แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - GodAlone

หน้า: [1]
1

อายะห์ที่คุนยกมา 2:62 มีความขัดแย้งกับอายะห์ที่ผมยกต่อไปนี้อย่างไรครับ ถ้าไม่ขัดแย้งเพราะอะไร ??

وَمَن يَبْتَغِ غَيْرَ الإِسْلاَمِ دِينًا فَلَن يُقْبَلَ مِنْهُ وَهُوَ فِي الآخِرَةِ مِنَ الْخَاسِرِينَ 85 - ال عمران)

แล้วผมอยากทราบหลักการศรัทธาของพวกท่านด้วยครับ ว่ามีกี่ประการ


ซาลามมุอาลัยกุมครับท่าน innocense

แต่ละอายะห์เป็นเหมือนกับการแก้สมการคณิตศาสตร์ครับ ถ้าความหมายนั้นจริงแล้ว ความหมายต้องสอดคล้องกับทุกอายะห์ครับผม ถ้ามีการขัดแย้งใดๆก็แปลว่าความหมายที่เราเข้าใจอยู่นั้นยังไม่จริงครับ นั่นคือยังไม่ตรงกับความมุ่งหมายของพระเจ้า เพราะถ้าขัดแย้งแสดงว่าความหมายหรือการตีความนั้นไม่สอดคล้องกับสิ่งที่มาจากพระเจ้า ดังเช่น

"4:82 พวกเขาไม่พิจารณาดูอัลกุรอานบ้าง หรือ ? และหากว่า อัลกุรอานมาจากผู้ที่ไม่ใช่อัลลอฮ์ แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะพบว่าในนั้นมีความขัดแย้งกันมากมาย"

เราก็ควรพยายามและขอทางนำต่อไปจนพบความหมายที่สอดคล้องและให้บทเรียนดีๆได้ครับ

ซึ่งในกรณีนี้ เช่นเดียวกับที่ท่าน wisdom ได้ตอบอย่างชัดเจนครับ ว่าสำหรับ อายะห์

3:85 และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลาม แล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน

จะไม่ขัดแย้ง กับ 2:62 หรือ 3:113-115 (และมีอีกหลายอายะห์ด้วยครับ ไว้จะเอามาในโอกาสหน้านะครับ) ถ้าเราแปลคำว่า "อิสลาม" เป็น "การจำนนตัวต่อพระเจ้าองดค์เดียว" (ซึ่งความหมายนี้จะสอดคล้องกับทุกอายะห์ครับผม)

และในเมื่อหลักศรัทธามีเพียงสักการะ พระเจ้า ซึ่งเป็นชื่อที่เราใช้เรียก อำนาจที่ส่งเรามาในโลกนี้ และจะส่งเรากลับไป และให้ดวงอาทิตย์ขึ้นตก ดวงดาวไปตามวงโคจรของมัน ฤดูการและผลไม้ออกผล ข้าวเติบโตให้เราได้ทาน และได้ให้กฏต่างๆ(ไฟฟ้า แรงดึงดูด เคมี และอื่นๆ)ที่ควบคุมจักรวาลนี้

อำนาจนั้นที่เราขอสักการะ และอำนาจนั้นที่เราขอความช่วยเหลือ และขอทางนำสุ่สิ่งที่ทำให้พระองค์พอใจ (ดังเช่น ซุเราห์ 1) และเราก็เลยอยากทราบว่าพระเจ้าต้องการให้เราทำอะไรบ้างเพื่อให้พระองค์พอใจกับเรา เราอยากได้ทางนำ เราต้องการหาทางนำ ซึ่งพระเจ้าได้ส่งสารมาผ่านรอซุลหลายท่าน แต่เท่าที่เข้าใจแล้ว (ซึ่งก็เป์นอีกเรื่องยาวที่เราต้องขวนขวายกันว่าทำไปเราเชื่อกุรอานนี้) อันที่ถูกรักษาและชัดเจนครบถ้วนมากคือกุรอานนี้ และเมื่อเราเชื่อในกุรอานนี้แล้ว กุรอานกล่าวว่าทางนำนั้นพบได้ในกุรอานนี้ด้วย ดังเช่น
"2:2 นี่คือคัมภีร์ (ของอัลลอฮ์) ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในนั้น มันเป็นทางนำ สำหรับผู้ที่ยำเกรงต่อพระเจ้า"

เราก็เลยมาศึกษากันว่ามีคำสั่งด้านการศรัทธาอย่างไรบ้างจากกุรอาน ซึ่ง ชัดเจนมากว่านั่น คือ สักการะพระเจ้าองค์เดียว (เหมือนที่ท่าน wisdom ได้กล่าวไว้ครับ)

ส่วนการปฏิบัติ คือ "อากีมุศซอลาท วาอาตุซซากาต" ซึ่งเราแปลว่า ทำหน้าที่/พันธะกิจ และพัฒนาสังคม

ซึ่งซาลาท หมายถึง หน้าที่ หรือ พันธะ หรือ ภาระกิจ เราจะขอเสนอการใช้ความหมายนี้กับแต่ละอายะห์ในโอกาสและกระทู้ต่อไปครับ รวมทั้งซาลาทของเราผู้ศรัทธามีอะไรบ้าง (เช่น อย่าตั้งภาคีต่อพระเจ้า ทำดีต่อพ่อแม่ ไม่นินทา พูดจริงเสมอ ใช้คำพูดคำตอบที่ดี ปราบความชั่วด้วยความดี ซื่อสัตย์ รักษาคำสัญญา เที่ยงตรงในการค้าขาย และอื่นๆ ในหลายๆอายะห์) ของรอซุลมีอะไรบ้าง (รอซูลมีหน้าที่เดียวคือ ส่งสารของพระเจ้าอย่างชัดแจ้ง) ของนบีมีอะไรบ้าง (ภาระกิจต่างๆ ดังหลายๆอายะห์) อินชาอัลลอฮ รวมถึงความขัดแข้งของการใช้ความหมาย "ลาหมาด"หรือพิธีกรรม มาแทนซาลาท ว่าขัดแย้งกับอายะห์ใดอย่างไรบ้าง (เช่น 11:87 9:1-12 และอืนๆจำนวนมากครับ) ในกระทู้อื่นครับผม หากท่านอยากลองศึกษาดูก่อน กรุณาตามลิ้งค์ด้านล่างครับ
http://mypercept.co.uk/articles/disproved_traditional_salat.htm
http://mypercept.co.uk/slw.htm

ทางเราได้เสนอแล้วว่าไม่ขัดแย้งกันอย่างไร ขอท่าน innocense กรุณาแลกเปลี่ยนความคิดด้วยนะครับ ว่าท่านเข้าใจแบบใหนจึงไม่ขัดแย้งกันครับ ขออัลลออฮเมตตาและนำทางเราทุกคนสู่ทางที่เที่ยงตรงครับ

ทั้งนี้ทางเราเองก็ขอแสดงความนับถือความคิดวิธีคิดตีความแบบทั่วไปด้วยนะครับ เพราะในที่สุดแล้ว ความคิดตามซุนนี่ทั่วไป สำหรับเราแล้วก็ยังเป็นผู้ที่ทำ "การจำนนตัวต่อพระเจ้าองดค์เดียว" (และสอดคล้องกับทั้ง 2:62 และ 3:85) ครับ และเช่นเดียวกับเราด้วย

เราเพียงแต่ชักชวนให้มาลองคิดทบทวนสิ่งที่เราเรียกว่า "ศาสนา" และ กุรอาน ในแนวคิดอีกมุมหนึ่งครับ จะได้ไม่ขัดแย้ง และ ไม่ได้ให้ความสำคัญคำสอนเรื่องเล่า(หะดิษ)อื่นนอกจากกุรอานนี้ มาขัดแย้งหรืออยู่เหนือกฏของกุรอานครับผม

2
ซาลามมุอาลับกุมครับ

ผมคิดว่าถ้าเราจะพยายามหาวิธีละหมาดจากกุรอานเพียงอย่างเดียว เราคงหาวิธี"ละหมาด"ที่ทำกันทุกวันนี้ไม่ได้ครับ

แต่เมื่อเราศึกษาจากหลายๆวรรคของกุรอาน เราจะพบว่า ในหลายๆที่ จะพบว่ามีการตรัสย้ำถึงความประเสริธและครบถ้วนของกุรอาน เช่น

salam

[6.38]  และไม่มีสัตว์ใดๆ ในแผ่นดิน และไม่มีสัตว์ปีกใดๆที่บินด้วยสองปีกของมัน นอกจากประหนึ่งเป็นประชาชาติเยี่ยงพวกเจ้านั่นเอง เรามิได้ให้บกพร่องแต่อย่างใดในคัมภีร์ แล้วยังพระเจ้าของพวกเขานั้น พวกเขาจะถูกนำไปชุมนุม
(Yusuf Ali: There is not an animal (that lives) on the earth, nor a being that flies on its wings, but (forms part of) communities like you. Nothing have we omitted from the Book, and they (all) shall be gathered to their Lord in the end. ในส่วนตัวหนา คือ เราไม่ได้ทอดทิ้งอะไรไว้นอกมัน นั่นคือกุรอานนั้นครบถ้วน พอเพียง พระเจ้าไม่ได้ลืมอะไรไว้นอกกุรอาน)

[6.115]  และถ้อยคำแห่งพระเจ้าของฉันนั้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งความสัจจะและความยุติธรรมไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงบรรดาถ้อยคำของพระองค์ได้และพระองค์นั้นคือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
(ไม่ต้องเติมอีก จากหนังสือเล่มอื่น หรือเรื่องเล่าทั้งหลาย)

[19.64]  และเรา (ญิบรีล) มิได้ลงมา เว้นแต่ด้วยพระบัญชาของพระเจ้าของท่านสำหรับพระองค์นั้น สิ่งที่อยู่ระหว่างเบื้องหน้าของเราและสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเรา และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองและพระเจ้าของท่านนั้นมิทรงหลงลืมสิ่งใดเลย

[41.42]  ความเท็จจากข้างหน้าและจากข้างหลังจะไม่คืบคลานเข้าไปสู่อัลกุรอานได้ (เพราะ) เป็นการประทานจากพระผู้ทรงปรีชาญาณผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
(แต่เข้าหนังสือเล่มอื่นได้)

[6.114]  อื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาด ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่พวกท่านในสภาพที่ถูกแจกแจงไว้อย่างละเอียด ? และบรรดาผุ้ที่เรา ได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขา นั้น พวกเขารู้ดีว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นถูกประทานลงมาจากพระเจ้าของเจ้า ด้วยความเป็นจริง เจ้าอย่าได้อยู่ในหมู่ผู้สงสัยเป็นอันขาด

[7.185]  และพวกเขามิได้มองดูในอำนาจทั้งหลายแห่งบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดิน และสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงบังเกิดขึ้นดอกหรือ ? และแท้จริงอาจเป็นไปได้ว่า กำหนดเวลาแห่งความตายของพวกเขานั้นได้ใกล้มาแล้ว แล้วก็ถ้อยคำใดเล่าที่พวกเขาจะศรัทธากันหลังจากอัลกุรอาน

[18.109]  จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากว่าทะเลเป็นน้ำหมึกสำหรับบันทึกพจนารถของพระผู้เป็นเจ้าของฉัน แน่นอน ทะเลจะเหือดแห้งก่อนที่คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าของฉันหมดสิ้นไป และแม้ว่าเราจะนำมันเยี่ยงนั้นมาเป็นน้ำหมึกอีกก็ตาม
(ไม่ใช่ว่าพจนารถของพระเจ้าหมด หรือพระเจ้าทิ้งอะไรที่จำเป็นไว้นอกกุรอาน กุรอานครบสมบูรณ์)

[5.87]  ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าได้ให้เป็นที่ต้องห้าม ซึ่งบรรดาสิ่งดี ๆ ในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงอนุมัติแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าจงอย่าละเมิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบบรรดาผู้ละเมิด
(อย่าเพิ่มกฏนอกจากที่พระเจ้าได้ห้ามไว้แล้วในกุรอาน ซึ่งครบถ้วนแล้วดังอายะห์ก่อนๆ ที่เสนอมาครับ)

[10.59]  จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือซึ่งเครื่องยังชีพที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่พวกท่าน แล้วพวกท่านก็ทำให้บางส่วนเป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) และบางส่วนเป็นที่อนุมัติ (หะลาล) จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) อัลลอฮ์ทรงอนุมัติให้แก่พวกท่าน หรือพวกท่านปั้นแต่งให้แก่อัลลอฮ์
(อย่าเพิ่มกฏนอกจากที่พระเจ้าได้ห้ามไว้แล้วในกุรอาน ซึ่งครบถ้วนแล้วดังอายะห์ก่อนๆ ที่เสนอมาครับ)

[6.19]  จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า สิ่งใดใหญ่ยิ่งกว่าในการเป็นพยาน จงกล่าวเถิดว่าอัลลอฮ์นั้นคือผู้เป็นพยานระหว่างฉันกับพวกท่าน และอัลกุรอานนี้ก็ได้ถูกประทานลงมาแก่ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ใช้อัลกุรอานนี้ ตักเตือนพวกท่าน และผู้ที่อัลกุรอานนี้ไปถึง พวกท่านจะยืนยันโดยแน่นอนกระนั้นหรือว่า มีบรรดาที่เคารพสักการะอื่นร่วมกับอัลลอฮ์? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า ฉันจะไม่ยืนยัน จงกล่าวเถิด แท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ที่ควรแก่การเคารพสักการะแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น และแท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากสิ่งที่พวกท่านให้มีภาคี (แก่อัลลอฮ์)

[25.30]  และร่อซู้ลได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงชนชาติของข้าพระองค์ได้ยึดเอาอัลกุรอานนี้เป็นที่ทอดทิ้งเสียแล้ว


[75.19]  แล้วแท้จริงหน้าที่ของเราคือ การอธิบายอัลกุรอาน


แต่ทำไมไม่มีวิธีละหมาด ทำไมไม่มีบอกว่า 5 เวลา ไม่มีบอกว่ากี่รอกะอะห์สำหรับแต่ละเวลา ไม่มีบอกว่าต้องกล่าวอะไรบ้างตอนนั่ง ตอนยืน อ่านซูเราะห์ใดก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมคนที่ไม่ได้ละหมาดกลับมีโอกาสได้รางวัลได้ ทั้งๆที่ไม่ละหมาด และละหมาดเป็นสิ่งแรกที่จะถูกสอบสวน ดังเช่น

"2:62 จงแน่ใจได้เลยว่า ใครก็ตามในหมู่ผู้ศรัทธา ยิว คริสเตียน หรือซอบีอีน ที่เชื่อในอัลลอฮ์ และในวันสุดท้าย และประกอบการดี พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทน ที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา และเขาจะไม่มีสาเหตุใดที่ต้องกลัว และพวกเขาจะไม่ระทม"

"3:113-115 - พวกเขาหาใช่เหมือนกันไม่ จากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นมีกลุ่มชนหนึ่งที่เที่ยงธรรม ซึ่งพวกเขาอ่านบรรดาโองการของอัลลอฮ์ในยามค่ำคืน และพร้อมกันนั้น พวกเขาก็สุยูดกัน
- พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก และใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่ไม่ชอบ และต่างรีบเร่งกันในบรรดาสิ่งดีงาม และชนเหล่านี้ และอยู่ในหมู่ที่ประพฤติดี
- และความดีใด ๆ ที่พวกเขากระทำพวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธในความดีนั้น เป็นอันขาด และอัลลอฮ์ทรงรู้ดีต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรง"

หรือว่าที่เราเรียนสอนกันมาในโลกมุสลิมปัจจุบัน มีการเข้าจะอะไรผิดอย่างมากในหลายๆเรื่องหรือเปล่า ก็เลยแปลและตีความหมายขัดแย้งกันเอง ดังเข่น

4:82 พวกเขาไม่พิจารณาดูอัลกุรอานบ้าง หรือ ? และหากว่า อัลกุรอานมาจากผู้ที่ไม่ใช่อัลลอฮ์ แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะพบว่าในนั้นมีความขัดแย้งกันมากมาย

หรือว่าเราเข้าใจผิด และทอดทิ้งเนื้อหา เป้าหมาย ของกุรอาน ดังเช่น
[25:30] และร่อซู้ลได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงชนชาติของข้าพระองค์ได้ยึดเอาอัลกุรอานนี้เป็นที่ทอดทิ้งเสียแล้ว

3
ซาลามครับทุกท่าน

ไม่ได้มานาน ขอสมัครสมาชิกใหม่นะครับ ผมลืมรหัสของทั้งที่นี่กับเมลที่ใช้ตอนนั้นด้วย ผมก็คือคนเดียวกับ TruthSeeker ครับ

แน่นอน คุณ al-azhary และหนังสือที่ท่านอ้างถึงในการตีความหมายกุรอาน รวมถึงหลายคนที่เคยไปเสวนากับพวกเราที่ http://www.free-minds.org/forum/ จะบอกว่าเราแปลกุรอานผิด เพราะท่านตลอดจนหนังสือหรือแหล่างอ้างอิงของท่านตีความหมายกุรอานแบบเชื่อว่ากุรอานอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่เราตีความหมายแบบกุรอานอย่างเดียวพอเพียงครับดังที่ได้เคยเสนออายะห์ที่บอกว่าพอเพียงมาแล้ว

การตีความหมายกุรอานก็เลยไม่ตรงกันเป็นธรรมดา ตอนนี้ผมก็เลยอยากให้มาพิจารณาสิ่งที่ท่านเสนอดูทีละจุดครับ

 77.50 "ดังนั้น (คำบอกเล่า/หะดิษ) อันใดเล่าหลังจากอัลกุรอานที่พวกเขาจะศรัทธากัน"

ซึ่งหมายถึงว่า  พวกเขาไม่เชื่ออัลกุรอาน แน่นอนว่า  ถ้อยคำพูดอื่น ๆ  พวกเขาไม่เชื่ออยู่แล้ว]

ถ้อยคำอื่นๆผู้ปฏิเสธเชื่อครับ แต่ไม่เชื่อกุรอาน การตีความหมายนี้เป็นจริงได้อย่างไร

แต่คุณบอกว่ามันไม่จริง  เนื่องจากคุณคิดว่าความเข้าใจและความคิดของคุณนั้นถูกต้องกว่า  แต่ความเข้าใจของผมนั้นเอามาจากปราชญ์นักอถาธิบายอัลกุรอานที่รอบรู้วิทยาการเกี่ยวกับอัลกุรอาน 
และสิ่งที่ผมได้เคยชี้แจงไปนั้นก็มาจากตัฟซีรอัลกุรตุบีย์  ดังนั้นความคิดเห็นของคุณและเข้าใจของคุณที่ตอบกับผมว่า "ผมเห็นว่าไม่จริงครับ" นั้น  ถือว่าไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง   นั่นก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจถ้อยคำของอัลกุรอานครับ   และอายะฮ์อัลกุรอานที่คุณเข้าใจว่าต้องการคำถามนั้น  ถือว่าผิดนะครับ 

คุณกล่าวว่ "ดังนั้น มันเกี่ยวข้องแน่นอนว่าคำถามในเชิงตักเตือนนี้นี้กำลังถามใคร (นั่นคือผู้อ่าน สำหรับผม) และกล่าวถึงใีครในสรรพนามบุรุสที่สาม และให้บทเรียนแ่ก่เราผู้อ่านอย่างชัดเจนว่า ถ้าคุณเป็นผู้ศรัทธา คุณก็ไม่ควรเชื่อหะดิษอื่นนอกจากกุรอาน แบบพวกผู้ปฏิเสธเขาครับ เพราะคุณต้องการจะสักการะพระเจ้า ไม่ใช่คนอื่น ด้งนั้นคุณต้องมั่นใจว่าแต่ละคำสั่งมาจากพระเจ้าจริงหรือไม่ ซึ่งการรักษากุรอานของพระเจ้าจนถึงทุกวันนี้เป็นสัญญาณที่ชัดแจ้งอย่างหนึ่ง หะดิษอื่นนอกจากกุรอานไม่ได้ถูกรักษาอย่างเทียบเท่ากุรอานเลยแม้แต่น้อย"

คำถามนี้อัลกุรอานไม่ใช่ต้องการจะถามผู้อ่าน แต่พระองค์ต้องการบอกเล่าและตอบไปในตัวแล้วว่า  พวกปฏิเสธจะไม่เชื่อสิ่งใดทั้งสิ้น หลังจากอัลกุรอาน  ซึ่งหมายความว่า

แน่นอนเราตีความหมายไม่เหมือนท่าน เพราะเราเชื่อว่ากุรอานพอเพียงแล้วดังอายะห์ที่เคยเสนอไปแล้ว แต่ท่านและนักปราชญ์ของท่านเชื่อว่ากุรอานอย่างเดียวไม่พอเพียง ก็ต้องตีความหมายไม่ตรงกันเป็นธรรมดา


แม้อัลกุรอานที่สัจจริงพวกเขาไม่เชื่อ  เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ต้องไปพูดกับพวกเขาแล้ว  เพราะขนาดของจริงที่สุดพวกเขายังไม่เชื่อกันเลย 
และอีกอย่างหนึ่ง  หากคุณเข้าใจว่า  เรื่องอื่น ๆ จากอัลกุรอานที่พวกปฏิเสธเชื่อนั้น  คือสิ่งที่ไม่ใช่ไร้สาระทั้งหมด  ถือว่าคุณเข้าใจผิดแล้วครับ  เพราะว่าพวกปฏิเสธนั้นเขาเชื่อในเรื่องที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน  ซึ่งคุณคงไม่ปฏิเสธแน่นอน  ดังนั้นเรื่องราวที่ขัดกับอัลกุรอาน  ถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ  ฉะนั้นสิ่งที่สอดคล้องกับอัลกุรอานย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ไร้สาระอย่างแน่นอน  แต่น้ำหนักอาจจะนำมาอยู่ก่อนหรืออยู่หลังลดหลั่นกันไป

39:23. อัลลอฮฺได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะลุกชันขึ้น แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮฺ นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง

ในเมื่อพระเจ้าได้ยืนยันว่ากุรอานนี้เป็น ฮะดิษ ที่ดีที่สุด และ "ดังนั้น (คำบอกเล่า/หะดิษ) อันใดเล่าหลังจากอัลกุรอานที่พวกเขาจะศรัทธากัน" ตลอดจนพระเจ้าได้รักษาคัมภีร์นี้อย่างดียิ่งกว่าทุก ฮะัดิษ(เรื่องเล่า) อื่นนอกจากกุรอานนี้

อีกทั้งการที่พระเจ้าได้เตือนว่า

6:112 และในทำนองนั้นแหละเราได้ให้มีศัตรูขึ้นแก่นะบีทุกคน คือ บรรดาชัยฏอนมนุษย์ และญินโดยที่บางส่วนของพวกเขาจะกระซิบกระซาบแก่อีกบางส่วน ซึ่งคำพูดที่ตกแต่งเป็นการหลอกลวง และหากว่าพระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์ แล้วพวกเขาก็มิกระทำมันขึ้นได เจ้าจงปล่อยพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้นเถิด

ยิ่งแสดงว่าเราต้องยิ่งไม่ควรไปอ้างใช้ศรัทธาใน ฮะดิษ อื่นหลังจากกุรอานนี้

เราก็เลยตีความหมาย เข้าใจว่าการอ้างศรัทธาใน ฮะดิษ อื่น หลังจากกุรอานนี้ (ว่าเชื่อเพราะต้องการสักการะพระเจ้า) นั้นเป้นเรื่องไร้สาระครับ

ศันติจงมีแด่ท่าน

หน้า: [1]