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนตามที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ ตราบใดที่คนๆ นั้นเชื่อมั่น เชื่อฟัง และเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ดังที่ท่านอิมาม อิบนุ กะษีร อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ ได้บันทึกกะรอมัต(สิ่งพิศดาร)​ ของเศาะหาบะฮ์ท่านหนึ่งเอาไว้ว่า..

มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่านรสูล(ซ.ล.)​ นามว่า "ก็อยส์" แต่ตัวเขาเป็นที่รู้จักกันในหมู่เศาะหาบะฮ์ด้วยฉายาว่า "สะฟีนะฮ์ (เรือใหญ่)​" ซึ่งเป็นฉายาที่ท่านรสูล(ซ.ล.)​ ตั้งให้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไป เขาสามารถแบกหามสิ่งของต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก

ครั้งหนึ่งในขณะที่ท่านสะฟีนะฮ์(ร.ด.)​ ได้ล่องเรือออกไปในท้องทะเล  ปรากฏว่าเรือของท่านได้เกิดอับปางลง และท่านสะฟีนะฮ์(ร.ด.)​ ก็ได้เกาะแผ่นกระดานไว้จนกระทั่งมันได้พาท่านลอยไปเกยตื้นที่เกาะแห่งหนึ่ง

ในขณะที่อยู่บนเกาะนั้น บังเอิญท่านได้เจอกับพญาสิงโตตัวหนึ่งกำลังจ้องมองท่านอยู่ ท่านรู้สึกตกใจกลัวมาก แล้วท่านก็ได้กล่าวกับสิงโตตัวนั้นว่า

يَا أَبَا الْحَارِثِ ، إِنِّي سَفِينَةُ مَوْلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
 
"เจ้าพญาสิงโตเอ๋ย แท้จริงฉัน คือ สะฟีนะฮ์ ฉันเป็นคนรับใช้ของท่านรสูลุลลอฮ์ (ซ.ล.)"

เมื่อสิงโตได้ยินดังนั้น มันก็ไม่เข้าทำร้ายท่านสะฟีนะฮ์(ร.ด.)​ และมันได้ก้มศีรษะลงอย่างเป็นมิตร ต่อมามันก็ได้สะบัดใบหน้าและขยิบตาของมันเพื่อส่งสัญญาณที่ดีให้แก่ท่านสะฟีนะฮ์ และท่านสะฟีนะฮ์(ร.ด)​ ก็ได้เดินตามมันไป โดยมันได้พาท่านสะฟีนะฮ์(ร.ด.)​ ไปถึงยังเส้นทางเพื่ออกจากเกาะ แล้วมันก็ได้คำรามเพื่อเป็นการกล่าวคำร่ำลาแก่ท่านสะฟีนะฮ์(ร.ด.)​.

ดู ตำรา อัล-บิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อิบนุ กะษีร อัช-ชาฟิอีย์ เล่มที่ 6 หน้าที่ 162.  และ ตำรา อัลฟุ กิศเศาะฮ์ วะ กิศเศาะฮ์ ประพันธ์โดย ท่านเชค ฮานีย์ อัล-หาจญ์ หน้าที่ 58.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4278908162171809

6
การอ่านอัล-กุรอานที่กุบูร(สุสาน)​ และการขอดุอาให้แก่มัยยิต(คนตาย)​ ที่กุบูร หุก่มว่าอย่างไร ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

การอ่านอัล-กุรอานที่กุบูร(สุสาน)​ และการขอดุอาให้แก่มัยยิต(คนตาย)​ ที่กุบูรนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำยิ่ง

ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ ได้ทำการอธิบายหะดีษการปักก้านอินผลัมของท่านนบี(ซ.ล.)​ บนหลุมกุบูร ว่า..

واستَحَبَّ العُلَمَاءُ قِرَاءَةَ القُرْءَانِ عِنْدَ القَبرِ لِهَذَا الحَدِيثِ ، لأَنَّهُ إِذَا كَانَ يُرْجَى التَّخْفِيفُ بِتَسْبِيحِ الجَرِيدِ فَتِلاَوَةُ القُرْءَانِ أَوْلى

"ด้วยกับหะดีษนี้ (หะดีษการปักกิ่งอินผลัมบนหลุมกุบูร)​ บรรดาปวงปราชญ์จึงส่งเสริมให้มีการอ่านอัล-กุรอานที่กุบูร เพราะในเมื่อเราหวังว่าการตัสบีห์ของก้านอินผลัมจะช่วยผ่อนเบา(การลงโทษ)​ ให้แก่คนตายได้ ดังนั้น การอ่านอัล-กุรอานให้แก่คนตาย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า".

ดู ตำรา ชัรหฺ เศาะเฮียะห์ มุสลิม ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เล่มที่ 3 หน้าที่ 202.


และท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ ยังได้กล่าวไว้อีกว่า..
 
قال أصحابنا : ويستحب للزائر أن يسلم على المقابر، ويدعو لمن يزوره ولجميع أهل المقبرة، والأفضل أن يكون السلام والدعاء بما يثبت في الحديث، ويستحب أن يقرأ من القرآن ما تيسر ويدعو لهم عقبها، نص عليه الشافعي، واتفق عليه الأصحاب
 
"บรรดาปวงปราชญ์ในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ของเราได้กล่าวว่า  ส่งเสริมให้ผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนกุบูรได้ทำการกล่าวให้สลามแก่ชาวกุบูร และขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิต(ผู้ตาย)​ ที่เขาไปเยี่ยม และให้ขอดุอาให้แก่ชาวกุบูรทั้งหมดด้วย และถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง หากว่าเขาได้กล่าวสลามและขอดุอาอ์ให้แก่ชาวกุบูรด้วยกับตัวบทดุอาที่ถูกระบุอยู่ในหะดีษ และส่งเสริมให้ทำการอ่านโองการที่ง่ายๆ จากอัล-กุรอานให้แก่ผู้ตาย และให้ทำการขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิตทั้งหลายหลังจากอ่านอัล-กุรอานเสร็จ ซึ่งท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้ระบุสิ่งนี้เอาไว้(ในตำราอัล-อุมของท่าน)  และบรรดาสานุศิษย์ของท่านอิมามก็มีความเห็นพ้องต้องกันกับท่านในเรื่องดังกล่าวนี้".

ดู ตำรา อัล-มัจญมั๊วะอ์ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 276.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4282573731805252

7
การอ่านตัลกีนให้แก่คนตายหลังจากฝังเสร็จ หุก่มว่าอย่างไร ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..
 
การอ่านตัลกีนให้แก่ผู้ตายหลังจากฝังเสร็จนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำ ตามทัศนะที่ถูกเลือกของปวงปราชญ์ในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์

ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวว่า..

 ...قال جماعات من أصحابنا يستحب تلقين الميت عقب دفنه فيجلس عند رأسه إنسان ويقول يا فلان ابن فلان

"บรรดาปวงปราชญ์มัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ของเราในพื้นที่ต่างๆ มีความเห็นว่า ส่งเสริมให้มีการอ่านตัลกีนแก่ผู้ตายหลังจากฝังเสร็จ โดยให้ผู้ที่จะทำการอ่านตัลกีน นั่งตรงบริเวณศีรษะของผู้ตาย และกล่าวว่า โอ้ นาย ก บุตรของนาย ข...."

ดู ตำรา อัล-มัจญมั๊วะอ์ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 303.


และท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ ยังได้กล่าวไว้ในตำรา" ฟะตาวา" ของท่านอีกว่า..

وأما التلقين المعتاد في الشام بعد الدفن فالمختار استحبابه، وممن نص على استحبابه من أصحابنا القاضي حسين وأبو سعيد المتولي والشيخ أبو الفتح نصر المقدسي الزاهد وأبو القاسم الرافعي وغيرهم

"และในส่วนของการอ่านตัลกีนให้แก่ผู้ตายหลังจากที่ฝังเสร็จแล้วนั้น มันเป็นสิ่งที่ถูกยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาตลอดในแคว้นชาม(ปัจจุบัน คือ ประเทศซีเรีย)​ ดังนั้น ทัศนะที่ถูกเลือก คือ การอ่านตัลกีนนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำ และส่วนหนึ่งจากปวงปราชญ์ในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ของเราที่ระบุว่า การอ่านตัลกีนเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำนั้น คือ ท่านกอฎี หุสัยน์, ท่านอะบู สะอีด อัล-มุตะวัลลีย์, ท่านเชค อะบุลฟัตห์ นัศรฺ อัล-มักดิซีย์ อัซ-ซาฮิด, ท่าน อะบุลกอสิม อัร-รอฟิอีย์ และท่านอื่นๆ".

ดู ตำรา ฟะตาวา ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์ อัช-ชาฟิอีย์ หน้าที่ 74.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4285598321502793

8
ใครคือกลุ่มแรกที่จะเข้านรก และใครคือคนแรกที่จะเข้าสวรรค์ ?? ตอบโดย ศาสตราจารย์ ดร.อะตียะฮ์ ศ็อกรฺ เราะหิมะฮุลลอฮ์ อดีตประธานคณะกรรมการชี้ขาดปัญหาศาสนาแห่งอัซฮัร ประเทศอียิปต์


ตอบ..

ในหะดีษเศาะเฮี๊ยะห์บันทึกโดยท่านอิมาม มุสลิม และท่านอื่นๆ ระบุว่า แท้จริงคนสามกลุ่มแรกที่จะถูกโยนเข้าสู่นรก คือ
   กลุ่มที่หนึ่ง คือ ผู้รู้ที่สอนวิชาความรู้ให้แก่คนอื่น เพียงเพื่ออยากให้คนอื่นยกยอตัวเองว่าเป็น "ท่านผู้รู้ (ท่านอาจารย์)​"
   กลุ่มที่สอง คือ คนใจบุญที่จ่ายเงินไปมากมายเพียงเพื่ออยากให้คนอื่นยกยอตัวเองว่า "เป็นคนใจดี (คนใจถึง)"
   กลุ่มที่สาม คือ คนที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์เพียงเพื่ออยากให้คนอื่นยกยอตัวเองว่า "เป็นผู้กล้าหาญ (คนสุดยอด)​".

(ดู ตำรา อัต-ตัรฆีบ วัต ตัรฮีบ ของท่านอิมาม อัล-มุนซิรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 23-25)

    ส่วนคนแรกที่จะได้เข้าสวรรค์ คือ ท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.)​ ดังมีบันทึกอยู่ในตำราเศาะเฮี๊ยะห์ของท่านอิมาม มุสลิม ส่วนผู้ที่จะเข้าสวรรค์หลังจากท่านนบี(ซ.ล.)​ นั้น มีกล่าวเอาไว้มากมายหลายทัศนะ หลายริวายะฮ์(สายรายงาน)​ ซึ่งบางรายงานก็ไม่สามารถเชื่อถือได้ในเรื่องอะกีดะฮ์ และก็ไม่ได้มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมาเจาะลึกกันในเรื่องนี้.

ดู ตำรา อะห์สะนุลกะลาม ฟีลฟะตาวา วัลอะห์กาม ประพันธ์โดย ศาสตราจารย์ ดร.อะตียะฮ์ ศ็อกรฺ หน้าที่ 100.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4289559011106724

9
เหตุใดกะรอมาต(สิ่งพิสดารเหนือธรรมชาติ)​ ถึงเกิดขึ้นน้อยในยุคของเศาะหาบะฮ์ หากเทียบกับยุคหลัง ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อะห์มัด บิน หัมบัล เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

ท่านอิมาม ตายุดดีน อัส-สุบกีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ ได้ระบุคำตอบของท่าน อิมาม อะห์มัด บิน หัมบัล เราะหิมะฮุลลอฮ์ ในเรื่องดังกล่าวนี้เอาไว้ว่า..

وقد قيل له : يا أبا عبد الله إن الصحابة لم يرو عنهم من الكرامات مثل ما قد روى عن الأولياء الصالحين، فكيف هذا؟ فقال: أولئك كان إيمانهم قويّا فما احتاجوا إلى زيادة شىء يقوون به، وغيرهم كان إيمانهم ضعيفًا لم يبلغ إيمان أولئك فقووا بإظهار الكرامات لهم
 
"แท้จริงมีคนถามท่านอิมาม อะห์มัด บิน หัมบัล ว่า โอ้ บิดาของอับดุลลอฮ์เอ๋ย !!! ทำไมไม่ค่อยเห็นมีกะรอมาตจากบรรดาเศาะหาบะฮ์ถูกรายงานมาเหมือนกับกะรอมาตของบรรดาคนวะลียุลลอฮ์เลยล่ะ มันยังไงกันหรือ ?!?

ท่านอิมาม อะห์มัด บิน หัมบัล ก็ตอบว่า บรรดาเศาะหาบะฮ์นั้น พวกเขามีอีหม่าน(หลักศรัทธา)​ ที่เข้มแข็งอยู่แล้ว(เนื่องจากเคยอยู่ร่วมกับท่านนบี)​ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องนำสิ่งเหนือธรรมชาติใดๆ มาช่วยทำให้อีหม่านของพวกเขาเข้มแข็งขึ้น

แต่คนที่อยู่ในยุคหลังจากบรรดาเศาะหาบะฮ์นั้น พวกเขามีอีหม่าน(หลักศรทธา)​ ที่อ่อนแอกว่า ดังนั้น การทำให้เกิดสิ่งพิสดารเหนือธรรมชาติ จะช่วยทำให้อีหม่านของชนรุ่นหลังเข้มแข็งขึ้น".

ดู ตำรา เตาะบากอต อัช-ชาฟิอียะฮ์ อัล-กุบรอ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม ตายุดดีน อัส-สุบกีย์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 333-334.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4292485054147453

10
ทำไมพวกญิน(อมนุษย์) ถึงได้ออกกันมามากมายในช่วงพลบค่ำ ?? ตอบโดย ท่านเชค ชาฮฺ วะลียุลลอฮฺ อัด-ดิฮฺละวีย์ อัล-หะนะฟีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ


ตอบ..

     เป็นที่ทราบกันดีว่าบรรดาญิน(อมนุษย์) นั้น มันจะออกกันมาอย่างมากมายในช่วงพลบค่ำ ด้วยเหตุนี้เอง ท่านนบี(ซ.ล.) จึงได้สั่งใช้ให้ผู้ปกครองนำเด็กๆ กลับเข้าบ้านในช่วงพลบค่ำ เนื่องจากสภาพของบรรดาญิน(อมนุษย์) ทั้งหลายนั้น ตัวตนของพวกมันจะมีความมืดมิด

     ดังนั้น เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มจางหายและความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุม พวกมันก็จะรู้สึกสนุกสนานดีใจ และพวกมันก็จะเริ่มออกมาจากที่พักพิงของพวกมัน.

ดู ตำรา หุจญะฮฺ อัลลอฮฺ อัล-บาลิเฆาะฮฺ ประพันธ์โดย ท่านเชค อะห์มัด ชาฮฺ วะลียุลลอฮฺ อัด-ดิฮฺละวีย์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 193.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4298671823528776

11
การถ่ายรูป หุก่มว่าอย่างไร ?? ชี้ขาดโดย ดร.มะห์มูด อิมบาบีย์ อะมีน เราะหิมะฮุลลอฮ์ อดีตวะกีลของสถาบันอัล-อัซฮัร อัช-ชะรีฟ ประเทศอียิปต์


ตอบ..

   การทำรูปทุกอย่างที่ไม่ใช่เป็นการก่อหรือการปั้นขึ้นให้เป็นรูปร่างนั้น ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้ เช่น การถ่ายรูป เป็นต้น

   ปัจจุบันนี้การถ่ายรูปถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของมนุษย์ไปแล้ว และยังถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสังคม เพื่อเป็นการแยกแยะระหว่างคนหนึ่งกับอีกคน ซึ่งบรรดาปวงปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามมีความเห็นว่าการถ่ายรูปนั้น ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้ และไม่ใช่สิ่งต้องห้ามแต่อย่างใด

   เนื่องจากศาสนาอิสลามคำนึงถึงผลประโยชน์ที่มนุษย์จะได้รับ ตราบใดที่สิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อสังคม ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาต.

ดู ตำรา อัต-ตุห์ฟะฮ์ อัน-นะกียะฮ์ ประพันธ์โดย ดร.มะห์มูด อิมบาบีย์ อะมีน เล่มที่ 2  หน้าที่ 400.

ข้อควรรู้ : ตำแหน่ง "วะกีล อัล-อัซฮัร อัช-ชะรีฟ (وكيل الأزهر الشريف)​" เป็นตำแหน่งที่ปฏิบัติงานรองจากแกรนด์อิมาม(ชัยคุลอัซฮัร)​ ซึ่งหากเปรียบ "แกรนด์อิมาม" เป็นดั่ง "นายกรัฐมนตรี" ดังนั้น "วะกีลอัซฮัร" ก็จะเปรียบดั่ง "รัฐมนตรี".

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4307186869343938

12
ในการละหมาดวันศุกร์นั้น คนที่เป็นอิมามกับคนที่อ่านคุตบะฮ์ จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ?? ชี้ขาดโดย ดร.มะห์มูด อิมบาบีย์ อะมีน เราะหิมะฮุลลอฮ์ อดีตวะกีลของสถาบันอัล-อัซฮัร อัช-ชะรีฟ



ตอบ..

   ในเรื่องของการละหมาดวันศุกร์นั้น ไม่มีข้อห้ามใดๆ หากว่าคนที่เป็นอิมามกับคนที่อ่านคุตบะฮ์ จะเป็นคนละคนกัน เพราะไม่มีตัวบทหลักฐานใดมาระบุห้ามในเรื่องดังกล่าวนี้ ดังนั้น อิมามกับคอตีบสามารถเป็นคนละคนกันได้

   แต่ในทัศนะของมัซฮับมาลิกีย์ มีความเห็นว่า ไม่อนุญาตให้เป็นคนละคนกัน โดยคนที่อ่านคุตบะฮ์กับคนที่จะเป็นอิมามนำละหมาดนั้น วาญิบต้องเป็นคนๆ เดียวกัน นอกจากมีเหตุจำเป็นเท่านั้น ดังที่ถูกระบุไว้ในตำรา "อัล-ฟิกฮฺ อะลา อัล-มะซาฮิบ อัล-อัรบะอะฮฺ".

ดู ตำรา อัต-ตุห์ฟะฮ์ อัน-นะกียะฮ์ ประพันธ์โดย ดร.มะห์มูด อิมบาบีย์ อะมีน เล่มที่ 2  หน้าที่ 299.

ข้อควรรู้ : ตำแหน่ง "วะกีล อัล-อัซฮัร อัช-ชะรีฟ (وكيل الأزهر الشريف)​" เป็นตำแหน่งที่ปฏิบัติงานรองจากแกรนด์อิมาม(ชัยคุลอัซฮัร)​ ซึ่งหากเปรียบ "แกรนด์อิมาม" เป็นดั่ง "นายกรัฐมนตรี" ดังนั้น "วะกีลอัซฮัร" ก็จะเปรียบดั่ง "รัฐมนตรี".

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4311113908951234

13
ท่านอิมาม อะห์มัด บิน หัมบัล เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.241)​ ได้เคยตะอฺวีล(ตีความ)​ อัล-กุรอานบ้างหรือไม่ ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อิบนุ กะษีร อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

    ท่านอิมาม อิบนุ กะษีร อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.774)​ ได้ถ่ายทอดคำกล่าวของท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.458)​ เอาไว้ว่า..

عن البيهقي، عن الحاكم، عن أبي عمرو بن السَّمَّاك، عن حنبل، أن أحمد بن حنبل تأوَّل قول الله تعالى: {وَجَاءَ رَبُّكَ} أنه: جاء ثوابه. ثم قال البيهقي: “وهذا إسناد لا غبار عليه
 
มีรายงายมาจากท่าน อัล-บัยหะกีย์ จากท่าน อัล-หากิม จากท่าน อะบี อัมรฺ บิน อัส-สัมมาก จากท่าน หัมบัล(ลูกของลุงของอิมามอะห์มัด)​ ระบุว่า แท้จริงท่านอิมาม อะห์มัด บิน หัมบัล ได้ทำการตะอฺวีล(ตีความ)​ คำตรัสของอัลลอฮ์ ตะอาลา จากโองการที่มีใจความว่า "และพระเจ้าของเจ้าได้เสด็จมา" ไปเป็นความหมายที่ว่า "ผลตอบแทนของพระเจ้าได้มา" และท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์ ได้ยืนยันแนวทางการตะอฺวีลดังกล่าวนี้ว่า "นี่คือสายรายงานที่ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น".

ดู ตำรา อัล-บิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อิบนุ กะษีร เล่มที่ 10 หน้าที่ 327.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4330672706995354

14
มีรายงานการตะอฺวีล(ตีความ)​ ตัวบทหะดีษของท่านอิมาม อัล-บุคอรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ บ้างหรือไม่ ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์



ตอบ..

ท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.458)​ ได้รายงานการตะอฺวีล(ตีความ)​ ตัวบทหะดีษของท่านอิมาม อัล-บุคอรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.256)​ เอาไว้ว่า..

روى الفربري عن محمد بن إسماعيل البخاري رحمه الله أنه قال: معنى الضحك فيه الرحمة
 
ท่านอัล-ฟิร็อบรีย์(ลูกศิษย์ของท่านอิมามอัล-บุคอรีย์)​ ได้รายงานมาจากท่านอิมาม มุหัมมัด บิน อิสมาอีล อัล-บุคอรีย์(อิมามบุคอรีย์)​ ว่า แท้จริงท่านอิมามอัล-บุคอรีย์ได้กล่าวว่า ความหมายของ "การหัวเราะ" ในหะดีษนี้หมายถึง "ความเมตตา".

ดู ตำรา อัล-อัสมาอ์ วัศศิฟาต ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์ อัช-ชาฟิอีย์ หน้าที่ 298.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4331328893596402

15
คำว่า "พระพักตร์ของพระองค์" ที่ถูกระบุอยู่ในคัมภีร์อัล-กุรอานนั้น ท่านอิมาม อัล-บุคอรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้ตะอฺวีล(ตีความ)​ ไว้ว่าอย่างไร ?? ตอบโดย ท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์


ตอบ..

     ท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.852)​ ได้ระบุว่า แท้จริงท่านอิมาม อัล-บุคอรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ์ (เสียีวิตในปี ฮ.ศ.256)​ ได้ทำการตะอฺวีล(ตีความ)​ ไว้ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง การตัฟซีร ซูเราะฮฺ อัล-เกาะซ๊อซ : 88 ว่า..

كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ : إِلَّا مُلْكَهُ ، وَيُقَالُ: إِلَّا مَا أُرِيدَ بِهِ وَجْهُ اللَّهِ

"ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนพินาศสิ้น นอกจากพระพักตร์ของพระองค์"

โดยท่านอิมาม อัล-บุคอรีย์ ได้ทำการตะอฺวีล(ตีความ)​ ประโยคที่ว่า "นอกจากพระพักตร์ของพระองค์" ไปเป็นความหมายว่า "นอกจากอำนาจการปกครองของพระองค์" และถูกให้ความหมายไว้เช่นกันว่าหมายถึง "นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์(ให้มันคงเหลืออยู่)​".

ดู ตำรา ฟัตหุลบารีย์ ประพันธ์โดย ท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ อัช-ชาฟิอีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 364.

ที่มา : https://www.facebook.com/kay.linnurisahin/posts/4334694046593220

หน้า: [1] 2 3 ... 126