ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พี่น้องช่วยกันรวบรวมตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษในลงกระทู้นี้ครับ  (อ่าน 2094 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด

 salam

ผมอยากให้พี่น้องสมาชิกทุกท่านช่วยกันค้นหาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษต่าง ๆ ทั้งหมดที่เว็บไซต์นี้ได้นำเสนอ  นำมาลงในกระทู้นี้ครับ  เพื่ออย่างน้อยเราจะได้รู้ว่าอายะฮ์ใดบ้างหรือฮะดิษใดบ้างที่เราได้นำเสนอและอ้างอิงนำมาเป็นหลักฐานกัน   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  หากพี่น้องท่านใดต้องการศึกษาอายะฮ์หรือฮะดิษแบบเพียว ๆ เลยก็เข้ามาในกระทู้นี้ได้

และเป็นที่แน่นอนว่า  เราก็คือผู้ที่ตามอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์นั่นเองครับ  อัลฮัมดุลิลลาฮ์

วัสลามครับ
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

ผมเริ่มก่อนเลยครับ

ท่านนบี(ซ.ล.) ได้กล่าวไว้ว่า

إنما الأعمال بالنيات

"แท้จริง บรรดาการปฏิบัตินั้น ด้วยการเหนียต" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม  mycool:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ท่านอิบนุอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา  กล่าวรายงานเช่นกันว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ائْذَنُوا لِلنِّسَاءِ بِاللَّيْلِ إِلَى الْمَسَاجِدِ

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า  พวกท่านจงให้อนุญาตบรรดาสตรีไปมัสยิดในยามค่ำคืนเถิด"  รายงานโดยท่านอัตติรมีซีย์ (520) ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า ฮะดิษนี้ฮะซันซอฮิห์

ท่านอบูดาวูด ได้รายงานจากท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร  ความว่า

‏قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏لَا تَمْنَعُوا نِسَاءَكُمْ الْمَسَاجِدَ وَبُيُوتُهُنَّ خَيْرٌ لَهُنَّ

"ท่านร่อ ซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า  พวกท่านอย่าห้ามบรรดาสตรีของพวกท่าน(กับการไป)มัสยิด โดยที่(การละหมาด)ในบ้านของพวกนางนั้นย่อมดียิ่งกว่าสำหรับพวกนาง" (480)

ท่านอิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา  กล่าวรายงานว่า

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏لَا تَمْنَعُوا إِمَاءَ اللَّهِ مَسَاجِدَ اللَّهِ

"แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า  พวกท่านอย่าห้ามบรรดาสตรีกับบรรดามัสยิดของอัลเลาะฮ์"  รายงานโดยมุสลิม (668)
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

من ‏مَنْ سَنَّ فِي الْإِسْلَامِ سُنَّةً حَسَنَةً فَعُمِلَ بِهَا بَعْدَهُ كُتِبَ لَهُ مِثْلُ أَجْرِ مَنْ عَمِلَ بِهَا وَلَا يَنْقُصُ مِنْ أُجُورِهِمْ شَيْءٌ وَمَنْ سَنَّ فِي الْإِسْلَامِ سُنَّةً سَيِّئَةً فَعُمِلَ بِهَا بَعْدَهُ كُتِبَ عَلَيْهِ مِثْلُ وِزْرِ مَنْ عَمِلَ بِهَا وَلَا يَنْقُصُ مِنْ أَوْزَارِهِمْ شَيْءٌ

" ผู้ใด ที่ได้ริเริ่มทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่ดี แน่นอน เขาจะได้รับผลบุญและได้รับผลบุญของผู้ที่ได้ปฏิบัติตามหลังจากเขาได้(เสีย ชีวิตไปแล้ว) โดยไม่มีสิ่งบกพร่องลงเลย จากผลบุญของพวกเขา และผู้ใด ทีได้ริเริ่มทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่เลว แน่นอน บาปของมันก็ตกบนเขา และบาปของผู้ที่ปฏิบัติมัน หลังจากเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ตกบนเขา) โดยไม่มีสิ่งใดบกพร่องลงไปเลย จากบรรดาบาปของพวกเขา" (รายงานโดย ท่านอิมาม มุสลิม ไว้ในซอเฮี๊ยะหฺของท่าน หะดิษที่1017)

มุสลิมได้รายงานจากอับดุลลอฮ์ อิบนุ มัสอูด  ความว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏لَا تُقْتَلُ نَفْسٌ ظُلْمًا إِلَّا كَانَ عَلَى ابْنِ ‏ ‏ آدَمَ ‏ ‏ الْأَوَّلِ ‏ ‏ كِفْلٌ ‏ ‏مِنْ دَمِهَا لِأَنَّهُ كَانَ أَوَّلَ مَنْ ‏ ‏ سَنَّ ‏ ‏ الْقَتْلَ

" ชีวิตหนึ่งจะไม่ถูกฆ่าโดยอธรรมนอกจากบนบุตรคนแรกของอาดัมจะมีส่วนได้รับ (เหมือนกับเป็นคนฆาตกร)จากเลือดชีวิตนั้น(ได้หลั่งออกมาเนื่องจากถูกฆ่า)  เนื่องจากเขาเป็นบุคคลแรกที่ได้ริเริ่ม(วางแนวทาง)การฆ่า" ฮะดิษลำดับที่ (3177)
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ท่านมุสลิมได้รายงานว่า  อบูญุฮัยม์ได้ถูกถามว่าสิ่งใดบ้านที่เขาได้รู้จากท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับผู้เดินผ่านหน้าผู้กำลังทำละหมาดอยู่  ดังนั้นท่านอบูญุฮัยม์   จึงกล่าวตอบว่า

‏قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏لَوْ يَعْلَمُ الْمَارُّ بَيْنَ يَدَيْ الْمُصَلِّي مَاذَا عَلَيْهِ لَكَانَ أَنْ يَقِفَ أَرْبَعِينَ خَيْرًا لَهُ مِنْ أَنْ يَمُرَّ بَيْنَ يَدَيْهِ

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า  หากผู้เดินทางหน้าผู้ทำการละหมาดรู้ว่า  อะไรคือ(โทษ)ที่จะเกิดขึ้นบนเขา  แน่นอนการที่เขาหยุด 40 ปีนั้น ย่อมดียิ่งกว่าสำหรับจากการเดินทางหน้าผู้ทำการละหมาด"  รายงานโดยมุสลิม (785)

ท่านอบูซะอีด อัลคุฎรีย์  กล่าวว่า

 ‏سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَقُولُ ‏ ‏إِذَا صَلَّى أَحَدُكُمْ إِلَى شَيْءٍ يَسْتُرُهُ مِنْ النَّاسِ فَأَرَادَ أَحَدٌ أَنْ ‏ ‏يَجْتَازَ ‏ ‏بَيْنَ يَدَيْهِ فَلْيَدْفَعْ فِي نَحْرِهِ فَإِنْ أَبَى فَلْيُقَاتِلْهُ فَإِنَّمَا هُوَ شَيْطَانٌ

"ฉันได้ยินท่านร่อซูลุ ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  เมื่อคนใดจากพวกท่านทำการละหมาดไปยังสิ่งหนึ่งที่มากั้นเขาจากผู้คน  แล้วมีคนหนึ่งต้องการจะเดินผ่านข้างหน้าเขา  ดังนั้นเขาจงผลักอกของเขา  หากเขายังฝ่าฝืน  เขาก็จะรบกับเขา  เพราะแท้จริงเขาคือชัยฏอน"  รายงานโดยมุสลิม(783)
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อิบนุอุมัรกล่าวว่า  นี้คือกันตังของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นฉันจึงให้เขานำแสดงออกมา  ปรากฏว่ามันคือกันตังของชาวอีรัก มีปริมาณ  5  ลิตรกับอีกเศษหนึ่งส่วนสามของลิตร" หนังสือตัวะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ : 3/320

พระองค์ทรงตรัสความว่า

إِنَّا أَرْسَلْنَاكَ شَاهِدًا وَمُبَشِّرًا وَنَذِيرًا * لِتُؤْمِنُوا بِاللَّهِ وَرَسُولِهِ وَتُعَزِّرُوهُ وَتُوَقِّرُوهُ وَتُسَبِّحُوهُ بُكْرَةً وَأَصِيلًا

“แท้จริงเรา ได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นศาสนทูตเพื่อเป็นสักขีพยาน  เพื่อเป็นผู้ประกาศข่าวอันประเสริฐ  และเป็นผู้ตักเตือน  เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์  และศาสนทูตของพระองค์   และเพื่อพวกเจ้าจะได้ช่วยเหลือเขา  และให้เกียรติยกย่องเขา  และพวกเขาจงสดุดีความบริสิทธิ์ต่อพระองค์ทั้งยามเช้าและยามเย็น”  อัลฟัตห์ 8 – 9

พระองค์ทรงตรัสความว่า

لاَ تَجْعَلُوا دُعَاءَ الرَّسُولِ بَيْنَكُمْ كَدُعَاءِ بَعْضِكُم بَعْضًا

“พวก เจ้าอย่าทำการเรียกท่านศาสนทูตในระหว่างพวกเจ้าให้เหมือนการเรียกของพวกเจ้า ซึ่งกันและกัน (คือเรียกชื่อเฉย ๆ แบบตรง ๆ หรือตะโกน  หรือเรียกอย่างขาดมารยาท)”  อันนูร 63

ท่านจึงกล่าวว่า

أَنَا سَيِّدُ وَلَدِ آدَمَ وَلاَ فَخْرَ

“ฉันนาย(ซัยยิด)ของลูกหลานอาดัม  โดยมิได้ทนงตน”
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ท่าน อัศศ๊อนอานีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ สุบุลุสสลาม ซึ่งเป็นหนังสือ อธิบายหนังสือ บุลูฆุลมะรอม ของท่าน อัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ว่า

وأما مسح اليدين بعد الدعاء فورد فيه الحديث الأتى :

عن عمر رضى الله عنه قال : كان رسول الله صلى الله عليه وسلم إدا مد يديه فى الدعاء لم يردهما حتى يمسح بهما وجهه . أخرجه الترمدى

وله الشواهد منها :

حديث ابن عباس رضى الله عنهما عند أبى داود ، وغيره ، ومجموعها يقضى بأنه حديث حسن .

ความว่า "และสำหรับการเอาสองมือลูบ(ใบหน้า)หลังดุอาอ์นั้น ได้มีหะดิษระบุมาดังนี้

(ท่าน อิบนุหะญัรได้นำเสนอรายงานว่า " รายงานจากท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านกล่าวว่า เมื่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) ได้ยื่นสองมือทั้งสองในการขอดุอา ท่านจะไม่เอามือทั้งสองของท่านกลับลงมา จนกระทั้งท่านได้เอามือทั้งสองลูบใบหน้าของท่าน" นำเสนอรายงานโดย ท่านอัตติรมีซีย์

(ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัศเกาะลานีย์ได้วิจารณ์หะดิษดังกล่าวว่า) และให้กับหะดิษนี้ มีหลายหะดิษที่มาสนับสนุน ส่วนหนึ่งก็คือ หะดิษของท่านอิบนุอับบาส (ร.ฏ.) ที่รายงานโดยท่านอบูดาวูด และท่านอื่น ๆ โดยที่บรรดาหะดิษที่มาสนับสนุนที่ถูกประมวลไว้แล้วนั้น สามารถตัดสินได้ว่า หะดิษลูบหน้านั้น เป็นหะดิษหะซันحديث حسن (หะดิษดี) " ดู หนังสือ สุบุสสลาม เล่ม 4 หน้า 708 หรือหะดิษที่ 1463 ที่ท่านอิบนุหะญัร ได้กล่าวรายงานและวิจารณ์เอาไว้

ท่านอิมาม อัสสะยูฏีย์ (ร.ฮ.) ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า

إدا سألتم الله فأسألوه ببطون أكفكم ولا تسألوه بظهورها { د } عن مالك بن يسار السكوفى {هـ طب ك } عن ابن عباس ، وزاد {وامسحوا بها وجوهكم } {ح}

" เมื่อพวกท่านวอนขอต่ออัลเลาะฮ์ ดังนั้น พวกท่านจงขอพระองค์ด้วยท้องฝ่ามือของพวกท่าน โดยอย่าขอด้วยหลังมือ (รายงานโดยอบูดาวูด) จาก มาลิก บิน ยะซาร อัสสะกูฟีย์ (รายงานโดย อิบนุมาญะฮ์ ท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์ และท่านอัลหากิม) จากท่านอิบนุอับบาส และ(ท่านอัลหากิม) เพิ่มมาว่า (และพวกท่านจงลูบใบหน้าด้วยมือของพวกท่าน) ( อิมาม อัสสะยูฏีย์กล่าวว่า หะดิษนี้ เป็นหะดิษหะซัน) " คืออักษร {ح} ตามทัศนะของท่านอิมาม อัสสะยูฏีย์นี้ หมายถึง "หะดิษหะซัน" / ดู หนังสือ ฟัยฏุล ก่อดีร ของท่าน อัลมุนาวีย์ ซึ่งอธิบายหนังสือหะดิษ อัลญาเมี๊ยะอฺ อัศศ่อฆีร ของท่านอิมาม อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 473
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ท่าน อิบนุ อัศซินดีย์  ได้ไว้ในหนังสือ  ชัรห์ สุนัน อิบนุมาญะฮ์  ว่า   ท่านอิบนุมาญะฮ์  ได้กล่าวรายงานหะดิษ ไว้ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง  "การละหมาดฮายัต"  ความว่า

‏حدثنا ‏ ‏أحمد بن منصور بن سيار ‏ ‏حدثنا ‏ ‏عثمان بن عمر ‏ ‏حدثنا ‏ ‏شعبة ‏ ‏عن ‏ ‏أبي جعفر المدني ‏ ‏عن ‏ ‏عمارة بن خزيمة بن ثابت ‏ ‏عن ‏ ‏عثمان بن حنيف ‏
‏أن رجلا ضرير البصر أتى النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏فقال ادع الله لي أن يعافيني فقال إن شئت أخرت لك وهو خير وإن شئت دعوت فقال ‏ ‏ادعه ‏ ‏فأمره أن يتوضأ فيحسن وضوءه ويصلي ركعتين ويدعو بهذا الدعاء اللهم إني أسألك وأتوجه إليك ‏ ‏بمحمد ‏ ‏نبي الرحمة يا ‏ ‏محمد ‏ ‏إني قد توجهت بك إلى ربي في حاجتي هذه ‏ ‏لتقضى اللهم شفعه في ‏
‏قال ‏ ‏أبو إسحق ‏ ‏هذا ‏ ‏حديث صحيح


" รายงานจากท่าน อุษมาน บิน หุนัยฟ์  ว่า  แท้จริง มีผู้ชายตาบอดคนหนึ่ง  ได้มาหาท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วกล่าวว่า  ท่านจงขอต่ออัลเลาะฮ์ให้แก่ฉันให้พระองค์ทำให้ฉันหายด้วยเถิด  ดังนั้น  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า  หากท่านต้องการ  ฉันก็จะประวิงเวลาให้แก่ท่าน(ให้อดทนสำหรับโลกหน้า)  ซึ่งมันย่อมเป็นสิ่งที่ดี และหากท่านต้องการ  ก็ให้ท่านทำการขอดุอาอ์  แล้วท่านนบีกล่าวว่า  ท่านจงขอต่ออัลเลาะฮ์เถิด แล้วท่านนบีก็ได้ใช้ให้เขาทำการอาบน้ำละหมาด  และให้เขาทำการอาบน้ำละหมาดให้ดีเยี่ยม และให้เขาทำการละหมาดสองร่อกะอัต และใช้ให้เขาก็ทำการขอด้วยดุอาอ์นี้  คือ  โอ้ อัลเลาะฮ์  แท้จริงข้าพเจ้าวอนขอต่อพระองค์และข้าพเจ้ามุ่งปรารถนาไปยังพระองค์ ด้วยกับมุฮัมมัด นบีแห่งความเมตตา  โอ้ มุฮัมมัด แท้จริงข้าพเจ้าขอมุ่งปรารถนาด้วยกับท่านไปยังผู้อภิบาลของข้าพเจ้า ในเรื่องความต้องการของข้าพเจ้านี้  เพื่อให้พระองค์ทรงปลดเปลื้องให้(แก่ฉัน)  โอ้ อัลเลาะฮ์  โปรดตอบรับการให้ความช่วยของกับเขา ที่เกี่ยวกับข้าพเจ้าด้วยเถิด" ท่านอบูอิสหาก กล่าวว่า  "หะดิษนี้  เป็นหะดิษซอฮิหฺ" ดู หนังสือ ชัรห์ สุนัน อิบนุมาญะฮ์  หะดิษที่ 1375  บทละหมาดฮายัต  ของท่านอิบนุอัศซินดีย์

ท่าน อัฏฏ๊อบรอนีย์ ได้กล่าวรายงานไว้ตอนหนึ่งว่า

فقال عثمان بن حنيف : والله ما كلمته ولكنى شهدت رسول الله صلى الله عليه وسلم وأتاه ضرير ، فشكى إليه ذهاب بصره ، فقال له النبي صلى الله عليه وسلم : فتصبر فقال : يارسول الله ليس لى قائد وقد شق على ، فقال النبي صلى الله عايه وسلم : إئت المضأة فتوضأ ، ثم صل ركعتين ، ثم ادع بهذه الدعوات...الحديث

"ท่านอุษมาน บิน หุนัยฟ์ กล่าวว่า  ขอยืนยัน ฉันไม่ได้พูดกับเขา  แต่ฉันเห็นท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มีชายตาบอดมาหา  และร้องทุกข์กับท่านเกี่ยวกับสายตาที่มองไม่เห็นของเขา ดังนั้น  ท่านนบี ซ๊อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวแก่เขาว่า  ท่านจงอดทน  เขาจึงกล่าวว่า  โอ้  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ฉันไม่มีผู้นำทาง  จึงเกิดความลำบากแก่ฉัน  ดังนั้น  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า  "ท่านจงเอาน้ำละหมาดมาซิ แล้วจงอาบน้ำละหมาด จากนั้น  ท่านจงละหมาดสองร่อกะอัต จากนั้นท่านจงขอด้วยกับดุอาอ์เหล่านี้.."   ดู หนังสือ อัลมั๊วะญัม อัลกะบีร เล่ม 9 หน้า 30 - 31 หนังสือ อัลมั๊วะญัมอัศซ่อฆีร หน้า 220 - 221  ซึ่งท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์กล่าวว่า หะดิษนี้ซอฮิหฺ  , และดู หนังสือ อัดลาอิล อันนุบูวะฮ์ เล่ม 6 หน้า 167 ของท่าน อัลบัยฮะกีย์
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

لَا يَنْهَاكُمُ اللَّهُ عَنِ الَّذِينَ لَمْ يُقَاتِلُوكُمْ فِي الدِّينِ وَلَمْ يُخْرِجُوكُم مِّن دِيَارِكُمْ أَن تَبَرُّوهُمْ وَتُقْسِطُوا إِلَيْهِمْ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِينَ

"อัลลอฮ์มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิ ได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้มีความยุติธรรม"

ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้วจนะไว้ความว่า

مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ

“ผู้ใดทำการเลียนแบบคล้ายกับชนกลุ่มหนึ่ง  แน่นอนเขาย่อมเป็นส่วนหนึ่งจากพวกเขา”
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
พี่น้องคนอื่นไปไหนกันหมดเนี๊ยะ...ช่วยเสนอกันมั้งจิ๊...เดี๊ยวแฟนต้า จะลองไปหาหะดิษดูก่อนน๊า...หุหุ loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 23, 2008, 11:53 AM โดย al-fantazy »

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อั้สลามุอะลัยกุ้มฯ 

ร่วมด้วยช่วยกัน

รายงานจากท่านอะนัส บิน มาลิก  ความว่า  มีชายคนหนึ่งจากบะนีอับดุลลอฮ์ บิน กะอับ  เขากล่าวว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏ ‏إِنَّ اللَّهَ تَعَالَى وَضَعَ عَنْ الْمُسَافِرِ الصَّوْمَ وَشَطْرَ الصَّلَاةِ وَعَنْ الْحَامِلِ أَوْ الْمُرْضِعِ الصَّوْمَ

 "ความจริงอัลเลาะห์ ตาอาลา ได้ผ่อนปรนการถือศิลอด และครึ่งหนึ่งของละหมาดให้คนเดินทางและได้ผ่อนปรนการถือศิลอด ให้แก่หญิงมีครรภ์ และหญิงที่ให้นมทารก" รายงานโดยติรมีซีย์ (649 คือผ่อนผันให้ย่อละหมาด และละศิลอดพร้อมทั้งต้องชดใช้ภายหลัง

لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ท่านอิมามมุสลิมได้รายงานจากท่านอบีเกาะตาดะฮ์ว่า

سئل رسول الله صلى الله عليه وسلم عن صوم يوم الإثنين فقال : ذلك يوم ولدت فيه وأنزل على

"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ถูกถามเกี่ยวกับการถือศีลอดในวันจันทร์ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวตอบว่า "ดังกล่าวนั้น (เพราะเป็น ) วันที่ฉันเกิด และ(อัลกุรอาน)ถูกประทานลงมาแก่ฉัน" รายงายโดยท่าน มุสลิม
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์รายงานว่า
 
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ التَّسْبِيحُ لِلرِّجَالِ وَالتَّصْفِيقُ لِلنِّسَاءِ

“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  การกล่าวตัสบีห์นั้นสำหรับผู้ชายและการปรบ(ด้วยหลัง)มือนั้นสำหรับผู้หญิง”  รายงานโดยมุสลิม (641)

ท่านซะฮฺล์  บิน  สะอัด  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  กล่าวว่า

خَرَجَ النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يُصْلِحُ بَيْنَ ‏ ‏بَنِي عَمْرِو بْنِ عَوْفِ بْنِ الْحَارِثِ ‏ ‏وَحَانَتْ الصَّلَاةُ فَجَاءَ ‏ ‏بِلَالٌ ‏ ‏أَبَا بَكْرٍ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا ‏ ‏فَقَالَ حُبِسَ النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏فَتَؤُمُّ النَّاسَ قَالَ نَعَمْ إِنْ شِئْتُمْ فَأَقَامَ ‏ ‏بِلَالٌ ‏ ‏الصَّلَاةَ فَتَقَدَّمَ ‏ ‏أَبُو بَكْرٍ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ ‏ ‏فَصَلَّى فَجَاءَ النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَمْشِي فِي الصُّفُوفِ يَشُقُّهَا شَقًّا حَتَّى قَامَ فِي الصَّفِّ الْأَوَّلِ فَأَخَذَ النَّاسُ بِالتَّصْفِيحِ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏سَهْلٌ ‏ ‏هَلْ تَدْرُونَ مَا التَّصْفِيحُ هُوَ التَّصْفِيقُ ‏ ‏وَكَانَ ‏ ‏أَبُو بَكْرٍ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ ‏ ‏لَا يَلْتَفِتُ فِي صَلَاتِهِ فَلَمَّا أَكْثَرُوا الْتَفَتَ فَإِذَا النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏فِي الصَّفِّ فَأَشَارَ إِلَيْهِ مَكَانَكَ فَرَفَعَ ‏ ‏أَبُو بَكْرٍ ‏ ‏يَدَيْهِ فَحَمِدَ اللَّهَ ثُمَّ رَجَعَ ‏ ‏الْقَهْقَرَى ‏ ‏وَرَاءَهُ وَتَقَدَّمَ النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏فَصَلَّى

"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ออกมาทำการประนีประนอมระหว่างเผ่าอัมร์ บิน เอาฟ์ บิน ฮาริษ  ขณะถึงเวลาละหมาด  บิล้าลจึงไปหาท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา  แล้วบิล้าลกล่าวว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมยังติดภาระกิจอยู่   ท่านจงเป็นอิมามนำละหมาดเถิด  ท่านอบูบักรกล่าวว่า  ได้เลย  หากพวกท่านต้องการ  ดังนั้นท่านบิล้าลจึงอิกอมะฮ์ละหมาด  แล้วท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  อยู่ขึ้นไปข้างหน้าแล้วทำการละหมาด  จากนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงเดินเข้ามาในบรรดาแถวแล้วทำการแหวกแหวกแถวจนกระทั่งท่านได้ยืนในแถวแรก  ดังนั้นบรรดาผู้คนจึงทำการ  ตัสฮีฟ  - ท่านซะฮฺล์กล่าวว่าพวกท่านรู้ไหมว่าอะไรคือตัสฮีฟ  มันก็คือการปรบมือ(ด้วยหลังมือ)นั่นเอง -  ท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ก็ไม่ยอมหันมาในละหมาดของเขา  ขณะที่พวกเขาได้ทำการปรบมือยิ่งมากขึ้น  ท่านอบูบักรจึงหันมา  ทันใดนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็อยู่ที่แถวแรกแล้ว  ท่านนบีจึงบ่งสัญญาณไปยังท่านอบูบักรว่า  "ให้ท่านจงอยู่ที่เดิมของท่าน"  ดังนั้นท่านอบูบักรจึงยกทั้งสองมือขึ้น  แล้วกล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮ์  หลังจากนั้นก็ถอยกลับให้อยู่ข้างหลังท่านนบี  แล้วท่านนบีก็อยู่ข้างหน้าและทำการละหมาด" รายงาานโดยบุคอรีย์ (1126)

อีกสายรายงานหนึ่งของท่านอัลบุคอรีย์ได้ระบุว่า

 فَلَمَّا فَرَغَ أَقْبَلَ عَلَى النَّاسِ فَقَالَ يَا أَيُّهَا النَّاسُ ‏ ‏مَا لَكُمْ حِينَ نَابَكُمْ شَيْءٌ فِي الصَّلَاةِ أَخَذْتُمْ ‏ ‏بِالتَّصْفِيحِ ‏ ‏إِنَّمَا ‏ ‏التَّصْفِيحُ ‏ ‏لِلنِّسَاءِ مَنْ نَابَهُ شَيْءٌ فِي صَلَاتِهِ فَلْيَقُلْ سُبْحَانَ اللَّهِ ثُمَّ الْتَفَتَ إِلَى ‏ ‏أَبِي بَكْرٍ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ ‏ ‏فَقَالَ يَا ‏ ‏أَبَا بَكْرٍ ‏ ‏مَا مَنَعَكَ أَنْ تُصَلِّيَ لِلنَّاسِ حِينَ أَشَرْتُ إِلَيْكَ قَالَ ‏ ‏أَبُو بَكْرٍ ‏ ‏مَا كَانَ يَنْبَغِي ‏ ‏لِابْنِ أَبِي قُحَافَةَ ‏ ‏أَنْ يُصَلِّيَ بَيْنَ يَدَيْ رَسُولِ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ 

"ขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเสร็จสิ้น(จากละหมาด)  ท่านก็หันหน้าไปยังผู้คนทั้งหลาย  แล้วกล่าวว่า  โอ้บรรดาพวกท่านทั้งหลาย  ไม่บังควรแก่พวกท่าน  ขณะที่มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแก่พวกท่านในละหมาด  โดยทำการปรบมือ(ด้วยหลังมือ)  เพราะว่าการปรบมือนั้นสำหรับบรรดาสตรี  ดังนั้นผู้ใดที่มีสิ่งหนึ่งได้เกิดขึ้นแก่เขาในละหมาด  เขาก็จงกล่าวซุบฮานัลลอฮ์  หลังจากนั้นท่านนบีก็หันไปยังท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  แล้วกล่าวว่า  โอ้อบูบักร  อะไรหรือที่มาห้ามท่านนำละหมาดบรรดาผู้คนในตอนที่ฉันได้บ่งสัญญาณให้แก่ท่าน(อยู่ตรงที่เดิมเพื่อนำละหมาดต่อ)  ท่านอบูบักรกล่าวว่า  ไม่บังควรแก่อิบนุกุฮาฟะฮ์ (คือตัวท่านอบูบักร) ทำการ(นำ)ละหมาดขณะที่มีท่านร่อซูลอยู่" (1142)

 ;D
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
คำตรัสของอัลเลาะฮ์  ตะอาลา  ความว่า

إِنَّمَا الصَّدَقَاتُ لِلْفُقَرَاء وَالْمَسَاكِينِ وَالْعَامِلِينَ عَلَيْهَا وَالْمُؤَلَّفَةِ قُلُوبُهُمْ وَفِي الرِّقَابِ وَالْغَارِمِينَ وَفِي سَبِيلِ اللّهِ وَابْنِ السَّبِيلِ فَرِيضَةً مِّنَ اللّهِ وَاللّهُ عَلِيمٌ حَكِيمٌ

"ซะก๊าตนั้นจะต้องตกเป็นของคนยากไร้  คนขัดสน  เจ้าหน้าที่ซะก๊าต  ผู้ที่ศรัทธาใหม่  ในเรื่องไถ่ตัวทาส  คนที่มีหนี้สิน  ในวิถีทางของอัลเลาะฮ์  และคนเดินทาง  เป็นข้อกำหนดจากอัลเลาะฮ์  และอัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้ยิ่ง  ทรงเชี่ยวชาญยิ่ง"  อัตเตาบะฮ์ 60

ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

"ไม่มีสองวิติรในค่ำคืนเดียวกัน"  รายงานโดยอบูดาวูด (1439)

ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"พวกท่านจงทำให้ละหมาดสุดท้ายของท่านในยามค่ำคืนนั้นเป็นละหมาดวิติร" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

وَتَعَاوَنُواْ عَلَى الْبرِّ وَالتَّقْوَى وَلاَ تَعَاوَنُواْ عَلَى الإِثْمِ وَالْعُدْوَانِ

"พวกเจ้าจองช่วยเหลือกันบนความดีงามและความยำเกรง และพวกเจ้าอย่าช่วยเหลือกันบนความบาปและการเป็นศัตรู" อัลมาอิดะฮ์ 2

ท่านหญิงอาอิชะฮ์และท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ ได้เล่าว่า

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏كَانَ ‏ ‏يُدْرِكُهُ الْفَجْرُ وَهُوَ جُنُبٌ مِنْ أَهْلِهِ ثُمَّ يَغْتَسِلُ وَيَصُومُ

"ปรากฏว่าตอนซุบฮิท่านนบีอยู่ในสภาพมีญุนุบอันเนื่องมาจากการร่วมหลับนอนกับภรรยา  หลังจากนั้นท่านได้อาบน้ำและทำการถือศีลอด" รายงานโดยบุคอรีย์ (1825)

ท่านมุสลิมได้กล่าวรายงานว่า

‏كَانَ النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يُصْبِحُ جُنُبًا مِنْ غَيْرِ ‏ ‏حُلُمٍ ‏ ‏ثُمَّ يَصُومُ

"ปรากฏว่าตอนซุบฮิท่านนบีอยู่ในสภาพมีญุนุบที่ไม่ใช่มาจากความฝัน  หลังจากนั้นท่านก็ทำการถือศีลอด" (1864)

ดังที่อัลกุรอานได้ระบุยืนยันไว้ว่า

وَكُلُواْ وَاشْرَبُواْ حَتَّى يَتَبَيَّنَ لَكُمُ الْخَيْطُ الأَبْيَضُ مِنَ الْخَيْطِ الأَسْوَدِ مِنَ الْفَجْرِ ثُمَّ أَتِمُّواْ الصِّيَامَ إِلَى الَّليْلِ

"และท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่ม  จนกว่าเส้นด้ายสีขาว  จากเส้นด้ายสีดำ  ของแสงอรุณจะปรากฏแก่พวกท่าน  จากนั้นให้พวกท่านจงถือศีลอดให้ครบถึงกลางคืนเถิด" อัลบะกอเราะฮ์ 187

จากท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  เขากล่าวว่า

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏إِنَّ ‏ ‏بِلَالًا ‏ ‏يُؤَذِّنُ بِلَيْلٍ فَكُلُوا وَاشْرَبُوا حَتَّى يُنَادِيَ ‏ ‏ابْنُ أُمِّ مَكْتُومٍ ‏ ‏ثُمَّ قَالَ وَكَانَ رَجُلًا أَعْمَى لَا يُنَادِي حَتَّى يُقَالَ لَهُ أَصْبَحْتَ أَصْبَحْتَ ‏

"แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  แท้จริงบิล้าลได้ทำการอะซานในช่วงกลางคืนอยู่  ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่มเถิด  จนกระทั่งอิบนุอุมมุมักตูมได้ทำการอะซาน หลังจากท่านได้กล่าวว่า  อิบนุอุมมุมักตูมเป็นชายตาบอด  ซึ่งจะทำการอะซานจนกว่าถูกบอกให้แก่เขาว่า ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว  ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว" รายงานโดยบุคอรีย์ (582)

 ;D
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัลเลาะฮ์ตะอาลาเจ้า  ทรงตรัสความว่า

إِنَّ اللَّهَ وَمَلَائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيماً

"แท้จริง อัลเลาะฮ์และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์  ทำการซอลาวาตแก่ท่านนบี  โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย  พวกเจ้าจงซอลาวาตแก่เขาและจงประสาทสันติแก่เขาอย่างแท้จริงเถิด" อัลอะห์ซาบ : 56

รายงานจากท่านอับดุลลอฮ์ บุตร  อัมร์  บิน อาซ  ว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏مَنْ صَلَّى عَليَّ صَلاةً صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ بِهَا عَشْراً‏

" ผู้ใดทำการซอลาวาตต่อฉันหนึ่งครั้ง  อัลเลาะฮ์ก็จะทรงซาลาต(ให้ความเมตตา)แก่ด้วยการซอลาวาตของเขานั้นถึงสิบ ครั้ง"  รายงานโดยมุสลิม(384)

รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์  ว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏أوْلى النَّاسِ بي يَوْمَ القِيامَةَ أَكْثَرُهُمْ عَليَّ صَلاةً‏

"มนุษย์ที่เป็นที่รักยิ่งสำหรับฉันมากที่สุดในวันกิยามะฮ์  คือผู้ที่พวกเขาได้ซอลาวาตต่อฉันมากที่สุด"  รายงานโดยมุสลิม(408)

รายงานจากเอาส์  บุตร  เอาส์  ว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏إِنَّ مِنْ أفْضَلِ أيَّامِكُمْ يَوْمَ الجُمُعَةِ، فأكْثِروُا عَليَّ مِنَ الصَّلاةِ فِيهِ، فإنَّ صَلاتَكُمْ مَعْرُوضَةٌ عَليَّ‏"‏ فقالوا‏:‏ يا رسول اللّه‏!‏ وكيف تُعرض صلاتنا عليك وقد أرَمْتَ‏؟‏ قال‏:‏ ‏"‏إنَّ اللّه حَرَّمَ على الأرض أجْسادَ الأنْبِياءِ‏

"แท้จริงส่วนหนึ่งจาก วันที่ประเสริฐยิ่งนั้น  คือวันศุกร์  ดังนั้น  พวกท่านจงซอลาวาตต่อฉันในวันศุกร์ให้มาก ๆ  เพราะการซอลาวาตของพวกท่านนั้นจะถูกนำเสนอแก่ฉัน  พวกเขาถามว่า  โอ้  ร่อซูลุลลอฮ์  การซอลาวาตของเราจะถูกนำเสนอต่อท่านได้อย่างไร  ในเมื่อกระดูกของท่านพุเปื่อย(ตอนอยู่ในกุบูร)? ท่านนบี  ตอบว่า  แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงห้ามแผ่นดิน(กัดกิน)บรรดาเรือนร่างของนบี" รายงานโดยอบูดาวูด (1047) และท่านอิบนุมาญะฮ์ (1085) ฮะดิษซอฮิห์

รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์  ว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏لا تَجْعَلُوا قَبْرِي عِيداً وَصَلُّوا عليَّ، فإنَّ صَلاتَكُمْ تَبْلُغُنِي حَيْثُ كُنْتُمْ‏

" พวกท่านอย่าทำให้กุบูรของฉันเป็นการรื่นเริง  และพวกเจ้าจงทำการซอลาวาตต่อฉัน  เพราะแท้จริงการซอลาวาตของพวกท่านนั้น  จะถูกส่งให้ทราบถึงฉันไม่ว่าพวกท่านจะอยู่แห่งหนใจก็ตาม"  รายงานโดยอบูดาวูด (2042) ฮะดิษซอฮิห์

ท่านอิบนุอัซซุนีย์  ได้รายงานด้วยสายสืบที่ดี  จากท่านอะนัส  ว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏مَنْ ذُكِرْتُ عِنْدَهُ فَلْيُصَلِّ عَليَّ، فإنَّهُ مَنْ صَلَّى عَليَّ مَرَّةً، صَلَّى اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ عَلَيْهِ عَشْراً‏

" ผู้ที่ฉันได้เอ่ยขึ้น  ณ  ที่เขา  ดังนั้น  เขาก็จงทำการซอลาวาตแก่ฉันเถิด  เพราะผู้ใดที่ทำการซอลาวาตแก่ฉันหนึ่งครั้ง  อัลเลาะฮ์จะทรงซอลาวาต(ให้ความเมตตา)แก่เขาถึงสิบครั้ง"  ดู  หนังสืออัลฟุตูฮาตร๊อบบานียะฮ์ อธิบายหนังสือ  อัลอัซการ ของท่านอันนะวาวีย์ 3/321

รายงานจากท่าน อะนัส  ว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

مَنْ صَلَّى عَليَّ وَاحِدَةً صَلَّى اللهَ عَلَيْهِ عَشَرَ صَلَوَاتِ، وَحَطَّ عَنْهُ عَشَرَ خَطِيْئَاتٍ، وَرَفَعَ لَهُ عَشَرَ دَرَجَاتٍ

"ผู้ ใดทำการซอลาวาตแก่ฉัน 1 ครั้ง  อัลเลาะฮ์ก็จักทรงซอลาวาตให้แก่เขา 10 ครั้ง  และพระองค์ทรงลบล้าง 10 บาปจากเขา และพระองค์ทรงยกเกียรติแก่เขาถึง 10 ฐานันดร"  รายงานโดยอิมามอะห์มัด , ท่านอัลบุคอรีย์ในหนังสืออัลอะดับอัลมุร๊อด ,และท่านอันนะซาอีย์  ดู  หนังสือญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร ของท่านอิมามอัสสะยูฏีย์  ฮะดิษที่ (8810)  ฮะดิษนี้ซอฮิห์

ท่านติรมีซีย์  รายงานจาก  อัฏฏุฟัยล์  ว่า

قَالَ أُبَيٌّ قُلْتُ يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنِّي أُكْثِرُ الصَّلَاةَ عَلَيْكَ فَكَمْ أَجْعَلُ لَكَ مِنْ صَلَاتِي فَقَالَ مَا شِئْتَ قَالَ قُلْتُ الرُّبُعَ قَالَ مَا شِئْتَ فَإِنْ زِدْتَ فَهُوَ خَيْرٌ لَكَ قُلْتُ النِّصْفَ قَالَ مَا شِئْتَ فَإِنْ زِدْتَ فَهُوَ خَيْرٌ لَكَ قَالَ قُلْتُ فَالثُّلُثَيْنِ قَالَ مَا شِئْتَ فَإِنْ زِدْتَ فَهُوَ خَيْرٌ لَكَ قُلْتُ أَجْعَلُ لَكَ صَلَاتِي كُلَّهَا قَالَ إِذًا تُكْفَى هَمَّكَ وَيُغْفَرُ لَكَ ذَنْبُكَ

  "อุบัย (บุตร กะอับ) กล่าวว่า  ฉันได้กล่าวว่า  โอ้  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  แท้จริงฉันได้ทำการซอลาวาตให้แก่ท่านเป็นอย่างมาก  ดังนั้นจะให้ฉันดุอาของฉันเป็นการซอลาวาตแก่ท่านเท่าไหร่ดี?  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า  จงทำตามที่ท่านต้องการเถิด  อุบัยกล่าวว่า  ฉันกล่าวว่า  หนึ่งในสี่ของช่วงเวลาดุอาของฉันที่จะซอลาวาตให้แก่ท่านกระนั้นหรือ?  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ตอบว่า  จงทำตามที่ท่านต้องการเถิด  ดังนั้นถ้าหากท่านเพิ่มขึ้นอีก  ย่อมเป็นสิ่งที่ดียิ่งสำหรับท่าน  ฉันจึงกล่าวว่า  งั้นครึ่งหนึ่งของช่วงเวลาที่ฉันขอดุอาอ์สำหรับการซอลาวาตแก่ท่าน  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  จงทำตามที่ท่านต้องการเถิด  หากท่านกระทำเพิ่มขึ้นอีก  ย่อมเป็นสิ่งที่ดียิ่งสำหรับท่าน  อะบัยกล่าวว่า  ฉันกล่าวว่า  งั้นหนึ่งในสามของช่วงเวลาที่ฉันได้ขอดุอาสำหรับการซอลาวาตแก่ท่าน  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าว  ท่านจงทำตามที่ท่านต้องการเถิด  หากท่านกระทำเพิ่มขึ้นอีก  ย่อมเป็นสิ่งที่ดียิ่งสำหรับท่าน  ฉันกล่าวว่า  ฉันจะทำการดุอาอ์ของฉันในช่วงเวลาทั้งหมดสำหรับการซอลาวาตแก่ท่าน  ท่านนบีกล่าวว่า  แน่นอนว่า  ปณิธาณความตั้งใจจะถูกสนองแก่ให้ท่านทั้งการงานของดุนยาและอาคิเราะฮ์และบาป ของท่านจะถูกอภัยโทษให้"  รายงานโดยติรมีซีย์ (2381)
لا إله إلا الله محمد رسول الله

 

GoogleTagged