แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - roy4kids

หน้า: [1] 2
1
 :salam:1.ก่อนอื่นช่วยอธิบายคำว่า เรื่องร้าย ๆ ว่าคืออะไร และมันน่าเศร้าตรงไหน บอกให้ชัด ๆ
2. ผมคิดว่าตัวผมนั้น ออกนอกกะลาแล้ว แต่หลายคนยังอยู่ในกะลา
 2.1 การทำเมาลิดไม่ได้มีแบบอย่างมาจากนบี(ศอลอลลอฮูอาลัยฮีวาซัลลัม) และซอฮาบัตและตาบีอีนและตาบีอิตตาบีอีน รวมทั้งอีหม่ามทั้งสี่ (อีหม่ามชาฟีอีก็ไม่รู้จักทั้งพิธีเมาลิดและบัรซัญญี) แต่ได้ทำตามกันมาตามประเพณีตามผู้ปกครองในราชวงค์ฟาตีมียะ ซึ่งเป็นชีอะ หลัง สามร้อยปีแรกของงฮิญเราะ
ชนเหล่านั้น(ซอฮาบัตและตาบีอีนและตาบีอิตตาบีอีน รวมทั้งอีหม่ามทั้งสี่ )ไม่รักท่านนบี(ชอล)หรือ ชนเหล่านั้นไม่สรรเสริญทานนบีหรือ อีหม่ามชาฟีอีไม่รักท่านนบีหรือ
การทำเมาลิดคนส่วนใหญ่(ที่ไม่ได้ศึกษาลีก ๆ)คิดว่ามันเป็นเรื่องอีบาดัต เพราะบางพื้นที่ก็ได้กันในมัสยิดเลยก็มี
การสรรเสรฺิญท่านนบี ทำไมไม่เอารูปแบบและสำนวนตามที่ท่านรอซูลบอก
2.2 คนส่วนใหญ่(ที่ไม่ได้ศึกษาลีก ๆ)ไม่รู้ความหมายบัรซีญญี เว้นแต่ไปอ่านจากที่เขาแปลมาให้ และรื่องราวในบัณซัญญี เป็นความจริงทั้งหมดหรือไม่ (ยกเว้นในส่วนที่ประวัติและเชื้อสายของท่านนบีที่ถูกต้อง ) เช่นในการตั้งครรค์เดือนแรกท่านอมีเนาะได้ฝันเห็นท่านนบีอดัม(อ,ล) และเดื่อนอื่น ๆก็ได้ฝันท่านนบีอื่น จบกำหนดคลอด และในวันคลอด นางอาซียะ ภรรยาของฟีรอูน และนางมัรยัมมารดาของท่านนบีอีซา (อ,ล)
และการฝันของชาวยิวว่าพบท่านนบีพร้อมกับเข้ารับอิสลามในฝัน   เรื่องเล่านี้เป็นจริงและมีที่มาที่ไปหรือไม่ และมันเกี่ยวข้องกับหลักอากีดะหรือไม่ (ส่วนใหญ่ที่มีการแปลมาจะแปลไม่หมด)
การศึกษาชีวประวัติของท่านนบี ทำไมไม่ศึกษาจากตำราประวัติท่านนบีละ ถ้าจะศึกษาแบบอย่างของท่านทำไมไม่ศึกษาจากฮาดิสของท่าน
ส่วนหลักฐานหรือเหตุผลของทำเมาลิดที่ชอบอ้างกัน คื่อ 1. เรารักนบี เราสรรเสริญนบี 2. สมัยท่านรอซูล ไม่ได้ระบุว่า ห้ามให้ทำหรือห้ามให้ทำ เลยสรุปว่า ทำได้ 3. ท่านนบีบอกว่าท่านเกิดวันจันทร์ หรือ เดือนเชาวาลเป็นเดือนที่ประเสริฐ( ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น) พวกเราเลยมาทำเมาลิดกัน ความจริง ถ้าสิ่งไหนป็นสิ่งที่งาม สิ่งนั้นไม่หลงเหลือมาถึงยุคพวกเราหรอก ชนรุ่นก่อนคงกระทำก่อนแน่นอน
ป,ล ความจริง ผมไม่ชอบคุยเสวนากับผู้หญิงหรอก แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าตาก็ตาม

2
 :salam: อาจารย์ที่ผมชื่นชอบคือ อาจารย์ ฟาริด ฟินดี้ ไม่ทราบว่าท่านรู้จักบ้างไหม ?
ส่วนปอเนาะที่กล่าวมา ถ้าอยู่ในภาคใต้ส่วนใหญ่ผมรู้จัก โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา และที่ใกล้เคลียงที่สุดคือ ปอเนาะในอำเภอจะนะ ซึ่งเด็กปอเนาะเหล่านี้ จะมีส่วนร่วมในการละหมาดญานาซะในบริเวรท้องที่ใกล้เคีลยง โดยได้รับชองขาวและข้าวสารพร้อมไข่คนละถุง และจะมีการจ้างให้ไปอ่านกุรอาน ไกล้กัยมัยยัต ยุซละร้อยบาท และจะได้ไปกินบุญ 7 คืน ส่วนวันที่ 7 จัดใหญ่กว่าวันอื่น ๆ ส่วนบาบอก็จะได้รับซองละหมาดฮาดยะให้ผู้ตาย และจะมีการเฝ้ากุบูร์ โดยจ้างประมาณ 12000-150000 บาทแล้วแต่การต่อรอง และเมื่อมีการทำเมาลิด ก็ได้รับประทานอาหารดี ๆ ถ้า
อ่านบัรซัญยีได้ก็จะได้รับของขวัญ ( ซึ่งทั้งคนอ่านและฟังก็ไม่รู้เรื่องว่าเป็นเรื่องอะไรบ้าง)
วัซวาลาม

3
 :salam: อัลฮัมดูลลิลละฮ์ ชอบมากกับสิ่งที่ได้โพสต์มา เพราะจะให้ผู้ที่ไม่ได้เรียนด้านตัฟเซรมาได้รับความรู้ในเรื่องความหมายของคัมภีร์กุรอาน และยังมีความหมายที่เป็นภาษาอังกฤษด้วย ทำให้ผมได้มีโอกาสทบทวนภาษาอังกฤษของผมด้วย แต่ผมยังไม่เข้าใจในเจตนาของการนำความหมายของหลาย ๆคนมาด้วย ซึ่งดูแล้ว อาจจะใช้ถ้อยคำที่ต่างกัน แต่ยังคงความหมายเหมือนกัน
ขอให้ฮัลลอฮ์ตอบแทน

4
 :salam: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ผมคิดว่า ไม่จำเป็นต้องหาหนังสือถึงขั้นนั้น ผมคิดว่า เอาแค่ฟิกกุนสุนนะฮ์ ที่เอากุรอานและฮาดิสเป็นแล้วตามด้วยทัศนะของแต่ละมัสฮับก็คงจะเพียงพอ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำ
วัซซาลาม

5
 :salam: คุณ Abubuk
ขอขอบคุณสำหรับบทความที่ส่งไป ซึ่งนับเป็นวิทยาทานที่เป็นประโยชน์มาก สำหรับ linkที่ให้ไปผมพยายามแล้วแต่เข้าไปไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามผมมีทัศนะต่อไปนี้นะครับ
1. สำหรับคำนิยามมัศฮับก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
2. แตคำว่า สังกัด ในความคิดของผม การยึดติด หรือ ตะอัดซุบ และเป็นการตัดลีด ซึ่งในทัศนะของผม การตักลีด หมายถีง การตามแบบมึดบอดคีอไม่รู้ที่มาที่ไปในเรื่องนั้น ๆ ซึ่ง
- อีหม่ามฮานาฟี เคยกล่าวไว้ว่า (ผมไม่จำชื่อหนังสือ) อย่านำคำพูดของฉันไปอ้าง ถ้าไม่รู้หลักฐานหรือที่ไปที่มาของมัน
-อีหม่ามชาฟีอีได้กล่าวว่า (เรียนรู้จากผู้รู้)ถ้าคำของฉันไปขัดแย้งกับคำพูดของท่านรอซูล ก็ให้ทิังคำพูดของฉันและไปยึดคำพูดของท่านรอซูล
และ ได้กล่าวอีกว่า คำพูดของท่านรอซูลคือคำพูดของฉัน
-ท่านอีหม่ามฆอซาลี ได้ตำหนิ การตักลีดว่า การตามที่มืดบอด ( blind following) หรือเป็นความเชื่อมือสอง ( second hand belief) (ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้เช่นกัน แต่เป็นฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าจำไม่ผิดชื่อหนังสือขึ้นต้นด้วยคำว่า ฮีดายะฮ์...)
3. การยึดติดกับมัสฮับจะทำให้การปฏิบัติยุ่งยากหรือไม่ ตัวอย่างเช่น การละหมาดการตามมัสฮับ บางครั้งทำให้ยุ่งยากในการปฎิบัติหรือไม่ เช่น เราละหมาดตามหลังอีหม่ามฮะนาฟีที่เพิ่งกระทบกับภรรยามาได้ใหม หรือตามหลังอีหม่ามมาลีกีที่ได้กระทบสุนัขได้ใหม (และถ้าละหมาดซุบฮีตามทัศนะของเขา อีหม่ามเหล่านี้ไม่อ่านกูนุตด้วย) อันนี้เคยเกิดขึ้นกับตัวผม เพื่อนของผมเคยปฏิเสธที่จะไปละหมาดญุมอัดที่มัสยิดปากีสถานทั้งๆที่ใกล้กว่า
4.  ถ้าเราตามมัสฮับ เช่นตามอีหม่ามชาฟีอี สมมุติไปขัดแย้งกับสุนนะฮ์นบี เช่น การกระทบภรรยาเสียน้ำละหมาด ซึ่งท่านอีหม่ามชาฟีอี แปลตรงตัวว่าสัมผัสของผิวหนัง แต่อีหม่ามอื่น เช่นฮานาฟี หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ และยังมีฮาดีสอีกมากมายเกี่ยวกับเรี่องนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะตามทัศนะของอีหม่ามดีหรือตามสุนนะฮ์ ดีครับ
5.การไม่สังกัดมัสฮับ คือการที่เรายึดตามสุนนะฮ์ โดยศึกษาดูจากหลักฐานที่แข็งแรง โดยไม่ยึดติดหรือตะอัซุบกับทัศนะของอีหม่าม ซึ่งถ้าจะดูฟีกฮ์หลักปฎิบัติของกลุุ่มสุนนะฮ์ที่ไม่ตักลีดแล้ว ก็ไม่มีอะไรไปขัดแย้งกับสี่มัสฮับนี้เลย เช่นการไม่เสียน้ำละหมาดเมื่อกระทบภรรยา ก็ตรงกับฮานาฟี การสัมผัสสุนัขได้ ตรงกับมาลีกี (คือให้ล้างเจ็ดน้ำ หนึ่งในนั้นเป็นน้ำดินกับภาชนะที่สุนัขเลียเท่านั้น) การอ่านบิสมิลละฮ์ เบา ๆ ก็ตรงกับอีหม่ามท่านอื่น ๆนอกเหนือจากชาฟีอี และอีกหลาย ๆเรื่องเมื่อศึกษาไปมันก็อยู่ในทัศนะของสี่อีหม่ามทั้งสิ้น ดั้งนั้น ถ้าเราตามฟักฮ์สุนนะ ได้ใหม คือเอากุรอานและฮาดิสเป็นหลักและเอาทัศนะอุลามาไว้ทีหลัง ซึ่งความจริงทั้งสี่อีหม่ามก็เอากุรอานและฮาดิสเป็นหลักอยู่แล้ว แต่อาจขัดแย้งในเรื่องการตีความและการยึดฮาดิสของละอีหม่าม
ทั้งหมดนี้คือทัศนะของผมครับ ขอขอบคุณด้วยความจริงใจอีกครั้ง หวังว่าจะได้รับเรื่องที่เป็นวิทยาทานต่อไป แต่ขอเรียนให้ทราบก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้จบจากสายศาสนาโดยตรง และไม่ค่อยมีความรู้ภาษาอาหรับ
 วัซซาลาม

6
 :salam: ขออณุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยคน
1. น่าเลียนแบบตามข้อนี้ด้วย เพราะรอซูลเคยกล่าวว่า ความว่า" พวกท่านอย่ายกย่องฉันเหมือนกับพวกนัสรอนียกย่องศาสดาของพวกเขา"
แต่ถ้าไม่ทำไม่รู้เขาจะว่า เราไม่รักหรือสรรเสริญท่านศาสดาหรือเปล่า ชนรุ่นก่อนรวมทั้งอีหม่ามทั้งสี่ ยังไม่รู้จักเลย และท่านรอซูลได้บอกสำนวนการสรรเสริญให้ท่านในฮาดิสก็มี และยิ่งอ่านบัรซันญีที่เต็มไปด้วยเรื่องปรัมปรา ยกเว้นประวัติของท่านที่ถูกต้อง ส่วนที่เหลือไม่รู้มาจากไหน เช่นการมาของอาซียะภรรยาของฟีรอูนและนางมารียัม มารดาของท่านนบีอีซา ในวันที่นางอามีนะฮ์คลอดท่านรอซูล  ทั้งคนอ่านคนฟังไม่รู้เรื่อง (ผมเองก็ไม่ได้รู้ทั้งหมด แต่มีผู้รู้ที่เชี่ยวชาญภาษาอาหรับแปลให้ฟัง)
2. ข้อนี้ก็น่าจะใช่ เพราะตามกุรอ่านบอกไว้ว่าความว่า มนุษย์จะไม่ได้รับสิ่งไดนอกเหนือจากสิ่งที่เขาขวนขวายไว้ และท่านรอซูลบอกว่า (ความหมายรวม ๆ) เมื่อผู้หนึ่งผู็ใดตายอมัลของเขาถูกตัดขาดยกเว้น สามประการ ความรู้ที่มีประโยชน์ที่ได้สอนแก่ผู้อื่น สิ่งที่เราบริจาค เช่นเพื่อการสร้างมัสยิด ศาลาพักร้อน เป็นต้น และพรของลูกที่ดี ส่วนการฮาดียะฮ์ ผลบุญ (ชาวพุทธเรียกว่า อุทิศบุญกุศล) ในแหลมมาลายู และอินโดนีเซีย พุทธ ฮินดู เข้ามาก่อนอิสลาม ปัตตานีก็เช่นเดียวกัน พออิสลามเข้ามา หลักความเชื่อเก่า ๆในบางคนก็ยังมีอยู่ เช่น การดูวันดูฤกษ์ดูยาม การสะเดาะเคราะห์ ในแถบสามจังหวัดในบางครอบครัวเมื่อแต่งงาน ยังทำข้าวเหนียว สามสี เจ็ดสี ให้โต็ะเนแหนะ (ปู่ญาติตายายที่ตายไปแล้ว)ทานด้วย
วัลลอฮูอะอฺ์ลัม

7
 :salam:แรก ๆ คิดว่าจะไม่กลับมาดูกระทู้ที่ผมตั้งไว้แล้ว เพราะที่ผ่านมา
1. ผมได้รับคำตอบที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งความจริงผมต้องการคำตอบจากผู้ตอบเลย ไม่ใช่ link ให้ไปอ่านจากที่อื่น
2. คำถามของผม เขียนอธิบายอย่างชัดเจน ในหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่สังกัดมัซฮับ แต่คำตอบ ตอบมาสั้น ๆ และไม่ครอบคลุมคำถามของผม
3.ผมไม่ได้รับอะไร จากคำตอบในตอนแรก ๆ ซึ่งมีผู้ตอบคนหนึ่งบอกว่า ผมจะไม่ได้รับอะไรเลยและมันก็เป็นความจริง
แต่พอได้อ่าน ที่โพสต์จากคุณ bangmud และ คุณ moorid รู้สึกว่าฟังได้และมีเหตุผลดี เรียนตามตรงว่า คำถามที่ผมตั้งงกระทู้ไว้ ผมพอจะรู้คำตอบแล้ว แต่อยากจะให้ผู้รู้กว่าผมบอกอีกครั้งและฟังทัศนะจากผู้อื่นบ้าง เพื่อเป็นการเน้นว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้มานั้นถูกต้อง
4. ผมได้อ่านหลาย ๆกระทู้จากเว้ปนี้ แต่ก็ยังสงสัยในหลาย ๆ เรื่อง เพราะส่วนมากจะเอาหลักฐานจาก ความคิดเห็นของ
อุลามาแทนที่จะมาจากกุรอานและซุนนะฮ์
5. เริ่มแรกที่เข้ามาเพราะเห็นว่า เป็น เว็ป sunnastudent แต่ที่แปลกใจตามด้วย สังกัดในสี่มัซฮับ และยิ่งอ่านยิ่งงง
 คล้าย ๆยังส่งเสริม สนับสนุน การทำอะไรหลายอย่างที่ไม่มีตามแนวซุนนะเลย
6.ที่งงยิ่งกว่า คือ คำว่า มัสฮับซอฮาบะฮ์ (เป็นความรู้ใหม่สำหรับผม)แต่ที่แปลกคือ นักปราชญ์บางคนบอกว่า ห้ามตามเพราะในสมัยนั้น ยังไม่มีการจดบันทึกที่เป็นระบบ พูดง่าย ๆคือต้องตามเฉพาะสี่มัสฮับนี้เท่านั้น
7.แต่ที่ยิ่งแปลกใจไปอีก ผู้สังกัดมัสฮับเหล่านี้ ทำอะไรที่ผมคิดว่าไม่มีสอนในสี่มัสฮับนี้เลย เช่น การทำเมาลิด (อ้างว่าในสมัยท่านรอซุลไม่ได้ระบุห้ามหรือให้ทำ ถ้าเช่นนั้น  การทำบุญ สามวัน เจ็ดวัน การส่งผลบุญ (ทำฮาดียะ ผมคิดว่าแปลว่าของขวัญ) ทำได้ และยังมีอะไรอีกหสายอย่าง ที่ไม่มีบอกในสี่มัสฮับนี้
8. ผมแปลกใจว่า ทำไมผู้รู้บางคน (ทางใต้ก็มี) ที่จบมาจากอียิปต์ มาดีนะ หรือ ปากีสถาน (เช่น อบูบักร์) และประเทศอื่น ๆในกลุ่มอาหรับ ยังมาส่งเสริมเรื่อง บิดอะ แทนที่จะบอกข้อเท็จจริงแก่ชาวบ้าน ทั้ง ๆที่หนังสือฮาดิส บุคอรี มุสลิมเต็มห้อง
9. ผมเคยคิดเช่นคุณ moorid ว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อเว็ปนี้ เป็นชื่อ เหมือน ที่ คุณ moorid คิด
10. ที่ผมอยากให้ผู้จบจากต่างประเทศ ตอบเพราะคิดว่า เขาน่าจะได้ศึกษา อะไรที่กว้างกว่าบ้านเรา แต่ความเป็นจริง ผู้เรียนภายในประเทศที่มีความรู้ และวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่าผู้จบจากต่างประเทศก็มี
11. ท้ายสุด ที่ผมได้สนใจและแสวงหาความจริง เพราะเองเคยไปอยู่ต่างประเทศ เช่น อียิปต์ ซาอุ ปากีสถาน และอินเดีย(ทั้งไปเที่ยว ทำงานและเรียนเรียนหนังสือ (สายสามัญ) แต่ผมเห็นว่า ในต่างประเทศไม่อะไรที่มัน ….(ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี) เช่น การละหมาดฮาดียะฮ์ (คงเป็นการมอบของขวัญผลบุญการละหมาดให้ผู้ล่วงลับ การเฝ้ากูบูร์จนครบ เจ็ดวัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามขอขอบคุณ สำหรับทุกคำตอบ ที่ได้เพิ่มพูนความรู้แก่ผม และ อินชาอัลลอฮ์ ผมยังมีหลายเรื่องที่อยากรู้ซึ่งผมคิดว่าจะตั้งกระทู้ เพื่อให้ที่ผู้รู้ได้ชี้แจงต่อไป
ญาซากัลลอฮูฆอยรอน
วัซซาลาม

8
 :salam:1.  เอาละครับ อย่างไรเราก็ตกลงกันไม่ได้อยู่แล้ว คุณยินยันในการสังกัดมัสฮับ ส่วนไม่สังกัด
2. ผมพูดถึงซูฟีในประเทศไทย ซึ่งเขาสังกัดมัสฮับชาฟีอี ไม่ยอมทำญุมอัด อ้างว่า จำนวนคนที่อ่านฟาตีฮะถูกไม่ครบสี่สิบคนแล้วไม่ยอมเรียนที่จะอ่านให้ถูกด้วย (ซึ่งในเท่าที่ผมรู้มา เป็นทัศนะของอุลามา ตั้งแต่ สาม เจ็ด เก้า จนถึงสี่สิบ แต่สำหรับผม ยึดทัศนะของอุลามาที่บอกว่า มีหนึ่งญามาอะที่ไม่จำกัดถึงจำนวน)และถือศีลอดหรือออกบวช ก็ไม่เคยดูจันทร์เสี้ยวแต่จะคำนวณ ซึ่งบางปี เคยถือบวชในเดือนเชาวาลเพื่อให้ครบ สามสิบวัน
3. ในบ้านเรา เมาลิดกับบัรซันญี่ก็ของคู่กัน เมาลิดเริ่มชึ้นครั้งแรกเมื่อ ฮ 362 (ถ้าจำไม่ผิด) ส่วนบัรซันญี ที่เราอ่านในปัจจุบัน ถูกแต่งขึ้นใน ฮ 632 (ถ้ามไม่ผิดพลาด) ประวัติความเป็นมาใครจัดทำขึ้นครั้งแรก ผมมั่นใจคุณรู้ดีกว่าผม และเนื้อหาในบัรซันญี่ผู้ที่เชี่ยวชาญภาษาอาหรับรู้ดีกว่าผม
แต่ปัญหาว่า คนส่วนใหญ่คิดว่ามันอีบาดัด ทำแล้วได้ผลบุญ ซึ่งไม่หลักฐานเลย แต่ถ้าซอลาวัตท่านนบี ได้ผลแน่เพราะมีหลักฐาน และสำนวนการซอลาวัตท่านนบี ๆ ก็ได้บอกไว้แล้ว
เอาละ ผมคิดว่า ผมจะยุติเรื่องมัสฮับทั้งสี่แค่นี้ เพราะยิ่งพูดไป มันยิ่งมีเรื่อง(คุย)มากขึ้นไม่สิ้นสุด เพราะเราลงเอยกันไม่ได้ แต่คิดว่าจะตั้งกระทู้ในเรื่องที่ผมไม่เข้าใจหรือสิ่งที่อยากรู้ต่อไป
ซาลาม

9
 :salam:1. คนที่ไม่สังกัดมีเป็นล้าน ๆ ก่อนและหลังการมาของมัสฮับทั้งสี่ แล้วแต่คุณจะเรียกเขาว่าอะไร
2. การศึกษาอาดิส จะค้องให้ลึกซึ้งขนาดไหน โอเค ต้องรู้ว่ามันซอแฮะหรือฏออีฟ ต้องรู้ที่มาของผู้รายงานและเนื้อหาของฮาดิส และอาดิสส่วนใหญ เม่ือเราได้ยินได้ฟังก็สามารถปฏิบัติตามได้เลย ไม่ต้องไปตีความให้ยุ่งยาก เช่นอาดิส เกี่ยวกับการอาบน้ำละหมาด ที่บอกว่า ท่านรอซูลได้ล้างมือของท่านก่อนที่จะเอามือจุ่มลงไปในภาชนะ ท่านล้างมือ ล้างหน้ากี่ครั้ง เช็ดศีรษะกี่ครั้ง ฮาดิสได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน แม้แต่ในหนังสือ อัลโอม ของอีหม่ามชาฟีอี ในบทเกี่ยวกับการอาบน้ำละหมาดได้อ้างถึงฮาดิสที่บอกว่า ความหมายรวม ๆ ว่า " ก่อนที่ท่านจะจุ่มมือเอาน้ำละหมาด ให้อ่านล้างมือเสียก่อนเพราะไม่รู้ว่าขณะท่านนอน มื่อของท่านไปโดนอะไรบ้าง " ฮาดิสเกี่ยวกับการละหมาดก็บอกไว้ชัดเจน ว่าท่านยกมื่อตักบีรแค่ไหน และอ่านอะไรบ้างในละหมาด แล้วคุณจะให้ตีความอะไรอีก โอเด การเรียนรู้เราก็ต้องพึ่งผู้รู้
3. ถ้าพูดเฉพาะกับศิษย์ ก็แปลว่า เราต้องตามอีหม่ามชาฟีอี ในการเช๊ดศีรษะเพียงบางส่วนหรือเส้นผมสามเส้น ทั้งที่เราได้พบรายงานจากอาดิสว่าท่านรอซูลเช็ดทั่วศีณษะ กระนั้นหรือ
4. ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับกลุ่มซูฟี ที่ผมได้ โพสต์มาก่อนหน้านี้ด้วยเพราะเขาสังกัดอีหม่ามชาฟีอี และช่วยอธิบายเรื่องเมาลีดด้วย(อยากให้ผู้รู้แปลความหมาย แปลให้หมดท่ีได้อ่านกัน ตั้งแต่ท่านมารดาของศาสดา ท้องเดิอนแรก จนกระทั่งดลอด จะให้ผู้ที่อ่านและฟังรู้เรื่องบ้าง เพราะอ่านแค่เป็นพิธีกรรมและไม่รู้เรื่อง)  แต่ถ้าจะอ้างว่า ในยุคท่านศาสดา ไม่มีการห้ามหรือสั่งให้ทำ  ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างก็ทำได้หมด เช่น การเฝ้ากุโบร์ (แถวบ้านเขาจ้าง ประมาณ 12000-15000 บาทแล้วแต่การต่อรอง)การทำบุญครบรอบการตาย  7 วัน 40 วัน การดูวันเมื่อจะทำสิ่งใด ๆ และอะไรอีกหลาย ๆเรื่องที่ไม่มีบอกไว้ในสี่มัสฮับ แล้วอะไรคือ บิดอะหล่ะ ?   อย่าตอบว่า บิดอะ คือ การเล่ยดนตรีในมัสยิด หรือ การละหมาดเป็นภาษามาลายู เหมือนดังที่อุลามา จากอินโดนีเซีย ตอบในหนังสือเล่มหนึ่งช่ือว่า บิดอะ แปลโดย คุณ อาซีด (จุฬาราชมนตรี ในปัจจุบัน)
 ด้วยซาลาม

10
 :salam:ขอบคุณมากในความพยายามที่ให้ผมเข้าใจในมัสฮับทั้งสี่ ซึ่งผมก็ได้อ่านอย่างคร่าว ๆ ทุกหัวข้อ เพราะจำกัดเรื่องเวลา ก่อนอิ่น
ขออณุญาตบอกภูมิหลังของผมก่อน ผมไม่ได้เรียนสายศาสนาโดยตรง ผมจบสาขาปรัชญา ผมรู้ภาษาภาษาหรับน้อยมาก จะถนัดภาษาอังกฤษมากกว่า เพราะฉนั้น ผมจะเรียนรู้ด้วยการอ่านหนังสือตำราที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนภาษามาลายูก็ได้นิดหน่อยเช่นกัน นอกนั้นก็ถามผู้รู้และ search จาก internet แต่มิใช่ว่าผมจะรับทุกอย่าง internet ผมต้องไปถามผู้รู้อีกครั้ง
สรุปจากที่ผมอ่าน ผมต้องขอมาอัฟและอย่าโกรธผม ซึ่งผมก็ยังชอบในทัศนะเดิมของผม กล่าวคือ
1.ทุกเรื่องที่อ่านส่วนใหญ่เป็นคำกล่าวของอุลามาเช่น  การต้องตามมัสฮับ ก็ยังเป็นความคิดเห็นของอุลามา ไม่ว่าเขาให้เหตุผลใดก็ตาม
2. การตามมัสฮับ บางครั้งทำให้ยุ่งยากในการปฎิบัติ เช่น เราละหมาดตามหลังอีหม่ามฮะนาฟีที่เพิ่งกระทบกับภรรยามาได้ใหม หรือตามหลังอีหม่ามมาลีกีที่ได้กระทบสุนัขได้ใหม (และถ้าละหมาดซุบฮี อัหม่ามเหล่านี้ไม่อ่านกูนุตด้วย)
3. ถ้าเราตามมัสฮับ เช่นตามอีหม่ามชาฟีอี สมมุติไปขัดแย้งกับสุนนะฮ์นบี เช่น การกระทบภรรยาเสียน้ำละหมาด ซึ่งท่านอีหม่ามชาฟีอี แปลตรงตัวว่าสัมผัสของผิวหนัง แต่อีหม่ามอื่น เช่นฮานาฟี หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ และยังมีฮาดีสอีกมากมายเกี่ยวกับเรี่องนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะตามทัศนะของอีหม่ามหรือตามสุนนะฮ์ (แต่อีหม่ามชาฟีอี (ผมรับทราบจากผู้รู้)ได้กล่าวว่า "หากคำพูดของฉันได้ขัดแย้งกับนบี ก็ขอให้ทิ้งคำพูดของฉันและให้ไปยึดคำของนบี" และท่านได้กล่าว่า " คำพูดของนบีคือคำพูดของฉัน")
4.การไม่สังกัดมัสฮับ คือการที่เรายึดตามสุนนะฮ์ โดยดูจากหลักฐานที่แข็งแรง โดยไม่ยึดติดหรือตะอัซุบกับทัศนะของอีหม่าม ซึ่งถ้าจะดูฟีกฮ์หลักปฎิบัติของกลุุ่มสุนนะฮ์ที่ไม่ตักลีดแล้ว ก็ไม่มีอะไรไปขัดแย้งกับสี่มัสฮับนี้เลย เช่นการไม่เสียน้ำละหมาดเมื่อกระทบภรรยา ก็ตรงกับฮานาฟี การสัมผัสสุนัขได้ ตรงกับมาลีกี (คือให้ล้างเจ็ดน้ำ หนึ่งในนั้นเป็นน้ำดินกับภาชนะที่สุนัขเลียเท่านั้น) การอ่านบิสมิลละฮ์ เบา ๆ ก็ตรงกับอีหม่ามท่านอื่น ๆนอกเหนือจากชาฟีอี และอื่น ๆ
5.ผมขอเรียนว่าผมเคยเข้าไปอยู่กลุ่มซูฟีตารีกัต แต่รับอะไรไม่ได้หลายอย่างเช่น การไม่ทำวันศุกร์ (ญุมอัต) โดยบอกว่า คนที่อ่านฟาตีฮะถูกต้องไม่ครบ 40 คนและต้องกอรีด้วยคืออ่านถูกต้องและมะมูมทุกนสามารถเป็นอีหม่ามได้ ถ้าคนหนึ่งคนใดอ่านไม่ถูกจะทำญุมอัตนั้นเสีย และการไม่ดูจันทร์เสี้ยวของเดือนรอมมาดอน แต่จะยึดหลักการคำนวณ คือจะต้องให้ครบ 30 วัน แม้แต่เขาประกาศเห็นจันทร์เสี้ยวของเดือน รอมาดอนหรือของเดือนเชาวาล เขายังคงถื่อบวชต่อไปจนครบ 30 วัน (เท่าที่ผมรู้มาท่านศาสดา เคยถือศีลอดครบ 30 วันแค่ครั้งเดียว) แต่ในเรื่องอย่างอื่นที่ดีก็มี เช่น การขีดเกลาจิตใจ และดะวะฮ์ผมก็เคยเข้าไปเช่นกัน แต่รู้สึกว่า มันไม่ใช่ เช่น การกำหนดจำนวนวันของการออกดะวะฮ์ การละทิ้งครอบครัว หรือคำสอนบางเรื่องที่ไม่มีที่มาที่ไป
6.ซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์แบ่งกว้าง 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ตักลีด มัซฮับ(มูกอลลีด)และไม่สังกัดมัสฮับ (ฆอยรูมูกอลลีด) ซึ่งกลุ่มหลังก็มีจำนวนมากในทุกๆสังคมโลกมุสลิม เช่นในอเมริกาเท่าที่ผมทราบมามีประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรมุสลิม หรือ หนึ่งในสามของผู้เคนตามมัสฮับฮานาฟี ก็ได้มาตามแนวทางของ สุนนะฮ์ที่ไม่ตามมัสฮับ (วัลลอฮูอะอ์ลัม) แต่ผมสงสัยว่าในประเทศไทยเรา ทำไมผู้คนจะรังเกียจผู้ที่ไม่ตามมัสฮับ
เช่น เป็นพวกมูดอ บ้าง วะฮะบีย์บ้าง (ผมมั่นใจพวกท่านมีความรู้ดีมากกว่าผมทั้งในด้าน ฟิกฮ์ ก้ดี หรือด้านภาษาอาหรับก็ดี)
7. ยังมีอะไรหลายอย่างที่ผมสงสัย การกระทำของผู้ที่กล่าวว่าสังกัดมัสฮับชาฟีอีในประเทศไทย เช่น การทำบุญคนตาย คือฮาดียะฮ์ผลบุญไปยังผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว การทำบุญขึ้นบ้านใหม่ การทำเมาลิดที่มีการอ่านบัรซันญี ( ซึ่งมีผู้รู้เคยแปลให้ฟัง บางเรื่องเท่านั้นที่เป็นจริง เช่น ประวัติของท่านนบี แต่บางเรื่องไม่มีที่มาที่ไป เช่น การฝันเห็นนบีต่าง ๆขณะที่มารดาท่านนบีตั้งท้อง การมาของอาซียะฮ์ ภรรยาของฟีรอูนและนางมารียัม มารดาของท่านนบีอีซา ในขณะที่นางอมีนะฮ์คลอด เป็นต้น
8. มีพิธีกรรมอะไรอีกมากมายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่ไม่กล้าถามกลัวจะเกิดความขัดแย้ง ปกติไปละหมาดที่มัสยิดสุนนะฮ์ ไม่สังกัดมัซฮับก็เป็นที่รังเกียจอยู่แล้ว
ขอมาอัฟด้วยถ้ามีประโยคหรือคำพูดใดไม่เป็นที่สบอารมญ์ หรือมีคำพูดใดที่ผิดพลาด รู้สึกว่าการเข้าในเว็ปนี้ของผมทำให้หลายท่านเดือดร้อน ก็ต้องขอมาอัฟอีกครั้ง ที่ผมได้เข้ามา เพราะเห็นคำว่า sunnahstudent
 ขอขอบคุณมากสำหรับผู้ที่อ่าน Yaza kalLahhul Khai
wassalam mu alaikum

11
 :salam: Insha Allah ผมจะพยายามค้นหา เพื่อเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะผมตั้งปฎิญาณไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะยึดหลักอะไร ต้องรู้ที่มาที่ไปและหลักฐานที่แน่ชัด เพื่อให้มั่นใจในสิ่งที่ปฎิติว่าเป็นของแท้และถูกต้อง
ญาซากัลลอฮ์

12
 :salam: อยากเรียนถามท่านผู้รู้ว่า ถ้าเราไม่ยึดติดกับมัซฮับหนึ่ง คน ๆนั้นจะกลายเป็นวาฮาบีไปโดยอัตโนมัติเลยหรือ ผมเรียนถามด้วยความจริงใจ
แต่ขอให้หลักฐานและเหตุผล แลัเราจะเรียกคนที่อยู่ช่วงก่อนมัซฮับทั้งสี่หลังท่านนบีวาฟาตว่าอะไร
ญาซากัลลอฮ์

13
 :salam: อย่าใจร้อน เราคุยกันในเชิงวิชาการ  นี่คือทัศนะของผม คณะใหม่(ตามการเรียกของสังคมในประเทศไทย)ผมหมายถึง กลุ่มที่กลับไปหากุรอ่าน กีตาบุลลอฮ์และซันนะฮ์ของท่านนบี และละทิ้งทัศนะที่ขัดแย้งกับซุนนะฮ์  ส่วนคณะเก่า (ซึ่งความจริงก็ใหม่จริง ๆ) หมายถึงกลุ่มที่ยึดติดกับมัศฮับ ซึ่งส่วนใหญ่(อ้างว่า)ยึด  ฟิกห์แนวของอีหม่ามชาฟีอี และหลักอากีดะฮ์ของอีหม่ามอัชอารี (ซึ่งอีหม่ามชาฟีอีเองก็ไม่ได้ยึดหลักของอัชอารี เพราะอีหม่ามชาฟีอีเกิดก่อน( ฮ 150 ) อีหม่าอัชอารี ( ฮ 260 ) ส่วนหลักปฎิบัติมีอะไรทีมั่วหลายอย่าง เช่นเอาจากซูฟีบ้าง จากชีอะฮฺ บ้าง เช่นการทำเมาลิดเป็นต้น อีหม่ามชาฟีอีเองก็ไม่รู้จัก เมาลิด แล้วมีการอัรวะฮ์ ฮีดายะฮ์ผลบุญให้คนตาย และอะไรหลายๆ อย่างที่บิดอะฮ์
 ผมขอแค่นี้ก่อน ถ้าไม่รบกวนผมใคร่ขอทราบ คำนิยาม คณะใหม่ หรือเก่าตามทัศนะของคุณด้วย
ญาซากลัลอฮูฆอยรอ่น

14
 :salam:Insha Allah ผมจะตอบกลับมาเร็ว ๆนี้ เพราะกำลังอ่านศึกษาใน link ที่ส่งไป ขอบคุณที่ยังคิดถีง
YazaKalLah

15
ผมตาสว่างแล้ว อยากให้ผู้อื่น ตาสวางบ้าง คณะใหม่ไม่ได้เกิดเกิดขึ้นแค 600 กว่าปี แต่เกิดขึ้นในสมัยท่านรอซูลลอฮ์ คณะใหม่ไม่ได้ตาม วาฮาบี แต่เราตามทุกอีหม่ามที่ตรงกับท่านรอซูล แต่ตณะเก่า (?) ส่วนใหญ่จะเอาทัศนะของอุลามา หนืออีหม่ามเป็นใหญ่มากกว่าจะตามสุนนะฮ์นบี นี่คือข้อเท็จจริง

หน้า: [1] 2