แก้ไขเถอะ คำพูดที่ท่านบอกว่า ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดในตอนแรกของท่านที่กล่าวว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" เพราะในอดีตท่านรสูล(ซ.ล.) ก็อาศัยดูแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก หากท่านพูดแบบเหมารวมแบบนี้ก็เท่ากับว่าการกระทำของท่านรสูล(ซ.ล.) ในสมัยอดีต ก็พลอยไม่ถูกต้องไปด้วย คำพูดของท่านนี้ ที่จริงท่านกำลังกล่าวร้ายผมอยู่ เพราะผมกำลังพูดถึงตอนปัจจุบันนี้ ปฏิทินมี ก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก ในเมื่อสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เวลาในการคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทินชัดเจนแหละถูกต้องมากกว่า การสังเกตแดดฯลฯกันเอง ผมไม่ได้บอกเลยว่าที่นบีทำไม่ถูก การดูแดดฯลฯไม่ถูก ผมพูดถึงปัจจุบันนี้เท่านั้น เพราะที่ผมบอกให้ดูปฏิทิน เพื่อเราท่านทั้งหลาย จะได้นำไปปฏิบัติให้ถูก
สิ่งที่ผมบอกก็คือ1.ผมแนะนำว่าถ้าท่านทั้งหลาย ไม่ได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์อิสลามมาโดยตรง ให้ดูปฏิทินอิสลามเท่านั้นเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปดูแสงแดดเอง เพราะเท่ากับใช้การเดาเอาเท่านั้น (สายตาคนเราไม่แน่นอน สายตาอาจจะเสียได้) มีสิ่งที่ดีกว่าการเดา ซึ่งเป็นหลักวิชาการที่แน่นอน ดาราศาสตร์อิสลาม โดยคำนวนจากดวงอาทิตย์ที่มีการโคจรที่แน่นอน ไม่ใช่ว่าคำนวนเดาๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์นั้น โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน55 อายะห์ที5 อย่างเช่นปฏิทินบอกว่า กทม.ซุรูก6.41น. สงขลา6.29 กระบี่6.34ฯลฯ สังเกตดีๆในวันเดียวกันแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นคนละเวลากัน
2.การพิจรณาหลักของศาสนานั้น ในเรื่องนี้ สมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ด้วยมนุษยชาติ ยังไม่มีความสามารถ ในการคำนวนดาราศาสตร์อิสลามอย่างถูกต้องและแม่นยำ พระผู้เป็นเจ้าบอกเวลาละหมาดโดยรวม สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าให้สุดความสามารถที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็คือให้สังเกตดวงอาทิตย์เอาเอง ฯลฯ เรียกว่าการคาดคะเนเอาเองว่าใช่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา โดยมีการโคจรที่แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจึงสอน ให้มนุษยชาติ(นักดาราศาสตร์มุสลิม)ได้รู้ถึง การคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทิน เพื่อให้รู้ถึงเวลาในการเข้าละหมาด- หมดเวลาละหมาด จริงๆว่าเป็นเวลาเท่าใด เพื่อความถูกต้องที่สุดตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา เรียกว่า เปลี่ยนจากการคะเนเอาสู่ความมั่นใจ ดังนั้น ณตอนนี้เราท่านทั้งหลายจะกลับไปดูดวงอาทิตย์ใหม่ฯลฯ เพื่อกำหนดเวลาละหมาด ถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรียกว่าลดจากระดับความมั่นใจสู่การคาดคะเน-ลดจากระดับสูงสู่ระดับต่ำลงมา ลดจากยะกีนสู่รอน ดังนั้นหลักของศาสนา ได้บอกว่าให้ทำอิบาดะห์เท่าที่มีความสามารถ ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าและพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)จะไม่บังคับชีวิตใด นอกจากสิ่งที่ชีวิตนั้นมีความสามารถ(ทำได้ดีที่สุด) ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่286
ผมถามท่านนิดนึงว่า การคำนวนเวลาละหมาดปฏิทิน ถูกต้องกว่าการดูแดดฯลฯเอาเอง เป็นทัศนะของผม หรือเป็นคำสั่งใช้ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด) แหละผมถามอีกนิดนึงว่า ถ้าสมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)มีการคำนวนปฏิทินอย่างถูกต้องได้แล้ว ถามว่าท่านคิดว่าร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)จะเลือกทำแบบใหน ระหว่างดูแดดฯลฯเอาเอง หรือเอาการคำนวนตามปฏิทินที่แม่นยำ ทั้งๆที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
แนะนำว่า ถ้าท่านคิดปกป้องท่านนบี ควรจะนำเสนอว่า ที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ดูแดดฯลฯก็ถูกต้องเพราะ ณตอนนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด(สุดความสามารถที่สุด)ในการหาเวลาละหมาดคือการดูแดดฯลฯ
ที่ท่านบอกว่า ส่วนการต้องรู้ในเรื่องค่าแลต ,ค่าลอง ,ต้องรู้เส้นรู้การขอบฟ้า หรือต้องเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล นี่เป็นวิธีการสมัยใหม่เท่านั้น ซึ่งหลักการสมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมุสลิมเท่านั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมายกเลิกหุก่มเดิมได้ ถือว่ากล่าวร้ายวิชาดาราศาสตร์อิสลาม จากคำพูดนี้ผมเข้าใจได้ว่า ท่านกำลังบอกว่า ฮุก่มเดิมคือการดูแดดก็ต้องดูกันต่อไป ไม่ว่าสมัยใหน ดีกว่าการคำนวนปฏิทิน คือเป็นสิ่งที่ท่านคิดเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่บอกว่า ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
ผมถามท่านนิดนึงว่า ถ้าสามารถยืนละหมาดได้ แต่กลับนั่งละหมาดโดยไม่มีเหตุจำเป็นใดๆทั้งสิ้น การละหมาดจะใช้ได้ใหม เรื่องราวของศาสนาแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้าลงลึกถึงรายละเอียดกันจริงๆ
ผมจะไม่พูดเรื่องนี้(การดูแดดฯลฯ-ปฏิทิน)อีก เพราะถ้าอ่านตั้งแต่เริ่มต้น ชัดเจนอยู่แล้ว เสร็จสิ้นหน้าที่ของผมแล้ว(หน้าที่ของผมคือบอกในสิ่งที่รู้มา) ส่วนการที่ผู้ใดจะเชื่อมั่นหรือไม่นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของผม(พ้นแล้ว)
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแนะนำนั้น เขาก็เป็นผู้รับคำแนะนำ(ได้รับทางนำที่ถูกต้อง) และผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยให้หลงผิด นั้นชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ที่ขาดทุน ซูเราะห์อัลอะรอฟ7 อายะห์ที่178
ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ ไม่ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าห้าม แล้วเราท่านทั้งหลาย จะไม่เป็นคนไม่ดี (คือเป็นคนดีซึ่งทำตัวเหมาะสม) ณฝ่ายพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)
ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
คำพูดที่ท่านบอกว่า ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดในตอนแรกของท่านที่กล่าวว่า "การดูแสงแดดเฉยๆไม่สามารถหาความถูกต้องได้เลย" เพราะในอดีตท่านรสูล(ซ.ล.) ก็อาศัยดูแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก หากท่านพูดแบบเหมารวมแบบนี้ก็เท่ากับว่าการกระทำของท่านรสูล(ซ.ล.) ในสมัยอดีต ก็พลอยไม่ถูกต้องไปด้วย คำพูดของท่านนี้ ที่จริงท่านกำลังกล่าวร้ายผมอยู่ เพราะผมกำลังพูดถึงตอนปัจจุบันนี้ ปฏิทินมี ก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก ในเมื่อสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เวลาในการคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทินชัดเจนแหละถูกต้องมากกว่า การสังเกตแดดฯลฯกันเอง ผมไม่ได้บอกเลยว่าที่นบีทำไม่ถูก การดูแดดฯลฯไม่ถูก ผมพูดถึงปัจจุบันนี้เท่านั้น เพราะที่ผมบอกให้ดูปฏิทิน เพื่อเราท่านทั้งหลาย จะได้นำไปปฏิบัติให้ถูก
สิ่งที่ผมบอกก็คือ1.ผมแนะนำว่าถ้าท่านทั้งหลาย ไม่ได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์อิสลามมาโดยตรง ให้ดูปฏิทินอิสลามเท่านั้นเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปดูแสงแดดเอง เพราะเท่ากับใช้การเดาเอาเท่านั้น (สายตาคนเราไม่แน่นอน สายตาอาจจะเสียได้)
มีสิ่งที่ดีกว่าการเดา ซึ่งเป็นหลักวิชาการที่แน่นอน ดาราศาสตร์อิสลาม โดยคำนวนจากดวงอาทิตย์ที่มีการโคจรที่แน่นอน ไม่ใช่ว่าคำนวนเดาๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์นั้น โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน55 อายะห์ที่5 อย่างเช่นปฏิทินบอกว่า กทม.ซุรูก6.41น. สงขลา6.29
กระบี่6.34ฯลฯ สังเกตดีๆในวันเดียวกันแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นคนละเวลากัน
2.การพิจรณาหลักของศาสนานั้น ในเรื่องนี้ สมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ด้วยมนุษยชาติ ยังไม่มีความสามารถ ในการคำนวนดาราศาสตร์อิสลามอย่างถูกต้องและแม่นยำ พระผู้เป็นเจ้าบอกเวลาละหมาดโดยรวม สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าให้สุดความสามารถที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็คือให้สังเกตดวงอาทิตย์เอาเอง ฯลฯ เรียกว่าการคาดคะเนเอาเองว่าใช่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา โดยมีการโคจรที่แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจึงสอน ให้มนุษยชาติ(นักดาราศาสตร์มุสลิม)ได้รู้ถึง การคำนวนเวลาละหมาด ปฏิทิน เพื่อให้รู้ถึงเวลาในการเข้าละหมาด- หมดเวลาละหมาด จริงๆว่าเป็นเวลาเท่าใด เพื่อความถูกต้องที่สุดตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา เรียกว่า เปลี่ยนจากการคะเนเอาสู่ความมั่นใจ ดังนั้น ณตอนนี้เราท่านทั้งหลายจะกลับไปดูดวงอาทิตย์ใหม่ฯลฯ เพื่อกำหนดเวลาละหมาด ถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรียกว่าลดจากระดับความมั่นใจสู่การคาดคะเน-ลดจากระดับสูงสู่ระดับต่ำลงมา ลดจากยะกีนสู่รอน ดังนั้นหลักของศาสนา ได้บอกว่าให้ทำอิบาดะห์เท่าที่มีความสามารถ ที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าและพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)จะไม่บังคับชีวิตใด นอกจากสิ่งที่ชีวิตนั้นมีความสามารถ(ทำได้ดีที่สุด) ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่286 ผมถามท่านนิดนึงว่า การคำนวนเวลาละหมาดปฏิทิน ถูกต้องกว่าการดูแดดฯลฯเอาเอง เป็นทัศนะของผม หรือเป็นคำสั่งใช้ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ แหละผมถามอีกนิดนึงว่า ถ้าสมัยร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)มีการคำนวนปฏิทินอย่างถูกต้องได้แล้ว ถามว่าท่านคิดว่าร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)จะเลือกทำแบบใหน ระหว่างดูแดดฯลฯเอาเอง หรือเอาการคำนวนตามปฏิทินที่แม่นยำ ทั้งๆที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
แนะนำว่า ถ้าท่านคิดปกป้องท่านนบี ควรจะนำเสนอว่า ที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ดูแดดฯลฯก็ถูกต้องเพราะ ณตอนนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด(สุดความสามารถที่สุด)ในการหาเวลาละหมาดคือการดูแดดฯลฯ
ที่ท่านบอกว่า ส่วนการต้องรู้ในเรื่องค่าแลต ,ค่าลอง ,ต้องรู้เส้นรู้การขอบฟ้า หรือต้องเทียบเวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล นี่เป็นวิธีการสมัยใหม่เท่านั้น ซึ่งหลักการสมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมุสลิมเท่านั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมายกเลิกหุก่มเดิมได้ ถือว่ากล่าวร้ายวิชาดาราศาสตร์อิสลาม จากคำพูดนี้ผมเข้าใจได้ว่า ท่านกำลังบอกว่า ฮุก่มเดิมคือการดูแดดก็ต้องดูกันต่อไป ไม่ว่าสมัยใหน ดีกว่าการคำนวนปฏิทิน คือเป็นสิ่งที่ท่านคิดเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่บอกว่า ให้ทำให้สุดความสามารถ(ทำให้ดีที่สุด)
ผมถามท่านนิดนึงว่า ถ้าสามารถยืนละหมาดได้ แต่กลับนั่งละหมาดโดยไม่มีเหตุจำเป็นใดๆทั้งสิ้น การละหมาดจะใช้ได้ใหม เรื่องราวของศาสนาแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้าลงลึกถึงรายละเอียดกันจริงๆ
ผมจะไม่พูดเรื่องนี้(การดูแดดฯลฯ-ปฏิทิน)อีก เพราะถ้าอ่านตั้งแต่เริ่มต้น(ตั้งแต่แรกของหัวข้อนี้) ชัดเจนอยู่แล้ว เสร็จสิ้นหน้าที่ของผมแล้ว(หน้าที่ของผมคือบอกในสิ่งที่รู้มา) ส่วนการที่ผู้ใดจะเชื่อมั่นหรือไม่นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของผม(พ้นแล้ว)
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแนะนำนั้น เขาก็เป็นผู้รับคำแนะนำ(ได้รับทางนำที่ถูกต้อง) และผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยให้หลงผิด นั้นชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ที่ขาดทุน ซูเราะห์อัลอะรอฟ7 อายะห์ที่178
ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ ไม่ทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าห้าม แล้วเราท่านทั้งหลาย จะไม่เป็นคนไม่ดี (คือเป็นคนดีซึ่งทำตัวเหมาะสม) ณฝ่ายพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)
ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา