เนื่องจากได้ดูคลิปดังกล่าวนี้แล้ว ก็อดใจไม่ได้เลยที่เห็นถึงความสมามัคคีต่อการช่วยเหลือดังกล่าว นี้คือความสามัคคีต่อการช่วยเหลือรอดพ้นจากศัตรูของสัตว์เชียวน่ะ แลละมนุษย์ล่ะ เป็นอย่างไงกันบ้างแล้ว อันซึ่งดูแรกๆแล้วเหมือนจะเศร้า ที่โดนสิงโตขย้ำ และแถมยังโดนจระเข้อีก เสมือนคำสอนในภาษาไทยที่ว่า หนีเสือปะจระเข้ อนึ่ง ผมได้ดูแล้ว ผมก็นึกถึงบทความเนื้อหาจากหนังสือเล่มหนึ่งที่อาจจะสอดคล้องกับคลิปดังกล่าว กล่าวคือ เป็นความรู้สึกฉันท์พี่น้อง ที่ต้องการสร้างพลังของญะมาอะฮ์ในสภาวะแวดล้อมของสังคมบ้านเมืองให้รับรู้และเข้าใจ ถึงจุดประสงค์และเป้าหมายที่แท้จริง โดยเขียนไว้ว่า
"ในทำนองเดียวกัน เราใคร่ที่จะให้ประชาชนของเราประจักษ์ว่า เรารักพวกเขามากกว่าตัวเราเองเสียอีก ถ้าหากว่าเราจำเป็นต้องการเสียสละและทุ่มเทคุณค่าต่างๆ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง การมีคุณธรรมสูงส่ง ศาสนาและความหวังของพวกเขา ถ้าหากว่าเราครอบครองทรัพย์สินที่จำเป็น เมื่อนั้นเราก็ยินดีที่จะถูกเสนอให้เป็นสิ่งสังเวยสำหรับความยิ่งใหญ่ของพวกเขา สิ่งที่ชักจูงให้เรารับสภาพดังกล่าว เพื่อเห็นแก่พวกเขา มีเพียวสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ความรู้สึกฉันท์พี่น้องที่จับติดอยู่ในจิตใจของเรา ที่เป็นนายเหนืออารมณ์ของเรา ที่ไม่ยอมให้เราหลับนอน และที่ทำให้เราต้องหลั่งน้ำตา มันเป็นเรื่องยาก แท้จริงมันเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจว่า ประชาชนของเราปัจจุบันอยู่กันอย่างยากลำบากได้อย่างไร และแล้วยังเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมให้ตัวเราเองต้องอยู่ใต้ความถ่อมตน หรือยอมรับบทบาทที่ยอมจำนน หรือปล่อยตัวเราเองให้จมอยู่กับความหมดหวัง นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อเราปฏิบัติงานในวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อมนุษยชาติ เรากระทำหนักกว่าที่เราทำเพื่อตัวเอง เราเป็นอยู่เพื่อพวกท่านมิใช่เพื่อผู้ใดทั้งสิ้นผู้เป็นที่รัก เราจะไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อท่านเลย แม้จะเป็นเพียงวันเดียวก็ตาม"...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม
(อ้างอิงจาก : อิมามหะสัน อัล-บันนา ; แปลโดย มุหัมมัด ศิรอญุดดีน นวนมี. 2547. ระหว่างเมื่อวานกับวันนี้ : การดะอฺวะฮฺของเรา. พิมพ์ครั้งที่ 2. สงขลา : ชานเมืองการพิมพ์. หน้า 57 - 58.)