ถ้าจะให้เลี่ยงกระทำในสิ่งที่ขัดแย้งกัน ไปทำในสิ่งที่ไม่ขัดแย้งกัน ถ้าถือตามนี้ นั่นก็หมายความว่า อีกหลายร้อยพันประการที่บรรดาอุละมาอ์เขาขัดแย้งกันนั้น เราก็ควรละทิ้งเสียดีกว่าใช่ไหมครับ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง สิ่งที่บรรดาอุละมาอ์เห็นพ้องกัน หรือมีมติร่วมกันนั้น มันน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เห็นต่าง หรือขัดแย้งกัน
เอาแค่ประเด็นอาบน้ำละหมาด มันก็มากพอแล้วครับ ซึ่งอุละมาอ์แต่ละท่านต่างก็ทำการวินิจฉัยตามหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยตัวบท อันเป็นกฎที่ทราบกันดีในวงวิชาการฟิกฮฺ ซึ่งต่างคนต่างก็วินิจฉัยตามหลักฐานจากอัลกุรฺอาน สุนนะฮ์ อิจมาอฺ กิยาส และอื่นๆ ด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้น ผลที่ออกมา แม้มันจะต่างกัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดพิศดารอะไร หรือมิอาจยอมรับอะไรได้เลย หากแต่เป็นสิ่งที่ดีเสียด้วยซ้ำ เพราะระดับความสามารถในการปฏิบัติบทบัญญัติของแต่ละคนไม่เท่าและไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง เพราะหากบทบัญญัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด แน่นอน สำหรับบุคคลที่มีความสามารถก็ย่อมสามารถปฏิบัติได้โดยไม่มีปัญหา แต่ในขณะเดียวกัน บางคนก็อาจจะพลาดโอกาสนั้นไป เพราะหากปฏิบัติตามนั้น อาจจะสร้างความลำบาก หรือเดือดร้อนแก่เขาได้
ดังนั้น ความหลากหลายของผลแห่งการวินิจฉัยนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นประการหนึ่งของบทบัญญัติ หรือกฎหมายอิสลาม ที่ผู้คนทุกระดับ ทุกสภาพกาณ์ ทุกยุคทุกสมัย สามารถเข้าถึงและปฏิบัติตามได้อย่างไม่สร้างความเดือดร้อนให้
เมื่อมองในอีกมุมหนึ่งว่า หากอัลลอฮฺทรงต้องการให้หลักปฏิบัติในเรื่องต่างๆ ของอิสลามเป็นไปในลักษณะหนึ่งเดียวเท่านั้น แน่นอน พระองค์ต้องทรงทำให้พระบัญญัติทั้งปวงของพระองค์ในอัลกุรอาน และสุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลฯ มีความชัดเจนและไม่สามารถตีความเป็นอื่นได้โดยทั้งหมด แต่การณ์แท้ย่อมมิปรากฏเช่นนั้นเลย
อยากรู้ก็ศึกษาให้ลึกเถอะครับ หรือหากไม่มีเวลา ก็หัดฟังหลายๆ ความคิดเห็นของอุละมาอ์ และบุคคลต่างทัศนะ มันไม่ใช่เรื่องคดขาอบาดตายหรอกครับ หากคิดว่า ศึกษาไป มีแต่เรื่องขัดแย้ง ปวดหัว ท่านก็เลือกสักหนึ่งมัฑฮับ หรือหนึ่งผู้รู้ที่ท่านเชื่อถือ เพื่อเป็นแนวในการเข้าใจ และปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮฺ และสุนนะฮ์ของท่าน โดยที่ท่านจะต้องไม่ไปโจมตีทัศนะอื่นที่เห็นต่าง แค่นี้ ท่านก็ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขแล้วละครับ - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม