ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน  (อ่าน 5246 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 50 - 52


คำอ่าน
50. วะละก็อดศ็อร์ร็อฟนาฮุบัยนะฮุม ลิยัซซักกะรู ฟะอะบา..อักษะรุน..นาสิ อิลลากุฟูรอ
51. วะเลาชิอ์นา ละบะอัษนาฟีกุลลิ ก็อรฺยะติน..นะซีรอ
52. ฟะลาตุฏิอิลกาฟิรีนะ วะญาฮิดฮุม..บิฮี ญิฮาดัน..กะบีรอ


คำแปล R1.
50. And indeed we have distributed it (rain or water) amongst them in order that they may remember the Grace of Allah, but most men refuse (or deny the truth or faith) and accept nothing but disbelief or ingratitude.
51. And had we willed, we would have raised a Warner in every town.
52. So obey not the disbelievers, but strive against them (by preaching) with the utmost endeavour, with it (the Qur'an).


คำแปล R2.
50. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ผันแปรฝน(ให้ตกในที่ต่าง ๆ ดดยสับเปลี่ยน)ในระหว่างพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้สำนึก แต่แล้วมนุษย์ส่วนมากกลับขัดขืน นอกจากมีการเนรคุณถ่ายเดียว
51. และหากเราประสงค์ เราย่อม (ทรงอำนาจ)ส่ง(ศาสนทูต)ผู้ตักเตือนในทุก ๆ เมือง
52. ดังนั้นเจ้าอย่าเชื่อฟังพวกไร้ศรัทธา และจงต่อสู้อย่างมหันต์กับพวกนั้นด้วย(หลักฐานของอัลกุรอาน)


คำแปล R3.
50. เราได้แสดงปรากฏการณ์เช่นเดียวกันนี้ต่อหน้าพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่พวกเขาจะได้คิด แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่ยอมรับอะไรนอกไปจากการปฏิเสธและการเนรคุณ
51. และหากเราประสงค์เราจะให้มีผู้ตักเตือนขึ้นในทุก ๆ เมืองก็ได้
52. ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอย่าปฏิบัติตามผู้ปฏิเสธ แต่จงต่อสู้พวกเขาด้วยกุรอานนี้อย่างอุตสาหะ


คำแปล R4.
50. และโดยแน่นอนเราได้ชี้แจงมัน (อัลกุรอาน) ระหว่างพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้พิจารณาแต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่ยอมรับนอกจากการดื้อดึงและปฏิเสธ
51. และหากเราประสงค์ แน่นอนเราก็จะส่งผู้ตักเตือนไปยังทุก ๆ เมือง
52. ดังนั้น เจ้าอย่าเชื่อฟังพวกปฏิเสธศรัทธาและจงต่อสู้ดิ้นรนกับพวกเขาด้วยมัน(อัลกุรอาน) โดยการต่อสู้ดิ้นรนอันยิ่งใหญ่


คำแปล R5.
๕๐. และแท้จริงเราได้แจกจ่ายฝนในระหว่างพวกเขาทั้งหลาย ในสถานต่าง ๆ ให้ได้รับโดยทั่วถึงกัน โดยการสับเปลี่ยนของฤดูกาลแต่ละภูมิภาค ทั้งนี้เพื่อพวกเขาทั้งหลายจักได้ระลึกถึงความโปรดปรานของพระองค์ และมีศรัทธาในพระองค์ แต่แล้วมนุษย์ส่วนมากได้ขัดขืน ซึ่งมิใช่เพราะเหตุใดเลย เว้นแต่ความเนรคุณที่เขามีอยู่เท่านั้น
๕๑. และมาดแม้นเราประสงค์ที่จะส่งศาสนทูตมาสู่ชุมชนต่าง ๆ แน่นอนเราก็ทรงอำนาจและอภิสิทธิ์ที่จะส่งมาในทุก ๆ เมืองซึ่ง ศาสนทูตผู้ตักเตือนโดยไม่เว้นแม้แต่เมืองใด แต่เราก็ไม่ประสงค์เช่นนั้น สิ่งที่เราประสงค์คือส่งเจ้ามาเพียงคนเดียวเพื่อเป็นศาสนทูตประกาศสัจธรรมของเราแก่ชุมชนทั้งหลายในโลกนี้โดยทั่วไป ดังนั้นเจ้าจึงหาใช่ศาสนทูตเพื่อชุมชนของเจ้าโดยเฉพาะไม่ หากภารกิจของเจ้านั้นมีกว้างขวางครอบคลุมทั่วทุกชุมชนในโลกนี้
๕๒. ดังนั้น โอ้มุฮำมัดเจ้าจงอย่าภักดีและเชื่อฟังบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย ที่พวกเขาชักชวนเจ้าให้ร่วมแนวทางเดียวกับพวกเขา แต่เจ้าจงต่อสู้กับพวกนั้นให้ยิ่งใหญ่เถิด เพราะพวกเขาไม่มีจิตใจอันอ่อนน้อมที่จะเชื่อฟังเจ้าโดยดีหรอกและเจ้าไม่ต้องมุ่งหวังที่จะได้รับความรักอันแท้จริงจากพวกนั้น เพราะคนพวกนั้นเขาเกลียดชังเจ้าและมุ่งหวังที่จะทำลายเจ้าทุกขณะ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 53 - 54


คำอ่าน
53. วะฮุวัลละซีมะเราะญัลบะหฺร็อยนิ ฮาซาอัซบุน..ฟุรอตู..วะฮาซามิลหุน อุญาจญฺ วะญะอะละบัยนะฮุมา บัรฺซะค็อว..วะหิจญร็อม..มะหฺญูรอ
54. วะฮุวัลละซีเคาะละเกาะ มินัลมา...อิบะชะร็อน..ฟะญะอะละฮูนะสะเบา..วะศิฮฺรอ วะกานะร็อบบุกะเกาะดีรอ


คำแปล R1.
53. And it is he who has let free the two seas (kinds of water), one palatable and sweet, and the other salt and bitter, and He has set a barrier and a complete partition between them.
54. And it is He who has created man from water, and has appointed for him kindred by blood, and kindred by marriage. And your Lord is ever All-Powerful to do what He will.


คำแปล R2.
53. และพระองค์ทรงดลบันดาลสองทะเลให้ไหลเอ่อ ทะเลนี้มีรสจืดสนิท และทะเลนี้มีรสเค็มจัด และทรงบันดาลฉากกั้นระหว่างทั้งสอง และ(บันดาล)เขตหวงห้ามไว้(มิให้รสชาติของทั้งสองแปรเปลี่ยน แม้จะมีสายน้ำติดต่อกันก็ตาม
54. และพระองค์ทรงบันดาลมนุษย์มาจากน้ำ(อสุจิ) แล้วทรงบันดาลเขาให้มีการสืบสายตระกูลและมีการเกี่ยวดองกัน และองค์อภิบาลของเจ้าทรงเดชานุภาพยิ่ง


คำแปล R3.
53. และพระองค์ได้ทรงปล่อยทะเลทั้งสองออกมา ทะเลหนึ่งจืดสนิทเป็นที่ชื่นใจ และอีกทะเลหนึ่งขมและเค็มจัด และพระองค์ได้ทรงทำให้มีที่กั้นกลางระหว่างทะเลทั้งสองนี้ ซึ่งเป็นสิ่งขวางกั้นที่ไม่อาจล่วงล้ำกันได้
54. และพระองค์คือผู้ทรงสร้างมนุษย์จากน้ำและพระองค์ได้ทรงทำให้เขามีเครือญาติโดยสายเลือดและโดยการแต่งงานและพระผู้อภิบาลของสูเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเสมอ


คำแปล R4.
53. และพระองค์คือผู้ทรงทำให้ทะเลทั้งสองบรรจบติดกัน อันนี้จืดสนิทและอันนี้เค็มจัดและทรงทำที่คั่นระหว่างมันทั้งสอง และที่กั้นขวางอันแน่นหนา
54. และพระองค์คือผู้ทรงบังเกิดมนุษย์จากน้ำ(อสุจิ) และทรงทำให้มีเชื้อสายและเครือญาติ และพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพ


คำแปล R5.
๕๓. และพระองค์อัลเลาะห์ทรงปล่อยสองทะเลซึ่งอยู่ใกล้ชิดติดกันให้ทั้งสองคงสภาพเดิมของตัวเองไว้มิให้ผสมผสานรวมกันเป็นทะเลเดียว รสเค็มของน้ำทะเลไม่สลายไปเพราะความจืดของสายน้ำที่อยู่ติดต่อกัน ทั้ง ๆที่สายน้ำนี้จืดสนิทและอีกสายนี้เค็มจัด เมื่อสายน้ำทั้งสองสายได้มาบรรจบกัน ความเค็มความจืดของทั้งสองสายนั้นก็ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และประหนึ่งว่าพระองค์ได้บันดาลสิ่งกีดขวางและม่านกั้นไว้ในระหว่างสายน้ำทั้งสองนั้นมิให้มันมาผสมรวมเป็นสายน้ำเดียวกัน
๕๔. และพระองค์ อัลเลาะห์ได้ทรงบันดาลมนุษย์ให้เกิดจากน้ำอสุจิ และทรงให้ธาตุน้ำเป็นส่วนปัจจัยอันสำคัญที่มนุษย์ต้องอาศัย โดยร่างกายของเราต้องประกอบด้วยน้ำมีอัตราถึง ๒ ใน ๓ และพระองค์ได้บันดาลเขาให้เป็นเพศชายเพื่อการสืบเชื้อสายและตระกูล และให้เป็นเพศหญิงเพื่อการเกี่ยวดองเมื่อได้สมรสกันก็จะเกิดสภาพเกี่ยวดองกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่อาจสืบเชื้อสายหรือตระกูลของตนเองให้ยืดยาวไปได้ และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นย่อมทรงอานุภาพเสมอในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 55 - 58


คำอ่าน
55. วะยะอฺบุดูนะมิน..ดูนิลลาฮิ มาลายัน..ฟะอุฮุม วะลายะฎุรฺรุฮุม วะกานัลกาฟิรุ อะลาร็อบบิฮีเซาะฮีรอ
56. วะมา..อัรฺสัลนากะ อิลลามุบัชชิร็อว..วะนะซีรอ
57. กุลมา..อัสอะลุกุม อะลัยฮิมินอัจญริน อิลลามัน..ชา...อะ อัย..ยัตตะคิซะอิลาร็อบบิฮี สะบีลา
58. วะตะวักกัลอะลัลหัยยิลละซีลายะมูตุ วะสับบิหฺบิหัมดิฮี วะกะฟาบิฮี บิซุนูบิ อิบาดิฮี เคาะบีรอ


คำแปล R1.
55. And they (disbelievers, polytheists, etc.) worship besides Allah, that which can neither profit them nor harm them, and the disbeliever is ever a helper (of the Satan) against his Lord.
56. And we have sent you (O Muhammad) only as a bearer of glad tidings and a Warner.
57. Say: "No reward do I ask of you for this (that which I have brought from my Lord and its preaching, etc.), save that whosoever wills, may take a Path to his Lord.
58. And put your trust (O Muhammad) in the ever living one who dies not, and glorify his praises, and sufficient is He as the All-Knower of the sins of his slaves;


คำแปล R2.
55. และพวกเขานมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ ต่อสิ่งซึ่งไม่อำนวยคุณแก่พวกเขาและไม่ยังอันตรายแก่พวกเขา และพวกไร้ศรัทธาย่อมร่วมมือกัน(ในการทรยศ)ต่อองค์อภิบาลของเขา
56. และเรามิได้ส่งเจ้าเป็นศาสนทูต(เพื่ออื่นใด) นอกจากให้เป็นผู้แจ้งข่าวดี และเป้นผู้ตักเตือน
57. จงประกาศเถิด “ฉันมิได้ขอค่าจ้างใด ๆ จากพวกท่านในการเผยแพร่นั้น นอกจากว่าผู้ใดปรารถนาที่จะยึดแนวทางสู่องค์อภิบาลของเขา(ก็จงศรัทธาเถิด)”
58. และเจ้าจงมอบหมายเถิดต่อองค์พระผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิจซึ่งไม่ทรงมรณะ และจงแซ่ซ้องสดุดีพระบพิตร์ธิคุณ พร้อมกับสรรเสริญพระองค์ และย่อมเป็นการเพียงพอแล้วกับพระองค์ ที่ทรงรู้ลึกซึ้งยิ่งนักในมวลบาปของข้าทาสของพระองค์


คำแปล R3.
55. แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังเคารพภักดีสิ่งที่ไม่สามารถยังคุณให้โทษแก่พวกเขาแทนอัลลอฮฺ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ปฏิเสธยังได้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือของผู้ที่ต่อต้านพระผู้อภิบาลของเขาด้วย
56. (โอ้ มุฮัมมัด) เราได้ส่งเจ้ามาเพียงเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน
57. จงบอกพวกเขาว่า “ฉันไม่ได้ขอสิ่งตอบแทนใด ๆ จากพวกท่านเพื่องานนี้ นอกจากจะขอให้ใครก็ตามที่ต้องการ ได้ยึดเอาแนวทางที่ไปยังพระผู้อภิบาลของเขา
58. (โอ้ มุฮัมมัด) จงไว้วางใจในผู้ทรงดำรงชีวิตอยู่เสมอและผู้ทรงไม่มีวันตาย และจงสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์เท่านั้นเพียงพอแล้วที่จะรู้ถึงตวามผิดบาปของปวงบ่าวของพระองค์


คำแปล R4.
55. และพวกเขาเคารพอิบาดะฮฺอื่นจากอัลลอฮฺซึ่งมันไม่ให้คุณแก่พวกเขาและไม่ให้โทษแก่พวกเขา และผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นเป็นผู้ช่วยเหลือ (ชัยฏอน) ให้ฝ่าฝืนพระเจ้าของเขา
56. และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด นอกจากเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน
57. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ฉันมิได้ขอค่าจ้างจากพวกท่านในการเผยแพร่ เว้นแต่ว่าผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายึดเป็นแนวทางไปสู่พระเจ้าของเขา
58. และเจ้าจงมอบหมายต่อพระผู้ทรงดำรงชีวิตตลอดกาล ไม่ตาย และจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์ และพอเพียงแล้วสำหรับพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้ในความผิดทั้งหลายของปวงบ่าวของพระองค์


คำแปล R5.
๕๕. และบรรดามุซริกีนผู้นับถือเจ้าหลายองค์เทียบเคียงกับอัลเลาะห์พวกเขาทำการนมัสการสิ่งต่าง ๆ นอกจากอัลเลาะห์ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่พวกเขานมัสการนั้นหาได้อำนวยคุณและยังโทษกับพวกเขาไม่ พวกเขาก็ยังคงหลงเพ้อนมัสการอย่างคลั่งไคล้และโง่เขลา และบุคคลผู้เนรคุณย่อมสนับสนุนมารร้ายเพื่อการต่อต้านเหนือ ศาสนทูตแห่งพระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงอภิบาลเขาเอง โดยเหตุที่เขายอมภักดีต่อมารร้ายนั้น
๕๖. และโอ้มุฮำมัด เรามิได้ส่งเจ้ามายังมวลมนุษย์ทั้งหลายเพื่อประโยชน์อื่นใดเลยนอกจากเป็นผู้ประกาศข่าวดีให้มวลมนุษย์ได้ปฏิบัติการภักดีต่าง ๆ โดยพร้อมกันเพื่อจักได้รับการตอบสนองด้วยสวรรค์และเป็นผู้ตักเตือนพวกเขาให้เว้นการประพฤติชั่ว และให้หวาดกลัวการลงโทษของไฟนรก
๕๗. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวแก่ประชากรที่เจ้าถูกส่งตัวมาเถิดว่า ข้ามิได้ขอสินจ้างใด ๆ จากพวกเจ้าทั้งหลายเนื่องในการปฏิบัติภารกิจเพื่อประกาศสัจธรรมนั้นของข้าเลย แต่ทว่าถ้าหากมีผู้ใดปรารถนาที่จะยึดเอาวิถีทางหนึ่งเพื่อการทำตัวให้ใกล้ชิดสู่พระองค์อัลเลาะห์พระผู้อภิบาลของเขา เขาก็ย่อมจะกระทำได้ด้วยการบริจาคปัจจัยและทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นทานและเป็นสาธารณกุศลในทางของอัลเลาะห์ ซึ่งข้าจะไม่ห้ามเขาในการกระทำดังกล่าว
๕๘. โอ้มุฮำมัดและเจ้าจงมอบหมายความไว้วางใจต่อองค์พระผู้ทรงพระชนม์เถิด ซึ่งพระองค์ทรงดำรงอยู่ชั่วนิจนิรันดร ไม่สิ้นพระชนม์ไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตาม และเจ้าจงถวายสดุดีพระบพิธิคุณพร้อมด้วยการสรรเสริญพระองค์เถิด โดยกล่าวว่า “ซุบฮานัลลอฮิวัลอัมดุลิลลาห์” และย่อมพอเพียงกับพระองค์เพียงองค์เดียวที่ทรงรอบรู้ในโทษานุโทษของมวลบ่าวของพระองค์ ที่พวกเขาได้ประกอบไว้เมื่ออดีตกาลซึ่งทุกโทษที่พวกเขาประกอบไว้นั้น ไม่รอดเร้นไปจากพระองค์เลย ดังนั้นพระองค์จึงนำมาพิจารณาพิพากษาได้อย่างครบถ้วนและโดยละเอียด ซึ่งภาระในการพิจารณาดังกล่าวนั้นหาได้เป็นของเจ้าไม่ ถึงเขาจะศรัทธาหรือทรยศก็ตาม เจ้าก็ไม่มีข้อถูกตำหนิแต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะเจ้ามีหน้าที่เพียง “ประกาศ” และ “ตักเตือน” ดังกล่าวแล้ว หาได้มีหน้าที่ “พิพากษา” และ “ลงโทษ” ผู้ใดไม่


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 59 - 60

[/quran]

คำอ่าน
59. อัลละซีเคาะละก็อสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะ วะมาบัยนะฮุมา ฟีสิตตะติอัยยามิน..ษุม..มัสตะวาอะลัลอัรฺชิ อัรฺเราะหฺมานุ ฟัสอัลบิฮีเคาะบีรอ
60. วะอิซากีละละฮุมุสญุดูลิรฺเราะหฺมานิ กอลูวะมัรฺเราะหฺมานุ อะนัสญุดุลิมาตะอ์มุรุนา วะซาดะฮุมนุฟูรอ


คำแปล R1.
59. Who created the heavens and the earth and all that is between them in six days? Then He Istawa (rose over) the Throne (in a manner that suits his Majesty). The most Beneficent (Allah)! Ask him (O Prophet Muhammad), (concerning his qualities, his rising over his Throne, his creations, etc.), as He is Al-Khabir(the All-Knower of everything i.e. Allโh).
60. And when it is said to them: "Prostrate to the Most Beneficent (Allah)! They say: "And what is the Most Beneficent? Shall we fall down in prostration to that which you (O Muhammad) command us?" And it increases in them only aversion.


คำแปล R2.
59. พระผู้ทรงบันดาลฟากฟ้า, แผ่นดิน และสรรพสิ่งระหว่างทั้งสองในหกวาระ หลังจากนั้นทรงสถิตบนบัลลังก์(แห่งอำนาจ), ทรงเมตตายิ่ง, ดังนั้นเจ้าจงถาม(ผู้ทรงภูมิรู้)ถึงเรื่อง(ที่เกี่ยวกับการบันดาลต่าง ๆ)นั้นเถิด
60. และเมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านจงกราบนมัสการ ต่อองค์พระผู้ทรงเมตตายิ่งเถิด” พวกเขาย้อนถามว่า “และอะไรเล่าที่ว่า ผู้ทรงเมตตายิ่งนั้น ? จะให้พวกเราทำการกราบนมัสการต่อสิ่งที่ท่านใช้พวกเรากระนั้นหรือ ? และคำสั่งดังกล่าวได้เพิ่มพูนพวกเขาแต่ความหน่ายหนีเท่านั้น


คำแปล R3.
59. ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นในเวลา 6 วัน หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงสถิตมั่นอยู่บนบัลลังก์(แห่งอำนาจของจักรวาล) พระองค์เป็นผู้ทรงกรุณา ดังนั้นจงถามใครก็ได้ที่รู้ถึงเรื่องนั้น
60. และเมื่อได้มีกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงกราบต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี” พวกเขากล่าวว่า “อะไรคือพระผู้ทรงกรุณาปรานี ? ท่านจะให้เรากราบต่อผู้ที่ท่านต้องการอย่างนั้นหรือ ? และนี่มีแต่ทำให้พวกเขามีความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น


คำแปล R4.
59. พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างสองนั้น ในระยะเวลา 6 วัน แล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบังลังก์ พระผู้ทรงกรุณาปรานี ดังนั้นจงถามผู้รู้เกี่ยวกับพระองค์
60. และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า จงสุญูดต่อพระผู้ทรงปรานี พวกเขาได้กล่าวว่า ใครคือพระผู้ทรงกรุณาปรานี จะให้เราสุญูดตามที่ท่านสั่งเรากระนั้นหรือ?” และมันได้เพิ่มการหันห่างออกไปแก่พวกเขา



คำแปล R5.
๕๙. พระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงบันดาลเจ็ดชั้นฟ้าและเจ็ดชั้นแผ่นดินและสรรพสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างมันทั้งสองในหกวัน หลังจากนั้นพระองค์ทรงมุ่งสร้างและปกครองฟ้าชั้นที่เก้าซึ่งมีนามว่า “อะร๊อช” พระองค์ผู้ทรงเมตตายิ่ง พวกเจ้าทั้งหลายอย่ากราบไหว้สิ่งใดนอกจากพระองค์และอย่ามอบหมายแก่ผู้ใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นเจ้าจงถามผู้ที่มีความรู้ในคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์เพื่อทราบและเข้าใจสภาวะอันเกี่ยวกับพระองค์
๖๐. และเมื่อมีผู้กล่าวกับพวกเขาผู้กราบไหว้บูชาสิ่งต่าง ๆ อื่นจากอัลเลาะห์ว่า พวกท่านจงกราบนมัสการแด่องค์อัลเลาะห์พระผู้ทรงเมตตาเถิด พวกเขาก็กล่าวถามกลับไปแบบเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า และอะไรคือผู้ทรงเมตตา เราไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าใครคือผู้ทรงเมตตา แล้วจะให้เรากราบนมัสการกระนั้นหรือ จะให้เรากราบนมัสการต่อสิ่งที่ท่านใช้เราให้กราบทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้จักกระนั้นหรือ และคำสั่งให้กราบนมัสการนี้ได้เพิ่มพูลแต่ความหน่ายแหนงแก่พวกเขายิ่งขึ้นเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วคำสั่งนี้น่าจะกระตุ้นเตือนให้พวกเขายอมรับและประพฤติตามมากกว่าการหน่ายแหนง
   ท่าน “เดาะฮ์ฮ๊าก” เล่าว่าเมื่อท่านรอซูลุลเลาะห์และบรรดามวลมุสลิมทำการกราบนมัสการต่ออัลเลาะห์ พวกเนรคุณทั้งหลายจะหลีกหนีไปอยู่ที่มุมมัสยิด(อัลฮะรอม)ในอาการล้อเลียน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 61 - 63


คำอ่าน
61. ตะบาเราะกัลป์ละซีญะอะละฟิสสะมา...อิบุรูเญา..วะญะอะละฟีฮา สิรอเญา..วะเกาะมะร็อม..มุนีรอ
62. วะฮุวัลละซีญะอะลัลลัยละ วัน..นะฮาเราะ คิลฟะตัลลิมันอะรอดะ อัย..ยัซซักกะเราะ เอาอะรอดะชุกูรอ
63. วะอิบาดุรฺเราะหฺมานิลละซีนะ ยัมชูนะอะลัลอัรฺฎิ เฮาเนา..วะอิซาคอเฏาะบะฮุมุลญาฮิลูนะ กอลูสะลามา


คำแปล R1.
61. Blessed be He who has placed in the heaven big stars, and has placed therein a great lamp (sun), and a moon giving light.
62. And He it is who has put the night and the day in succession, for such who desires to remember or desires to show his gratitude.
63. And the slaves of the Most Beneficent (Allah) are those who walk on the earth in humility and sedateness, and when the foolish address them (with bad words) they reply back with mild words of gentleness.


คำแปล R2.
61. ทรงความดีเป็นเลิศ องค์พระผู้ทรงบันดาลจักราศีต่าง ๆ ไว้ในฟากฟ้า และทรงบันดาลตะเกียง(ดวงดาว)ไว้ในนั้นและ(บันดาล)ดวงเดือนอันส่องแสง
62. และพระองค์ทรงบันดาลกลางคืนและกลางวันให้สลับ(หมุนเวียน)กัน สำหรับผู้ที่ประสงค์จะรำลึกหรือปรารถนาที่จะกตัญญู
63. และมวลข้าทาสของเรา(อัลเลาะฮฺ)พระผู้ทรงเมตตายิ่ง พวกเขาเดินบนพื้นดินโดยความนอบน้อม และเมื่อมวลผู้โฉดเขลาได้สนทนากับพวกเขา พวกเขาก็จะพูดประสาทสันติสุข(แก่พวกนั้น)


คำแปล R3.
61. มหาจำเริญยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงสร่างบรรยากาศที่ถูกปกป้องในชั้นฟ้าทั้งหลายและได้ทรงทำให้ในนั้นมี “ตะเกียง” และดวงจันทร์มีแสงนวล
62. และพระองค์คือผู้ทรงทำให้มีกลางคืนและกลางวันตามมาแทนกันและกันเพื่อทุกคนที่ต้องการจะใคร่ครวญหรือต้องการที่จะขอบคุณ
63. ปวงบ่าว (ที่แท้จริง) ของพระผู้ทรงกรุณาปรานีคือ บรรดาผูเดินอย่างถ่อมตนบนหน้าแผ่นดิน ผู้ที่เมื่อพวกคนโง่เขลาปฏิบัติต่อเขาอย่างหยาบคาย พวกเขาก็กล่าวว่า “ขอความสันติจงมีแด่ท่าน”


คำแปล R4.
61. ความจำเริญยิ่งแด่พระผู้ทรงทำให้ชั้นฟ้ามีหมู่ดวงดาวและได้ทรงทำให้มีตะเกียง ในนั้น และดวงจันทร์มีแสงนวล
62. และพระองค์คือผู้ทรงบันดาลให้มีกลางคืนและกลางวัน หมุนเวียนแทนที่กัน สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะใคร่ครวญ หรือปรารถนาจะขอบคุณ
63. และปวงบ่าวของพระผู้ทรงกรุณาปราณีคือ บรรดาผู้ที่เดินบนแผ่นดินด้วยความสงบเสงี่ยม และเมื่อพวกเขาโง่เขลากล่าวทักทายพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า ศานติ หรือสลาม


คำแปล R5.
๖๑. พระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงเกรียงไกรยิ่ง พระองค์ทรงบันดาลจักราศีต่าง ๆ ไว้ในฟากฟ้า มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ราศีสำหรับการโคจรของดวงดาวต่าง ๆ ซึ่งสมัยก่อน ๆ พบว่าดวงดาวมีประมาณ ๑,๐๐๐ ดวง แต่สมัยต่อมาสามารถค้นพบถึง ๒๐๐ ล้านดวง และพระองค์ทรงบันดาลไว้ในชั้นฟ้านั้นซึ่งดวงประทีปอันได้แก่ดวงอาทิตย์ อันประกอบด้วยเปลวไฟที่มีพลังอันร้อนแรงและทรงบันดาลดวงเดือนอันสกาวแสง ไว้ในฟากฟ้านั้น
๖๒. และพระองค์ทรงบันดาลกลางคืนและกลางวันให้สับเปลี่ยนกันเพื่อเป็นข้อเตือนใจแก่บุคคลที่มุ่งรับคำเตือนหรือมุ่งขอบคุณในพระองค์
๖๓. และบรรดาข้าทาสแห่งพระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตา ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะได้รับความโปรดปรานของพระองค์นั้นคือบรรดาบุคคลที่เดินบนแผ่นดินนี้ในอาการอันสำรวม ไม่แสดงความหยิ่งผยองและความยิ่งใหญ่แก่ผู้ใดทั้งสิ้น และเมื่อผู้โฉดเขลาทั้งหลายสนทนากับพวกเขาโดยใช้วาจาก้าวร้าว จาบจ้วงและหยาบคายต่อพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวกับพวกนั้นโดยสันติ โดยไม่ใช้วาจาหยาบคายตอบแทน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 64 - 66


คำอ่าน
64. วัลละซีนะยะบีตูนะ ลิร็อบบิฮิม สุจญะเดา..วะกิยามา
65. วัลละซีนะยะกูลูนะ ร็อบบะนัศริฟอัน..นา อะซาบะญะฮัน..นะมะ อิน..นะอะซาบะฮา กานะเฆาะรอมา
66. อิน..นะฮาสา...อัต มุสตะก็อรฺร็อว..วะมุกอมา


คำแปล R1.
64. And those who spend the night before their Lord, prostrate and standing.
65. And those who say: "Our Lord! Avert from us the torment of Hell. Verily! Its torment is ever an inseparable, permanent punishment."
66. Evil indeed it (Hell) is as an abode and as a place to dwell.


คำแปล R2.
64. และบรรดาผู้ใช้เวลากลางคืนทำการนมัสการต่อองค์อภิบาลของพวกเขา โดยพวกเขาทำการกราบและยืน(ในพิธีนมัสการดังกล่าว)
65. และบรรดาผู้กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดผันการลงโทษของนรกยะฮันนัมให้พ้นไปจากเราเถิด เพราะแท้จริงการลงโทษของมันนั้นยืดยาวนัก”
66.แท้จริงนรกนั้นเป็นที่อยู่และที่พักผ่อนอันชั่วร้ายที่สุด


คำแปล R3.
64. ผู้ที่ใช้เวลาในยามกลางคืนกราบและยืนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา
65. และบรรดาผู้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษของนรก เพราะการลงโทษของมันคือการทรมานอันรุนแรงยิ่ง
66. แท้จริง มันเป็นที่อยู่และเป็นที่พักอันชั่วช้า”


คำแปล R4.
64. และบรรดาผู้ใช้เวลากลางคืนทำการสุญูดและยืน(ละหมาด) เพื่อพระเจ้าของพวกเขา
65. และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงปัดเป่าการลงโทษของนรกให้พ้นไปจากเรา แท้จริงการลงโทษของมันนั้นมันคงอยู่ตลอดกาล
66. แท้จริงมันเป็นที่อยู่และที่พำนักอันเลวร้ายยิ่ง


คำแปล R5.
๖๔. และบรรดาผู้ที่อดนอนทำการกราบและยืนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาในพิธีละหมาดที่กระทำเพื่อนมัสการพระองค์โดยตลอดทั้งคืนหรือบางส่วนของกลางคืนก็ตาม
๖๕. และบรรดาผู้ที่กล่าววิงวอนเสมอ ๆ ว่า โอ้พระผู้ทรงอภิบาลของเราขอพระองค์ได้ทรงโปรดผันการลงโทษของนรกให้พ้นไปจากพวกเราด้วยเถิด เพราะแท้จริงการลงโทษของนรกนั้นเป็นอจินไตย ไม่มีเวลายุติ
๖๖. อันที่จริงนรกนั้น เป็นที่อยู่และที่พักอันเลวที่สุด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 67 - 70


คำอ่าน
67. วัลละซีนะอิซา..อัน..ฟะกูลัมยุสริฟู วะลัมยักตุรู วะกานะบัยนะซาลิกะเกาะวามา
68. วัลละซีนะลายัดอูนะ มะอัลลอฮิอิลาฮันอาเคาะเราะ วะลายักตุลูนัน..นัฟสัลละตี หัรฺเราะมัลลอฮุ อิลลาบิลหักกิ วะลายัซนูน วะมัย..ยัฟอัลซาลิกะ ยัลฃเกาะอะษามา
69. ยุฏออัฟละฮุลอะซาบุ เยามัลกิยามะติ วะยัคลุดฟีฮิมุฮานา
70. อิลลามัน..ตาบะ วะอามะนะ วะอะมิละอะมะลัน..ศอลิหัน..ฟะอุลาอิกะ ยุบัดดิลุลลอฮุ สัยยิอาติฮิมหะสะนาต วะกานัลลอฮุเฆาะฟูร็อรฺรอหีมา

 
คำแปล R1.
67. And those, who, when they spend, are neither extravagant nor niggardly, but hold a medium (way) between those (extremes).
68. And those who invoke not any other Ilah (God) along with Allah, nor kill such life as Allah has forbidden, except for just cause, nor commit illegal sexual intercourse and whoever does this shall receive the punishment.
69. The torment will be doubled to Him on the Day of Resurrection, and He will abide therein in disgrace;
70. Except those who repent and believe (in Islamic Monotheism), and do righteous deeds, for those, Allah will change their sins into good deeds, and Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.


คำแปล R2.
67. และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อใช้จ่ายพวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่ายและไม่ตระหนี่ แต่เขาดำรง(ลักษณะการใช้จ่ายปานกลาง)ระหว่างนั้น
68. และบรรดาผู้ไม่วอนนมัสการพระเจ้าอื่นใดร่วมกับอัลเลาะฮฺ และพวกเขาไม่สังหารชีวิตใด ๆ ที่อัลเลาะฮฺได้ทรงบัญญัติห้ามไว้นอกจากโดยสิทธิอันชอบธรรม และพวกเขาไม่ละเมิดประเวณี และผู้ใดกระทำสิ่งนั้น เขาก็ต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน
69. การลงโทษจะถูกทวีแก่เขาในวันชาติหน้าและเขาเข้าอยู่ในนั้นโดยนิรันดร อย่างอัปยศยิ่ง
70. นอกจากผู้ที่สารภาพโทษ, และมีศรัทธา, และประพฤติแต่ความดี แน่นอนพวกเหล่านั้น อัลเลาะฮฺจักทรงเปลี่ยนความเลวของพวกเขาให้เป็นความดีงามแทน และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
67. และผู้ที่เมื่อใช้จ่าย พวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่ายและตระหนี่ แต่ดำเนินทางสายกลางระหว่างทั้งสองนั้น
68. และผู้ที่ไม่วิงวอนพระเจ้าอื่นใดควบคู่กับอัลลอฮฺ และไม่ฆ่าชีวิตที่อัลลอฮฺได้ทรงห้ามนอกจากเพื่อความยุติธรรม และมิได้ผิดประเวณี ใครก็ตามที่ทำเช่นนี้จะถูกลงโทษเพราะความบาป
69. และการลงโทษเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ
70.ยกเว้นผู้ที่สำนึกผิดกลับตัวและศรัทธาและประกอบความดี เพราะหลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงเปลี่ยนแปลงความชั่วของพวกเขาให้เป็นความดี และพระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
67. และบรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขาใช้จ่าย พวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่าย และไม่ตระหนี่ และระหว่างทั้งสองสภาพนั้น พวกเขาอยู่สายกลาง
68. และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮฺ และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตซึ่งอัลลอฮฺทรงห้ามไว้ เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม และพวกเขาไม่ผิดประเวณี และผู้ใดกระทำเช่นนั้น เขาจะได้พบกับความผิดอันมหันต์
69. การลงโทษในวันกิยามะฮฺจะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ
70. เว้นแต่ผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว และศรัทธาและประกอบการงานที่ดีเขาเหล่านั้นแหละอัลลอฮฺจะทรงเปลี่ยนความชั่วของพวกเขาเป็นความดี และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๖๗. และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อได้ใช้จ่ายทรัพย์สินของเขา พวกเขาไม่ฟุ่มเฟือย โดยใช้จ่ายเกินความจำเป็น และพวกเขาไม่ตระหนี่แต่พร้อมที่จะใช้และบริจาคแก่คนอื่น ๆ ได้เสมอและการใช้จ่ายของพวกเขายืนอยู่ในระหว่างนั้น คือปานกลาง ไม่ฟุ่มเฟือยและไม่ตระหนี่ มีสติและมีปัญญาในการใช้จ่าย
๖๘. และบรรดาผู้ซึ่งไม่วิงวอนและไม่กราบนมัสการร่วมกับอัลเลาะห์ต่อพระเจ้าอื่นใดทั้งสิ้น ตรงกันข้าม เขากราบนมัสการต่ออัลเลาะห์ด้วยบริสุทธิ์ใจและคงมั่นอยู่กับพระองค์เพียงพระองค์เดียวจริง ๆ และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตที่อัลเลาะห์ได้ห้ามไว้ ยกเว้นด้วยสิทธิที่สมควรต่อการฆ่า เช่น การฆ่าเขาเพราะเขาฆ่าผู้อื่น ซึ่งไปโดยตัวบทกฎหมายและผู้ฆ่าต้องเป็นบุคคลที่กฎหมายรับรอง มิใช่การฆ่ากันเองแบบล้างแค้น และพวกเขาไม่ละเมิดประเวณีด้วยการเสพเมถุนกับหญิงที่มิใช่ภรรยาของตัวเอง และผู้ใดประพฤติสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เขาจะต้องประสบโทษในวันปรภพอย่างแน่นอน
๖๙. เขาจะได้รับการลงโทษในวันปรภพโดยทับทวี และเขาจะอยู่โดยนิรันดร์ในนั้นอย่างต่ำต้อยไม่มีเกียรติใด ๆ ทั้งสิ้น
๗๐. ยกเว้นบุคคลที่สารภาพผิดต่ออัลเลาะห์โดย (๑) เสียใจในการทำผิดนั้น (๒) เลิกกระทำโดยทันที (๓) ตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ทำต่อไป และเขามีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ด้วยใจจริง หาใช่เสแสร้งไม่ และเขาประพฤติแต่ความดีงามภายหลังจากได้ถอนตัวจากการทำความผิดมาแล้วด้วยการสารภาพผิดนั้น แน่นอนที่สุด พวกเหล่านั้นอัลเลาะห์จะทรงทดแทนความเลวต่าง ๆ ของพวกเขาที่ได้กระทำเมื่อก่อนสารภาพนั้นให้เป็นความดีงาม โดยยกเลิกความผิดดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และประทานกุศลแก่เขาแทนความผิดนั้น และอัลเลาะห์ทรงอภัยยิ่งในโทษานุโทษที่มนุษย์ได้ก่อไว้ ทรงเมตตายิ่ง โดยให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 71 - 73


คำอ่าน
71. วะมัน..ตาบะ วะอะมิละศอลิหัน..ฟะอิน..นะฮูยะตูบุ อิลัลลอฮิมะตาบา
72. วัลละซีนะลายัชฮะดู นัซซูเราะ วะอิซามัรฺรู บิลลัฆวิ มัรฺรูกิรอมา
73. วัลละซีนะอิซา ซุกกิรูบิอายาติร็อบบิฮิม ลัมยะคิรฺรูอะลัยฮา ศุม..เมา..วะอุมยานา


คำแปล R1.
71. And whosoever repents and does righteous good deeds, then verily, he repents towards Allah with true repentance.
72. And those who do not witness falsehood, and if they pass by some evil play or evil talk, they pass by it with dignity.
73. And those who, when they are reminded of the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of their Lord, fall not deaf and blind thereat.


คำแปล R2.
71. และผู้ใดสารภาพโทษและประพฤติแต่ความดีงาม แน่นอนที่สุดเขาเป็นผู้สารภาพโทษต่ออัลเลาะฮฺโดยแท้จริง
72. และบรรดาผู้ไม่มาสู่ความเท็จ และเมื่อพวกเขาผ่านสิ่งไร้สาระพวกเขาก็ผ่านไปอย่างมีเกียรติ(ไม่ยอมสนใจสิ่งนั้น)
73. และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อพวกเขาถูกเตือนด้วยบรรดาโองการแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ทรุดกายลงต่อโองการเหล่านั้น อย่างคนหูหนวกและคนตาบอด (แต่พวกเขารับฟังและเอาใจใส่เป็นอันดี)


คำแปล R3.
71. และผู้ใดสำนึกผิดกลับตัวและประกอบการดี ผู้นั้นก็หันกลับมายังอัลลอฮฺด้วยการสำนึกผิดอย่างแท้จริง
72. และบรรดาผู้ที่ไม่เป็นพยานเท็จ และผู้ที่เมื่อพวกเขาเดินผ่านเรื่องไร้สาระ พวกเขาก็ผ่านไปอย่างคนมีเกียรติ
73. และบรรดาผู้ที่ไม่ทำตนเหมือนคนหูหนวกและตาบอดเมื่ออายะฮฺทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขาได้ถูกอ่านขึ้นมาเพื่อตักเตือนพวกเขา


คำแปล R4.
71. และผู้ใดกลับเนื้อกลับตัวและกระทำความดี แท้จริงเขากลับเนื้อกลับตัวเข้าหาอัลลอฮฺอย่างจริงจัง
72. และบรรดาผู้ไม่เป็นพยานในการเท็จ และเมื่อพวกเขาผ่านเรื่องไร้สาระ พวกเขาผ่านไปอย่างมีเกียรติ
73. และบรรดาผู้ที่เมื่อถูกกล่าวเตือนให้รำลึกถึงโองการทั้งหลายของพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะไม่ผินหลังให้เป็นสภาพเช่นคนหูหนวกตาบอด


คำแปล R5.
๗๑. และผู้ใดได้สารภาพผิดต่ออัลเลาะห์และประพฤติแต่ความดีเพื่อชำระล้างความมีมลทินของตัวเองและไม่หวนกลับไปกระทำความผิดนั้นอีก แน่นอนเขากระทำการสารภาพโดยแท้จริงต่ออัลเลาะห์ซึ่งพระองค์ก็จะทรงรับการสารภาพของเขานั้น แล้วพระองค์ก็จักตอบสนองความดีงามแก่เขาอย่างมหาศาล การสารภาพเช่นนี้เรียกว่า “เตาบะฮ์นาซูฮา”
๗๒. และบรรดาผู้ซึ่งไม่เป็นพยานเท็จและเมื่อพวกเขาผ่านความโมฆะ ได้แก่สิ่งไร้สาระ สิ่งอันอัปมงคลต่าง ๆ เช่น การก้าวร้าวอัลกุรอาน การบริภาษท่านศาสดา การก้าวก่ายในเรื่องที่มิใช่หน้าที่ของตนเอง และยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่ไม่บังควร พวกเขาก็จะผ่านไปโดยการยกย่องแก่ตัวเองด้วยการไม่หยุดฟังและไม่ให้ความสนใจในสิ่งไร้สาระดังกล่าวนั้น   
    ในสมัยท่าน “อุมัร บินค๊อตตอบ” ผู้เป็นพยานเท็จท่านจะโบย ๔๐ ครั้ง มอมจนหน้าดำโกนศีรษะและนำตัวไปแห่ประจานรอบ ๆ ตลาด
๗๓. และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อพวกเขาได้รับการตักเตือนด้วยโองการต่าง ๆ ของพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ทรุดตัวลงเพราะโองการเหล่านั้นในอาการไม่สนใจประหนึ่งเป็นคนหูหนวกและตาบอด แต่พวกเขาทรุดตัวลงสดับฟังพระโองการดังกล่าวด้วยความตั้งใจ ด้วยการไตร่ตรองและด้วยวิจารณญาณ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 74 - 77


คำอ่าน
74. วัลละซีนะยะกูลูนะ ร็อบบะนา ฮับละนา มินอัซวาญินา วะซุรฺรียาตินา กุร์เราะตะอะอฺยุนิว..วัจญอัลนาลิลมุตตะกีนะ อิมามา
75. อุลา...อิกะ ยุจญเซานัลฆุรฺฟะตะ บิมาเศาะบะรู วะยุลักก็อวนะฟีฮา ตะหียะเตา..วะสะลามา
76. คอลิดีนะฟีฮา หะสุนัตมุสตะก็อรฺร็อว..วะมุกอมา
77. กุลมายะอฺบะอุบิกุม ร็อบบี เลาลาดุอา..อุกุม ฟะก็อดกัซซับตุม ฟะเสาฟะยะกูนุลิซามา


คำแปล R1.
74. And those who say: "Our Lord! bestow on us from our wives and our offspring who will be the comfort of our eyes, and make us leaders for the Muttaqun" (pious - see V.2:2 and the footnote of V.3:164)."
75. Those will be rewarded with the highest place (in Paradise) because of their patience. Therein they shall be met with greetings and the word of peace and respect.
76. Abiding therein; excellent it is as an abode, and as a place to dwell.
77. Say (O Muhammad to the disbelievers): "My Lord pays attention to you only because of your invocation to Him. But now you have indeed denied (Him). So the torment will be yours for ever (inseparable permanent punishment)."


คำแปล R2.
74. และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดประทานจากบรรดาคู่ครองของเราและผู้สืบตระกูลของเราให้เป็นความสุขสดชื่นแก่พวกเราเถิด และโปรดบันดาลพวกเราให้เป็นผู้นำสำหรับมวลผู้ยำเกรง
75. พวกเหล่านั้นจะได้รับการตอบแทนห้องพักอันสูงสุดในสวรรค์ เพราะสิ่งที่พวกเขาได้อดทน และพวกเขาถูกต้อนรับในนั้นด้วยความคารวะและประสาทสันติสุข
76. พวกเขาเข้าอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร มันเป็นที่อยู่และที่พักอันงดงามที่สุด
77. จงประกาศเถิด “องค์อภิบาลของฉันไม่สนใจต่อพวกท่านหรอก ปม้พวกท่านจะไม่วอนนมัสการ(พระองค์เลยก็ตาม) แล้วพวกท่านก็ว่าเป็นเท็จ(ในสิ่งที่พระองค์ได้โองการมา) ดังนั้นต่อไป การตอบแทนผลจากการกล่าวหานั้น จะต้องอุบัติขึ้นอย่างยาวนาน


คำแปล R3.
74. และบรรดาผู้วิงวอนว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานแก่เราซึ่งคู่ครองและลูก ๆ ที่จะเป็นที่สุขตาแก่เรา และโปรดทำให้เราเป็นผู้นำของผู้สำรวมตนจากความชั่วด้วยเถิด”
75. คนเหล่านี้คือผู้ที่จะถูกตอบแทนด้วยวิมานสำหรับความอดทนของพวกเขา ซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพ ความมีเกียรติและคำกล่าวอำนวยพรให้ได้รับความสันติสุข
76. พวกเขาจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป ช่างเป็นที่พักและที่อยู่อันประเสริฐอย่างแท้จริง
77. (โอ้ มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันไม่กังวลใด ๆ ต่อพวกท่านท้งสิ้น ถึงพวกท่านจะไม่วิงวอนพระองค์ก็ตาม ตอนนี้ในเมื่อพวกท่านได้ปฏิเสธ (อายะฮฺ) ทั้งหลายของพระองค์ไปแล้ว ไม่ช้าพวกท่านก็จะได้รับการลงโทษที่พวกท่านไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”

 
คำแปล R4.
74. และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์โปรดประทานแก่เรา ซึ่งคู่ครองของเราและลูกหลานของเรา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา และทรงทำให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ยำเกรง
75. เขาเหล่านั้นจะได้รับการตอบแทน ในการที่พวกเขาอดทน และพวกเขาจะได้พบการกล่าวคำต้อนรับและสลาม
76. โดยพำนักอยู่ในนั้นอย่างถาวร เป็นที่พำนักและที่อาศัยที่น่าอภิรมย์แท้ ๆ
77. จงกล่าวเถิด พระผู้เป็นเจ้าของฉันจะไม่ใยดีต่อพวกท่าน หากไม่มีการวิงวอนภักดีของพวกท่าน เพราะแน่นอน พวกท่านได้ปฏิเสธไม่รับฟัง ดังนั้น การลงโทษจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


คำแปล R5.
๗๔. และบรรดาผู้ซึ่งกล่าววิงวอนต่อพระองค์อัลเลาะห์ผู้เป็นเจ้าว่า โอ้องค์พระอภิบาลแห่งเราขอพระองค์ได้ทรงโปรดประทานแก่พวกเราให้พวกเรามีคู่ครองและลูกหลานที่เป็นแก้วตาสำหรับความสุขทางใจของเราเมื่อเห็นพวกเขาเป็นผู้จงรักภักดีต่อพระองค์อย่างแท้จริงและได้ทรงโปรดบันดาลพวกเราให้เป็นผู้นำแห่งชนผู้ยำเกรงทั้งหลายในความดีงาม
๗๕. พวกเหล่านั้นผู้มีคุณสมบัติและลักษณะอันสมบูรณ์แบบตามที่กล่าวรายละเอียดมาแล้ว ซึ่งรวมทั้งหมด ๘ ประการ จะได้รับการตอบสนองให้ได้มีตำแหน่งอันสูงส่งในสวรรค์ เพราะความอดทนของพวกเขา ที่มีกับการปฏิบัติความดีงาม และการภักดีต่าง ๆ และเว้นความชั่วร้ายทั้งหลาย และพวกเจ้าจะได้รับคารวธรรมและสันติธรรมในนั้นจากมวลมลาอิกะห์ที่ประสาทพรแก่พวกเขา
๗๖. พวกเขาพำนักในนั้นโดยนิรันดร์ มันเป็นที่อยู่และที่พักอันงดงาม
๗๗. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่มวลชนที่เจ้าถูกส่งมาประกาศศาสนาเถิดว่า องค์อภิบาลของข้า จะไม่ใยดีแก่พวกเจ้าถ้าหากพวกเจ้าทั้งหลายไม่ขอวิงวอนต่อพระองค์และไม่นมัสการพระองค์ แต่แล้วพวกเจ้าได้กล่าวหาว่าข้ามุสาในคำประกาศที่ได้รับมาจากอัลเลาะห์ ดังนั้นการลงโทษมันจะอุบัติเป็นอจินไตยแก่พวกเจ้าในวันปรภพ โดยพวกเจ้าจะต้องได้รับการลงโทษอย่างเลี่ยงไม่พ้น พวกเจ้าจงเตรียมเผชิญวันนั้นเถิด มันจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว


-----------------------------------------------------------

ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบตอนที่ 25 สูเราะฮฺ อัลฟุรกอน
والسلام عليكم ورحمة الله زبركاته


 

GoogleTagged