1
นิติศาสตร์อิสลาม( ฟิกห์ ) / หูกุมสินค้าก่อนที่จะรับมอบกัน และวิธีการในการรับมอบสินค้า
« เมื่อ: ก.ย. 15, 2014, 04:44 AM »
หูกุมสินค้าก่อนที่จะรับมอบกัน และวิธีการในการรับมอบสินค้า
สินค้าก่อนที่จะส่งมอบกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายนั้น ถือว่ายังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ขาย กล่าวคือ ถ้าหากว่าสินค้าเกิดเสียหายเอง หรือผู้ขายทำให้สินค้าเสียหาย หรือมีคนที่สาม มาทำให้สินค้าเสียหาย การค้าในครั้งนั้นถือว่าโมฆะยุติลงทันที
และจะถือว่าผู้ซื้อยังมีสิทธิ์เลือก(ระหว่างจะซื้อหรือจะยกเลิก) ในกรณีที่สินค้าเกิดมีข้อตำหนิ(อัยบ์) หรือผู้ขายทำให้เกินข้อตำหนิ หรือมีคนที่สามมาทำให้สินค้าเกิดมีข้อตำหนิก่อนที่จะมีการส่งมอบสินค้ากันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ส่วนกรณีผู้ซื้อทำให้สินค้าเสียหายก่อนที่จะรับมอบนั้น ถือว่าเป็นการรับสินค้านั้นแล้ว กล่าวคือ สินค้านั้นไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ขายอีกต่อไป ถึงแม้นว่าผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำให้เสียหายนั้น เป็นสินค้าที่ทำสัญญาซื้อขายกันระหว่างเขากับผู้ขายก็ตาม ก็ถือว่าความรับผิดชอบจะไม่ตกอยู่กับผู้ขาย
การที่ผู้ซื้อเข้าไปบริหารจัดการกับสินค้าที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้วแต่ยังไม่ได้รับมอบสินค้ากัน เช่น ขาย หรือ ซอดาเกาะห์ หรือเช่า หรือจำนำ ถือว่าโมฆะ เพราะว่าผู้ซื้อยังไม่ได้ครอบครองสินค้าอย่างสมบูรณ์แบบ อันเนื่องมาจากว่าการซื้อขายขายในครั้งนั้นจะยุติลงถ้าหากสินค้าเกิดเสียหาย
ส่วนวิธีการรับมอบสินค้านั้น แยกออกเป็น ๒ กรณีด้วยกัน คือ
๑ สินค้าที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ (ฆัยรุมันกูล) เช่นบ้าน พื้นดิน ต้นไม้ การส่งมอบสินค้าในรูปแบบดังกล่าว ก็คือให้ผู้ขายมอบอำนาจให้ผู้ซื้อเข้าไปครอบครอง พร้อมกับมอบกุญแจให้ผู้ซื้อ และจัดการขนย้ายสัมภาระของตัวเองออกจากพื้นที่ดังกล่าว
๒ สินค้าที่สามารถเคลื่อนย้ายได้(มันกูล) เช่นเรือ สัตว์ และอื่นๆ การส่งมอบสินค้าในรูปแบบนี้ก็คือให้เลื่อนจากสถานที่หนึ่งไปสู่อีกสถานที่หนึ่ง ส่วนกรณีเรือที่ไม่สามารถเลื่อนได้ ก็ใช้หูกุมเดียวกับกรณีสินค้าที่เลื่อนไม่ได้
และจะถือว่าเป็นการส่งมอบแล้ว โดยที่ผู้ขายได้เอาสินค้านั้นวางให้ผู้ซื้อใกล้ๆ ประมานว่าถ้าหากผู้ซื้อยื่นมือไปก็สามารถที่จะยิบฉวยสินค้านั้นได้ถึง
ที่กล่าวมานั้นในกรณีสินค้าอยู่ ณ.สถานที่บริเวรที่ทำสัญญาซื้อขายกัน แต่ถ้าหากว่าสินค้าอยู่ไกล การส่งมอบนั้น ก็คือต้องให้ผ่านระยะเวลาช่วงหนึ่งไป ซึ้งผู้ซื้อสามารถที่จะเดินทางไปรับสินค้านั้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าว (ตามเวลาปกติทั่วไป) เมื่อผ่านเวลานั้นไป ก็ถือว่าการส่งมอบสินค้านั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
ดู หาชียะตุ อิอานะตุฎฎอลิบีน เล่ม ๓ หน้า ๓๗ – ๓๙ ...ประพันธ์โดยท่าน ซัยยิด อบีบักร ถูกกล่าวขานเลื่องลือในนาม อัซซัยยิด อัลบักรีย์ บุตรของ อัซซัยยิดมุฮัมมัด ชาฎอ อัดดุมยาฎีย์ อัลมีซรีย์
สินค้าก่อนที่จะส่งมอบกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายนั้น ถือว่ายังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ขาย กล่าวคือ ถ้าหากว่าสินค้าเกิดเสียหายเอง หรือผู้ขายทำให้สินค้าเสียหาย หรือมีคนที่สาม มาทำให้สินค้าเสียหาย การค้าในครั้งนั้นถือว่าโมฆะยุติลงทันที
และจะถือว่าผู้ซื้อยังมีสิทธิ์เลือก(ระหว่างจะซื้อหรือจะยกเลิก) ในกรณีที่สินค้าเกิดมีข้อตำหนิ(อัยบ์) หรือผู้ขายทำให้เกินข้อตำหนิ หรือมีคนที่สามมาทำให้สินค้าเกิดมีข้อตำหนิก่อนที่จะมีการส่งมอบสินค้ากันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ส่วนกรณีผู้ซื้อทำให้สินค้าเสียหายก่อนที่จะรับมอบนั้น ถือว่าเป็นการรับสินค้านั้นแล้ว กล่าวคือ สินค้านั้นไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ขายอีกต่อไป ถึงแม้นว่าผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำให้เสียหายนั้น เป็นสินค้าที่ทำสัญญาซื้อขายกันระหว่างเขากับผู้ขายก็ตาม ก็ถือว่าความรับผิดชอบจะไม่ตกอยู่กับผู้ขาย
การที่ผู้ซื้อเข้าไปบริหารจัดการกับสินค้าที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้วแต่ยังไม่ได้รับมอบสินค้ากัน เช่น ขาย หรือ ซอดาเกาะห์ หรือเช่า หรือจำนำ ถือว่าโมฆะ เพราะว่าผู้ซื้อยังไม่ได้ครอบครองสินค้าอย่างสมบูรณ์แบบ อันเนื่องมาจากว่าการซื้อขายขายในครั้งนั้นจะยุติลงถ้าหากสินค้าเกิดเสียหาย
ส่วนวิธีการรับมอบสินค้านั้น แยกออกเป็น ๒ กรณีด้วยกัน คือ
๑ สินค้าที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ (ฆัยรุมันกูล) เช่นบ้าน พื้นดิน ต้นไม้ การส่งมอบสินค้าในรูปแบบดังกล่าว ก็คือให้ผู้ขายมอบอำนาจให้ผู้ซื้อเข้าไปครอบครอง พร้อมกับมอบกุญแจให้ผู้ซื้อ และจัดการขนย้ายสัมภาระของตัวเองออกจากพื้นที่ดังกล่าว
๒ สินค้าที่สามารถเคลื่อนย้ายได้(มันกูล) เช่นเรือ สัตว์ และอื่นๆ การส่งมอบสินค้าในรูปแบบนี้ก็คือให้เลื่อนจากสถานที่หนึ่งไปสู่อีกสถานที่หนึ่ง ส่วนกรณีเรือที่ไม่สามารถเลื่อนได้ ก็ใช้หูกุมเดียวกับกรณีสินค้าที่เลื่อนไม่ได้
และจะถือว่าเป็นการส่งมอบแล้ว โดยที่ผู้ขายได้เอาสินค้านั้นวางให้ผู้ซื้อใกล้ๆ ประมานว่าถ้าหากผู้ซื้อยื่นมือไปก็สามารถที่จะยิบฉวยสินค้านั้นได้ถึง
ที่กล่าวมานั้นในกรณีสินค้าอยู่ ณ.สถานที่บริเวรที่ทำสัญญาซื้อขายกัน แต่ถ้าหากว่าสินค้าอยู่ไกล การส่งมอบนั้น ก็คือต้องให้ผ่านระยะเวลาช่วงหนึ่งไป ซึ้งผู้ซื้อสามารถที่จะเดินทางไปรับสินค้านั้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าว (ตามเวลาปกติทั่วไป) เมื่อผ่านเวลานั้นไป ก็ถือว่าการส่งมอบสินค้านั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
ดู หาชียะตุ อิอานะตุฎฎอลิบีน เล่ม ๓ หน้า ๓๗ – ๓๙ ...ประพันธ์โดยท่าน ซัยยิด อบีบักร ถูกกล่าวขานเลื่องลือในนาม อัซซัยยิด อัลบักรีย์ บุตรของ อัซซัยยิดมุฮัมมัด ชาฎอ อัดดุมยาฎีย์ อัลมีซรีย์