แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - AhlZran

หน้า: [1] 2
1
<object width="300" height="110"><param name="movie" value="http://media.imeem.com/m/XzQtyOxxgC/aus=false/"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://media.imeem.com/m/XzQtyOxxgC/aus=false/" type="application/x-shockwave-flash" width="300" height="110" wmode="transparent"></embed>GiveThanks To Allah - Micheal Jackson</object>




ใครแปลได้ช่วยแปล ให้ หน่อยได้มะ ครับ ผมอยากรู เนื้อ หา

3
 salam  ครับ Al Fatoni  ผมก็เห็นด้วยทุกอย่าง ครับ  ว่าเราไม่ควรศึกษา เฉพาะตอนออก ดาวะหฺ   เราควรพยายามศึกษา ตลอดครับไม่ว่าอยู๋ที่ไหน  แต่ความรู้ที่ได้ จากการออกนั้น  มันเป็นความรู้  ที่แตกต่างจากความรูทั่วไปเท่านั้นเอง ครับ  และที่ ท่านพูด มีเหตุผล ครับ ที่ว่าไม่ใช่ทั้งหมด 
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ว่า  ถ้าท่านสังเกตุ  บางคนเรียนมาจากที่ๆเดียวกัน หนังสือเล่มเดียวกัน  แต่ความเข้าใจ(ฮิกมะฮฺ)ต่างกัน
และ มิใช่บางคนด้วยครับเกือบส่วนใหญ่ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน  แม้แต่การตับซีร กรุอ่านยังไม่เหมือนกัน  (เช่น 4มัสฮับ)

4
 salam  ครับ ผมเห็นด้วน นะครับที่ว่า บางคนอยู่ในงาน มานาน ไม่มีการปรับตัว  ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ครับแต่หากเราได้มองอีกมุม หนึ่ง ว่านี้แหละหากเราไม่พยายามเราก็จะหลงทาง อย่างงี้ แหละเราก็ได้แต่ ขอดุอาอย่าให้ อัลเลาะห์ ทรงปิดหัวใจ ปิด ตาเราให้มืด บอด  และหาก คิดว่านี้คือการ ทดสอบ ของพระองค์  เราก็จะปลอดภัย ในประเด็นที่ว่า  อย่ามองความผิดผู้อื่น ครับ

5
 salam  ก่อนอื่นต้องขอ มาอัฟ บังๆ และพี่น้องที่รักของ อัลเลาะหฺ  ที่ผมไม่ค่อยได้เข้ามาเสวนา เท่าไหร่ เพราะบางที ไม่ค่อยมีเวลาครับ ต้องแบ่งเวลา อย่างมาก ตอนนี้กำลังฝึกฝนอยู่ครับ  ให้ทั้ง ดลยา และ อาคิเราหฺ ครับ ^^ ผมให้ 2 ช.ม ครึ่งตั้งแต่ ช่วง หลังอัสริ ถึง อีชา เลยไม่ค่อยมีเวลา ครับ ก่อนอื่นก็ขอบคุณที่ มา ให้ความกระจ่างกันนะ ครับ โยเฉพาะ บัง  ADB ที่ช่วย อธิบายถึงมุสตาค้อฟ ที่ผมพยายาม นำเสนอครับ
เอ่อและที่บังๆ บอกว่าหายาก นั้น ผมแนะนำว่าไป หาตามร้านใน มัรกัซ ยะลา ครับ มีแน่ นอน บังผมเพิ่งไปซื้อมาเล่มนึง(บังที่ออก 40ด้วยกัน ครับช่วงโย ประเทศ เมื่อ เกือบๆ2เดือนที่แล้ว ตอนนี่ก็น่าจะมีอยู๋ไม่ขาดหรอก)
และส่วนเรื่อง หนังสือเล่มเขียว นั้น เค้าพิมใหม่แล้วครับเล็กกว่าเดิม หนากว่าเดิมเนื่อ หาชัดเจน กว่าเดิม แยก เป็น คุณค่าต่างๆชัดเจน ครับ และที่สำคัญ มีการ  ตัรฌีบ ถึงความเสื่อมด้วย ครับ (ความเสื่อม ของสังคมในยุคปัจจุบัน)  เช่น ความปวดร้าวที่ว่า  พ่อแม่ทุกคนที่เป็นมุสลิม ทุกคนเมื่อลูกของตนเองไม่ทำงาน เกียจคร้านก็ ดุ ด่า  แต่เมื่อลูกของตนเองไม่ละหมาดกลับเฉยเมยมิได้ตักเตือนสั่งสอนลูกหลานของตนเอง (เป็นการเปรียบเทียบว่า  มุสลิมส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับดลยา  มากกว่าอาคีเราะหฺ)   
น่าจะขายดีจนผลิตไม่ทันมากกว่า อินชาอัลลอฮ์
งานดะวะฮ์ไม่โดนทำลายเพราะคนที่โจมตีหรอกคับ

บัง admin ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ครับ
    เมื่อความดีปรากฎ ความชั่วก็จะ สลาย      งานที่ประเสริฐมี หรือจะโดนทำลายได้ แท้จริงพระองค์ คือพระผู ทรงคุ้มครองยิ่ง
หากพระองค์ มิทรงคุ้มครองแล้ว  แน่แท้ จะไม่มีสิ่งใดให้ความช่วยเหลือคุ้มครองได้

  แต่งานนี้จะเสียหายก็เพราะคนดะวะฮ์เองที่ทำตัวไม่ดีต่างหาก   อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ  ถ้าคนอื่นมองจะมองที่ คนที่ไม่ดีในงานดะวะหฺ ไม่ได้มองที่งาน
ในความคิด ของผมเราอย่าไป มองตรงจุดนั้นของเค้า ครับ บางทีนั้นคือ การ ทดสอบของพระองค์ผู้อภิบาลก็ได้ ครับ  ดังตัวอย่าง ท่าน นบู ยูนุส ไงละครับ ที่ท่าน ทิ่ง งานดาวะหฺ และท้อแท้  พระองค์ ก็ได้ ตัรฆีบ ให้ท่านได้สำนึกตน และส่งท่านกลับไปยังหมู๋ ชนของท่านเพื่อทำการ ดาวะหฺ ต่อ ครับ

งานดาวะหฺ เป็นงานที่ดีเพราะ  เป็น งานที่ ทังเพิ่มพูนอีหม่าน  และ พระองค์ จะ ตบแต่งอีหม่าน ของเราให้เป็นอีหม่าน ที่แท้จริงด้วยพระองค์ เองเลย ครับ
เพราะ การช่วยเหลือของพระองค์ มีมายัง บุคคลที่ เสียสละในหนทางของพระ องค์ เสมอ ครับ ผมก็ได้ เห็น  ได้ สัมผัส กับตัวเอง มาแล้ว ครับ



6
 salam  ครับขอบคุณที่ช่วยตอบนะ ครับแต่ผม อยากอธิบาย สิ่งที่ บังAl Fatoni    โพสไว้ที่ว่า
ออกไปทำอมัลอิบาดะฮ์เชิญชวนผู้คนสู่ความดีละเว้นความชั่ว และวันนี้ยังเราสูบบุหรี่ ทั้งๆ ที่โพกสาระบันใหญ่โต ละหมาดยังไม่ถูกจนแม้แต่ชาวบ้านยังมองออก อาบน้ำละหมาดแบบมักง่าย ใช้สอยมัสญิดอย่างไม่มีมารยาท และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่ผมพูดนั้น แม้แต่อมีรฺดะอฺวะฮ์ก็เน้นหนักหลายต่อหลายครั้ง ที่น้อยคนมากที่จะใส่ใจ อยากให้รอเข้าแต่การบอกว่า คุณไม่เข้าใจดะอฺวะฮ์ คุณต้องมาลองเอง คุณถึงจะรู้  เขาจะเข้าใจดะอฺวะฮ์อย่างไรเล่า ในเมื่อเราเองยังเข้าใจดะอฺวะฮ์อย่างไม่ถ่องแท้เสียมี เพราะติดนิสัยเดิม ผมหมายถึงบางคนนะครับ -  ฝากไว้พิจารณาด้วยนะครับ พี่น้องของผมทั้งหลาย - วัสสลามุ อลัยกุม 

ผมเห็นด้วยในตอนแรก นะครับ แต่ ช่วงที่ผมยกมานี่  กระผมคิดว่าบัง Al Fatoni อาจจะ มองที่ตัวบุคคลมากเกินไป ครับ  และ บัง    Admin  โพสไว้ผมเห็นด้วยอย่างมากครับ คืออยากให้มองตรงจุดนี้
ดูตัวงานอย่าดูที่คน เหมือนอิสลามสมบูรณ์ แต่มุสลิมทำตัวแย่ยังมีให้เห็น
ไม่แน่ถ้าท่านเองได้ออก ท่านก็จะเป็นคนนึงที่เข้าใจ และตักเตือนคนดะวะฮ์เอง

เป้าหมายหลักของงานนี้คือ พยายามบนอีหม่าน ของตัวเองก็เป็นส่วนสำคัญ เนียตรเพื่อปรับปรุงตัว ยังไงๆก็ต้อง ปรับปรุงจนถึงวันกียามัตแหละครับ
           

และผมคิดว่า หากมีคนมากล่าวมาตักเตือนเราด้วยความจริงใจโดยไม่หวังสิ่งใดๆจากเรา  เราไม่เชื่อเขาเหล่านั้นเพียงเพราะเค้าเป็นคนกวาดขยะกระนั้นหรือ?   เราเชื่อเพราะเค้าเป็นคนมีเกียรติให้ทันศนะของเรากระนั้นหรือ?

และการดาวะห์ นั้นเป็นการเริ่มต้นปรับปรุง (อิสละ)และการดาวะห์ เป็นจุดเริ่มต้น ในการที่จะได้มาซึ่ง อีหม่านที่ ฮัก(ที่แท้จริง) จะเห็นได้ว่า  เมื่อท่าน อุมัร( ร.ฏ) เมื่อท่านได้รับกะลีม่ะ  ท่านก็ประกาศตน ณ ใบตุ้ล ลอฮ์และทำการเรียกร้องเชิญชวน ผู้อื่น ให้เข้ารับ อิสลาม  (และหากศึกษาประวัติ ซอฮาบะ ท่าน สำคัญๆ เกือบทุกท่าน เมื่อได้กล่าว กะลิม่ะ แล้วท่านเหล่านั้น ต่างก็รีบทำการ ดาวะหฺ เรียกร้องมนุษย์ไปสู่ความดีทั้งๆที่  หลักการ อิบาดะ ต่างๆยังไม่ถูก ประทานลงมาเลย และพวกท่านเหล่านั้น มีความรูมากมายเป็นบุคคลดี กระนั้นหรือ?
 เปล่าเลยท่านเหล่านั้นได้เคยกระทำบาป มาก่อนเช่นท่าน อุมัร (รฎ) ท่านได้เคยฝังลูกสาวทั้งเป็น    แต่ด้วยกัความเมตตา ของพระองค์ อัลเลาะฮฺ ได้ทรงเปลี่ยนแปลงพวกเขา เหล่านั้น ด้วยกับการไปบอกผู้อื่น (ดาวะหฺ)จะเห็นได้ว่า อุลามะฮฺ อาวุโส ต่างๆก็พยายามบอก ว่าหากต้องการอีหม่าน ก็ต้องดาวะหฺในเรื่อง อีหม่าน คือการพูดให้มาก ในเรื่องอีหม่าน    และด้วยกับการที่เราพยายามบอกผู้อื่น พระองค์ อัลเลาะฮฺ จะทรงใส่อีหม่าน(ตบแต่ง) อีหม่านของเรา ให้เป็นอีหม่านที่ แท้จริง เช่น บรรดา ซอฮาบะ  ตาบีอีน คนก่อนๆครับ
และ หลังจากที่บรรดา ซอฮาบะ  มีอีหม่านแล้ว พระองค์ ก็ ทรงประทาน ฮูก่ม ต่างๆลงมา   
ที่ผม จะบอกก็คือว่า งานดาวะหฺ เป็นงานที่ สำคัญและมาก่อน อาม้าล อื่นๆ มิได้ บอกว่า ต้องดาวะหฺ เพียงอย่างเดียว ที่ผมบอกก็ คือก่อนที่ อิสลามจะ สมบูรณ์ ครับคือในยุคต้น ของอิสลาม ในมักกะฮฺ ท่านนบี และ ซอฮาบะ ก็ ดาวะหฺ กันในเรื่อง อิหม่าน เพียงอย่างเดียว     
คือ อย่าดูที่ตัวคน ให้ดูที่งาน ให้ดูที่สิ่งที่เค้าพยายามจะบอกกับเรา ทั้งๆที่เค้าไม่รูเค้าพยามตักเตือนเรา  แต่เมื่อเทียบกับ ผู้มีความรู้แต่พวกเขา เฉยเมยไม่เคยที่จะตักเตือนเรา ท่านคิดว่าผู้ใดหวังดีกับเรา และเป็นห่วงเรา มากกว่ากัน ละ ครับ

วัสลาม- หากผิดพลาดโปรดตักเตือนด้วยครับ ผมมิได้มีความรูอันได้เพียงแค่ได้ยยินได้ฟัง และได้ ศึกษาเล็กน้อยๆ ครับ  มาอัฟกันด้วยนะครับ 

7
 salam  บังๆครับ  ผมอยาก ทราบว่า ที่  อาวุโส และ อมีร บางท่าน ใน ญามาอะ  ตอนผม ออก ดาวะหฺ อะ ครับ
เค้า พูดถึงการ อามั้ล  ซูเราะหฺ  อัลมุลกฺ ด้วยการอ่าน ทุกๆวัน  อัลเลาะห์ จะป้องกันเรา จากไฟนรก และ จะสามารถละหมาดในกุบุรฺ ด้วยครับ
และ  อยากถาม ท่านผูรูและบังๆ เกี่ยวกับฮะดิส  ที่บอกว่า ครั้งหนึ่งท่านนบี กำลังเศร้า และ ปวดร้าว เพราะเป็นห่วง อุมมัต ของท่านในยุค หลังๆ
และว อัลเลาะฮฺ ได้ทรงให้ญิบรีล มาหาท่านนบี  และนำท่านไปยังกุบูร  และสบัดปีกข้างหนึ่งไปยังหลุมกุบูร และขณะนั้นเองท่านนบีได้เห็น
ชาวกุบูร ลุกขึ้นมา อยู่ในสภาพ สูยุด รูกั้วและเอี้ยติดาน (กำลังทำละหมาด) และจากนั้น ญิบรีล ก็สบัดปีก ไปยังหลุมกุบูรอีกหลุมหนึ่งซึ่ง
หลังจากนั้น ท่านนบีก็ได้เห็น ชาวกุบูร คนนั้นกำลังถูก อาซาบ(การลงโทษ) อยู่ และหลังจากนั้น ญิบรีลก็ได้ อธิบายเกี่ยวกับ สภาพที่ ท่านบีได้เห็น(กระผม จำไม่ค่อยได้นะครับเคยได้ฟัง จากการบายาน และ ตะเล็ม )ผมจึงอยาก ทราบถึงความชัดเจนในสายการรายงาน และอยากรู้ว่า
ตัวฮะดิษจริงๆ เป็นยังไง 

วัสลาม

8
 salam   สลามบังๆ  พี่น้องที่รักของ อัลเลาะฮฺ  ILHam  ไปซื้อหนังสือคุณค่าอามั้ล มาเหรอครับ  ถ้าให้ดีก็ ซื้อหนังสือ มุสตาค้อฟฮาดิส ด้วยก็ดีนะครับ
เพราะ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบ รวม ฮาดิส โดยเฉพาะ และ ตัวบทฮาดิส ที่อยู๋ใน อาม้าลเล่มเขียว ก็มี ครบเลยครับ และหนังสือเล่มนี้
บอกสายรายงานอย่างชัดเจนเลยครับ  เช่นรายงานโดย  มุสลิม ตริมีซี และ อบูดาวุด ครับ ^^ ชัดเจน จริงๆ  หุหุ

9
อัซตักฟีรุ้ลลอฮฺ  ขอบคุณท่าน   Al Fatoni  ที่ตักเตือนครับ
ก่อนอื่นต้องขอสลามพี่น้องที่รักของ อ.ล ทุกท่านจากการที่ได้อ่านกระทู้นี้ แล้ว

โปรดอย่าใช้คำย่อกับพระนามของอัลลอฮฺได้ไหมครับ มันดูไม่ดีอะครับ เขียนให้เต็มจะดีกว่า ไม่ว่าในภาษาไหนก็ตาม รวมทั้งชื่อของบรรดานบีย์ และผู้ทรงเกียรติอื่นๆ ด้วย - วัลลอฮุ อะอฺลัม



ครับกระผมจะปรับปรุง แก้ไขครับ    ยาซากั้ลลอฮฺ  ขอบคุณท่านจริงๆ
และขอ มาอัฟทุกท่านด้วยนะครับ กระผม ยังใช้ภาษาไม่ถูก ต้อง ต้องขอ มาอัฟ จริงๆ บางคำกระผมก็พิม ผิด ครับ

ลาอีลาฮะอิ้ลลาอันตะ ซุบฮานะกะอินนีกุน ตุ มีนัซซอลิมีน

10
ข้องใจนิดนึง  เข้ามาได้เฉพาะกลุ่ม อัชชาอีเร่าะหรือป่าวครับ  ข้องใจจริงๆน่ะครับ  ช่วยตอบนิดนึงครับ   ถ้าไม่ใช่เข้ามาได้ไหมครับ  อย่างผมที่ยังเลือกแนวคิดไม่ถูกว่าจะ วะฮบี หรืออัชชาอีเราะ  หรือ ชีอะ เข้ามาได้ไหมครับ 

เออ คุณ 0123ครับ  ที่ผม เขียนกระทู้ข้างบนนั้น เป็นเพียงแค่  ความหมายของ  กะลิมะ  ตอยยิบะฮฺ เท่านั้นนะครับ     ซึ่งมุสลิมทุกคนต้องกล่าว มิใช่หรือครับ   และอีกอย่างนึงครับ  คือผมไม่ มีความรูเลยครับเกียวกับ  วะฮบี  หรือ อัชชาอิเราะ    ตามความเห็นของผม  ผู้ใดที่ มีกะลิม่ะ  นี้ทุกคนเป็นพี่น้องกันครับ และการแบ่งแยก กลุ่มพรรคพวกนั้น  ไม่เป็นเรื่องดีเลยครับ   ทั้งๆที่เรา ศรัทธา ในพระเจ้า องค์เดียวกัน  และ รอซูล  ท่านเดียวกัน
แต่เหตุไฉนถึงต้องมาแบ่ง สมัครพรรคพวกด้วยครับ  ตามความคิดของผม ไม่ว่าเค้าจะปฎิบัติอาม้าลยังไง แบบไหน  เป็นเรื่องของเค้ากับ  อ.ล ครับ
เพราะ ในยุคของท่านนบี  ซอฮาบะ บางท่าน ไม่เอาดนยาเลยก็มี เช่นท่านอบูฮูรอยเราะหฺ  (ร.ด)  ท่านใช้ชีวิตทั้งหมดของท่านในการจดจำ ฮาดิษของท่านนบี   และ บางท่านก็ ปฎิบัติ แต่อิบาดัร  บางท่านก็ ค้าขาย  บางท่านก็เป็นนักรบ  บางท่านร่ำรวย บางท่านยากจน แต่พระองค์ อ.ล ได้รับรองพวกเค้าเหล่านั้นว่าเป็นชาวสวรรค์ ก็เพราะ ในหัวใจของพวกเค้านั้น มีเพียง อ.ล และ รอซูล หรือ กะลีมะฮฺ เดียวกันครับ


และ เพราะมุสลิมแตกแยกกันเอง จึงละเลยการ ยับยั้งจากความชั่ว ชักชวนสู่ความดี  เป็นเหตุ ให้ ฟิตนะ  เกิดขึ้นมากมาย ในยุคปัจจุบันนี้ ครับ
(อันนี้เป็นความ คิดของผมนะครับ)  หาผิกพลาดก็ มาอัฟด้วยนะครับ

11
ยาซากั้ลลอฮ์   พี่น้องที่รักของ อ.ล   ท่าน Al Fatoni  ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ 
เทียบกับตอนนี้ มันเกิดความแตกต่างมากเลยครับ เพื่อนของเพื่อนผมอีกที ตอนที่ผมไปเยี่ยมเขากับเพื่อน ตอนนั้นยังเป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร คล้ายๆ กับไม่เข้าสังคม พ่อแม่ก้ไม่ค่อยเคร่งศาสนา แต่สามปีให้หลัง ล่าสุดที่ไปเยี่ยม มันเหมือนโกหกอะครับ เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ตอนนี้เขาได้เป็นอมีรฺดะอฺวะฮ์ที่อายุน้อยที่สุดในแถบนั้น มาชาอัลลอฮฺ ผมยังรู้สึกละอายใจครับ ที่สามที่แล้วจนถึงตอนนี้ ผมเซ่ออยู่อย่างไรก็เซ่ออยู่ไม่เคยสาง ทุกครั้งที่คุยด้วย เขาจะสุภาพมาก คุยเรื่องอัลลอฮฺ เรื่องศาสนาและอื่นๆที่ดีงาม เป็นบรรยายที่น่าจดจำครับ - วัลลอฮุ อะอฺลัม

ครับในกรณีของเพื่อนคุณ กระผมเห็นมาเยอะครับ  งานดะวะห์ เป็น งาน อิสละ ปรับปรุงตัวเอง ครับ  กระผมก็เป็นเช่นท่านครับ เมื่อตอนอยู่ ม.4-5    4-5ปีที่แล้ว  ผมได้สัมผัส และได้ ออกดะวะห์  ในตอนนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ รู้สึกว่ามีความต้องการที่จะ ปฎิยัติ อามั้ล มาก  แต่เมื่อ หยุดจาก การเชื่อมโยงกับงาน  ก็กลับไปเป็น เด็กวัยรุ่น ธรรมดา  เซ่อๆ  เรื่อยเปื่อย ละหมาดบ้าง ไม่ละหมาดบ้าง   จนคิดว่าไม่ไหวแล้วมันไม่ใช่แนวทางเลย ยิง่งตามดนยา ในตัวเราไม่ได้มีอะไรที่เป็นซุนนะฮฺเลย  แต่ อั้ลฮำดุลิ้ล ละ  ผมตัดสินใจ ออก 40 วัน หลังจากนั้น กลับมาบ้านปฎิบัติ ตาม ตัรเต้ป  ได้บ้างไม่ได้ บ้าง แต่ ฮำดุลิ้ล ละ  รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง  จากการที่ละหมาดบ้างไม่ละหมาดบ้าง  ถือศีลอดบ้างไม่ถือ บ้าง  อั้ลฮำดุดิ้ลละ  หลังจากออก ดาวะหฺ และกลับมาก็รักษาอาม้าล วากอมี่ได้ทำให้ รักษาละหมาด และถือศีลอด ครบ    จากที่ไม่ค่อยได้อ่านอัลกรุอ่าน ก็ได้รักษา อามั้ลการอ่านกรุอ่านเกือบทุกวันครับ 
และพี่น้องของผมใน ญามาอะ หลายคนเคย ติดยาเสพ ติด และด้วยกับ ความเมตตาของพระองค์ อ.ล  ที่ให้การเปลี่ยน แปลง ทำให้สามารถเลิก และ ยับยั้งจากความชั่ว ได้    บางท่านอาจ กล่าวว่า การออกดะวหฺ เป็นงานของ บรรดานบี  และไม่มีหลักฐานว่า  ต้อง ออก 3 วัน 40  4เดือน  กระผมอยากบอกว่า การออก3วัน 40วัน 4เดือน นั้น เป็นเพียง ตัรเตป (ขั้นตอนในการออก)  หากเปรียบเปรย  ก็เหมือนการ อ่านกรุอ่าน มันต้องเริ่มเรียนจาก อลิฟ บา ตา ก่อน มันเป็นขั้นตอนไปสู่การอ่าน กรุอ่าน  ที่ถูกต้องครับ  และเหมือนเราเรียนหนังสือ  เราต้องเรียนจากขั้นอนุบาล  ป.1  ป.2  มีใครบ้างมั้ยที่อ่านออกเขียนได้โดยไม่ ข้ามขั้นตอน(บุคคลทั่วไปนะครับ ไม่รวมถึงบรรดานบีและผู่ที่พระองค์ อ.ล ทรงประสงค์)  และงานดะวะ นั้นทำให้เราได้เชื่อมโยงกับมัสยิด  หากท่านสังเกตุ การละหมาดที่บ้านกับที่มัสยิด ของเรานั้นแตก ต่างกันมาก  เช่นกระผมเอง  ละหมาดที่บ้าน(ฟัรดู)  ก็ได้แค่ละหมาดฟัรดู  ไม่ได้ละหมาดสุนาซ เเลย (ไม่แน่ใจในการพิมว่า สุนัต หรือสุนาซ)  แต่เมื่อเราได้ไปละหมาดที่มัสยิด (หรือที่ๆมีเสียง อะซานเช่นบาลาย) บางครั้งเราขี้เกียจละหมาด สุนาซ แต่เมื่อเราเห็นผู้ อื้นเราก็เกิดความต้องการที่จะละหมาด สุนาซด้วยเป็นเหตุ ให้เรา สามารถรักษา ละหมาดสุนาซไปในตัวเองเลย  กล่าวคือ การละหมาดเป็น ญามาอะ ที่มัสยิด การไปเชื่อมโยง ที่มัสยิด ทำให้เกิด สภาพแวดล้อมที่มีความต้อง การ ประกอบบ อิบาดัร ครับ
และ การดาวะห์  เป็นทางที่ทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมเช่น นี้ครับ ทำให้เรานำตัวของเรา ไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดี ที่มีแต่การประกอบการ ดี ได้ครับด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวเรา  โดยที่เราไม่รู้ตัว (หากพูดตามหลักการ) แต่ในเรื่อง ยาเก็นนี่ละครับ ผู้ใดที่ต้องการ อิสละ ปรับปรุงตนเอง พระองคฺ อ.ล  ทรงเปลี่ยนแปลง       ท่านเคยได้ยิน      มั้ย   ครับ ที่ว่า  " หากเราเข้าหา อ.ล 1คืบ พระองค์ จะเข้าหาเอา 1 ศอก  และเมื่อเราคลานเข้าหาพระองค์ พระองค์จะทรงเดินมาหาเรา  และเมื่อเรา เดินเข้าหาพระองค์ พระองค์จะทรงวิ่งเข้ามาหาเรา"  อากับกริยาที่ เกี่ยวกับพระองค์ เป็นเพียงการเปรียบเปรย ครับ(กลัวว่าจะเข้าใจผิด ว่านี่มันเป็นการ กุฟูร เพราะพระองค์ ทรงต่างกับของใหม่(ไม่สอดคล้องกับซีฟัตของ พระองค์) 
ที่กระผมเล่ามานี่   ในบางสิ่งบางอย่างมีข้อผิดพลาดขอได้โปรดมาอัฟให้ด้วย นะครับ   และที่กระผมเล่ามานี่ กระผมก็มิใช่คนที่มีอีหม่านอาม้าล มิใช่คนที่มีความรู้  กระผมเป็นเพียง บ่าวผู้อ่อนแอ ผู้ที่ ยังไม่มีอีหม่านต่อ พระองค์เลย (ตามความคิดของผม) หากผม มีอีหม่าน กระผมคงไม่ได้ มาเสวนา หรือเล่น คอม อินเตอร์เน็ต  (คงอยู่ในการรำลึก ถึง อ.ล ด้วยการ ซิกิร ไม่ก็ อ่านกรุอ่าน  )  และกระผมก็ รู้ดีในความ ซอเล่ม ของตัวเองเฉกเช่นทุก ท่าน  บรรดาพี่น้องที่รัก บรรดาผู้มีอีหม่านต่อ อ.ล  กระผมเพียงหวังในความเมตตาของพระองค์ ผู้ทรงเมตตายิ่งผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ทรงเมตตา กรุณาปราณี เสมอ  และผมเชื่อว่า พี่น้อง ทุกท่าน มีอีหม่าน ศรัทธา  มากกว่ากระผมเสียอีก   พี่น้องที่รัก ของ อ.ล  โปรดเข้าใจเถิดว่ากระผมมิได้ เจตนากล่าวว่าผู้ใด เพราะกระผมเชื่อว่า  ทุกท่าน มีเหนียตในการ ศึกษา หาความรู้เพียงเท่านั้น  อัสตักฟีรุ้ลลออฮฺฮะอินนั้ลลอฮฺ ฮะฆอฟูรุดรอฮีม 
 และกระผมก็เชื่อ อีกว่าทุกท่าน กำลังศึกษา เพื่อ อิสละ ปรับปรุงตนเอง  และทุกท่านก็ คงหวังในความเตตาของ พระองคฺ เฉกเช่นเดียวกัน  ว่าสักวันหนึ่ง ด้วยกับความเมตตาของพระองคฺพระองคฺ จะทรงเปลี่ยนแปลงตัวของเรา  ให้มีอีหม่าน ศรัทธา ที่แท้จริง อย่างแน่นอน

 ลาอีลาฮะอิ้ลลาอันตะซุบฮานากะ อินีกุน ตุ มีนัซ ซอลิมีน   

มหาบริสุทธ์แด่พระองค์ แท้ที่จริงบ่าวเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ ซอเล่ม (อธรรม)ทั้งหลาย



12
 salam  ครับ ก่อนอื่นกระผม อยากจะขอแสดงความคิดเห็นที่เป็นกลางนะครับ     กระผมได้ฟัง อุลามะฮฺ  หลายท่าน ทั้งโต่ะครู  และ อาจารย์ ต่างๆ
กระผมอยากทราบว่า   หน้าที่ของ  อุลามะฮฺ  ผู้รู้นั้น  คือ?
มิใช่ เป็นการให้ความชัดเจน  ในเรื่องของ ศาสนา แก่ ผู้ที่ไม่รูหรอก หรือ ?
และ หากพูด ถึงความรู้  (อินมู) แล้ว  ท่านร่อซูลุลลอฮ์มิได้ ตรัสดอกหรือ ครับ  ว่า " ให้ศึกษาตั้งแต่ในแปลจนถึงหลุมฝังศพ"  
ถ้าพูดถึง ฮะดิษ นี้แล้ว จะเห็นได้ ว่าความรู นั้นไม่สามารถเรียนได้หมด  จะเห็นได้ว่า  หากเรารวบรวมความรู้ทั้งหมดบนโลกดนยา และไปเปรียบเทียบกับความรู้อันยิ่งใหญ่ ของ อ.ล  แล้วนั้น  อุลามฮฺ บอกว่า  เปรียบเสมือนการที่เราเอานิ้วของเรา จุ่มลงไปในมหาสมุทรแล้วหยดน้ำที่ติดนิ้วมือเรานั้น ก็คือความรู้ในโลกดนยา  
และหากเปรียบเปรย  จะเห็นได้ว่าผู้ที่จบ ปริญญา  จบด็อกเตอร์  (เปรียบเสมือนผู้อาเล่ม)  ด้านใดด้านหนึ่ง  แต่มิได้หมายความว่าผู้นั้น มีความรู้ในทุกๆเรื่อง " ผู้เป็นนายช่าง(วิศวกร) ใช่ว่าจะ ฉาบปูน ก่ออิฐ  ได้"  
ที่กระผม ตั้งกระทู้นี่เพื่อที่ จะอยากบอกว่า  หน้าที่ของผู้รู้นั้น ควรให้ความกระจ่างชัด แก่ผู้ที่มาซัก ถาม และ หากไม่รู้หรือ ไม่แน่ใจ ก็มิควร ตัดสินว่าสิ่งนั้นไม่มี  และกระผมคิดว่า  ซอฮาบะฮฺ  มีจำนวนมาก  อิบาดะ ของแต่ละคน อาจจะไม่เหมือนกัน  และอินมู ความรู้ในเรื่อง (ลี้ลับ)  นั้น พระองค์ อ.ล เท่านั้นที่ ทรงรอบรู พระองค์จะทรง เปิดเผยแก่ผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ดังเช่น นบี เคาะฎิร  และบรรดา ผู้ที่พระองค์ ทรงพอพระทัย พวกเขา
และ บางสิ่งบางอย่างไม่มีหลักฐานชัด เจน  และ มิใช่ซุนนฮฺ ที่นบี ปฎิบัติ แต่ เป็น สิ่งที่ ซอฮาบะ ปฎิบัติ  เช่นท่าน อบูบู ฮูรอยเราะห์  ในเรื่องการอาบน้ำละหมาดของท่าน   ท่านนบีจะ ล้างมือถึงข้อศอก  แต่ท่าน จะล้างทั้งท่อนแขน  เพราะท่านเชื่อ ว่า  ร่องรอยจากการทำน้ำละหมาด จะเป็น นูร  รัศมีในวันกียามะ (เพราะท่านได้ฟังผลบุญคุณค่า ก็เลยมีความต้องการที่จะอาม้าล)     และในหลายๆเรื่อง ราวมากมาย ครับผมแค่ ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้พี่น้องได้คิด และ เพราะผมก็มีความสงสัย
ใน สิ่งที่ อุลามะ อาจาร์ย  โต่ะครู บากท่าน บอกว่า ต้องตามนบี สิ่งใดที่นบีไม่ปฎิบัติ ใช้ไม่ได้      แต่กระผมมีความคิดเห็นว่า ถึงไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่สิ่งที่ซอฮาบะ ปฎิบัติ นั้นล้วนแล้วแต่ กระทำเพื่อ  อ.ล ทั้งสิ้น  และบรรดา บุคคลเหล่านั้น พระองคฺ ทรงรับรองพวกเค้าเป็นชาว สวรรค์ของ พระองค์  หากเราตามบรรดาผู้ที่พระองค์ รับรองแล้วว่าเค้านั้นคือชาว สวรรค์เรากระทำ ไม่ถูกต้องหรือใช่มิได้  หรือ?
และหากท่านทั้งหลายได้ศึกษา   การที่เราจะตัดสินสิ่งใด หรือผู้ใดว่าเป็นสิ่งผิด เพียงเพราะไม่ตรงตาม นัฟซูของตน นั้น  เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหัน
และหาก ท่านทั้งหลาย ได้ศึกษา แม้แต่ท่าน อิหม่าม ชาฟีอี ฮานาฟี หรือ  บุคลอื่นๆ  ทุกท่าน ก็ได้ย้ำ ว่าหากสิ่งใดในความรู้ของท่านที่ผิดพลาด ก็ให้พิจารณา เลือกในสิ่งที่ดีกว่า (ขนาดท่านทั้งหลายยังยอมรับฟัง ความรู้ของท่านอื่นๆ)
กระผมมีความอยากรู้ และสงสัย ในหลายๆอยากจะแสดงให้ พี่น้องที่รักของ อ.ล ทุกท่านได้ สั่งสอนและแนะนำ อิชาอัลลอฮฺ ขอเป็นโอกาสหน้านะครับ

13
หนังสือเล่มเขียวนี่ละครับสุดยอด

หลังจากที่ผมไม่ได้หนังสือเล่มนี้นาน

เนื่องจากอ่านแต่หนังสืออรับนาน

แต่พอได้กลับไปอ่าน หนังสือฟะฎออีลอะอฺมาล อันนี้ต้องยอมรับเลยครับว่าสุดยอดจริงๆ

ในแง่ของสำนวน ในแง่ของจิตใจ ในแง่ของแนวคิด

ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

อันนี้ละดีอยู่แล้ว

ไม่ต้องเปลี่ยนเล่มหรอกครับ

อย่าให้คณะใหม่ที่มีอะกิดะฮฺไม่ถูกต้องมาทำให้เราเข้าใจผิดเลยครับ

ฮะดีษดออีฟนั้น อิหม่ามนะวะวี ถือว่าเป็นอิตฟากว่าใช้ในฟะดออีลอะมาลได้

 
 
 แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล    บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
 


ครับ....ยาซากั้ลลอฮฺ    ที่ผมบอกว่า การอ่านเล่มไหนก็ได้นั้น เพราะหากไม่มีเล่มนี้เล่มไหนๆ ก็อ่านได้เพื่อรักษา อาม้าล การอ่าน ตะเล็มครับ และที่ท่าน ActionMask   กล่าวมาก็มีเหตุผล ครับ และผมก็เห็นด้วย นะครับ  แพยงแต่หนังสือคุณ ค่าอาม้าลนั้นเป็นหนังสือที่ ได้รับการเรียบเรียง และจัดพิม มิใช่เพื่อเฉพาะ คนเพียงบางกลั่ม ที่สนใจเท่านั้น แต่เพื่อทุกคน ทุกชนชั้น เมื่อ อ่านแล้วมีความเข้าใจ มีความต้องการที่จะ ปฎิบัติ อาม้าล ครับ จะเห็นได้ว่าหนังสือ บางเล่มเป็นเพียงหนังสือเฉพาะผู้ อาเล่ม ที่เรียน ภาษามาหรือ เฉพาะผู้ที่ ชื่นชอบ อาจารย์ ท่านนั้น ท่าน นี้ แต่หนังสือเล่มนี้ หากเราสังเกตุ  ทุกๆมัสยิด เกือบทั้งประเทศ ตะเล็มกัน และ ต่างประเทศ เช่น  ปากีฯ  อินเดีย  บังกลา  ศรีลังกา และในแถบ โซนเอเชียใต้  หรือแม้ กระทั่งประเทศในแถบ ยุโรป  และ อเมริกาเอง ก็ ใช้หนังสือเล่มนี้ ครับ  ดังที่ท่าน Bashir ได้กล่าวข้างต้น
  แต่พอได้กลับไปอ่าน หนังสือฟะฎออีลอะอฺมาล อันนี้ต้องยอมรับเลยครับว่าสุดยอดจริงๆ

ในแง่ของสำนวน ในแง่ของจิตใจ ในแง่ของแนวคิด

ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
     
ผมอยากเสนอใน ประเด็นนี้ เลยครับ  ขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยกระผมในการสื่อ มัคซุด เป้าหมายที่แท้จริง ครับ
หากผิดพลาดประการใด  ก็ขอมาอัฟ ต่อทุกท่านด้วย และ อยากให้ช่วย ตักเตือนในความผิดพลาดด้วย ครับ  ยาซากั้ลลอฮฺ   

14
ครับ อันที่จริงไม่ว่าจะอ่านหนังสืออะไร ก็เป็นการดี แต่ที่บอกว่าเล่มเขียวนี้ดีนั้น  ก็เพราะมันสามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย มิใช่เฉพาะต้องเป็น คนอาเล่ม คนที่ไปเรียนต่างประเทศ แต่ทุกคนสามารถ อ่านและฟังเพื่อให้เรามี พลังในการปฎิบัติ อาม้าลได้  อันที่จริงไม่ว่าจะอ่านเล่มไหน แต่หากเรามีการอาม้าล การตะเล็มอยู๋บ่อยๆ ทั้งตะเล็มที่บ้าน และมัสยิด เราก็จะสามารถ รักษาอีหม่าน เพิ่มพูน อีหม่านและอาม้าลได้   ครับ

15
 salam  ครับ บังๆ และ พี่น้องที่รัก ของ อ.ล  บางครั้งกระทูผม และคำถาม  คำตอบของผมไม่ชัดเจน  นั้นเพราะผมกำลังศึกษา และ กำลังอิสละ  ปรับปรุงอีหม่าน อาม้าล ของตน ครับ  บางครั้งอาจให้ความเห็นที่แตกต่าง  ออกไปก็ ขอมาอัฟด้วยนะ ครับแต่ผมยืนยันว่า "อัชฮาดุอันนามูฮำมาดุรรอซูลลุลลอฮฺ " ไม่มีแบบอย่างหนึ่งแบบอย่างใดที่ อ.ล รับรองนอกจากแบบอย่างของ ท่าน นบี  ซ.ล  ครับผมเองก็ อยู๋ในช่วง อิสละ ปรับปรุงอีหม่าน และศึกษาหาความรู้ครับ  ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ช่วยแก้ไขและตักเตือนผมด้วยนะครับ         

หน้า: [1] 2