แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - as-satuly

หน้า: [1] 2 3 ... 67
1
(อัลฮัมดุลิลลาฮฺ) ช่างได้รับควา่มรู้ที่ตกผลึกไปสู่คุณงามความดีได้ดีอย่างยิ่ง ได้รับทั้งความอยาก (ในอะม้าลอิบาดาต) และความปวดร้าว (ต่อความมืดมนที่ยังอยู่ในจิตใจของเราเอง) พร้อมกับครุ่นคิดไปตามคำตักเตือนในแต่ละประโยคของคำพูดบะยานออกมา ทำให้เกิดพลังในความอยากที่ต้องการทำคุณงามความดีต่ออัลลอฮฺตะอาลาด้วยความยำเกรงและความบริสุทธิ์ใจ - ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนครับ

2
ขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ก็คือ บางครั้งผมเคยได้ยินดุอาอ์ก่อนนอนว่า "บิสมิกัลลอฮุ้มม่า อะมูตู้ วะอะหฺยา"  ดังนั้น แบบไหนกล่าวได้ถูกต้องหรือสามารถกล่าวได้ทั้งสองเช่นกัน  เมื่อนำมาเทียบกับบทมะตั่น "บิสมิกัลลอฮุ้มม่า อะหฺยา วะอะมูตู้" - วัลลอฮุอะอฺลัม

3
ความรักที่อยู่เหนือทุกสิ่ง


ความสำคัญยิ่งและเป้าหมายของการศรัทธาของเรานั้น  ก็คือ  การศรัทธามั่นต่ออัลลอฮฺตะอาลา  และดำเนินรูปแบบชีวิตตามแบบอย่าง (ซุนนะฮ์) ของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ด้วยความรู้สึกนึกคิดของจิตใจของเราต่อความเป็นบ่าวผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง
   
การพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของบ่าวผู้ศรัทธานั้น  เป็นลำดับขั้นตอนง่าย ๆ ที่เราสามารถสัมผัสด้วยกับตัวเราเอง  นั่นก็คือ  การทำให้หัวใจของเราแสดงออกถึง “ความรัก” ทั้งคำพูดและการกระทำคุณงามความดีต่ออัลลอฮฺตะอาลา ผู้ทรงประทานความเมตตา ความโปรดปราน ความกรุณาปราณี   ด้วยเหตุนี้  การสร้างตัวเราให้ก่อเกิดความรักต่ออัลลอฮฺตะอาลานั้น  จะเป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง  ซึ่งจะเป็นคุณลักษณะความศรัทธามั่นด้วยความอิคลาศอย่างบริสุทธิ์ใจ
   
ซึ่งหากเราพยายามลองมองรอบตัวเราเองอย่างตั้งใจแล้ว  ก็จะพบว่า  ในโลกนี้ย่อมมีสิ่งที่เราผู้เป็นมนุษย์มีความรักและเอาใสใจต่อมันเป็นพิเศษ  ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทอง  ตัวอย่างเหล่านี้ มันเป็นสิ่งมีค่ายิ่งสำหรับเราแต่ละคน ที่มีความหึงหวงเป็นอย่างมาก  และดูแลรักษา ทะนุทะนอมเป็นอย่างดี  แต่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ก็เป็นเพียงสิ่งที่มาเอื้ออำนวยความสุขสบายและความรักของเราในโลกนี้เท่านั้น  เราไม่สามารถที่จะผูกมัดกับมันได้ตลอดชั่วชีวิตของเรา
   
แต่เราผู้เป็นบ่าวศรัทธาชนในฐานะผู้ถูกสร้าง (มัคลู๊ก) ก็ย่อมทราบดีอยู่แก่ใจว่า ผู้สร้างเป็นใคร?  แน่นอน ผู้ทรงสร้างบรรดามัคลู๊กทั้งหมดนั้น  ก็คือ “อัลลอฮฺตะอาลา” เพียงองค์เดียวเท่านั้น  และเมื่อบ่าวศรัทธาชนผู้ต่ำต้อยได้ศรัทธามั่นอย่างแท้จริง  ดังนั้น สภาพของผู้ศรัทธาก็จะก่อเกิดทั้งอาการนามของความรักและการกระทำด้วยความรัก  จึงเป็นเหตุให้บ่าวผู้นั้นได้ลิ้มรสอันหวานชื่นของอีหม่าน  ซึ่งไม่มีอะไรที่จะทดแทน “ความรักที่ยิ่งใหญ่” นี้ได้เลย  แม้แต่บ้าน รถ ที่ดิน หรือทรัพย์สินเงินทองก็ตาม  ก็ไม่สามารถจะลบล้างหรือลบเลือนความรักที่ยิ่งใหญ่ของบ่าวผู้ศรัทธานี้ออกไปจากจิตใจของบ่าวผู้นั้นได้  ดังกล่าวนี้  ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏในหะดีษว่า

 عَنْ أَنَسِ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ: ثَلَاثٌ مَنْ كُنَّ فِيهِ وَجَدَ حَلَاوَةَ الْإِيمَانِ أَنْ يَكُونَ اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَحَبَّ إِلَيْهِ مِمَّا سِوَاهُمَا وَأَنْ يُحِبَّ الْمَرْءَ لَا يُحِبُّهُ إِلَّا لِلَّهِ وَأَنْ يَكْرَهَ أَنْ يَعُودَ فِي الْكُفْرِ كَمَا يَكْرَهُ أَنْ يُقْذَفَ فِي النَّارِ
رواه البخاري/رقم الحديث: 16

ความว่า: จากอนัส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ)  จากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า “ผู้ใดมีลักษณะสามอย่างต่อไปนี้  เขาจะได้พบกับความหวานซึ้งของอีหม่าน  คือ การที่อัลลอฮฺตะอาลาและเราะซูลุลลอฮฺเป็นที่รักยิ่งแก่เขายิ่งกว่าอื่นใด  การที่รักคน ๆ หนึ่ง  ซึ่งเขาไม่ได้รักเพื่ออื่นใดจากเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น  และการที่เขาเกลียดที่จะกลับไปเป็นกาฟิรฺ  เหมือนกับที่เขาเกลียดที่จะถูกโยนลงในไฟนรก”  [บันทึกโดย อัลบุคอรีย์, หะดีษลำดับที่ 16] [1]

ด้วยเหตุนี้  ความรักต่ออัลลอฮฺตะอาลาและเราะซูลุลลอฮฺ จึงถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างจริยธรรม  ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือทุกสิ่ง  กล่าวคือ จะทำให้บ่าวศรัทธาชนนั้นกลายเป็นบุคคลที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  บริสุทธิ์ผุดผ่อง  จรรยามารยาทดี  ไม่ทำความชั่วช้าสามาร  ไม่มีศัตรูคู่อริ  ฉะนั้น หากเราทั้งหลายสามารถสร้างหัวใจของเราเองให้เกิดความรักอันบริสุทธิ์ (หุบบุล-อิคลาศ) ในอีหม่านที่มั่นคงได้แล้ว  แน่นอน เราก็จะประสบกับความรักที่มีต่ออัลลอฮฺตะอาลาและท่านเราะซูลุลลอฮฺอย่างแท้จริง - อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน


والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

________________________
[1] อบู อับดุลลอฮฺ มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล อัลบุคอรีย์, เศาะฮีหฺ อัลบุคอรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 1, (ดิมัชก์: ดารุ อิบนิ กะษีรฺ, ฮ.ศ.1423/ค.ศ.2002), หน้า 14.

4
วิถีหัวใจระหว่าง "วัยเรียน" กับ "วัยทำงาน"


หากจะกล่าวว่า...สำหรับชีวิตใน "วัยเรียน"  มันได้ทั้งเนื้อหาสาระพร้อมความสนุกกับการเรียนและการได้สร้างสรรค์กับเพื่อนฝูง  เพราะวัยเรียนของเรานั้น  อาจจะเริ่มจริง ๆ ตั้งแต่เราเริ่มเกิดมาลืม ตาดูโลกก็ว่าได้  โดยมีป๊ะกับม๊ะเป็นครูคนแรกของเรา  จากนั้น เราก็ถูกส่งเข้าเรียน ร.ร.อนุบาล ไปสู่ ร.ร.ประถมศึกษา  จากนั้นก็ต่อด้วยระดับ ร.ร.มัธยมศึกษา  จากนั้นก็มุ่งสู่ระดับอุดมศึกษาต่อไปเรื่อย ๆ
 
ซึ่งจะเห็นได้ว่า  ชีวิตของเราแต่ละคนจะผูกพันกับวัยเรียนมากกว่า  เพราะมีทั้งความรู้ ความสนุก และความสุข ผสมผสานปนเปกันไป  ซึ่งก็เชื่อว่า  หลาย ๆ คนที่ได้รับทั้งความรู้ ความสนุก และความสุขมาก ๆ  ก็ใน "วัยเรียน" ของพวกเขาทั้งหลายนี้แหละ  จนบางคนอาจจะคิดในใจเล่น ๆ ว่า  ชั่วชีวิตนี้อยากจะเรียนไปจนตาย  หมายถึง อยากเรียนหนังสืออย่างเดียว  และเก็บเกี่ยวความรู้ความสามารถอย่างเดียว  เพราะมันเกิดความสนุกและความชื่นชอบกับการเรียนในวัยเรียนนั่นเอง

แต่เราอย่าลืมว่า...เราจะมุ่งแต่การเรียนอย่างเดียวไม่ได้หรอก  จริงอยู่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิบ ๆ ปี  ป๊ะกับม๊ะหรือผู้ปกครองจะส่งเสียเลี้ยงดูเรามาโดยตลอดก็ตาม  แต่สักวัน ท่านเหล่านั้น ก็ต้องแก่ชราหรือทำงานไม่ไหว  ดังนั้น กาลเวลาก็จะหมุนเวียนมาอยู่ที่ตัวเราต่ออีกเช่นกัน  กล่าวคือ ในชีวิตของเรานั้น ไม่ใช่มุ่งแต่ "วัยเรียน" อย่างเดียว  แต่ท้ายที่สุด ทุกคนก็จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าสักวัน  และก็ต้องเลี้ยงชีพตัวเองด้วยกับตัวของตนเอง  เพราะจะให้ป๊ะกับม๊ะป้อนน้ำป้อนข้าวอยู่อีกไม่ได้แล้ว  เนื่องจากเราโตแล้ว  ก็ต้องรู้จักรักดิ้นรนตัวเองซะบ้าง

ดังนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ  ต่อให้เรามีความสนุกและความสุขกับ "วัยเรียน" มากแค่ไหนก็ตาม  แต่ท้ายที่สุด ทุก ๆ คนก็ต้องย่างเข้าสู่ "วัยทำงาน" อยู่ดี  ด้วยเหตุนี้ จุดสำคัญก็คือ 

- "วัยเรียน" ของเรานั้น  มีความผูกพันกับมันตั้งแต่เล็กจนโตและไปจนถึงวันตาย 

- แต่ "วัยทำงาน" ของเรานั้น เพิ่งเข้ามาในชีวิตของเรา เมื่อเราโตขึ้นแล้ว

ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มันย่อมมีความผูกพัน "วัยเรียน" (ด้วยความรัก ความสุข และความสนุก) มากกว่า "วัยทำงาน" อย่างแน่นอน  แต่ด้วยเหตุที่เราไม่สามารถหนีพ้น "วัยทำงาน" ไปได้  เราก็ต้องจำเป็นเข้าสู่ "วัยทำงาน"  เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลาไปในอดีตได้  และเราก็ไม่สามารถยึดติดกับการเรียนอย่างเดียวได้  ด้วยสาเหตุที่เราก็ต้องทำมาหากินหรือทำมาค้าขายด้วยเช่นกัน  เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพตัวเอง  และใช้รายจ่ายให้พอเหมาะพอควรหรือพอเพียงกับฐานะของตน  อีกทั้งก็ต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ด้วย

แต่สิ่งหนึ่งที่เราหลาย ๆ คนยังขาดกันอยู่อีก  ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็อาจจะย่อมรู้ดีอยู่แล้วแก่ใจ  ก็คือ...การที่เราชอบพูด ๆ กันแล้ว ว่าอย่างนั้นดี อย่างนี้ดี อย่างนู้นดี และอย่างโน้นดี  แต่ท้ายที่สุด ๆ คนที่พูดนั้น กลับไม่ปฏิบัติเลย  ทั้งที่สิ่งที่พูดนั้น มันดีมาก ๆ
ดังนั้น ทุก ๆ คนก็ต้องพยายาม ๆ สร้าง "วัยทำงาน" ให้เกิดความรู้ มีความสุข และความสนุกควบคู่กันไป ให้เหมือน ๆ กับช่วงที่เรามีความสุขและความสนุกในช่วง "วัยเรียน" นั้นเอง - อามีน ยาร็อบ

เพราะสุดท้าย เมื่อ "วัยทำงาน" ของเราแต่ละคนมีความสุข ควบคู่กับความสนุก  มันก็จะทำให้ "วัยทำงาน" หรือ "การงานอาชีพ" ของเรานั้น  มีผลดีต่อตัวเราเองและคนรอบข้าง  ดังนั้น เราทุกคนก็ต้องพยายามสร้าง "วัยทำงาน" ของเราให้มีความสุข ควบคู่กับความสนุกในเชิงธรรมชาติของการทำงานให้ดีที่สุด

สุดท้าย ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานก็จะเกิดผลดี ความรัก ความสุขให้แก่ตัวเราเองและคนรอบข้าง  โดยเฉพาะ "คนที่เรารัก" นั่นเอง  กล่าวคือ "คนที่เรารัก" ก็หมายถึง ทั้งตัวเราเอง, ป๊ะ, ม๊ะ, พี่น้อง, เครือญาติ, เพื่อน ๆ และรวมถึงความผูกพันฉันท์พี่น้องประชาชน ตลอดจนคนที่อยู่เคียงข้างเรา นั่นก็คือ รวมถึงคู่ชีวิตของเรานั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ เรามีความสุขกับ "วัยเรียน" มากเท่าใดก็ตาม  เราก็ต้องพยายามสร้าง "วัยทำงาน" ของเราให้มีความสุขมากเท่านั้น หรือมากยิ่งกว่าให้ได้  สุดท้าย มันจะทำให้ตัวเรามีความผูกพันฉันท์พี่น้องทั้งใน "วันเรียน" และ "วัยทำงาน"

เพราะทั้งสองวัยดังกล่าวนี้  ต้องอยู่คู่ควรกับเราไปจนถึงวันสิ้นลมหายใจของแต่ละคน  และจุดสำคัญที่สุดก็คือ  การเกิดความรัก ความสุข ความผูกพัน และความสนุกทั้ง "วัยเรียน" และ "วัยทำงาน" ได้นั้น  ก็ต้องเชื่อมโยงด้วยกับความรู้สึกนึกคิดของ "หัวใจ" ของเราแต่ละคน  เพราะมันก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ "การงานของหัวใจ" (อะอฺมาลุล-กุลูบ) ด้วยความรู้สึกบนความตั้งใจและสร้างจิตสำนึกบนความบริสุทธิ์ใจ  ด้วยการเข้าหารูปแบบของวิถีการงานแห่งอัล-อิสลามนั้นเองครับ – วัลลอฮุอะอฺลัม – วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุลลอฮิ วะบะเราะกาตุฮฺ


________________________________
ป.ล. บทความนี้ คงไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก  แต่ข้าพเจ้าอยากจะเขียนและเรียบเรียงจากความรู้และประสบการณ์อันน้อยนิดขึ้นมาถ่ายทอดเป็นตัวอักษร  และอยากแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ได้อ่านกันในเวลาว่าง ๆ  เผื่อว่าอย่างน้อย ๆ มันอาจจะช่วยสะกิดใจของพวกเราได้บ้าง ไม่มากก็น้อย - บิอิซนิลลาฮฺ


والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

5
การเสวนาระหว่าง  น้องวัรดะฮ์กับน้องลุอฺลุอะฮ์ มีประโยชน์สะกิดใจดีครับ
หมายเหตุ
วัรดะฮ์  หมายถึง ดอกกุหลาบ และลุอฺลุอะฮ์ หมายถึง ไข่มุก นะครับ ;D
แล้วชื่อผมอ่ะ جوحر
มีคนบอกว่า ชื่อผมแปลว่าไข่มุก ใช่รึป่าวคับ

หากผมจำและเข้าใจไม่ผิด  คำว่า JawhaR(1)  เขียนเป็นภาษาอาหรับว่า  "جَوْهَرٌ"  (เญาฮะรุน/เญาฮัรฺ),  [พหูพจน์: جَوَاهِرُ]  แปลว่า "อัญมณี"  [คือ รัตนชาติที่เจียระไนแล้ว  เช่น  เพชร  ทับทิม  มรกต  หิน  หรือแร่ที่มีค่า  เมื่อเจียระไนแล้วจะต้องมีลักษณะสวยงาม]  กล่าวคือ อัญมณีก็คือแก่นสารที่มีเนื้อแท้ในตัวโดยธรรมชาติหรือเป็นธาติแท้นั่นเอง

สำหรับคำว่า  "لُؤْلُؤٌ-لُؤْلُؤَةٌ"  (ลุอ์ลุอ์-ลุอ์ลุอะฮ์),  [พหูพจน์: لَآلِئُ]  แปลว่า "ไข่มุก"  [คือ วัตถุมีค่า มักมีลักษณะกลม ๆ เกิดจากหอยบางชนิด  ที่รู้จักกันทั่วไปมีสีขาวที่เป็นสีขาวอมชมพูหรือสีดำก็มี]  กล่าวคือ เป็นหนึ่งในอัญมณีหนึ่งเดียวที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตที่มีความมหัศจรรย์ในตัวของมันเอง  และเป็นอัญมณีที่มีค่าสูงมาก

สำหรับคำว่า  "وَرْدٌ-وَرْدَةٌ"  (วัรฺดุน-วัรฺดะฮ์)  แปลว่า "ดอกกุหลาบ"  [คือ ไม้ดอกชนิดหนึ่ง  ไม้พุ่มก็มี  ไม้เลื้อยก็มี  แตกกิ่งก้านสาขางามมาก  มักมีหนามตามต้นตามกิ่ง  ใบออกเป็นช่อ ๓ หรือช่อ ๕ ขอบใบเป็นจัก ๆ  ดอกออกเป็นช่อหรือเดี่ยวก็ได้  สุดแต่พันธุ์  เป็นดอกไม้ที่งามมาก  จนเรียกกันว่าเป็นนางพญาแห่งดอกไม้  กุหลาบมากพันธุ์ด้วยกันที่มีกลิ่นหอมเย็น  บางพันธุ์ก็ส่งกลิ่นตอนเช้า  บางพันธุ์ก็ส่งกลิ่นตอนเย็น  เป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น]  กล่าวคือ เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าในหลาย ๆ อย่าง  และเป็นสิ่งที่มีนัยยะเชิงความหมายและเปรียบเทียบ

ด้วยเหตุนี้  คงถือได้เลยว่า "เญาฮัรฺ"  คือ อัญมณีที่เป็นศูนย์รวมของจำพวกรัตนชาติที่มีคุณค่าในหลาย ๆ ด้านเลยทีเดียว(2) - วัลลอฮุอะอฺลัม
______________________
[1]  ดังนั้น บัง JawhaR ปรารถนาจะครอบครองหนึ่งในตระกูล "รัตนชาติ" หรือ "ธิดาแห่งดอกไม้"  แบบไหน?  ที่ไหน?  อย่างไร?  เมื่อไหร่หน๋อ?!  (แต่หากมีอะไรผิดพลาด ก็มะอัฟด้วยน๊า)
[2]  เป็นการสรุปจากความเข้าใจโดยภาพรวมจากคำศัพท์ดังกล่าวนี้ครับ

6
จากคลิปละหมาดวิติรฺนี้  ได้เปิดปฐมฤกษ์ด้วยประโยคอักษรสั้น ๆ ว่า...

...จงมองดูการละหมาดวิติรฺด้วยกับตัวของท่านเอง...
(โอ้พระผู้อภิบาล  ได้โปรดทำให้พวกเราได้รับความจำเริญเหล่านี้ด้วยเถิด)

บรรดาพี่น้องของพวกท่านมีความสุข (กับการละหมาด) ในสถานที่แห่งการพบปะ (ณ มัสยิด + รวมถึงสถานที่ที่สามารถละหมาดได้) ด้วยพลังลมหายใจแห่งความศรัทธา (ของพวกเขาทั้งหลาย)

ด้วยการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  พร้อมทั้ง:

สถานที่ละหมาดอันเจิดจรัสแห่งสัจธรรม

ดังนั้น  ก็อยากเสนอแนะให้กับพวกท่านด้วยเรื่องราวเหล่านี้ (เพื่อปลุกจิตสำนึก  และให้ทบทวนตัวของเราในทุก ๆ อะม้าลอิบาดะฮ์ที่เราได้ทำ + กำลังจะทำนั่นเอง)

7

อัสสลามุอะลัยกุ้ม...ผมได้ตรวจทานและแก้คำผิดในเอกสาร "บทความ: น้ำตาแห่งความหวังสู่เดือนรอมฎอน  โดย ผ้าสารบั่นขาว"  ตอนนี้เสร็จแล้ว  ซึ่งมีขนาดกระดาษเท่ากับ A4 ในเวอร์ชั่น PDF และ Word  และตอนนี้ หากใครต้องการอ่าน  ก็สามารถดาวน์โหลดได้เลยครับ

1. คลิกรูปและโหลด

2. คลิกรูปและโหลด

ตัวอย่างหน้าปก (PDF)



ญะซากุุมุลลอฮุค็อยร็อนกะษีร็อน
--- วัสสลามุอะลัยกุ้ม ---
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

8
อย่าลืมขออนุญาตเจ้าของทำเป็นไฟล์ pdf แจกด้วยละ

กำลังจะครบรอบอีกปีแล้วสิเน๊าะ  ก็เลยนึกถึงกระทู้นี้ทันที  จากงานที่ค้างอีกนิด ๆ ของปีที่แล้วที่เริ่มเมื่อสองปีที่ผ่านมา...เด๋ว ๆ!  หากมีเวลาว่าง ๆ สักวัน-สองวันอันใกล้นี้  จะมานั่งตรวจสอบข้อมูลและตรวจทานอีกรอบ  และจัดทำเป็นไฟล์ .pdf ให้อ่านได้ง่ายขึ้นและสะดวกยิ่งขึ้น  แต่มันก็เป็นเพียงหนังสือ  "บทความ: น้ำตาแห่งความหวังสู่เดือนเราะมะฎอน  โดย ผ้าสารบั่นขาว" เล่มเล็ก ๆ ที่รวบรวมบทความต่าง ๆ เอาไว้  เพื่อหวังเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ อีกเล่ม  ที่ผู้เขียนฝากบอก (ผ่านผมเมื่อปีก่อน) มาว่า  คงจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านหรือผู้ติดตามได้บ้าง  ไม่มากก็น้อย  และอาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลุกระดมความคิดและสร้างแรงกระตุ้นความรู้สึกนึกคิดให้กับตัวเรา  ต่อความสำคัญและความประเสริฐยิ่งของเดือนเราะมะฎอนนี้ - อินชาอัลลอฮฺตะอาลา - วัสสลามุอะลัยกุ้ม

9
รอมะฎอน / Re: ฟ้องด้วยภาพ...
« เมื่อ: ก.ค. 12, 2011, 12:54 AM »

...'คลิปเพลงคือสิ่งต้องห้​ามอย่างไร?'...

สรรหาภาพ...al-islah

โต๊ะครูท่านหนึ่งกำลังนั่งส​อนกับชาวบ้านอยู่ในสถานที่แ​ห่งหนึ่ง ว่า...

"ท่านพี่น้องที่รักยิ่งของอัลอฮฺตะอาลา คลิปมิวสิควิดีโอเพลงนั้น มันเป็นสิ่งต้องห้ามในช่วงเ​ดือนเราะมะฎอน...โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำพวกเพลง (ของคริสตินา อากีเลรา1) อัลบั้มใหม่ ๆ!!"

มุมชวนคิด: เอ๊!!!...อย่าบอกนะว่า ๑๑ เดือนที่เหลือ โต๊ะครูท่านนี้แอบฟังเพลงขอ​งน้องร้องคนนี้น่ะ - เฮอะ ๆ - -"

ด้วยเหตุนี้ การกระทำที่เข้าข่ายนำพาไปสู่สิ่งไม่ดีต่าง ๆ นั้น ไม่ใช่ละทิ้งหรือหลีกห่างจา​กมันเพาะเจาะจงแค่เดือนเราะ​มะฎอนเท่านั้น แต่วาญิบที่ต้องละทิ้งและหลีกห่างจากมันอย่างสิ้นเชิงใ​นทุกเวลา ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี และตลอดชีวิตเลยนั่นเอง

เพราะฉะนั้น เราจะได้ยินเสียงของเราและเ​สียงของใครอีกหลายคน จะบอกเป็นเสียงเดียวกันในปร​ะเด็นนี้ว่า..."มันยากเหลือ​เกินที่จะละทิ้งหรือหลีกห่า​งจากมันอย่างสิ้นเชิง!!!"..​.ก็นั่นแหละ เราและทุกคนมัวเอาแต่พูด ๆๆๆๆ แต่เคยลองปฏิบัติที่จะละทิ้​งและหลีกห่างจากมันให้มากที่สุดและให้หมดไปจากชีวิตบ้า​งหรือป่าว? และเคยขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺตะ​อาลาอย่างตั้งใจจริงและบริสุทธิ์ใจกันบ้างไหม? ให้พระองค์ช่วยเหลือให้เราทุกคนนี้ได้ละทิ้งและห่างไกล​จากสิ่งชั่วร้าย!!!

ดังนั้น ขออัลลอฮฺตะอาลาได้ทรงช่วยใ​ห้เราทุกคนได้ละทิ้งและห่าง​ไกลจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ด้วยเถิด - อามีน ยาร็อบ

(1) ดูข้อมูลของคริสตินา อากีเลรา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2_%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B2

แต่ฮุก่มเรื่องการฟังเพลงที่มีเสียงดนตรีนั้น นักวิชาการก็มีความเห็นที่แ​ตกต่างกันออกไป บ้างก็บอกว่าหะรอม บ้างก็บอกว่าอนุญตให้ฟังได้​ตราบใดที่ไม่พาสู่สิ่งมะอฺศียะฮ์ บ้างก็บอกว่าฟังได้แต่ต้องดูองค์ประกอบหลักต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้ว​ยการไม่ฟังไม่ดูเพลงที่มีดน​ตรีหรือมีเนื้อหาไปสู่สิ่งไ​ม่ดีทั้งปวงนั้นเอง เพราะเราก็ทราบกันดีอยู่ว่า​ เสียงดนตรีหรือเน้อหาหรือท่​าประกอบในหลาย ๆ เพลงนั้น อาจะนำพาไปสู่พฤติกรรมที่มะ​อฺศียะฮ์ได้ตลอดเวลา และโดยเฉพาะเพลงที่มีเสียงด​นตรีและประกอบกับท่าเต้นต่า​ง ๆ อันเหย้ายวนแล้ว อันนี้หะรอมแน่นอน อีกทั้งยังเสียเวลากับมันอย่างไร้สาระและไร้ค่า แถมยังได้สิ่งไม่ดีติดตามตั​วเราไปอีก คดีนี้ย่อมโดนหลายกระทงจริง​ ๆ Y____Y

ดังนั้น จงใช้เวลาว่างอันมีค่า ให้หมดไปกับการประกอบอะม้าล​การงานที่ดี ๆ ทั้งในช่วงเดือนเราะมะฎอนแล​ะทุก ๆ เดือนกันดีกว่า เพราะมันจะเป็นส่วนหนึ่งในเ​สบียงที่ดีงามและเป็นพยานให้แก่เราในโลกหน้า...

ติดตามอ่านข้อมูลทัศนะมุมมอ​งต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ (เท่าที่สืบค้นมา) เกี่ยวกับ "ฟังเพลงที่มีเสียงดนตรีได้​หรือไม่ อย่างไร?"

๑. http://www.sunnahstudent.c​om/forum/index.php?topic=2​90.0

๒. http://www.alisuasaming.co​m/index.php/webbord/27----​/739#740

๓. http://www.moradokislam.or​g/modules.php?name=Forums&​file=viewtopic&p=9354

๔. และตามการเรียนการสอนจากโต๊​ะครูที่เราเลือกเฟ้น ฯลฯ

วัลลอฮุอะอฺลัม

10

หากในภาษาอังกฤษ ก็คงเป็นคำว่า "Like" กับ "Love" สิน๊ะ loveit:

11

เห็นด้วยอย่างยิ่ง และขอสมัครเป็นลูกศิษย์ด้วยอีกคน และจะติดตามการเรียนการสอนครับผม - วัสสลามุอะลัยกุ้ม mycool:

12
ต่อมาขอนำเสนอคำที่แปลว่า "หญิงบริสุทธิ์" ในภาษาอาหรับ มีดังนี้
- بِكْرٌ (บิกรุน) หมายถึง "หญิงสาวบริสุทธิ์" [กล่าวคือ หญิงสาวที่รักนวลสงวนตัวจริง ๆ ไม่เคยต้องตาต้องมือชายมาก่อน]  ส่วนสำหรับคำพหูพจน์ก็คือ أَبْكَارٌ (อับการุน)
และอีกคำที่มีความหมายเหมือนกัน ก็คือ
- عَذْرَاءُ (อัซรออุ) หมายถึง "สาวพรหมจารีย์" [กล่าวคือ ผู้หญิงที่มีความเป็นหญิงบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน]  ส่วนสำหรับคำพหูพจน์ก็คือ عَذَارَى (อะซารอ) และ عَذَارٍ (อะซาริน)

แง่คิดมุมเสริม: เมื่อเราดูตรงนี้แล้ว คำว่า "หญิงสาวบริสุทธิ์" นี้ สามารถวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบได้ ก็จะมี ๒ กลุ่มเชิงความหมายนัยยะ  กล่าวคือ หญิงสาวที่รักความเป็นหญิงบริสุทธิ์ตลอดชีวิต (หญิงพรหมจรรย์)  กับ  หญิงสาวบริสุทธิ์ที่รักจะสละโสด (หญิงที่ต้องการจะแต่งงาน)  สุดท้ายก็อยู่ที่ว่า หญิงสาวคน ๆ นั้นจะเลือกอยู่ในกลุ่มของหญิงสาวกลุ่มไหนนั่นเอง  โดยในอนาคตของหญิงสาวแต่ละคนก็จะมีบุคคลเข้ามาเชื่อมโยงในความคิดของนางต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของนางนั่นเอง บุคคลคนนั้นก็คือ خَاطِبٌ "ชายที่ (จะ) สู่ขอ (นาง)" หรือ "ชายในฝัน" นั่นเอง - วัลลอฮุอะอฺลัม
-------------------
ป.ล. หากมีอะไรผิดพลาด ก็สามารถติหรือบอกกล่าวได้เลย แล้วจะทำการแก้ไขให้ถูกต้องครับ - ญะซากุมุลลอฮุค็อยร็อนครับ ^^'

13
ขอมอัฟด้วยครับถ้าทำให้ไม่สบายใจ

ผมต่างหากที่ต้องขอมะอาฟครับ  งั้นก็จะกลับมาแลกเปลี่ยนความรู้เช่นเดิมครับ  หากผมมีอะไรผิดพลาดอีก  ก็บอกกล่าวหรือสั่งการได้เลยครับ - อัลฮัมดุลิลลาฮฺ

14
ทำไมไม่แก้ของเก่า แล้วก็โพสบอกว่าแก้แล้ว
คนอ่านจะได้ไม่งงว่าแชมัดไป quote มาจากไหน
อยากบอกว่า  อย่ารีบก่อนสิ!  เพราะกำลังจะจัดเรียงและตรวจสอบความถูกต้องให้มากที่สุดก่อน เข้าใจอยู่ว่าผมลบโพสต์ไป แต่ผมก็จะอ้างอิงไว้ครับ เพื่อให้ภาพโดยรวมทั้งหมดมาอยู่ในจุดเดียวกันครับ  หวังว่าเข้าใจเจตนาของผมน่ะครับ  ผิดพลาดอย่างไงบอกได้เลย  อุตส่าห์ตั้งใจอย่างเต็มที่เท่าที่มีเวลาได้รวมแจมแลกเปลี่ยนความรู้น๊า

ป.ล. หากต้องการติหรือสั่งการอย่างไง  ก็ว่ามาได้เลยครับ  เต็มที่ครับ  ยินดีน้อมรับและปรับปรุงแก้ไขเสมอครับ  ผิดพลาดอะไรก็มะอาฟอีกครั้งครับผม - บิอิซนิลลาฮฺ loveit:

ป.ล. (ห้นเหล้ย) แต่ที่กระผมลบโพสต์ของผมเองก่อนหน้านี้นั้น  ก็เพื่อจุดมุ่งหมายเดิมก็คือ ต้องการให้เนื้อหาของคำแปลโดยรวมทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกันครับ  แต่หากต้องการสั่งการอย่างไง  ก็บอกได้ทั้งหน้าไมค์หรือหลังไมค์ได้เลยครับ  เพื่อผมจะดำเนินการขั้นต่อไป  ซึ่งคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องเชิง "สตรี" ก็ยังมีอีกหลายคำที่อาจจะพอมาเชื่อมโยงในประเด็นนี้ครับ  เพราะอย่างไง ๆ ใจจริงของผมก็อยากจะแบ่งปันความรู้กับพี่น้องในที่นี้ต่ออีกครับ - อินชาอัลลอฮฺตะอาลา myGreat:

ป.ล. (ทิ้งท้าย) เพราะสาเหตุก็ตามที่บอกไปครับ ก็คือ

...กำลังกะว่าจะแก้ไขอยู่พอดี  แต่เพื่อนให้ผมออกไปส่งเขาที่คิวรถตู้สหยะลาขนส่งเสียก่อน  เลยไม่ทันรีบแก้ไขนั่นเอง  ต้องมะอาฟด้วยอีกครั้งครับ

วัสสลามุอะลัยกุ้ม

15
อ้างถึง
عَرِيْسٌ (อะรีซุน) หมายถึง "เจ้าบ่าว" [กล่าวคือ ผู้หญิงผู้เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาวในงานฉลองการสมรส]

กฎหมายอิสลามยังไม่อนุญาต ผู้หญิง ให้แต่งงานกับ เจ้าสาว ครับ  hihi:

..........ทำการแก้ไขข้อมูลใหม่แล้วครับ..........

ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนกะษีร็อนมาก ๆ ครับ  กำลังกะว่าจะแก้ไขอยู่พอดี  แต่เพื่อนให้ผมออกไปส่งเขาที่คิวรถตู้สหยะลาขนส่งเสียก่อน  เลยไม่ทันรีบแก้ไขนั่นเอง  ต้องมะอาฟด้วยอีกครั้งครับ ;D

-------------------------

ขอร่วมแจมคำว่า "สตรี" ในภาษาอาหรับอีกครั้ง ว่า...

عَرُوْسٌ (อะรูซุน) หมายถึง "เจ้าสาว" คือ ผู้หญิงผู้เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวในงานฉลองการสมรส  และคำนี้ก็สามารถใช้เรียก "เจ้าบ่าว" ได้เช่นกัน  แต่สำหรับคำพหูพจน์ของเจ้าบ่าวคือ عُرُسٌ (อุรุซุน)  และสำหรับคำพหูพจน์ของเจ้าสาวคือ عَرَائِسُ (อะรออิซุน)

แต่คำที่มีความหมายว่า "เจ้าบ่าว-เจ้าสาว" นี้  ในภาษาอาหรับก็ยังมีคำที่แยกให้ดูออกระหว่างชาย-หญิงอีกเช่นกัน  ก็คือ

عَرُوْسَةٌ (อะรูซะตุน) หมายถึง "เจ้าสาว" [กล่าวคือ ผู้หญิงเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวในงานฉลองการสมรส]

عَرِيْسٌ (อะรีซุน) หมายถึง "เจ้าบ่าว" [กล่าวคือ ผู้ชายเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาวในงานฉลองการสมรส](1)


อยากจะบอกนิดนึงว่า  คำเหล่านี้ของการใช้ในเหมาะสมตามตำรับตำราของชาวอาหรับจริง ๆ ก็คือ  จะใช้เรียกคู่บ่าวสาวในช่วงเวลาการฉลองสมรมหรืองานเลี้ยงวะลีมะตุ้ลนิกาหฺนั่นเอง  ดังนั้น หลังจากนี้ ใครต้องการจองตำแหน่งว่าที่ "เจ้าบ่าว-เจ้าสาว" กันบ้างล่ะ?! - วัสสลามุอะลัยกุ้ม ;D
-------------------
(1) (ดูความหมายทั้งหมดสรุปจาก: อิบรอฮีม อะนีส และคณะ. อัลมั๊วะอฺญัม อัลวะซีฏ. เล่ม 1-2. พิมพ์ครั้งที่ 2. อัลกอฮิเราะฮ์: มัจญมั๊วะอฺ อัลลุเฆาะฮ์ อัลอะเราะบียะฮ์. ฮ.ศ. 1392/ค.ศ. 1972, หน้า 622.)

หน้า: [1] 2 3 ... 67