ผู้เขียน หัวข้อ: เวลาชูรูก ในปฏิทิน หมายความว่าอย่างไร และการหมดเวลาละหมาดซุบฮิ  (อ่าน 14978 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด

อยากทราบว่าเวลาละหมาดซุบฮิ ตอนเช้านั้นหมดกี่โมงครับ สมมุติว่า ปฏิทินระบุว่า

ซุบฮิ 5:07 ชูรุก 6:23

และคำว่า ชูรูก คืออะไร แปลว่า 6:23 ไปแล้ว เราละหมาด อิชรอกได้เลย หรือว่า 6:23 เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น ห้ามละหมาด ต้องรอไปสักพักครับ

ออฟไลน์ مرونة الشريعة

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
อยากทราบว่าเวลาละหมาดซุบฮิ ตอนเช้านั้นหมดกี่โมงครับ สมมุติว่า ปฏิทินระบุว่า

ซุบฮิ 5:07 ชูรุก 6:23

และคำว่า ชูรูก คืออะไร แปลว่า 6:23 ไปแล้ว เราละหมาด อิชรอกได้เลย หรือว่า 6:23 เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น ห้ามละหมาด ต้องรอไปสักพักครับ

สลามครับ
ขอร่วมเสวนาและตอบคำถามด้วยนะครับ
ซูรูก คือ เวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น และเป็นเวลาของการละหมาดซุบฮิจะหมดไปเมื่อได้เข้าเวลา ซูรูก
ถ้ามสมุติว่าเวลา ซูรูก คือ 6.00 น. ถ้าเราตื่นสายแล้วอาบน้ำละหมาดเรียบร้อยแล้วเราก็มาละหมาดในเวลา 6.01-2 นาทีเป็นต้น ก็ถือว่าเรายังละมหาดทันเวลาซุบฮิอยู่ เพราะการเกินเวลาซูรูกเล็กน้อยนั้นย่อมถูกอภัยให้ เพราะเป็นการคาดเอาซึ้งความจริงดวงอาทิตย์อาจจะยังไม่ขึ้นเมื่อได้เวลา ซูรูกแล้ว เช่นเดียวกันเมื่อได้เวลาละหมาดให้รอสักหน่อยนึงเพื่อให้เรานั้นมั้นใจว่าเวลาของการละหมาดได้เข้าแล้วจริงๆ เช่นเข้าเวลาบ่าย 12.00 น รอไปสักนิดนึงประมาณ 12.02 นาทีเป็นต้นแล้วค่อยอาซาน

ละหมาดอิซรอก อุลามาอ์บางส่วนในมัสฮับซาฟีอีกล่าวว่า คือการละหมาด ดุฮานั้นเองตามคำพูดที่ถูกยึดถือของอีหม่ามรอมลี และอีหม่ามซียาดีย์ มีกล่าวไว้ในมินฮาญุฏฏอลีบีน และในกอลยูบีย์ก็เช่นเดียวกันและเวลาของการละหมาดดุฮาเริ่มจากช่วงพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 1 ด้ามหอก หรือ สูง 1 เมตรเป็นต้น และที่ีดีที่สุด คือช่วงดวงอาทิตย์กำลังร้อนจัด ประมาณ 8.30 - 9.00

 ส่วนในหนังสือ เอี๊ยะยาอ์ ของอีหม่ามฆอซาลีย์ คือการละหมาดเมื่อดวงอาทิตย์ได้ขึ้นแต่ต้องพ้นเวลาที่ห้ามละหมาดไปแล้ว คือหลังจากช่วงพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 1 ด้ามหอก หรือ สูง 1 เมตรเป็นต้น จึงจะละหมาดอิซรอกได้ ( กอลยูบีย์ วัล อุมัยเราะห์ 1/214-215)

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ถ้าเช่นนั้น แปลว่า เมื่อในปฏิทินเขียนว่า ชูรูก 6.23

ณ เวลา 6.13 ก็ยังละหมาดได้ใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ถ้าเช่นนั้น แปลว่า เมื่อในปฏิทินเขียนว่า ชูรูก 6.23

ณ เวลา 6.13 ก็ยังละหมาดได้ใช่ไหมครับ

จะให้แน่นอน ก็ให้ดูแสงแดดที่หน้าต่าง น่าจะแน่นอนสุดครับ .. เวลาเป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
พอดีดูไม่เป็นอ่ะครับ สี แสง แบบไหนถึงเรียกว่า ได้ไม่ได้ รบกวนแคปมาให้ดูได้ไหมครับ

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
 :salam:
     เวลาซุรูกคือเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ถือว่าหมดเวลาละหมาดซุบฮิ
 ท่านร่อซูลุ้ลลอห์ กล่าวว่าเวลาละหมาดซุบฮิ เริ่มตั้งแต่แสงอรุณขึ้น ตราบที่ดวงตะวันยังไม่ขึ้น รายงานโดยมุสลิม (612)
ผมแนะนำว่าถ้าท่านทั้งหลาย ไม่ได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์อิสลามมาโดยตรง ให้ดูปฏิทินอิสลามเท่านั้นเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปดูแสงแดดเอง เพราะเท่ากับใช้การเดาเอาเท่านั้น (สายตาคนเราไม่แน่นอน สายตาอาจจะเสียได้)
     มีสิ่งที่ดีกว่าการเดา ซึ่งเป็นหลักวิชาการที่แน่นอน ดาราศาสตร์อิสลาม โดยคำนวนจากดวงอาทิตย์ที่มีการโคจรที่แน่นอน ไม่ใช่ว่าคำนวนเดาๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน     
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์นั้น โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน55 อายะห์ที่5  อย่างเช่นปฏิทินบอกว่า กทม.ซุรูก6.41น. สงขลา6.29 กระบี่6.34ฯลฯ  สังเกตดีๆในวันเดียวกันแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นคนละเวลากัน
•   ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่แล้วที่ศาสนาเรียกว่าดวงอาทิตย์ขึ้น จริงๆแล้วพิจรณาตรงใหน ไม่ใช่ว่าจะเผื่อเวลาเลยไปได้
•   แล้วที่ว่าดูแสงแดด ผมยืนยันว่าวิธีดูที่ถูกต้องจริงๆ ไม่ได้ดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่แสงแดด หรือดูที่หน้าต่าง ไม่ถูกต้องหรอกครับ เพราะบางทีเราอาจเห็นแสงแดดแล้ว แต่ตามศาสนาดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจริงเลย ก็ยังไม่หมดเวลา ดูปฏิทิน
•   นักคำนวนปฏิทินไม่คำนวน แบบโกหกหรอก เพราะนั่นคือผลบุญหรือผลบาปที่จะได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า(เวลาละหมาดทั้งหมด เวลาที่ดวงตะวันขึ้นกับเวลาของดวงตะวันตกคำนวนง่ายสุด แหละถ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ สองเวลานี้ก็เป็นจุดเริ่ม ในการคำนวนเวลาอื่นอย่างง่ายดายเลย)
     ยกตัวอย่างเช่นปฏิทินบอกว่า กทม.ซุรูก6.41น. สงขลา6.29 กระบี่6.34  ถ้าเพิ่มเป็นกทม.ซุรูก6.43น.หรือ6.41 ไม่ทันแล้ว ถ้าใครเคยขึ้นรถไฟคงรู้ เขากำหนดไว้ว่าสถานีเล็กๆ จอดประมาณ1นาที สมมุติจอดแค่6.41น. ท่านลองรอขึ้นเวลา6.42น.ดูซิ รับรองว่าท่านไม่ได้ไปขบวนนั้นแน่  ถ้าไปเลือกตั้งตอน 15.01น.รับรองว่าเขาปิดหีบเรียบร้อยแล้ว
      สมมุติว่า หมดเวลาละหมาดดุฮ์ริ15.36น. ถ้าท่านทั้งหลายเผื่อเลยไปเป็น15.37น. ละหมาดของท่านก็ใช้ไม่ได้แน่นอน เพราะหมดเวลาแล้ว
      พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า แท้จริงการละหมาดนั้น ได้ถูกกำหนดเหนือผู้ศรัทธาทั้งหลายอย่างมีกำหนดเวลาที่แน่นอน ซูเราะห์อันนิซาอฺ 4อายะห์ที่103
     ส่วนในการเริ่มเข้าเวลานั้น สมมุติปฏิทินบอกว่า กทม.ดุฮ์ริ 12.09น. ท่านไม่ต้องเผื่อเป็น12.10น.ก็ได้ เพราะนักคำนวนปฏิทินอิสลาม ได้เผื่อเวลาไว้แล้ว (คือคำนวนได้ 12.08.23วินาที ก็จะเผื่อเป็น12.09น.เลย)
     การที่จะรู้ถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างแท้จริงนั้น ต้องรู้ค่าดิคลิเนชั่น ต้องรู้ค่าแลต ต้องรู้ค่าลอง ต้องรู้เส้นขอบฟ้า ต้องรู้การเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย เพราะบางวันท้องฟ้าโปร่ง บางวันท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 22, 2012, 10:36 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
:salam:
     การที่จะรู้ถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างแท้จริงนั้น ต้องรู้ค่าดิคลิเนชั่น ต้องรู้ค่าแลต ต้องรู้ค่าลอง ต้องรู้เส้นขอบฟ้า ต้องรู้การเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย เพราะบางวันท้องฟ้าโปร่ง บางวันท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา


การที่เราบอกว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" ถือว่าไม่ถูกต้อง วิชาการคำนวนทางดาราศาสตร์ ถือว่าเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ แต่ว่ามันไม่ได้ใช้ได้ในทุกเรื่อง อาทิเช่น การกำหนดวันเข้าเดือนเราะมาฏอนต้องกำหนดด้วยการเห็นดวงจันทร์ตามคำสั่งของท่านรสูล(ซ.ล.) ,การกำหนดวันอีดิลฟิตรีนั้น ก็จะต้องยึดโดยการดูดวงจันทร์ก่อน หากไม่เห็นก็ค่อยนับไปให้ครบ 30 วัน เป็๋นต้น


อย่าลืมว่าในยุคแห่งการประทานโองการที่เกี่ยวการละหมาด 5 เวลา คือ ในยุคของท่านรสูล(ซ.ล.) นั้น ท่านรสูล(ซ.ล.) และบรรดาเศาะหาบะฮฺใช้การดูแสงแดดเป็นหลัก อาจจะโดยอาศัยการดูเงาจากด้ามหอกหรือดูด้วยตาเปล่า หรือจะด้วยกับการใช้ประสาทสัมผัสใดๆ ก็แล้วแต่ เพราะยุคนั้นไม่มีปฏิทินในการคำนวนเวลาละหมาดหรือนาฬิกา .. ดังนั้น มิใช่ว่าการดูแค่แสงแดดอย่างเดียวจะหาความถูกต้องไม่ได้เลยสะทีเดียว


มีรานงานจากท่าน บุร็อยดะฮฺ เล่าวว่า ท่านรสูล(ซ.ล.) กล่าวว่า ..

أن رجلا سأله عن وقت الصلاة فقال له صل معنا هذين يعني اليومين فلما زالت الشمس أمر بلالا فأذن ثم أمره فأقام الظهر ثم أمره فأقام العصر والشمس مرتفعة بيضاء نقية ثم أمره فأقام المغرب حين غابت الشمس ثم أمره فأقام العشاء حين غاب الشفق ثم أمره فأقام الفجر حين طلع الفجر فلما أن كان اليوم الثاني أمره فأبرد بالظهر فأبرد بها فأنعم أن يبرد بها وصلى العصر والشمس مرتفعة أخرها فوق الذي كان وصلى المغرب قبل أن يغيب الشفق وصلى العشاء بعدما ذهب ثلث الليل وصلى الفجر فأسفر بها ثم قال أين السائل عن وقت الصلاة فقال الرجل أنا يا رسول الله قال وقت صلاتكم بين ما رأيتم

"มีชายคนหนึ่งถามท่านนบี(ซ.ล.) ถึงเวลาละหมาดของแต่ละเวลา ท่านได้ตอบว่า "ท่านจงละหมาดพร้อมกับฉันสองวัน" เมื่อตะวันคล้อย ท่่านได้สั่งให้บิลาลอะซาน ท่านบิลาลจึงอาซาน หลังจากนั้นท่านได้สั่งให้อิกอมะฮฺ เพื่อละหมาดซุฮฺริ (เมื่อถึงเวลาอัศริ) ท่านได้สั่งให้อาซานและอิกอมะฮฺ เพื่อละหมาดอัศริในขณะที่ตะวันยังฉายแสงเจิดจ้าอยู่ หลังจากนั้น ท่านได้สั่งให้อาซานและอิกอมะฮฺเพื่อละหมาดมักริบ เมื่อสิ้นแสงตะวันจากขอบฟ้า หลังจากนั้นท่านได้สั่งให้อาซานและอิกอมะฮฺ เพื่อละหมาดอิชาอฺ เมื่อสิ้นแสงเงินแสงทองจากขอบฟ้า หลังจากนั้นท่านได้สั่งให้อาซานและอิกอมะฮฺ เพื่อละหมาดซุบฮิเมื่อแสงอรุณขึ้น และเมื่อถึงวันที่สอง ท่านได้สั่งให้ยืดเวลาซุฮริให้ช้าลงหรือให้อากาศเย็นลง แล้วจึงค่อยละหมาดซุฮริเมื่อความร้อนเบาบางลง ซึ่งเป็นความปราณีและสบายขึ้น เมื่อได้ละหมาดซุฮริในตอนที่ความร้อนได้เย็นลงแล้ว และได้สั่งให้ละหมาดอัศริ ในขณะที่แสงตะวันยังเจิดจ้า และจะล่าช้าไปจนถึงตะวันลับขอบฟ้า และได้สั่งให้ละหมาดมักริบก่อนสิ้นแสงเงินแสงทองจากขอบฟ้า และได้สั่งให้ละหมาดอิชาอฺ เมื่อค่ำคืนผ่านไปหนึ่งในสามแล้ว และได้สั่งให้ละหมาดซุบฮิเมื่อจะปรากฏแสงอรุณ หลังจากนั้นท่านรสูล(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า "ไหนคนที่ถามเกี่ยวกับเวลาละหมาดละ ??" ชายคนนั้นก็ตอบว่า "ฉันเองครับท่านรสูล(ซ.ล.) แล้วท่านรสูล(ซ.ล.) ก็ได้กล่าวว่า เวลาละหมาดของพวกท่านก็จะอยู่ราวๆ ดังที่ท่านเห็นนี่แหละ" บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 613


จากหะดีษนี้เราสามารถรู้ได้ว่า ในอดีตนั้นท่านรสูล(ซ.ล.) กับบรรดาเศาะหาบะฮฺ ใช้การสังเกตจากประสาทสัมผัสด้านร่างกายเป็นหลัก ในการสังเกตเวลาของการละหมาด ดังนั้น หากเราจะพูดว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องครับ


ส่วนการต้องรู้ในเรื่องค่าแลต ,ค่าลอง ,ต้องรู้เส้นขอบฟ้า หรือต้องรู้การเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล นี่เป็นวิธีการสมัยใหม่เท่านั้น ซึ่งหลักการสมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมุสลิมเท่านั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมายกเลิกหุก่มเดิมได้


วัลลอฮุ ตะอาลา อะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 23, 2012, 01:50 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เอาเป็นว่า ชูรูก คือเวลาที่พระอาทิตย์ "กำลังขึ้น" นะครับ ถือว่าหมดเวลาละหมาดซุบฮิ

แต่ถ้า เวลาชูรูก 6.23 ดังนั้นเวลา 6.10 ก็ยังทันใช่ไหมครับ สำหรับละหมาด ซุบฮิ

เอาล่ะ ญาซากัลลอฮฺทุกท่านครับ ขอบคุณมากๆ ส่วนเรื่องอื่นเป็นความรู้มากเลยครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
 :salam:
1.   ท่านรู้หลักของศาสนา แต่ยังไม่เข้าใจหลักของศาสนา เท่าที่ควร(ที่บอกว่าหลักดาราศาสตร์อิสลามเป็นสิ่งอำนวยความสดวก…)
2.   ท่านยังไม่รู้ถึงหลักดาราศาสตร์อิสลามอย่างลึกซึ้ง ตอนผมเรียนวิชาดาราศาสตร์อิสลามใหม่ๆ  อ.ของผมย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่รู้อย่าชี้ เพราะจะทำให้ผู้คน รับข้อมูลผิดๆไปด้วย ทำอิบาดะห์แบบผิดๆไปด้วย
     การพิจรณาหลักของศาสนานั้น ในเรื่องนี้ สมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ด้วยมนุษยชาติ ยังไม่มีความสามารถ ในการคำนวนดาราศาสตร์อิสลามอย่างถูกต้องและแม่นยำ พระผู้เป็นเจ้าบอกเวลาละหมาดโดยรวม สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าให้สุดความสามารถที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็คือให้สังเกตดวงอาทิตย์เอาเอง ฯลฯ เรียกว่าการคาดคะเนเอาเองว่าใช่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา โดยมีการโคจรที่แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจึงสอน ให้มนุษยชาติ(นักดาราศาสตร์มุสลิม)ได้รู้ถึง การคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทิน เพื่อให้รู้ถึงเวลาในการเข้าละหมาด- หมดเวลาละหมาด จริงๆว่าเป็นเวลาเท่าใด เพื่อความถูกต้องที่สุดตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา เรียกว่า เปลี่ยนจากการคะเนเอาสู่ความมั่นใจ ดังนั้น ณตอนนี้เราท่านทั้งหลายจะกลับไปดูดวงอาทิตย์ใหม่ฯลฯ  เพื่อกำหนดเวลาละหมาด ถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรียกว่าลดจากระดับความมั่นใจสู่การคาดคะเน-ลดจากระดับสูงสู่ระดับต่ำลงมา ลดจากยะกีนสู่รอน ดังนั้นหลักของศาสนาได้บอกว่าให้ทำอิบาดะห์เท่าที่มีความสามารถ ที่สุดเท่าที่จะทำได้
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)จะไม่บังคับชีวิตใด นอกจากสิ่งที่ชีวิตนั้นมีความสามารถ ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่286
     ดังนั้นสรุปว่าถ้ายังไม่ถึงเวลาซุรูก ตะวันขึ้นจริงในวันนั้น(จะเป็นเวลาเท่าใดก็แล้วแต่) ยังสามารถละหมาดซุบฮิใช้ได้
     ส่วนเรื่องการดูดวงจันทร์เสี้ยวนั้น ผมได้นำเสนอไปแล้ว สามารถหารายละเอียดได้ที่หัวข้อ ขนคิ้วอาจเป็นจันทร์เสี้ยวได้ ในกระดานสนทนานี้ แนะนำว่าถ้าไม่ได้ศึกษามาโดยตรง อย่าดูดวงอาทิตย์เลย ถึงจะดูอย่างไรก็ไม่ถูกต้องจริงๆหรอก ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะทำลายสายตาด้วย เพราะต้องใช้ฟิลเตอร์กรองแสงอย่างดี ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา


ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
:salam:
1.   ท่านรู้หลักของศาสนา แต่ยังไม่เข้าใจหลักของศาสนา เท่าที่ควร(ที่บอกว่าหลักดาราศาสตร์อิสลามเป็นสิ่งอำนวยความสดวก…)
2.   ท่านยังไม่รู้ถึงหลักดาราศาสตร์อิสลามอย่างลึกซึ้ง ตอนผมเรียนวิชาดาราศาสตร์อิสลามใหม่ๆ  อ.ของผมย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่รู้อย่าชี้ เพราะจะทำให้ผู้คน รับข้อมูลผิดๆไปด้วย ทำอิบาดะห์แบบผิดๆไปด้วย
     การพิจรณาหลักของศาสนานั้น ในเรื่องนี้ สมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ด้วยมนุษยชาติ ยังไม่มีความสามารถ ในการคำนวนดาราศาสตร์อิสลามอย่างถูกต้องและแม่นยำ พระผู้เป็นเจ้าบอกเวลาละหมาดโดยรวม สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าให้สุดความสามารถที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็คือให้สังเกตดวงอาทิตย์เอาเอง ฯลฯ เรียกว่าการคาดคะเนเอาเองว่าใช่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา โดยมีการโคจรที่แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจึงสอน ให้มนุษยชาติ(นักดาราศาสตร์มุสลิม)ได้รู้ถึง การคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทิน เพื่อให้รู้ถึงเวลาในการเข้าละหมาด- หมดเวลาละหมาด จริงๆว่าเป็นเวลาเท่าใด เพื่อความถูกต้องที่สุดตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา เรียกว่า เปลี่ยนจากการคะเนเอาสู่ความมั่นใจ ดังนั้น ณตอนนี้เราท่านทั้งหลายจะกลับไปดูดวงอาทิตย์ใหม่ฯลฯ  เพื่อกำหนดเวลาละหมาด ถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรียกว่าลดจากระดับความมั่นใจสู่การคาดคะเน-ลดจากระดับสูงสู่ระดับต่ำลงมา ลดจากยะกีนสู่รอน ดังนั้นหลักของศาสนาได้บอกว่าให้ทำอิบาดะห์เท่าที่มีความสามารถ ที่สุดเท่าที่จะทำได้
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)จะไม่บังคับชีวิตใด นอกจากสิ่งที่ชีวิตนั้นมีความสามารถ ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่286
     ดังนั้นสรุปว่าถ้ายังไม่ถึงเวลาซุรูก ตะวันขึ้นจริงในวันนั้น(จะเป็นเวลาเท่าใดก็แล้วแต่) ยังสามารถละหมาดซุบฮิใช้ได้
     ส่วนเรื่องการดูดวงจันทร์เสี้ยวนั้น ผมได้นำเสนอไปแล้ว สามารถหารายละเอียดได้ที่หัวข้อ ขนคิ้วอาจเป็นจันทร์เสี้ยวได้ ในกระดานสนทนานี้ แนะนำว่าถ้าไม่ได้ศึกษามาโดยตรง อย่าดูดวงอาทิตย์เลย ถึงจะดูอย่างไรก็ไม่ถูกต้องจริงๆหรอก ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะทำลายสายตาด้วย เพราะต้องใช้ฟิลเตอร์กรองแสงอย่างดี ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา



ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดในตอนแรกของท่านที่กล่าวว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" เพราะในอดีตท่านรสูล(ซ.ล.) ก็อาศัยดูแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก หากท่านพูดแบบเหมารวมแบบนี้ก็เท่ากับว่าการกระทำของท่านรสูล(ซ.ล.) ในสมัยอดีต ก็พลอยไม่ถูกต้องไปด้วย


ผมเองก็ไม่ได้ไปตำหนิอะไรในเรื่องของหลักการดาราศาสตร์เลยแม้แ่นิดเดียว .. แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่ตำหนิในสิ่งที่ท่านรสูล(ซ.ล.) เคยทำเอาไว้ด้วย .. ผมพยายามปกป้องในสิ่งที่ท่านรสูลเคยทำเอาไว้  และผมเองก็ไม่ได้ดูถูกในเรื่องของหลักการดาราศาสตร์ของท่าน


ถ้าหากว่าการที่ผมมีทัศนะในเรื่องนี้ไม่เหมือนกับท่าน แล้วทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจหลักของศาสนาไปแล้ว ตามความคิดของท่าน ก็แล้วแต่จะพิจารณาครับ ..


ท่านรสูล(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ..

ليس المؤمن بطعّان ولا لعّان ولا فاحش ولا بذئ

"ผู้ศรัทธานั้น ต้องไม่เป็นผู้ที่กล่าวร้า่ยผู้อื่น ไม่เป็นผู้ที่ด่าทอผู้อื่น ไม่เป็นผู้ที่ทำสิ่งชั่วร้าย ไม่ใช่ผู้ที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม" (บันทึกโดย ท่านอิมามอัล-บุคอรีย์ ,ท่านอิมามอะห์มัด ,ท่านอิบนุ หิบบาน ,ท่านอัล-หากิม)


วัลลอฮุ ตะอาลา อะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 23, 2012, 04:27 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
 :salam:
                                                                                แก้ไขเถอะ    
     คำพูดที่ท่านบอกว่า ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดในตอนแรกของท่านที่กล่าวว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" เพราะในอดีตท่านรสูล(ซ.ล.) ก็อาศัยดูแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก หากท่านพูดแบบเหมารวมแบบนี้ก็เท่ากับว่าการกระทำของท่านรสูล(ซ.ล.) ในสมัยอดีต ก็พลอยไม่ถูกต้องไปด้วย คำพูดของท่านนี้ ที่จริงท่านกำลังกล่าวร้ายผมอยู่ เพราะผมกำลังพูดถึงตอนปัจจุบันนี้ ปฏิทินมี ก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก ในเมื่อสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เวลาในการคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทินชัดเจนแหละถูกต้องมากกว่า การสังเกตแดดฯลฯกันเอง ผมไม่ได้บอกเลยว่าที่นบีทำไม่ถูก การดูแดดฯลฯไม่ถูก ผมพูดถึงปัจจุบันนี้เท่านั้น เพราะที่ผมบอกให้ดูปฏิทิน เพื่อเราท่านทั้งหลาย จะได้นำไปปฏิบัติให้ถูก
สิ่งที่ผมบอกก็คือ1.ผมแนะนำว่าถ้าท่านทั้งหลาย ไม่ได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์อิสลามมาโดยตรง ให้ดูปฏิทินอิสลามเท่านั้นเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปดูแสงแดดเอง เพราะเท่ากับใช้การเดาเอาเท่านั้น (สายตาคนเราไม่แน่นอน สายตาอาจจะเสียได้) มีสิ่งที่ดีกว่าการเดา ซึ่งเป็นหลักวิชาการที่แน่นอน ดาราศาสตร์อิสลาม โดยคำนวนจากดวงอาทิตย์ที่มีการโคจรที่แน่นอน ไม่ใช่ว่าคำนวนเดาๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน     
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
     ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์นั้น โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน55 อายะห์ที5  อย่างเช่นปฏิทินบอกว่า กทม.ซุรูก6.41น. สงขลา6.29 กระบี่6.34ฯลฯ  สังเกตดีๆในวันเดียวกันแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นคนละเวลากัน
2.การพิจรณาหลักของศาสนานั้น ในเรื่องนี้ สมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ด้วยมนุษยชาติ ยังไม่มีความสามารถ ในการคำนวนดาราศาสตร์อิสลามอย่างถูกต้องและแม่นยำ พระผู้เป็นเจ้าบอกเวลาละหมาดโดยรวม สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าให้สุดความสามารถที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็คือให้สังเกตดวงอาทิตย์เอาเอง ฯลฯ เรียกว่าการคาดคะเนเอาเองว่าใช่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา โดยมีการโคจรที่แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจึงสอน ให้มนุษยชาติ(นักดาราศาสตร์มุสลิม)ได้รู้ถึง การคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทิน เพื่อให้รู้ถึงเวลาในการเข้าละหมาด- หมดเวลาละหมาด จริงๆว่าเป็นเวลาเท่าใด เพื่อความถูกต้องที่สุดตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา เรียกว่า เปลี่ยนจากการคะเนเอาสู่ความมั่นใจ ดังนั้น ณตอนนี้เราท่านทั้งหลายจะกลับไปดูดวงอาทิตย์ใหม่ฯลฯ  เพื่อกำหนดเวลาละหมาด ถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรียกว่าลดจากระดับความมั่นใจสู่การคาดคะเน-ลดจากระดับสูงสู่ระดับต่ำลงมา ลดจากยะกีนสู่รอน ดังนั้นหลักของศาสนา ได้บอกว่าให้ทำอิบาดะห์เท่าที่มีความสามารถ ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าและพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)จะไม่บังคับชีวิตใด นอกจากสิ่งที่ชีวิตนั้นมีความสามารถ(ทำได้ดีที่สุด) ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่286 
     ผมถามท่านนิดนึงว่า การคำนวนเวลาละหมาดปฏิทิน ถูกต้องกว่าการดูแดดฯลฯเอาเอง เป็นทัศนะของผม หรือเป็นคำสั่งใช้ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด) แหละผมถามอีกนิดนึงว่า ถ้าสมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)มีการคำนวนปฏิทินอย่างถูกต้องได้แล้ว ถามว่าท่านคิดว่าร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)จะเลือกทำแบบใหน ระหว่างดูแดดฯลฯเอาเอง หรือเอาการคำนวนตามปฏิทินที่แม่นยำ ทั้งๆที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
     แนะนำว่า ถ้าท่านคิดปกป้องท่านนบี ควรจะนำเสนอว่า ที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ดูแดดฯลฯก็ถูกต้องเพราะ ณตอนนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด(สุดความสามารถที่สุด)ในการหาเวลาละหมาดคือการดูแดดฯลฯ
     ที่ท่านบอกว่า ส่วนการต้องรู้ในเรื่องค่าแลต ,ค่าลอง ,ต้องรู้เส้นรู้การขอบฟ้า หรือต้องเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล นี่เป็นวิธีการสมัยใหม่เท่านั้น ซึ่งหลักการสมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมุสลิมเท่านั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมายกเลิกหุก่มเดิมได้  ถือว่ากล่าวร้ายวิชาดาราศาสตร์อิสลาม จากคำพูดนี้ผมเข้าใจได้ว่า ท่านกำลังบอกว่า ฮุก่มเดิมคือการดูแดดก็ต้องดูกันต่อไป ไม่ว่าสมัยใหน ดีกว่าการคำนวนปฏิทิน คือเป็นสิ่งที่ท่านคิดเท่านั้น  ซึ่งสวนทางกับคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่บอกว่า ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
ผมถามท่านนิดนึงว่า ถ้าสามารถยืนละหมาดได้ แต่กลับนั่งละหมาดโดยไม่มีเหตุจำเป็นใดๆทั้งสิ้น  การละหมาดจะใช้ได้ใหม  เรื่องราวของศาสนาแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้าลงลึกถึงรายละเอียดกันจริงๆ
     ผมจะไม่พูดเรื่องนี้(การดูแดดฯลฯ-ปฏิทิน)อีก เพราะถ้าอ่านตั้งแต่เริ่มต้น ชัดเจนอยู่แล้ว เสร็จสิ้นหน้าที่ของผมแล้ว(หน้าที่ของผมคือบอกในสิ่งที่รู้มา) ส่วนการที่ผู้ใดจะเชื่อมั่นหรือไม่นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของผม(พ้นแล้ว)
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย  จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแนะนำนั้น เขาก็เป็นผู้รับคำแนะนำ(ได้รับทางนำที่ถูกต้อง) และผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยให้หลงผิด นั้นชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ที่ขาดทุน ซูเราะห์อัลอะรอฟ7 อายะห์ที่178
ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ ไม่ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าห้าม แล้วเราท่านทั้งหลาย จะไม่เป็นคนไม่ดี (คือเป็นคนดีซึ่งทำตัวเหมาะสม) ณฝ่ายพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)   
ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
     คำพูดที่ท่านบอกว่า ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดในตอนแรกของท่านที่กล่าวว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" เพราะในอดีตท่านรสูล(ซ.ล.) ก็อาศัยดูแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก หากท่านพูดแบบเหมารวมแบบนี้ก็เท่ากับว่าการกระทำของท่านรสูล(ซ.ล.) ในสมัยอดีต ก็พลอยไม่ถูกต้องไปด้วย คำพูดของท่านนี้ ที่จริงท่านกำลังกล่าวร้ายผมอยู่ เพราะผมกำลังพูดถึงตอนปัจจุบันนี้ ปฏิทินมี ก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก ในเมื่อสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เวลาในการคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทินชัดเจนแหละถูกต้องมากกว่า การสังเกตแดดฯลฯกันเอง ผมไม่ได้บอกเลยว่าที่นบีทำไม่ถูก การดูแดดฯลฯไม่ถูก ผมพูดถึงปัจจุบันนี้เท่านั้น เพราะที่ผมบอกให้ดูปฏิทิน เพื่อเราท่านทั้งหลาย จะได้นำไปปฏิบัติให้ถูก
สิ่งที่ผมบอกก็คือ
1.ผมแนะนำว่าถ้าท่านทั้งหลาย ไม่ได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์อิสลามมาโดยตรง ให้ดูปฏิทินอิสลามเท่านั้นเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปดูแสงแดดเอง เพราะเท่ากับใช้การเดาเอาเท่านั้น (สายตาคนเราไม่แน่นอน สายตาอาจจะเสียได้)
     มีสิ่งที่ดีกว่าการเดา ซึ่งเป็นหลักวิชาการที่แน่นอน ดาราศาสตร์อิสลาม โดยคำนวนจากดวงอาทิตย์ที่มีการโคจรที่แน่นอน ไม่ใช่ว่าคำนวนเดาๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน     
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์นั้น โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน55 อายะห์ที่5  อย่างเช่นปฏิทินบอกว่า กทม.ซุรูก6.41น. สงขลา6.29
กระบี่6.34ฯลฯ  สังเกตดีๆในวันเดียวกันแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นคนละเวลากัน
2.การพิจรณาหลักของศาสนานั้น ในเรื่องนี้ สมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ด้วยมนุษยชาติ ยังไม่มีความสามารถ ในการคำนวนดาราศาสตร์อิสลามอย่างถูกต้องและแม่นยำ พระผู้เป็นเจ้าบอกเวลาละหมาดโดยรวม สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าให้สุดความสามารถที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็คือให้สังเกตดวงอาทิตย์เอาเอง ฯลฯ เรียกว่าการคาดคะเนเอาเองว่าใช่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา โดยมีการโคจรที่แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจึงสอน ให้มนุษยชาติ(นักดาราศาสตร์มุสลิม)ได้รู้ถึง การคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทิน เพื่อให้รู้ถึงเวลาในการเข้าละหมาด- หมดเวลาละหมาด จริงๆว่าเป็นเวลาเท่าใด เพื่อความถูกต้องที่สุดตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา เรียกว่า เปลี่ยนจากการคะเนเอาสู่ความมั่นใจ ดังนั้น ณตอนนี้เราท่านทั้งหลายจะกลับไปดูดวงอาทิตย์ใหม่ฯลฯ  เพื่อกำหนดเวลาละหมาด ถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรียกว่าลดจากระดับความมั่นใจสู่การคาดคะเน-ลดจากระดับสูงสู่ระดับต่ำลงมา ลดจากยะกีนสู่รอน ดังนั้นหลักของศาสนา ได้บอกว่าให้ทำอิบาดะห์เท่าที่มีความสามารถ ที่สุดเท่าที่จะทำได้
      ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าและพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)จะไม่บังคับชีวิตใด นอกจากสิ่งที่ชีวิตนั้นมีความสามารถ(ทำได้ดีที่สุด) ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่286  ผมถามท่านนิดนึงว่า การคำนวนเวลาละหมาดปฏิทิน ถูกต้องกว่าการดูแดดฯลฯเอาเอง เป็นทัศนะของผม หรือเป็นคำสั่งใช้ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ แหละผมถามอีกนิดนึงว่า ถ้าสมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)มีการคำนวนปฏิทินอย่างถูกต้องได้แล้ว ถามว่าท่านคิดว่าร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)จะเลือกทำแบบใหน ระหว่างดูแดดฯลฯเอาเอง หรือเอาการคำนวนตามปฏิทินที่แม่นยำ ทั้งๆที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
     แนะนำว่า ถ้าท่านคิดปกป้องท่านนบี ควรจะนำเสนอว่า ที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ดูแดดฯลฯก็ถูกต้องเพราะ ณตอนนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด(สุดความสามารถที่สุด)ในการหาเวลาละหมาดคือการดูแดดฯลฯ
     ที่ท่านบอกว่า ส่วนการต้องรู้ในเรื่องค่าแลต ,ค่าลอง ,ต้องรู้เส้นรู้การขอบฟ้า หรือต้องเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล นี่เป็นวิธีการสมัยใหม่เท่านั้น ซึ่งหลักการสมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมุสลิมเท่านั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมายกเลิกหุก่มเดิมได้  ถือว่ากล่าวร้ายวิชาดาราศาสตร์อิสลาม จากคำพูดนี้ผมเข้าใจได้ว่า ท่านกำลังบอกว่า ฮุก่มเดิมคือการดูแดดก็ต้องดูกันต่อไป ไม่ว่าสมัยใหน ดีกว่าการคำนวนปฏิทิน คือเป็นสิ่งที่ท่านคิดเท่านั้น  ซึ่งสวนทางกับคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่บอกว่า ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
ผมถามท่านนิดนึงว่า ถ้าสามารถยืนละหมาดได้ แต่กลับนั่งละหมาดโดยไม่มีเหตุจำเป็นใดๆทั้งสิ้น  การละหมาดจะใช้ได้ใหม  เรื่องราวของศาสนาแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้าลงลึกถึงรายละเอียดกันจริงๆ
     ผมจะไม่พูดเรื่องนี้(การดูแดดฯลฯ-ปฏิทิน)อีก เพราะถ้าอ่านตั้งแต่เริ่มต้น(ตั้งแต่แรกของหัวข้อนี้) ชัดเจนอยู่แล้ว เสร็จสิ้นหน้าที่ของผมแล้ว(หน้าที่ของผมคือบอกในสิ่งที่รู้มา) ส่วนการที่ผู้ใดจะเชื่อมั่นหรือไม่นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของผม(พ้นแล้ว)
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย  จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแนะนำนั้น เขาก็เป็นผู้รับคำแนะนำ(ได้รับทางนำที่ถูกต้อง) และผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยให้หลงผิด นั้นชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ที่ขาดทุน ซูเราะห์อัลอะรอฟ7 อายะห์ที่178
ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ ไม่ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าห้าม แล้วเราท่านทั้งหลาย จะไม่เป็นคนไม่ดี (คือเป็นคนดีซึ่งทำตัวเหมาะสม) ณฝ่ายพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)   
ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 24, 2012, 05:40 AM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ HZN

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 45
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ مرونة الشريعة

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

เวลาซุรุกก็เหมือนกับการเข้าเดือนของเดือนรอมาดอนโดยเทียบเคียงกัน โดยที่ เซค อาลี ญุมอัต ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการเข้าบวช ระหว่างการดูเดือนกับการใช้หลักดาราศาสตร์คำนวน ท่านบอกว่า ถ้่่าพรุ่งนี้นักดาราศาสตร์ได้คำนวนเอาไว้ว่าจะมีจันทร์เสี่ยวของเดือนรอมาดอนเกิดขึ้น พอถึงวันนพรุ่งนี้พวกเราได้ทำการดูเดือนบังเอินไม่เห็นจันทร์เสี่ยว ท่านบอกว่าถ้าใครเชื่อนักดาราศาสตร์ก็ให้เขาบวชในวันนี้(เพราะการคำนวนของคนที่เชื่อถือได้นั้น ยาเกน มั่นใจ ส่วนการดูเดือนนั้น ซอนนีย์ คาดการเอา) ถ้าใครไม่มั่นใจในนักดาราศาสตร์กลุ่มนี้ก็ไม่ต้องบวชเพราะไม่เห็นเดือน ดังนั้น เวลาซุรุกก็เหมือนกัน ถ้าใครจะตามปฎิทินก็ตาม ถ้าใครจะดูแสงดวงอาทิตย์ก็ดูเรื่องก็มีเท่านี้ครับ ปรองดองกันไว้ครับ วัลลอฮุ อะลัม

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
:salam:

เวลาซุรุกก็เหมือนกับการเข้าเดือนของเดือนรอมาดอนโดยเทียบเคียงกัน โดยที่ เซค อาลี ญุมอัต ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการเข้าบวช ระหว่างการดูเดือนกับการใช้หลักดาราศาสตร์คำนวน ท่านบอกว่า ถ้่่าพรุ่งนี้นักดาราศาสตร์ได้คำนวนเอาไว้ว่าจะมีจันทร์เสี่ยวของเดือนรอมาดอนเกิดขึ้น พอถึงวันนพรุ่งนี้พวกเราได้ทำการดูเดือนบังเอินไม่เห็นจันทร์เสี่ยว ท่านบอกว่าถ้าใครเชื่อนักดาราศาสตร์ก็ให้เขาบวชในวันนี้(เพราะการคำนวนของคนที่เชื่อถือได้นั้น ยาเกน มั่นใจ ส่วนการดูเดือนนั้น ซอนนีย์ คาดการเอา) ถ้าใครไม่มั่นใจในนักดาราศาสตร์กลุ่มนี้ก็ไม่ต้องบวชเพราะไม่เห็นเดือน ดังนั้น เวลาซุรุกก็เหมือนกัน ถ้าใครจะตามปฎิทินก็ตาม ถ้าใครจะดูแสงดวงอาทิตย์ก็ดูเรื่องก็มีเท่านี้ครับ ปรองดองกันไว้ครับ วัลลอฮุ อะลัม
  :salam:ต้องแก้ไข ไม่ถูกต้อง เรื่องการดูจันทร์เสี้ยว ไม่เกี่ยวข้องเลยกับเวลาซุรุก ไม่เหมือนกัน (เพราะการเข้าร่อมะดอน ดูดวงจันทร์ แต่เวลาซุรูกดูดวงอาทิตย์) กล่าวคือ ในวันที่29ของเดือนอิสลาม หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ ถ้านักดาราศาสตร์อิสลามคำนวนว่า มีจันทร์เสี้ยวที่สามารถเห็นได้ ณวันนั้น แต่เวลาดูจริงๆทั่วทั้งประเทศไม่เห็นจันทร์เสี้ยวเลย สืบเนื่องจากเพราะฝนจะตก เมฆหนาฟ้ามืด หรือด้วยเหตุอื่นๆ สรุปว่าวันนั้นไม่เห็นจันทร์เสี้ยว ดังนั้นวิธีที่ถูกต้องตามหลักของศาสนา มีอยู่วิธีเดียวคือวันรุ่งขึ้น จะเข้าบวชไม่ได้โดยเด็ดขาด หรือขึ้นวันที่1ของเดือนใหม่ไม่ได้โดยเด็ดขาด ให้นับเดือนนั้นว่ามี30วัน เพราะเรื่องของการขึ้นต้นเดือนอิสลามใหม่นั้น ตามหลักศาสนา ต้องเอาเมฆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย(แต่เวลาละหมาดทั้ง5เวลา รวมทั้งเวลาซุรูกด้วย ตามหลักศาสนาไม่ได้เอาเมฆเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ดังนั้นเวลาซุรูกกับการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เหมือนกัน คืออย่างนี้ ถ้าคำนวนว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่พอดูจริงๆไม่เห็น ก็ให้เลื่อนถัดจากวันรุ่งขึ้นไปอีกหนึ่งวัน เป็นวันที่1ของเดือนใหม่ ส่วนกรณีของเวลาซุรูกตามหลักศาสนาไม่ใช่อย่างนั้น คือสมมุติว่า เวลาซุรูกคือ6.41แต่บังเอิญช่วงนั้นฝนมาฟ้ามืด จะเลื่อนเวลาซูรุก ออกไปจนกว่าฟ้าจะสว่าง ไม่ได้โดยเด็ดขาด) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
    ดังนั้นนักดาราศาสตร์อิสลาม แม้จะคำนวนได้แม่นยำ ว่าวันที่29ของเดือนอิสลาม มีจันทร์เสี้ยวสามารถจะเห็นได้ แต่ไม่มีนักดาราศาสตร์อิสลามคนใดหรอก ที่จะคำนวนได้ว่า ที่จะรู้ได้ว่า วันที่29ของเดือนอิสลามวันนั้น จะมีเมฆมาบดบังหรือไม่ ฝนจะมาฟ้าจะมืดหรือไม่ ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง
     ในฐานะที่ผม ศึกษาเรื่องนี้มาโดยตรง จึงสรุปว่าสมัยนี้ เวลาละหมาดทั้ง5เวลารวมถึงเวลาซุรูก-ดวงอาทิตย์ขึ้น ให้ดูปฏิทินเท่านั้น  ส่วนการเริ่มขึ้นวันที่1ของเดือนใหม่ในเดือนอิสลามนั้น อย่าดูในปฏิทินเป็นอันขาด สำหรับประเทศไทยให้ฟัง ทำตามสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น (อย่าดูการขึ้น วันที่1เดือนใหม่ในปฏิทิน แล้วนำมาปฏิบัติศาสนกิจโดยเด็ดขาด)เพราะไม่มีนักดาราศาสตร์อิสลามคนใด รู้หรอกว่า ณวันที่29 ที่ดูจันทร์เสี้ยวนั้น จะมีเมฆมาบดบังหรือไม่ ฝนจะมาฟ้าจะมืดหรือไม่ หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ มีพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงรู้
ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 24, 2012, 06:27 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ Carrothz

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 120
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
ผมค่อนข้างโน้มเอียงไปทางคุณ مرونة الشريعة กับคุณ มุฟตีน่ะครับ ผมคิดว่าการคำนวณเวลาละหมาดนั้น เพื่อเอามาเสริมการดูดวงอาทิตย์มากกว่า หลักๆ คือดูดวงอาทิตย์ แต่การคำนวนนั้น เพื่อให้สะดวกกว่าเดิม

ประมาณนั้น แต่เผอิญผมดูไม่เป็น ก็ต้องใช้ปฏิทินน่ะแหละ

 

GoogleTagged