1
บทความ / Re: +++คำคน คำคม+++
« เมื่อ: พ.ย. 21, 2014, 08:49 AM »
u cannot expect to be both grand and comfortable.....James Barry
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
เรื่องอีบาดะห์ไม่มีหลักฐานห้ามแล้วบอกว่าทำได้...เค้าสอนกันอย่างนี้น่ะเหรอ??? ใครเชื่อ ผมว่าปัญญาอ่อนขนาดหนักแล้วล่ะ...เอาเลยครับ มีความรู้อะไรแสดงออกมาเลย
BasemDeen......ถ้าพวกคุณไม่โกหกใส่นบีผมไม่เคืองหรอก...นี่อะไรมาประกาศปาวๆๆ ว่างานเมาลิดเป็นซุนนะห์ โกหกทั่งเพ หลักฐานสั่งใช้สักต้นก็ยังไม่มีเลย แล้วมาบอกว่าเป็นซุนนะห์....สุดท้ายแล้วสะดุดขาตัวเอง บอกว่างานเมาลิดเป็นงานประเภณี ไม่เกี่ยวกับอีบาดะห์ ...แล้วจะยกหลักฐานมากอ้างให้บาปกินหัวทำซากไรวะ....บอกชาวบ้านไปซิว่างานนี้ไม่ใช่งานศาสนา ...ผมจะได้ไม่ต้องยุ่งใครบอกคุณว่าเป็นซุนนะ
คุณทานิตย์ นั้นคงไมรู้เลยว่า อุลามมะนั้นเขาแบ่งบิดอะกันอย่างไร...ผมจะอธิบายให้ฟังเท่าที่ศึกษามานะครับ
บิดอะนั้นถูกแบ่งเป็น บิดอะฮ์ที่มีรากฐานมาแต่เดิมและบิดอะที่ไม่มีรากฐานมาจากศาสนา
และบิดอะที่มีรากฐานจากศาสนานั้นก็คือสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวว่า
من يشفع شفاعة حسنة يكن له نصيب منها ومن يشفع شفاعة سيئة يكن له كفل منها
"ผู้ใดที่ให้ความช่วยเหลือที่ดี ก็จะเป็นของเขาซึ่งส่วนหนึ่งจากความดีนั้น และผู้ใดให้ความช่วยเหลือที่ชั่ว ก็จะเป็นของเขาซึ่งส่วนหนึ่งจากความชั่วนั้น
และ คำว่า (شفاعة) นี้ หมายถึง ซุนนะฮ์หรือแนวทางที่อัลเลาะฮ์ทรงวางแนวทางเอาไว้ และเป็นแนวทางที่ทุก ๆ ศาสนาต้องดำเนินตาม และตามแนวทางนี้นั้น อัลกุรอานและซุนนะฮ์ได้ดำรงอยู่ และด้วยสาเหตุจากแนวทางนี้ บรรดาชารีอะฮ์ต่าง ๆ ได้มีมา เพื่อแยกแยะระหว่างความดีและความชั่ว
ดังนั้น ผู้ที่กล่าวว่า มีบิดอะฮ์หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี)นั้น เขาย่อมวินิจฉัยจากหลักการนี้ ที่มาจากวิญญานและบรรดาเป้าหมายหรือเจตนารมณ์ของชาริอะฮ์
สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น มี 2 ประเภท
(1) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน/ซุนนะฮ์ คำพูดที่ถูกรายงานมา และอิจญฺมาอ์ สิ่งนี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง
(2) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จากคุณงามความดี ที่ไม่ขัดกับอันหนึ่งอันใด(ที่กล่าวมาแล้ว)นี้ และนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยไม่ถูกตำหนิ
ท่านอุมัรได้กล่าว เกี่ยวกับ(การรวม)ละหมาดตะรอวิหฺ ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
หมายความว่า"การละหมาดตะรอวิหฺ(20 ร่อกะอัต)ในคืนร่อมาฏอนนี้ คือสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเมื่อมีการกระทำขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เป็นการขัดต่อสิ่งที่กล่าวมา " และสายรายงานนี้ ซอเฮี๊ยะห์ ดู หนังสือ มะนากิบ อัช-ชาฟิอีย์ เล่ม1 หน้า 468 - 469
ท่านอิบนุ อัล-เญาซีย์ กล่าวว่า "บิดอะฮ์ หมายถึง การกระทำที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วก็ได้อุตริกรรมกันมา และส่วนมากแล้ว บิดอะฮ์ที่ผิดหลักการนั้น มันจะค้านกับหลักชาริอะฮ์ และทำให้เกิดการเพิ่มเติมและตัดทอนขึ้นในชาริอะฮ์ เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่ได้อุตริกรรมขึ้นมาใหม่ โดยไม่ขัดแย้งกับหลักชาริอะฮ์และไม่ทำให้เกิดการเพิ่มเติมและตัดทอน(หลักชาริอะฮ์)แล้ว สะลัฟส่วนมากแค่รังเกียจมัน และพวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงจากทุก ๆ คนที่ทำบิดอะฮ์ ซึ่งแม้ว่าสิ่งนั้น จะเป็นสิ่งที่ให้กระทำได้ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งหลักการเดิม นั่นก็คือ การเจริญรอยตาม ซึ่งจะเห็นได้จากคำพูดของท่านซัยด์ บิน ษาบิต ที่ว่า
ท่านเซดฺ บิน ษาบิตได้กล่าวกับท่านอบูบักรและท่านอุมัร (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา) ในขณะที่ทั้งสองกล่าวแก่เขา ว่า "ท่านจงรวบรวมอัลกุรอาน" (ท่านเซดฺ บิน ษาบิต จึงกล่าวว่า) ท่านทั้งสองจะกระทำการสิ่งหนึ่งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ไม่เคยกระทำกระนั้นหรือ ? "
หลังจากนั้น ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ได้กล่าวต่อไปว่า "แท้จริงกลุ่มซอฮาบะฮ์นั้น จะระวังทุก ๆ บิดอะฮ์ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นไรก็ตาม เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ทำสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยที่บรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ที่ไม่ขัดแย้งกับหลักชะรีอะฮ์ และไม่ค้านกับชะรีอะฮ์นั้น พวกเขามีความเห็นว่า ให้กระทำมันได้ และถือว่าไม่เป็นไร เช่น การที่ท่านอุมัรได้รวบรวมผู้คนทำการละหมาดตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัตในเดือนร่อมาฏอน เป็นต้น.
ท่านอิมาม อันนะวาวีย์กล่าวว่า " คำว่า بَدَعَ คือ บิดอะฮ์ ตามหลักศาสนานั้น หมายถึง ท่า ทำให้เกิดขึ้นใหม่กับสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคสมัยของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) และ บิดอะฮ์ ก็แบ่งออกเป็น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี) และบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ
ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า
ما أتى على الناس عام إلا أحدثوا فيه بدعة، وأماتوا فيه سنة حتى تحي البدع وتموت السنن
" ปีหนึ่งจะไม่ผ่านผู้คนไป นอกจากพวกเขาจะอุตริบิดอะฮ์หนึ่งขึ้นมา และพวกเขาก็ทำให้ตายกับซุนนะฮ์หนึ่ง จนกระทั้งบรรดาบิดอะฮ์นั้นฟื้นขึ้นมาและบรรดาซุนนะฮ์ก็ได้ตายลงไป" ดู หนังสือ มัจญฺมะอ์ อัลซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 88
อิหม่ามมาลิก บุตร อะนัสกล่าวว่า
من ابتدع في الإسلام بدعة يراها حسنة فقد زعم أن محمدا صلى الله عليه وسلم خان الرسالة، لأن الله يقول: (اليَومَ أكْمَلْتُ لَكُم دِينَكُمْ) فما لم يكن يومئذ دينا فلا يكون اليوم دينا
"ผู้ใดอุตริบิดอะฮหนึ่งขึ้นมาในอิสลาม โดยเห็นว่ามันดี แน่นอนเขาย่อมอ้างว่า แท้จริงมุหัมหมัด ศอลฯ นั้น ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นแห่งพระเจ้า เพราะว่าอัลลอฮทรงกล่าวว่า (วันนี้เราได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์สำหรับพวกเจ้าแล้ว) เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่ไม่เป็นศาสนาในวันนั้น ในวันนี้มันก็ไม่เป็นศาสนาด้วย" โปรดดูอัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 149
จะได้เห็นได้ว่า คำกล่าวของซอฮาบะฮ์ที่เกี่ยวกับบิดอะฮ์นั้น ก็คือบิดอะฮ์ที่อยู่ในความหมายแบบมุฏลัก (مطلق ) ที่อยู่ในความหมายประเภทบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงเท่านั้น และโปรดทำความเข้าใจให้ดี ไม่เช่นนั้น หลักการศาสนาจะขัดแย้งกันเอง แต่ความเป็นจริงแล้วศาสนาอิสลามมีความสมบูรณ์ ไม่มีการขัดแย้งกันเอง
และคำกล่าวของอิมามมาลิกก็เช่นเดียวกัน เพราะบิดอะฮ์ที่อิมามมาลิกกล่าวถึงนั้น คือบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง บิดอะฮ์ที่ไม่มีรากฐานมาจากศาสนา หากผู้ใดเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เขาย่อมเป็นผู้อ้างว่าท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นของอัลเลาะฮ์
ดังนั้นท่านผู้อ่านที่มีทัศนคติต่อมัสหับของท่านอีหม่าชาฟีอี ถือว่าบิดอะถุกแบ่งเป็น2นั้น พึงพิจารณาให้ดีไว้ใน ณ ที่นี้ด้วยว่า อย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นโดยที่เอาเหตุผลตัวเองมาตั้ง..แล้วฮู่กมผู้อื่น ..
เรื่องเมาลิดนบี ทั้งฝ่ายที่ต่อต้าน ก็ไม่มีหลักฐานชัด ๆ จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์เหมือนกัน และหลักฐานต่าง ๆ ที่ฮุกุ่มเป็นบิดอะฮ์ของฝ่ายวะฮาบีย์นั้น เราก็ทำการแก้ต่างและแถลงไขในเชิงวิชาการไปแล้ว ดังนั้น หากคุณthanit ต้องการทราบหลักฐานของเรา ก็สมควรไปศึกษาหน้าเวปหลักที่บัง ๆ ได้นำเสนอไป ซึ่งหากคุณ thanit ข้องใจ ก็นำหลักฐานต่าง ๆ เหล่านั้น มาวิจารณ์ก็ได้ ซึ่งมันสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย
และผมเชื่อว่า หากเสวนากันตรงประเด็นตามหลักวิชาการละก็ วะฮาบีย์ไปไม่รอด