แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ฮุ้นปวยเอี๊ยง

หน้า: [1] 2 3 ... 67
1
หมายถึงกุญแจของช่องเสียบไม้หรือเหล็กขนาดยาวที่ติดกับประตูให้กับผู้เช่า


2
ปัญหาผู้ให้เช่ากับผู้ขอเช่า (เดือนหน้าควรย้ายออก?)


    หลายคน ณ ที่นี่ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นผู้เช่า หรือ บางคนอาจเป็นผู้ให้เช่า ปัญหาเจ้าของบ้านและผู้เข้ามาอยู่อาศัยย่อมเกิดกันอยู่เสมอส่วนใหญ่แล้วน่าจะเกิดจากผู้ให้เช่านั้นก็คือเจ้าของบ้านซึ่งในบางพื้นที่มีเรียกร้องค่าใช่จ่ายในการซ่อมแซมจากผู้เช่า ทั้งๆที่ว่าไม่ใช่บ้านของเขา ในบางทีทำให้ผู้เช่าหงุดหงิดเมื่อเจอกับสถานการณ์ดังกล่าว ดังนั้นเราลองมาดูประเด็นในเรื่องนี้ในทางวิชานิติศาสตร์อิสลามเผื่อเป็นข้อมูลคร่าวๆให้ได้รับทราบกัน

    เป็นเรื่องจำเป็นให้แก่ผู้ให้เช่านั้นมอบกุญแจบ้านหมายถึงกุญแจของช่องเสียบไม้หรือเหล็กขนาดยาวที่ติดกับประตูให้กับผู้เช่า และถ้าหากผู้เช่าทำมันให้หายก็จำเป็นแก่เจ้าของบ้านนั้นเอาให้ใหม่อาจจะมีสำรองไว้หรือต้องเปลี่ยนใหม่ ส่วนกุญแจอื่นๆนั้นไม่จำเป็นที่ผู้เช่านั้นจะมอบให้กับผู้เช่า อาทิเช่น แม่กุญแจ เฉกเช่นเดียวกับบรรดาสังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย เฟอร์นิเจอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า แอร์ พัดลม และอื่น ๆ

    และจำเป็นเช่นกันต่อผู้ให้เช่าในการบูรณะซ่อมแซมบ้าน การซ่อมรอยรั่วของหลังคา เปลี่ยนประตูที่ชำรุด และปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งที่แตกหักภายในบ้าน เช่น พื้นแตก เสาบ้านร้าว และสำนวนที่ว่า"จำเป็น"(วาญิบ)แก่ผู้ให้เช่านั้น มิได้หมายความว่าผู้ให้เช่าจะได้รับบาปถ้าหากไม่กระทำสิ่งดังกล่าวให้กับผู้เช่า แต่ทว่าให้ผู้ขอเช่านั้นมีสิทธิพิจารณาว่าจะเลือกทำการดำเนินการเช่าต่อไปหรือจะยกเลิก เมื่อมีการลดทอนหรือขาดความสมบูรณ์ในการใช้ประโยชน์ เช่น เจ้าของบ้านไม่ยอมซ่อมห้องน้ำให้ในส่วนของชักโครก หรือ ประตูบ้านไม่ดี เจ้าของบ้านก็ไม่ยอมรีบเร่งมาแก้ปัญหาในจุดดังกล่าวก็ให้ผู้ขอเช่าพิจารณาเอา "ทนได้ก็อยู่ไม่ได้ก็ไปเสีย"

    ส่วนสำหรับตัวผู้เช่าก็จำเป็นบนเขาในการที่จะต้องทำความสะอาดบริเวณรอบบ้าน กวาดขยะ หรือ สิ่งปฏิกูล ทั้งหลาย และตัวผู้เช่านั้นเป็นผู้ที่ได้รับไว้วางในสิ่งที่เช่ามาไม่ว่าบ้านหรือสิ่งอื่นๆ กล่าวคือ หากมิได้สัพเพร่า หรือ เลินเล่อ ในการใช้งานระหว่างเช่า ก็ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าหากประมาทหรือสัพเพร่า เช่น เป็นคนขี้ลืมแถมยังชอบตั้งของไม่เป็นที่จนกุญแจสูญหาย หรือ เกิดไฟลุกลามเนื่องจากลืมปิดแก็ซจนได้รับความเสียหาย ก็ย่อมที่จะต้องชดใช้ โดยค่าช่ายจ่ายและภาระนั้นจะเกิดกับผู้เช่าในกรณีนี้.


__________________________________________________________________________
ดูเพิ่มเติม
فتح المعين بشرح قرة العين بمهمات الدين صــ 277-274

3
เด็กสูญหาย


 
        ปัจจุบันหากเราได้รับชมผ่านสื่อต่างๆอาจได้พบเห็นข่าวเด็กหายหรือเด็กถูกทอดทิ้งอยู่ประจำ ฉะนั้นเราลองมาดูบัญญัติอิสลามในเรื่องนี้กันเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยให้ได้ทราบกัน  loveit:

        เด็กที่ถูกทอดทิ้งในวิชาฟิกฮ์เรียกว่า “อัลละกีฏ”  หมายถึง เด็กที่ถูกทอดทิ้งรวมถึงคนบ้าที่บรรลุศาสนะภาวะแล้วตามทรรศนะที่ถูกยึดถือ ซึ่งบุคคลทั้งสองเราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นผู้ปกครองของเด็กหรือคนบ้าคนนี้ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ หรือ ปู่ หรือบุคคลที่ทำหน้าที่แทนทั้งสองในการเลี้ยงดู เช่น บุคคลที่ได้รับคำสั่งเสียให้เลี้ยงดูเด็กและคนบ้า หรือ บุคคคลที่ผู้ดูแลกิจการศาสนาสูงสุดของมวลมุสลิมหรือผู้พิพากษาได้แต่งตั้งให้ดูแลบุคคลทั้งสอง หลักฐานในเรื่องดังกล่าวนั้นก็คือโองการอัลกุรอ่านที่ว่า


وَافْعَلُوا الْخَيْرَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ

 "และจงประกอบความดีหวังว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ"

وَتَعَاوَنُوا عَلَى الْبِرِّ وَالتَّقْوَى وَلا تَعَاوَنُوا عَلَى الْأِثْمِ وَالْعُدْوَانِ

"และพวกจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม และความยำเกรง และจงอย่าช่วยกันในสิ่งที่เป็นบาป และเป็นศัตรูกัน"

        เมื่อเราได้พบเด็กที่ถูกทอดทิ้งตามถนนหนทาง การเก็บเขามาและการดูแลจัดการเรื่องต่างๆนั้น เช่น การหาข้าว หาน้ำ หาครื่องนุ่งห่ม ให้การศึกษา เป็นฟัรฎูกีฟายะห์เหนือมวลมุสลิมในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าได้มีบุคคลบางส่วนซึ่งเป็นบุคคนที่มีคุณสมบัติในการเลี้ยงดูเด็กได้ บาปก็จะตกจากมุสลิมในส่วนที่เหลือ และถ้าหากไม่มีใครเก็บมาเลี้ยงบาปก็จะตกกับทุกคนอย่างทั่วถึง และถ้าหากว่ามีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่ทราบเกี่ยวกับเรื่องเด็ก แน่นอนว่าย่อมเป็นฟัรฎูอีนแก่เขา

        และตามทรรศนะที่ชัดเจนยิ่งเมื่อเราได้เก็บเด็กมาให้เราหาพยานมายืนยันว่าเราได้เก็บเด็กคนนี้มานะ เนื่องจากกลัวว่าผู้ที่เก็บจะเอาเด็กคนนั้นไปทำเป็นทาส ถึงแม้ว่าคนนั้นเรามองแล้วเป็นผู้มีคุณธรรมก็จำเป็นต้องหาพยานเช่นกัน ส่วนการเก็บเด็กมานั้นใช่ว่าทุกคนนั้นจะมีสิทธ์เก็บเอามา มันจะต้องมีเงื่อนไขกันบ้าง ผู้เก็บเด็กมาได้นั้นจะต้องเป็นผู้ไว้เนื้อเชื่อใจได้มีคุณธรรมประจำใจ เป็นมุสลิมที่อิสระชน อีกทั้งต้องเป็นบุคคลที่ไม่บกพร่องในเรื่องศาสนาและเรื่องทรัพย์คือไม่ได้เป็นคนที่ฟุ่มเฟือยหรือชอบจ่ายเงินไปในเรื่องร้ายสาระและในเรื่องที่เป็นบาป

        และในบางทีขณะที่เราไปเจอตัวเด็กย่อมเจอทรัพย์บางส่วนซึ่งที่ผู้ครองเดิมได้มัดหรือทิ้งตั้งเอาไว้ หรืออาจเป็นแก้วแหวนสร้อยขอที่ตัวเด็ก หรือบางทีก็ไม่ปรากฏว่ามีอยู่ กรณีที่มีทรัพย์ติดตัวเด็กให้ผู้ดูแลกิจการศาสนาสูงสุดของมวลมุสลิมหรือตัวแทนของเขานั้นเป็นคนบริหารทรัพย์ในจุดตรงนี้ และผู้ที่เก็บมาไม่มีสิทธ์ที่จะเอาทรัพย์ส่วนนี้มาบริหารจับจ่ายให้กับเด็กเพราะว่าเดิมทีแล้วกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พ่อและปู่จากบรรดาญาติๆไม่มีสิทธ์แตะต้อง แต่ทว่าให้ผู้ดูแลกิจการศาสนาสูงสุดของมวลมุสลิมนั้นจัดการ เว้นแต่ว่าผู้ดูแลกิจการศาสนาสูงสุดของมวลมุสลิมได้อนุญาตให้กับผู้เก็บจัดการ ส่วนกรณีที่สองไม่พบทรัพย์ที่ตัวเด็กเลยการใช้จ่ายเรื่องค่าดูแลจะต้องเอามาจากคลังกลางในส่วนของงบประมาณสาธารณะประโยชน์ ในกรณีที่ไม่ได้มีสาธารณะสมบัติ เช่น การวากัฟให้เป็นสาธารณะสมบัติแก่บรรดาเด็กทอดทิ้ง (อาจจะเป็นศูนย์ดูแลหรืออะไรประมาณนี่) วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อวาบ.


__________________________________________________________________________
ดูเพิ่มเติม
قوت الحبيب الغريب توشيح على فتح القريب المجيب صــ 286-284

4
อยากติดต่อบาบอเป็นการส่วนตัวสามารถติดต่อได้ทางไหนบ้างครับบนโลกออนไลน์เผื่อจะได้พิมพ์สนทนากันบ้าง ^^"

5
อัสสาลามูอาลัยกุม......เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว 16/5/57 บังเอิญเข้าในเว็บนี้และได้เปิดไฟล์เสียงกีตาบฟารีดะห์ อัล/ฟารอเอ็ด ปรากฎว่าเป็นเสียงของผมเอง ตกใจมาก นั่งนึก นอนนึก ว่ามันมาจากไหน? เพราะกีตาบนี้ผมอ่านให้กับนักศึกษามาเลย์เซียและมีนักศึกษาจากปัตตานีอยู่ด้วยไม่กี่คน อยากทราบว่าคนที่โพส์กีตาบนี้เอาไฟล์มาจากไหน? ขอให้ผู้ที่รับผิดชอบด้วยตอบด้วย.....วัสสาลาม

     เรียนบาบอที่เคารพเท่าที่ผมพอจะเดาได้คนที่เอาไฟล์บาบอมาโพสนั้นน่าจะเอามาจากเวปไซต์ที่รวบรวมการเรียนการสอนไฟล์ศาสนาของมาเลเซีย อาจจะเป็นลูกศิษย์ของบาบอที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ในเวปไซต์ดังกล่าว พี่น้องของเราเลยเอามาโพสบอกต่อให้คนอื่นๆได้รับความรู้ทั่วๆกัน ก่อนหน้านี้ผมก็พบไฟล์เสียงของบาบอเช่นกันบนเวปไซต์ยูทูปซึ่งเป็นไฟล์สอนกีตาบ"ชาเราะห์มุคตาซอรอะลัลอัจรูมีญะห์" โพสโดยยูเซอร์ชาวมาเลเซียเช่นกัน
     และส่วนตัวกระผมนั้นก็เคยฟังไฟล์เสียงกีตาบ"อีฎอฮุ้ลมุบฮัม"ที่บอบอเคยสอนและเล่มอื่นๆด้วย ซึ่งผมได้จากรุ่นพี่ที่เรียนปอเนาะนาบาแดซึ่งเขาเอามาจากเพื่อนคนมาเลย์ที่อยู่บ้านเดียวกัน คาดว่าน่าจะเคยเป็นลูกศิษย์บาบอด้วย ชื่อซุฟรอน อยู่กัวลาลัมเปอร์ เมื่อก่อนอยู่ดัรรอซะห์-ฮูเซน ตอนนี่ถ้ำจำไม่ผิดย้ายไปอยู่ อัลฮัยญุซซาบิอ์ แล้ว

6
วารสารอันนูร ฉบับเดือน ญุมาดิ้ลอาคีเราะฮฺ 1435




คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด

สามารถรับข้อมูลและติดตามฉบับอื่นๆได้ที่

7
การแปรงฟัน


เป็นที่ทราบดีตามหลักอนามัยว่าการแปรงฟันเป็นการทำให้ฟันสะอาด ปราศจากคราบฟัน หรือคราบอาหารที่จะตกค้างอยู่ในช่องปาก อันจะช่วยป้องกันการเกิดโรคในช่องปากด้วย ฉะนั้นเรามาทราบเรื่องราวการแปรงฟันทางด้านหลักศานากันเถอะ

อัซซิวาก ตามหลักภาษานั้นหมายถึง การถู.
ตามหลักนิติศาตร์อิสลามหมายถึง การแปรงฟันและสิ่งที่อยู่รอบๆด้วยสิ่งสากหยาบ.

ฮาดิษตัวบทหลักฐานในเรื่องดังกล่าว ท่านนาบีซ้อลล่อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า :

لولا أن أشق على أمتي لأمرتهم بالسواك عند كل صلاة

หากฉันไม่เกรงว่าจะเกิดความลำบากแก่อุมมะห์ของฉันแล้ว แน่นอน ฉันจะใช้ให้ พวกเขาแปรงฟันทุกๆการละหมาด
หรือในอีกสายรายงานหนึ่งกล่าวว่า "พร้อมกับการอาบน้ำละหมาดทุกครั้ง"

และฮาดิษอีกบทกล่าวว่า :

السواك مطهرة للفم مرضاة للرب و مجلاة للبصر

การแปรงฟันนั้นคือเครื่องมือหรือสิ่งที่มาทำความสะอาดปากและเป็นสิ่งที่ทำให้อัลลอฮ์พึงพอใจอีกทั้งเป็นสิ่งที่ทำให้สายตาเจิดจ้า

หรือในอีกฮาดิษอีกบทหนึงท่านท่านนาบีซ้อลล่อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า :

ความประเสริฐของการละหมาดด้วยการแปรงฟันย่อมดีกว่าเจ็ดสิบรอกาอัตซึ่งที่ไม่ได้แปรงฟัน


      คุณค่าของการแปรงฟันนั้นมีมากมายบางท่านนับมันถึงเจ็ดสิบกว่าประการ ส่วนหนึ่งคือ ทำให้อัลลอฮ์พึงพอใจ ทำให้ฟันขาวสวย ทำให้มีกลิ่นปากที่หอม ทำให้หลังตรง ทำให้เหงือกกระชับ ช่วยเพิ่มสติปัญญาและความจำ ทำให้สายตาแลเห็นชัด ง่ายในการดึงวิญญานและมลาอิกะห์ผู้ดึงวิญญาณจะมาหาในรูปที่สวยสง่าพร้อมกับให้สลามกับเขา เป็นเหตทำให้เกิดความง่ายดายและความร่ำรวยหรือความพอเพียง บรรเทาอาการปวดศรีษะ หงอกงอกช้า รักษาสุขภาพของกระเพาะและทำให้กระเพาะแข็งแรง และคุณประการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ช่วยให้เรากล่าวลาอิลาฮาอิ้ลลัลลอฮ์ขณะความตายมาเยือน

ฮูก่มเกี่ยวกับแปรงฟัน

1.วาญิบ : ถ้าเราไม่ทำการแปรงฟันไม่สามารถที่จะขจัดนาญิสที่อยู่ในปากออกได้ และเมื่อปากมีกลิ่นในการที่ไปร่วมละหมาดวันศุกร์ หรือ ในกรณีที่เขาบนบานว่าแปรงฟัน
2.สุนัต : ซึ่งเป็นรากฐานเดิมของหุก่มในเรื่องนี่ การแปรงฟันนั้นสุนัตในทุกสภาพการณ์
และสถานที่เป็นสุนัตมุอักกาดะห์ (สุนัตให้ทำอย่างยิ่ง)มีหลายสถานที่และเวลาซึ่งจะขอกล่าวเพียงบางส่วน

2.1 ทุกการละหมาด หรือ ทุกการอาบน้ำละหมาด
2.2 ต้องการจะอ่านกุรอ่าน
2.3 เรียนรู้วิชาการศาสนา
2.4 ขณะปากมีกลิ่นหรือฟันเปลี่ยนสี
2.5 ก่อนนอนและขณะตื่นนอน
2.6 เข้ามัสยิดและเข้าบ้าน (ถึงแม้มัสยิดไม่มีใครหรือเข้าบ้านผู้อื่น)
2.7 ในตอนเช้า (ถึงแม้ว่าไม่ได้นอนหรือตื่นขึ้นมา)
2.8 ผู้ป่วยและผู้อยู่ภาวะใกล้ตาย

3.มักรูฮ์ :  สำหรับผู้ถือบวชหลังตะวันคล้อย
4.ค้านกับสิ่งที่ดีกว่า (บางอุลามาอ์กล่าวว่ามันอยู่ในค่ายฮูก่มมักรูฮ์) คือการใช้แปรงสีฟันผู้อื่นด้วยที่เจ้าของอนุญาต เว้นแต่กรณีที่ต้องการจะเอาความศิริมงคลถือว่าเป็นสุนัตเสมือนกรณีท่านหญิงอาอิชะห์ได้ใช้แปรงของท่านนาบี
5.ฮารอม : เมื่อใช้แปรงของคนอื่นด้วยที่เจ้าของไม่อนุญาต หรือ ไม่รู้ว่าเจ้าของมันจะพอใจหรือปล่าว

      หลังจากทราบเกี่ยวกับฮูก่มกันแล้ว เราลองมาดูประเด็นที่เกี่ยวของกับการแปรงฟันซึ่งกระผมจะสมมุติคำถามขึ้นมาและหาคำตอบมาซึ่งน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง

1.ถาม : การแปรงลิ้นนั้นถือว่าเป็นซุนนะห์หรือปล่าว ?
ตอบ : ขอตอบว่าเป็นสุนัต.ท่านอิบนุฮะญัรอัลฮัยตามีย์กล่าวว่า :

 أي في عرض الأسنان ظاهرها وباطنها لا طولا بل يكره لخبر مرسل فيه وخشية إدماء اللثة وإفساد عمور الأسنان ومع ذلك يحصل به أصل السنة نعم اللسان يستاك فيه طولا لخبر فيه في أبي داود

 การแปรงฟันนั้นจะต้องแปรงในด้านกว้างทั้งหน้าทั้งหลังมิใช่การแปรงในด้านยาวยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องที่มักรูฮ์เนื่องจากมีฮาดิษมุรซัลในเรื่องดังกล่าว และเนื่องจากกลัวการทำให้เหงือกนั้นออกเลือดและเป็นการทำให้อายุการใช้งานของฟันลดลง ถึงกระนั้นกระทำดังกล่าว(การแปรงฟันด้านยาว)ก็ยังได้รับผลบุญซุนนะห์ แต่ลิ้นนั้นจะถูกแปรงในด้านยาวเพราะในฮาดิษในเรื่องดังกล่าวที่มีบันทึกในสุนันอาบีดาวูด.

ฮาชียะห์ชัรวานีย์อะลัลตัวะฮ์ฟะห์ 1/128

2.ถาม : อยากทราบรูปแบบการแปรงฟันที่สุนัต
ตอบ : ขอตอบว่ามี ท่านซัยยิดอัลบักรีย์ กล่าวว่า :

وكيفية الاستياك المسنون أن يبدأ بجانب فمه الأيمن فيستوعبه باستعمال السواك في الأسنان العليا ظهرا وبطنا إلى الوسط ثم السفلى كذلك ثم الأيسر كذلك ثم يمره على سقف حلقه إمرارا لطيفا

การแปรงฟันที่สุนัตนั้นให้เริ่มแปรงจากปากฝั่งขวาเริ่มจากแปลงฟันด้านบนหน้าหลังให้ทั่วจนมาถึงตรงกลาง ต่อมาก็ด้านล่างของฝั่งขวาก็ทำเช่นเดียวกัน ส่วนฝั่งซ้ายก็ให้ทำในรูปแบบดังกล่าว ต่อมาให้แปรงเบาๆบนเพดานคอ.

ฮาชียะห์อิอานาตุฏฏอลีบีน 1/115

3.ถาม : การถูฟันด้วยนิ้วที่ด้านสากมีความหยาบหนานับว่าได้รับสุนัตในการแปรงฟันหรือไม่ ก็ในเมื่อเรากล่าวว่าการถูฟันนั้นแปรงฟันนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยสิ่งที่สากหยาบ ? ตอบ : เรื่องนี่มีคีลาฟมีความเห็นต่างกันในหมู่นักวิชาการมัซฮับชาฟีอีย์ ไม่ว่าจะเป็นอีหม่ามนาวาวีย์ อิบนุฮะญัร อีหม่ามรอมลีย์ คอฏีบชัรบีนีย์ และท่านอื่นๆ ในเรื่องนิ้วที่หยาบสากโดยใช้นิ้วของตัวเองหรือนิ้วของผู้อื่น ท่านอีหม่ามบุญัยรีมีย์กล่าวว่า :

 والمعتمد أنه لا يجزي الاستياك بأصبعه المنفصلة وإن كانت خشنة على الراجح ولا بأصبع غيره المنفصلة ، بل يحرم بهما

ทรรศนะที่ถูกยึดถือนั้นถือว่าไม่ได้รับผลบุญซุนนะห์ในการแปรงฟันด้วยนิ้วของตัวเองที่หลุดออกมา(จากร่างกาย)ถึงแม้นว่ามันจะมีความหยาบหนาก็ตาม และก็ถือว่าไม่ได้รับผลซุนนะห์เช่นกันโดยการใช้นิ้วของผู้อื่นที่หลุดออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังถือว่าเป็นเรื่องที่ฮารอม ท่านกล่าวต่ออีกว่า :

 لأن الأجزاء المنفصلة من الآدمي يجب احترامها ويمتنع امتهانها وإن أذن صاحبها ، إذ لا حق له فيها بامتهانها بعد الانفصال ، وإن لم يجب دفنها فورا ما دام صاحبها حيا فعلم أنه لا شك في التحريم بلا إذن صاحبها ، وأما أصبع غيره المتصلة فيجزي السواك بها إذا كانت خشنة وكان صاحبها حيا ؛ لأن ذلك من المساعدة والمعاونة ، والأجزاء المتصلة شأنها ووضعها العمل بها

ก็เพราะอวัยวะของมนุษย์ที่หลุดออกมาจากมนุษย์นั้นวายิบในการที่เรานั้นจะต้องให้เกียรตและเป็นที่ห้ามในการที่จะทำเป็นเรื่องที่ต่ำไร้ค่าถึงแม้นว่าเจ้าของมันจะอนุญาตสักทีก็ตาม เนื่องจากนับว่าอวัยวะหลังจากหลุดออกมานั้นไม่เป็นกรรมสิทธใดๆให้กับเขา และถึงแม้ว่าไม่ว่าญิบที่จะต้องฝังชิ้นส่วนนั้นทันทีทันใดตราบใดที่เจ้าของมันยังมีชีวิต ส่วนนิ้วของผู้อื่นที่ติดกับร่างกายถือว่าใช้ได้ในการที่จะเอามาถูฟันเมื่อมันมีความหยาบหนาและเจ้าของของมันยังมีชีวิตเพราะสิ่งดังกล่าวเป็นการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และอวัยวะชิ้นส่วนที่ยังติดอยู่กับเรือนร่างงานของมันคือการที่เราต้องใช้งาน

ฮาชียะห์บุญัยรีมีย์อะลัลคอฏีบ 1/390

ท่านซัยยิดอัลบักรีย์กล่าวว่า :

قوله خلافا لما اختاره النووي أي في المجموع من أن أصبعه الخشنة تجزيء

คำพูดของเจ้าของหนังสือฟัตฮุ้ลมุอีนที่ว่า (การถูฟันด้วยนิ้วของตัวเองถึงแม้นว่าจะหยาบหนาจะไม่ได้รับซุนนะห์ในการแปรงฟันซึ่งมีคิลาฟในเรื่องนี่กับทรรศนะที่ท่านอีหม่ามนาวาวีย์ได้เลือก) หมายถึง ทรรศนะที่ท่านได้เลือกในตำราอัลมัจมูอ์จากการที่ว่าถือว่าได้รับซุนนะห์ในการแปรงฟันด้วยนิ้วตัวเองที่หยาบหนา.

ฮาชียะห์อิอานาตุฏฏอลีบีน 1/116-117

4.ถาม : อะไรคือฮูก่มของการใช้ไหมขัดฟัน ?
ตอบ : ในเรื่องนี่มีซุนนะห์สองต่อจะได้อันไหนบ้างมาดูกัน
ประเด็นแรกคือการใช้วัตถุเข้าไปขจัดตามซอกฟันซึ่งเป็นสุนัตมุอักกะดะฮ์

ท่านอิบนุฮะญัรอัลฮัยตามีย์กล่าวว่า

ويتأكد التخليل إثر الطعام قيل بل هو أفضل للاختلاف في وجوبه ، ويرد بأنه موجود في السواك أيضا مع كثرة فوائده التي تزيد على السبعين

และถือเป็นสุนัตมุอักกาดะฮ์ในการจิ้มเข้าไปในซอกฟันเพื่อขจัดเศษอาหาร และได้มีทรรศนะที่กล่าวว่ามันย่อมประเสริฐว่าการแปรงฟันเพราะว่ามีคีลาฟในการเป็นวาญิบ (ส่วนหนึ่งจากผู้ที่กล่าวทรรศนะนี่คืออีหม่ามซัรกาชีย์) และทรรศนะนี่ถูกตอบโต้ว่าการแปรงฟันนั้นมีผลประโยชน์มากมายกว่าเจ็ดสิบประการ ท่านอีหม่ามชัรวานีย์ขยายความคำพูดของอิบนุฮะญัรที่ว่า( และถือเป็นสุนัตในการจิ้มเข้าไปในซอกฟัน) หมายถึง ก่อนแปรงฟันและหลังแปรงฟัน.

ฮาชียะห์ชัรวานีย์อะลัลตัวะฮ์ฟะห์ 1/128

ท่านซัยยิดบักรีย์กล่าวว่า :

ويسن كونه بعود السواك وباليمنى كالسواك ويكره بعود القصب والآس والتخليل أمان من تسويس الأسنان

และสุนัตให้อุปกรณ์ที่ใช้ซอดแทรกเข้าโดยใช้ไม้แปรงและด้วยมือขวา(เสมือนสุนัตที่ให้จับแปรงด้วยมือขวาตอนแปรงฟัน) และเป็นที่มักรูฮ์ในการใช้ไม้ตระกูลเป็นลำป้อง(ต้นอ้อ ไม้ไผ่ อ้อย) และต้นอาส (Myrtus communis) และการขัดฟัน(การทรอดแซกเข้าไป) จะช่วยรักษาฟันจากการผุ.

ฮาชียะห์อิอานาตุฏฏอลีบีน 1/120

5.ถาม : ไปเที่ยวบ้านเพื่อนลืมพาแปรงสีฟันไป เห็นแปรงอันหนึงตั้งฝุ่นเครอะน่าจะไม่มีใครใช้ใครเอา เราจะเอามันมาใช้ถือว่าฮะรอมหรือไม่ ?
ตอบ : ให้เราพิจารณาว่าถ้าหากพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ตั้งไว้แบบนั้นหมายถึงว่าไม่เอาละไม่ใช้งานแล้วกับแปรงอันนั้นใช่หรือปล่าวหรือยังไง ถ้าหากฝุ่นเครอะหมายความว่าไม่เอาและไม่ใช้แล้วก็ไม่ฮะรอมในการเอา

ท่านอัลลามะห์อับดุลอาซีซอัลมิลบียารีย์ลูกศิษย์ของท่านอิบนุฮะญัรกล่าวว่า :

ولا يكره بسواك غير أذن أو علم رضاه، وإلا حرم، كأخذه من ملك الغير، ما لم تجر عادة بالاعراض عنه

และไม่ถือว่ามักรูฮ์ในการใช้แปรงของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาต หรือ ทราบว่าเจ้าของพึงพอใจให้ใช้ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นก็ถือว่าฮะรอม เสมือนกับการคนหนึงที่เอาของคนอื่นมาใช้ (และยังถือว่าเป็นฮารอม) ตราบใดที่ประเพณีหรือพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่หมายถึงยังต้องการมันอยู่.

ฟัตฮุ้ลมุอีกอะลากุรรอติลอีน 1/59

6. ถาม : เพื่อนบางคนชอบดูดแปรงหลังจากแปรงฟันเสร็จไม่ทราบว่ามีต้นสายเหตปลายเหตอย่างไร
ตอบ : อันนี้น่าจะเป็นนิสัยส่วนตัวแต่ทางที่ดีไม่ควรกระทำ
ท่านอีหม่ามชัรวานีย์กล่าวอ้างอิงจากอีหม่ามบุญัยรีมีย์ไว้ว่า :

فَإِنَّ ذَلِكَ يُورِثُ الْبَاسُورَ بُجَيْرِمِيٌّ

แท้จริงการกระทำดังกล่าวเป็นเหตทำให้เกิดริดสีดวง.

ฮาชียะห์ชัรวานีย์อะลัลตัวะฮ์ฟะห์  1/235

7.ถาม : มีสุนัตในการจับแปรงหรือไม่ ?
ตอบ : มีครับ ท่านซัยยิดบักรีย์กล่าวว่า :

ويسن أن يكون ذلك باليد اليمنى وأن يجعل الخنصر من أسفله والبنصر والوسطى والسبابة فوقه والإبهام أسفل رأسه ثم يضعه بعد أن يستاك خلف أذنه اليسرى لخبر فيه واقتداء بالصحابة

และสุนัตให้แปรงมือด้วยมือขวาและใช้นิ้วก้อยตั้งอยู่ล่างแปรงส่วนนิ้วนางนิ้วกลางนิ้วชี้จับเหนือแปรงส่วนนิ้วโป้งไว้ตายหัวแปรง หลักจากแปรงฟันเสร็จให้เหน็บแปรงที่หูซ้าย เพราะได้มีฮาดิษและเป็นการปฏิบัติตามซอฮาบะห์.

8.ถาม : การแปรงฟันเพื่อที่จะเรียนวิชานาฮู (ไวยากรณ์อาหรับ) เป็นสุนัตมุอักกะดะฮ์หรือไม่
ตอบ : เป็นเพราะเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวพันธ์กับความรู้ศาสนาและทุกๆศาสตร์ที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการเข้าใจกุรอ่านฮาดิษฟิกฮ์ตัฟซีร.

ซัยยิดบักรีย์ อิอานะห์ 1/118

9.ถาม : คนไม่มีฟันมีขอบข่ายอย่างไรในเรื่องนี้ ?
ตอบ : ท่านอิบนุฮะญอัลฮัยตามีย์กล่าวว่า

بل هو سنة مطلقا ولو لمن لا أسنان له لما مر أنه مرضاة للرب

ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นซุนนะห์ถึงแม้ว่าจะเป็นการแปรงการถูของผู้ที่ไม่มีฟันก็เพระว่าหลักฐานที่ผ่านมาที่กล่าวว่ามันสิ่งที่ทำให้ผู้อภิบาลทรงพอใจ .

ฮาชียะห์ชัรวานีย์อะลัลตัวะฮ์ฟะห์  1/236


วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อวาบตกหล่นตรงไหนช่วยบอกด้วยครับผมตาลายหมดแล้ว  loveit:.


8
ขอบคุณครับก๊ะ nada-yoru พอดีกำลังสะสมแต้มแลกไอโฟนกับครัวมุสลิมะห์อยู่ครับผม  party:

9
วารสารอันนูร (ฉบับที่ 3)



คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด

สามารถรับข้อมูลและติดตามฉบับอื่นๆได้ที่



10
ญาซากัลลอฮูค๊อยร็อนครับ มีสักสองร้อยก่อนมั้ยครับ ไว้จ่ายค่าบ้านอ่ะ  hehe hehe

ได้เลยครับบังซุฟสุดหล่อ อย่าว่าแต่เงินสองร้อยเลยถ้าบังซุฟอยากใช้ชีวิตร่วมกัน...ผมยังยินยอม  party:

11
การให้กู้ยืม



      การให้กู้ยืม เป็นเรื่องหนึ่งที่ศาสนาให้ความสำคัญและได้วางหลักการไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของมวลมนุษย์รวมถึงคำนึงผู้ที่ให้กู้และขอกู้ด้วย และบทความสั้นๆนี้จะขอกล่าวโดยสั้นสรุปใจความให้ทราบองค์รวมถึงบางฮูก่มที่เข้ามาเกี่ยวของในเรื่องนี้จะไม่ขอเจาะลึกถึงรายละเอียดและบรรดาปัญหาที่ซับซ้อนหรือข้อยกเว้น เนื่องจากกลัวจะยืดยาวและบางประการนั้นในขั้นตอนการให้กู้ยืมเป็นที่ทราบกันดีตามประเพณีปฏิบัติ เช่นในเรื่องถ้อยคำ ให้ฉันยืมก่อน ออกให้ฉันก่อน และการส่งคืนสิ่งที่กู้กลับ เช่น ยืมข้าวสาร หรือ ยืมตังค์ เป็นต้น

การให้ยืมนั้นเป็นซุนนะห์มุอักกาดะห์ โดยหลักฐานทางฮาดิษที่เรื่องลืออันมากมายส่วนหนึ่งคือ ฮาดิษที่รายงานโดยอิหม่ามมุสลิม :

"مَنْ نَفَس على أخيه كُرْبَة من كُرَبِ الدنيا، نفسَّ الله عنه كُرْبةً من كُرب يوم القيامة والله في عونِ العَبْدِ، ما دام العَبْدُ في عونِ أخيه"

บุคคลใดได้คลายความทุกข์ของพี่น้องของเขา จากเรื่องราวทุกข์ใจต่างๆในดุนยา อัลลอฮ์ก็จะคลายความกลัดกลุ้มใจของเขาในวันกียามะฮ์ อัลลอฮ์จะทรงช่วยเหลือบ่าวของพระองค์ตราบใดที่บ่าวยังมีกันและกันในการช่วยเหลือพี่น้องของเขา.


หรือในฮาดิษซอเฮี้ยะห์อีกบทหนึ่ง :

"من أقرض الله مرّتين: كان له مثل أجر أحدهما لو تصدق به"

บุคคลใดที่ให้อัลลอฮ์กู้ยืมสองครั้ง แน่นอนว่าเขาจะได้รับผลบุญเสมือนผลบุญของหนึ่งครั้งของสองหน ถ้าหากว่าเขาได้ทำการซอดาเกาะห์มัน.
(เช่น เขาให้เพื่อนกูยืมเงินหนึ่งพันจำนวนสองหน เขาจะได้ผลบุญเท่ากับหนึ่งหนของสองครั้งนั้นก็คือหนึ่งพันบาท)

หูก่มที่เกี่ยวการยืม

ส่วนการยืมที่เป็นซุนัตนั้นจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้ขอยืมเป็นผู้ที่ไม่เดือดร้อนอย่างรุนแรงไม่ถึงขั้นร้ายแรง
แต่ถ้าหากถึงขั้นเดือนร้อนรุนแรงก็วาญิบให้ผู้ให้กู้ทำการให้กูยืม

และฮารอมในการที่ผู้เดือดร้อนไม่ถึงขั้นรุนทำการกู้ยืม ถ้าหากเขาไม่หวังที่จะจ่ายกลับในตอนถึงวาระชำระหนี้ เช่นรายได้มีบ้างไม่มีบ้าง พออยู่กินให้พ้นวัน ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ แตกต่างกับผู้ที่เดือดร้อนอย่างมากถึงแม้เขาจะไม่มีความหวังที่จะจ่ายหนี้กลับ แต่ทว่าเป็นเรื่องที่วาญิบที่ต้องให้เขากู้ เพื่อรักษาชีวิตของเขา

และฮารอมเช่นกันในการที่จะให้บุคคลที่เรารู้หรือค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะเอาเงินจำนวนนี้ หรือสิ่งของอันนี้ไปใช้จ่ายในเรื่องอบายมุข เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือพวกเขาบนเรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นเรื่องที่ฮะรอมและบางคราอาจจะมักรูฮ์ในกรณีที่ทราบว่าเขาได้ใช้จ่ายไปในเรื่องที่มักรูฮ์

สรุปว่าการให้กูยืมนั้นบางทีเป็นซุนนะห์ บางทีวายิบ บางทีก็ฮารอม และบางทีก็มักรูฮ์ รวมถึงสี่หูก่ม

ท่านอาลีย์ชุบรอมุลีซีย์เจ้าของฮาชียะห์นิฮายาตุ้ลมุฮตาจญ์กล่าวว่า :

" ولم يذكروا الإباحة ويمكن تصويرها بما إذا دفع إلى غني بسؤال من الدافع مع مدع احتياج الغني إليه فيكون مباحا لا مستحبا لأنه لم يشتمل على تنفيس كربة "

บรรดาอุลามาอ์ไม่ได้กล่าวถึงฮุก่ม อิบาหะฮ์ (อนุญาตเฉยๆไม่เกี่ยวพันธ์ข้องกับผลบุญคุณบาป) และสามารถที่จะตีรูปกรณีได้ขึ้นมาในกรณีที่เขาได้ให้คนรวยนั้นกู้ยืม โดยการขอให้คนรวยนั้นรับการกู้ยืมทั้งๆที่ว่าคนรวยผู้นั้นไม่ได้ต้องการหรือเรียกร้องสิทธิที่จะขอกู้ ดังนั้นรูปกรณีดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นซุนนะห์เพราะมันได้ครอบคลุมหรือกินใจความถึงการปลดความทุกข์ยากออกจากผู้กู้ยืม. แต่อาจจะมีเหตผลในการกระทำเช่นให้ช่วยดูแลรักษาสมบัติ

สิทธิของผู้ให้กู้ยืม

     สำหรับผู้ให้กู้ยืมมีสิทธิที่จะเรียกคืนสิ่งของที่ให้ยืมไปโดยสิ่งสิ่งนั้นยังคงอยู่ในการครอบครองของผู้ขอกู้ ถึงแม้สิทธิ์ครอบครองในสิ่งที่กู้มาจะหายจากไปเขาต่อมาสิทธิ์อันนี้ก็กลับมาเหมือนเดิม เช่น เขาเอาของที่กู้มาให้ผู้คนเช่า เพราะการให้เช่านั้นเป็นการครอบครองผลประโยชน์ไม่ใช่เป็นการครอบครองต่อสิ่งที่เช่า หรือเรียกได้ว่าเป็นสิทธิที่ไม่ผูกพันธิ์ แตกต่างกับกรณีที่เขาได้นำสิ่งที่กู้มาไปผูกพันธิ์กับสิทธิผูกมัด เช่น นำไปจำต่อ ฉะนั้น สิทธิในสิ่งของย่อมไปผูกพันธิ์กับผู้รับจำนำอีกทีหนึง ถ้าหากในกรณีนี้การไปเท้าทวงกลับถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้องใช้ไม่ได้

      และอนุญาตให้กับผู้ให้กู้ยืมมีสิทธิพิเศษในการรับเอาประโยชน์จากผู้ขอกู้ยืม และไม่ได้มักรูฮ์ต่อผู้ให้กู้ยืมในการรับเอามันก็เสมือนการรับของขวัญ เช่น การที่ลูกหนี้จ่ายกลับสิ่งที่เหลือหรือเกินมาในด้านปริมาณให้แก่เจ้านี้ เช่น ตอนยืมแค่หนึ่งพันแต่คืนกลับหนึ่งพันหนึ่งร้อยบาท หรือในด้าน คุณลักษณะ เช่น ตอนยืมเป็นตังค์เศษ แต่ตอนคืนให้กลับเป็นธนบัตร หรือ การที่ลูกหนี้คืนของที่เกรดดีกว่าของที่ยืมไป ยิ่งไปกว่านั้นถือเป็นเรื่องที่สุนัตด้วยซ้ำแก่ผู้ข้อยืม ด้วยกับฮาดิษที่ว่า


" إن خياركم: أحسنكم قضاء "

แท้จริงผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่ดีที่สุดในการชดใช้.

loveit: والله سبحانه وتعالى أعلم

_________________________________________________________________________________

ดูเพิ่มเติม
حاشية الشبراملسي على نهاية المحتاج  جــ 4 صـ 328-329
96,97,98,105,106,107 حاشية اعانة الطالبين جــ 3 صـ


12
ผมหงอก เคราหงอก หนวดหงอก อย่ารีบถอน



      การถอนหงอกนั้น ณ ทรรศนะของปวงปราชญ์อีหม่ามทั้งสี่ถือว่าเป็นเรื่องมักรูวฮ์ เพราะได้มีฮาดิษที่รายงานจากท่านอาบูดาวูด และท่านนาซาอีย์ รวมทั้งท่านอิบนุมาญะห์และติรมีซีย์ ด้วยสายรายงานที่ฮะซัน จากท่าน อับดุลลอฮ์ บิน อัมร์ (รฎ) แท้จริงท่านนาบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

لا تنتفوا الشيب ، فإنه نور يوم القيامة ، ومن شاب شيبة في الاسلام ، كتب له بها حسنة ، ورفع له بها درجة ، وحط عنه بها خطيئة

  พวกท่านอย่าได้ทำการถอนหงอก เพราะมันคือรัศมีของคนมุสลิม และไม่มีมุสลิมคนใดที่มีหงอกเส้นหนึ่งในศาสนาอิสลาม เว้นแต่อัลลอฮ์จะบันทึกคุณความดีหนึ่ง ยกระดับฐานันดรให้กับเขากับ และทำให้บาปของเขาร่วงโรยด้วย(สาเหตของ)หงอกเส้นนั้น

 และท่านค็อลล้าลได้รายงานไว้ในตำราอัลญาเมียะอ์ของท่านจากท่านตอริกบินฮาบีบ ว่า :


أنّ حجاما أخذ من شارب النبي صلى الله عليه وسلم فرأى شيبة في لحيته فأهوى إليها فأمسك النبي صلى الله عليه وسلم بيده وقال من شاب شيبة في الإسلام كانت له نورا يوم القيامة

ความว่า แท้จริงนายช่างกรอกเลือดคนหนึงได้เอาหนวดของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วเขาก็เห็นเส้นหงอกที่เคราของท่าน  แล้วเขาก็ก้มเพื่อจะถอนมัน  ดังนั้นท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงยับยั้งไว้  และกล่าวว่า  "ผู้ใดมีผมหงอกเส้นหนึ่งในอิสลาม  มันก็จะเป็นรัศมีให้แก่เขาในวันกิยามะฮ์"

     และมัซฮับซอฮีรียะห์ได้ดำเนินทรรศนะในเรื่องการถอนหงอกว่าเป็นเรื่องที่ฮะรอมเพราะว่าการถอนมันนั้นมีที่ฮาดิษบ่งชี้ถึงการห้ามอย่างแท้จริง (หมายถึงไม่มีแวดล้อมหลักฐานอื่นมาผินคำสั่งห้ามไปยังหุก่มอื่น)

   ท่านอีหม่ามนาวาวีย์ได้กล่าวว่า : ถ้าหากว่าได้มีทรรศนะต่อเรื่องการถอนหงอกว่าฮะรอมเนื่องจากมีการห้ามที่ชัดเจนและถูกต้อง แน่นอนว่าทรรศนะอันนั้นย่อมไม่ห่างไกล และไม่มีความแตกต่างระหว่างการถอนหงอกที่มาจาก เครา จากผม จากหนวด หรือคิ้ว หรือว่า จอน  ไม่ว่าจะในตัวผู้ชายหรือผู้หญิง

   และการที่ตัวฮาดิษได้บอกสาเหตในเรื่องผมหงอกว่ามันเป็นรัศมีของผู้ที่เป็นมุสลิม คือ การส่งเสริมเร่งร้าวอย่างมากล้นในการที่จะคงมันเอาไว้ อีกทั้งคือให้ทิ้งโอกาสที่จะขจัดมันไป

   และการที่ตัวฮาดิษนั้นปิดท้ายด้วยคำพูดที่ว่า "ไม่มีมุสลิมคนใดที่มีหงอกเส้นหนึ่งในศาสนาอิสลาม" และทำการบอกอย่างชัดเจน ในเรื่องการบันทึกผลบุญ ลบล้างควาผิด ยกฐานันดร นั้น คือการเรียกร้องถึงความประเสริฐของหงอก และมันยังเป็นสาเหตในการได้รับผลบุญการตอบแทนอันมากมาย และอีกทั้งเป็นการบอกเป็นนัยยะว่าการที่ไม่ชอบไม่ต้องการหงอกด้วยการถอนดึงมันนั้นคือการตีตนออกห่างจากผลบุญอันยิ่งใหญ่.

_______________________________________________________________
ดูเพิ่มเติม:-


الفقه الواضح من الكتاب والسنة على المذاهب الأربعة جـ 2 صـ 453-454
المجموع للنووي جـ 1 صـ 292

13
และสุนัตให้ผู้ที่ละหมาดกอฎอนั้นนำละหมาดที่ขาดมาละหมาดก่อนเวลาละหมาดปัจจุบัน

เนื่องจากมีหลักฐานจากฮาดิษที่ท่านนาบีละหมาดอัซริในสงครามคอนดั๊กหลังจากดวงตะวันตกดินไปแล้วหลังจากนั้นท่านก็ต่อด้วยมัฆริบ

حاشية إعانة الطالبين على حل ألفاظ فتح المعين جــ 1 صـ 68


14
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمدلله ربّ العالمين وبه نستعين على أمور الدنيا والدين اللهم صل على سيدنا محمد عبدك ورسولك النبي الامي وعلى اله وصحبه وسلم




.
قال المصنف رحمه الله و نفعنا بعلومه في الدارين آمين: ويبادِرُ مَنْ مَرَّ بفائِتٍ وجوباً، إن فاتَ بلا عُذْرٍ، فيلزَمْهُ القضاءُ فوراً

       ให้ผู้ที่ทำการละหมาดกอฏอนั้นให้รีบเร่งทำอย่างวายิบ หากเขานั้นทำให้ละหมาดพลาดไปโดยปราศจากเหตจำเป็นที่อนุโลมให้ (อูซูร) ดังนั้นหากเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้การกอฏออย่างเร่งด่วนถือว่าเป็นเรื่องวายิบ

รูปปัญหา : เช่น นายซอและห์ได้ยินเสียงอาซานซุฮริแล้วแต่ยังนั่งเล่นเกมส์ พอเล่นเสร็จหันมองนาฬิกาปรากฏว่ามันเข้าเวลาอาซัรไปแล้ว วายิบบนซอและห์ในการรีบเร่งในการกอฏอ

ครูของข้าพเจ้าอะห์หมัดอิบนุฮะญัรอัลฮัยตามีย์ ร่อฮิมาฮุ้ลลอฮ์กล่าวว่า : -

والذي يظهرُ أنه يلزمهُ صرفُ جميعِ زمنِهِ للقضاءِ ما عدا ما يحتاج لصرفِهِ فيما لا بُدّ منه، وأنه يَحْرُمُ عليه التَّطَوُّع

ทรรศนะที่ชัดเจนที่สุดนั้นว่าแท้จริง(ผู้ที่ขาดละหมาดโดยไม่มีเหตจำเป็นใดๆ)วายิบแก่เขาในการที่ต้องใช้เวลาของเขาทั้งชีวิตในการกอฎอ ยกเว้นช่วงเวลาที่เขาจำเป็นจะต้องกระทำ (เช่นการพักผ่อน การหาค่าเลี้ยงดูให้กับบุคคลที่จำเป็นที่เขาต้องให้) และฮารอมในการที่เขาละหมาดสุนัต (พร้อมกับละหมาดสุนัตนั้นใช้ได้ถูกต้องซึ่งขัดกับอีหม่ามซัรการชีย์)

       และให้ผู้ที่ทำการละหมาดกอฏอนั้นให้รีบเร่งทำอย่างซุนัต หากเขานั้นทำให้ละหมาดพลาดไปโดยมีเหตจำเป็นที่อนุโลมให้ เช่น การนอนที่ไม่ได้เจตนาให้พ้นเวลาละหมาด นอนหลับลึกไม่รู้สึกจนพลาดละหมาด (ต่างกับเจตนานอนจนทำให้พ้นเวลา เช่น นอนตอนเข้าเวลาละหมาด ค่อนข้างมั่นใจ หรือ สงสัย ว่าจะไม่ตื่นก็ไม่ถือว่าเป็นอูซูร) หรือการลืมที่ไม่ได้เจตนาเช่นกัน

รูปปัญหา : เช่น บังหมีดเหนื่อยเพลียจาการที่ขายผัดไทยที่ตลาดโต้รุ่งในตอนกลางคืนตั้งนาฬิกาปลุกตอนซุบฮิปรากฎว่าไม่รู้สึกตื่นมาอีกทีก็สว่างไปแล้ว หรือคืนนั้นบังหมีดไม่ได้นอนแต่แกจัดของเก็บอุปกรณ์จนสว่างโดยลืมจริงๆไม่ได้เอะใจอะไรๆทั้งสิ้น

และสุนัตให้ผู้ที่ทำละหมาดกอฎอทำการตัรตีบละหมาดกอฎอเป็นลำดับเวลา ดังนั้นละหมาดซูโบะห์จะถูกกอฎอก่อนซุฮริ และในทำนองเดียวกัน ซุฮริ ก่อนอัซริ (หากว่าเขานั้นขาดละหมาดเหล่านั้นโดยมีเหตจำเป็น)

แล้วถ้าขาดละหมาดด้วยกับการมีเหตจำเป็นด้วย และเจตนาขาดด้วยต้องทำอย่างไร ต้องตัรตีบด้วยหรือไม่?


คำตอบ : วายิบต้องนำเวลาที่เราขาดโดยไม่มีเหตจำเป็นมากอฎอก่อนละหมาดที่ขาดโดยมีอุซูร ตามทรรศนะอิบนุฮะญัร ส่วนตามทรรศนะของท่านอีหม่ามรอมลีย์นั้นสุนัตในการตัรตีบโดยสิ้นเชิงไม่ว่าละหมาดนั้นขาดด้วยเหตอุซุรหรือไม่ก็ตาม

และสุนัตให้ผู้ที่ละหมาดกอฎอนั้นนำละหมาดที่ขาดมาละหมาดก่อนเวลาละหมาดปัจจุบัน ถ้าหากว่าไม่กลัวที่จะพลาดวักตูประจำเวลาปัจจุบัน หากเขาผู้นั้นขาดละหมาดโดยเหตจำเป็น (เช่นตัวอย่างของบังหมีด ซึ่งบังหมีดยังไม่กอฎอซุบฮิปล่อยเวลาไปจนถึงซุฮริ ก็สุนัตให้บังหมีดทำกอฏอก่อนหากเวลาซุฮริยังมีมาก ถึงแม้นว่าบังหมีดจะกลัวพลาดละหมาดญามาอะห์ของละหมาดซุฮริก็ยังสุนัตให้บังหมีดกระทำแบบนี้อยู่บนทรรศนะที่ถูกยึดถือ)

แล้วตัวอย่างของนายซอและห์ละ ถ้าหากเขาปล่อยเวลาจนเข้าละหมาดประจำเวลาเหมือนบังหมีดควรทำอย่างไรปฏิบัติเหมือนกันหรือไม่ ?

นายซอและห์จัดอยู่บุคคลขาดละหมาดโดยไม่มีอูซุร และยังปล่อยเวลามาถึงเวลาละหมาดปัจจุบัน ก็วายิบให้นายซอและห์นำละหมาดกอฏอมาทำก่อน ถ้าหากว่าไม่กลัวจะพ้นเวลาของละหมาดปัจจุบัน คือมีเวลามากพอที่จะกอฎอได้ แต่ถ้าหากทำละหมาดกอฎอแล้วละหมาดปัจจุบันจะออกนอกเวลาไป เช่น ออกไปสองรอกาอัตหรือน้อยกว่านั้น ก็วายิบให้นายซอและห์ เริ่มทำละหมาดอาซัรก่อนดังรูปปัญหาของนายซอและห์

และ วายิบต้องนำเวลาที่เราขาดโดยไม่มีเหตจำเป็นมากอฎอก่อนละหมาดที่ขาดโดยมีอุซูร (ดังที่กล่าวมาแล้ว) ถึงแม้นว่าจะขาดการตัรตีบในการกอฎอก็ตามเพราะการตัรตีบเป็นเรื่องสุนัต ส่วนการรีบเร่งในการกอฎอเป็นเรื่องที่วายิบ

และสุนัตในการที่เราเอาละหมาดรอวาติบมาไว้หลังละหมาดกอฎอในกรณีเราขาดละหมาดด้วยเหตจำเป็น (เช่นเราไม่ตื่นซูโบะห์ แล้วยังอยู่ยาวไปถึงซุฮริก็สุนัตให้เราทำสุนัตรอวาติบหลังกอฏอ) ส่วนกรณีขาดละหมาดซุโบะห์โดยไม่อูซุรใดๆวายิบให้เราเอาสุนัตรอวาติบไว้หลัง.

حاشية إعانة الطالبين على حل ألفاظ فتح المعين جــ 1 صـ  67,68,69

15
เลื่อมใสๆ สมแล้วที่ท่านเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือของยุค ยาจกอุดร ราชันทักษิณ  พิษประจิม กลางอิทธิฤทธิ์ ก็ย่อมมิอาจทัดเทียม มารบูรพา อึ้งเอี๊ยะซือ

หน้า: [1] 2 3 ... 67