ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 22 อัลหัจญ์  (อ่าน 4727 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 58-60


คำแปล R1.
58. Those who emigrated in the Cause of Allah and after that were killed or died, surely, Allah will provide a good provision for them. And verily, it is Allah who indeed is the best of those who make provision.
59. Truly, He will make them enter an entrance with which they shall be well-pleased, and verily, Allah indeed is All-Knowing, Most Forbearing.
60. That is so. And whoever has retaliated with the like of that which He was made to suffer, and then has again been wronged, Allah will surely help him. Verily! Allah indeed is Oft-Pardoning, Oft-Forgiving.


คำแปล R2.
58. และบรรดาผู้ซึ่งอพยพในทางของอัลเลาะฮฺหลังจากนั้นพวกเขาถูกสังหารหรือเสียชีวิตลง แน่นอนอัลเลาะฮฺจะทรงประทานโชคผลที่ดีงามแก่พวกเขา และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าบรรดาผู้ให้โชคผลทั้งปวง
59. เป็นที่ยืนยันได้แน่นอนว่า พระองค์จะทรงให้พวก(ที่กล่าวไว้)นั้น เข้าสู่สถานที่ซึ่งพวกเขามีความพอใจ และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งนัก ทรงสุขุมยิ่งนัก
60. นั้น(คือการตอบแทนของอัลเลาะฮฺตามสัญญา) และผู้ใดที่ตอบแทนการทำร้ายของผู้อื่นเพียงเท่าที่เขาถูกกระทำ แต่หลังจากนั้นตัวเขาถูกข่มเหงอีก แน่นอนอัลเลาะฮฺจะทรงช่วยเหลือเขา แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงยกโทษยิ่ง


คำแปล R3.
58.   สำหรับบรรดาผู้อพยพในหนทางของอัลลอฮฺ และเขาถูกฆ่าหรือตาย อัลลอฮฺจะทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นเลิศแห่งผู้ประทานปัจจัยยังชีพทั้งหลาย
59.   พระองค์จะทรงรับเขาเข้าไปสู่สถานที่ที่พวกเขาพึงพอใจ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ ทรงผ่อนปรน
60.   เช่นเดียวกัน และผู้ใดแก้แค้นเท่ากับที่เขาได้ถูกรังแก และยังถูกกดขี่ข่มเหงอีก แน่นอน อัลลอฮฺจะทรงช่วยเขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงลบล้างความผิด ผู้ทรงอภัย


คำแปล R4.
58. และบรรดาผู้อพยพในทางของอัลลอฮฺแล้วพวกเขาถูกฆ่าหรือตาย แน่นอนอัลลอฮฺ จะทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดี และแท้จริงอัลลอฮฺ นั้นพระองค์ทรงเป็นผู้ดีเลิศแห่งบรรดาผู้ประทานปัจจัยยังชีพ
59. พระองค์จะทรงให้พวกเขาเข้าไปในสถานที่ที่พวกเขาพอใจ คือสวนสวรรค์ และแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงขันติ
60. เช่นนั้นแหละ และผู้ใดตอบโต้เยี่ยงที่เขาถูกรังแก แล้วเขาก็ยังถูกข่มเหงอีก อัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอนแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ทรงยกโทษ


คำแปล R5.
๕๘. และบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งอพยพจากมักกะห์มาสู่มะดีนะห์ อันเป็นการอพยพไปในทางของอัลเลาะห์ตามคำบัญชาของพระองค์แล้วต่อมาพวกเขาก็ถูกฆ่าด้วยฝีมือของฝ่ายเนรคุณ หรือพวกเขาตายโดยเหตุอื่น ๆ แน่นอน อัลเลาะห์จะประทานโชคผลอันงดงามแก่พวกเขา คือได้รับการตอบแทนให้ได้เข้าสวรรค์ เสพสุขอยู่ในนั้นชั่วกาลนาน และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงเป็นเลิศสุดจากบรรดาผู้ให้โชคผลทั้งหลาย โชคผลอันงดงามที่พวกเขาจะได้รับนั้นคือสวนสวรรค์อันบรมสุข
๕๙. พระองค์ทรงสาบานเป็นการยืนยันว่าแท้จริงพระองค์จะทรงให้พวกเขาได้เข้าสู่สถานที่หนึ่งซึ่งพวกเขายินดีต่อมัน นั่นคือสวรรค์ และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่งถึงความมุ่งหมายของพวกนั้นและพระองค์ทรงปรานียิ่งต่อพวกเขาในการลงโทษ โดยไม่เร่งรีบที่จะลงโทษพวกเขาเมื่อกระทำผิด และจะผ่อนผันให้พวกเขาได้มีโอกาสสำนึกและกลับเนื้อกลับตัว
๖๐. การประทานโชคผลดังกล่าวนั้นคือสิ่งที่เราได้แจ้งให้เจ้าได้รับรู้ไว้ และผู้ใดได้ตอบแทนการกระทำของพวกกาฟิรโดยเขาลงโทษแก่ฝ่ายกาฟิรผู้ประพฤติตนเป็นศัตรูด้วยการออกไปทำศึกแก่พวกนั้นเหมือนกับที่เขาถูกลงโทษมา โดยฝ่ายศัตรูได้ทำร้ายและทำศึกกับเขาก่อน ทั้ง ๆ ที่เดือนนั้นเป็นเดือนที่ห้ามทำสงคราม คือเดือนมุฮัรรอม ต่อมาเขาก็ถูกฉ้อฉลด้วยการถูกบีบบังคับให้ต้องอพยพจากมักกะห์อีก แท้จริงอัลเลาะห์จะทรงช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้อภัยแก่บรรดาศรัทธาชน โดยไม่นำความผิดของเขามาพิจารณาตัดสินเพื่อลงโทษและพระองค์ทรงยกโทษให้แก่เขาอันเนื่องมาจากความผิดที่เขาทำศึกกับพวกกาฟิรในเดือนมุฮัรรอม อันเป็นเดือนที่ห้ามทำศึกโดยเด็ดขาด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 61-62


คำแปล R1.
61. That is because Allah merges the night into the day, and He merges the day into the night. And verily, Allah is All-Hearer, All-Seer.
62. That is because Allah He is the truth (the only true God of all that exists, who has no partners or rivals with him), and what they (the polytheists) invoke besides him, it is Batil (falsehood) and verily, Allah He is the Most High, the Most Great.


คำแปล R2.
61. นั้น เป็นเพราะเหตุว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺ (ทรงฤทธานุภาพยิ่ง) พระองค์ทรงล้ำกลางคืนเข้าสู่กลางวัน และทรงล้ำกลางวันเข้าสู่กลางคืน และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยินยิ่ง ทรงมองเห็นยิ่ง
62. นั้น เป็นเพราะเหตุว่าแท้จริงอัลเลาะฮฺ พระองค์ทรงสัจจะ และแท้จริงสิ่งที่เขาวอนนมัสการนอกเหนือจากพระองค์ล้วนเป็นสิ่งโมฆะ และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความสูงส่งทรงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่


คำแปล R3.
61.   ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงนำกลางวันออกมาจากกลางคืนและกลางคืนออกมาจากกลางวัน และพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและได้เห็นทุกสิ่ง
62.   ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอัลลอฮฺเท่านั้นคือผู้ทรงสัจจะและสิ่งอื่นทั้งหมดที่พวกเขาวิงวอนนอกจากไปจากพระองค์นั้นเป็นความเท็จ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงยิ่งใหญ่


คำแปล R4.
61. เช่นนั้นแหละ เพราะว่าอัลลอฮฺ ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และพระองค์ทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวไปในกลางคืน และแท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น
62. เช่นนั้นแหละ เพราะว่าอัลลอฮฺ คือผู้ทรงสัจจะและแท้จริงสิ่งที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นมันเป็นเท็จ และแท้จริงอัลลอฮฺพระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่


คำแปล R5.
๖๑. การช่วยเหลือตามที่กล่าวมานั้นย่อมอยู่ในอำนาจของพระองค์ที่จะทรงบันดาลให้เป็นไปอย่าว่าแต่เพียงการช่วยเหลืออันเป็นเรื่องเล็กน้อยนั้นเลย แม้แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น พระองค์ก็ทรงไว้ซึ่งอำนาจที่จะบันดาลให้เป็นไป ด้วยเหตุที่อัลเลาะห์ทรงอานุภาพและอำนาจที่จะบันดาลให้กลางคืนล้ำเข้าสู่กลางวัน อันเป็นเหตุให้เวลาของกลางวันน้อยกว่ากลางคืน และให้กลางวันล้ำเข้าสู่กลางคืน อันเป็นเหตุให้เวลาของกลางคืนน้อยกว่ากลางวัน ซึ่งอำนาจการบันดาลดังกล่าวนี้ย่อมยิ่งใหญ่กว่าการช่วยเหลือดังกล่าวมากมายนัก และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงได้ยินคำวิงวอนของพวกศรัทธา และพระองค์ทรงเห็นพวกเขาโดยพระองค์ได้บันดาลให้พวกเขามีศรัทธา แล้วพระองค์ก็สนองตอบคำวิงวอนของพวกเขา
๖๒. และการช่วยเหลือนั้นพระองค์ย่อมทรงอำนาจที่จะบันดาลให้เป็นไป ด้วยเหตุที่อัลเลาะห์ทรงเป็นพระเจ้าที่มีจริงหาใช่เป็นสิ่งสมมติอันไร้แก่นสารไม่ และแท้จริงบรรดาพระเจ้าจอมปลอมต่าง ๆ อันเป็นสิ่งที่พวกเขาได้วิงวอนขอและกราบไหว้บูชาอันนอกเหนือไปจากอัลเลาะห์นั้นมันเป็นโมฆะ ซึ่งมีแต่จะสลายตัวและเสียหาย และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงอำนาจเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง โดยอานุภาพของพระองค์เอง หาได้อาศัยผู้ใดไม่ และพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ เหนือกว่าทุก ๆ สิ่ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 63 - 66


คำแปล R1.
63. See you not that Allah sends down water (rain) from the sky, and then the earth becomes green? Verily, Allah is the Most kind and Courteous, Well-Acquainted with all things.
64. To Him belong all that is in the heavens and all that is on the earth. And verily, Allah He is rich (Free of all wants), Worthy of all praise.
65. See you not that Allah has subjected to you (mankind) all that is on the earth, and the ships that sail through the sea by his Command? He withholds the heaven from falling on the earth except by His Leave. Verily, Allah is, for mankind, full of kindness, Most Merciful.
66. It is He, who gave you life, and then will cause you to die, and will again give you life (on the Day of Resurrection). Verily! Man is indeed an ingrate.


คำแปล R2.
63. เจ้าไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงหลั่งน้ำฝนให้ลงจากฟากฟ้าจนทำให้แผ่นดินเปลี่ยนมาเป็นความเขียวชอุม (อุดมสมบูรณ์) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอ่อนโยนยิ่ง ทรงตระหนักยิ่ง
64. พระองค์ทรงสิทธิ สรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน และแท้จริงอัลเลาะฮฺนั้น พระองค์ทรงร่ำรวยยิ่ง ทรงเป็นที่สรรเสริญยิ่ง
65. เจ้าไม่เห็นหรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงอำนวยประโยชน์สรรพสิ่งในพื้นดินและเรือที่วิ่งอยู่ในทะเลโดยบัญชาของพระองค์แก่พวกเจ้าทั้งมวล และพระองค์ทรงยึดฟ้าไว้มิให้ร่วงตกลงมาบนพื้นดิน นอกจาก(ถ้าเป็นไป)โดยอนุมัติของพระองค์ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงปรานี ทรงเมตตาต่อมวลมนุษย์เป็นที่สุด
66. และพระองค์ทรงให้พวกเจ้ามีชีวิต หลังจากนั้นก็ทำให้พวกเจ้าตาย หลังจากนั้นก็ทรงทำให้พวกเจ้ามีชีวิต(อีก) แท้จริงมนุษย์เป็นผู้อกตัญญูอย่างยิ่ง


คำแปล R3.
63.   สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงส่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า และแผ่นดินได้กลายเป็นสีเขียวเพราะมัน ? แท้จริงอัลลอฮฺทรงละเอียดอ่อนยิ่ง และทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
64.   ของพระองค์คือทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
65.   สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระองค์ได้ทรงทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินอยู่ในอำนาจของสูเจ้าและได้ทรงทำให้เรือลอยอยู่เหนือทะเลตามคำบัญชาของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงพยุงชั้นฟ้าไว้ในลักษณะที่มันไม่สามารถหล่นลงมา ถ้าหากพระองค์ไม่ทรงอนุมัติ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอ่อนโยน ผู้ทรงเมตตาต่อปวงมนุษย์
66.   พระองค์คือผู้ทรงให้สูเจ้ามีชีวิตและทรงทำให้สูเจ้าตาย และพระองค์จะทรงทำให้สูเจ้าฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังปฏิเสธความจริง


คำแปล R4.
63. เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วแผ่นดินก็กลายเป็นเขียวสดชื่น แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง
64. สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์ และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงพอเพียงจากสิ่งทั้งหลาย ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
65. เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเจ้าสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินและเรือแล่นไปตามท้องทะเลโดยบัญชาของพระองค์ และทรงยึดชั้นฟ้ามิให้มันตกลงมาบนแผ่นดิน เว้นแต่โดยอนุมัติของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอ่อนโยน ผุ้ทรงเมตตาเสมอต่อมนุษย์
66. และพระองค์คือผู้ทรงให้พวกเจ้าเป็น แล้วทรงให้พวกเจ้าตาย หลังจากนั้นก็ทรงให้พวกเจ้าเป็นอีก แท้จริงมนุษย์นั้นช่างเนรคุณยิ่ง


คำแปล R5.
๖๓. โอ้มุฮำมัด เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าแท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้น้ำฝนหลั่งลงมาจากฟ้า ที่จริงเจ้าก็รู้ว่าเป็นเช่นนั้น แล้วแผ่นดินก็แปรสภาพมาเป็นความเขียวชอุ่มชุ่มชื้น และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์อันมากมาย แม้แผ่นดินนั้นจะแห้งแล้งมาเป็นเวลาอันยาวนานสักปานใดก็ตาม นั่นเป็นร่องรอยแห่งอำนาจของพระเจ้าโดยแท้จริง และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงอาทรต่อบ่าวทาสของพระองค์โดยให้พืชพันธุ์ต่าง ๆ เจริญงอกงามสำหรับเป็นอาหารของพวกเขา และพระองค์ทรงตระหนักถึงความท้อแท้สิ้นหวังของพวกเขาในยามที่เกิดความแห้งแล้งติดต่อกันเป็นเวลานาน
๖๔. ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ทั้งสิ้นสิ่งที่มีอยู่ในฟากฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน พระองค์ทรงปกครองสิ่งเหล่านั้นเพียงพระองค์เดียวและแท้จริงอัลเลาะห์ทรงรวยเกินกว่าที่จะพึ่งพาอาศัยต่อสิ่งใด ๆ และพระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของมวลบ่าวที่พระองค์ทรงโปรดทั้งหลาย
๖๕. โอ้มุฮำมัด เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้สัตว์ต่าง ๆ อันเป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน และเรือที่วิ่งอยู่ในทะเลได้ยอมน้อมตนต่อพวกเจ้าโดยการอนุญาตของพระองค์ เพื่อพวกเจ้าจักได้นำมันมาใช้งานสนองประโยชน์ต่าง ๆ ของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าได้จับสัตว์จ่าง ๆ มาเป็นอาหารบริโภคหรือเป็นพาหนะสำหรับขี่หรือบรรทุก และพวกเจ้าได้อาศัยเรือนำไปสู่ทิศทางที่ปรารถนา และพระองค์ทรงยึดชั้นฟ้ารวมทั้งวัตถุต่าง ๆ ของชั้นฟ้า อันได้แก่ดาวต่าง ๆ มิให้มันตกลงมาบนแผ่นดิน เพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้าทั้งหลาย เช่น ได้อาศัยแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ได้รู้ทิศจากดวงดาวเป็นต้น นอกจากจะเป็นไปโดยการอนุญาตของพระองค์เท่านั้น มันจึงจะตกลงมา นั่นคือเมื่อวาระแห่งความดับสลายของโลกนี้ได้ใกล้เข้ามา ระบบการโคจรของสิ่งต่าง ๆ ของชั้นฟ้าก็จะเริ่มสับสนแปรปรวนและร่วงตกลงมาแล้วแตกดับไปในที่สุด แท้จริงอัลเลาะห์ทรงกรุณา ทรงเมตตาแก่ข้าทาสของพระองค์ โดยบันดาลให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ บนพื้นดิน จากเรือที่อยู่ในทะเล และจากท้องฟ้าที่อยู่ในสภาพปกติ
๖๖. และพระองค์ทรงให้พวกเจ้าได้เกิดมามีชีวิต หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงให้พวกเจ้าตายเมื่อครบอายุขัยตามที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ หลังจากนั้นพระองค์ก็ให้พวกเจ้าฟื้นขึ้นมาจากสุสาน มีชีวิตอีกคำรบหนึ่ง แต่มนุษย์บางพวกกลับไม่ยอมพินิจพิเคราะห์ถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ที่ประทานให้นั้น ทั้งนี้เพราะมนุษย์เป็นผู้เนรคุณด้วยการกราบไหว้สิ่งสมมติต่าง ๆ และตั้งเป็นภาคีร่วมกับอัลเลาะห์ พวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในเอกภาพของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 67 - 69


คำแปล R1.
67. For every nation we have ordained religious ceremonies [e.g. slaughtering of the beast of cattle during the three days of stay at Mina (Makkah) during the Hajj (pilgrimage)] which they must follow; so let them (pagans) not dispute with you on the matter (i.e. to eat of the cattle which you slaughter, and not to eat of cattle which Allah kills by its natural death), but invite them to your Lord. Verily! You (O Muhammad) indeed are on the (true) Straight Guidance. (i.e. the true Religion of Islamic Monotheism).
68. And if they argue with you (as regards the slaughtering of the sacrifices), say; "Allah knows best of what you do.
69. "Allah will judge between you on the Day of Resurrection about that wherein you used to differ."


คำแปล R2.
67. แต่ละประชาชาติเราได้กำหนดบทบัญญัติขึ้น ซึ่งพวกเขาได้ใช้ดำเนินการ ดังนั้นจงอย่าให้พวกเขา(ผู้อยู่ในบทบัญญัติในยุคอื่น ๆ)ทำการโดยแย้งเจ้าในกิจการ(แห่งบทบัญญัติของเจ้า) และเจ้าจงเรียกร้องสู่(ศาสนาแห่ง)องค์อภิบาลของเจ้า เพราะแท้จริงเจ้านั้น เป็นผู้ตั้งมั่นอยู่บนทางนำอันเที่ยงตรงแล้ว
68. และหากพวกเขาโต้ตอบเจ้า(ในคำประกาศ) เจ้าก็จงประกาศว่า “อัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ”
69. อัลเลาะฮฺทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้าในวันชาติหน้า ในกรณีที่พวกเจ้าเคยขัดแย้งกันมา


คำแปล R3.
67.   สำหรับทุกประชาชาตินั้นเราได้กำหนดวิธีการเคารพสักการะซึ่งพวกเขาได้ปฏิบัติตาม ดังนั้น (โอ้ มุฮัมมัด) จงอย่าให้พวกเขาโต้แย้งกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จงเชิญชวนผู้คนไปยังหนทางของพระผู้อภิบาลของเจ้า เพราะเจ้าอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง
68.   และถ้าพวกเขายังโต้แย้งกับเจ้า จงบอกพวกเขาว่า “อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าพวกท่านกำลังทำอะไร
69.   ในวันแห่งการตัดสิน พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกท่านเกี่ยวกับที่พวกท่านขัดแย้งกัน”


คำแปล R4.
67. สำหรับทุก ๆ ประชาชาติเราได้กำหนดพิธีทางศาสนาขึ้นโดยที่พวกเขาปฏิบัติพิธีนั้น ดังนั้นคนหนึ่งคนใดอย่าได้โต้แย้งเจ้าในกิจการนั้น และจงเรียกร้องเชิญชวนไปสู่พระเจ้าของเจ้า แท้จริงเจ้านั้นอยู่บนแนวทางที่เที่ยงธรรม
68. และหากพวกเขาโต้แย้งเจ้า ก็จงกล่าวเถิดว่า อัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกท่านกระทำอยู่
69. อัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกท่านในวันกิยามะฮฺ ในสิ่งที่พวกท่านได้ขัดแย้งกันในเรื่องนั้น


คำแปล R5.
๖๗. แต่ละประชาชาติในทุกยุคทุกสมัยเราได้บันดาลกฎบัญญัติทางศาสนาสำหรับพวกเขา เพื่อพวกเขาได้ประพฤติตามกล่าวคือ ประชาชาติตั้งแต่ในยุคนบีมูซาประกาศศาสนาจนถึงการประกาศของนบีอีซาได้ใช้บทบัญญัติที่อยู่ในคัมภีร์ “เตารอต” และตั้งแต่การประกาศของนบีอีซาจนถึงการประกาศของนบีมุฮำมัดใช้บัญญัติในคัมภีร์ “อินญีล” และตั้งแต่การประกาศของนบีมุฮำมัดเรื่อยมาจนตลอดไปถึงวันปรภพก็จะใช้บทบัญญัติในคัมภีร์ “อัลกุรอาน”
ดังนั้นจึงไม่บังควรอย่างยิ่งที่พวกเขาจะพึงโต้แย้งเจ้าในกิจการศาสนาอันแตกต่างกันในแต่ละยุค กล่าวคือ คนกลุ่ม “คุซาอะฮ์” ได้โต้แย่งท่านนบีมุฮำมัดในเรื่องสัตว์เชือดพลีทาน ซึ่งศาสนาได้อนุมัติให้บริโภคได้ แต่พวกเขากลับโต้ฝ่ายมุมินว่า “ทำไมจึงบริโภคสัตว์ที่พวกท่านเชือด แต่ไม่บริโภคสัตว์ที่อัลเลาะห์ฆ่า”
และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงเรียกร้องมนุษย์ทั้งหลายให้เข้าสู่ศาสนาแห่งพระผู้อภิบาลของเจ้าเถิด เพราะแท้จริงเจ้านั้นได้ตั้งมั่นอยู่บนแนวทางแห่งการชี้นำอันเที่ยงตรงอยู่แล้ว นั่นคือการชี้นำของศาสนาอิสลาม
๖๘. และมาดแม้นพวกเขาผู้เนรคุณทั้งหลายได้โต้แย้งเจ้า ดังนั้น เจ้าจงกล่าวตอบโต้พวกนั้นเถิดว่า อัลเลาะห์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ อันเป็นความประพฤติที่เลวทรามชั่วช้ายิ่ง ซึ่งพระองค์จะตอบแทนความเลวนั้นอย่างสาสม
๖๙. อัลเลาะห์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า ณ วันปรภพ ในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งนั้น โดยวันปรภพนั้นพระองค์จะตัดสินระหว่างพวกมุมินกับพวกกาฟิรในข้อที่ขัดแย้งกันดังกล่าว และ ณ กาลบัดนั้นเองความจริงก็จะต้องประจักษ์ชัด และความเท็จก็จะต้องมลายไป ผู้อยู่กับความจริงจะได้เข้าสวรรค์ และผู้อยู่กับความเท็จจะต้องลงนรก


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 70 - 72


คำแปล R1.
70. Know you not that Allah knows all that is in heaven and on earth? Verily, it is (all)i the Book (Al-Lauh Al-Mahfuz). Verily! That is easy for Allah.
71. And they worship besides Allah others for which He has sent down no authority, and of which they have no knowledge and for the Zalimun (wrong-doers, polytheists and disbelievers in the Oneness of Allah) there is no helper.
72. And when Our clear Verses are recited to them, you will notice a denial on the faces of the disbelievers! They are nearly ready to attack with violence those who recite Our Verses to them. Say: "Shall I tell you of something worse than that? The Fire (of Hell) which Allah has promised to those who disbelieve, and worst indeed is that destination!"


คำแปล R2.
70. เจ้าไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้สรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงสิ่ง(ที่กล่าวมา)นั้นมีปรากฏอยู่ในบันทึก(แห่งเลาหุลมะฮฺฟูซ) แท้จริงนั้นเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับอัลเลาะฮฺ
71. และพวกเขานมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ แก่สิ่งที่พระองค์ไม่เคยลงหลักฐานใด ๆ ที่จะรับรองมันเลย และพวกเขาเองก็ไม่มีความรู้(เกี่ยวกับเรื่องนั้น) และย่อมไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น สำหรับทุจริตชนทั้งปวง
72. และเมื่อบรรดาโองการอันชัดแจ้งของเราถูกอ่านแก่พวกเขา เจ้าก็จะรู้ได้ในใบหน้าของบรรดาจำพวกไร้ศรัทธา(ว่ามีปรากฏ)การคัดค้าน(อย่างเห็นได้ชัด) พวกเขาเกือบจะวิ่งเข้าไปทำร้ายบรรดาพวกที่อ่านโองการของเราให้พวกเขาฟัง จงประกาศเถิด ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้ารู้ถึงสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นเสียอีก จะเอาไหม ? นั่นคือนรกซึ่งอัลเลาะฮฺได้สัญญามันไว้แก่บรรดาจำพวกไร้ศรัทธาทั้งมวล และมันเป็นที่กลับคืนอันชั่วช้าที่สุด


คำแปล R3.
70.   สูเจ้าไม่รู้ดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่งทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ? ทุกสิ่งได้อยู่ในบันทึกหมดแล้ว นี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับอัลลอฮฺ
71.   พวกเขาเคารพสักการะสิ่งอื่นแทนอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ไม่ได้ทรงประทานหลักฐานอันใดลงมา และพวกเขาก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น แน่นอนผู้ทำความผิดนั้นจะไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ
72.   และเมื่ออายะฮฺทั้งหลายของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขา เจ้าจะได้เห็นอาการบอกปัดบนใบหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธ เหมือนกับพวกเขาจะโจมตีบรรดาผู้อ่านอายะฮฺทั้งหลายของเราให้พวกเขา จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จะให้บอกพวกท่านถึงสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้ไหม ? ไฟน่ะสิ ที่อัลลอฮิได้ทรงสัญญาไว้กับบรรดาผู้ปฏิเสธและเป็นที่พำนักอันชั่วช้า”


คำแปล R4.
70. เจ้ามิรู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงสิ่งนั้นอยู่ในบันทึกแล้ว แท้จริงในการนั้นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ
71. และพวกเขาสักการะบูชาสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์มิได้ประทานลงมาให้เป็นหลักฐาน และสำหรับพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และสำหรับพวกอธรรมนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ
72. และเมื่อโองการทั้งหลายอันชัดแจ้งของเราได้ถูกนำมาอ่านแก่พวกเขา เจ้าจะสังเกตเห็นอาการบอกปัดไม่ยอมรับบนใบหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาเกือบจะเข้าไปทำร้ายบรรดาผู้อ่านโองการทั้งหลายของเราให้พวกเขาฟัง จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ฉันจะแจ้งให้พวกท่านทราบถึงสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ไหม มันคือไฟนรกไงเล่า อัลลอฮฺทรงสัญญามันไว้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และมันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง


คำแปล R5.
๗๐. โอ้มุฮำมัด เจ้าไม่รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้อย่างกว้างขวาง และครอบคลุมหมดทั้งสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงความรอบรู้ของพระองค์นั้น มีปรากฏอยู่ในบันทึกของ “เลาหุลมาฮ์ฟูซ” (แผ่นศิลา) ซึ่งถูกแขวนไว้ในอากาศเหนือฟ้าชั้นเจ็ด แท้จริงความรอบรู้ของพระองค์เกี่ยวกับชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นเป็นความง่ายดายสำหรับอัลเลาะห์ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพระองค์เลย
๗๑. และบรรดาผู้เนรคุณพวกเขานมัสการต่อสิ่งสมมติต่าง ๆ อันนอกไปจากอัลเลาะห์ ที่เขานมัสการนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีหลักฐานลงมายืนยันเลยว่าบังควรต่อการนมัสการ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทางโองการจากพระผู้เป็นเจ้าหรือหลักฐานทางเหตุผลของสติปัญญาก็ตาม และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีความรู้กับมันเลยว่าจะเป็นพระเจ้าขึ้นมาได้ ยิ่งใช้วิจารณญาณให้ลึกซึ้งก็ยิ่งประจักษ์ถึงความไม่บังควรต่อการนมัสการ และยิ่งแสดงว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้าอย่างแน่นอน และไม่มีผู้ช่วยเหลือคนใดที่จะทำการช่วยเหลือแก่บรรดาทุจริตชนทั้งหลายที่ประกอบการเนรคุณและการชั่วอื่น ๆ ให้รอดพ้นไปจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้
๗๒. และโอ้มุฮำมัดเมื่อบรรดาโองการอันเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ อันชัดแจ้งของเราได้รับการอ่านเหนือพวกเขา ผู้เนรคุณเหล่านั้น เจ้าก็จะรู้ซึ้งถึงการคัดค้านที่แสดงออกในสีหน้าของพวกเนรคุณทั้งหลาย เพราะความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อกุรอาน พวกเขาจะมีใบหน้าอันบึ้งตึง แสดงถึงความโกรธแค้นและความเกลียดชังดังกล่าวซึ่งพวกเขาเกือบจะทำร้ายฝ่ายศรัทธาชนที่อ่านโองการต่าง ๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของเราแก่พวกเขา มุฮำมัดเอ๋ย เจ้าจงกล่าวแก่พวกนั้นเถิด ข้าจะแจ้งข่าวให้ทราบถึงความเลวร้ายอันยิ่งไปกว่านั้น พวกท่านจะรับฟังไหม? ที่พวกท่านเกลียดชังอัลกุรอานนั้น ยังมีสิ่งที่พวกท่านจะเกลียดมันยิ่งไปกว่าเสียอีกมากมายนัก สิ่งนั้นคือ นรกซึ่งอัลเลาะห์ได้สัญญาไว้แก่บรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย และ นรกเป็นที่กลับอันเลวร้ายที่สุดสำหรับพวกเขา ซึ่งพวกเขาจะต้องกลับเข้าไปอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 73 - 76


คำแปล R1.
73. O mankind! A similitude has been coined, so listen to it (carefully): Verily! Those on whom you call besides Allah, cannot create (even) a fly, even though they combine together for the purpose. And if the fly snatched away a thing from them, they would have no power to release it from the fly. So weak are (both) the seeker and the sought.
74. They have not estimated Allah his rightful Estimate; Verily, Allah is All-Strong, All-Mighty.
75. Allah chooses messengers from angels and from men. Verily, Allah is All-Hearer, All-Seer.
76. He knows what is before them, and what is behind them. And to Allah return all matters (for decision).


คำแปล R2.
73.โอ้มวลมนุษย์ทั้งหลายมีอุทาหรณ์หนึ่งได้ถูกยก(มาให้พวกเจ้าพิจารณา) ดังนั้นพวกเจ้าจงตั้งใจฟังมันให้ดี นั่นคือแท้จริงบรรดาจำพวกที่พวกเจ้าวอนนมัสการนอกเหนือไปจากอัลเลาะห์นั้นจะไม่สามารถสร้างแมลงวันสักตัวเดียว และมาดแม้นพวกนั้นทั้งหมดจะรวมกันเพื่อ(สร้าง)มันก็ตาม แต่ถ้าแมลงวันเฉี่ยวโฉบสิ่งหนึ่งจากพวกนั้น พวกนั้นก็ยังไม่สามารถจะช่วงชิงสิ่งนั้นคืนมาจากแมลงวันได้ ทั้งผู้แสวงหาและผู้ถูกแสวงหาต่างก็อ่อนแอ(ด้วยกันทั้งคู่
74. พวกเขาไม่อาจรู้จักอัลเลาะฮฺอย่างถูกต้องแน่แท้ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงพลานุภาพยิ่ง ทรงอำนาจยิ่ง
75. อัลเลาะฮฺทรงเลือกเฟ้นบรรดาทูตมาจากกลุ่มมลาอิกะฮฺและจากกลุ่มมนุษย์ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยิน ทรงมองเห็
76. พระองค์ทรงรอบรู้เหตุการณ์ที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขา และเหตุการณ์หลังจากพวกเขา และยังอัลเลาะฮฺเท่านั้น บรรดาการงานถูกส่งคืนกลับ


คำแปล R3.
73. มนุษย์เอ๋ย มีอุปมาที่จะบอกแก่สูเจ้า จงฟังให้ดี สิ่งที่สูเจ้าวิงวอนแทนอัลลอฮฺนั้น ไม่สามารถที่จะสร้างแมลงวันได้สักตัว แม้พวกมันทั้งหมดจะรวมกันเพื่อการนี้ก็ตาม ถ้าแมลงวันนำสิ่งใดไปจากพวกมัน พวกมันก็ไม่สามารถเอามันกลับมาจากมันได้ ช่างอ่อนแอเสียนี่กระไร ทั้งผู้ขอและผู้ถูกขอ
74. ความจริงพวกเขาไม่ได้ให้ความเคารพต่ออัลลอฮฺตามสมควรที่พวกเขาจะทำ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ
75. อัลลอฮฺทรงเลือกรอซูลของพระองค์จากหมู่มลาอิกะฮฺและจากหมู่มนุษย์ (เพื่อนำคำบัญชาของพระองค์) พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรู้ทุกสิ่ง
76. พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา และที่ถูกปิดบังจากพวกเขาและเรื่องทั้งหมดจะถูกนำกลับไปเสนอต่อหน้าพระองค์


คำแปล R4.
73. โอ้มนุษย์เอ๋ย  อุทาหรณ์หนึ่งถูกยกมากล่าวไว้แล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงฟังมันให้ดี แท้จริงบรรดาที่พวกเจ้าวิงวอนขอความช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮฺนั้น พวกมันไม่สามารถจะให้บังเกิดแม้แต่แมลงวันสักตัวหนึ่ง หากว่าพวกมันจะรวมหัวกันเพื่อการนั้นก็ตาม และถ้าแมลงวันพาสิ่งใดหนีไปจากพวกมัน พวกมันก็ไม่สามารถจะเอามันกลับคืนมาได้จากแมลงวันทั้งผู้ขอและผู้ถูกขออ่อนแอแท้ ๆ
74. พวกเขามิได้ให้เกียรติอัลลอฮฺ ตามที่ควรจะให้เกียรติต่อพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงเดชานุภาพโดยแท้จริง
75. อัลลอฮฺทรงคัดเลือกบรรดาทูตจากหมู่มะลาอิกะฮฺและจากหมู่มนุษย์ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น
76. พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และกิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไปยังอัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๗๓. โอ้มนุษย์ทั้งหลายได้มีการยกอุทาหรณ์ดังจะกล่าวต่อไปข้างหน้า ดังนั้นพวกเจ้าพึงสดับเถิด และพึงพินิจพิเคราะห์ให้รู้แจ้งและเข้าใจโดยถ่องแท้ อุทาหรณ์นั้นคือ แท้จริงบรรดาสิ่งสมมติต่าง ๆ ที่พวกเจ้าทั้งหลายวงวอนขอและกราบไหว้บูชานอกจากอัลเลาะห์นั้นจะไม่สามารถบันดาลสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น แม้จะเป็นแมลงวัน ตัวเล็ก ๆ สักตัวหนึ่งก็ตาม และถึงแม้พวกเขาบรรดาสิ่งสมมติที่ถูกกราบไหว้เหล่านั้นจะรวมกันเพื่อบันดาลสิ่งนั้นก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถจะบันดาลได้ แม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงแมลงวันก็ตาม แต่ถ้าแมลงวันจะโฉบเฉี่ยวพวกนั้นสักเพียงเล็กน้อย เช่น โฉบเอาเครื่องหอมที่ถูกนำมาบูชา หรือนำมาชโลมทาเนื้อตัวของสิ่งเหล่านั้น พวกนั้นก็จะไม่สามารถปัดป้องแมลงวันนั้นได้เลย ทั้งผู้แสวงหาอันได้แก่ผู้กราบไหว้บูชาสิ่งสมมติดังกล่าวและผู้ถูกแสวงหาอันได้แก่สิ่งสมมติเป็นพระเจ้าเหล่านั้นล้วนอ่อนแอทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้กราบไหว้และสิ่งที่ถูกกราบไหว้ล้วนเป็นผู้อ่อนแอ ไม่มีความสามารถแม้จะปัดป้องแมลงวันตัวเล็ก ๆ นับเป็นความแปลกประหลาดผิดธรรมดาซึ่งผู้มีปัญญาทั้งหลายย่อมได้สติเมื่อคิดถึงความจริงข้อนี้และเขาจะเลิกการบูชาสิ่งเหล่านั้นได้โดยง่ายดาย
๗๔. พวกเขาผู้เนรคุณทั้งหลายไม่ยกย่องอัลเลาะห์อย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขาได้ยกย่องบูชาสิ่งสมมติต่าง ๆ แทน ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นอ่อนแอที่สุด จนแม้แต่จะปัดป้องแมลงวันที่ไต่ตอมตัวเองก็ยังไม่สามารถ แท้จริงอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงพลานุภาพ ทรงอำนาจเด็ดขาดเหนือทุกสิ่ง
สาเหตุแห่งการประทานโองการต่อไปนี้ สืบเนื่องมาจากที่พวกมุชริกอาหรับชาวมักกะห์ได้กล่าวแสดงความขัดแย้งต่อท่านนบีมุฮำมัดในฐานะและตำแหน่งของ “ศาสนทูต” โดยพวกเขากล่าวว่า เหตุใดอัลกุรอานจึงประทานแก่นบีมุฮำมัด ทั้ง ๆ ที่ท่านนบีก็เป็นเพียงผูเยาว์คนหนึ่งและมิได้มีศักดิ์ศรีบารมีมากมายเกินไปกว่าพวกเขาเลย อัลเลาะห์จึงประทานโองการต่อไปนี้เพื่อชี้แจงและตอบพวกนั้นคือ
๗๕. อัลเลาะห์ทรงเอกสิทธิ์ที่พระองค์จะทรงเลือกเฟ้นศาสนทูตมาจากมลาอิกะฮ์และจากมวลมนุษย์ซึ่งไม่มีใครสามารถจะขัดขวางหรือคัดค้านได้ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงได้ยินคำพูดต่าง ๆ ของข้าทาสของพระองค์ ทรงเห็นพวกเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง พระองค์จึงทราบได้ดีว่า พระองค์จะทรงเลือกเฟ้นผู้ใดขึ้นมารับโองการของพระองค์ และผู้ที่ได้รับตำแหน่งทูตของพระองค์นั้น มีทั้งที่เป็นมลาอิกะฮ์ เช่น ยิบรออีล และมีกาอีล และที่เป็นมนุษย์ เช่น อิบรอฮีม และมุฮำมัด เป็นต้น
๗๖. พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งอันอยู่ต่อหน้าของพวกเขาอันได้แก่กิจการต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ก่อนมรณภาพ และสิ่งอันอยู่เบื้องหลังของพวกเขา อันได้แก่เหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้นภายหลังจากที่พวกนั้นได้จากโลกนี้ไปแล้ว และกิจการทั้งมวลย่อมกลับไปสู่อัลเลาะห์ และพระองค์ก็จะทรงตอบแทนผู้ประกอบกิจการทั้งหลายอย่างเที่ยงธรรมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนบุญหรือคนบาปก็ตาม


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัจญ์ อายะฮฺที่ 77 - 78


คำแปล R1.
77. O you who believe! Bow down, and prostrate yourselves and worship your Lord and do good that you may be successful.
78. And strive hard in Allah's cause as you ought to strive (with sincerity and with all your efforts that his name should be superior). He has chosen you (to convey his message of Islamic Monotheism to mankind by inviting them to his religion, Islam), and has not laid upon you in Religion any hardship, it is the Religion of your father Ibrahim (Abraham) (Islamic Monotheism). It is He (Allah) who has named you Muslims both before and in this (the Qur'an), that the Messenger (Muhammad) may be a witness over you and you be witnesses over mankind! So perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), give Zakat and hold fast to Allah [i.e. have confidence in Allah, and depend upon Him in all your affairs] He is your Maula (Patron, Lord, etc.), what an excellent Maula (Patron, Lord, etc.) and what an excellent Helper!


คำแปล R2.
77. โอ้มวลผู้มีศรัทธาทั้งหลายพวกเจ้าจงก้มและกราบและนมัสการต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าและพวกเจ้าจงกระทำความดีเถิด เพื่อพวกเจ้าจะได้สมหวัง
78. และพวกเจ้าจงต่อสู้ใน(ทางของ)อัลเลาะฮฺอย่างจริงจังเถิด พระองค์ได้ทรงคัดเลือกพวกเจ้า (เพื่อรับหลักศาสนาของพระองค์มาประพฤติ) และพระองค์มิได้บันดาลความคับแค้นใด ๆ แก่พวกเจ้า (ต้องรับผิดชอบเลย) เป็นศาสนาของบิดาของพวกเจ้าคืออิบรอฮีม เขาได้เรียกพวกเจ้าว่า “มุสลิมีน” มาก่อนนั้น และใน (อัลกุรอาน)นี้ เพื่อศาสนทูตจะได้เป็นสักขีพยานแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าเป็นสักขีพยานแก่มนุษย์ ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงการละหมาด พวกเจ้าจงบริจาคทานซะกาต และพวกเจ้าจงยึดอัลเลาะฮฺไว้ให้มั่นเถิด พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ปกครองแท้จริงของพวกเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองที่เลิศที่สุด และเป็นผู้ช่วยเหลือที่เลิศที่สุด


คำแปล R3.
77.   โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงโค้งและจงก้มลงกราบและจงเคารพภักดีพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและจงทำความดีเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความสำเร็จที่แท้จริง
78.   จงต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังของสูเจ้า พระองค์ได้ทรงเลือกสูเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ และพระองค์มิได้ทรงวางภาระหนักอันใดแก่สูเจ้าในศาสนาของสูเจ้า ดังนั้นจงมั่นคงในศาสนาของบรรพบุรุษของสูเจ้าคืออิบรอฮีม อัลลอฮฺทรงเรียกสูเจ้าว่ามุสลิมและได้เรียกสูเจ้า(โดยชื่อเดียวกัน) ในนี้(กุรอาน) ด้วย เพื่อที่รอซูลจะได้เป็นพยานสูเจ้า และสูเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษยชาติ ดังนั้นจงดำรงนมาซและจ่ายซะกาตและยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครองสูเจ้า ผู้ทรงคุ้มครองที่ดีเลิศที่สุด และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีที่สุด


คำแปล R4.
77. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าจงรูกั๊วะ จงสุญูด  และจงเคารพภักดีต่อพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด และจงประกอบความดี  หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ
78. และจงต่อสู้เพื่ออัลลอฮฺ ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงคัดเลือกพวกเจ้า และพระองค์มิได้ทรงทำให้เป็นการลำบากแก่พวกเจ้าในเรื่องของศาสนา ศาสนา (ที่ไม่ลำบาก) คือศาสนาของอิบรอฮีม บรรพบุรุษของพวกเจ้า พระองค์ทรงเรียกชื่อพวกเจ้าว่ามุสลิมีน ในคัมภีร์ก่อน ๆ และในอัลกุรอานเพื่อร่อซูลจะได้เป็นพยานต่อพวกเจ้า และพวกเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษย์ทั่วไป ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาต และจงยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ พระองค์เป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้า เพราะพระองค์คือผู้คุ้มครองที่ดีเลิศ และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม


คำแปล R5.
๗๗. โอ้ชนผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงทำละหมาดต่ออัลเลาะห์เถิด โดยก้มและจงกราบต่อพระองค์ และพวกเจ้าจงนมัสการต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าด้วยจิตใจยึดมั่นในพระองค์เพียงองค์เดียวและพวกเจ้าจงกระทำความดี เช่น มีความสมานฉันทน์ในระหว่างเครือญาติและมิตรสหาย มีมารยาทและจริยธรรมอันดีงาม เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะในโลกหน้าด้วยการเข้าไปเสพสุขในสวรรค์
๗๘. และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลเลาะห์โดยจริงจัง อย่าได้ย่อท้อและอ่อนแอเพื่อดำรงศาสนาของอัลเลาะห์ไว้ให้มั่นคงตลอดไป พระองค์ได้เลือกเฟ้นพวกเจ้าทั้งหลายให้เป็นกลุ่มชนแรกที่นำศาสนาของพระองค์สู่ชาวโลกทั้งมวล และพระองค์มิทรงบันดาลความคับแค้นใด ๆ เหนือพวกเจ้าในศาสนา โดยกำหนดหลักปฏิบัติต่าง ๆ ของศาสนาให้ง่ายและสะดวกต่อการปฏิบัติและยังมีการผ่อนผันในบางวาระอีกด้วย เช่น เมื่อเดินทาง ผ่อนผันให้ตัดทอนละหมาดได้ เมื่อไม่มีอาหารธรรมดา อนุญาตให้บริโภคสัตว์ตายเองได้ และในยามเจ็บป่วยก็ให้ละการถือศีลอดได้ เป็นต้น ศาสนาของพวกเจ้าทั้งหลายก็คือศาสนาของบิดาของพวกเจ้าอันเป็นต้นตระกูลของพวกเจ้า อิบรอฮีม พระองค์ทรงประทานนามแก่พวกเจ้าทั้งหลายว่า “มุสลิมีน” มาแต่ก่อนแล้วในคัมภีร์ต่าง ๆ เมื่ออดีตและในคัมภีร์อัล-กุรอานนี้เพื่อศาสนทูต คือท่านนบีมุฮัมมัดจักเป็นสักขีพยานแก่พวกเจ้าทั้งหลายในวันปรภพว่าเขาได้ประกาศเผยแพร่ศาสนาไปสู่พวกเจ้าทั้งมวลแล้ว และเพื่อพวกเจ้าจักเป็นสักขีพยานแก่มวลมนุษย์ทั้งหลายว่าบรรดาศาสนทูตของแต่ละประชาชาติได้นำศาสนามาเผยแพร่แก่พวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงการละหมาดและพวกเจ้าจงบริจาคซะกาตอันเป็นทานบังคับจากทรัพย์สินที่ครบพิกัดตามกำหนดทางศาสนบัญญัติ และพวกเจ้าจงยึดมั่นในอัลเลาะห์ เพราะพระองค์คือผู้ปกครองของพวกเจ้า และเป็นผู้ทรงช่วยเหลือพวกเจ้า แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุด และเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด 


----------------------------------------------------------

 

ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 22 อัลหัจญ์
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

 

GoogleTagged