1
ชี้แจงแนวทางอะฮฺลิสสุนนะฮ์ฯ / Re: อากีดะห์สลัฟและอัศฮาบุลหะดีษ จาก มอ.ปัตตานี
« เมื่อ: ก.ย. 10, 2012, 09:52 PM »
:laugh:การแสดงฟามคิดเห็นผมได้เข้าไปอ่านเฟสบุ๊คมาแล้ว อิๆๆ
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
แปลกใจมากที่ คุณ somsakkafa ถูกแบนโดยอ้างว่าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอและไม่มีมารายาท แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า เพราะ
คุณ somsakkafa พูดความจริงต่างหาก เลยไม่พอใจและไม่มีอะไรมาแก้ตัว ไม่รู้ว่าจะเอาจากทัศนะจากมัสฮับไหนมาอ้าง การอ่านกุรอานให้ผู้ตายอาจจะมีตามอีหม่ามชาฟีอี แต่นั้นเป็นเพียงทัศนะของท่าน แต่เรื่องทำบุญ โดยการกำหนด สามวัน เจ็ดวัน และสี่สิบวัน และมานั่งล้อมวงอ่านกุลฮูวัลลอฮ์และซีเกรแล้วก็ฮาดียะส่งผลบุญไปยังผู้ตายมีใหม ในกุรอานและฮาดิส และเป็นคำสอนจากมัสฮับใด
ถ้ามีกรุณายกมาอ้างอิงบ้าง เผื่อผมจะได้นำไปปฏิบัติบ้าง
ญาซากัลลอฮ์
ป,ล อย่าเพิ่งแบนผม ก่อนที่จะตอบเรื่องทำบุญให้คนตาย
อ้างถึงข้อความโดย: ริดวานอันนี้เป็นฮาดิษซอเฮี๊ยะ หรือป่าวครับ ขอหลักฐาน
« เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 11:19 AM » ใส่การอ้างถึงคำพูด
เคยได้ยิน อ.รอฟิก พูดในหัวข้อ "เปิดโปงซุนนะห์จอมปลอม" ช่วงเกี่ยวกับเมาลิด ที่ อ.รอฟิก พูดว่า
"แท้จริง...รัวฮ์ของฉัน(รอซู้ล ซ.ล.) จะเสด็จไปยังที่ที่มีการอ่าน ชีวปรัวิติ ของฉัน"
หลังดีเบท วะฮ์ฮาบีย์ต่างออกมาชี้แจงเรื่องซีฟัตตามทัศนะของตนทางสื่อต่างๆ และทำการวิจารณ์อัลอะชาอิเราะฮ์แบบอธรรม ซึ่งเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์สำหรับผู้รู้ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ต้องทำการชี้แจงข้อเท็จจริงน่ะครับ สำหรับผมคิดว่าการชี้แจงเท่าที่จะทำได้ ก็คือ ต้องชี้แจงผ่านทางสื่อของการทำเป็นหนังสือสงสารบังอัลฯมากเลยครับ ที่ต้องเหนื่อยและต้องทนต่อสู้เพื่อ ชาวอะลิสซุนนะอาชาอิเราะมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยอัลอัชซัร แล้ว ผมติดตามข่าวคราวบังมาตลอดตั้งแต่บทความที่แก้ต่างการโจมตีใส่ร้ายพี่น้องในมัสหับชาฟีอี ไม่ว่าในด้านของการทำเมาลิด การทำบุญ7วันฯลฯในเรื่องของวิชาฟิกฮ์และด้านอะกีดะ
party:เท่าที่ผมได้ติดตามจากสื่อต่างๆ ของวะฮ์ฮาบีย์ที่ทำการวิจารณ์เกี่ยวกับอัลอะชาอิเราะฮ์ ผมคิดว่าเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ที่ผมจะต้องทำเป็นหนังสือในการตีแผ่เกี่ยวกับอะกีดะฮ์ของวะฮ์ฮาบีและชี้แจงข้อเท็จจริงของอะกีดะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ครับ อินชาอัลเลาะฮ์
ผมไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรก ยันหน้าท้าย ผมคิดว่าข้อความของคุณ Anthoprosclay เข้าใจ
ถ้าคิดว่าความรู้ผมยังน้อย ขอความกรุณาแนบลิงค์ที่เกี่ยวข้องในเวปนี้ ในเรื่องนี้ให้ด้วยครับ
ส่วนคำว่าขึ้นสูงเหนือบังลังค์ อาจจะมีคนพยายามถาม
แต่มันคือการให้ความหมายที่สุดทาง ที่จะทำให้รู้ว่า แท้จริงเราไม่มีความรู้ในเรื่องความหมายแท้จริง
“มันคือสิ่งที่จำเป็นต่อการยืนยันถึงศิฟัตอิสติวะอฺ (การขึ้นสูงเหนือบัลลังค์) โดยปราศจากการตีความ(เป็นความหมายอย่างอื่น) และแท้จริงแล้วพระองค์อัลลอฮฺทรงขึ้นอิสติวะอฺเหนือบัลลังค์ของพระองค์โดยอิสติวะอฺด้วยกับ “ซาต” (อาตมัน) ของพระองค์เหนือบัลลังค์ ซึ่งอิสติวะอฺไม่ได้แปลว่า กออู๊ด (นั่ง) หรือไม่ได้แปลว่าการสัมผัส ดังที่พวกมุญัสสิมะฮฺและกะรอมียะฮฺได้กล่าวไว้ และมันก็ไม่ได้หมายความว่า อุลูวว์ (ความสูงส่ง) ดังที่พวกอัชอะรียะฮฺ(อะชะอิเราะฮฺ)ได้กล่าวไว้ และมันก็ไม่ได้แปลว่า อิสติลาอ์ (การพิชิต) หรือ ฆอลาบะฮฺ (การสถาปนาอำนาจ) ดังที่พวกมุอฺตะสิละฮฺได้กล่าวแต่อย่างใด ตัวบททางศาสนาไม่ได้บอกกล่าวถึงความหมายใดๆเหล่านี้ไว้ แล้วก็ไม่ปรากฏการรายงานจากบรรดาซอฮาบะฮฺหรือจากบรรดาตะบีอีนจากยุคสลัฟหรือจากบรรดานักวิชาการหะดีษถึงการตีความในแบบเหล่านี้เลย”
ขออัลลอฮได้ทรงชี้นำข้าพระองค์ และรวมข้าพระองค์ไว้เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาชาวสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์
loveit:ปิดเทอมนี้เพิ่งได้เข้ามาเวปนี้เพราะติดรอหลายตัวอิๆๆ เห็นกระทู้นี้ตั้งขึ้นมา พูดถึงความแตกต่างระหว่างวะฮาบีและชีอะและอาชาอีเราะเลยสนใจ....
มาหาประวัติและความรู้เพิมเติมทำรายงานส่งอาจารย์ เวปนี้มีประโยชน์มากครับชอบๆต้องการอยู่พอดีเรย
หลักฐานของอัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ์เขียนโดย อจ.อัลอัชฮารีย์
ท่านพึงทราบเถิดว่า บรรดาพื้นฐานของหลักเตาฮีดและหลักอะกีดะฮ์ต่าง ๆ นั้น ดำรงอยู่บนหลักฐานของ อัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ที่ชัดเจน , การลงมติของปวงปราชญ์ และหลักฐานของสติปัญญาที่เที่ยงตรงและเป็นสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของบทบัญญัติศาสนา และดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นคุณลักษณะพิเศษของศาสนาอิสลามเหนือบรรดาศาสนาอื่น ๆ เพราะอิสลามจะไม่มีหลักการใดนอกจากสติปัญญามาสนับสนุนให้กับมันได้ ด้วยเหตุนี้ หนังสือประพันธ์ต่าง ๆ ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ในการจัดระดับขึ้นตอนของหลักฐานเพื่อโต้ตอบพวกบิดอะฮ์ พวกนอกลู่ และพวกเบี่ยงเบนนั้น วางอยู่บนพื้นฐานที่เราได้กล่าวมาแล้ว
รายละเอียดสิ่งดังกล่าว
1. อัลกุรอาน : คือรากฐานของบรรดาหลักฐานทั้งหลาย สารจากอัลเลาะฮ์ได้ถูกรับรองด้วยกับอัลกุรอาน สามารถนำมาเป็นหลักฐานเพื่อหักล้างหลักการที่ลุ่มหลง เป็นคำภีร์ที่อยู่เหนือคำภีร์อื่น ๆ ที่ถูกประทานจากฟากฟ้า และเป็นคำภีร์ที่แยกแยะสัจธรรมออกจากความอธรรม อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบัญชาใช้ให้ผู้ที่โต้แย้งกันกลับไปยังพระองค์และร่อซูลของพระองค์ (ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
พระองค์ทรงตรัสความว่า
فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ
"ดังนั้นหากพวกเจ้าได้โต้แย้งในสิ่งหนึ่ง พวกเจ้าก็จงหวนกลับไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูล" อันนิซาอฺ 59
การกลับไปหาอัลเลาะฮ์ตาอาลา คือการกลับไปหาอัลกุรอานและการกลับไปหาร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือการกลับไปยังบรรดาหะดิษที่ซอฮิห์อีกทั้งได้รับการยืนยันแน่นอนจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
2. อัซซุนนะฮ์ : การอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษเกี่ยวกับเรื่องของหลักอะกีดะฮ์นั้น ต้องมีเงื่อนไขว่า ผู้รายงานมีความไว้เนื้อเชื่อใจได้โดยมติเอกฉันท์ หมายถึง หะดิษต้องไม่ถูกรายงานมาด้วยสายรายงานที่มีการขัดแย้งกันเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของเขา ซึ่งเป็นทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ จากนักปราชญ์หะดิษและนักปราชญ์ฟิกห์ ดังนั้นจึงถือว่าไม่เพียงพอในการอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษที่มีสายรายงานฏออีฟ หากแม้นว่าจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ กล่าวว่า "คำว่า الصوت (เสียง) จากสิ่งที่ถูกงดเว้นในการนำมาพาดพึงไปยังอัลเลาะฮ์และต้องการไปยังการตีความ(ตะวีล) เพราะว่าไม่เป็นการเพียงพอเกี่ยวกับเรื่องคำว่าเสียงนี้โดยมีหะดิษที่รายงานจากหนทางที่มีผู้รายงานถูกวิจารณ์ขัดแย้งกัน หากแม้นว่าหะดิษจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม" ฟัตหุลบารีย์ 1/174 หมายถึงหะดิษเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าวไม่สามารถนำมายืนยันในเรื่องของอะกีดะฮ์
ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลบุฆดาดีย์ กล่าวไว้ในหนังสืออัลฟะกีฮ์วัลมุตะฟักกิฮ์ ความว่า "ประการที่สอง : ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้น จะไม่ถูกรับรอง ด้วยคำกล่าวของซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน นอกจาก ด้วยกับหะดิษที่ซอฮิห์ยังไปท่านนบีโดยมีสายรายงานที่ถูกลงมติของนักหะดิษว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานด้วยกับหะดิษฏออีฟหรือหะดิษที่มีผู้รายงานที่ขัดแย้งกันในการรับรองความเชื่อถือของเขา ซึ่งหากแม้นว่ามีสายรายงานหนึ่งรายงานมา แล้วมีหะดิษอื่นมาสนับสนุน ก็ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้"
ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดของท่าน อบีสุไลมาน อัลค๊อฏฏอบีย์ ว่า "แท้จริงซีฟัตของอัลเลาะฮ์จะไม่ได้ถูกรับรองนอกจากด้วยกิตาบุลลอฮ์หรือหะดิษที่มีความซอฮิห์อย่างเด็ดขาด" อัลอัสมาอ์วัสซิฟาต 335
3. อัล-อิจญ์มาอฺ : (มติของปวงปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) ที่เกี่ยวกับประเด็นของศาสนา ดังนั้นรากฐานที่ยืนยันว่าบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์กอดีม(มีมาแต่เดิมโดยมิมีจุดเริ่มต้น)นั้น คือการอิจญฺมาอ์ที่เด็ดขาด(จากมติของปวงปราชญ์) ท่านชัยคุอิสลาม อัซซุบกีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรหฺอะกีดะฮ์อิบนุหาญิบ ความว่า "ท่านจงรู้เถิด หลักการของมวลสารและคุณลักษณะที่อุบัติทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่(มีการเปลี่ยนแปลง) ดังนั้น โลกทั้งหมด(คือสิ่งที่อื่นจากอัลเลาะฮ์นั้น) คือสิ่งที่ใหม่(คือบังเกิดใหม่และมีการเปลี่ยนแปลง) และบนหลักการนี้ ก็คือมติ(อิจญ์มาอฺ)แห่งปวงปราชญ์มุสลิมีน และทุก ๆ ศาสนา และผู้ใดที่ขัดแย้งกับสิ่งดังกล่าวนี้ ถือว่าเขาเป็นกาเฟร เนื่องจากเขาขัดแย้งกับมติที่มีความเด็ดขาด" ดู หนังสือ อิตฮาฟ อัซซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน 2/132)
4. สติปัญญา ศ กล่าวคือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงส่งเสริมให้ปวงบ่าวใช้สติปัญญาในการใคร่ครวญถึงอาณาจักรและสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกสร้างเพื่อนำไปสู่การรู้จักผู้สร้าง คือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา
พระองค์ทรงตรัสความว่า
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
การกล่าวว่า "อัลอะชาอิเราะฮ์ใช้สติปัญญามาเป็นหลักฐานในการยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องศาสนา ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างแท้จริง เพราะความจริงแล้ว อัลอะชาอิเราะฮ์นำหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเป็นตัว ยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องของศาสนา โดยใช้สติปัญญามาเป็นตัวสนับสนุน شَاهِدٌ (ชาฮิด) หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์
เช่นหลักฐานที่ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี อัลเลาะฮ์ทรงเอกกะ เช่น
พระองค์ทรงตรัสว่า
إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا
"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14
แต่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี ดังนี้
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้ อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ
"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11
ดังนั้น อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ มะลาอิกะฮ์ และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติปัญญา แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา(ที่อยู่บนพื้นฐานข้างต้น)มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้น สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนามิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภ้ยนั้น จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไม่ค้านกัน
วัลลอฮุอะลัม
Insha Allah ผมจะตอบกลับมาเร็ว ๆนี้ เพราะกำลังอ่านศึกษาใน link ที่ส่งไป
ถ้าเช่นนั้นคุณ อัลฟาตอนี จำเป็นต้องแก้โจทน์จากคำพูดของอิบนุอุมัรต่อไปนี้ให้เคลียร์ด้วยكلُّ بدعة ضلالة وإن رآها النّاسُ حسنة
ทุกๆบิดอะฮฺล้วนเป็นสิ่งหลงทาง ถึงแม้มนุษย์จะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม