แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - kalib

หน้า: [1]
1
แนวทางซูฟีย์

- กินน้อย
- นอนน้อย
- พูดน้อย
- ปฏิบัติเท่าที่สามารถ
- และถามน้อย


2
ฝากไว้สองข้อครับ...
๑. ขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องกอฎอมุบร็อม และกอฎอมุอัลลักครับ
๒. ขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกอฎอ,กอดัร กับอิคติยารครับ

เพื่อความเข้าใจในเรื่องที่ว่า "เมื่อทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วโดยพระองค์!! ทำไมจึงต้องอิคติยาร และการอิคติยารจะเปลี่ยนแปลงกอฎอ,กอดัรได้หรือไม่?.."


แม้ว่าจะมีความมุมานะอยู่ในหัวใจสักแค่ใหน  มันก็ไม่สามารถเจาะทำลายบรรดากำแพงแห่งการกำหนดสภาวะของอัลเลาะฮ์ได้หรอก
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2244.0

3
เราจะตามอัลกุรอานและอัลหะดีษโดยตรงได้หรือไม่?
อ.ไพบูลย์ เจ๊ะยอเด อ.อาลี เสือสมิง อ.อารีฟีน แสงวิมาน : งานมะเซาะรำลึก 54 : โรงเรียนมะเซาะฮะตุดดีน 2 (หลอแหล)

http://www.youtube.com/watch?v=2I-jTEHMC50


อ.มัรวาน สะมะอูน : งานมะเซาะรำลึก 54 : โรงเรียนมะเซาะฮะตุดดีน 2 (หลอแหล)

http://www.youtube.com/watch?v=Z6k5Jim87AI

4
สนทนาศาสนธรรม / Re: เตือนเพื่อนคณะ
« เมื่อ: พ.ค. 29, 2011, 07:57 PM »

 ไม่เกี่ยวกันค่ะ เพราะเดี๊ยนเพียงแค่จะเลี่ยงการโต้ตอบกับเจ๊ฟิรเดาซ์ เท่านั้น หมายถึงว่า หากเจ๊แก ถามอะไรเดี๊ยนขึ้นมา เดี๊ยนจะไม่ตอบเจ๊แกคนเดียวเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อใดก็ตามที่เจ๊แกเข้ามาโพสกระทู้ เดี๊ยนต้องหยุด หรือลาขาดจากกระทู้นั้นๆ เพื่อหนีแกนี่คะ และถ้าเจ๊แกจะเข้ามาโพส เดี๊ยนก็ไม่ได้ว่ากระไรนี่คะ เจ๊แกเป็นจ้าวแม่เว็บ ส่วนเดี๊ยนเป็นแค่ไพร่เว็บ จะไปมีปากเสียงกับเจ๊ได้งัย

เป็นอะไรมากมั้ยค๊ะ...
เห็นทีคุณคงต้องใช้ตะเซาวุฟบำบัดจิตใจตัวเองบ้าง คงจะดีไม่น้อย
แต่ขอให้เป็นตะเซาวุฟอันบริสุทธิ์ที่อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานและซุนนะห์ด้วยนะคะ ปลอดภัยกว่าแน่นอน
เรื่องต่อมา...คุณจะมาตอบอะไรล่ะคะ  ในเมื่อสิ่งที่ถามไป  คุณเลี่ยงจะตอบอยู่แล้ว
อาการแถ แบบนี้   ไม่งามนะคะ  มีวิชาการในตัวเองหน่อย
เว็บแห่งนี้ มีแต่ระบบสามัญชนคนธรรมดา  ไม่มีระบบไพร่ค่ะ 
ดังนั้น  อย่าเอาคำว่า ไพร่ ที่เสื้อแดงชอบใช้ มาใช้กับเว็บอันทรงเกียรติแห่งนี้


ขอให้เป็นตะเซาวุฟอันบริสุทธิ์ที่อยู่บนพื้นฐาน "ของอัลกุรอาน"

ใน อัลกุรอาน ได้บอกไว้ทุกสิ่ง "เกินกว่า" สติปัญญา หรือ ตะเซาวุฟ หรือ บรรดาความรู้ทั้งหมด

5
 :salam:

พระองค์ได้ทดสอบเรา เพื่อให้เรารู้จัก ความอดทน (การซอบัรนั้น เป็นยา ที่สร้างความภูมิต้านทานอย่างหนึ่ง)

ดุอาอ์.. การรำลึกถึงพระองค์

 ::)

6
การคาดคิดก็คือ การนึกคิดกับสิ่งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน การคาดคิดนั้นจะเกิดขึ้น ได้บน 4 กฎเกณฑ์

1.การคาดคิดซึ่งที่อนุญาต ก็คืออนุญาตให้คาดคิดได้เช่น การคาดคิดในเรื่องของการดำรงชีวิตจากการเพาะปลูก จากการทำอุตสาหกรรม...

2.การคาดคิดที่สุนัตก็คือ สุนัตให้คาดคิดได้ในสิ่งที่ดีเช่น การคาดคิดที่ดีๆต่อพี่น้องมุสลิมของเรา อย่านึกคิดในแง่ร้ายแก่เขาเมื่อไม่มีหลักฐาน...

3.การคาดคิดที่วายิป(จำเป็น)ก็คือจำเป็นในการคาดคิด เช่นคาดคิดที่ดีต่ออัลลอฮ์(ซ.บ) หรือการคาดคิดในเรื่องวายิปต่างๆที่ไม่มีหลักฐานอันเด็ดขาดชัดแจ้งสนับสนุน...

4.การคาดคิดที่หะราม(ต้องห้าม) ก็คือหะรามในการคาดคิดต้องยาเก่นต้องมั่นใจอย่างเดียว เช่นการคาดคิดในเรื่องพระเจ้า การคาดคิดในเรื่องนบี การคาดคิดในเรื่องข้อยึดมั่น(อากีดะฮ์) หรือการคาดคิดที่ชั่วคาดคิดที่ไม่ดีต่อผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน...

7
เพราะอะไรจึงติดอยู่กับ คำบางคำ ประโยคบางประโยค แล้วก็นำมาวิพาก ก็ในเมื่อรู้กันอยู่ว่า ต่างก็ไม่รู้..ถ้ารู้จริง

8
สำหรับการรำลึกถึงพระองค์ ย่อมไม่มีอะไรมากำหนดและขีดกั้น ไร้คำขีดเขียนและไร้คำที่ใช้อธิบาย...

9
คนที่นับถือศาสนาอิสลามและเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ได้ต่อสู้กันหรอกครับ..

10
นบีคิเดร  หรือ  ค่อฎีรฺ  (อ.ล.)

อัล ค่อฎิร  (الخَضِرُ)  คือบ่าวที่ซอและฮฺซึ่งนบีมูซา  (อ.ล.)  ได้เดินทางไปพบเพื่อแสวงหาความรู้จากเขาผู้นี้  พระองค์อัลลอฮฺทรงเล่าถึงเรื่องราวของทั้งสองเอาไว้ในซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่ สำนวนในเรื่องเล่าบ่งบอกถึงการเป็นนบีของอัลค่อฎิร  (نُبُوَّةٌ)  อยู่หลายประเด็น  ดังนี้

         1. พระดำรัสในอายะฮฺที่  65  ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่  บ่งชี้อย่างชัดเจน  คำว่า  (رَحْمَةً مِنْ عِنْدِنَا)  หมายถึง  رحمة النبوة  คือพระเมตตาในการเป็นนบี  และคำว่า  (وعلَّمْناه مِنْ لَدُنَّاعِلْمًا)  หมายถึงความรู้ที่ถูกวะฮีย์มายังอัลค่อฎิร  (อ.ล.)

         2. คำสนทนาโต้ตอบระหว่างนบีมูซา  (อ.ล.)  และอัลค่อฎิร  (อ.ล.)  ในพระดำรัสที่  66-70  จากซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่  บ่งชี้ว่าถ้าหากอัลค่อฎิรมิใช่นบี  อัลค่อฎิรก็ย่อมมิใช่มะอฺซูม  และนบีมูซา  (อ.ล.)  ซึ่งเป็นนบีผู้ยิ่งใหญ่  เป็นร่อซู้ลผู้ทรงเกียรติ  เป็นมะอฺซูมก็คงไม่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการแสวงหาความรู้จากผู้ที่ เป็นเพียงวะลีย์ซึ่งมิใช่มะอฺซูม  และคงไม่มุ่งมั่นเดินทางไปหาและสืบเสาะถึงแม้จะใช้เวลานานถึง  80  ปีก็ตาม  และเมื่อได้พบกับอัลค่อฎิร  นบีมูซา  (อ.ล.)  ก็แสดงความนอบน้อมถ่อมตน  และให้ความสำคัญในการกระทำตามคำชี้แนะของอัลค่อฎิร  นั่นย่อมแสดงว่าอัลค่อฎิรเป็นนบีและมีวะฮีย์มายังเขาเช่นกัน

         3. อัลค่อฎิร  (อ.ล.)  หาญกล้าในการสังหารชีวิตของเด็กน้อย  ซึ่งนั่นย่อมบ่งชี้ว่ามีวะฮีย์มายังเขาและเขาเป็นมะอฺซูมอย่างแน่นอน  เพราะผู้เป็นวะลีย์นั้นไม่อนุญาตให้ลงมือสังหารชีวิตเพียงเพราะสิ่งที่เกิด ขึ้นในห้วงความคิด  ซึ่งอาจผิดพลาดได้โดยมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์

         4. เมื่ออัลค่อฎิร  (อ.ล.)  ได้อธิบายถึงข้อเท็จจริงในการกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแก่มูซา  (อ.ล.)  อัลค่อฎิร  (อ.ล.)  ก็กล่าวว่า  (رحمة مِنْ ربكَ ومافعلتُه عَنْ أَمْرِىْ)  -อัลกะฮฺฟี่  /  82-  “อันเป็นพระเมตตาจากพระผู้อภิบาลของท่าน  และฉันมิได้กระทำมันตามอำเภอใจ”  หมายความว่า  ที่ฉันได้กระทำลงไปทั้งหมดนั้นเป็นการทำตามวะฮีย์ที่ถูกประทานลงมาให้ฉัน กระทำนั่นเอง  (จากหนังสืออัรรุซุ้ล  วัรฺริซาลาตฺ ; ดร.อุมัร สุลัยมาน อัลอัชฺก๊อรฺ ; ดารุนนะฟาอิส  หน้า  22-24  โดยสรุป)

อ้างอิงจาก - อ.อาลี เสือสมิง: http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=511.0
-

หน้า: [1]