ตามหลักการของศาสนาอิสลาม หลักฐานที่แข็งแรงที่สุดคืออัลกุรอ่าน รองลงมาคืออัลฮะดิษ รองลงมาอิจมาอฺ รองลงมากิยาส
ตอบถูกต้อง และยังมีหลักฐานอื่นๆที่บรรดาอุลามาอ์เห็นต่างกัน เช่นคำพูดของซอฮาบะห์ มะซอลิฮ์มุรซาละห์ เป็นต้น
...
ขอหลักฐานด้วย กุรอ่าน หรือฮะดิษที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้(ในหนังสือที่ท่านนำมาเสนอนี้ ระบุถึงหลักฐานทางกุรอ่านหรือไม่ มีฮะดิษหรือไม่ ในหนังสือทั้ง2เล่มที่ท่านนำมาอ้างนี้ ที่ผมรู้มีอยู่ฮะดิษเดียว เหมือนกับฮะดิษ ที่ผมได้นำเสนอไปแล้ว แต่ในประเด็นอื่นๆ ไม่เห็นมีระบุถึงหลักฐานทางกุรอ่าน หรือฮะดิษเลย ถ้าในหนังสือมีระบุนำมาบอกด้วย ถ้าไม่มีระบุ ลองคิดดูว่าจะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี
ตอบหลักฐานในหนังสือ อัลบะยาน อัลกอวีมู่ ของ เซค อาลี ญุมอัต จากอัลกรุอาน สูเราะห์ ยูนุส อายะห์ที่ 101 สูเราะห์ อันกาบูร อายะห์ที่ 20 สูเราะห์ อิสรออ์ อายะห์ที่ 12 สูเราะห์ ยาสีน อายะห์ที่ 38-40
หลักฐานในหนังสือฟิกฮ์ อัซซิยาม ของ ดร.ยูซุฟ อัลก๊อรฏอวีย์ จากฮาดิษ
«صوموا لرؤيته وأفطروا لرؤيته،
فإن غُبِّيَ عليكم فأكملوا عدّة شعبان ثلاثين يوماً».
«صوموا لرؤيته وأفطروا لرؤيته،
فإن غُمَّ عليكم فأكملوا العدّة ثلاثين
إنّما الشهر تسع وعشرون، فلا تصوموا حتى تروه، فإن غُمَّ عليكم
فاقدروا لهความหมายของคำว่า فاقدروا لهหมายความว่า ضيقواله ทำให้แคบลงมา ท่านอีหม่ามนาวาวีย์ได้กล่าวไว้ใน มัญมั๊วว่า ท่านอะห์มัดและกลุ่มกนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่มากได้กล่าวว่า قدربمعنى ضيق เหมือนกับที่อัลลอฮ์ซ.บได้กล่าวไว้ว่า قدرعليه رزقه ริสกีของเขาได้ถูกทำให้แคบลงสำหรับเขาแล้ว คือเครื่องปัจจัยน้อยลงนั้นเอง
...
ตอนนี้ท่านกลับนำมาบอกอีกอย่างแล้ว คือบอกว่า 1. (ในหนังสือ ฟิกฮ์ อัซซิยาม ของ ดร.ยูซุฟ อัลก๊อรฏอวีย์ หน้าที่ 23 และหน้าต่อๆไปบอกว่า) การเข้าเดือนของเดือนรอมาดอนนั้นเกิดขึ้นได้ 3 ทางด้วยกัน 1 เห็นจันทร์เสี่ยว 2 นับให้ครบ 30 วัน 3 คาดการณ์เอาโดยนักดาราศาสตร์ที่มีความแม่นยำและเชื่อถือได้ในวันที่ 29 ซะบาน และท่านยังกล่าวไว้อีกว่า ท่านอีหม่ามสุบกีย์ได้ถูกถามเกี่ยวกับนักดาราศาสตร์ที่พวกเขาได้คำนวนไว้แล้วว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีการเห็นเดือนแล้วมีคนมาอ้างว่าเขานั้นได้เห็นเดือนไว่าว่าจะคนเดียวหรือ2คนก็ตาม ท่านบอกว่า คนที่เห็นนี้โกหกแล้ว เพราะวันนั้นจะไม่มีเดือนปรากฏให้เห็น (ฟะตาวา อัสสุบกีย์ 1/279-280)
และในหนัวสือเล่มนี้เช่นเดียวกันบอกว่าการคำนวนหรือหลักดาราศาสตร์นั้นใช้ทั้งการดูเดือนบวชและเวลาของการละหมาดด้วยไม่ได้จำกัดเฉพาะเวลาของการละหมาดเท่านั้น
สรุปว่าตอนนี้ท่าน บอกว่าท่านอีหม่ามสุบกีย์ได้ถูกถามเกี่ยวกับนักดาราศาสตร์ที่พวกเขาได้คำนวนไว้แล้วว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีการเห็นเดือนแล้วมีคนมาอ้างว่าเขานั้นได้เห็นเดือนไว่าว่าจะคนเดียวหรือ2คนก็ตาม ท่านบอกว่า คนที่เห็นนี้โกหกแล้ว เพราะวันนั้นจะไม่มีเดือนปรากฏให้เห็น (ฟะตาวา อัสสุบกีย์ 1/279-280)
ผมขอบอกว่าเรื่องนี้ในประเทศไทยเรา มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ถามว่าจริงๆควรปฏิบัติเช่นไร ผมยังยืนยันคำเดิมว่า ต้องตามการประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี เพราะจริงๆแล้วเป็นหน้าที่ของสำนักจุฬาราชมนตรีโดยตรง แหละเป็นความรับผิดชอบโดยตรง ไม่ใช่หน้าที่ของนักดาราศาสตร์อิสลาม เลยแม้แต่น้อย ดังมีหลักฐานดังต่อไปนี้
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
ตอบข้อนี้ท่านเข้าใจผมผิดถนัดเลยทีเดียว ผมไม่ได้พูดเรื่องไม่ให้ตามจุฬาอย่าสับสนสิ เรื่องนักดาราศาสตร์ คนละเรื่องกับการตามจุฬาหรือไม่ตาม และผมก็กล้าบอกท่านได้ว่าผมตามจุฬาครับหลักฐานในการตามมีเยอะส่วนหนึ่งคือสิ่งที่ท่านได้บอกไว้แล้ว เรื่องความเห็นต่างของบรรดาอุลามาอ์ถ้าจุฬาให้น้ำหนักอันไหนผมก็ตาม
ความต่างในเรื่องศาสนาคือเราะห์มัต ความเมตตา ไม่ใช่นิกมัต การลงโทษครับ
...
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
ส่วนคำพูดของท่านที่ว่า2.(ในหนังสือ อัลบะยาน อัลกอวีมู่ ของ เซค อาลี ญุมอัต หน้า 127-129 บอกไว้คล้ายๆกันกับสิ่งที่ ดร.ยูซุฟ ก๊อรฏอวีย์ได้กล่าวเอาไว้) เกี่ยวกับการคำนวนการเข้าบวช การละหมาดทั้ง5เวลารวมถึง หัวข้อที่ได้พูดกันอยู่ คือ เวลา ซูรูก อุลามาอ์นักดาราศาสตร์เห็นตรงกันว่าเรื่องการคำนวนนั้นเป็นเรื่องที่ ยาเกน มั่นใจ ส่วนการมองนั้น ซอนนีย์ ไม่มั่นใจ ดังนั้น เรื่องของการดูตามปฏิทินในเวลาซูรูกตามได้แน่นอน แต่ฮุก่มตรงนี้อุลามาอ์เห็นต่างกันดังนั้นอย่ายึดติดจนเกินไป สิ่งที่เราได้กล่าวมาตามปฏิทินก็ถูก ดูแสงอาทิตย์ก็ได้ในเวลาที่ปรกติไม่ใช่วันที่ฟ้าฝนครึ่ม และข้อดีที่แน่นอนเลยไม่มีใครแย้งกันคือละหมาดก่อนเข้าเวลาซูรูกนั้นเอง ถ้าสร้างความไม่พอใจขอมอัฟไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ วัลลอฮุ อะลัม
เรื่องนี้ผมก็ได้อธิบายชัดเจนมาแล้วอีกเช่นกัน ส่วนที่ท่านนำมาอ้างในหัวข้อที่2นี้ ขอหลักฐานด้วย หลักฐานทางกุรอ่าน หรือฮะดิษ หรือกิตาบเล่มใดก็ได้ที่ระบุถึงหลักฐานทางกุรอ่าน หรือฮะดิษด้วย อย่าเอาแค่คำพูดของนักวิชาการมาอย่างเดียว อ่อน ยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก
เพราะ
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล(กิตาบและซุนนะห์ ว่าทั้งสองกล่าวว่าอย่างไร ก็ทำตาม อย่าดื้อรั้น) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง ซูเราะห์อันนิซาอฺ4 อายะห์ที่59
ตอบหลักฐานยกให้ไปแล้ว ส่วนหลักฐานที่ท่านยกมา ถ้าเกิดความขัดแย้งในเรื่องราวของศาสนาให้กลับไปยังกรุอานและฮาดิษ ผมก็ถามกลับว่าถ้าไม่มีในกรุอานและฮาดิษหล่ะจะทำไง
ส่วนตามผู้นำในอายะห์นี้หมายถึงถ้าผู้นำได้ใช้กับสิ่งที่ไม่ได้ผิดกับหลักการของศาสนาตามได้ถ้าผิดเมื่อไหร่ก็ห้ามตาม
...
ผมแนะนำนิดนึงว่า บางคนเห็นว่าการขัดแย้งทางด้านความคิด ในศาสนา หมายถึงการแตกแยก จริงๆแล้วในหมู่ชนที่พัฒนาแล้ว เค้าถือกันว่าการระดมความคิด แน่นอนอาจต้องมีการขัดแย้งกันบ้าง เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด ความจริงที่สุด ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่การแตกแยกหรือเอาชนะเอาแพ้แต่ประการใด คิดบวกกันเถอะแล้วชีวิตจะมีความสุข (ถ้าพี่น้องท่านใด พึ่งจะเริ่มเข้ามาดูในกระทู้นี้ ควรอ่านตั้งแต่เริ่มต้น หน้าหนึ่งเลย เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจ)
ตอบอย่างที่ได้บอกไว้แล้วข้างต้น ความเห็นต่างในเรื่องศาสนาถือเป็นเราะห์มัตความเมตตาจากอัลลอฮ์ซ.บ แต่ความแตกแยกมันเกิดขึ้น เพราะบางคนตะอัซซุบกับสิ่งที่ตนได้ยึดเอา บ้างก็ไม่ได้มีความรู้สักเท่าไหร่สาว่าตนเองนั้นเก่งแล้วอาเลมแล้ว บ้างก็ได้แค่รู้แต่ไม่เข้าใจไม่รู้ถึงสถานการณ์ของผู้ถามไม่รู้ว่าบรรดานักวิชาการมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้จะเอาของตนอย่างเดียว บ้างก็ไม่ใช่มุจตะฮิดและไม่ใช่อะห์ลุ้ลกะชัฟดันเอาอัลกรุอานหรือฮาดิษที่ยังคลุ่มเคลือ(ซอนนีย์)อยู่มาตอบให้ชาวบ้านได้ฟังผลคือความแตกแยก หรือหายนะนั้นเอง ส่วนตัวผมตามบรรดาอุลามาอ์ ผมมุกอลลิด ไม่ใช่มุจตะฮิด วายิบสำหรับผมต้องตามอุลามาอ์ เพราะอัลลอฮ์ซ.บได้กล่าวเอาไว้ว่า พวกเจ้าจงถามผู้ที่มีความรู้จริงรู้อย่างชัดแจ้งหากสู่เจ้าไม่รู้ ไม่ว่าจะเรื่องดุนยาหรือศาสนาก็ตาม
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้านาฬิกาเราเสียเราจะซ่อมเองใหมทั้งที่เราเองก็ไม่ชำนาญในการซ่อมมัน หรือจะเอาไปให้ช่างที่เขามีความชำนาญในการซ่อมมันคิดเอา
(ในฟะตาวา มุอาซอเราะห์ ของ ดร.วะห์บะห์ อัสซุหัยลีย์ กล่าวว่า من قلدعالمالقي الله سالما ใครที่เขาตามผู้รู้เขาย่อมกลับไปพบกับพระองค์อย่างปลอดภัย มุมกลับกันใครที่ไม่ตามผู้รู้เขาจะไปพบกับอัลลอฮ์ซ.บในสภาพอย่างไรคิดเอานะครับ)วัลลอฮุ อะลัม
...