แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - BasemDeen

หน้า: [1] 2 3 ... 18
1
บทความ / Re: +++คำคน คำคม+++
« เมื่อ: พ.ย. 21, 2014, 08:49 AM »
u cannot expect to be both grand and comfortable.....James Barry

2
เรื่องอีบาดะห์ไม่มีหลักฐานห้ามแล้วบอกว่าทำได้...เค้าสอนกันอย่างนี้น่ะเหรอ???  ใครเชื่อ ผมว่าปัญญาอ่อนขนาดหนักแล้วล่ะ...
เอาเลยครับ มีความรู้อะไรแสดงออกมาเลย hihi:

3
บทความ / Re: +++คำคน คำคม+++
« เมื่อ: ธ.ค. 22, 2013, 07:18 PM »
We always have time enough, if we will but use it aright.
...Johan Wolfgang Von Goethe...

5
คุณเนี่ยมันคิดสั้นจิงๆ ตัดช่องน้อยๆ เอาแต่ง่ายๆ
อุลามะเค้าเอาหลักฐานจากซุนนะกับกีตับมาตีความ
แล้วบรรดาอุลามะแต่ละคนก็เก่งๆกันทั้งนั้น (ผมหมายถึงเชี่ยวชาญ)
 ถ้าคุณเกิดมีปัญหาข้อข้องใจทางศาสนา คุณจะไปถามเอากับใคร ในกรณีที่คุณไม่มีความรู้ความสามารถจะวิเคราะห์ได้
 แต่คุณคงตอบว่า ออกห่างจากความคลุมเครือ ซึ่งไม่แปลกอะไร และก็ไม่มีใครจะไปว่าอะไรคุณ
แต่หากไม่ทำแล้วยังเสือกไปปากเสียกว่าหาว่าร้ายหุก่มคนอื่นอีก แบบนี้ใช้ไม่ได้
.....ไม่มีวิสัยทัศน์.....

6
หลักการของคุณ ก็คือ ไม่เอาการตีความจากอุลามะ
หลักการของผม คือ เอาการตีความจากอุลามะ
 แค่นี้เองที่ต้องมาเถียงกัน

7
BasemDeen......ถ้าพวกคุณไม่โกหกใส่นบีผมไม่เคืองหรอก...นี่อะไรมาประกาศปาวๆๆ ว่างานเมาลิดเป็นซุนนะห์ โกหกทั่งเพ หลักฐานสั่งใช้สักต้นก็ยังไม่มีเลย แล้วมาบอกว่าเป็นซุนนะห์....สุดท้ายแล้วสะดุดขาตัวเอง บอกว่างานเมาลิดเป็นงานประเภณี ไม่เกี่ยวกับอีบาดะห์ ...แล้วจะยกหลักฐานมากอ้างให้บาปกินหัวทำซากไรวะ....บอกชาวบ้านไปซิว่างานนี้ไม่ใช่งานศาสนา ...ผมจะได้ไม่ต้องยุ่ง
ใครบอกคุณว่าเป็นซุนนะ

8
คุณทานิตย์ นั้นคงไมรู้เลยว่า อุลามมะนั้นเขาแบ่งบิดอะกันอย่างไร...ผมจะอธิบายให้ฟังเท่าที่ศึกษามานะครับ

  บิดอะนั้นถูกแบ่งเป็น บิดอะฮ์ที่มีรากฐานมาแต่เดิมและบิดอะที่ไม่มีรากฐานมาจากศาสนา
และบิดอะที่มีรากฐานจากศาสนานั้นก็คือสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวว่า
من يشفع شفاعة حسنة يكن له نصيب منها ومن يشفع شفاعة سيئة يكن له كفل منها                                                 
 "ผู้ใดที่ให้ความช่วยเหลือที่ดี  ก็จะเป็นของเขาซึ่งส่วนหนึ่งจากความดีนั้น  และผู้ใดให้ความช่วยเหลือที่ชั่ว  ก็จะเป็นของเขาซึ่งส่วนหนึ่งจากความชั่วนั้น

และ คำว่า (شفاعة) นี้  หมายถึง  ซุนนะฮ์หรือแนวทางที่อัลเลาะฮ์ทรงวางแนวทางเอาไว้  และเป็นแนวทางที่ทุก ๆ ศาสนาต้องดำเนินตาม  และตามแนวทางนี้นั้น  อัลกุรอานและซุนนะฮ์ได้ดำรงอยู่  และด้วยสาเหตุจากแนวทางนี้  บรรดาชารีอะฮ์ต่าง ๆ ได้มีมา  เพื่อแยกแยะระหว่างความดีและความชั่ว

  ดังนั้น  ผู้ที่กล่าวว่า  มีบิดอะฮ์หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี)นั้น  เขาย่อมวินิจฉัยจากหลักการนี้  ที่มาจากวิญญานและบรรดาเป้าหมายหรือเจตนารมณ์ของชาริอะฮ์

 สิ่งต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น  มี 2 ประเภท

(1)  สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่  ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน/ซุนนะฮ์  คำพูดที่ถูกรายงานมา  และอิจญฺมาอ์  สิ่งนี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง

(2) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จากคุณงามความดี  ที่ไม่ขัดกับอันหนึ่งอันใด(ที่กล่าวมาแล้ว)นี้  และนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยไม่ถูกตำหนิ

ท่านอุมัรได้กล่าว  เกี่ยวกับ(การรวม)ละหมาดตะรอวิหฺ ว่า

نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี  คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"

หมายความว่า"การละหมาดตะรอวิหฺ(20 ร่อกะอัต)ในคืนร่อมาฏอนนี้  คือสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  และเมื่อมีการกระทำขึ้นมาแล้ว  ก็ไม่เป็นการขัดต่อสิ่งที่กล่าวมา "  และสายรายงานนี้ ซอเฮี๊ยะห์   ดู  หนังสือ มะนากิบ อัช-ชาฟิอีย์  เล่ม1 หน้า 468 - 469

ท่านอิบนุ อัล-เญาซีย์ กล่าวว่า "บิดอะฮ์  หมายถึง  การกระทำที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วก็ได้อุตริกรรมกันมา  และส่วนมากแล้ว บิดอะฮ์ที่ผิดหลักการนั้น  มันจะค้านกับหลักชาริอะฮ์ และทำให้เกิดการเพิ่มเติมและตัดทอนขึ้นในชาริอะฮ์  เพราะฉะนั้น  สิ่งใดก็ตามที่ได้อุตริกรรมขึ้นมาใหม่  โดยไม่ขัดแย้งกับหลักชาริอะฮ์และไม่ทำให้เกิดการเพิ่มเติมและตัดทอน(หลักชาริอะฮ์)แล้ว  สะลัฟส่วนมากแค่รังเกียจมัน  และพวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงจากทุก ๆ คนที่ทำบิดอะฮ์  ซึ่งแม้ว่าสิ่งนั้น  จะเป็นสิ่งที่ให้กระทำได้ก็ตาม  ทั้งนี้เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งหลักการเดิม  นั่นก็คือ  การเจริญรอยตาม  ซึ่งจะเห็นได้จากคำพูดของท่านซัยด์ บิน ษาบิต  ที่ว่า

 ท่านเซดฺ บิน ษาบิตได้กล่าวกับท่านอบูบักรและท่านอุมัร (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา) ในขณะที่ทั้งสองกล่าวแก่เขา ว่า "ท่านจงรวบรวมอัลกุรอาน" (ท่านเซดฺ บิน ษาบิต จึงกล่าวว่า) ท่านทั้งสองจะกระทำการสิ่งหนึ่งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ไม่เคยกระทำกระนั้นหรือ ? "

หลังจากนั้น ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ได้กล่าวต่อไปว่า "แท้จริงกลุ่มซอฮาบะฮ์นั้น  จะระวังทุก ๆ บิดอะฮ์  ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นไรก็ตาม  เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ทำสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน  โดยที่บรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ที่ไม่ขัดแย้งกับหลักชะรีอะฮ์ และไม่ค้านกับชะรีอะฮ์นั้น  พวกเขามีความเห็นว่า  ให้กระทำมันได้  และถือว่าไม่เป็นไร  เช่น การที่ท่านอุมัรได้รวบรวมผู้คนทำการละหมาดตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัตในเดือนร่อมาฏอน เป็นต้น.
 ท่านอิมาม อันนะวาวีย์กล่าวว่า " คำว่า بَدَعَ   คือ บิดอะฮ์  ตามหลักศาสนานั้น  หมายถึง ท่า ทำให้เกิดขึ้นใหม่กับสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคสมัยของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)  และ บิดอะฮ์  ก็แบ่งออกเป็น  บิดอะฮ์หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี) และบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ   

ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า

ما أتى على الناس عام إلا أحدثوا فيه بدعة، وأماتوا فيه سنة حتى تحي البدع وتموت السنن                                     
" ปีหนึ่งจะไม่ผ่านผู้คนไป นอกจากพวกเขาจะอุตริบิดอะฮ์หนึ่งขึ้นมา  และพวกเขาก็ทำให้ตายกับซุนนะฮ์หนึ่ง  จนกระทั้งบรรดาบิดอะฮ์นั้นฟื้นขึ้นมาและบรรดาซุนนะฮ์ก็ได้ตายลงไป" ดู  หนังสือ มัจญฺมะอ์ อัลซะวาอิด  เล่ม 1 หน้า 88

 อิหม่ามมาลิก บุตร อะนัสกล่าวว่า

من ابتدع في الإسلام بدعة يراها حسنة فقد زعم أن محمدا صلى الله عليه وسلم خان الرسالة، لأن الله يقول: (اليَومَ أكْمَلْتُ لَكُم دِينَكُمْ) فما لم يكن يومئذ دينا فلا يكون اليوم دينا

        "ผู้ใดอุตริบิดอะฮหนึ่งขึ้นมาในอิสลาม โดยเห็นว่ามันดี   แน่นอนเขาย่อมอ้างว่า  แท้จริงมุหัมหมัด ศอลฯ นั้น ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นแห่งพระเจ้า เพราะว่าอัลลอฮทรงกล่าวว่า (วันนี้เราได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์สำหรับพวกเจ้าแล้ว)  เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่ไม่เป็นศาสนาในวันนั้น  ในวันนี้มันก็ไม่เป็นศาสนาด้วย" โปรดดูอัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 149 
       
จะได้เห็นได้ว่า  คำกล่าวของซอฮาบะฮ์ที่เกี่ยวกับบิดอะฮ์นั้น  ก็คือบิดอะฮ์ที่อยู่ในความหมายแบบมุฏลัก (مطلق ) ที่อยู่ในความหมายประเภทบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงเท่านั้น และโปรดทำความเข้าใจให้ดี  ไม่เช่นนั้น  หลักการศาสนาจะขัดแย้งกันเอง  แต่ความเป็นจริงแล้วศาสนาอิสลามมีความสมบูรณ์  ไม่มีการขัดแย้งกันเอง 
และคำกล่าวของอิมามมาลิกก็เช่นเดียวกัน  เพราะบิดอะฮ์ที่อิมามมาลิกกล่าวถึงนั้น  คือบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง  บิดอะฮ์ที่ไม่มีรากฐานมาจากศาสนา  หากผู้ใดเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี  เขาย่อมเป็นผู้อ้างว่าท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นของอัลเลาะฮ์

 
ดังนั้นท่านผู้อ่านที่มีทัศนคติต่อมัสหับของท่านอีหม่าชาฟีอี ถือว่าบิดอะถุกแบ่งเป็น2นั้น  พึงพิจารณาให้ดีไว้ใน ณ ที่นี้ด้วยว่า อย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นโดยที่เอาเหตุผลตัวเองมาตั้ง..แล้วฮู่กมผู้อื่น ..
myGreat:

9
เรื่องเมาลิดนบี  ทั้งฝ่ายที่ต่อต้าน ก็ไม่มีหลักฐานชัด ๆ จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์เหมือนกัน  และหลักฐานต่าง ๆ ที่ฮุกุ่มเป็นบิดอะฮ์ของฝ่ายวะฮาบีย์นั้น เราก็ทำการแก้ต่างและแถลงไขในเชิงวิชาการไปแล้ว  ดังนั้น หากคุณthanit ต้องการทราบหลักฐานของเรา ก็สมควรไปศึกษาหน้าเวปหลักที่บัง ๆ ได้นำเสนอไป  ซึ่งหากคุณ thanit ข้องใจ ก็นำหลักฐานต่าง ๆ เหล่านั้น มาวิจารณ์ก็ได้  ซึ่งมันสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย 

และผมเชื่อว่า หากเสวนากันตรงประเด็นตามหลักวิชาการละก็  วะฮาบีย์ไปไม่รอด
myGreat:

10
ใครอ่านก็รู้แล้วว่าถามหาเรื่อง หรือจะเถียง
คิดว่าตัวเองเก่ง ไม่ฟังใค เก่งให้จิงเหอะ

11
บทความ / Re: +++คำคน คำคม+++
« เมื่อ: ธ.ค. 19, 2013, 05:47 AM »
If u tell the truth, u don't have to remember anything.
...Mark Twain... :laugh:

12
เรื่องศาสนาหากเป็น เรื่องที่นบีไม่ห้าม และเป็นเรื่องที่นบีไม่ได้ทำ และเป็นเรื่องที่ดี อันนี้ทำไม่ได้ หรือว่าเสี่ยง ในความหมายของคุณใช่ไหม

13
ก็แล้วทำไมคุณไม่ไปค้นคว้าเพิ่มเล่า ขี้เกียจแล้วยังจะเรื่องมาก ไม่เข้าใจเลย
นี่ถ้ามีคนมาบอกว่าหลักฐานมีแค่นี้ ก็คงเข้าทางคุณละซี จะได้เอาไปอ้างกับ อล. ได้

14
เข้าใจแล้วท่าน
 ท่านเป็นคนประเภทที่เรียกได้ว่า ปลาไหล (ปลิ้นปล้อน)
จากข้อความล่าสุดที่ท่านพิมพ์
ที่ท่านบอกว่าคนในหมู่บ้านก็คิดแบบท่าน เท่ากับการบอกว่าความคิดท่านไม่ผิดเพราะคนอื่นก็คิดเหมือนหรือคล้ายกับท่าน
ที่ท่านบอกว่าในห้องเรียนก็เป็นแบบนี้ เท่ากับคุณบอกว่าอาจารย์ของคุณไม่ได้สั่งให้คุณรู้จักค้นคว้า เอาแต่รอรับความรู้อย่างเดียว
 ผมว่าไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่ใครก็ตามจะมาตอบคำถามให้กับท่าน

15
โทษคนในหมู่บ้านซะงั้น
แถมยังโทษครูที่สอนด้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 18