นบีคิเดร หรือ ค่อฎีรฺ (อ.ล.)
อัล ค่อฎิร (الخَضِرُ) คือบ่าวที่ซอและฮฺซึ่งนบีมูซา (อ.ล.) ได้เดินทางไปพบเพื่อแสวงหาความรู้จากเขาผู้นี้ พระองค์อัลลอฮฺทรงเล่าถึงเรื่องราวของทั้งสองเอาไว้ในซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่ สำนวนในเรื่องเล่าบ่งบอกถึงการเป็นนบีของอัลค่อฎิร (نُبُوَّةٌ) อยู่หลายประเด็น ดังนี้
1. พระดำรัสในอายะฮฺที่ 65 ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่ บ่งชี้อย่างชัดเจน คำว่า (رَحْمَةً مِنْ عِنْدِنَا) หมายถึง رحمة النبوة คือพระเมตตาในการเป็นนบี และคำว่า (وعلَّمْناه مِنْ لَدُنَّاعِلْمًا) หมายถึงความรู้ที่ถูกวะฮีย์มายังอัลค่อฎิร (อ.ล.)
2. คำสนทนาโต้ตอบระหว่างนบีมูซา (อ.ล.) และอัลค่อฎิร (อ.ล.) ในพระดำรัสที่ 66-70 จากซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่ บ่งชี้ว่าถ้าหากอัลค่อฎิรมิใช่นบี อัลค่อฎิรก็ย่อมมิใช่มะอฺซูม และนบีมูซา (อ.ล.) ซึ่งเป็นนบีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นร่อซู้ลผู้ทรงเกียรติ เป็นมะอฺซูมก็คงไม่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการแสวงหาความรู้จากผู้ที่ เป็นเพียงวะลีย์ซึ่งมิใช่มะอฺซูม และคงไม่มุ่งมั่นเดินทางไปหาและสืบเสาะถึงแม้จะใช้เวลานานถึง 80 ปีก็ตาม และเมื่อได้พบกับอัลค่อฎิร นบีมูซา (อ.ล.) ก็แสดงความนอบน้อมถ่อมตน และให้ความสำคัญในการกระทำตามคำชี้แนะของอัลค่อฎิร นั่นย่อมแสดงว่าอัลค่อฎิรเป็นนบีและมีวะฮีย์มายังเขาเช่นกัน
3. อัลค่อฎิร (อ.ล.) หาญกล้าในการสังหารชีวิตของเด็กน้อย ซึ่งนั่นย่อมบ่งชี้ว่ามีวะฮีย์มายังเขาและเขาเป็นมะอฺซูมอย่างแน่นอน เพราะผู้เป็นวะลีย์นั้นไม่อนุญาตให้ลงมือสังหารชีวิตเพียงเพราะสิ่งที่เกิด ขึ้นในห้วงความคิด ซึ่งอาจผิดพลาดได้โดยมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์
4. เมื่ออัลค่อฎิร (อ.ล.) ได้อธิบายถึงข้อเท็จจริงในการกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแก่มูซา (อ.ล.) อัลค่อฎิร (อ.ล.) ก็กล่าวว่า (رحمة مِنْ ربكَ ومافعلتُه عَنْ أَمْرِىْ) -อัลกะฮฺฟี่ / 82- “อันเป็นพระเมตตาจากพระผู้อภิบาลของท่าน และฉันมิได้กระทำมันตามอำเภอใจ” หมายความว่า ที่ฉันได้กระทำลงไปทั้งหมดนั้นเป็นการทำตามวะฮีย์ที่ถูกประทานลงมาให้ฉัน กระทำนั่นเอง (จากหนังสืออัรรุซุ้ล วัรฺริซาลาตฺ ; ดร.อุมัร สุลัยมาน อัลอัชฺก๊อรฺ ; ดารุนนะฟาอิส หน้า 22-24 โดยสรุป)
อ้างอิงจาก - อ.อาลี เสือสมิง:
http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=511.0-