แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ۞QolbunSaleem۞

หน้า: [1] 2 3 ... 12
1
 :salam:
ครับๆ แต่ที่ผมทราบข้อมูลมาคือเชคริฎอท่านก็จบอัซฮัรมัสหับชาฟีอีย์มาโดยเฉพาะนี่นา..ท่านก็คงทราบดีในเรื่องเหล่านี้ และที่ท่านพูดในตอนท้ายๆหน่ะครับ น่าสนใจมากคือว่า หากมุสลีมะห์คนนั้นเป็นลูกสาวท่านหล่ะ มีผู้ชายพาลูกสาวเราหนีหรือว่าลูกสาวเราหนีตามผู้ชายไปเนี่ยะ เป็นท่านๆจะยอมไหมหล่ะครับ ท่านถึงยกหะดีษมาบทนึงไงครับว่าวลีต้องอนุญาตด้วย ไม่อย่างนั้นบาฏิลครับ ผิดพลาดประการใดต้องขอมะอัฟด้วยนะครับ

2
 :salam:
พี่น้องลองฟังคำตอบจาก เชคริฎอ อะหมัด สมะดี ดูนะครับ
http://www.islaminthailand.org/dp6/?q=forum/1100

3
จากบทความเดียวกัน....มาดูบรรดาลูกศิษย์ของท่านอิบนุตัยมิยะห์

จุดเด่นของท่านคือการที่มีศิษย์ที่มีความสามารถมากมายร่วมงานด้วย คนที่สำคัญคนแรกคือ ท่านอิบนุ กอยยิม อัล เญาซียะฮฺ(ตายปี 1350) นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ นักปฏิรูปแนวทางซูฟีให้อยู่ในแนวทางสลัฟ ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์ที่สะท้อนแนวคิดของอาจารย์ได้มากที่สุด               
 
ศิษย์ที่โดดเด่นคนอื่นๆ เช่น ท่าน อิบนุ อับดุล ฮาดียฺ(ตาย1343) เสียชีวิตเมื่ออายุได้เพียง 40 ปี มีความรอบรู้มาก และได้ทิ้งงานเขียนที่มีค่าไว้ชุดหนึ่ง, ท่านอิบนุ กะษีร(ตาย 1373)เป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่ง เป็นนักประวัติศาสตร์(งานที่โด่งดังด้านนี้คือ อัล บิดายะฮฺ วัล นิฮายะฮฺ)และเป็นนักตัฟซีร(ตัฟซีร อิบนุ กะษีร อันโด่งดัง) ท่านผู้นี้สังกัดมัซฮับชาฟิอียฺ(โดยไม่อคติกับมัซฮับอื่นเช่นครูของท่าน), ท่านฮาฟิซ อัซ ซะฮาบียฺ(ตาย 1348) โดดเด่นทางด้านฮะดีษ โดยได้แต่งหนังสือไว้หลายเล่มในสาขานี้, ท่านมุฮัมมัด บิน มุฟลิหฺ(ตาย 1362) นักเขียนหนังสือหลายเล่ม, ท่านอบู ฮัฟซฺ อัล บัซซาร(ตาย 1349) เป็นผู้เขียนประวัติอิบนุตัยมียะฮฺ, ท่านอิบนุ อัล วัรดี(ตาย 1348) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมและไวยากรณ์อาหรับ, ท่านกอฎียฺ อิบนุ ฟัฎลุลลอฮฺ(ตาย 1349)นักเขียนผู้โด่งดัง เป็นต้น 

*************************************
โห้...ดูบรรดาชื่อลูกศิษย์แล้ว
ก็น่าละเหี่ยใจเหลือเกิน

ที่มีคนริอยากจะวิจารณ์ตอบโต้ท่านอิบนุตัยมิยะห์ นักฟื้นฟูอิสลาม และมีลูกศิษย์นักฟื้นฟูอิสลามมากมาย และเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับนักฟื้นฟูอิสลามรุ่นหลังๆ

 

4
              ท่านเมาลานา ซัยยิด อบุล ฮะซัน อลี อัน นัดวียฺ ได้เขียนถึงอิบนุ ตัยมียะฮฺ ในแง่มุมต่างๆไว้ในหนังสือเล่มใหญ่ของท่านชื่อว่า “อัล ฮาฟิซ อะหฺมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ” โดยท่านได้กล่าวถึงหลักการในการฟื้นฟูอิสลามของอิหม่ามอิบนุ ตัยมียะฮฺ ไว้ว่ามี 4 ประการ สรุปได้ดังต่อไปนี้   
             1.การฟื้นฟูแก่นแท้ของคำสอนอิสลาม ได้แก่ การฟื้นฟูเตาฮีด และขจัดแนวคิดชิรกฺ               
             2.การวิพากษ์แนวคิดที่ครอบงำโลกมุสลิม ได้แก่ การวิพากษ์ตรรกวิทยาและปรัชญาของกรีก พร้อมๆกับนำเสนอวิธีการของอัลกุรอานและอัซซุนนะฮฺเข้าแทนที่ทุกสนามของอิสลาม               
             3.การใช้วิธีการทางวิชาการชี้แจงกลุ่มที่ออกนอกกรอบคำสอนอิสลาม เป็นการตอบโต้กลุ่มบิดเบือนต่างๆ และคัดค้านแนวคิดและอิทธิพลของมัน               
             4.การฟื้นฟูศาสตร์ต่างๆของอิสลาม และการนำแนวคิดอิสลามกลับมาใหม่

           
          ท่านซัยยิด อบุล อะอฺลา อัล เมาดูดียฺ ได้กล่าวไว้ ในหนังสือ  A Short History of the Revivalist Movement in Islam ถึงความสามารถในการเป็นนักฟื้นฟูที่โดดเด่นของอิหม่ามอิบนุ ตัยมียะฮฺ ไว้ด้วยผลงาน 4 ประการ  ซึ่งมีทั้งสนามทางความคิดและสนามการต่อสู้ พอที่จะสรุปได้ดังต่อไปนี้             
          1.ความสามารถในการวิพากษ์ตรรกวิทยาและปรัชญาของกรีกที่ครอบงำวิชาการด้านอะกีดะฮฺอิสลาม แม้ว่าอีหม่ามฆอซาลียฺจะทำไว้ก่อนหน้านี้ แต่อิหม่ามอิบนุ ตัยมียะฮฺ ทำได้จริงจังและหนักแน่นกว่า และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง               
          2.การนำเสนออะกีดะฮฺอิสลามและกฎเกณฑ์อิสลาม พร้อมข้อโต้แย้งที่หนักแน่นและสมเหตุสมผล โดยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอิสลาม ด้วยการนำเสนอจากอัลกุรอานและอัซซุนนะฮฺที่บริสุทธิ์โดยตรง               
          3.ความสามารถในการ อิจญติฮาด(การวินิจฉัยตัวบทเข้ากับความเป็นจริง) พร้อมๆกับการเข้าถึงสำนักนิติศาสตร์ที่หลากหลาย และยังแสดงให้เห็นถึงวิธีใช้อิจญติฮาดอย่างแม่นยำ             
          4.การลงไปสู่สนามแห่งการปฏิบัติ ด้วยการคัดค้านชิรกฺและประเพณีที่หลงผิดต่างๆ ความกล้าหาญของท่านในเรื่องนี้ทำให้ท่านต้องถูกจำคุกหลายครั้ง นอกจากนี้ ท่านยังได้ประกาศญิฮาดกับพวกตาร์ตาร์ที่รุกรานโลกมุสลิม โดยท่านได้เป็นผู้นำคนหนึ่งในการต่อสู้อย่างกล้าหาญ             

(ส่วนหนึ่งจากบทความ ในเว็ปฟิตยะห์.คอม)         
*********************************

คนแบบนี้หรอ...ที่คุณจะมาตอบโต้ มาแฉ...
คุณท่องกุรอานได้กี่ยุสแล้ว คุณท่องหะดีษได้กี่บทแล้ว คุณเคยปราศรัยชี้ถูกชี้ผิดให้สังคมมุสลิมไหม

หรือนี่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญานกิยามัตครับ เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนตักเตือนจะโดนด่า คนซอและห์จะโดนใส่ไคล้ สาระพัดสาระเพ

5
ทีมุสลีมีนอ่าดูไม่ออก ไม่มีผ้าคลุมอยู่บนหัวหนิ
คงไม่มีใครใส่ซอเกาะห์ ไปยืนโย่วๆๆหน้าเวทีหรอก
ฉะนั้น..อย่าว่าแต่มุสลีมะห์
ไปดูได้เลยครับ
งานเฟรชชี่อะไรต่างๆของมหาลัยในกทม. ที่เชิญนักร้องดังๆมาขึ้นคอนเสิร์ต
เชื่่อได้เลยว่ามีมุสลิมที่ประกาศตนว่าอยู่ชมรมมุสลิม ทำงานศาสนาออกค่ายอะไรต่างๆ บางคนถึงขั้นเป็นกรรมการชมรมฯ เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตด้วยเสมอมา และจะมีเสมอไป  ทั้งมุสลีมีนและมุสลีมะห์ด้วย(สวมหิญาบเข้าไปเลยครับ) ซึ่งคอนเสิร์ตส่วนใหญ่ก็เข้าชมฟรี ส่วนน้อยกระมังที่ยอมจ่ายตังค์ไปดูคอนเสิร์ตใหญ่ๆที่จัดขึ้นตามฮอล์ลใหญ่ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีอย่างแน่นอน

พอออกมาปุ๊ป อ่ะ...
เข้ากระทู้โพสบนกระดานเสวนาต่อ อิสลามอย่างนั้น อิสลามอย่างนี้ ทำอันนั้นมีหลักฐานอย่างนั้น ไม่ทำอันนี้เพราะมีหลักฐานอย่างนี้
ช่างขัดกันจริงๆกับความเป็นอยู่ของตนเอง...

ซึ่งมันเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ยังคลุกคลีกับการฟังเพลงนั่นเอง ชีวิตยังไม่ตัดขาดกับการฟังเพลง บ้างก็ไปโพสส์ในเฟสบุ๊คพูดคุยกันถึงเรื่องของเพลง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ขัดกับอิสลาม

ดังนั้นใครรู้จักพี่น้องที่ยังไปดูคอนเสิร์ตอยู่ ก็จงตักเตือนเขาด้วย แม้ว่าเพื่อนเราจะโกรธจะเกลียด ก็ต้องทำ
และไม่ต้องถึงขั้นไปดูคอนเสิร์ตหรอกครับ เอาแค่ฟังเพลงก่อน คือถ้าใครเห็นเพื่อนกำลังฟังเพลงอยู่ก็จงตักเตือนเขาซะ ตักเตือนบ่อยๆ อินชาอัลลอฮ เขาอาจจะเลิกฟังได้ในที่สุด กระผมก็เคยฟังเพลง แต่อยู่ในบรรยากาศแห่งการนาซีฮัตบ่อยๆเข้า ทุกวันนี้นั่งแท็กซี่คนขับรถเปิดเพลง กระผมมักจะสั่งให้เขาปิดเพลงครับแล้วอธิบายให้เขาเข้าใจ ก็ลองดูนะ....

 
รักกันเพื่ออัลลอฮ เกลียดก็เกลียดเพื่ออัลลอฮครับ.. wink:

6
อิสลามอินไทยแลนด์ อีกแล้วเหรอ

น่าเบื่อจัง

กรณีหะดิษเมาฎัวะในมุนตะค๊อบอะฮาดิษ ยังไม่ตอบเลย



islamthailand ครับ ไม่ใช่ islaminthailand

ได้โปรดอย่าสับสน มันคนละองค์กรกันเลย ใช้สติ ดูดีๆ อย่ารีบร้อน(วิชา) .. sad:

7
กระผมเห็นควรแล้วที่จะต้องปิดกระทู้นี้ เพราะว่าอูลามาอ์ทั้งสองฝ่ายเขาก็ตกลงกันแล้วด้วยกัลยาณมิตร

แต่เห็นว่ากระทู้ชักจะเริ่มออกทะเล วิภากวิจารณ์นอกประเด็นของกระทู้กันมากขึ้นๆ

กระผมก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ก็อยากเหลือเกินที่จะวิภากวิจารณ์เหตุการณ์ในวันนั้น แต่ก็ต้องอดทน งดการวิภากวิจารณ์ก่อน เมื่อได้รับทราบว่าทางอ.อารีฟีน ได้ติดต่อกับเชคริฎอเพื่อเสวนาวิชาการในครั้งต่อไป ก็อัลฮัมดุลิลาฮ...
ผมก็ถือคติว่าไม่วิภาควิจารณ์ดีกว่าครับ และอยากเสนอให้เว็ปมาสเตอร์ช่วยงดการโพสในกระทู้นี้ก็จะดี เพราะัยังคงมีแต่ลูกศิษย์นั่นแหล่ะครับที่สาดกันไปสาดกันมา ทั้งๆที่ระดับอูลามาอ์เขาตกลงกันได้ด้วยดีแล้ว

หวังว่าคงจะได้รับการพิจารณานะครับ..อินชาอัลลอฮ

8
ห้ารุมนึงมันก็เคยแพ้มาแล้ว นับประสาอะไรกับแค่สาม 555
วัฮบีเอ๊ยยยย มาโปฮลาาา

เว็บมาสเตอร์ปล่อยให้นายนี้สาปแช่งมุสลิมด้วยกันได้ยังไง มาโปฮลาา แม้จะพูดเหมือนเล่นๆ ภาษาไทยก็ประมาณไปตายซะ

เท่านั้นยังไม่พอ ที่ผ่านมานายนี้ใช้คำหยาบคายมากมายถึงขนาดต้องเซ็นเซอร์ขึ้นสีแดง ไม่รู้กี่กระทู้ เว็ปมาสเตอร์ก็ยังคงปล่อยปละละเลย ต่างกับยูเซอร์เนมบางคนที่มีแนวคิดต่างกันบ้าง แต่พอพูดอะไรผิดหูท่านนิดนึง ท่านก็ลบเขาออกไปแล้ว นายนี้หล่ะทำไมไม่ลบยูเซอร์บ้าง ทำผิดกฏกระทู้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โพสระดับหมื่นโพสด้วย

กระทู้นี้ทีแรกที่ตั้งขึ้นมา ก็นึกในใจแล้วหล่ะว่ามันจะไปในแนวทางไหน ทีแรกก็ยังไม่เห็นมีอะไร แต่พอนานๆไป เลยไปหน้าสองหน้าสาม ก็เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆด้วย



9
กาซาเจ็บ 11 คนจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
ชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บจากการก่อการร้ายของอิสราเอล

อัลญะซีเราะฮฺ  : เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ และพยานผู้เห็นเหตุการณ์ เผยว่าชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 11 คน จากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในดินแดนกาซา
        เครื่ีองบินก่อการร้ายอิสราเอลได้ทิ้งระเบิดโจมตีเป้าสนามบินนานาชาติในดิน แดนกาซา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเราะห์ฟะ ทางตอนใต้ของกาซา เมื่อวันศุกร์(19)ที่ผ่านมา
        ด้านกองกำลังอิสราเอลได้ได้ยืนยันกับทางสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายดังกล่าวจริง
        Casey Kauffman ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ รายงานว่า การโจมตีดังกล่าว เป็นการโจมตีต่อเนื่องเป็นคืนที่ 2 หลังจากที่อิสราเอลถูกต่อต้านอย่างหนักจากประชาคมมุสลิมกรณีที่ประกาศวางแผน การสร้างบ้านชาวยิว 1,600 หลัง และโบสถ์ ในพื้นที่อัลกุดซฺ ใกล้กับมัสยิดอัล-อักศอ มัสยิดสำคัญลำดับที่ 3 ของศาสนาอิสลาม


ชาวอินโดนีเซียนับพันประท้วงแผนยิวปล้นพื้นที่อัลกุดซฺสร้างบ้าน-โบสถ์ ยิว

สำนักข่าวไทย :ประชาชนในอินโดนีเซียกว่าพันคนร่วมชุมนุมประท้วงแผนการของอิสราเอลที่จะ สร้างบ้านใหม่ให้ชาวยิวในพื้นที่เขตเมืองเก่า หรืออัลกุดซฺ ตั้งอยู่ในเยรูซาเลมตะวันออก โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้ทำลายอิสราเอลและระบุว่าอิสราเอลเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริงของโลก ผู้ประสานงานการประท้วงกล่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลควรจะยุติการรุกรานปาเลสไตน์ และอิสราเอลไม่ควรจะตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนเยรูซาเลมตะวันออกแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลและรัฐสภาอินโดนีเซียให้ความช่วยเหลือปาเลสไตน์โดย เร็ว การประท้วงดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากพรรคมุสลิมในรัฐบาลผสมของ อินโดนีเซีย

             ทั้งนี้พื้นที่เขตเมืองเก่า หรืออัลกุดซฺ ที่อิสราเอลเตรียมการดำเนินการก่อสร้างบ้านชาวยิว 1,600 หลัง และโบสถ์ ใกล้กับมัสยิดอัล-อักศอ มัสยิดสำคัญลำดับที่ 3 ของศาสนาอิสลาม

10
   


pin onlines - เกิดการปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไตน์ที่มีเพียงมือเปล่า กับตำรวจอิสราเอลที่มีอาวุธครบมือ ในสองพื้นที่ทางด้านตะวันออกของเมืองอัลกุดซฺ หรือเยลูซาเล็ม ของชาวปาเลสไตน์ สำหรับวันที่ชาวปาเลสไตน์เรียกว่า "day of rage" หลังจากชาวยิวได้เปิดใช้โบสถ์ใหม่ในเมืองอัลกุดซฺ ใกล้มัสยิดอัล-อักศอ มัสยิดสำคัญลำดับที่ 3 ของโลกมุสลิม

ชาวปาเลสไตน์ที่มีเพียงก้อนหินเป็นอาวุํธได้ปะทะกับกองกำลังอิสราเอลที่ใช้ ระเบิดแก็สน้ำตายิงเข้าไส่ในพื้นที่ Shuafat และพื้นที่ใกล้เคียงกับ Essawiyya ในวันนี้

มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 15 คนที่ถูกตำรวจอิสราเอลลักพาตัวไป

อิสราเอลได้ใช้กำลังพลกว่า 3 พันนายเข้าประจำการในพื่นที่อัลกุดซฺ และหมู่บ้านใกล้เคียง หลังจากรัฐบาลฮามาสของปาเลสไตน์ ประกาศจะตอบโต้การกระทำของอิสราเอลในการเปิดโบสถ์ Hurva ในเมืองอัลกุดซฺ ในพื้นที่ของชาวมุสลิม

พื้นที่อัลกุดซฺ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักศอ คือหัวใจของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์ ขณะที่โบสถ์ Hurva ที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อวานนี้(15มีนาคม 2553) อยู่ห่างจากมัสยิดอัล-อักศอเพียงแค่ 700 เมตรเท่านั้น


ประมวลภาพการต่อสู้ของพี่น้องชาปาเลสไตน์


โบสก์Hurva ที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อวานนี้(15) อยู่ห่างจากมัสยิดอัล-อักศอเพียงแค่ 700 เมตรเท่านั้น


ตำรวจติดอาวุธของยิวกำลังทำร้ายชาวปาเลสไตน์


ตำรวจติดอาวุธของยิวกำลังทำร้ายชาวปาเลสไตน์


ชาวปาเลสไตน์ตอบโต้ด้วยก้อนหิน


เด็กน้อยก็ร่วมต่อสู้ปกป้องบ้านของอัลลอฮฺ


ระเบิดที่พุ่งออกจากกระบอกปืนของยิว พุ่งตรงสู่ชาวปาเลสไตน์




ชาวปาเลสไตน์ร่วมปกป้องบ้านของอัลลอฮฺ


สตรีชาวปาเลสไตน์ร่วมปกป้องบ้านของอัลลอฮฺ

ขอเชิญชวนพี่น้อง ร่วมกันประณามยิวทุกๆรูปแบบ รวมถึงการบอยคอตสินค้าที่สนับสนุนยิว เช่น โค๊ก แป๊ปซี่ เป็นต้น
และติดตามข่าวสารการรุกรานของยิวในดินแดนของชาวปาเลสไตน์พี่น้องของเราอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญ คือ การขอดุอาอ์ให้กับพี่น้องของเราชาวปาเลสไตน์ด้วยนะครับ

ขอบคุณภาพ/ข่าว จาก pinonline
ขอบคุณภาพ จาก jihadforjannah

11
 salam
49:6 โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! หากคนชั่วนำข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด  หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป

คุณสับสน กับ อัล-อุมหรือคุณwahaba พูดคุยกันหลังไมค์จะดีกว่าไหมครับ

ได้ความจริงอย่างไร ก็มาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว

ดีกว่าที่จะมากล่าวหา
โดยยังไม่ทราบที่มาที่ไปที่แท้จริง จุดประเด็นคนเดียว พี่น้องท่านอื่นๆก็มาก่อความยาวสาวความยืดไปกันใหญ่

และหากที่กล่าวหามาทั้งหมดนั้น ไม่เป็นความจริง คุณอัล-อุมหรือwahaba ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอมะอัฟเขา ที่ไปซูลุมเขา กล่าวหาเขา(ในข้อหาที่ร้ายแรงไม่น้อยเลย)
รวมถึงพี่น้องท่านอื่นๆด้วย ที่กระแนะกระแหนคุณสับสน ใช้คำพูดคำจาเสียดสีเขา
ใครรู้ตัวว่าเคยพูดอย่างไร ตัวเองก็รู้ดี ก็ไปขอมะอัฟเขาซะ หลังไมค์ก็ได้

คนที่ถูกพ่อแม่ตัวเองสาปแช่ง ก็มักจะสับสน อย่างนี่แล

เขาแค่พูดลอยๆ
จะบอกว่า พ่อแม่สาปแช่งอยู่ในสับเซตของอาการแบบนี้

คุณwahabaพูดถูกครับ  คุณสับสนถูกพ่อแม่สาบแช่งและด่าว่าจิงๆครับ ผมเองก็เคยเจอกระทู้เก่าๆนะครับ สับสนบอกว่า  แม่เขาโกรธมากเมื่อรู้ว่าตนเองรับเอาลัทธิของวาฮาบีมาดำเนินชีวิต เพราะมันหมายถึงว่า อากีดะของสับสนก็กลายเป็นอากีดะแบบบิดอะ คล้ายกับพวกอัลกอรมียะ และพวกมัวตะซีละ หรือคล้ายๆกับพวกยิวประมาณนั้นจริงๆครับ

kita sedang ajar dia bahawa jangan membuat wi dua ibu bapa sedih hati

ออ เข้าใจแล้ว เพราะถูกพ่อแม่เอาใจมากเกินไปนี่เอง


แล้วผมก็สงสัยอยู่ว่า คุณๆจะไปยุ่งทำไมกับเรื่องเขากับพ่อแม่ของเขาหล่ะครับ ไม่เข้าใจจริงๆ ไม่มีเรื่องดีๆที่มีสาระมาพูดคุยกันแล้วหรอครับ อ.อัซฮารี หรือพี่น้องบางท่านก็พูดในประเด็นดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่วายมีบางคนนั่นแหล่ะครับ ฝากผู้ใหญ่ในนี้นาซีฮัตด้วย...



วัสลาม

12
ความเชื่อผิดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเดือนเศาะฟัร

   ชาวอาหรับยุคก่อนได้นำเดือนเศาะฟัรไปเกี่ยวโยงกับลางร้าย โชคร้าย ทุกข์ภัย โรคระบาด และความอัปมงคลต่างๆ ชาวอาหรับสมัยก่อนเวลา จะออกทำสงคราม หรือจะทำการค้าขาย ก็จะทำนายโดยการปล่อยนก ซึ่งถ้าหากว่านกบินไปทางขวาก็ถือว่าลางดี แต่ถ้าหากว่านกบินไปทางซ้าย ก็ถือว่าลางร้าย ก็เลยไม่ออกไป ค้าขายหรือทำธุระต่างๆ เพราะถือว่าจะเกิดความเลวร้ายต่างๆ เกิดขึ้น

ส่วนเดือนเศาะฟัร เป็นเดือนที่ชาวอาหรับยุคก่อนยังถือว่า เป็นเดือนลางร้าย จะมีภัยบะลาอฺจากอัลลอฮฺลงมายังโลกนี้ ปีละ 320,000 (สาม แสนสองหมื่น ) บะลา ซึ้งทั้งหมดนี้ประทานลงมาในวันพุธสุดท้าย ของเดือนเศาะฟัร และในวันดังกล่าว จะปรากฏว่า เป็นวันที่มีปัญหามาก ที่สุดในรอบปี จึงมีการทำน้ำดุอาอฺ เพื่อใช้อาบหรือดื่มขจัดลางร้าย ซึ่งเรียกน้ำนี้ว่า "น้ำเศาะฟัร"

ไม่มีลางร้ายในเดือนเศาะฟัร

มีรายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวไว้ว่า

اَ عَدْوَى وَلا طِيَرَة ولا هَامَّة ولا صَفَرَ

ความว่า "ไม่มี โรคติดต่อ และไม่มีลาง (ร้าย) และไม่มีนกเค้าแมว และไม่มี (เคราะห์ร้าย) เดือนเศาะฟัร" (บันทึกโดยอิหม่ามบุคอรีย์ และมุสลิม)

ส่วนสำนวนของอิหม่ามมุสลิมมี เพิ่มเติมว่า

ولا نَوْءَ ولا غَوْلَ

ความว่า "และไม่มีตำแหน่งของดวงจันทร์ และไม่มียักษ์ (เหมือนกับความเชื่อของผู้คนยุคงมงาย)"

อีกฮะดีสหนึ่ง มีรายงานจากอิบนิ อุมัรว่า

مَنْ رَدَّتْهُ الطِّيَرَةُ عن حاجَتِهِ فَقَدْ أَشْرَكْ قالوا : فما كَفَّارَةُ ذلك ؟ قال : أن يَقُوْلَ اَللهُمَّ لا خَيْرَ إِلاَّ خَيْرُكَ ، ولا طَيْرَ إِلاَّ طَيْرُكَ ولا إِلَهَ غَيْرُكَ

ความว่า "ผู้ใด ที่ลางได้ทำให้เขาต้องล้มเลิก ไม่ทำธุระของเขาให้เสร็จแล้ว ก็เท่ากับว่าเขาได้ตั้งภาคี บรรดาซอฮาบะฮฺได้กล่าวว่า แล้วสิ่งลบล้าง ของในเรื่องดังกล่าวคืออะไร? ท่านนบีได้ตอบว่า คือ ให้ท่านกล่าวว่า โอ้อัลลอฮฺไม่มีความดีอันใดนอกจากความดีของพระองค์เท่านั้น และไม่มี การเป็นลางอันใดนอกจากการเป็นลางของพระองค์เท่านั้น และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น" (บันทึกโดยอิหม่ามอะหมัด)

    ฮะดีสสองบทนี้บ่งบอกชัดเจนว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทรงเข้มงวดกับเราในเรื่องของโชคลางต่างๆ ท่านนบีได้ปฏิเสธสิ่งที่ มันบ่งบอกถึง โชคลาง ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อของโรค ซึ่งมันไม่ได้มีอำนาจในตัวของมันเอง เว้นเสียแต่อัลลอฮฺจะประสงค์ให้โรคเกิดกับผู้ใด และเรื่องของลางร้ายต่างๆ ก็เช่นกัน ในขณะที่เราต้องการออกจากบ้านไปทำธุระ หรือค้าขาย ก็ให้เรามอบหมายกับอัลลอฮฺไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ตาม ดังเช่นดุอาอ.ที่ท่านนบีสอนให้กล่าวว่า

بِسْمِ اللهِ تَوَكَّلْتُ عَلَى اللهِ لا حولَ ولا قُوَّةَ إِلاَّ بِاللهِ
ความว่า "ด้วย พระนามของอัลลอฮฺ ฉันมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ไม่มีอำนาจและพลังใดนอกจากด้วยพลังอำนาจของอัลลอฮฺ"



ส่วนเรื่องเดือนเศาะฟัรนั้น ท่านนบีก็ได้มาล้มเลิกความคิดงมงายของชาวอาหรับยุคก่อน เกี่ยวกับเดือนแห่งความโชตร้าย หรือภัยบะลออฺต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวัน พุธสุดท้ายของเดือน

ฉะนั้นความเชื่อ และกิจกรรมต่างๆ ที่ปฏิบัติในเดือนเศาะฟัรนั้น ไม่มีรากฐานมาจากศาสนาอิสลามแต่อย่างใด

مَنْ أَحْدَثَ فِي أَمْرِنَا هَذَا مَا لَيْسَ مِنْهُ فَهُوَ رَدٌّ

ความว่า "ผู้ใดประดิษฐ์ สิ่งใหม่ขึ้นมาในกิจการของเรา (บทบัญญัติของเรา) นี้ เป็นสิ่งที่ไม่มี (หลักฐาน) จากมัน ดังนั้นมันจะถูกตีกลับ (ปฎิเสธ)" บันทึกโดยอิหม่ามบุคอรีย์ และมุสลิม


http://www.warasatussunnah.com/Day_Month/Sofar.html



และเห็นด้วยกับอ.อัซฮารีที่กล่าวว่า....

salam

บัง al-azhary เคยตอบไว้แล้วดังนี้ค่ะ

بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

บรรดาวันต่าง ๆ ทั้งหมดนั้น  เราห้ามเอี๊ยะติก๊อตยึดมั่นว่า  มันจะมีลางร้าย  หรือให้โทษโดยมีภัยบะลาลงมา  เพราะวันทั้หมดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  มันมิสามารถให้ประโยชน์หรือให้โทษอันใดได้ด้วยตัวของมันเอง

ส่วนหลักความเชื่อที่ว่า "อัลลอฮฺ จะประทานลงมาทุกปี ปีละ 320,000 ( สามแสนสองหมื่น ) บะลา ซึ้งทั้งหมดนี้ประทานลงมาในวันพุธสุดท้าย ของเดือน ซอฟัร ( เดือนที่สองของศักราชอิสลาม ) และในวันดังกล่าว จะปรากฏว่า เป็นวันที่มีปัญหามากที่สุดในรอบปี"  นั้น  ไม่มีหลักฐานจากอัลกุรอาน  ฮะดิษซอฮิห์  หะซัน  และฏออีฟแบบธรรมดา  มายืนยัน   เท่าที่ทราบ  คือสิ่งดังกล่าวนี้มาจาก กัชฟ์ของนักปราชญ์ซูฟีบางส่วน  กล่าวคือมีนักปราชญ์ซูฟีบางส่วนซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงกัชฟ์(ทรงเปิด)ให้เขารู้ว่าทุกปีในวันพุทธสุดท้ายของเดือน ซอฟัร (เดือนที่สองของศักราชอิสลาม) นั้น  พระองค์จะประทานบะลาลงมาทุกปี  เพราะฉะนนั้น  หลักการกัชฟ์  นอกเหนือจากหลักอะกีดะฮ์แล้ว  ก็ยัง ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานตามหลักชะรีอัตได้ครับ

ดังนั้น  ไม่ว่าวันใหน ๆ  ก็ขอให้เราพ้นจากภัยบะลอที่อัลเลาะฮ์ทรงนำมาทดสอบกับพวกเราด้วยเถิด  และการขอต่ออัลเลาะฮ์ให้พ้นจากภัยบะลอนั้น  สามารถขอได้ทุกวันครับ

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم



13
ปล้นกูเกิ้ล****เลย
salam
ให้เจ้าตัวเซ็นเซอร์คำพูดตัวเองก่อนพูดดีกว่าไหม

ผมยังเห็นว่า นี่คือบอร์ดพูดคุยศาสนานะ ไม่ใช่ตลาดสด

เจ้าตัว โพสข้อความจะถึงหมื่นข้อความอยู่แล้ว มากกว่าอาจารย์ หรือผู้รู้ มากกว่าใครๆในนี้ซะอีก

น่าจะมีวุฒิภาวะในการโพสต์มากกว่านี้

เป็นการตักเตือนเล็กๆน้อยๆ ไม่โกรธกันหน่ะ

14
ทำไมเอาแต่ถามหาวิดีโอ การปราศรัยของเชค อยู่ฝ่ายเดียวหล่ะครับ
แล้วการปราศรัย ของ อ.กอเซ็ม ไม่เห็นมีใครอยากจะดูวิดีโอ ท่านเลย...

วะฮาบีย์ก็ไม่กล้าอยู่ดีนั่นแหละคร้าบ  เพราะจะเกิดการเปรียบเทียบเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ระหว่างผู้ที่คลั่งกับไม่คลั่ง  ผู้ที่พูดไม่แหกปากกับผู้ที่พูดแหกปากตาเหลือกตาหลุน  ผู้ที่พูดมีบุคลิกดีกับบุคลิกตะกั๊บบุรชี้ไม้ชี้มือ  ผู้ที่พูดเชิงวิชาการกับผู้ที่พูดเชิงชวนทะเลาะวิวาท

...ยังไงวะฮาบีย์ก็ไม่กล้านำภาพวิดีโอทั้งสองมา  เพราะเอาแค่เสียงพอ  เพราะกลัวคนอื่นจะเห็นว่า  อาจารย์อีกคนเหมือนคนคลั่ง  ต่างศาสนิกจะเห็นว่า  "ผู้ที่บอกว่าตามศาสดามุฮัมมัดเขาทำท่ากันอย่างนี้หรือ?
   

พูดเอง ตัดสินเออ ออ เอง อย่างนี้
ผมว่าไม่มีประโยชน์เลย ไร้สาระครับ frown

15
 salam

salam

เมื่อเป็นเช่นนี้  วะฮาบีย์จึงไม่กล้าเอาภาพที่จารริดอ  ลงเว็บไซต์  เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ระรานชวนทะเลาะวิวาท นั่นเองคร้าบ
ในเมื่อยังอยากพูดประเด็นพฤติกรรม มารยาท ซึ่งกันและกันนั้น

ตัวผมเอง ก็อยากดูภาพ หรือวิดีโอ ของอ.กอเซ็ม มาลงเว็ปไซด์ด้วยเช่นกัน เพราะผมฟังแล้ว ท่านก็สวนทางกับแนวทางตะซอวุฟของท่าน ที่ไปเสียดสี ดูหมิ่นแนวทางอื่นๆ และอยากดูการแต่งตัวของท่าน ที่เชคพาดพิงว่า ท่านแต่งตัวไม่เหมาะกับการเป็นตะซอวุฟ(ใส่เลยตาตุ่ม เสื้อผ้ามีราคา) เลยครับ อยากเห็นหน่ะ...

มีไหมครับวิดีโอของทั้ง อ.กอเซ็ม และเชคริฎอ

ผมก็อยากดูมากเลยครับ ได้ฟังแต่เทปเสียงบรรยาย smile:

ทำไมเอาแต่ถามหาวิดีโอ การปราศรัยของเชค อยู่ฝ่ายเดียวหล่ะครับ
แล้วการปราศรัย ของ อ.กอเซ็ม ไม่เห็นมีใครอยากจะดูวิดีโอ ท่านเลย...


หน้า: [1] 2 3 ... 12