แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - busy

หน้า: [1]
1
:salam:

ผมขอเรียนเชิญกลุ่ม กลุ่มอัลอิคลาศวัลมุตาบะอะฮฺ เข้ามาร่วมเสวนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับหลักอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่แท้จริง ในเว็บแห่งนี้  เพราะตอนนี้ผมว่างเว้นจากภาระกิจในระดับหนึ่งแล้ว  อัลฮัมดุลิลาฮ์  ซึ่งผมจะเป็นตัวหลักการเสวนาเชิงวิชาการ และพี่น้องบางท่าน

อินชาอัลเลาะฮ์  วันนี้ผมจะนำกระทู้ต่างๆ ที่โต้ตอบชี้แจงเกี่ยวกับอะกีดะฮ์ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ ลงมาเปิดเผยในกระทู้ตามปกติครับ  เพื่อให้พวกท่านชาว อัลอิคลาศวัลมุตาบะอะฮ์  อ่านให้เข้าใจ  และร่วมเปิดประทู้เสวนาครับ

ขอบคุณล่วงหน้าทีรับคำเชื้อเชิญ

วัสลามครับ


วอลัยกุมุสลามวะเราะฮมะตุลลอฮิวะบ่ะร่อกาตุฮ

ด้วยความยินดีครับผม

วัสลาม

2
:salam:

ผมเพิ่งเข้าไปดูเหมือนกัน... รู้สึกว่า จะเน้นตอบโต้เว็บซุนนะห์สติวเด้นท์เป็นพิเศษและได้กล่าวถึงบังอารีฟีน อยู่บ่อย ๆ ...
มีหัวข้อ "หลักสำคัญต่างๆในการตอบโต้กับกลุ่มอะชาอิเราะห์" ด้วย... อยากจะให้ผู้รู้ได้เข้าไปชี้แจงด้วยหน่ะครับ... เดี๋ยวนี้เค้าใช้ทุกวิถีทางเลย  :-[

อัสลามุอลัยกุมวะเราะฮฺมะตุ้ลลอฮิวะบ่ะร่อกาตุฮูครับ
ผมอิลยาส วารีย์ หนึ่งในผู้รับผิดขอบ กลุ่มอัลอิคลาศวัลมุตาบะอะฮฺ นะครับ กลุ่มเรามีนโยบายที่ชัดเจนว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และทำทุกอย่างเพื่อความพอใจของอัลลอฮฺ
ในกลุ่มมีการพูดถึงเรื่องที่หลากหลาย หลายประเด็น หลายมุมมอง เพิ่งมีวัน สองวันนี้ ที่มีการหยิบประเด็นอะชาอิเราะฮฺ เข้ามาพูดถึง ซึ่งถ้าดูนะครับ จะมีประมาณสอง สาม โพ้ส หมายความว่ากลุ่ม "ไม่ได้มีไว้เพื่อเน้นการตอบโต้เว็บซุนนะห์สติวเด้นท์เป็นพิเศษ หรือกล่าวถึง อ.อารีฟีน อยู่บ่อย ๆ" ตามที่เข้าใจผิดมานะครับ

ขอมอัฟที แต่หากจะเข้าไปตรวจสอบ ควรให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วยนะครับ ควรดูให้ละเอียดก่อนวิจารณ์ (ใจร่มๆกันนิด) ส่วนตัวผม หากใครก็ตามที่พยายามทำอะไร ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และทำตามกรอบกุรอานและฮะดิษ ผมก็ถือว่าคนนั้นทำตามเงื่อนไขที่อัลลอฮฺบอกแล้ว เพราะฉนั้นหากจะมีการพาดพิง หรือพูดถึง ทางกลุ่มจะเน้นถกที่ความคิด ไม่เน้นที่ตัวบุคคคล (เพราะบุคคลเป็นเรื่องระหว่างเขา กับอัลลอฮฺ)
จึงเรียนมาเพื่อทราบครับ
ปล. หากใครสนใจจะเข้าไปสังเกตการณ์ในกลุ่มก็เชิญนะครับ เพราะเราไม่ได้ต้องการสร้างฟิตนฮฺ แต่เราต้องการนำความจริงมาพูดคุยกัน
และส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจ อ.อารีฟีน ในส่วนของ อุศูลลุ้ลฟิกฮฺ เพราะท่านค่อนข้างปึ้ก ซึ่งหาได้ยากทีเดียวในบ้านเรา ส่วนในเรื่องอะกีดะฮฺเป็นเรื่องที่ต้องถกกันต่อไป อย่างผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด และเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่สุดที่ตนพยายามแสวงหามันแล้ว
วัลลอฮุอะอลัม
อิลยาส วารีย์

3
และที่คุณ สรุปมา ไม่ถูกครับ
"    สรุปคำพูดของคุณอัสวารก็คือ  หากนบีไม่เคยทำ  ไม่ใช่ชี้ถึงฮะรอมเสมอไป  เพราะสิ่งที่นบีทิ้งนั้น  ไม่ใช่อยู่ในหมวดหนึ่งของซุนนะฮ์ตามทัศนะของนักวิชาการหะดิษ  นอกจากว่ามีหลักฐานอื่นมากำกับห้ามในการละทิ้งนั้น"

เพราะถ้าสิ่งใดที่พบว่ามีหลักฐานมากำกับห้าม สิ่งนั้นเรียกว่าฮะรอมครับ
ไม่ใช่บิดอะฮฺ แล้ว
ผมมองว่า ทางผู้เขียนยังไม่เข้าใจคำว่าบิดอะฮฺดีพอ...
วัลลอฮุอะอลัมครับ

4
ขอค้านด้วยความเคารพนะครับ
ผู้ที่บอกว่าไม่ให้กล่าวศอดะกอลลอฮฺ ไม่ใช่ตักลีดทั้งหมดตามที่อ้างนะครับ
ขอขยายความตามที่ว่ากันมา
จากที่อ่านมา สาเหตที่ระบุว่า ไม่ใช่บิดอะฮฺ เหนได้ว่าอธิบายได้ยาวมาก แต่รู้สึกว่าจะไม่ถูกนัก เนื่องจาก
กรระบุคำนิยามของคำว่าบิดอะฮฺ ไม่ถูกเท่าที่ควร
การเหมารวม สิ่งที่ท่านบิลาลทำ แล้วเอามาอ้างกับเรื่องกล่าว ศอดะกอลลอฮ เปนการกิยาซ มะอัลฟาริก (การเอาคนละเรื่องมาเหมาว่าเป็นเรื่องเดียวกัน)

ขอทีละประเด็นนะครับ
คำนิยามของคำว่า บิดอะฮฺ คือ สิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องศาสนา (กำหนดให้เป็นรูปแบบว่าต้องทำกัน) ในสิ่งที่อัลลอฮฺ และท่านนบีไม่ได้บอกไว้

หมายความว่าที่อ้าง สิ่งที่ท่านบิลาลทำ เป็นการอ้างที่ผิด เพราะ การ ละหมาดซุนนะฮฺหลังน้ำละหมาด นั้นเป็นแบบอย่างที่นบีสอนไว้อยู่แล้ว และที่ท่านบิลาลทำ ท่านก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องว่ามันเป็นรูปแบบของศาสนาที่ทุกคนต้องทำ "มันเป็นประจำ"

ส่วนหลักฐานที่ยกมาว่ามีการใช้คำว่า ศอดะกอลลอฮฺ เพราะฉนั้นกล่าวได้หลังการอ่านกุรอาน ก็เป็นการกิยาซมอัลฟาริก อีกเช่นกัน
เพราะ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าคำพูดนี้ พูดได้หรือไม่ เพราะนักวิชาการทุกคนเห็นด้วยอยู่แล้วว่า การพูดคำพูดนี้ไม่ผิด จากหลักฐานทั้งหมดที่มีการยกมา แต่ประเดนตอนนี้ (กรุณา แยกให้ถูก) คือการที่ระบุว่า ต้องทำทุกครั้งหลังอ่านกุรอ่านต่างหากที่เปนประเด็น คิลาฟ

หมายความว่าผู้วิเคราะห์มองปัญหาไม่แตก และจับประเด็นมาเหมารวมกัน

ซึ่งเราจะพบได้ว่าการที่จะระบุว่าให้ทำทุกครั้งหลังอ่านจบ จำเป็นต้องมีหลักฐาน และการไม่พบหลักฐานจะมาอ้างว่ามันน่าจะมี ไม่ได้ เพราะ หากการใช้คำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดี ท่านนบีต้องทำก่อนเรา และบรรดาศอฮาบะฮฺต้องทำก่อนเรา และมันต้องมีสายรายงาน เพราะการอ่านกุรอ่าน อ่านกันประจำ เรื่องที่มีการทำเป็นประจำทำไมถึงไม่มีหลักฐานแม้แต่บทเดียว???
แล้วทำไมไม่มีหลักฐานแม้แต่บทเดียวที่บอกว่านบีพูดว่า "ศอดะกอลลอฮฺ" หลังการอ่านอัลกุรอ่าน? มันหมายความว่าท่านนบีไม่ได้ทำ (เพราะอัลลอฮฺรับรองไว้ว่าจะรักษาศาสนาไว้ ดังนั้นจะไม่มีบทบัญญัติใดหายไปเด็ดขาด) ซึ่งหมายความว่าเรารู้ดีกว่านบีใช่ใหมว่าต้องกล่าวเรารู้ดีกว่าศอฮาบะฮฺใช่ใหมว่าต้องกล่าวหลังละหมาด??? ทำไมไม่มีศอฮาบะฮฺท่านใด พูดถึง "เลย"

ขอสรุปตรงนี้ว่า ในเรื่องนี้สองทัศนะ มีหลักฐาน มีความเห็นกันทั้งคู่
หนึ่ง มองว่ามันฮะรอม (บางส่วนมองว่าเป็นบิดอะฮฺ)
สอง มองว่ามันเปนซุนนะฮฺ
(บางท่านมองว่าเป็นมักรูฮ เพราะสิ่งที่อัลลอฮฺพูดย่อมสัจย์จริงอยู่แล้ว สังเกตจากอายะฮกุรอ่านที่ให้พูดเพื่อประกาศการเป็นมุสลิมก่อน หลังจากนั้นให้ปฏิบัติตาม(เชิญกลับไปดูที่อายะฮฺกุรอานที่ยกมา))
และในการขัดแย้งของนักวิชาการ ให้เลือกทำในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องที่สุด หากเรามั่นใจว่าเราพร้อมจะเอาสิ่งนั้นไปเสนอให้กับอัลลอฮฺ ผมเลือกทัศนะแรก แต่ผมก็ไม่ได้ประนามทัศนะที่สอง เพราะเหนว่าต่างฝ่ายต่างต้องการความถูกต้อง ไม่ได้ตะแบง (ถ้าตะแบงก็เปนเรื่องของเขากับอัลลอฮฺครับ)
ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ขอมอัฟ หากสำนวนบางส่วนอาจดูแรงไป แต่อยากจะเสนอข้อมูลให้เป็นธรรมที่สุด
วัลลอฮุอะอลัม

หน้า: [1]