6. การงานนั้นดูที่ช่วงท้ายของมัน
ท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์ได้รายงานจากซะฮ์ล บิน ซะอ์ด จากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า “แท้จริงแล้วการงานนั้นดูที่ช่วงท้ายของมัน” และดังกล่าวนี้ก็หมายความว่า แท้จริงแล้วคนที่การศรัทธาและการฏออะฮ์ถูกบันทึกให้กับเขาในบั้นปลายของชีวิตนั้น บางครั้งเขาอาจปฏิเสธและฝ่าฝืนในบางช่วง หลังจากนั้นอัลเลาะฮ์ทรงเตาฟีกเขาไปสู่การศรัทธาและการฏออะฮ์ในช่วงเวลาหนึ่งก่อนถึงวาระสุดท้าย แล้วเขาก็ตายบนสิ่งดังกล่าวนั้น ดังนั้นเขาก็จะได้เข้าสวรรค์ และผู้ที่ถูกบันทึกการปฏิเสธและความชั่วร้ายในบั้นปลายชีวิต บางทีเขาอาจจะศรัทธาและฏออะฮ์ช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นอัลเลาะฮ์ได้ละทิ้งเขา –ด้วยการแสวงหา การปฏิบัติและความต้องการของบ่าวเอง – และเขาได้ประกอบการงานของชาวนรก และเขาได้ตายบนสิ่งดังกล่าว ดังนั้นเขาก็จะเข้านรก
ดังนั้นบ่าวจะต้องไม่หลงไปกับสภาพของมนุษย์ที่มองเห็นภายนอก เพราะการพิจารณานั้นดูที่บั้นปลาย และเขาจะต้องไม่สิ้นหวังจากสภาพที่มองเห็นภายนอก เพราะการพิจารณานั้นดูที่บั้นปลาย เราขอต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาให้มั่นคงอยู่บนสัจธรรม ความดีงาม และบั้นปลายที่ดีงาม
7. ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ขอดุอาอย่างมากว่า “โอ้ผู้ทรงพลิกผันบรรดาหัวใจ โปรดทรงให้หัวใจของฉันมั่นคงอยู่บนศาสนาของท่าน”
8. ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ ได้กล่าวว่า “แท้จริงแล้วบั้นปลายที่เลวร้าย –ขอความคุ้มครองต่ออัลเลาะฮ์ให้พ้นจากสิ่งดังกล่าว- นั้นด้วยกับสาเหตุของความหมกมุ่นที่อยู่ภายในหัวใจของบ่าว ซึ่งคนทั่วไปไม่อาจรู้ได้ และเช่นเดียวกัน บางครั้งชายคนหนึ่งได้ประกอบการงานของชาวนรกและในหัวใจของเขามีคุณลักษณะที่ดีซ่อนอยู่โดยในบั้นปลายชีวิตของเขานั้นมันพิชิตเขาได้ ดังนั้นบั้นปลายชีวิตที่ดีงามจึงมีให้สำหรับเขา
9. หะดีษบทนี้ได้บ่งชี้ถึงช่วงตอนของการพัฒนาการของทารกในครรภ์ ขณะที่วิชาการแพทย์ในยุคใหม่พึ่งจะมีการค้นพบ และนี่ก็เป็นความมหัศจรรย์ทางวิชาการอันชัดแจ้งในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนบี
อ้างอิง: ดร. มุศตอฟา อัลบุฆอ, อัลวาฟีย์ ฟี ชัรหฺ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ (เบรุต: ดาร อิบนิกะษีร, พิมพ์ครั้งที่ 11, ค.ศ. 1999), หน้า 24-29.