แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - muqorrabeen

หน้า: [1] 2 3 ... 13
1
 :salam:

พบหะดีษที่ท่านนบี(ซ.ล.)ใช้ให้เยี่ยมกุบูรได้  โดยไม่กำหนดตายตัวว่าวันใหน หมายถึง ใช้ให้เยี่ยมกุบูรได้ทุกวันตลอดทั้งปี 

แต่ในขณะเดียวกัน ไม่พบหลักฐานเจาะจงใช้ให้เยี่ยมกุบูรวันอีด  และไม่มีหลักฐานเจาะจงห้ามเยี่ยมกุบูรในวันอีดเช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้  ถือว่ามุบาห์อนุญาตให้เยี่ยมกุบูรวันใหนก็ได้ ไม่ว่าวันอีดหรืออื่นจากวันอีด

ดังนั้นใครบอกว่าจำเป็นต้องเยี่ยมกุบูรวันอีด  ถือว่าบิดอะฮ์  เพราะนบีมิได้กำหนดเจาะจงเป็นพิเศษ  และผู้ใดบอกว่าเยี่ยมกุบูรวันอีดหะรอม  ก็ถือว่าบิดอะฮ์อุตริฮุกุ่มขึ้นมาในศาสนา  เนื่องจากนบีมิได้เจาะจงห้ามเอาไว้

ฉะนั้นในโลกดุนยานี้ไม่มีมุสลิมคนใดบอกว่าจำเป็นต้องเยี่ยมกุบูรวันอีด  จึงไม่มีมุสลิมคนใดถูกฮุกุ่มบิดอะฮ์ในกรณีนี้  แต่มีบางกลุ่มบอกว่าเยี่ยมกุบูรวันอีดเป็นสิ่งหะรอม  กลุ่มนี้แหละที่อยู่ในกลุ่มพวกบิดอะฮ์อย่างแท้จริง...เพราะไปกำหนดฮุกุ่มขึ้นมาเองโดยล้ำหน้าอัลลอฮ์และร่อซูล

ดังนั้นหะดีษการเยี่ยมกุบูรจึงมีผลนำมาใช้ได้ตลอดทั้งปี

2
จำกัดนิยามคำว่า “อัล-อีหม่าน” (การศรัทธา) ว่าหมายถึง การเชื่อมั่นด้วยจิตใจเท่านั้น ดังนั้น ตามทัศนะของพวกเขา เมื่อมนุษย์เกิดศรัทธาและเชื่อมั่นด้วยใจ ถึงแม้ว่ามิได้กล่าวคำปฏิญาณตนด้วยกะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺตลอดชีวิต และมิได้ปฏิบัติกรรมดีด้วยอวัยวะก็ถือว่าเป็นมุอ์มินผู้ศรัทธาที่รอดพ้นจากการลงโทษในวันอาคิเราะฮฺ  อัล-อีย์ญีย์ ได้กล่าวถึงนิยามอัล-อีหม่านในหนังสืออัล-มะวากิฟว่า นิยามของอัล-อีหม่าน ด้านวิชาการ ตามทัศนะของสำนักคิดพวกเรา(อัล-อะชาอิเราะฮฺ) และเป็นทัศนะของปราชญ์ (อิหม่าม) ส่วนใหญ่ เช่น ท่านอัล-กอฎีย์และอัล-อุสตาซ นั่นก็คือ อัล-อีหม่าน หมายถึง
التصديق للرسول فيما علم مجيئه به ضرورة،  فتفصيلا فيما علم تفصيلا، وإجمالا فيما علم إجمالا
“การศรัทธาต่อเราะสูลในสิ่งที่ท่านนำมาบอกเล่าในเรื่องที่จำเป็นพื้นฐาน ศรัทธาในรายละเอียดที่สามารถรู้ถึงรายละเอียด และศรัทธาแบบโดยรวมในคำสอนที่รู้แบบรวมๆ” (อัล-มะวากิฟ หน้า 384)

อะชาอิเราะฮ์นั้นมีอะกีดะฮ์เหมือนนบี(ซ.ล.)แต่วะฮ์ฮาบีจะไม่ยอมเข้าใจก็ตาม

ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า

 فَيُخْرِجُ مِنْهَا قَوْمًا لَمْ يَعْمَلُوا خَيْرًا قَطُّ
"แล้วอัลลอฮ์ทรงนำชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยทำความดีงามเลยออกจากนรก" รายงานโดยมุสลิม

หะดีษนี้บ่งชี้ชัดเจนโดยไม่ต้องตะวีลตีความว่า  ชนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นชนที่มีอีหม่านระดับต่ำสุด ไม่เคยปฏิบัติความดีเลย  แต่ท้ายสุดหลังจากถูกลงโทษในนรก  พระองค์ก็จะนำพวกเขาออกมาจากนรก

ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า

مَنْ مَاتَ وَهُوَ يَعْلَمُ أَنَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ دَخَلَ الْجَنَّةَ
"ผู้ใดที่ตายโดยเขารู้(อย่างมั่นใจ)ว่าแท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์  เขาย่อมได้เข้าสวรรค์" รายงานโดยมุสลิม

ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า

مَنْ عَلِمَ أَنَّ اللَّهَ رَبُّهُ ، وَأَنِّي نَبِيُّهُ مُوقِنًا مِنْ قَلْبِهِ ، وَأَوْمَأَ بِيَدِهِ إِلَى جِلْدِهِ حَرَّمَهُ اللَّهُ عَلَى النَّارِ أَوْ حَرَّمَ اللَّهُ جِلْدَهُ عَلَى النَّارِ
"ผู้ใดที่รู้ว่า แท้จริงอัลลอฮ์คือพระเจ้าของ่เขา  และแท้จริงฉันคือนบีของเขา ในสภาพที่มั่นใจจากหัวใจของเขา และท่านนบีก็ทำสัญญาณมือไปที่ผิวหนังของท่าน  และกล่าวว่า อัลลอฮ์จะห้ามผิวหนังสือของเขาจากไฟนรก" รายงานโดยอิบนุคุซัยมะฮ์

จากตัวบทหะดีษมีความชัดเจน โดยไม่ต้องตีความตะวีล  นั่นคืออะกีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮ์ที่เป็นอะกีดะฮ์ของนบีแม้วะฮ์ฮาบีจะไม่พอใจก็ตาม

ส่วนรายละเอียดที่เหลือ ให้ผู้่รู้เว็บไซต์นี้ชี้แจงเชิงรายละเอียดแล้วกันครับ...

3
 :salam:

ลำดับหลักฐานของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ์
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,2169.0.html

และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น  คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า   อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด  ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้  อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ

"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์  และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11

4
 :salam:

แก้ต่างการใส่ใคล้ที่มีต่ออัลอะชาอิเราะฮ์
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,754.0.html

5
:salam:

หากคนหนึ่งถามผมว่า อัลลอฮฺนั้นมีร่างกายหรือเปล่า

ผมควรตอบว่าอย่างไรคับ sad:

ตอบว่า อัลลอฮ์ไม่ใช่เป็นรูปร่างหรือมีร่างกาย เพราะพระองค์ไม่ได้บอกไว้ว่า พระองค์นั้นมีรูปร่าง  และอิหม่ามอะห์มัดบอกว่า  คนที่บอกว่าอัลลอฮ์เป็นรูปร่างแต่ไ่ม่เหมือนมัคโลคนั้น เป็นกาเฟร แีต่ปราชญ์ส่วนใหญ่บอกว่า เป็นพวกบิดอะฮ์ลุ่มหลง

6
ตอบอย่างนี้ได้รึเปล่าครับ
"เป็นมือที่เหมาะสมสำหรับพระองค์"
;D

สะลัฟไม่ได้ตอบอย่างนั้น แต่สะลัฟเขาจะตอบตามหลักการที่ว่า  "เราชื่อยะดุนตามจุดมุ่งหมายของพระองค์"

7
 :salam:

สงสัยตีพิมพ์ครั้งแรกปกสีสดใสคงเอาใจวัยรุ่น พอจำหน่ายหมดและได้รับการตอบรับอย่างดี  ก็ตีพิมพ์ครั้งที่สองคงใช้ปกสีที่เอาใจได้ทุกรุ่น cool2:

8
Sunnah Core Salafussalah

อาสัน นายน่ะ เสวนาไปด่าคนอื่นไป ความรู้ที่นายมีไม่ยังคุณประโยชน์เลยและไม่เคยนำปรับปรุงตัวเองเลย โตมาอายุ 50 กว่าขวบแล้วน่ะครับเนี่ย...

อาสัน หมัดอาดัม

ท่านอะบุลหะซันบอกว่า
استواء منزها عن الحلول والإتحاد
ทรงสถิตอยู่เหนือบัลลังค์ของพระองค์ เป็นการสถิตอยู่ ที่บริสุทธิ์จากการตั้งถิ่นฐานและการใกล้ชิด - อัลอิบานะฮ เล่ม 1 หน้า 113

Sunnah Core Salafussalah

อาสัน นายแปลเรื่องซีฟาตของอัลลอฮ์ผิดมากมายอย่างนี้ นายไม่ควรเสนอตัวเองมาชี้นำคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องซีฟาตของอัลลอฮ์น่ะครับ กล่าวคือ

1. อาสันแปลว่า อิสติวาอฺว่า “สถิต” ถือว่าแปลโกหก เพราะอะบุลหะซัน ปฏิเสธการให้ความหมายอัลอิสติวาอิว่า “สถิต” ดังที่ผมได้นำเสนอไปแล้วข้างต้น

2. อาสันแปลคำว่า الحلول หมายถึง “ตั้งถิ่นฐาน” ถือเป็นการแปลผิด เพราะอัลหุลูล นั้น หมายถึง “เข้าไปอยู่” หรือ “เข้าไปสถิตอยู่”

3. อาสันแปลคำว่า الاتحاد หมายถึง “การใกล้ชิด” ถือว่าเป็นการแปลผิด เพราะอัลอิตติหาด นั้น หมายถึง “การเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกัน”

ดังนั้นอาสัน จึงไม่มีคุณสมบัติในการชี้นำคนอื่นในเรื่องของศาสนา โดยเฉพาะเรื่องของอัลลอฮ์ตะอาลา...

9
อาสัน หมัดอาดัม

มาดูคำอธิบายของอิหม่ามอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ ที่แสดงให้เห็นว่า ที่นาย sunnah Core Salafussalah โกหก มุสาและบิดเบือน คำพูดของอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ข้างล่าง
ท่านอิหม่ามอบูหะซัน สรุปว่า
فكل ذلك يدل على أنه تعالى في السماء مستو على عرشه والسماء بإجماع الناس ليست الأرض فدل على أنه تعالى منفرد بوحدانيته مستو على عرشه استواء منزها عن الحلول والإتحاد
ทั้งหมดนั้น แสดงให้เห็นว่า แท้จริง อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งนั้นทรงอยู่บน/เหนืออะรัช และเหนือชั้นฟ้า โดยมติของบรรดามนุษย์ (อุลามาอฺ)ไม่ใช่อยู่บนพื้นดินและแสดงให้เห็นว่า พระองค์ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเป็นหนึ่งเดียว ด้วยคุณลักษณะการเป็นเอกกะของพระองค์ ทรงสถิตอยู่เหนือบัลลังค์ของพระองค์ เป็นการสถิตอยู่ ที่บริสุทธิ์จากการตั้งถิ่นฐานและการใกล้ชิด - อัลอิบานะฮ เล่ม 1 หน้า 113
...........
ท่านอิหม่ามอบูหะซันสรุปว่า อัลลอฮอยู่บนฟากฟ้า ทรงอิสติวาอฺ อยู่/สถิต เหนืออะรัชของพระองค์

Sunnah Core Salafussalah

หนังสืออิบานะฮ์ในปัจจุบันนั้น มีปัญหาเพราะแต่ละฉบับนั้นมีข้อความต่างกัน...

แต่เมื่ออาสัน อ้างมาแล้ว และพูดว่าท่านอะบุลหะซัน อัลอัชอะรีย์ เชื่อว่า อัลลอฮฺทรงอิสตะวา(แบบสถิต)เหนืออะรัช(บัลลังก์) ถือว่าเป็นการโกหกต่อสะลัฟและโกหกต่อท่านอะบุลหะซัน อัลอัชอะรีย์!

ท่านอิมาม อัลอัชอะรีย์ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัลอิบานะฮฺ ฟี อุซูล อัลดิยานะฮฺ ว่า

وأن الله تعالى استوى على العرش على الوجه الذي قاله وبالمعنى الذي أراده ، استواء منزها عن المماسة والاستقرار والتمكن والحلول والانتقال ، لا يحمله العرش بل العرش وحملته محمولون بلطف قدرته ، ومقهورون في قبضته ، وهو فوق العرش وفوق كل شئ إلى نجوم الثرى ، فوقية لا تزيده قربا إلى العرش والسماء

ความว่า “แท้จริง อัลเลาะฮฺ ตะอาลา ได้ทรง อิสตะวาอฺ เหนือบัลลังก์ บนหนทางที่พระองค์ได้กล่าวไว้ และด้วยความหมายที่พระองค์ทรงประสงค์(ไม่ใช่ตามที่วะฮ์ฮาบีจะเอา) โดยอิสติวาอฺที่ ปราศจาก การสัมผัส ปรากศจากการสถิต ปราศจากการมั่นคงอยู่ ปราศจากการเข้าไปอยู่ และปราศจากการเคลื่อนไหว โดยที่บัลลังก์นั้นไม่ได้แบกพระองค์เอาไว้ แต่ทว่าบัลลังก์และบรรดา(มะลาอิกะฮ์)ผู้ที่แบกมันไว้นั้น ได้ถูกแบกด้วยความเมตตาจากอานุภาพของพระองค์ และพวกเขาถูกควบคุมอยู่ในอำนาจของพระองค์ โดยที่พระองค์ทรงเหนือบัลลังก์และเหนือทุกๆ สิ่งจนกระทั้งดวงดาวษุรอยยา (การอยู่เหนือของพระองค์นั้น) เป็นการอยู่เหนือโดยไม่ทำให้พระองค์เพิ่มการใกล้ไปยังบังลังก์และฟากฟ้า” ดู หนังสือ อัลอิบานะฮฺ หน้า 21 ตีพิมพ์ ดาร อัลอันซอร ตะห์กีกโดย ดร. เฟากียะฮฺ หุซัยน์ มะฮฺมูด

พี่น้องสังเกตคำพูดของท่านอะบุลหะซัน ที่ว่า

“โดยอิสติวาอฺที่ ปราศจาก การสัมผัส ปรากศจากการสถิต”

ซึ่งชัดเจนแล้วว่า ท่านอบุลหะซัน ปฏิเสธการให้ความหมาย สถิต ดังนั้นอาสัน จึงโกหกในเดือนร่อมะฎอน นายไปกินน้ำไม่ดีกว่าหรือ อาสัน...

และจากคำพูดของท่านอะบุลหะซัน อัลอัชอะรีย์ ข้างต้นนี้ พอจะสรุปได้ดังนี้

1. อัลลอฮ์ทรงอิสติวาอฺตามที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้

2. ทรงอิสติวาอฺตามความหมายที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ หมายถึง มอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังพระองค์(แต่วะฮ์ฮาบีย์รู้ความหมายและเจาะจงความหมายที่ไม่บังควร

3. การอิสติวาอฺมิได้อยู่ในความหมายของ สถิต(แต่วะฮ์ฮาบีย์บอกว่า สถิต)

4. การอิสติวาอฺของพระองค์นั้น ไม่เคลื่อนไหว (แต่อะกีดะฮ์วะฮ์ฮาบีย์บอกว่าอัลลอฮ์เคลื่อนไหว

5. อัลลอฮ์ทรงเหนือบัลลังก์และเหนือทุกสิ่งที่ถูกสร้าง หมายถึงพระองค์ทรงเหนือทุกๆ สิ่งด้วยอำนาจการปกครองและสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจการบริหารของพระองค์ มิใช่หมายถึงอัลลอฮ์อยู่เหนือสุดบนทุกๆ สิ่งและทุกๆ สิ่งอยู่ใต้พระองค์

10
อาสัน หมัดอาดัม

มาดูสะลัฟ จริงๆเขากล่าว
1. อัดดาริมีย์(ฮ.ศ ) กล่าวว่า
وهو بنفسه على العرش بكماله كما وصف
และพระองค์ ด้วยพระองค์เอง อยู่บน อะรัช ด้วยความสมบูรณ์ของพระองค์ ดังสิ่งที่ทรง พรรณนาคุณลักษณะไว้ - الرد على الجهميةอัรรอด อะลัล ญะฮมียะฮ ของอัดดาริมีย์ หน้า 44

Sunnah Core Salafussalah

เรามาดูสะลัฟของวะฮ์ฮาบีย์ที่เกี่ยวกับเรื่องซีฟาตของอัลลอฮ์กัน

อัดดาริมีย์ ที่อาสันก็อบอ้างอิงมานั้น คือ อุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ ซึ่งเป็นคนละคนกับ ท่านอัลฮาฟิซฺ อะบู อับดิลลาฮ์ อัสสะมัรก็อนดีย์ อัดดาริมีย์ ที่เป็นเจ้าของหนังสือสุนันอัดดาริมีย์และเป็นปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์

อนึ่ง อุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ นี้ คำนึงถึงตำราของเขา นับว่าเป็นพวกเลยเถิดในเรื่องซีฟาตของอัลลอฮ์และไม่ได้ดำรงอยู่ตามมันฮัจญฺ(แนวทาง)ของสะละศอลิห์ผู้มีคุณธรรมทั่วไป

ท่านอิหม่าม อัซซะฮะบีย์ (ร.ฮ.) ได้กล่าวยืนยันเกี่ยวกับอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ ไว้ว่า

وفي كتابه بحوث عجيبة مع المريسي يبالغ فيها في الإثبات والسكوت عنها أشبه بمنهح السلف في القديم والحديث

“ในหนังสือของเขา(คืออุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์) มีบทวิเคราะห์ที่แปลกประหลาด(ในการโต้ตอบ)กับอัลมะรีซีย์ ในลักษณะที่เขา(คืออุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์) เลยเถิดในการยืนยัน(ซีฟาตของอัลลอฮ์) ทั้งที่นิ่งจากมัน ย่อมเหมือนกับแนวทางของสะลัฟทั้งในอดีตและปัจจุบันยิ่งกว่า” หนังสืออัลอุลู้ว หน้า 486

นี่คือการยืนยันของท่านอัซซะฮะบีย์ ว่า อุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ นั้น เลยเถิดออกจากแนวทางของสะละฟุศศอลิห์ ก็เหมือนกับวะฮ์ฮาบีย์นั่นแหละ ที่อ้างว่าสะลัฟ แต่มันฮัจญฺ(แนวทาง)เลยเถิดและเตลิดออกจากสะละฟุศศอลิห์ในด้านของซีฟาต...

ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวเกี่ยวกับการเพิ่มเสริมแต่งคำว่า بذاته บิซาติฮี "(อิสตะวาเหนือบัลลังก์)ด้วยซาตของพระองค์เอง" ของอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์และญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ว่า และท่านอื่นๆ ว่า

وبلا ريب أن فضول الكلام تركه من حسن الإسلام

"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำพูดที่ไร้สาระ(คือการเพิ่มคำว่า ด้วยซาตของพระองค์)นั้น  การละทิ้งมันย่อมเป็นความสวยงามของอัลอิสลาม" อัลอุลู้ว 236

อาสัน หมัดอาดัม

2. อบูญะฟัร บิน อบีชัยบะฮ( ฮ.ศ 297)
فهو فوق السماوات وفوق العرش بذاته متخلصا من خلقه بائنا منهم،
แล้วพระองค์ อยู่บน ฟากฟ้า และอยู่เหนืออะรัช ด้วยตัวตนของพระองค์ เป็นอิสระจากมัคลูคของพระองค์ โดยแยกจากพวกเขา -(2)
.............
(2) العرش وما رُوي فيه لأبي جعفر محمد بن أبي شيبة (ص291-292)
....................................

Sunnah Core Salafussalah

อาสัน อ้างหลักอะกีดะฮ์โดยเก็บมาจากเว็บวะฮ์ฮาบีย์ และอ้างอิงของสะลัฟตามทัศนะของพวกเขา คืออบู ญะฟัร มุฮัมมัด บิน อุษมาน อิบ อะบีชัยบะฮ์

ซึ่งอบู ญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ สะลัฟของวะฮ์ฮาบีย์นี้ นักปราชญ์หะดีษบอกว่า อบู ญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ เป็น “จอมโกหก”

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ได้กล่าวถึง อะบู ญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ว่า

وأما عبد الله بن أحمد بن حنبل فقال: كذاب. وقال ابن خراش: كان يضع الحديث

“สำหรับอับดุลลอฮ์ บุตร อะห์มัด บิน หัมบัล ได้กล่าว(ถึงอะบูญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์)ว่า เขานั้นจอมโกหก และท่านอิบนุ ค็อรร็อส กล่าวว่า เขานั้นชอบกุหะดีษ” ลิซาน อัลมีซาน 2/434

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ได้กล่าวต่อไปอีกตอนหนึ่งว่า

ومن الطائفة التي حكى ابن عقدة عنهم أنهم كذبوا محمداً: جعفر الطيالسي وعبد الله بن إبراهيم بن قتيبة وجعفر بن هذيل ومحمد بن أحمد العدوي

“และกลุ่มหนึ่ง(จากปราชญ์หะดีษ)ที่ท่านอิบนุอุกดะฮ์ ได้รายงานจากพวกเขาว่า แท้จริงพวกเขานั้นได้ยืนยันว่า(อบูญะฟัร)มุฮัมมัด(บิน อุษมาน อิบ อะบีชัยบะฮ์)เป็นคนโกหก (ซึ่งปราชญ์หะดีษที่ได้ยืนยันเช่นนั้นคือ) ท่านญะฟัร อัฏฏ่อยาลิซีย์, ท่านอับดุลลอฮ์ บิน อิบรอฮีม บิน กุนัยบะฮ์, ท่านญะฟัร บิน ฮุซัยล์, ท่านมุฮัมมัด บิน อะห์มัด อัลอะดะวีย์” ลิซาน อัลมีซาน 2/434

ท่านอัลฮาฟิซฺ อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวว่า

وأما عبدالله بن أحمد بن حنبل فقال: كذاب وقال ابن خراش: كان يضع الحديث...وقال البرقانى: لم أزل أسمعهم يذكرون أنه مقدوح فيه.

“สำหรับอับดุลลอฮ์ บุตร อิหม่ามอะห์มัด บิน หัมบัล ได้กล่าวว่า เขานั้นจอมโกหก และท่านอิบนุ ค็อรร็อช กล่าวว่า เขานั้นกุหะดีษ...และท่านอัลบัรกอนีย์กล่าวว่า ฉันยังคงได้ยินพวกเขา(นักปราชญ์หะดีษ)กล่าวว่า  เขานั้นถูกตำหนิ”ลิซาน อัลมีซาน 3/642-643

ท่านอัลฮาฟิซฺ อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวว่า

وقال ابن عقدة: سمعت عبد الله بن أسامة الكلبي وإبراهيم بن إسحاق الصواف وداود بن يحيى يقولون: محمد بن عثمان كذاب زادنا داود: قد وضع أشياء على قوم ما حدثوا بها قط

“ท่านอิบนุ อุกดะฮ์ ได้กล่าวว่า  ฉันได้ยิน อับดุลลอฮ์ บิน อุซามะฮ์ อัลกัลป์บีย์, และฉันได้ยินอิบรอฮีม บิน อิสหาก อัศเศาว๊าฟ, และฉันได้ยิน ดาวูด บิน ยะห์ยา กล่าวว่า  มุฮัมมัด บิน อุษมานนั้น จอมโกหก  และท่านดาวูด ได้เพิ่มเติมแก่เราว่า  มุฮัมมัด บิน อุษมานนั้น  ได้กุสิ่งต่างๆ แก่ชนกลุ่มหนึ่ง  ซึ่งสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพูดเลย” ลิซาน อัลมีซาน 3/643

ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวเกี่ยวกับการเพิ่มเสริมแต่งคำว่า بذاته บิซาติฮี "(อิสตะวาเหนือบัลลังก์)ด้วยซาตของพระองค์เอง" ของอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์และญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ว่า และท่านอื่นๆ ว่า

وبلا ريب أن فضول الكلام تركه من حسن الإسلام

"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำพูดที่ไร้สาระ(คือการเพิ่มคำว่า ด้วยซาตของพระองค์)นั้น  การละทิ้งมันย่อมเป็นความสวยงามของอัลอิสลาม" อัลอุลู้ว 236

11
อาสัน หมัดอาดัม

คำว่า (القهار) อำนาจปกครอง อัลกุรอ่านระบุไว้แล้วใน อัลอัสมาอฺ อัลหุสนา
ส่วนที่ Sunnah Core Salafussalah
ซึ่งการมีอำนาจปกครองตรงนี้ ไม่ต้องไปพิชิตหรือต่อสู้กับผู้ใด! นี่คือความหมายที่สะลัฟบางส่วนได้ให้เอาไว้ เราก็เลือกความหมายอำนาจปกครองที่ไม่ต้องพิชิตแย่งชิง นี้คือ การชงเองเออเอง ของคุณซุนนะฮคอร์

Sunnah Core Salafussalah

ปราชญ์ตามหลักภาษาอาหรับได้ยืนยันไว้ว่า อัลอิสติวาอฺ ก็มีควาหมาย คำว่า (القهار) “อำนาจปกครอง” ซึ่งเป็นอำนาจปกครองที่ไม่ต้องไปแย่งชิงผู้ใด ดังนั้นการให้ความหมายเช่นนี้ ก็ไปสอดคล้องกับอัลกุรอานและพระนามของอัลลอฮ์ ที่อัลลอฮ์ ได้ระบุไว้เอาไว้เกี่ยวกับประณาม (القهار) “อำนาจปกครอง”

ส่วนวะฮ์ฮาบีย์บอกว่า อิสติวาอฺ คืออัลลอฮ์ให้ความหมาย สถิต นั่ง บนบัลลังก์นั้น ไม่มีตัวบทอัลกุรอานและซุนนะฮ์ใดมายืนยันสนับสนุนเลยว่า อัลลอฮ์มีซีฟัตสถิตและซีฟัตนั่ง(บนบัลลังก์)...แต่หากไปดูคัมภีร์เตาร็อตที่พวกยิวบิดเบือน...ก็มีอย่างแน่นอน...

12
อาสัน หมัดอาดัม

อิบนุอัลมุบารอ็ก (ฮ.ศ.181) กล่าว เมื่อมีผู้ถามว่า เราจะรู้จักพระเจ้าของเราได้อย่างไร เขาตอบว่า “ بأنه فوق السماء السابعة على العرش، بائن من خلقه
เพราะแท้จริงพระองค์ อยู่เหนือฟากฟ้าทั้งเจ็ด บน อะรัช แยกจาก มัคลูคของพระองค์ – (1)

Sunnah Core Salafussalah

สายรายงานนี้ ฎออีฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ....เพราะมี อัลหะซัน บิน อัศศ็อบบาห์ ท่านอันนะซาอีย์บอกว่า เขานั้นไม่มีน้ำหนัก และสายรายงานก็ญังมี อิบนุ ชะกี๊ก ซึ่งปราชญ์หะดีษกล่าวกันว่าเขานั้นเป็นพวก มุรญิอะฮ์...

อาสัน หมัดอาดัม

อิบนุอัลมุบารอ็ก (ฮ.ศ.181) กล่าว เมื่อมีผู้ถามว่า เราจะรู้จักพระเจ้าของเราได้อย่างไร เขาตอบว่า “ بأنه فوق السماء السابعة على العرش، بائن من خلقه
เพราะแท้จริงพระองค์ อยู่เหนือฟากฟ้าทั้งเจ็ด บน อะรัช แยกจาก มัคลูคของพระองค์ – (1)

Sunnah Core Salafussalah

สายรายงานนี้ ฎออีฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ....เพราะมี อัลหะซัน บิน อัศศ็อบบาห์ (الحسن بن الصباح) ท่านอันนะซาอีย์บอกว่า เขานั้นไม่มีน้ำหนัก และสายรายงานก็ญังมี อิบนุ ชะกี๊ก (ابن شقيق) ซึ่งปราชญ์หะดีษกล่าวกันว่าเขานั้นเป็นพวก มุรญิอะฮ์...

อาสัน หมัดอาดัม

เท่าที่สนทนากันมา ไม่มีคำพูดของอิหม่ามอบูหะซัน อะชาอิเราะฮแท้ มาอ้างเป็นหลักฐานแม้แต่อักษรเดียว-

Sunnah Core Salafussalah

อาสัน ที่นายพูดแบบนี้ เพราะนายมีนิสัยไม่ยอมอ่านการนำเสนอของผู้เสวนา...นายก็เลยเสวนาแบบฟิตนะฮ์และหมดสภาพแบบนี้...

13
อาสัน หมัดอาดัม

และท่านอิบนุอับดุลบีรกล่าวต่อไปว่า
والاستواء معلوم في اللغة ومفهوم وهو العلو والارتفاع على الشيء والاستقرار والتمكن فيه قال أبو عبيدة في قوله تعالى: {اسْتَوَى} قال علا قال وتقول العرب استويت فوق الدابة
และอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กันในหลักภาษา และเป็นที่เข้าใจกัน คือ สูง ,ขึ้น บน สิ่งนั้น ,การสถิต และ การดำรงอยู่ ในมัน
อบูอุบัยดะฮ กล่าวในคำตรัสของอัลลอฮ ตะอาลาที่ว่า (อิสตะวา) เขากล่าวว่า “อยู่สูง ,เขากล่าวว่า “และอาหรับกล่าวว่า “ฉันอิสติวาอ์ บน สัตว์พาหนะ – ตำราระบุแล้วข้างต้น

Sunnah Core Salafussalah

การให้ความหมาย สถิต นั้น เป็นการให้ความหมายที่สะลัฟปฏิเสธ ท่านอะบูหะนีฟะฮ์ ปราชญ์ระดับแนวหน้าของสะลัฟ ได้กล่าวปฏิเสธ การให้ความหมาย สถิต ว่า

ท่านอบูหะนีฟะฮฺ ยังกล่าวอีกเช่นกันว่า....

"ونقر بأن الله سبحانه وتعالى على العرش استوى من غير أن يكون له حاجة إليه واستقرار عليه، وهو حافظ العرش وغير العرش من غير احتياج، فلو كان محتاجا لما قدر على إيجاد العالم وتدبيره كالمخلوقين، ولو كان محتاجا إلى الجلوس والقرار فقبل خلق العرش أين كان الله، تعالى الله عن ذلك علوا كبيرا"

"เรายอมรับว่า แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงเหนืออะรัช โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิตอยู่บนมัน พระองค์ทรงปกปรักรักษาอะรัชโดยที่ไม่ต้องการมัน ดังนั้น หากพระองค์มีความต้องการ แน่นอนพระองค์ก็ไม่มีความสามารถสร้างโลกและบริหารมันได้ โดยที่เหมือนกับบรรดามัคโลค และถ้าหากพระองค์ทรงต้องการไปยังการนั่งและสถิต(อยู่บนอะรัช) ดังนั้นก่อนที่พระองค์ทรงสร้างอะรัช พระองค์อยู่ใหน ? ? อัลเลาะฮฺทรงปราศจากจากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่" ดู กิตาบ วะซียะฮ์ ของอบูหะนีฟะฮ์ หน้า 2

พี่น้องสังเกต คำพูดของท่านอบูหะนีฟะฮ์ที่ว่า “เรายอมรับว่า แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงเหนืออะรัช โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิตอยู่บนมัน”

ชัดเจนครับว่า อัลลอฮ์ทรงอิสติวาอฺเหนืออะรัชโดยไม่ได้สถิต!

และท่านอัซซะฮะบีย์ (ร.ฮ.) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลอุลู้ว ของท่านว่า

لا يعجبني قوله استقر بل أقول كما قال مالك الإمام الإستواء معلوم

“ไม่ประทับใจแก่ฉันเลย คำกล่าวที่ว่า สถิต(บนบัลลังก์) แต่ฉันจะกล่าวเหมือนกับสิ่งที่อิหม่ามมาลิก ได้กล่าวว่า อัลอิสติวาอฺ เป็นที่รู้กันดี(ว่าได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน)”

คำพูดของท่านอัซซะฮะบีย์นี้ บ่งชี้ชัดเจนว่า ท่านอิหม่ามมาลิกเอง ก็ไม่ได้ให้ความหมายอัลอิสิตวาอฺว่า สถิต ตามที่วะฮ์ฮาบีเชื่อ...!

14
อาสัน หมัดอาดัม

อิหม่ามอัฏฏอ็บรีย์ อธิบายว่า
وَقَوْلُهُ : ( وَإِنِّي لَأَظُنُّهُ كَاذِبًا ) يَقُولُ : وَإِنِّي لِأَظُنُّ مُوسَى كَاذِبًا فِيمَا يَقُولُ وَيَدَّعِي مِنْ أَنَّ لَهُ فِي السَّمَاءِ رَبًّا أَرْسَلَهُ إِلَيْنَا
คำตรัสของพระองค์ที่ว่า( และแท้จริง ฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก) เขากล่าวว่า หมายถึง แท้จริง ข้าแน่ใจแล้วว่า มูซาโกหกในสิ่งที่เขาพูด และเขาอ้างว่า แท้จริง เขามีพระเจ้าอยู่บนฟากฟ้า ,พระองค์ส่งเขามายังเรา” – ดูตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะฮฆอฟีร อายะฮที่ 36-37
อิบนุ อบิลอิซซฺ กล่าวว่า “พวกญะฮฺมียะฮฺที่ปฏิเสธการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาต(อาตมัน)ของอัลลอฮนั้น แท้จริงแล้วพวกเขาคือผู้ปฏิบัติตามฟิรเอานฺ ส่วนผู้ที่ยืนยัน(เชื่อ)ในการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาตของอัลลอฮนั้น พวกเขาคือผู้เจริญรอยตามท่านนบีมูสาและเป็นผู้ปฏิบัติตามท่านนบีมุหัมมัด”- ชัรหฺ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ 2/441
…………………………..
เพราะฉะนั้น ผมไม่มีอะไรจะกล่าว นอกจาก ขอแนะนำว่า “คุณ Sunnah Core Salafussalah จงเตาบะฮกลับตัวเสีย ที่มีความเชื่อ แบบฟิรเอานฺ คงเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ได้ และหยุดสอนศิษย์สักพัก เพื่อทบทวนตัวเองเสียใหม่

ยังมีตอนต่อไปครับท่าน....อย่าลืมกอ็ปของอารีฟีนมาให้หมดนะท่านคอร์ เดือนเราะมะฏอนนี้ ผมเต็มที่ครับ เพื่ออัลลอฮ

Sunnah Core Salafussalah

วิจารณ์สิ่งที่วะฮาบีย์เข้าใจจากสูเราะฮฺฆอฟิร 40 : 36-37 นี้

1. วะฮาบีย์อ้างว่า นบีมูซาพูดว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า (ทั้งที่ไม่มีตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษใดมาระบุเลยว่านบีมูซาพูด)

2. แต่วะฮาบีย์ได้อ้างว่า ฟิรอูนได้เข้าใจว่านบีมูซาบอกว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า

3. ทั้งที่ท่านนบีมูซาไม่เคยพูดเลยว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า แต่วะฮาบีย์อ้างว่านบีมูซาพูดว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า เพราะยึดถือตามความเข้าใจหรือการบอกเล่าของฟิรอูนอีกทอดหนึ่งจากคำพูดของนบีมูซาว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า

4. พอฟิรอูนขึ้นไปบนหอคอยอันสูงตระหง่าน ฟิรอูนก็ไม่เห็นอัลเลาะฮ์เลย แล้วกล่าวว่า "ฉันเข้าใจว่ามูซาเป็นคนโกหกเสียแล้ว" วะฮาบีย์เลยฟันธงว่า ฟิรอูนได้ปฏิเสธคำพูดของนบีมูซาที่ว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า

สรุปคือวะฮาบีย์ได้เปลี่ยนเอาความเท็จมาเป็นสัจธรรม โดยเข้าใจว่าฟิรอูนได้ยินนบีมูซาพูดว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า แล้ววะฮาบีย์ก็ยึดการรายงานบอกเล่าหรือความเข้าใจของฟิรอูน มาตัดสินว่านบีมูซาได้กล่าวว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า เราขอถามสักนิดเถอะว่า การได้ยินฮะดิษ(คำพูด)ของท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลาม ซึ่งได้ทำการถ่ายทอดหรือรายงาน(ริวายะฮ์)โดยคนกาเฟรอย่างฟิรอูนนั้น มีความเชื่อถือ(ษิเกาะฮ์)หรือไม่? และถ้าหากมีคนโกหกหรือนักกุฮะดิษได้รายงานคำพูดของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้นพวกท่านจะเชื่อหรือไม่? แล้วเหตุใดวะฮาบีย์ถึงยอมรับความเข้าใจและการรายงานของฟิรอูนจากท่านนบีมูซา อะลัยอิสลาม อย่างสโรราบและด้วยความยินดี?! หรือว่าฟิรอูนผู้กุฟุรที่สุดในแผ่นดินกลายเป็นคนรายงานที่ษิเกาะฮ์(เชื่อถือได้)ในเรื่องอะกีดะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์เสียแล้ว?!

ความเข้าใจและสาเหตุการกระทำของฟิรอูน

1. ฟิรอูนเข้าใจว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ซึ่งสามารถขึ้นไปถึงได้โดยสร้างหอคอยอันสูงตระหง่านส่งขึ้นไปโดยไม่พ้นชั้นบรรยากาศของโลก

2. การที่ฟิรอูนได้ใช้ให้สร้างหอคอยสูงขึ้นไปบนฟ้านั้น เพราะมีเป้าหมาย นั่นก็คือเพื่อจะได้เห็นอัลเลาะฮ์

3. ในตัวบทอัลกุรอานได้ระบุให้เราทราบว่า ฟิรอูนนั้นเข้าใจและเชื่อว่าสามารถขึ้นไปหาอัลเลาะฮ์ได้

4. เมื่อฟิรอูนไม่เห็นว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟากฟ้า , ไม่สามารถเห็นอัลเลาะฮ์ได้ , และไม่สามารถขึ้นไปหาอัลเลาะฮ์ได้นั้น ฟิรอูนจึงคิดในแง่ลบกับนบีมูซาทันทีแล้วกล่าวว่า وَإِنِّي لأظُنُّهُ كَاذِبًا "ฉันเข้าใจว่าเขานั้นเป็นผู้โกหก"

ผลลัพธ์ที่ได้รับจากข้างต้น คือ :

1. หากเราเชื่อตามความเข้าใจของฟิรอูนที่ได้ยินมาจากท่านนบีมูซา ก็แสดงว่าท่านนบีมูซานั้น บอกฟิรอูนว่า อัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าชั้นไม่ไกล , สามารถขึ้นไปหาอัลเลาะฮ์ได้ , และสามารถขึ้นไปเห็นอัลเลาะฮ์ได้ ซึ่งเราขอตอบว่า ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลาม ไม่ได้พูดอย่างนั้นแน่นอน แต่ฟิรอูนมันเชื่อของมันเองและคิดไปเองว่า อัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า ขึ้นไปเห็นอัลเลาะฮ์ได้ต่างหาก!

2. เมื่อฟิรอูนไม่มีความษิเกาะฮ์(ไม่มีความเชื่อถือ)ในการเข้าใจหรือรายงานคำพูดของนบีมูซา เราก็จะไปแอบอ้างบอกว่านบีมูซาพูดไม่ได้ ดังนั้นเมื่อนบีมูซาไม่ได้พูด แน่นอนว่าฟิรอูนเชื่อและความเข้าใจไปเองต่างหากที่ว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ ซึ่งความเชื่อและความเข้าใจของฟิรอูนนี้ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานไม่ได้

สรุปก็คือ

การที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีสถานแบบเฉพาะที่นั่งสถิตอยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ในเชิงรูปธรรมเองนั้น ถือว่าเป็นอะกีดะฮ์ของฟิรอูนที่ถูกสาปแช่งนั่นเองครับ...

15
อาสัน หมัดอาดัม

อิบนุ อบิลอิซซฺ กล่าวว่า “พวกญะฮฺมียะฮฺที่ปฏิเสธการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาต(อาตมัน)ของอัลลอฮนั้น แท้จริงแล้วพวกเขาคือผู้ปฏิบัติตามฟิรเอานฺ ส่วนผู้ที่ยืนยัน(เชื่อ)ในการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาตของอัลลอฮนั้น พวกเขาคือผู้เจริญรอยตามท่านนบีมูสาและเป็นผู้ปฏิบัติตามท่านนบีมุหัมมัด”- ชัรหฺ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ 2/441

Sunnah Core Salafussalah

อิบนุ อะบิลอิซซฺ ไม่ใช่สะลัฟครับ แต่เป็นค่อลัฟ เกิด ปี ฮ.ศ. 731

ท่านอิมามอะลี อัลกอรีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรห์ อัลฟิกฮุลอักบัร ความว่า

وَالْحَاصِلُ أَنَّ الشَّارِحَ يَقُوْلُ بِعُلُوِّ الْمَكَانِ مَعَ نَفْيِ التَّشْبِيْهِ وَتَبِعَ فِيْهِ طَائِفَةٌ مِنْ أَهْلِ الْبِدْعَةِ

"สรุปว่า แท้จริงผู้ที่อธิบาย(หนังสืออะกีดะฮ์อัฏเฏาะฮาวียะฮ์)ได้กล่าวว่า (อัลเลาะฮ์) มีสถานที่อยู่สูงพร้อมกับปฏิเสธการคล้ายคลึง(กับมัคโลค) และได้ตามใน(คำกล่าวของเขานี) โดยกลุ่มหนึ่งจากพวกบิดอะฮ์(ปัจจุบันคือพวกวะฮ์ฮาบีตามทัศนะของอิหม่ามอะลี อัลกอรีย์)" ดู หน้า 182

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวถึงท่านอิบนุ อะบิลอิซซฺ ความว่า

وَأَنَّ الْعُلَمَاءَ بِالدِّيَارِ الْمِصْرِيَّةِ خُصُوْصاً أَهْلَ مَذْهَبِهِ مِنَ الْحَنَفِيَّةِ أَنْكَرُوْا ذَلِكَ عَلَيْهِ

"แท้จริงบรรดาปราชญ์แห่งเมืองมิสร์(อียิปต์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราชญ์ที่อยู่ในมัซฮับของเขาจากปวงปราชญ์ฮะนะฟีย์ ได้ทำการตำหนิเขาในสิ่งดังกล่าว(เรื่องการมะซูมของท่านนบี)" หนังสืออิมบาอุลฆุมุร ของท่านอิบนุฮะญัร 2/96

และส่วนหนึ่งจากอุลามาอ์มัซฮับฮัมบาลีย์ ได้ทำการตำหนิท่านอิบนุ อิบิลอิซซฺ ด้วย เช่น "ท่านซัยนุดดีน อิบนุ ร่อญับ , ท่านตะกียุดดีน อิบนุ มุฟลิหฺ , และน้องชายของท่านอิบนุมุฟลิห์..." หนังสืออิมบาอุลฆุมุร ของท่านอิบนุฮะญัร 2/96

หน้า: [1] 2 3 ... 13