ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่มีใครรู้การตีความนอกจากอัลเลาะฮ์และผู้เชี่ยวชาญในความรู้  (อ่าน 2825 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

อัสลามุอะลัยกุ้ม...

ได้อ่านอายะฮ์หนึ่งซึ่งมีความสำคัญในเรื่องอะกีดะฮ์พอสมควร  อยากให้พี่น้องช่วยกันอธิบายตามอุลามาอ์ตัฟซีรและปราชญ์ของอิสลามทั้งสะลัฟและค่อลัฟ  คืออายะฮ์ที่ 7 ซูเราะอ์ อาลิอิมรอน  ที่ว่า......

هُوَ الَّذِيَ أَنزَلَ عَلَيْكَ الْكِتَابَ مِنْهُ آيَاتٌ مُّحْكَمَاتٌ هُنَّ أُمُّ الْكِتَابِ وَأُخَرُ مُتَشَابِهَاتٌ فَأَمَّا الَّذِينَ في قُلُوبِهِمْ زَيْغٌ فَيَتَّبِعُونَ مَا تَشَابَهَ مِنْهُ ابْتِغَاء الْفِتْنَةِ وَابْتِغَاء تَأْوِيلِهِ وَمَا يَعْلَمُ تَأْوِيلَهُ إِلاَّ اللّهُ وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْمِ يَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ كُلٌّ مِّنْ عِندِ رَبِّنَا وَمَا يَذَّكَّرُ إِلاَّ أُوْلُواْ الألْبَابِ

"พระองค์ทรงประทานคำภีร์ให้ลงมายังเจ้า  ซึ่งมีบางส่วนมีความชัดเจน(จะตีความเปนอื่นไม่ได้)  โองการเหล่านั้นเป็นแม่บทแห่งคำภีร์  และโองการอื่นๆ ที่มีโวหารคลุมเคลือ (ที่มีความหมายหลายนัยต้องตีความถึงจะเข้าใจ)  อนึ่งบรรดาผู้ที่มีความรวนเรในหัวใจของพวกเขานั้น  พวกเขาก็จะถือตามข้อความที่คลุมเคลือจากมัน  เพื่อหวังสร้างวิกฤติกาล  และหวังที่จะตีความมัน (ตามใจชอบของพวกเขาเอง)  และไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก  นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น  และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้  พวกเขาจะกล่าวว่า  "เราขอศรัทธาต่อโองการนั้น ทุกๆ โองการล้วนมาจากองค์อภิบาลของเราทั้งสิ้น"  และจะไม่สำนึกหรอกนกจากโดยผู้มีวิจารณญาณเท่านั้น"

ขอให้ท่านรู้ทั้งหลายอธิบายให้ความเข้าใจเกี่ยวกับอายะฮ์นี้ด้วยครับ....ญะซากุมุลลอฮ์ล่วงหน้า...........

วัสลามุอะลัยกุ้ม....

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้ม...

ได้อ่านอายะฮ์หนึ่งซึ่งมีความสำคัญในเรื่องอะกีดะฮ์พอสมควร  อยากให้พี่น้องช่วยกันอธิบายตามอุลามาอ์ตัฟซีรและปราชญ์ของอิสลามทั้งสะลัฟและค่อลัฟ  คืออายะฮ์ที่ 7 ซูเราะอ์ อาลิอิมรอน  ที่ว่า......

هُوَ الَّذِيَ أَنزَلَ عَلَيْكَ الْكِتَابَ مِنْهُ آيَاتٌ مُّحْكَمَاتٌ هُنَّ أُمُّ الْكِتَابِ وَأُخَرُ مُتَشَابِهَاتٌ فَأَمَّا الَّذِينَ في قُلُوبِهِمْ زَيْغٌ فَيَتَّبِعُونَ مَا تَشَابَهَ مِنْهُ ابْتِغَاء الْفِتْنَةِ وَابْتِغَاء تَأْوِيلِهِ وَمَا يَعْلَمُ تَأْوِيلَهُ إِلاَّ اللّهُ وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْمِ يَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ كُلٌّ مِّنْ عِندِ رَبِّنَا وَمَا يَذَّكَّرُ إِلاَّ أُوْلُواْ الألْبَابِ

"พระองค์ทรงประทานคำภีร์ให้ลงมายังเจ้า  ซึ่งมีบางส่วนมีความชัดเจน(จะตีความเปนอื่นไม่ได้)  โองการเหล่านั้นเป็นแม่บทแห่งคำภีร์  และโองการอื่นๆ ที่มีโวหารคลุมเคลือ (ที่มีความหมายหลายนัยต้องตีความถึงจะเข้าใจ)  อนึ่งบรรดาผู้ที่มีความรวนเรในหัวใจของพวกเขานั้น  พวกเขาก็จะถือตามข้อความที่คลุมเคลือจากมัน  เพื่อหวังสร้างวิกฤติกาล  และหวังที่จะตีความมัน (ตามใจชอบของพวกเขาเอง)  และไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก  นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น  และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้  พวกเขาจะกล่าวว่า  "เราขอศรัทธาต่อโองการนั้น ทุกๆ โองการล้วนมาจากองค์อภิบาลของเราทั้งสิ้น"  และจะไม่สำนึกหรอกนกจากโดยผู้มีวิจารณญาณเท่านั้น"

ขอให้ท่านรู้ทั้งหลายอธิบายให้ความเข้าใจเกี่ยวกับอายะฮ์นี้ด้วยครับ....ญะซากุมุลลอฮ์ล่วงหน้า...........

วัสลามุอะลัยกุ้ม....

ท่านอิมามอัฏฏ่อบะรีย์กล่าวอธิบายในตัฟซีรของท่านว่า

وَأَمَّا الْمُحْكَمَات : فَإِنَّهُنَّ اللَّوَاتِي قَدْ أُحْكِمْنَ بِالْبَيَانِ وَالتَّفْصِيل

"สำหรับอายะฮ์อัลมั๊วะห์กะมาตนั้น  คือเป็นบรรดาอายะฮ์ที่มีความชัดเจนด้วยการอธิบายและมีรายงาน(ที่ชัดเจน)" ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์

وَأَمَّا قَوْله : { مُتَشَابِهَات } فَإِنَّ مَعْنَاهُ : مُتَشَابِهَات فِي التِّلَاوَة , مُخْتَلِفَات فِي الْمَعْنَى

"สำหรับอายะฮ์มุตะชาบิฮาดนั้น  ความหมายก็คือ  มีความคลุมเคลือในด้านการอ่าน  และมีหลากหลายความหมาย" ตัฟซีรอัตเฏาะบะรีย์

ส่วนการตะวีลตีความนั้น  อัลเลาะฮ์องค์เดียวที่รู้หรือว่าผู้เชี่ยวชาญในวิชาความรู้ก็รู้ด้วยเช่นกันหรือเปล่านั้น  มีการขัดแย้งกัน 2 ทัศนะ  คือ

1.  อัลเลาะฮ์องค์เดียวเท่านั้นที่รู้  ส่วนผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้จะให้การศรัทธาเพียงเท่านั้น   ซึ่งท่านอัฏเฏาะบะรีย์กล่าวว่านำเสนอไว้ว่า

عَنْ اِبْن أَبِي مُلَيْكَة , عَنْ عَائِشَة , قَوْله : { وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْم يَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ } قَالَتْ : كَانَ مِنْ رُسُوخهمْ فِي الْعِلْم أَنْ آمَنُوا بِمُحْكَمِهِ وَمُتَشَابِهه , وَلَمْ يَعْلَمُوا تَأْوِيله

"รายงานจากอิบนุอะบีมุลัยกะฮ์  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ว่า  คำตรัสของพระองค์ที่ว่า "และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้  พวกเขาจะกล่าวว่า  "เราขอศรัทธาต่อโองการนั้น"  ท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า  ส่วนหนึ่งจากการที่พวกเขามีความเชี่ยวชาญในความรู้นั้น  คือพวกเขาได้ทำการศรัทธอายะฮ์ที่ชัดเจนและอายะฮ์ที่มีความหมายคลุมเคลือและพวกเขาไม่รู้การตีความมัน"  ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์

2.  อัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้ยิ่ง  และผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้อัลเลาะฮ์ทรงให้พวกเขารอบรู้เช่นกัน 

عَنْ مُجَاهِد , عَنْ اِبْن عَبَّاس أَنَّهُ قَالَ : أَنَا مِمَّنْ يَعْلَم تَأْوِيله

"รายงานจากมุญาฮิด  จากท่านอิบนุอับบาส ว่า แท้จริงท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า  "ฉันคือส่วนหนึ่งจากผู้ที่รู้การตีความ"  ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์

عَنْ اِبْن أَبِي نَجِيح , عَنْ مُجَاهِد : { وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْم } يَعْلَمُونَ تَأْوِيله وَيَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ

"จากอิบนุอะบีนะญีห์  จากท่านมุญาฮิด  ว่า  คำตรัสของพระองค์ที่ว่า "และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้"  นั้น  คือพวกเขารู้การตีความและพวกเขาก็กล่าวว่าเราได้ศรัทธามัน" ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ M. Rodee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 108
  • Oh ! My Lord...........
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
      ลาอิลาฮาอัลลัลลอฮ
'การสรรเสริญนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และได้ทรงให้มีความมืดและแสงสว่าง แต่แล้วบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
ก็ยังให้มีสิ่งอื่นเท่าเทียมกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา'
                                                                       (  อัล อันอาม  1 )

  !..... หัวใจที่รำลึก.....!
 1000 - (1) = 999

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อายะฮ์ที่ 7 ซูเราะอ์ อาลิอิมรอน  ที่ว่า......

هُوَ الَّذِيَ أَنزَلَ عَلَيْكَ الْكِتَابَ مِنْهُ آيَاتٌ مُّحْكَمَاتٌ هُنَّ أُمُّ الْكِتَابِ وَأُخَرُ مُتَشَابِهَاتٌ فَأَمَّا الَّذِينَ في قُلُوبِهِمْ زَيْغٌ فَيَتَّبِعُونَ مَا تَشَابَهَ مِنْهُ ابْتِغَاء الْفِتْنَةِ وَابْتِغَاء تَأْوِيلِهِ وَمَا يَعْلَمُ تَأْوِيلَهُ إِلاَّ اللّهُ وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْمِ يَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ كُلٌّ مِّنْ عِندِ رَبِّنَا وَمَا يَذَّكَّرُ إِلاَّ أُوْلُواْ الألْبَابِ

"พระองค์ทรงประทานคำภีร์ให้ลงมายังเจ้า  ซึ่งมีบางส่วนมีความชัดเจน(จะตีความเปนอื่นไม่ได้)  โองการเหล่านั้นเป็นแม่บทแห่งคำภีร์  และโองการอื่นๆ ที่มีโวหารคลุมเคลือ (ที่มีความหมายหลายนัยต้องตีความถึงจะเข้าใจ)  อนึ่งบรรดาผู้ที่มีความรวนเรในหัวใจของพวกเขานั้น  พวกเขาก็จะถือตามข้อความที่คลุมเคลือจากมัน  เพื่อหวังสร้างวิกฤติกาล  และหวังที่จะตีความมัน (ตามใจชอบของพวกเขาเอง)  และไม่(มีใคร)รู้การตีความมันได้หรอก  นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น  และบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในความรู้  พวกเขาจะกล่าวว่า  "เราขอศรัทธาต่อโองการนั้น ทุกๆ โองการล้วนมาจากองค์อภิบาลของเราทั้งสิ้น"  และจะไม่สำนึกหรอกนกจากโดยผู้มีวิจารณญาณเท่านั้น"

ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้อธิบายว่า

وَيُطْلَق عَلَى مَا وَرَدَ فِي صِفَات اللَّه تَعَالَى مِمَّا يُوهِم ظَاهِره الْجِهَة وَالتَّشْبِيه , وَيَحْتَاج إِلَى تَأْوِيل . وَاخْتَلَفَ الْعُلَمَاء فِي الرَّاسِخِينَ فِي الْعِلْم هَلْ يَعْلَمُونَ تَأْوِيل الْمُتَشَابِه ؟ وَتَكُون الْوَاو فِي { وَالرَّاسِخُونَ } عَاطِفَة أَمْ لَا ؟ وَيَكُون الْوَقْف عَلَى { وَمَا يَعْلَم تَأْوِيله إِلَّا اللَّه } , ثُمَّ يَبْتَدِئ قَوْله تَعَالَى : { وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْم يَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ } وَكُلّ وَاحِد مِنْ الْقَوْلَيْنِ مُحْتَمَل , وَاخْتَارَهُ طَوَائِف , وَالْأَصَحّ الْأَوَّل , وَأَنَّ الرَّاسِخِينَ يَعْلَمُونَهُ لِأَنَّهُ يَبْعُد أَنْ يُخَاطِب اللَّه عِبَاده بِمَا لَا سَبِيل لِأَحَدٍ مِنْ الْخَلْق إِلَى مَعْرِفَته , وَقَدْ اِتَّفَقَ أَصْحَابنَا وَغَيْرهمْ مِنْ الْمُحَقِّقِينَ عَلَى أَنَّهُ يَسْتَحِيل أَنْ يَتَكَلَّم اللَّه تَعَالَى بِمَا لَا يُفِيد . وَاَللَّه أَعْلَم . ‏

"คำที่มีความหมายคลุมเคลือ(หลายนัย)นั้น ถูกนำมาใช้กับตัวบทที่รายงานมาเกี่ยวกับบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ที่ความหมายผิวเผินของมันทำให้เข้าใจผิดไปว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีทิศหรือมีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับมัคโลค  และบรรดานักปราชญ์ได้มีทัศนะแตกต่างกันเกี่ยวกับ  บรรดาผู้เชี่ยวชาญในความรู้นั้น  พวกเขารู้การตีความอายะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยหรือเปล่า?  และอักษรวาวในคำว่า { وَالرَّاسِخُونَ } นั้นเป็นวาวอะฏัฟ(เชื่ยมโยง)กับคำว่าอัลเลาะฮ์หรือไม่? (คือหมายถึงอัลเลาะฮ์และผู้เชี่ยวชาญในความรู้นั้นรู้เกี่ยวกับอายะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย) หรือให้อ่านหยุดบนถ้อยคำที่ว่า { وَمَا يَعْلَم تَأْوِيله إِلَّا اللَّه } แล้วทำการเริ่มอ่านคำตรัสของพระองค์ใหม่ว่า { وَالرَّاسِخُونَ فِي الْعِلْم يَقُولُونَ آمَنَّا بِهِ } ดังนั้น ทุก ๆ ทัศนะคำพูดจากทั้งสองนั้น  ก็มีการตีความกันไป  และมีปราชญ์หลายกลุ่มเลือกทัศนะที่สอง (คือให้อ่านหยุดบนถ้อยคำ....หมายถึงอัลเลาะฮ์องค์เดียวเท่านั้นที่รู้) แต่ทว่าทัศนะที่ถูกต้องชัดเจนยิ่งคือ ทัศนะแรก (คือหมายถึงอัลเลาะฮ์และผู้เชี่ยวชาญในความรู้นั้นรู้เกี่ยวกับอายะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย)  คือแท้จริงบรรดาผู้เชี่ยวชาญในความรู้นั้น ต่างก็รู้การตีความ(อายะอ์ที่มีความหมายหลายนัย)  เพราะถือว่าห่างไกล(เป็นไปไม่ได้)เหลือเกินที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสกับปวงบ่าวของพระองค์ด้วยกับสิ่งที่ไม่มีหนทางใดที่มัคโลค(จากปวงปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญในความรู้)จะทำการรู้จักความหมายมันได้  และบรรดาปวงปราชญ์แห่งเราและปราชญ์ท่านอื่น ๆ ที่เน้นแฟ้นในวิชาความรู้  ได้เห็นพร้องต้องกันว่า  เป็นไปไม่ได้ที่อัลเลาะฮ์จะทรงตรัสด้วยกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์(คือด้วยกับสิ่งที่นักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญในความรู้ไม่เข้าใจ) วัลลอฮุอะลัม" หนังสือชัรห์ซอฮิห์มุสลิม : 8/471
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 07, 2008, 07:39 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้ม....

ทั้งสองทัศนะล้วนแต่อยู่บนเป้าหมายที่ดีงามทั้งสิ้น  ญะซากัลลอฮ์สำหรับบังๆ ที่นำเสนอความรู้และความเข้าใจ

 

GoogleTagged