แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - มุคลิศ

หน้า: [1] 2 3 ... 11
1

เวลาอ่านกุนูตซุบฮ์  อย่าลืมเพิ่มดุอาแก่พี่น้องปาเลสไตน์ด้วยน่ะครับ

2

เวลาอ่านกุนูตซุบฮ์  อย่าลืมเพิ่มดุอาแก่พี่น้องปาเลสไตน์ด้วยน่ะครับ

3

เวลาอ่านกุนูตซุบฮ์  อย่าลืมเพิ่มดุอาแก่พี่น้องปาเลสไตน์ด้วยน่ะครับ

4
 salam

นึกถึงอาจารย์  กันล่ะซิครับเนี่ย

5
ใช่ประณามยามพี่น้องต่างพวกตน

ท่านก็คนคุณคนระคนเอย

6
อัสลามุอะลัยกุม

ประเด็นนี้ต้องกลับไปดูคำฟัตวาของอุลามาอฺที่โลกอิสลามทั้งหมดให้การยอมรับ  ไม่ใช่บางกลุ่มให้การยอมรับ

7
อัสลามุอะลัยกุ้มครับท่านพี่น้อง

เป็นที่ทราบกันดีว่า  มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  เกิดที่เมืองนัจด์ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของนครมะดีนะฮ์และเป็นแห่งเกิดเนิดของแนวทางวะฮาบีปัจจุบันที่ยึดครองมักกะฮ์และมะดีนะฮ์อยู่ในขณะนี้  ด้วยการฟิตนะฮ์ฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมแล้วทำการสงครามรบราฆ่าฟันพี่น้องมุสลิมในยุคนั้นดังที่ประวัติศาสตร์ได้ยืนยันเอาไว้  แต่ฟิตนะฮ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ วะฮาบีจะฮุกุ่มแนวทางอื่นเป็นกาเฟรบ้าง  ฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมเป็นพวกลุ่มหลงบ้าง  ผมคิดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากมาแห่งกำเนิดที่ฟิตนะฮ์  แล้วหลักการจึงเป็นฟิตนะฮ์ต่อพี่น้องมุสลิมด้วย  ซึ่งแห่งกำเนิดฟิตนะฮ์ของวะฮาบีนี้  ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ยืนยันรับรองไว้อย่างมิต้องสงสัย  ซึ่งผมจะนำเสนอรายละเอียดดังต่อไปนี้

บังอัซฮะรีกล่าวว่า

ตราบใดที่ชีอะฮ์ยึดประวัติศาสตร์มาอ้างโดยลักษณะที่ขัดแย้งกับตัวบทของอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ผมไม่ขอเชื่ออย่างเด็ดเขาฉันท์ใด  แน่นอนจากบทนำประวัติกำเนิดวะฮาบีย์นี้ผมก็ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดฉันท์นั้น  เพราะประวัติบทนำกำเนิดวะฮาบีย์นี้  มันขัดแย้งกับซุนนะฮ์นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และเป็นการกล่าวมุสาต่อซุนนะฮ์นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นหากเราเชื่อต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เราก็ห้ามเชื่อบทนำประวัติกำเหนิดวะฮาบีย์อันนี้  เพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้สาบานต่ออัลเลาะฮ์ในการปฏิเสธเนื้อหาประวัติอันนี้ไว้ตั้งแต่ 1400 ปีมาแล้ว   

รายงานจากอุกบะฮ์ บิน อามีร  เขากล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 وَإِنِّي قَدْ أُعْطِيتُ خَزَائِنَ مَفَاتِيحِ الْأَرْضِ وَإِنِّي وَاللَّهِ مَا أَخَافُ بَعْدِي أَنْ تُشْرِكُوا وَلَكِنْ أَخَافُ أَنْ تَنَافَسُوا فِيهَا

"แท้จริงบรรดาคลังกุญแจแห่งแผ่นดินได้ถูกมอบให้แก่ฉัน และแท้จริงฉันขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ว่า  หลังจากที่ฉันเสียชีวิตไปแล้ว ฉันไม่กลัวว่าพวกท่านจะทำชิริก  แต่ทว่าฉันกลัวว่าพวกท่านจะแข่งขันกันชิงดีชิงเด่นบนผืนแผ่นดิน" รายงานโดยบุคอรีย์ (3329)

รายงานจากท่านญาบิร  เขากล่าวว่า
 
سَمِعْتُ النَّبِيَّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَقُولُ ‏ ‏ إِنَّ الشَّيْطَانَ قَدْ أَيِسَ أَنْ يَعْبُدَهُ الْمُصَلُّونَ فِي ‏ ‏جَزِيرَةِ الْعَرَبِ ‏ ‏وَلَكِنْ فِي ‏ ‏التَّحْرِيشِ ‏ ‏بَيْنَهُمْ

"ฉันได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  แท้จริงชัยฏอนนั้นได้สิ้นหวังให้บรรดาผู้ทำการละหมาด(คือบรรดามุสลิมีน) ทำการกราบไหว้มัน(คือทำชิริก)ในคาบสมุทรอาหรับ  แต่มันพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างพวกเขา" รายงานโดยมุสลิม (5030)

ท่านอิมามอันนะวาวีย์อธิบายว่า

وَمَعْنَاهُ : أَيِس أَنْ يَعْبُدهُ أَهْل جَزِيرَة الْعَرَب , وَلَكِنَّهُ سَعَى فِي التَّحْرِيش بَيْنهمْ بِالْخُصُومَاتِ وَالشَّحْنَاء وَالْحُرُوب وَالْفِتَن وَنَحْوهَا

"ความหมายของฮะดิษ  คือ  ชัยฏอนสิ้นหวังแล้วที่ชาวคาบสมุทรอาหรับจากทำการกราบไว้(หมายถึงทำชิริก)ต่อชัยฏอน  แต่ทว่ามันทำยุยงให้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาให้มีการถกเถียงขัดแย้งกัน  มีความรังเกียจ  มีการรบฆ่าฟัน  มีการสร้างฟิตนะฮ์กล่าวหาผู้อื่น เป็นต้น" หนังสือชัรห์ซอฮิห์มุสลิม

อ้างอิงจาก อีกมุมมองจุดกำเหนิดวะฮาบีย์ตามนัยยะซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)

ดังนั้นท่านนบี(ซ.ล.)ได้ยืนยันไว้แล้วว่าในคาบสมุทอาหรับไม่มีชิริกใหญ่  ชัยฏอนมันจะยุยงให้คาบสมุทรอาหรับ  รบราฆ่าฟัน และสร้างฟิตนะฮ์ต่อกัน  ซึ่งเมืองนัจด์แหล่งกำเนิดของวะฮาบีย์  ก็อยู่ในกลุ่มฟิตนะฮ์ที่ซุนนะฮ์ได้รับรองไว้  ดังหลักฐานซุนนะฮ์ที่ซอเฮี๊ยะห์ดังต่อไปนี้

ท่านอิบนุอุมัร  รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  รายงานว่า

‏ذكر النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ " ‏اللهم بارك لنا في ‏ ‏شأمنا ‏ ‏اللهم بارك لنا في ‏ ‏يمننا "‏ ‏قالوا يا رسول الله وفي ‏ ‏نجدنا؟. ‏قال : "اللهم بارك لنا في ‏ ‏شأمنا ‏ ‏اللهم بارك لنا في ‏ ‏يمننا". ‏ ‏قالوا " يا رسول الله وفي ‏ ‏نجدنا ‏؟ ‏فأظنه قال في الثالثة " هناك الزلازل والفتن وبها يطلع قرن الشيطان

"ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า  "โอ้ข้าแด่อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเมืองชามของเราด้วยเถิด  โอ้ข้าแด่อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเมืองเยเมนของเราด้วยเถิด"  เหล่าซอฮาบะฮ์ถามว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  แล้วในเมืองนัจด์ของเราล่ะ?  ท่านร่อซูลจึงกล่าวว่า  "โอ้ข้าแด่อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเมืองชามของเราด้วยเถิด  โอ้ข้าแด่อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเมืองเยเมนของเราด้วยเถิด"  เหล่าซอฮาบะฮ์ถามว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  แล้วในเมืองนัจด์ของเราล่ะ? ดังนั้นฉันคิดว่าในครั้งที่สามท่านร่อซูลุลลอฮ์จึงกล่าวว่า "ที่นั่น(คือที่เมืองนัจด์)มีแผ่นดินไหว  มีบรรดาฟิตนะฮ์  และเขาของชัยฏอนได้ขึ้นที่นั่น"  รายงานโดยท่านอิมามบุคอรี

เป็นที่ทราบกันดีว่า เมืองนัจด์นั้น  คืออยู่ในคาบสมุทอาหรับ  ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของกลุ่มวะฮาบีย์และมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ

คณะกรรมการฟัตวาถาวรแห่งซาอุ ได้ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าอย่างไม่รู้ตัว  คณะกรรมการฟัตวาแห่งซาอุฯกล่าวว่า

قيل يعني نجد مسكن ربيعة ومضر وهي مشرق لقوله في حديث إبن عمر حين قال صلي الله عليه وسلم ‏قال : "اللهم بارك لنا في ‏ ‏شأمنا ‏ ‏اللهم بارك لنا في ‏ ‏يمننا". ‏ ‏قالوا وفي ‏ ‏نجدنا ‏؟ يا رسول الله قال هناك الزلازل والفتن وبها يطلع قرن الشيطان

"บ้างกล่าวว่า  ความหมายของฮะดิษนั้นหมายถึง เมืองนัจด์ที่เป็นสถานที่อยู่ของเผ่ารอบีอะฮ์และมุฎร์  ซึ่งอยู่ทางตะวันออก  เพราะท่านร่อซูลุลอฮ์ได้กล่าวไว้ในฮะดิษของท่านอิบนุอุมัร  ในขณะที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า  "โอ้ข้าแด่อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเมืองชามของเราด้วยเถิด  โอ้ข้าแด่อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเมืองเยเมนของเราด้วยเถิด"  เหล่าซอฮาบะฮ์ถามว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  แล้วในเมืองนัจด์ของเราล่ะ?  ท่านร่อซูลจึงกล่าวว่า "ที่นั่น(คือที่เมืองนัจด์มีแผ่นดินไหว  มีบรรดาฟิตนะฮ์  และเขาของชัยฏอนได้ขึ้นที่นั่น"

แล้วคณะกรรมการฟัตตาได้กล่าวสรุปว่า

والظاهر أن الحديث يعم جميع المشرق الأدني والأقصي والأوسط ومن ذلك فتنة مسيلمة وفتنة المرتدين من ربيعة ومضر وغيرهما من جزيرة العرب

"ที่ปรากฏให้เห็นคือ  แท้จริงฮะดิษนี้ได้ครอบคลุมทั้งหมดทิศตะวันออกที่ใกล้สุด  ไกลสุด  หรือกลาง(คือเมืองนัจด์ด้วย)   และส่วนหนึ่งสิ่งดังกล่าวคือ  ฟิตนะฮ์ของมุซัยละมะฮ์(ที่อ้างตนเป็นนบี) และฟิตนะฮ์ของพวกตกมัรตัดจากเผ่ารอบีอะฮ์  มุฎร์ และอื่น ๆ จากทั้งสอง  ที่มาจากแถบคาบสมุทรอาหรับ"  จากหนังสือฟะตาวา อัลลัจญฺนะฮ์อัดดาอิมะฮ์ ลิลบุฮูษิลอิลมียะฮ์ วัลอิฟตาอฺ  เล่มที่ 3 หน้าที่ 93 - 94 ในหมวดอะกีดะฮ์  ตีพิมพ์ที่ดารุอุลินนุฮา 

ดังนั้นในปัจจุบัน  ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่า วะฮาบีคือกลุ่มที่ชอบฟิตนะฮ์ต่อผู้อื่นที่สุด  และพวกเขากำเนิดจากเมืองนัจด์ จากคราบสมุทรอาหรับ  ตามที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ยืนยันเอาไว้

วัลลอฮุอะลัมบิสศ่อว๊าบ

8
อัสลามุอะลัยกุม

ไม่สำคัญว่าโลกจะมีอายุอีกกี่ปี  เพราะวันกิยามะฮ์นั้น  อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่ทรงรู้  วัลลอฮุอะลัม  แต่ที่ศาสนาส่งเสริมให้พิจารณาตัวเรา  คือ  คนนี้จะมีอายุกี่ปีต่างหาก  แล้วจะสิ้นเมื่อไหร่น่ะซิ  จึงต้องตักตวงกัน   loveit:

9
ดังเช่น...

หากบังเอิญได้มองดูผู้หญิงที่สวย ใจเขาจะหวนนึกถึงอัลลอฮฺในทันที  เขาจะรีบสรรเสริญอัลลอฮฺ บนความปรีชาญาณ และความสามารถของพระองค์  ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งที่มีความสง่าและสวยงาม 

ขอออกความเห็นส่วนที่บอกว่า "บังเอิญได้มองดูผู้หญิงสวย"  ไปเป็น  "บังเอิญเห็นผู้หญิงที่สวย" ดีกว่าหรือครับ  แต่ถ้าสามีมองภรรยาแล้วคิดอย่างเช่นที่กล่าวหาก็ไม่เป็นไร ;D  แต่ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่เป็นสามีนั้นที่ดีแล้วเวลาเห็น  ก็ให้นึกถึงอัลเลาะฮ์ทันทีว่า พระองค์ทรงห้ามให้มองดีกว่าไปคิดว่าพระองค์ทรงสร้างมัคโลคที่งดงามเหลือเกิน  และให้นึกว่าความสวยงามนี้ต่อไปอัลเลาะฮ์ก็ให้เหี่ยวเฉากลายเป็นดินเหมือนเดิมดังที่เคยถูกสร้างมาจากดิน  ซึ่งมันจะสะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์นั้นช่างต่ำต้อยที่ไม่นานอัลเลาะฮ์ก็ทรงทำให้ต้องร่วงโรยและต้องตายถูกฝั่งกลายเป็นดินต่อไปภาคหน้า  แถมการคิดแบบดังกล่าวยังเพิ่มพูนอีหม่านให้แก่เราด้วย

10

ท่าน อ.กอเซ็ม ชำนาญในศาสตร์วิชาตะเซาวุฟ  เวลาท่านพูดถึงเรื่องตะเซาวุฟแล้วเห็นภาพและถึงกึ๋นดี  ได้แง่คิดในการนำไปปฏิบัติ

11
บังคำถามในกระดานถามตอบปัญหาศาสนา ที่บังอัลอัซฮะรีไม่ได้ตอบ วะฮาบีย์ก็ยังเอากระแนะกระแหนกล่าวหาว่าไม่กล้าตอบหรือกลัวตอบแล้วจะทำให้คนอื่นไม่เชื่อถือ  ความคิดของวะฮาบีย์ก็มีแค่นี้แหละ

เช่นวะฮาบีเขานำเสนอว่า

"ใครว่าตีความไม่หะรอม"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3799.0

"นีกะห์-วาลี-ระยะทาง"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3792.0

"ตามมัซฮับ"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3784.0

"วะฮาบีย์คืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์หรือไม่?"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3638.0

"เราจะทำเมาลิดและไปงานเมาลิดได้มั้ย"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3635.0

"เว็บฟิตยะฮ์มีอะกีดะฮ์อย่างไร"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3594.0

"ทำไมชอบว่า อ. ท่านอื่น"
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3574.0


ต่างๆ นี้ คือคำถามที่น่าติดตามดู ว่าผู้ที่เรียกตนเองว่าโต๊ะครูแห่งอัลอะชาอิเราะฮ์ผู้นี้ จะตอบอย่างไร? การปล่อยคำถามบางคำถามทิ้งไว้ เป็นเพราะตนเองอึดอัดใจสุดๆ ที่จะตอบหรือเปล่า หรือไม่ก็ตอบไปแล้ว เดี๋ยวฐานจะเสีย จึงทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ตอบไปซะอย่างนั้น?

------------------------------------------------------------

นี่แหละทีมงานวะฮาบีย์เขาคิดได้แค่นี้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันบังอัซฮะรีเขาทำการตอบกระทู้  ซึ่งทำให้พวกเขาผิดหวังกันไปเป็นแถว

12

สุขสันต์วันอีดเช่นกันครับ

13
จากเหตุแห่งปัญหาสรุปว่า zeezah ไปทำอุมเราะห์เพื่อแก้บนได้ โดยมีเพื่อนมุสลีมะห์ไปด้วยเป็นจำนวน.........คน (จากคำถามในกระทู้ zeezah เลือกใช้วิธีนี้ค่ะ (ไม่เลือกวิธีที่ต้องจ้างคนอื่นค่ะ)

ผมเห็นด้วยกับกรณีของคุณ zeezah ครับที่ไม่เลือกวิธีไปจ้างคนอื่นเพราะมันไม่คุ้มเลย  เนื่องว่าจากเราไปด้วยตนเองจะได้กำไรมหาศาลได้ไปละหมาดฟัรดู 5 เวลาและละหมาดสุนัตต่างๆ และทำอิบาดะฮ์ต่างๆ มากมายที่มัสยิดฮะรอมซึ่งได้รับผลบุญอย่างท่วมท้น  ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานความสะดวกในการบนบานนี้แก่คุณ zeezah ครับ  และผมคิดว่าถ้าหากไปทำอุมเราะฮ์พร้อมกับฮัจญ์เลยนั้นก็จะดีไม่น้อยเพราะฟัรดูฮัจญ์และอุมเราะฮ์(บนบาน)ก็จะหลุดพ้นจากเราไปด้วยโดยปริยายยิ่งนกครั้งเดียวได้สองตัวเลย   mycool:

14

สรุปคืออะกีดะฮ์ของวะฮาบีนั้นได้แอบแฝงและรวมไว้ซึ่งแนวทางหลักอะกีดะฮ์ของพวกบิดอะฮ์ลุ่มหลงครับ...


ใช่แล้วครับ  หลักอะกีดะฮ์ต่าง ๆ ที่เหมือนและคล้ายกับกลุ่มบิดอะฮ์นั้น  เว็บนี้เขาได้นำเสนอยืนยันไว้หมดในเชิงวิชาการและการอ้างอิงที่มีน้ำหนักจากตำราของวะอาบีย์เองไว้ในกระดานหมวดชี้แจงแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ฯ    อาทิเช่น

วะฮาบีย์เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างซึ่งมันไปคล้ายกับพวกมุญัสสิมะฮ์

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2953.0

วะฮาบีย์เชื่อว่าประเภทของกะลามุลลอฮ์(คำพูดของอัลเลาะฮ์)ก่อนประทานลงมา นั้นเพิ่งบังเกิดขึ้นมาใหม่ซึ่งไปเหมือนกับพวกมั๊วะตะซิละฮ์ 

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=1373.0

วะฮาบีให้ความหมายว่า  อัลเลาะฮ์ทรงสถิตบนบัลลังก์มันไปเหมือนกับพวกอัลกัรรอมียะห์   

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2858.0
 

ท่านอิมามอะบูมันซูรอัลบุฆดาดีกล่าวไว้ใหนหนังสือ อุศูลุดดีน  หน้า 337 ว่า

واما جسمية خراسان من الكرامية فتكفيرهم واجب لقولهم:بان الله له حد ونهاية من جهة السفل ومنها يماس عرشه ولقولهم بان الله محل للحوادث

"สำหรับพวกเชื่ออัลเลาะฮ์เป็นรูปร่างจากเมืองคุรอซานจากพวกอัลกัรรอมียะฮ์นั้น  การฮุกุ่มกาเฟรต่อพวกเขา  จึงจำเป็น  เพราะพวกเขากล่าวว่า  มีขอบเขตและสิ้นสุดจากทิศล่างให้กับอัลเลาะฮ์  ส่วนหนึ่งจากคำพูดของพวกเขาคือพระองค์ทรงสัมผัส(นั่ง)บนบัลลังค์  และเพราะคำพูดของพวกเขาที่ว่าอัลเลาะฮ์ทรงเป็นสถานที่ให้กับสิ่งที่บังเกิดใหม่"

นี่คือคำพูดของอิมามอะบูมันซูนอัลบุฆดาดี .......

15

แจ่ม  mycool:

หน้า: [1] 2 3 ... 11