แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - คะลัคคะลุย

หน้า: [1] 2 3 ... 45
1
เกล็ดความรู้

อิจญฺมาอฺในยุคใดสมัยใดที่ไม่ตรงกับทัศนะที่วะฮาบีจะเอา  เขาก็จะชอบอ้างคำกล่าวของอิมามอะห์มัดที่ว่า

من ادعى الإجماع فهو كاذب

"ผู้ใดที่อ้างอิจญฺมาอฺ  แน่นอนเขาโกหก"


2
คนที่กลับตัวส่วนใหญ่จะเลือกไปทางนั้น เพราะภายนอกมันดูดีกว่า ดูวอเราะกว่า เคร่งกว่า ถ้าให้เลือก(โดยไม่มีข้อมูลอะไรเลยในหัว) ส่วนใหญ่จะเลือกทางนั้น

ที่เลือกจะไปทางวะฮาบี  เพราะสบาย  ไม่ต้องทำอะไรมาก  ยึดหลักการที่ว่าอิสลามนั้นง่าย  ไม่ต้องทำโน้นทำนี่  สบายบื๋อ...แต่อย่าลืม  แม้หลักพื้นฐานในการปฏิบัติจะง่าย  แต่การที่จะทำให้อะมัลมีความบริสุทธิ์ใจ  , อัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัย , และทรงตอบรับการปฏิบัติที่เราคิดว่าง่ายนั้น  ไม่ใช่เรื่องง่าย!

เพราะเท่าไหร่แล้ว  คนที่เข้าเป็นวะฮาบี  แล้วรู้สึกว่าตนเองลำพองและคิดตนเองดีกว่าคนอื่น  เพราะฉันมีหลักการอย่างนั้น  อย่างนี้!  คนอื่นต้องทำตามแบบฉันอย่างนั้น อย่างนี้!

เข้าเป็นวะฮาบีวันแรกชัยฏอนนำทางเขาในคาบของความเคร่งครัด!

มีความรู้หน่อย  ก็ขึ้นปราศัย  วิวัฒนาการจากความลำพอง  กลายเป็นตะกั๊บบุร  เลยฮุกุ่มคนลงนรกกันเมามัน!

นี่คือพฤติกรรมของพวกอะกีดะฮ์บิดอะฮ์โดยแท้!

3

เพิ่งเริ่มดูผ่าน ๆ แบบคร่าว ๆ ยังไม่กล้าอ่านแบบลงลึกในรายละเอียด

       เพราะก่อนอ่านนั้นมีความรู้สึกว่าหนังสือหนังสือเล่มนี้จะเหมาะกับเราหรือไม่

เนื่องจากพื้นฐานความรู้ด้านตะเศาวุฟของเรามีไม่มากนัก

จึงปรึกษากับเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนดาลอและเรียนกีต๊าบด้วย

ได้คำแนะนำมาว่า  อ่านได้ไม่มีปัญหาอะไร 

แต่ต้องมีครู  เนื่องจากฮิกัมนั้นเป็นกีตาบตะเศาวุฟในระดับที่สูง

และถ้าจะขออนุญาตนำฮิกัมในหลาย ๆ ส่วนที่อาจไม่เข้าใจได้นั้นมาเสวนาด้วยพี่น้องจะยินดีรึเปล่า?

          ขอมาอัฟสำหรับทุก ๆ ความผิดพลาดด้วยนะคะ

วัสสลาม

น่าจะลองอ่านดูก่อน  ว่ามันยากหรือเปล่า เพราะบางครั้งหนังสือฮิกัมนี้  อาจจะเข้าใจง่ายกว่าที่คิดก็ได้น่ะ

แต่หากตรงใหนไม่เข้าใจ  แล้วนำมาโพสต์ถาม  ฉันว่า  เป็นแนวคิดที่ดียิ่งเลยล่ะ  เพราะพี่น้องท่านอื่น ๆ จะได้ความรู้ด้วย

และถือเป็นโอกาสที่ผู้เขียนค้นค้าจะได้อธิบายและนำไปเขียนปรับปรุงในเชิงอรรถในฉบับต่อไปก็ได้  อินชาอัลลอฮ์

4
ด้านอกีดะเกี่ยวกับอัลลอฮอยู่ไหน พวกอัชชาอีเราะก้อเข้ากันได้เปนปี่เปนขลุ่ยกับพวกชิอะ

ระวัง ด็อกเตอร์(ดุนยา) คนนี้จะโดนสวนกลับไปว่า  อะกีดะฮ์(วะฮาบี)ของท่านนั่นแหละเข้าเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพวกยาฮูดีและนาซอรอ  อัลเลาะฮ์นั่งสถิตบนบัลลังก์อยู่บนฟ้าแบบความหมายแท้โดยไม่ต้องตีความ

5
 salam

ครูวะฮาบีเข้ามาแทรกซึม  ก็ปวดกะบาลอยู่แล้ว  ดันมีครูชีอะฮ์เข้ามาอีก  เจ็บปวดจริงๆ

อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ของเรา  ถูกทดสอบกันมากมายในปัจจุบัน  ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงเมตตาเท่านั้นที่จะรอดพ้น

วัซซาลาม

6
แมวน้อยไปเอามาจากไหนนั้น อ่านออกแปลเป็นหรือเปล่านั้น

เขาอุตสาโพสให้เราอ่านคำอวยพร    เด๊ะอิลฮาม  ปีนี้ได้ข่าวว่า อิ่มจังตังค์อยู่ครบ  ;D

7
 salam

รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของพี่น้องสมาชิกแห่งนี้ 

ซาลามัตฮารียายอ คร้าบ  loveit:

8
 salam

คนที่จิตใจอ่อนแอไม่ยาเก่นพอเฉกเช่นนบี(ซ.ล.)  เขาก็จะไม่ไปว่าคนอื่นที่มักน้อยและมีความสมถะ  แต่คนที่จิตใจป่วย  อันนี้จะว่าคนอื่นมั่วไปเพราะคิดไปว่าคนอื่นไม่ยอมทำงาน

ปัจจุบันระดับใจจิตของคนเรามันแตกต่างกันแล้วล่ะครับ

9
 salam

อย่ไปห่วงาเรื่องคู่ชีวิตของบังอัลอัซฮะรี  เพราะอัลลอฮ์ทรงวางแผนมาอยางแยบยลแล้ว  เพราะบังเขาได้บอกในกระทู้อื่นแล้วว่า  ขอให้มีคู่ชีวิตที่สนับสนุนในเรื่องศาสนาของเขา 

ตอนนี้พี่น้องช่วยกันดุอาให้ฮิกัมคลอดออกมาโดยเร็วครับ  loveit:

10
 salam

ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนผู้นำเสนอครับ  mycool:

11
salam  ใหม่ล่าสุดเพิ่งจะพูดคุยกับน้อง วาบี มี 2 ประเด็น ครับ
1  อัลลอฮฺมีมือแต่ไม่เหมือนมนุษย์ เขากล่าวว่า ลิงก็มีมือ แพะก็มีมือ เป็ด ก็มีมือแต่ต่างจากเราแค่นั้นเอง อัลลอฮฺก็เช่นกันมีแต่ต่างกับเรา
[/quote

ไม่ทราบว่าแพะมีมือด้วยหรือ  สองเท้าหน้าเป็นมือ  อีกสองเท้าหลังเป็นขาหรือครับ ที่มนุษย์เขาบอกว่า แพะมีสี่ขา  ไม่มีมือ  เป็ดมีสองขา  ไม่มีมือ  แต่ลิงค์นั้นมีมือที่เป็นอวัยวะ  ดังนั้นหากเอามีมือของมัคโลค เช่น ลิง มายืนยันว่าอัลเลาะฮ์ก็มีมือเช่นกัน  ก็เท่ากับวะฮาบีพยายามจะบอกว่า  ลิงค์มีอวัยวะเป็นมือ  อัลเลาะฮ์ก็มีอวัยวะเป็นมือด้วย  แต่แตกต่างกับเรา  หรือวะฮาบีจะบอกได้อีกว่า  เรามีมือที่เป็นอวัยวะ อัลเลาะฮ์ก็มีมือที่อวัยวะแต่ไม่เหมือนกับเรา  ถ้าวะฮาบีพูดอย่างนี้ฮุกุ่มบิดอะฮ์ลุ่มหลงได้เลย  แต่หากวะฮาบีบางคนบอกว่า   หากอัลเลาะฮ์ไม่มีมือ  ก็แสดงว่าด้วนซิ   หากได้ยินแบบนี้ก็ฮุกุ่มบิดอะฮ์ได้เลย  ส่วนจะบิดอะฮ์แบบกุฟุรหรือบิดอะฮ์ขั้นลุ่มหลงนั้น  ก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง

หากวะฮาบีบอกว่า มนุษย์มีมือแบบเป็นอวัยวะ  แต่อัลเลาะฮ์มีมือแบบไม่เป็นอวัยวะ  ก็ให้ถามวะฮาบีว่า  คุณเชื่อคำว่า يد الله  แบบฮะกีกัต(คำตรงคำแท้)หรือแบบคำเปรียบเปรย  หากวะฮาบีบอกว่าใช้คำฮะกีกัต(คำตรงคำแท้)  ก็แสดงว่าพวกเขาเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีมือเป็นอวัยวะ เพราะคำว่า มือ ในภาษาอาหรับในนัยยะของคำตรงคำแท้นั้น  ใช้กับอวัยวะ  แต่ถ้าหากวะฮาบีบอกว่า  "โอ้  ฉันเชื่อแบบคำแท้คำตรง  แต่ไม่มีอวัยวะ"  แสดงว่าโกหกต่อภาษาอาหรับ  เพราะคำว่า يد  ในภาษาอาหรับที่ไม่เป็นอวัยวะนั้น  เป็นคำเปรียบเปรยทั้งนั้น  ตรงนี้วะฮาบีก็ไม่เอาอีก   แต่หากเอาแบบฮะกีกัตคำตรง  ก็มือที่เป็นอวัยวะแต่ไม่เหมือนมัคโลค  อันนี้บิดอะฮ์ลุ่มหลงเต็มๆ

แต่อะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์นั้น ง่ายครับ   คือเชื่อในซีฟัต يد  โดยไม่เจาะจงความหมาย  แต่มอบการรู้ไปยังอัลเลาะฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

2 อีหมำชาฟีอีไม่ใช่มะซูมมีผิดมีพลาด จะยึดเป็นมาตรฐานมิได้

ใช่แล้วครับ  ไมใครมะซูมนอกจากท่านนบี(ซ.ล.)  ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ก็ไม่มะซูม  ท่านอิบนุก็อยยิมก็ไม่ซูม  มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ  ก็ไม่มะซูม  เชคบินบาซฺก็ไม่มะซูม  เชคอุษมัยมีนก็ไม่มะซูม  เชคญิบรีลก็ไม่มะซูม  เชคเฟาซานก็ไม่มะซูม

ดังนั้นการกล่าวว่า  คนนั้นคนนี้ไม่มะซูม  ถือว่าเป็นอาวุธสุดท้ายของวะฮาบีที่จะมาปฏิเสธทัศนะที่อื่นจากตน  แต่ควรระวังการแอบอ้างจากวะฮาบีน่ะ  เพราะบางทีวะฮาบีนั้นเออะอะไร  ก็จะบอกว่าตนคือทัศนะของนบี ทั้งที่นบีไม่รู้เรื่องด้วยกับทัศนะที่วะฮาบีจะเอา  พูดเอาเทห์ไว้ก่อน

ยิ่งปัจจุบันแล้ว  มีวะอาบีบางคนให้สโลกแกนว่า  เข้าใจจอัลกุรอานและซุนนะฮ์ตามความเจเข้าใจของสะลัฟ  แต่มีมากมายของทัศนะลัฟที่วะฮาบีที่มีสโลแกนแบบนี้  เขาไม่ยอมรับ

12
 salam

ในหลักวิชาตะเซาวุฟที่แท้และบริสุทธิ์เขาบอกว่า ผู้ใดกล่าวลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์เป็นคำสุดท้ายก่อนตาย  จะได้เข้าสวรรค์    และการเข้าสวรรค์ก็ด้วยความเมตตาจากอัลเลาะฮ์เพียงองค์เดียว

ส่วนข้อปลีกย่อยอื่น ๆ ที่บอกว่าจะได้เข้าสวรรค์ต้องมีหลักฐานมายืนยัน  ไม่ว่าจะด้วยหลักฐานแบบเจาะจงหรือแบบอ้อมก็ตาม

และอีกอย่าง  หนังสือดังกล่าวที่เขียนเกี่ยวกับตะเซาวุฟนั้น  เราอย่าไปพาดพึงถึงครูลี ไชยา รอฮิมะฮุลลอฮ์  แต่พาดพิงความรับผิดชอบไปยังผู้เขียนเอง  เพราะเป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้เขียนจะเขียนมาจากคำพูดของครูลีไชยา รอฮิมะฮุลลอฮ์  เป็นคำต่อคำเป๊ะๆ  เพราะมีตำราบางเล่มบอกว่า  บัลยา บิน มัลกาน นั้น คือชื่อของนบีคิฎิร ไม่ใช่ ชื่อบิดาของท่าน


13
 salam

วิชาตะเซาวุฟ  หากออกมาเป็นหนังสือเพื่อให้คนทั่วไปได้ศึกษา  ต้องมีความกระจ่างและมีที่มา  นั่นคือหลักวิชาการในการเขียนเป็นหนังสือศาสนา

14
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^
« เมื่อ: ส.ค. 29, 2009, 12:36 PM »
3. อันนะวะวีย์ อัชชาฟิอีย์ (676 ฮ.ศ.) กล่าวว่า การมองเอาเราะฮฺของสตรีอัจญ์นะบีย์เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) สำหรับชายหนุ่มที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว เช่นเดียวกับใบหน้าและฝ่ามือ ในกรณีที่กลัวจะเปิดฟิตนะฮฺ

อิมามอันนะวาวีย์บอกนั้น คือเอาเราะฮ์ในการมอง(ถ้าหากผู้หญิงไม่ปิดหน้า) عورة النظر ไม่ใช่เอาเราะฮ์ในการเปิดหน้า عورة الستر  แล้วมาบอกว่าห้ามมอง  และการที่อิมามนาวาวีย์บอกว่า  ห้ามมองใบหน้าและฝ่ามือในกรณีจะเกิดฟิตนะฮ์  ก็หมายความว่า ผู้หญิงเขาปิดหน้าและฝ่ามือ  ไม่ได้ปิดหน้า 

เป็นการแยกประเด็นได้ละเอียดละออ  เพื่อกันการแอบอ้างและสับสนสำหรับผู้มีทัศนะว่าปิดหน้า  เพราะเอาเราะฮ์ในการมอง  กับเอาเราะฮ์ในการปิดนั้นต่างกัน

กล่าวคือเอาเราะฮ์ในการมอง หมายถึงลดสายตาลงต่ำ  อย่าไปมองใบหน้าและฝ่ามือที่เผยออกมา   ส่วนเอาเราะฮ์ในการปิด  คือปิดหน้าปิดฝ่ามือ  loveit:

15
มุมมุสลิมะฮ์ / Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^
« เมื่อ: ส.ค. 29, 2009, 12:34 PM »
ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์

الإمام المنهاجي الأسيوطي (ت:807هـ) في جواهر العقود (2/4):

((ويحرم نظر الفحل البالغ إلى الوجه والكفين من الحرة الكبيرة الأجنبية عند خوف الفتنة وكذا عند الأمن في أولى الوجهين))

ท่านอัลลามะฮ์อิบนุรุสลาน

 العلامة أحمد بن حسين بن حسن بن رسلان - أرسلان- الشافعي المتوفى 844هـ في منظومة الزبد:

ومَن يُرِدْ منها النِّكَاحَ نَظَرَا وَجْهَاً وَكَفَّاً باطِنَاً وظاهِرَا
وجازَ للشّاهِدِ أو مَن عامَلا نَظَرُ وَجْهٍ أو يُدَاوِي عِلَلا

ท่านอิมามอัรรอมลีย์ได้อธิบายไว้ในหนังสือ ฆ่อยะตุลบะยานว่า

ومن شروحه غاية البيان للرملي (ت:1004هـ) يقول:

((ومن يرد منها النكاح نظرا ندبا وجها وكفا باطنا وظاهرا قبل خطبتها وإن لم تأذن له فيه وخرج بالوجه والكفين غيرهما فلا ينظره لأنه عورة منها وفي نظرهما غنية إذ يستدل بالوجه على الجمال وبالكفين على خصب البدن ومن هنا علم أن محل نظره إليهما إذا كانت ساترة لما عداهما وله تكرير نظره لتتبين له هيئتها فلا يندم بعد نكاحها عليه وإنما كان النظر قبل الخطبة لئلا يعرض عنها بعدها فيؤذيها وله النظر وإن خاف الفتنة لغرض التزوج وإن لم تعجبه فليسكت ولا يقل لا أريدها لأنه إيذاء))!!

ويقول:
((وجاز للشاهد النظر إلى وجه الأجنبية لأجل الشهادة تحملا وأداء للحاجة أو من عاملا أي عاملها ببيع أو غيره نظر وجه للحاجة ولو خاف من النظر للشهادة الفتنة امتنع فإن تعين نظر واحترز))

ท่านอัลลามะฮ์บาฟัฏล์

المقدمة الحضرمية للعلامة بافضل الحضرمي (ت:918هـ):

((والحُرَّةُ فِي صَلاَتِهَا وَعِنْدَ الأَجَانِبِ جَميعُ بَدَنِهَا إِلاَّ الوَجْهَ والكَفَّيْنِ، وَعِنْدَ مَحَارِمِهَا مَا بَيْنَ السُّرَّةِ والرُّكْبَةِ))

ท่านชัยค์มุฮัมมัด บิน สุไลมาน อัลกุรดีย์  ได้อธิบายว่า

ومن شروحها (الحواشي المدنية) للشيخ محمد بن سليمان الكردي (1/276):
((هذا لا ينافي قول من قال إن عورتها عند الأجانب جميع بدنها، لأن حرمة نظر الأجانب إلى الوجه والكفين إنما هي من حيث أن نظرهما مظنة للشهوة لا من حيث كونهما عورة))

ท่านอิมามอิบนุฮะญัรได้อธิบายคำพูดของท่านอิมามอันนะวาวีย์ว่าในหนังสือตั๊วะห์ฟะฮ์ว่า

يقول الإمام الهيتمي في التحفة:
((ووجهه "يقصد قول الإمام النووي" أن الآية كما دلت على جواز كشفهن لوجوههن دلت على وجوب غض الرجال أبصارهم عنهن ويلزم من وجوب الغض حرمة النظر ولا يلزم من حل الكشف جوازه "يقصد جواز النظر إليه" كما لا يخفى فاتضح ما أشار إليه بتعبيره بالصحيح))

------------------------------------

فكلامه صريح في جواز الكشف لذاته

หน้า: [1] 2 3 ... 45