ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 80 สูเราะฮฺ อะบะสะ)  (อ่าน 4347 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 salam

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อะบะสะ(บึ้งตึง)R4.
เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 42 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของสูเราะฮฺ อะบะสะ
สูเราะฮฺ อะบะสะ เป็นสูเราะฮฺมักกียะฮฺ โดยกล่าวถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหลักอะกีดะฮฺและเรื่องของสาสน์ และยังได้กล่าวถึงหลักฐานต่าง ๆ แห่งเดชานุภาพ ความเป็นเอกภาพในการสร้างมนุษย์ พืชพันธุ์ต่าง ๆ และอาหาร ในสูเราะฮฺนี้ยังได้กล่าวถึงวันกิยามะฮฺ และความน่ากลัวและความยากลำบากของวันนั้น
สูเราะฮฺได้เริ่มกล่าวถึงเรื่องอขงชายตาบอด(อับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมมิ มักตูม) ซึ่งได้มาหาท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขอร้องท่านให้สอนเขาจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงแจ้งแก่ท่าน ขณะนั้นท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กำลังยุ่งอยู่กับผู้นำชาวกุเรชคณะหนึ่งโดยเรียกร้องเขาไปสู่อิสลาม ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่สบอารมณ์ จึงมีใบหน้าบูดบึ้งและผินหลังให้เขา อัลกุรอานจึงประทานมาตำหนิว่า “เขา(มุฮัมมัด)ทำหน้าบึ้งและผินหน้าไปทางอื่น เพราะชายตาบอดมาหาเขา และอะไรเล่าที่จะทำให้เจ้ารู้ หวังว่าเขาจะมาเพื่อซักฟอกจิตใจก็ได้ หรือเพื่อรับคำตักเตือน เพื่อที่คำตักเตือนนั้นจะเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนผู้ที่พอเพียงแล้ว เจ้ากลับต้อนรับขับสู้”
แล้วซูเราะฮฺได้กล่าวถึงความดื้อรั้นของมนุษย์และการปฏิเสธศรัทธาของเขาอย่างน่าเกลียดต่อพระเจ้าของเขา ทั้ง ๆที่ความโปรดปรานอย่างมากมายของอัลลอฮฺได้มีต่อเขา “มนุษย์นั้นถูกสังหารเสียก็ดี เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร จากสิ่งใดเล่าพระองค์ทรงบังเกิดเขามา จากเชื้ออสุจิหยดหนึ่ง พระองค์ทรงบังเกิดเขา แล้วก็กำหนดสภาวะแก่เขา แล้วพระองค์ก็แผ้วทางให้สะดวกแก่เขา”
ต่อมาสูเราะฮฺได้กล่าวถึงหลักฐานต่าง ๆ แห่งเดชานุภาพในจักรวาลนี้ โดยที่อัลลอฮฺทรงอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ซึ่งแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตบนหน้าแผ่นดินนี้ “มนุษย์จงพิจารณาดูอาหารของเขาซิ เราได้หลั่งน้ำฝนลงอย่างไร แล้วเราได้แยกผืนแผ่นดินออกไป และเราได้ให้เมล็ดพืชงอกเงยขึ้นจากในแผ่นดิน และองุ่น และพืชผัก และมะกอก และอินทผลัม”
ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการชี้แจงถึงความน่าหวาดกลัวของวันกิยามะฮฺ มนุษย์ได้หนีจากคนที่เขารักเพราะความกลัวและความตื่นตระหนก และได้ชี้แจงถึงสภาพของบรรดามุอ์มินและสภาพของพวกปฏิเสธศรัทธาในวันที่ยากลำบากวันนั้น “ครั้นเมื่อเสียงกัมปนาทมาถึงวันที่ผู้คนจะหนีจากพี่น้องของเขา และจากแม่ของเขา และพ่อของเขา และจากภริยาของเขาและลูก ๆ ของเขา สำหรับแต่ละคนในหมู่พวกเขาในวันนั้นมีภาระพอตัวแก่เขาอยู่แล้ว หลายใบหน้าในวันนั้นแจ่มใส หัวเราะดีใจร่าเริง และหลายใบหน้าในวันนั้นมีฝุ่นจับ ความหม่นหมองจะปกคลุมบนใบหน้านั้น ชนเหล่านั้นคือพวกปฏิเสธศรัทธาพวกประพฤติชั่ว”

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



อินชาอัลลอฮฺ ต่อไปจะเริ่มนำเสนอคำแปลตั้งแต่อายะฮฺที่ 1 เป็นต้นไป

วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อะบะสะ อายะฮฺที่ 1 -10

     
คำอ่าน
1.   อะบะสะวะตะวัลลา
2.   อัน..ญา...อะฮุลอะอฺมา
3.   วะมายุดรีกะ ละอัลละฮู ยัซซักกา
4.   เอายัซซักกะรุ ฟะตัน..ฟะอะฮุซซิกรอ
5.   อัม..มานะนิสตัฆนา
6.   ฟะอัน..ตะละฮู ตะศ็อดดา
7.   วะมาอะลัยกะ อัลลายัซซักกา
8.   วะอัม..มามัน..ญา...อะกะยัสอา
9.   วะฮุวะยัฆชา
10.   ฟะอัน..ตะอันฮุ ตะละฮฺฮา


คำแปล R1.
1. (The Prophet) frowned and turned away,
2. Because there came to him the blind man (i.e. 'Abdullah bin Umm-Maktum, who came to the Prophet   while he was preaching to one or some of the Quraish chiefs).
3. But what could tell you that per chance he might become pure (from sins)?
4. Or that he might receive admonition, and that the admonition might profit him?
5. As for him who thinks himself self-sufficient,
6. To him you attend;
7. What does it matter to you if he will not become pure (from disbelief, you are only a Messenger; your duty is to convey the message of Allah).
8. But as to him who came to you running.
9. And is afraid (of Allah and his punishment),
10. Of him you are neglectful and divert your attention to another,


คำแปล R2.
1.   เขา(นบีมุฮำมัด)มีสีหน้าบึ้งตึงและผินหลังให้
2.   เมื่อชายตาบอด(ชื่ออับดุลเลาะฮฺอิบนิอุมมิมักตูม)ได้เข้ามาหาเขา
3.   และอะไรที่จะทำให้เจ้ารู้ บางทีเขาอาจปลดเปลื้องมลทินของตัวเองได้
4.   หรือเขาอาจสำนึกได้ แล้วคำเตือน(ของเจ้า)ก็อาจอำนวยประโยชน์แก่เขา
5.   ส่วนผู้ที่มีความรู้สึกเพียงพอแล้ว(ไม่ปรารถนาศรัทธาใด ๆ)
6.   เจ้ากลับให้การต้อนรับแก่เขา (อย่างดี ทอดทิ้งชายตาบอดดังกล่าว)
7.   และมิใช่ความผิดของเจ้าหรอกที่เขาไม่ปลดเปลื้องมลทินของตัวเอง
8.   และส่วนผู้ที่มาหาเจ้านั้น เขามาอย่างพากเพียร
9.   และเขามีความยำกลัว
10.   แต่เจ้าก็กลับทำหมางเมินไปจากเขา


คำแปล R3.
1. เขาทำหน้าบึ้งและเบือนหน้าของเขา
2. เพราะมีคนตาบอดมาหาเขา
3. และอะไรที่ทำให้เจ้ารู้ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนแปลง
4. หรือใส่ใจในคำตักเตือนและการตักเตือนนั้นอาจเป็นประโยชน์แก่เขา ?
5. ส่วนผู้ที่เฉยเมยนั้น
6. เจ้ากลับให้การเอาใจใส่
7. ถึงแม้เจ้าจะไม่ต้องรับผิดชอบถ้าหากเขาไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
8. ส่วนผู้ที่พากเพียรมาหาเจ้าด้วยเจตนาของเขาเอง
9. และเขามีความเกรงกลัว
10. เจ้ากลับเบือนหน้าหนี


คำแปล R4.
1. เขา (มุฮัมมัด) ทำหน้าบึ้ง และผินหน้าไปทางอื่น
2. เพราะชายตาบอดมาหาเขา
3. และอะไรเล่าที่จะให้เจ้ารู้ หวังว่าเขาจะมาเพื่อซักฟอกจิตใจก็ได้
4. หรือเพื่อรับคำตักเตือน เพื่อที่คำตักเตือนนั้นจะเป็นประโยชน์แก่เขา
5. ส่วนผู้ที่พอเพียงแล้ว
6. เจ้ากลับต้อนรับขับสู้
7. และไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า การที่เขาไม่ซักฟอก
8. และส่วนผู้ที่มาหาเจ้าด้วยความพยายาม
9. และเขามีความกลัวเกรง
10. เจ้ากลับเมินเฉย


คำแปล R5.
๑. นบีมุฮำมัดนั้น ท่านได้บึ้งตึงและหันหลังให้
๒. เมื่อชายตาบอดได้เข้ามาหาเขา ชายตาบอดผู้นั้นคืออับดุลเลาะห์ อิบนิ อุมมิ มักตูม ซึ่งเป็นมุสลิมผู้ยากไร้ โดยขณะนั้นท่านนบีมุฮำมัดกำลังต้อนรับชาวกุรอยซ์ผู้มีเกียรติอยู่ แต่อับดุลเลาะห์ไม่รู้เรื่อง จึงส่งเสียงดังขณะเข้ามาหาท่าน จึงทำให้ท่านนบีไม่พอใจ และไม่หันไปต้อนรับ
๓. และอันใดหรือที่ทำให้เจ้ารู้ บางทีเขาอาจชำระตัวจนสะอาด โดยคำสอนที่เจ้าได้ให้แก่เขา
๔. หรือเขาก็รับคำเตือนจากเจ้า แล้วคำเตือนก็ให้ประโยชน์แก่เขาอย่างอนันตประการ
๕. ส่วนผู้ที่ถือว่าตนพอเพียงแล้ว ต่อการได้รับคำสอนจากเจ้า เพราะพวกเขายังยึดมั่นอย่างงมงายในลัทธิดั้งเดิมของเขา อันได้แก่ชาวกุรอยซ์ที่นบีให้การต้อนรับ และหวังชักชวนให้พวกเขาเข้ารับนับถืออิสลาม คนพวกนี้มี อะบูยะฮั้ล อะตะบะห์ บินรอบีอะห์ อุบั้ย บินคอล์ฟ อัลวะลีดบินมูฆีเราะห์ อัลอับบาส บินอับดุลมุตตอลิบ
๖. เจ้ากลับให้การต้อนรับอย่างเอาอกเอาใจ
๗. ทั้ง ๆ ที่มิใช่หน้าที่ของเจ้าที่ต้องรับผิดชอบเลย การที่เขาไม่ชำระตัวเองให้สะอาด
๘. และส่วนผู้ที่เข้ามาหาเจ้าอย่างพากเพียร โดยต้องคลำทางมาเพราะตาบอด
๙. และเขามีความเกรงกลัวอัลเลาะห์เป็นอันดี
๑๐. เจ้ากลับหมางเมินจากเขาไม่ยอมต้อนรับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 08:59 AM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อะบะสะ อายะฮฺที่ 11-16

คำอ่าน
11.   กัลลา..อิน..นะฮา ตัซกิเราะฮฺ
12.   ฟะมัน..ชา...อะซะกะเราะฮฺ
13.   ฟีศุหุฟิม..มุกัรฺเราะมะฮฺ
14.   มัรฺฟูอะติม..มุฏ็อฮฺฮะเราะฮฺ
15.   บิอัยดีสะฟะเราะฮฺ
16.   กิรอมิม..บะเราะเราะฮฺ


คำแปล R1.
11. Nay, (Do not do like this), indeed it (these Verses of This Qur'an) are an admonition,
12. So whoever wills, let him pay attention to it.
13. (It is) in records held (greatly) in honour (Al-Lauh Al-Mahfuz).
14. Exalted (in dignity), purified,
15. In the hands of scribes (angels).
16. Honorable and obedient.


คำแปล R2.
11.   เป็นไปไม่ได้ (ที่เจ้าจะกระทำเช่นนั้น) เพราะแท้จริงบรรดาโองการอัลกุรอานนั้นเป็นข้อตักเตือน
12.   ดังนั้นผู้ใดประสงค์ เขาก็(ชอบที่จะ)ระลึกถึงมัน(ข้อตักเตือนนั้น)
13.   (โองการดังกล่าว)มีปรากฏในบรรดาต้นฉบับอันทรงเกียรติ
14.   อีกทั้งได้รับการเทิดทูน มีความสะอาดบริสุทธิ์)
15.   (โองการเหล่านั้นได้รับการพิทักษ์ไว้)ด้วยมือของบรรดาอาลักษณ์(มลาอิกะฮฺที่คัดมาจากเลาฮุลมะฮฺฟูซ)
16.   (พวกเขาเป็นมลาอิกะฮฺ)ผู้ทรงเกียรติอีกทั้งทรงคุณธรรม

คำแปล R3.
11. อย่ากระนั้นเลย นี่เป็นการตักเตือน
12. ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายอมรับ
13. มันได้มีการบันทึกไว้แล้วในแผ่นบันทึกอันมีเกียรติ
14. ที่ได้รับการยกย่องเทิดทูน และสะอาดบริสุทธิ์
15. (และที่)ยังอยู่ในมือของผู้บันทึก
16. ที่มีเกียรติและมีคุณธรรม


คำแปล R4.
11. มิใช่เช่นนั้น แท้จริงมันเป็นข้อเตือนใจ
12. ดังนั้นผู้ใดประสงค์ก็ให้รำลึกถึงข้อเตือนใจนั้น
13. ซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์อันทรงเกียรติ
14. ที่ได้รับการเทิดทูน ได้รับความบริสุทธิ์
15. ด้วยมือของมลาอิกะฮฺ
16. ผู้ทรงเกียรติ ทรงคุณธรรม


คำแปล R5.

๑๑. อย่าทำเช่นนั้น เพราะแท้จริงมัน (บทโองการเหล่านี้) เป็นคำสอนแก่มวลมนุษย์โดยทั่วไป
๑๒. ซึ่งผู้ใดปรารถนาที่จะประสบความดีงาม เขาก็ย่อมระลึกถึงคำสอนนั้น
๑๓. โองการดังกล่าวมีปรากฏในคัมภีร์ที่มีเกียรติ
๑๔. ซึ่งถูกยกย่อง อีกทั้งมีความสะอาดบริสุทธิ์ ได้แก่เลาฮุ้ลมะห์ฟูซ (แผ่นจารึก)
๑๕. บันทึกไว้ด้วยมือของมลาอิกะห์ผู้ทำหน้าที่บันทึก
๑๖. ผู้มีเกียรติ อีกทั้งมีคุณธรรม ถ่ายทอดออกจากคัมภีร์นั้นแก่ศานทูต เพื่อนำประกาศสู่มวลมนุษยชาติ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อะบะสะ อายะฮฺที่ 17 – 23

คำอ่าน
17.   กุติลัลอิน..สานุมา..อักฟะเราะฮฺ
18.   มินอัยยิชัยอินเคาะละเกาะฮฺ
19.   มิน..นุฏฟะติน เคาะละเกาะฮู ฟะก็อดดะเราะฮฺ
20.   ษุม..มัสสะบีละ ยัสสะเราะฮฺ
21.   ษุมมะอะมาตะฮู ฟะอักบะเราะฮฺ
22.   ษุม..มะอิซาชา...อะอัน..ชะเราะฮฺ
23.   กัลลาลัม..มายักฎิมา..อะมะเราะฮฺ


คำแปล R1.
17. Be cursed (the disbelieving) man! How ungrateful he is?
18. From what thing did he create him?
19. From Nutfah (male and female semen drops) He created him, and then set him in due proportion;
20. Then He makes the path easy for him;
21. Then He causes him to die, and puts him in his grave;
22. Then, when it is His will, He will resurrect him (again).
23. Nay, but (man) has not done what He commanded him
.

คำแปล R2.
17. อันมนุษย์(ที่ดื้อรั้น)ย่อมถูกสาปแช่ง (เช่น อัตบะฮฺ บิน อะบีละฮับ เป็นต้น)เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร?
18. (เขามิได้คิดหรือว่า)อัลเลาะฮฺได้บันดาลเขามาจากสิ่งใด?
19. พระองค์ได้บันดาลเขามาจากหยดอสุจิแล้วทรงกำหนด(สภาพชีวิตแก่เขา
20. หลังจากนั้นพระองค์ทรงอำนวยความสะดวกแก่เขา ซึ่งแนวทาง(ดำเนินชีวิต)
21.หลังจากนั้นพระองค์ทรงกำหนดความตายแก่เขาแล้วบันดาลให้เขา(ถูกฝัง)ลงหลุมศพ
22. หลังจากนั้นเมื่อพระองค์ประสงค์ พระองค์ทรงให้เขาฟื้นคืนชีพ
23. เป็นไปไม่ได้ (ที่พวกเขาจะคัดค้าน)เขามิได้ปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงบัญชาแก่เขา


คำแปล R3.
17. ตายเสียได้ก็ดีมนุษย์ ช่างเป็นผู้ปฏิเสธเสียนี้กระไร
18. จากอะไรเล่าที่อัลลอฮฺได้ทรงสร้างเขามา ?
19. จากเชื้ออสุจิหยดหนึ่ง อัลลอฮฺได้ทรงสร้างเขาและกำหนดชะตากรรมของเขา
20. หลังจากนั้นก็ทำให้หนทางแห่งชีวิตง่ายสำหรับเขา
21. หลังจากนั้นก็ได้ทำให้เขาตายและนำเขาไปสู่หลุมฝังศพ
22. หลังจากนั้นเมื่อพระองค์ประสงค์พระองค์ก็ทำให้เขาฟื้นคินชีพขึ้นมา
23. แต่เปล่าเลย เขาไม่ได้ทำหน้าที่ที่อัลลอฮฺได้ทรงมอบหมายให้แก่เขา


คำแปล R4.
17. มนุษย์นั้นถูกสังหารเสียก็ดี เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร
18. จากสิ่งใดเล่าพระองค์ทรงบังเกิดเขามา ?
19. จากเชื้ออสุจิหยดหนึ่งพระองค์ทรงบังเกิดเขา แล้วก็กำหนดสภาวะแก่เขา
20. แล้วพระองค์ก็ทรงแผ้วทางให้สะดวกแก่เขา
21. ต่อมาพระองค์ให้เขาตายไป แล้วให้เขาลงหลุม
22. ครั้นเมื่อพระองค์ทรงประสงค์ ก็ทรงให้เขาฟื้นคืนชีพ
23. มิใช่เช่นนั้น เขามิได้ปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้เขา


คำแปล R5.
๑๗. มนุษย์ผู้เนรคุณได้ถูกตำหนิอย่างรุนแรงยิ่ง เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร
๑๘. จากสิ่งใดเล่าที่อัลเลาะห์ได้ทรงสร้างเขามา
๑๙. พระองค์ได้สร้างเขามาจากหยดอสุจิ จากนั้นพระองค์ก็ได้กำหนดสภาพชีวิตแก่เขา
๒๐. หลังจากนั้นพระองค์ก็ให้ความสัมฤทธิ์แก่เขาซึ่งทางดำเนินชีวิตด้วยการประทานซึ่งปัจจัยแก่เขา
๒๑. หลังจากนั้นพระองค์ได้บันดาลความตายแก่เขา แล้วพระองค์ก็ทำให้เขาลงหลุมศพ ถูกฝังไว้ใต้แผ่นดิน
๒๒. หลังจากนั้นเมื่อพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็บันดาลให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกในปรภพ เพื่อรอรับการสอบสวนและตอบแทน
๒๓. เป็นความจริงอย่างยิ่ง เขามิได้ประพฤติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่เขาเลย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 30, 2010, 06:04 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อะบะสะ อายะฮฺที่ 24 – 32

คำอ่าน
24.   ฟัลยัน..ซุริลอิน..สานุอิลาเฏาะอามิฮฺ
25.   อัน..นาเสาะบับนัลมา...อะศ็อบบา
26.   ษุม..มะชะก็อกนัลอัรฺเฎาะ ชักกอ
27.   ฟะอัม..บัดนาฟีฮาหับบา
28.   วะอินะเบา..วะก็อดบา
29.   วะซัยดูเนา..วะนัคลา
30.   วะหะดาอิเกาะฆุลบา
31.   วะฟากิฮะเตา..วะอับบา
32.   มะตาอัลละกุม วะลิอันอามิกุม


คำแปล R1.
24. Then let man look at his food,
25. That we pour forth water in abundance,
26. And we split the earth in clefts,
27. And we cause therein the grain to grow,
28. And grapes and clover plants (i.e. green fodder for the cattle),
29. And olives and date-palms,
30. And gardens, dense with many trees,
31. And fruits and Abba (herbage, etc.),
32. (To be) a provision and benefit for you and your cattle.


คำแปล R2.
24. ดังนั้นมนุษย์จงพินิจยังอาหารของเขาเถิด
25. แท้จริงเราได้หลั่งน้ำอันหลากไหลลงมา(ประพรมพื้นดิน ทำให้พืชพันธุ์งอกงามและเป็นอาหารในที่สุด)
26. หลังจากนั้นเราได้แยกแผ่นดินออกเป็น(สัดส่วนเพื่อการเพาะปลูก)
27. แล้วเราก็ทำให้เมล็ดพืชได้งอกงามขึ้นในมัน
28. และ(โดยเฉพาะองุ่น)ตลอดจนผัก
29. รวมทั้งมะกอกและอินทผลัม
30. อีกทั้งบรรดาเรือกสวนอันหนาทึบ
31. และผลไม้ จนกระทั่งหญ้า
32. ทั้งนี้เพื่อเป็นปัจจัยอำนวยความสุขแก่พวกเจ้า


คำแปล R3.
24. ดังนั้น มนุษย์จงมองลงไปยังอาหารของเขาซิ
25. เราได้หลั่งน้ำลงมาอย่างมากมาย
26. หลังจากนั้นเราได้แยกแผ่นดินออกจากกัน
27. หลังจากนั้นก็ได้ทำให้พันธุ์พืชเติบโตขึ้นมาในนั้น
28. และองุ่นและพืชผัก
29. และมะกอกและอินทผลัม
30. และสวนที่เขียวชอุ่ม
31. และผลไม้ทุกชนิดและทุ่งหญ้า
32. เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพสำหรับสูเจ้าและสัตว์เลี้ยงของสูเจ้า


คำแปล R4.
24. มนุษย์จงพิจารณาดูอาหารของเขาซิ
25. เราได้หลั่งน้ำฝนลงมามากมายอย่างไร
26. แล้วเราได้แยกแผ่นดินออกไป
27. และเราได้ให้เมล็ดพืชงอกเงยขึ้นจากในแผ่นดิน
28. และองุ่นและพืชผัก
29. และมะกอกและอินทผลัม
30. และเรือกสวนที่หนาทึบ
31. และผลไม้และทุ่งหญ้า
32. ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้าและสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า


คำแปล R5.
๒๔. ดังนั้น มนุษย์จงพิจารณาไปยังอาหารของเขาเถิด ว่าเขาได้มาอย่างไร ใครเป็นผู้บันดาล
๒๕. แท้จริงเราได้หลั่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์ให้ตกลงมายังพื้นดิน แล้วให้งอกงามแลเจริญเติบโตแก่ทุก ๆ สิ่ง จะเป็นพืชหรือสัตว์ก็ตาม แล้วก็เป็นอาหารแก่เขาได้นำมารับประทานต่อไป
๒๖. หลังจากนั้นเราได้แยกแผ่นดินออกอย่างแท้จริง สำหรับที่เมล็ดพืชและพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ได้แทงรากและเจริญเติบโตพร้อมทั้งให้อาหารแก่พืชเหล่านั้นอย่างพอเพียง
๒๗. จากนั้นเราก็ให้เมล็ดพันธุ์พืชได้งอกงามขึ้นในนั้น
๒๘. และองุ่นและผักต่าง ๆ
๒๙. และมะกอกและอินทผลัม
๓๐. และบรรดาสวนอันหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ต่าง ๆ
๓๑. และบรรดาผลไม้และหญ้า
๓๒. ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์สุขแก่พวกเจ้าและแก่ปศุสัตว์ของพวกเจ้า




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อะบะสะ อายะฮฺที่ 33-37

คำอ่าน
33.   ฟะอิซาญา...อะติศศอ...คเคาะฮฺ
34.   เยามะยะฟิรฺรุลมัรฺอุมินอะคีฮฺ
35.   วะอุม..มิฮี วะอะบีฮฺ
36.   วะศอหิบะติฮี วะบะนีฮฺ
37.   ลิกุลลิมริอิม..มินฮุม เยามะอิซิน..ชะอฺนุย..ยุฆนีฮฺ


คำแปล R1.
33. Then, when there comes As-Sakhkhah (the Day of Resurrection's second blowing of Trumpet),
34. That Day shall a man flee from his brother,
35. And from his mother and his father,
36. And from his wife and his children.
37. Everyman, that day, will have enough to make him careless of others.


คำแปล R2.
33. ครั้นต่อมาก็มีเสียงกัมปนาทอุบัติขึ้น
34. ในวันซึ่งบุคคลจะเร้นหนีไปจากพี่น้องของเขา
35. จากมารดาของเขา และบิดาของเขา
36. จากภริยาของเขาและบุตรของเขา
37. สำหรับทุก ๆ บุคคลจากพวกเขานั้น มีภาระที่ทำความพอเพียงแก่เขาในวันนั้น


คำแปล R3.
33. ในที่สุด เมื่อมีเสียงกัมปนาทกึกก้องเกิดขึ้น
34. วันนั้นคนจะวิ่งหนีออกจากพี่น้องของเขา
35. และจากแม่ของเขาและพ่อของเขา
36. และภรรยาของเขาและลูก ๆ ของเขา
37. ในวันนั้นพวกเขาแต่ละคนจะสาละวนอยู่กับเรื่องของตัวเองจนไม่สนใจผู้อื่น


คำแปล R4.
33. ครั้นเมื่อเสียงกัมปนาทมาถึง
34. วันที่ผู้คนจะหนีจากพี่น้องของเขา
35. และจากแม่ของเขา และพ่อของเขา
36. และจากภริยาของเขา และลูก ๆ ของเขา
37. สำหรับแต่ละคนในหมู่พวกเขาในวันนั้น มีภาระพอตัวเขาอยู่แล้ว


คำแปล R5.
๓๓. ครั้นเมื่อถึงวาระที่เสียงแผดกัมปนาทได้มาถึงแล้ว นั่นคือเสียงเป่าสังข์ครั้งที่สอง เป็นสัญญาณให้ทุกชีวิตฟื้นคืนชีพขึ้น
๓๔. ในวันซึ่งบุคคลพึงหนีเร้นไปจากพี่น้องของเขา
๓๕. และมารดาของเขาและบิดาของเขา
๓๖. และทรัพย์ของเขาและลูก ๆ ของเขา
๓๗. และสำหรับทุก ๆ บุคคลจากพวกเขาล้วนมีภารกิจอันยุ่งยาก ในวันนั้น ซึ่งทำให้เขาล้นเหลือจนไม่สามารถจะไปยุ่งเกี่ยวกับภาระของคนอื่น ๆ ได้อีกต่อไป




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อะบะสะ อายะฮฺที่ 38 - 42


คำอ่าน
38.   วุญูฮุย..เยามะอิซิม..มุสฟิเราะฮฺ
39.   ฎอหิกะตุม..มุสตับชิเราะฮฺ
40.   วะวุญูฮุย..เยามะอิซิน อะลัยฮาเฆาะบะเราะฮฺ
41.   ตัรฺฮะกุฮาเกาะตะเราะฮฺ
42.   อุลา...อิกะฮุมุลกะฟะเราะตุลฟะญะเราะฮฺ


คำแปล R1.
38. Some faces that day, will be bright (true believers of Islamic Monotheism).
39. Laughing, rejoicing at good news (of Paradise).
40. And other faces, that day, will be dust-stained;
41. Darkness will cover them,
42. Such will be the Kafarah (disbelievers In Allah, in his Oneness, and in his Messenger etc.), the Fajarah (wicked evil doers).


คำแปล R2.
38. ในวันนั้นมีหลายใบหน้าที่เปล่งปลั่ง
39. เป็นใบหน้าที่หัวเราะรื่นอีกทั้งปีติยินดี
40. และอีกหลายใบหน้าที่มีฝุ่นจับบนมันในวันนั้น
41. มีความหมองคล้ำปกคลุมมันอยู่
42. พวกเหล่านั้น พวกเขาเป็นพวกไร้ศรัทธา อีกทั้งดื้อรั้น


คำแปล R3.
38. หลายใบหน้าในวันนั้นจะสดใส
39. ร่าเริงและดีใจ
40. และหลายใบหน้าในวันนั้นจะเต็มไปด้วยฝุ่น
41. และความมืดจะปกคลุมพวกเขา
42. เหล่านี้คือบรรดาผู้ปฏิเสธและผู้ทำบาป

คำแปล R4.
38. หลายใบหน้าในวันนั้นแจ่มใส
39. หัวเราะดีใจร่าเริง
40. และหลายใบหน้าในวันนั้นมีฝุ่นจับ
41. ความหม่นหมองจะปกคลุมบนใบหน้านั้น
42. ชนเหล่านั้นคือพวกปฏิเสธศรัทธาพวกประพฤติชั่ว


คำแปล R5.
๓๘. ในวันนั้นมีหลายใบหน้าที่เปล่งปลั่งไปด้วยความสุข เพราะพวกเขาเคยประพฤติแต่ความดีงามมาโดยตลอด
๓๙. พวกเขาหัวเราะรื่น อีกทั้งมีความปีติยินดี
๔๐. และอีกหลายใบหน้าในวันนั้นที่มีฝุ่นจับ
๔๑. ความหมองคล้ำครอบงำมันไว้
๔๒. พวกเหล่านั้นเป็นพวกที่เนรคุณ อีกทั้งดื้อรั้น ประพฤติแต่ความชั่วร้ายเลวทราม



صدقالله العظيم     ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ
จบสูเราะฮฺที่ 80 อะบะสะ

 

GoogleTagged