แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - tholib

หน้า: [1] 2 3 4
1
อ้างถึง
แต่ที่เลยเถิดไปกว่า นั้นก็คือ  เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  บอกว่า  ใครที่ไม่เชื่อว่าค่อลิฟะฮ์อุษมานียะฮ์เป็นกาเฟร  เขาย่อมเป็นกาเฟรด้วย!

น่ากลัวครับบัง เอามาจากไหนครับ

2
 salam

ผมอยากให้อาจารย์อธิบายถึงเงื่อนไขการปฏิบัติตามหะดิษฎออีฟในเรื่องที่เป็นความประเสริฐหรือกุศลกิจต่าง ๆ (فَضَاﺋﻞ الأَعمَال)

อาจารย์บอกว่า

อ้างถึง
1. ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง
2. หะดีษนั้นเข้าอยู่ภายใต้หลักมูลฐานที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว
3. ในขณะที่นำมาปฏิบัติ  จะต้องไม่ปักใจเชื่อ  (อิอฺติกอด)  ว่าหะดีษนั้นถูกต้องแข็งแรงและเป็นสิ่งที่แน่นอนเด็ดขาด  หากแต่เผื่อเอาไว้เท่านั้น

อ้างจาก http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=552.0

 -  ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง
ความหมายคือ ต้องไม่เป็นหะดีษปลอม ใช่ไหมครับ
เพราะมีอาจารย์บางท่านกล่าวว่า หะดิษที่อ่อนมาก ๆ สามารถเอามาปฏิบัติ
ในเรื่อง ความประเสริฐหรือกุศลกิจต่าง ๆ ได้
และความหมายของ "ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง" นั้น หมายถึง
หะดีษปลอม ครับ ?
แล้วอยากให้อาจารย์อ้างอิงคำพูดของนักหะดิษด้วยครับ

- หะดีษนั้นเข้าอยู่ภายใต้หลักมูลฐานที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว
หมายความว่า อย่างไรครับ อาจารย์พอจะยกตัวอย่างได้ไหม ?

ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนอาจารย์มาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ครับ

-----------------------------------

وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛

บรรดานักวิชาการหะดีษมีความเห็นต่างกันในข้อชี้ขาดของการนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติ แบ่งออกเป็นหลายทัศนะด้วยกัน ดังนี้

1) มีความเห็นว่าสามารถนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติในเรื่องความประเสริฐของกุศล กิจ (ฟะฎออิลุ้ลอะอฺม๊าล) เรื่องจรรยามารยาท (มะการิมุลอัคล๊าก) และการชักชวนให้ทำความดี ละการป้องปรามจากความชั่ว (อัตตัรฆีบ-อัตตัรฮีบ) ได้แต่ไม่ให้นำมาปฏิบัติในเรื่องหลักศรัทธา (อะกีดะฮฺ) และข้อชี้ขาดทางศาสนา (อะหฺกาม) ทัศนะนี้เป็นความเห็นของนักหะดีษส่วนใหญ่ เช่น อิบนุ มะหฺดีย์, อิบนุ อัลมุบารอก, และอัสสะคอวีย์ เป็นต้น

2) มีความเห็นคล้ายกับกลุ่มที่ 1 แต่การนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติต้องมีเงื่อนไขอยู่หลายประการ ดังเช่นที่เคยตอบไปแล้ว กลุ่มนี้มีนักวิชาการหะดีษบางท่านถือนำโดย อบุลหะซัน อัลกอฏฏอน และ อัลฮาฟิซฺ อิบนุ หะญัร เป็นต้น

3) ห้ามนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าในเรื่องความประเสริฐของกุศลกิจ หรือเรื่องหลักศรัทธาและข้อชี้ขาดทางศาสนา กลุ่มนี้มีนักวิชาการหะดีษเป็นจำนวนมากถือ เช่น อิหม่ามบุคอรี และ อิบนุ ฮัซมิน เป็นต้น

4) สามารถนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติได้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อชี้ขาดหรือเรื่องความประเสริฐ เช่น อิหม่ามอบูหะนีฟะฮฺ, อันนะสาอีย์, อบูดาวูด เป็นต้น

ส่วนกลุ่ม ทัศนะที่ 1 ถือเป็นกลุ่มที่ได้รับการคัดสรรค์ (อัลมุคต๊าร) (-ดู ดิรอซาตฺ ฟี อุลูมิลหะดีษ, ดร.มุฮัมหมัด อะลี ฟัรฮาตฺ หน้า 90-93 โดยสรุป-)


ส่วน ประเด็นที่ถามมาถึงเงื่อนไขในการนำเอาหะดีษฎออีฟมาปฏิบัตินั้นว่า ความอ่อนของหะดีษนั้นๆ ต้องไม่รุนแรง (اَنْ يَكُوْنَ الضَّعْفُ غَيْرَ شَدِيْدٍ) นี่เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ อัลฮาฟิซฺ อิบนุ หะญัร (ร.ฮ.) ได้กำหนดเอาไว้ (ดู ตัดรีบุรฺรอวีย์ เล่มที่ 1/298, 299)  แล้วมีคำอธิบายจากเงื่อนไขข้อนี้ว่า 

(فَيُخْرَجُ مَنِ انْفَرَدَ مِنَ الْكَذَّابِيْنَ وَالمُتَّهَمِيْنَ بِالْكذْبِ)
“ดังนั้น (เนื่องจากกฎข้อนี้) บุคคลที่รายงานโดดๆ จากบรรดาผู้โกหกและจากบรรดาผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าโกหกจึงถูกคัดออกไป”

หมายความว่า ถ้าเป็นหะดีษที่รายงานโดยผู้ถูกกล่าวหาว่าโกหกและหะดีษนั้นไม่เป็นที่รู้กัน นอกจากผ่านมาทางรายงานของผู้นั้น และขัดแย้งกับกฎเกณฑ์อันเป็นที่รู้กัน หรือปรากฎว่าผู้รายงานนั้นเป็นที่รู้กันว่าโกหกในเรื่องที่ไม่ใช่หะดีษนั้น หรือเป็นที่รู้กันว่ามีความผิดพลาดากหรือเป็นคนฟาซิกหรือหลงลืม เป็นต้น  ก็จะไม่เข้าเงื่อนไขข้อนี้  เพราะหะดีษประเภทนี้เรียกว่า หะดีษมัตรู๊ก (المتروك)  ซึ่งไม่เรียกว่า หะดีษเมาฎูอฺ  เพราะเพียงแค่การกล่าวหาว่าโกหกนั้นยังไม่อนุญาตให้ชี้ขาดว่าเป็นการกุหะดี ษ

(لأنَّ مُجَرَّدَالاتّهَام لايسوغ الحكم بالوضع) 

และข้อชี้ขาดของหะดีษมัตรู๊ก ก็คือ ตกไปจากการได้รับการพิจารณาเนื่องจากอ่อนรุนแรง จึงไม่นำมาเป็นหลักฐานหรือถูกนำมาอ้างอิงสนับสนุน (ก่อวาอิด อุซูล อัลหะดีษ, ดร.อะหฺหมัด อุมัร ฮาชิม หน้า 120-121) 


หะ ดีษมุงกัร (المنكر) ก็เช่นกันเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาชนิดของหะดีษที่อ่อนมาก (الضعيف جِدًّا) ทั้งนี้เพราะผู้รายงานบางทีมีลักษณะที่ผิดพลาดมากจนน่าเกลียดหรือหลงลืมมาก หรือเป็นคนฟาซิก หรือเป็นการรายงานของผู้ฎ่ออีฟที่ขัดแย้งในการรายงานของเขากับการรายงานของ ผู้ที่เชื่อถือได้ (อัซซิเกาะฮฺ) ซึ่งทั้ง 2 ประการมีความอ่อนที่รุนแรงปรากฎอยู่ (ตัยซีร มุสฏ่อละฮิลหะดีษ, ดร.มะหฺหมูด อัฏฏอฮฺฮาน หน้า 97) 



ฉะนั้นการสรุปว่า หะดีษที่อ่อนมากๆ สามารถเอามาปฏิบัติในเรื่องความประเสริฐของกุศลกิจต่างๆ ได้ และเหมาว่าความหมายของคำว่าความอ่อนของหะดีษนั้นๆ ต้องไม่รุนแรงว่า หมายถึงหะดีษปลอม (เมาฏูอฺ) ! เท่านั้นจึงไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเป็นหะดีษเมาฎูอฺนั้นไม่มีนักวิชาการท่านใดพูดว่านำมาปฏิบัติได้ อยู่แล้ว ยกเว้นพวก กัรรอมียะฮฺ (الكرامية) ซึ่งเป็นพวกบิดอะฮฺ


และจริงๆ แล้วหะดีษเมาฎูอฺก็ไม่ใช่หะดีษนะบะวีอยู่แล้ว ที่นักวิชาการเรียกชื่อมันว่า “หะดีษ” ก็ถือตามคำตู่ของคนที่อุปโลกน์หะดีษเท่านั้น  เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอันใดเลยในการที่จะสรุปอย่างนั้น  ถึงแม้ว่า หะดีษเมาฎูอฺจะถูกจัดอยู่ในบรรดาชนิดของหะดีษฎ่ออีฟหรือหะดีษมัรดู๊ด (المردود) ที่เลวที่สุดก็ตาม 


กระนั้น ท่านอัลฮาฟิซฺ อินุ หะญัร (ร.ฮ.) ก็เรียบเรียงหะดีษในหมวดนี้จากเลวที่สุดหรือหนักที่สุดไปหาเบาว่า เมาฎูอฺ, มัตรู๊ก, มุงกัร, มุอัลลัล, มุดร็อจฺญ, มักลู๊บ และ มุฎฏ่อรีบ ตามลำดับ (อัตตัดรีบ 1/295, อันนุค่อบะฮฺ 46) ซึ่งหะดีษ มัตรูก และมุงกัร เป็นต้นเป็นหะดีษที่มีความอ่อนรุนแรง ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเมาฏูอฺ! ส่วนหะดีษอ่อนที่เข้าอยู่ภายใต้หลักมูลฐานที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว ก็เช่น หะดีษที่พูดเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไป ในการมีมารยาทที่งดงาม, การกระทำที่น่ารังเกียจ อะไรควรหรืออะไรไม่ควรนั่นแหล่ะมีถมไป!


والله أعلم بالصواب

http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?PHPSESSID=cc1636bd6fdc2121e1bdbf538adb0f56&topic=1123.msg1656;topicseen#new

4
يقول تعالى ذكره:( أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) أيها الكافرون( أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الأرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ ) يقول: فإذا الأرض تذهب بكم وتجيئ وتضطرب( أَمْ أَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) وهو الله

ตัฟสีรตอบารีย์ 23/513

จะเข้าใจการอรรรถาธิบายของท่านอัตตอบารีย์อย่างไรครับ

5

เว็บนี้มีหลายภาษา

เป็นเว็บที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของมุสลิม

เคยได้รับเมล...บอกว่า เว็บนี้ยิวอยู่เบื้องหลัง

والله المستعان

6
ญะซากัลลอฮฺ ค็อยร็อนครับ

คือยังไม่ชัดเจนครับว่า  ท่านอ้างจากใคร

ฮะดีษที่อยู่ในความหมายฮะดีษเมาฏุอฺ


หะดีษมุงกัรฺ หะดีษมัตรูก  จัดอยู่ในความหมายของหะดีษเมาฎูอฺหรือไม่ ?

แล้วจะเข้าใจอย่างไรกับคำพูดของนักหะดีษที่ว่า
หะดีษมุงกัรฺ หะดีษมัตรูก จัดอยู่ใน หะดีษที่เฎาะอีฟมาก

อ้างถึง
อยากทราบว่าท่านอ้างมาจากไหนว่า من فحش غلطه  คือหะดีษของเขาเป็นเมาฎูอฺ
มีอุละมาอ์ท่านไหนบ้างที่เห็นพ้องกับท่าน ?

ท่านอัลหาฟิซอิบนุหะญัรฺกล่าวว่า (นุซฮะตุนนะซ็อรฺ 22)

وكذا الرَّابِعُ والخَامِسُ ، فمَنْ فَحُشَ غَلَطُهُ ، أَو كَثُرَتْ غَفلَتُه ، أَو ظهَرَ فِسْقُه ،فحديثُهُ  مُنْكَرٍ

ชัดเจนว่า อัลหาฟิซอิบนุหะญัรฺ บอกว่านักรายงานที่ فحش غلطه หะดีษของเขาคือมุงกัรฺ
ซึ่งจัดอยู่ในหะดีษที่เฎาะอีฟมาก ไม่ใช่หะดีษเมาฎูอฺแต่ประการใด


وهو أن يكون الضعف غير شديد، فيخرج من انفرد من الكذابين والمتهمين ومن فحش غلطه

แล้ว المتهم بالكذب  ล่ะ
หะดีษเขาจัดอยูในหะดีษเมาฎูอฺด้วยหรือเปล่า Huh??

ท่านอัลหาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า (นุซฮะตุนนะซ็อรฺ 22)
ما يكونُ بسبَبِ تُهمَةِ الرَّاوي بالكَذِبِ ،  و  هُو المَتْروكُ .

ชัดเจนว่า ท่านบอกว่า المتهم بالكذب หะดีษของเขา
คือหะดีษมัตรูก ซึ่งจัดอยู่ในหะดีษที่เฎาะอีฟมาก
และไม่ได้อยู่ในหะดีษที่เมาฎูอฺแต่ประการใด

------
ปัญหาคิลาฟ ยังไงมันก็คิลาฟ
และคิดว่า อัลลอฮฺคงไม่เอาความผิด การที่ใครจะปฏิบัติ
ตามทัศนะไหน เพราะเขาศึกษาและเชื่อมาอย่างนั้น

แต่เรื่องที่ไม่คิลาฟ นั่นคือ จรรยามารยาทที่ดีงาม พูดจาดีนี้ซี
เป็นเรื่องที่ไม่คิลาฟ
กลัวเลยเกินว่า หากพลั้งไปแล้ว บาปจะติดตามตัว

7

ท่านมุฮัดดิษ อัลลามะฮ์ มะห์มูด สะอีด มัมดั๊วะห์  กล่าวว่า

قد يظن من لا يعرف أن فاحش الغلط يدخل فيه متوسط الضعف وليس كذلك فمعني ( من فحش غلطه ) أن حديثه في معني الموضوع

“บาง ครั้งผู้ที่ไม่รู้คิดว่า  ผู้ที่ผิดพลาดอย่างน่าเกลียจ  เข้าอยู่ในหมวดด่ออีฟขนาดกลาง  ซึ่งความจริงมิใช่เช่นนั้น  เพราะความหมายที่ว่า (ผู้ที่ผิดพลาดอย่างน่ารังเกียจ)นั้น  คือฮะดีษของเขาที่อยู่ในความหมายเมาฏุอฺ”  หนังสืออัตตะรีฟ บิเอาฮาม มัน ก็อซซะมัสสุนัน อิลา ศ่อเฮี๊ยะห์ วะ ดออีฟ เล่ม 1 หน้า 129

والله تعالي أعلم[/size]


อยากทราบว่าท่านอ้างมาจากไหนว่า من فحش غلطه  คือหะดีษของเขาเป็นเมาฎูอฺ
มีอุละมาอ์ท่านไหนบ้างที่เห็นพ้องกับท่าน ?

ท่านอัลหาฟิซอิบนุหะญัรฺกล่าวว่า (นุซฮะตุนนะซ็อรฺ 22)

وكذا الرَّابِعُ والخَامِسُ ، فمَنْ فَحُشَ غَلَطُهُ ، أَو كَثُرَتْ غَفلَتُه ، أَو ظهَرَ فِسْقُه ،فحديثُهُ  مُنْكَرٍ

ชัดเจนว่า อัลหาฟิซอิบนุหะญัรฺ บอกว่านักรายงานที่ فحش غلطه หะดีษของเขาคือมุงกัรฺ
ซึ่งจัดอยู่ในหะดีษที่เฎาะอีฟมาก ไม่ใช่หะดีษเมาฎูอฺแต่ประการใด


وهو أن يكون الضعف غير شديد، فيخرج من انفرد من الكذابين والمتهمين ومن فحش غلطه

แล้ว المتهم بالكذب  ล่ะ
หะดีษเขาจัดอยูในหะดีษเมาฎูอฺด้วยหรือเปล่า ????

ท่านอัลหาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า (นุซฮะตุนนะซ็อรฺ 22)
ما يكونُ بسبَبِ تُهمَةِ الرَّاوي بالكَذِبِ ،  و  هُو المَتْروكُ .

ชัดเจนว่า ท่านบอกว่า المتهم بالكذب หะดีษของเขา
คือหะดีษมัตรูก ซึ่งจัดอยู่ในหะดีษที่เฎาะอีฟมาก
และไม่ได้อยู่ในหะดีษที่เมาฎูอฺแต่ประการใด

8
โดยเฉพาะในสายรายงาน ของหะดีษที่  2  นั้น  มีดาวุด  อิบนุ  อัลมิฮฺบัรฺ  ปรากฏอยู่ซึ่งบุคคลผู้นี้  ท่านอิบนุ  ฮิบบาน  ระบุว่า  กุหะดีษโดยอ้างสายรายงานถึงผู้ที่ไว้ใจได้  (ซิกอตฺ)  -(ดูตัฟซีฮุชชะรีอะฮฺ  อัลมัรฟูอะฮฺ ; อิบนุ  อิร๊อก  อัลกินานีย์  เล่มที่  1  หน้า  59)


http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=370.0

-------

الضعفاء للأصبهاني - (1 / 78)
داود بن المحبر بن قحذم أبو سليمان حدث بمناكير في العقل وغيره حدثونا عن الحارث بن أبي أسامة عنه كذبه أحمد بن حنبل والبخاري رحمهما الله

9
อ้างถึง
คำว่า "ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง"  หมายถึง  "ต้องไม่เป็นฮะดีษเมาฏั๊วะอฺ"

เดี๋ยวจะลองถามอาจารย์อาลีดูครับ ว่าความหมายของ "ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง"
หมายถึง หะดิษเมาฎัวะอฺ หรือ หะดิษอะไร

เพราะอาจารย์เขาจบด้านหาดิษมาโดยตรง ท่านน่าจะให้คำอธิบายได้ดีกว่า

10

กรณีที่  2  คือข้อชี้ขาดว่าด้วยการนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติ  (حكم العمل به)  กรณีนี้นักวิชาการมีความเห็นต่างกัน  ตามทัศนะปวงปราชญ์ถือว่า  ส่งเสริม  (มุสตะฮับ)  ให้นำหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติในเรื่องความประเสริฐหรือกุศลกิจต่าง ๆ (فَضَاﺋﻞ الأَعمَال)  แต่มีเงื่อนไขอยู่  3  ประการตามที่อิบนุ  ฮะญัร  (ร.ฮ.)  ได้ระบุเอาไว้  คือ

1. ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง
2. หะดีษนั้นเข้าอยู่ภายใต้หลักมูลฐานที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว
3. ในขณะที่นำมาปฏิบัติ  จะต้องไม่ปักใจเชื่อ  (อิอฺติกอด)  ว่าหะดีษนั้นถูกต้องแข็งแรงและเป็นสิ่งที่แน่นอนเด็ดขาด  หากแต่เผื่อเอาไว้เท่านั้น


http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=552.0

11
salam

อ้างถึง
มาลิกีย์: น้ำที่อยู่ในที่ๆ หนึ่งตามปริมาตรดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นนะญิส ถ้าหากโดนสิ่งนะญิส อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสี รส หรือกลิ่นของมันไม่เปลี่ยนสภาพ ดังนั้น หุกุมของมันก็คือ นะญิส ไม่ว่าน้ำนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม

ตัวแดงนี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าน้ำปริมาณมาก ไม่เปลี่ยนสีกลิ่นรส ก็ไม่น่าเป็นนะญิส ถ้าเป็นนะญิส แสดงว่า ต้องเปลี่ยนสีกลิ่นรส

والسلام

                จากประโยคในฉบับแปลอินโดเนเซียให้ความหมายดังนี้ครับ
             "Maliki: Air yang berada di sebuah tempat dengan ukuran tersebut tidak najis jika terkena benda najis. Namun jika warna, rasa, atau baunya berubah maka hukumnya adalah najis, baik air itu sedikit maupun banyak"

                 จากข้างต้นนี้ ผมเผลอไปใส่คำว่า "ไม่" ทำให้คำแปลเพี้ยนไป แต่แก้ให้แล้วครับ ญซากัลลอฮุค็อยร็อนครับ ที่ท้วงมา - วัสสลามุอลัยกุม

ฉบับภาษาอาหรับ

وقال مالك: ليس للماء اللذي تحله النجاسة قدر معلم، ولكنه متى تغير لونه وطعمه أو ريحه تنجس، قليلاًَ كان أو كثيراً

12
salam

อ้างถึง
มาลิกีย์: น้ำที่อยู่ในที่ๆ หนึ่งตามปริมาตรดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นนะญิส ถ้าหากโดนสิ่งนะญิส อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสี รส หรือกลิ่นของมันไม่เปลี่ยนสภาพ ดังนั้น หุกุมของมันก็คือ นะญิส ไม่ว่าน้ำนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม

ตัวแดงนี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าน้ำปริมาณมาก ไม่เปลี่ยนสีกลิ่นรส ก็ไม่น่าเป็นนะญิส ถ้าเป็นนะญิส แสดงว่า ต้องเปลี่ยนสีกลิ่นรส

والسلام


"และอิมามมาลิกกล่าวว่า : น้ำที่เจือปนกับสิ่งที่เป็นนะญิส (แล้วจะถือว่าน้ำนั้นเป็นนะญิส) ไม่มีการจำกัดปริมาตรที่แน่นอน แต่ทว่าเมื่อใดที่สี รส และกลิ่นของมันเปลี่ยนไป ก็ถือว่าน้ำนั้นเป็นนะญิส ไม่ว่าปริมาณน้ำจะน้อยหรือมากก็ตาม."

แปลจากต้นฉบับภาษาอาหรับ

13
ja‘faran

คืออะไรหรอ

ผมว่าที่ถูกต้อง ต้องเขียนว่า "za'faran"  เพราะในต้นฉบับภาษาอาหรับเขียนว่า   والماء المتغير بالزعفران
ไงก็คุณ Al Fatoni  ลองดูจากต้นฉบับภาษามลายูอีกที

ส่วนความหมายของ "za'faran" ก็คือ หญ้าฝรั่น

14
อ้างถึง
สมมติว่ารู้ความจริงว่า อันที่ยกมานั้นอันไหนดออีฟ อันไหนมอเดาะแล้ว มันจรรโลงใจขึ้นมั้ย มันทำให้มีความมุ่งมั่นทำความดีหาความรู้ขึ้นมั้ย และอีกอย่าง มันจำเป็นมากแค่ไหนที่ต้องไปสืบเสาะหามันมา
หมกมุ่นไปมั้ย เสียเวลาไปมั้ย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีมั้ย คิดบ้างอะไรบ้าง

จำเป็นครับ แม้นว่าความหมายหะดีษจะดีก็ตาม ถ้าไม่จำเป็นอุลามาอ์รุ่นก่อน ๆ คงไม่เสียเวลาเพื่อตรวจสอบว่าหะดีษไหนถูกต้องหรือดออีฟ

ที่อุลามาอ์พยายามตรวจสอบก้เพื่อไม่ให้พาดพิงหะดีษ-ที่ท่านนบีไม่ได้กล่าว-แก่ท่าน

15
อ้างถึง
عَنْ مَيْسَرَةَ قَالَ : قُلْتُ : يَا رَسُوْلَ اللهِ، مَتَي كُنْتَ نَبِيًّا ؟ قَالَ: ...وَآدَمُ بَيْنَ الرُّوْحِ وَالْجَسَدِ، فَلَمَّا أَحْيَاهُ اللهُ تَعَاليَ : نَظَرَ إِليَ الْعَرْشِ، فَرَآي اِسْمِيْ، فَأَخْبَرَهُ اللهُ أَنَّهُ سَيِّدُ وَلَدِكَ، فَلَمَّا غَرَّهُمَا الشَّيْطَانُ، تَابَا وَاسْتَشْفَعَا بِاِسْمِيْ إِلَيْهِ

"จากมัยซะเราะฮ์  เขากล่าวว่า  ฉันได้กล่าวถามว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ท่านได้เป็นนบีเมื่อใด?  ท่านนบีตอบว่า...(ฉันได้เป็นนบี) โดยที่อาดัมอยู่ระหว่างวิญญาณกับเรือนร่าง  ดังนั้นในขณะที่อัลเลาะฮ์ทำให้เขามีชีวิตขึ้นมา  อาดัมก็ได้มองไปที่อารัช(บัลลังก์)  แล้วเขาก็เห็นชื่อของฉัน  ดังนั้นอัลเลาะฮ์จึงบอกแก่เขาว่า  แท้จริงเขา(มุฮัมมัด)นั้นเป็นหัวหน้าลูกหลานของเจ้า  และในขณะที่ชัยฎอนได้ล่อลวงทั้งสอง(อาดัมและเฮาวาอฺ)  ทั้งสองจึงทำการเตาบะฮ์และขอความช่วยเหลือด้วย(สื่อ)นามชื่อของฉันไปยัง พระองค์" หนังสือดะลาอิลินนุบูวะฮ์ 1/85 , 2/129 ของท่านอัลบัยฮะกีย์ , หนังสือฮุลยะตุลเอาลิยาอฺ 9/53 ของท่านอบุนุอัยม์  และฮะดีษนี้ "ฮะซัน" เป็นอย่างน้อย

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนครับบัง ที่เอาหะดีษอื่นมาสนับสนุน
แต่หะดีษที่มาสนับสนุนเนี้ย ผมหาไม่เจอในหนังสือดะลาอิลินนุบูวะฮ์และฮิลยะตุลเอาลิยาอฺ
บังช่วยแสกนมาได้ไหมครับ หรือไม่ก็ช่วยหาหนังสือไฟล์เวิร์ดแล้วบอกว่าอยู่หน้าไหน
หรือไม่ก็บอกฉบับที่บังอ้างมาว่าของสำนักพิมพ์ไหน

ลำบากไปป่าวครับ คืออาจจะมีแต่ผมไม่รู้อยู่ตรงไหนของหนังสือ

หน้า: [1] 2 3 4