ผู้เขียน หัวข้อ: เราะญับ ฏ็อยยิบ อุรเดาฆอน นายกรัฐมนตรีแห่งตุรกี ผู้ไม่เคยเกรงกลัวอิสราเอล !!  (อ่าน 2317 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด

เราะญับ ฏ็อยยิบ อุรฺเดาฆอน
นายกรัฐมนตรีตุรกี ผู้ดับแสงแห่งลัทธิเซคคิวลาร์




จากเด็กชนบทธรรมดาคนหนึ่งที่เห็นความเป็นไปอันพิกลพิการของศาสนาและความเป็นตัวตนของประเทศตนเอง ยอมเสียที่จะละทิ้งความสะดวกสบาย ในโรงเรียนรัฐที่ถูกหยาบโลนไปด้วยระบอบของอตาเติร์ก อันเป็นระบอบที่ทำลายอาณาจักรอิสลามแห่งสุดท้ายลงเมื่อ 80 ปีก่อนนั้น (อาณาจักรอุษมานียะฮฺหรือออตโตมัน มีอำนาจปกครองอยู่ในช่วงค.ศ.1453-1923)


ทำให้เด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งขอผู้ซึ่งเป็นบิดาให้ส่งตัวเองไปเรียนในโรงเรียนศาสนาอันไม่มีเบี้ยเลี้ยงจากรัฐบาลให้ได้หยิบจับกัน ซ้ำยังโดนจับตาจากอำนาจฝ่ายรัฐที่จ้องจะเล่นงานยกเลิกการเรียนการสอนอีกนั้น เด็กชายผู้นี้เลือกที่จะมาเรียนที่นี้ เพียงเพื่อหวังที่จะหลีกหนีความพิกลพิการทางศาสนาของประเทศและคนตุรกีสมัยนั้น เพื่อที่ว่าตนเองจะได้สัมผัสอิสลามแม้เสี้ยวเดียวในโรงเรียนซอมซ่อแห่งนั้น และประเทศตนเองที่ไม่มีกลิ่นอายแห่งอิสลามให้ได้เชยชมแล้วก็ตาม


เด็กชาย ฏอยยิบุดดีน อุรฺดูฆอน เกิดในปี ค.ศ.1954 ครอบครัวของเขาอพยพมาอยู่เมืองอิสตันบูลหรือเมืองแห่งอิสลาม อดีตเมืองคอนสแตนติโนเปิลของกษัตริย์คอนสแตนตินแห่งโรมันตะวันออก เมืองที่สุลต่านหนุ่มวัย 21 ปี มุฮัมมัด อัล-ฟาติหฺ (Sultan Muhammad Al-Fatih) ได้พิชิตมาจากโรมันเมื่อสมัยโบราณ


อุรฺดูฆอนเติบโตมาในสังคมมุสลิมที่แยกศาสนาออกจากชีวิตปกติประจำวัน(ระบบเซคคิวลาร์ – secularism) เบียดเรื่องศาสนาให้มิด และอุดอู้อยู่แต่ในมัสญิด


ไม่ใช่แค่นั้น มุสฏอฟา กมาล อตาเติร์ก ผู้ถูกยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งตุรกี ใหม่นั้น (หลังจากรับใช้ยิวโค่นอำนาจเคาะลีฟะฮฺอุษมานียะฮฺในปี 1924 ลงได้) ยังได้บังอาจเปลี่ยนการอะซานในตุรกีให้เป็นภาษาเติร์กอีก และยังสั่งใช้ไม่ให้ผู้หญิงมุสลิมใส่หิญาบ (ทั้งที่ตนเองก็อ้างว่าเป็นมุสลิม) ผู้ชายห้ามใส่หมวกตอรฺบุช (กาปีเยาะฮฺชนิดหนึ่ง) หมอนี่ยังได้คิดริเริ่มปฏิรูปประเทศลงเหวลึกยากจะกู่กลับด้วยการให้ผู้คนคลั่งไคล้ชาตินิยมอีกด้วย โรงเรียนทุกแห่งห้ามสอนกุรอานเป็นภาษาอาหรับ ห้ามเรียนภาษาอาหรับ ต้องใช้ภาษาเติร์กเท่านั้น และอีกมากมายแผนการชั่วที่ถูกคิดค้น


อุรฺดูฆอน ไปสมัครเข้าโรงเรียนชั้นษะนาวีย์แห่งหนึ่ง (มัธยม) ในวันหนึ่งคุณครูได้ถามนักเรียนว่า ใครละหมาดเป็นบ้าง ช่วยออกมาแสดงให้เพื่อน ๆ ดูหน้าห้องหน่อยสิ… เด็กชายอุรฺดูฆอนยกมือและได้ออกมาหน้าห้อง คุณครูจึงเตรียมหนังสือพิมพ์เพื่อปูชั่วคราวให้เขาได้ละหมาด แต่อุรฺดูฆอนได้ปฏิเสธที่จะใช้มัน เหตุผลที่คุณครูคนนั้นเล่ามาก็คือ เพราะที่หนังสือพิมพ์นั้น มีรูปดาราผู้หญิงอยู่ นับแต่นั้นอุรฺดูฆอนจึงได้รับฉายาจากครูว่า รอยับ เป็นภาษาตุรกี แปลว่า ผู้มีความเคร่ง วันนี้เราจึงได้รู้จักเค้าคนนี้ในชื่อ รอยับ ฏอยยิบ อุรฺดูฆอน (Recep Tayyip Erdogan) นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศตุรกี


อุรฺดูฆอน ก้าวเข้ามาในแวดวงการเมือง เมื่อครั้งที่เขายังเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคเรฟะฮฺ พรรคการเมืองแนวคิดอิสลามพรรคแรก หลังอาณาจักรอุษมานียะฮฺล่มสลายไป นั้นคือการไปอยู่ร่วมกับ ดร.นัจญ์มุดดีน อัรฺบากาน (Dr.Najmuddin(Necmettin) Erbakan) หัวหน้าพรรคผู้เป็นวิศวกรจบจากประเทศเยอรมันแต่มีอุดมการณ์แห่งอิสลามอยู่เต็มอก ท่านได้สั่งสอนเรื่องราวความยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม อดีตอันรุ่งโรจน์ พร้อมกับประวัติการต่อสู้ของบรรพชนแห่งอิสลาม อุรฺดูฆอนปลื้มครูคนนี้ของเขามาก แต่นั่นก็เป็นแสงดาวแห่งความหวังเพียงชั่ววาบเท่านั้น


เมื่อพลพรรคของครูของเขาต้องถูกลบออกไปจากวงการ ด้วยน้ำมือของพวกเซคคิวลาร์ที่ยังเป็นเสียงส่วนมากในตุรกีในวันนั้น อุรฺดูฆอนไม่เคยลืมเรื่องราวเหล่านี้ เขาเพียรพยายามไต่เต้าวงจรสกปรกนี้ และอาสาค่อย ๆ เช็ดถูขจัดคราบเหล่านั้นออกจากระบบ ท่านได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีแห่งเมืองอิสตันบูล เมืองการค้าแห่งตุรกี ประชาชนเลือกท่าน ด้วยเหตุผลหนึ่งก็คือ อุรฺดูฆอน ไม่เคยมีเรื่องทุจริตปรากฏให้เห็นเลยในชีวิต

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 11, 2012, 06:08 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลนั้น ในการปราศรัยครั้งหนึ่งท่านได้ พูดขึ้นว่า

“คนเราจะผสมผสานกันระหว่างมุสลิมกับเซคคิวลาร์กันนั้นไม่ได้ ท่านจะต้องเลือกการเป็นผู้ศรัทธาเท่านั้น และทิ้งการเป็นเซคคิวลาร์ซะ”


และเขาก็ได้ยกกลอนชิ้นหนึ่งของนักสู้มุสลิมคนหนึ่งของตุรกีว่า

“มัสญิดนั่นคือค่ายทหารของเรา โดมของมันคือหลุมหลบภัยของเรา ส่วนหอคอยนั้นเล่าคือดาบปลายปืนของเรา และผู้ศรัทธาในที่นั้นคือทหารหาญของเรา…”


ด้วยการกล่าวเช่นนี้เอง เขาจึงได้ถูกทางการจับตัว รถตำรวจล้อมรอบรถที่เขาขึ้นถึงห้าคัน ผู้คนคับคั่งมืดฟ้ามัวดินต่างออกมาแสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ปลดปล่อยผู้นำของเขาคนนี้ … ขณะที่ห้องสี่เหลี่ยมมืดมิดรอท่าอยู่ข้างหน้า อุรฺดูฆอน กลับออกมาพูดเพียงแค่ท่อนเดียวนั้นคือ ขอให้พวกท่าน (ประชาชน) กลับไปทำงานของท่าน ส่วนฉันก็จะทำงานของฉันเช่นกัน (แม้ต้องอยู่ในคุก) … ชั่งเป็นคำพูดที่สั้นและสะเทือนหัวใจผู้คนเสียจริง ๆ เขากำลังทำงานเพื่อนำอิสลามกลับมาสู่แผ่นดินและโลกนี้อีกครั้ง และเราก็ต้องทำงานเช่นกัน ทุกคนล้วนมีภาระหน้าที่นี้ เคาะลีฟะตุลอัรดฺ…


ดูเหมือนอุดมการณ์อิสลามจะไม่เคยหยุดนิ่ง กระแสของมันเพิ่มความเชี่ยวกราด เสมือนคลื่นทะเลในวันพายุเข้า หนุ่มสาวตุรกีเริ่มกลับเข้าหา อิสลามมากขึ้น พวกเขาละทิ้งความเป็นชาตินิยม เชื้อชาตินิยมและความเป็นเซคคิวลาร์มากขึ้น เมื่ออุรฺดูฆอนก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาร่วมมือกับประธานาธิบดีผู้มีแนวคิดอิสลามอีกคน คือ อับดุลลอฮฺ กุล (Abdullah Gul)


พวกเขาเริ่มแสดงความเป็นมุสลิมให้ประชาชนเห็นเป็นตัวอย่าง ภรรยาของพวกเขาเป็นภรรยาผู้นำมุสลิมไม่กี่คนที่สวมหิญาบ ทั้ง ๆ ที่ในประเทศอาหรับหรือประเทศเพื่อนบ้านของเราทางใต้ ต่างก็ไม่กินเส้นกับรสนิยมอิสลามข้อนี้มากนัก ซ้ำร้ายยังได้รู้ว่าผู้นำอาหรับหลายต่อหลายคนมีภรรยาเป็นคนต่างศาสนิก นับประสาอะไรกัน ที่จะมาปกครองมวลมุสลิมของตน


ตัวอย่างที่โลกได้เห็นก็คืองานพบปะที่ประเทศฝรั่งเศส ภรรยาของอุรฺดูฆอนเป็นภรรยาผู้นำประเทศคนเดียวในงานที่แต่งตัวมิดชิด ปกป้องรักษาสิทธิอันงดงามที่พระเจ้าให้เธอมา ผู้นำที่เป็นบุรุษเพศหลายคนยื่นมือเพื่อที่จะจับมือกับเธอตามธรรมเนียม แต่เธอไม่สนองตอบด้วย เป็นการแสดงออกถึงอุดมการณ์และมารยาทอันงดงามของอิสลาม ที่หาดูได้ยากมากในโลกของผู้นำประเทศมุสลิม

// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 30 ม.ค.2009 ในการประชุมเวิล์ด อีโคโนมิก ฟอรัม ที่กรุงดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีอุรฺดูฆอน ถูกให้ขึ้นเวทีพร้อมกับประธานาธิ บดีอิสราเอล ชีมอน เปเรส นายเปเรสได้ใช้เวลาอย่างยาวนานในการอธิบายเหตุผลที่เขาต้องทำสงครามกับฆ็อซซะฮฺ (กาซา) และประเทศฟาลิสฏีน (ปาเลสไตน์) อุรฺดูฆอนนั่งฟังอย่างนิ่งเงียบ สีหน้าจ้องมองคนทางซ้ายมือของเขา อย่างขึงขัง และเขาทำให้ทั่วโลกต้องตกตะลึงเมื่อเขาขออภิปรายเพิ่มเติมหลังจากเปเรส อุรฺดูฆอน พูดขึ้นว่า …

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4Ct6UA92GKE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4Ct6UA92GKE</a>

"คุณเปเรส คุณน่ะแก่กว่าผม เสียงของคุณดังมาก ที่คุณพูดเสียงดังก็คงเกิดจากความรู้สึกผิดที่ติดสันดานการเป็นอาชญากรสังหารมนุษย์ของคุณนั่นเอง เสียงของผมไม่อาจดังเช่นนี้ได้ เรื่องการฆาตกรรมน่ะ คุณรู้ดี และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องฆ่า คุณก็รู้วิธีพวกนี้ดี คุณฆ่าประชาชน (ชาวปาเลสไตน์) ผมยังจำภาพเด็กที่ นอนตายอยู่บนชายหาดได้

และผมยังจำได้ว่า อดีตผู้นำอิสราเอล 2 คนของคุณ ได้พูดสิ่งสำคัญบางอย่างให้ผมรู้ คุณมีนายกรัฐมนตรีผู้ที่บอกว่า เมื่อเราได้รุกเข้าไปในฟาลิสฏีนด้วยรถถัง เขารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก

นอกจากนี้ ข้าพเจ้าขอประณามทุกคนที่ปรบมือเชียร์การเข่นฆ่าและก่ออาชญากรรมต่อชาวฆ็อซซะฮฺ ที่พวกคุณพากันปรบมือสนับสนุนการเข่นฆ่าลูกเล็กเด็กแดงนั้น สำแดงให้ประจักษ์ว่าพวกคุณคือพวกที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน"


อุรฺดูฆอน ถูกสั่งจับตายจากตำรวจลับของอิสราเอล(หน่วยมอสสาด) แต่ไม่สำเร็จ อิสราเอลมองว่า นายกรัฐมนตรีนิยมอิสลามผู้นี้ไม่เหมือนผู้นำโลกมุสลิมคนอื่น ๆ ที่ว่านอนสอนง่าย หรือที่มีอุดมการณ์หน่อยก็เป็นชาตินิยมหรือคลั่งไคล้เชื้อชาติไป ซึ่งไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรต่อพวกยิว


ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1453 สุลต่าน มุฮัมมัด อัลฟาติหฺ วัย 21 ปี ได้ทำให้ความฝันของตนเองและสิ่ง ที่มวลมุสลิมทุกคนรอคอยสำเร็จ นั้นคือคำกล่าวของท่านนบีเราที่ว่า "กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิต และกองทหารที่พิชิตนี้ เป็นกองทหารที่ดียิ่ง"


มุฮัมมัด บิน มุรอด ในวัยเด็กยังจำคำสอนของครูส่วน ตัวของเขาได้ดี และยังจำวันวานที่ครูของเขาชอบที่จะนำมาเที่ยวชายหาดสม่ำเสมอ ครูของเขามักจะชี้ไปฝั่งแผ่นดินคอนสแตนติโนเปิลและเล่าหะดีษนบีบทนี้อยู่เสมอ ๆ มุฮัมมัดจำฝังใจและต้องการเป็นผู้นำของกองทหาญหารนั้น จากเมืองของจักรพรรดิคอนสแตนติน (คอนสแตนติโนเปิล) มาเป็นอิสตันบูล (แปลว่าเมืองแห่งอิสลาม) ตามที่มุฮัมมัดได้ตั้งไว้นั้น แรงบันดาลใจมาจากคำพูดของท่านนบีของพวกเรานี่ล่ะ


อุษมานียะฮฺปกครองตุรกีและแผ่นดินมุสลิมทั้งมวล 600 กว่าปี จนถูกมุสฏอฟา กมาล อตาเติร์ก โค่นล้มไปนั้น มาวันนี้ ชายที่ชื่อ อุรฺดูฆอนกำลังจะนำความยิ่งใหญ่นี้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 15, 2012, 03:51 PM โดย Al Fatoni »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2553 ในเหตุการณ์ หน่วยคอมมานโดอิสราเอลขึ้นไปถล่ม เรือบรรเทาทุกข์ของคณะทำ งานสิทธิมนุษยชนจากหลายประเทศที่จะขนส่งปัจจัยในการดำรงชีพที่สำคัญแก่ฆ็อซซะฮฺและชาวฟาลิสฏีนนั้น มีผู้เสียชีวิตหลายคน


นายกรัฐมนตรีอุรฺดูฆอนแห่งตุรกี ซึ่งเป็นเจ้าภาพคณะทำงานสิทธิมนุษยชนนี้นั้นได้ประกาศให้มีการละหมาดญะนาซะฮฺ ทั่วประเทศ และนำมัยยัตทั้งหมดไปละหมาดที่มัสญิดสีน้ำเงินซึ่งเป็นมัสญิดที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของอาณาจักรอิสลามอุษมานียะฮฺ ทำไมต้องละหมาดที่นี่


อุรฺดูฆอนกำลังทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกแก่ชาวโลกโดยเฉพาะชาวมุสลิมทั้งหลายว่าควรทำอะไร และเตรียมตัวพร้อมหรือยังกับการเดินตามอุดมการณ์แห่งนักรบมุสลิมในอดีต ที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งหลาย การต่อสู้ของผู้นำคนนี้เป็นสัญลักษณ์ใหม่ที่พวกเราต้องติดตาม และช่วยกันขอดุอาอ์เหมือนดั่งเช่นที่มุสลิมอีกหลายล้านคนกระทำ พี่น้องของเขา เรือนร่างเดียวกันของเขา อยู่ทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้ เป็นภาระหน้าที่ของเราที่จะต้องทำการปลดปล่อย เพื่อที่เราจะได้เป็นมุอฺมินคนหนึ่ง ที่จะมีผลงานแสดงต่อพระเจ้าของ เราในวันโลกหน้า


เราอาจจะได้ยินข่าวหรือการวิจารณ์ อย่างรุนแรงต่ออุรฺดูฆอนและตุรกี ว่าเป็นประเทศมุสลิมที่แปลกและมีข่าวในเรื่องการสั่งห้ามใส่หิญาบให้ผ่านหูกันบ่อย ๆ แต่ใครจะรู้บ้างว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้กำลังต่อสู้อย่างลับ ๆ ด้วยอุดมการณ์อิสลามของเขาและเพื่อน ๆ หนุ่มสาวมุสลิมในตุรกีเริ่มจับกลุ่มสร้างหะละเกาะฮฺ พูดคุยเรื่องอิสลามอย่างเข้มข้นในที่ลับ ๆ ทั้ง ๆ ที่ศาลและตำรวจออกกฏหมายห้าม แต่นายกรัฐมนตรีกลับอนุญาตเมืองนี้อำนาจศาลและตำรวจ ยังเป็นเซคคิวลาร์นั้นอาจจะเป็นขวากหนามกีดกันการทำงานของ อุรฺดูฆอนก็จริงอยู่ แต่เขาก็ฉลาดที่จะเลือกกระทำสิ่งต่าง ๆ ให้โลกได้เห็นเช่นที่เราได้รับรู้กัน

// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
เพราะจะไม่แปลกเลยหรอที่นายกรัฐมนตรี มุสลิมคนหนึ่ง ชอบที่จะนำภรรยาตนเองออกงาน(เมื่อจำเป็น) และทั้งเขาและเธอก็แสดงออกถึงความเป็นมุสลิมอย่างอิ่มเอมใจ ภรรยาของเขาใส่หิญาบปกปิดมิดชิด แต่ในประเทศตนเองนั้น กลับมีการห้ามใส่หิญาบกันเป็นปกติ


ประเทศแห่งนี้ นายกรัฐมนตรีคนนี้ และการกระทำของเขา มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้ยิวนั้นหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ ขณะเดียวกันก็สร้างความชุ่มชื่นแก่หัวใจมุสลิมอีกหลายล้าน คนที่เบื่อหน่ายกับผู้นำมุสลิมในโลกอาหรับที่กินอยู่ฟู่ฟ่า ไม่สนใจพี่น้องตนเอง รอการลงโทษจากพระเจ้า


เช่นที่คุณลุงคนหนึ่งนามว่า ฮิลมี มาดาคุร คนงานในโรงงานพลาสติก กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ฝากทิ้งท้ายให้พวกเราได้เอามานั่งคิด คือ

“ผู้นำอาหรับทั้งหลายควรที่จะเอานายกอุรฺดูฆอนเป็นแบบอย่าง คือ ความกล้าหาญและความจริงใจในตัวเขา… เขาไม่ไช่คนอาหรับ แต่เขาก็ได้ปกป้องชาวฟาลิสฏีนอย่างแข็งแกร่งและกล้าหาญ มากกว่าพวกผู้นำอาหรับเสียอีก ผมหวังว่าเขาจะนำระบอบคิลาฟะฮฺกลับมา” … Gulf News


ระบบคิลาฟะฮฺเชียวนะ ระบบการปกครองจากพระเจ้าที่มีเคาะลีฟะฮฺเป็นผู้รับอามานะฮฺสูงสุดบนโลก นี่เรากำลังจะได้เจอผู้ปกครองที่ใช้ชีวิตสมถะคล้าย ๆ อย่างท่านอบูบักรฺผู้ฉลาดปราดเปรื่อง ท่านอุมัรผู้แกร่งกล้า ท่านอุษมานผู้อ่อนโยน และท่านอะลีผู้กล้าหาญเลยนะ จะนิ่งเฉยไม่ขอมีส่วนร่วมกับอุรฺดูฆอนเลย ก็คงจะดูใจร้ายมากไปหน่อยแล้วล่ะ พี่น้อง…ศจ.ดร.นัจญ์มุดดีน อัรฺบากาน (ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่าน)


ผู้นำตุรกี(ช่วง ค.ศ.1996-1997) ที่ถูกทหารและศาลซึ่งเป็นเซคคิวลาร์ตามฟ้องร้องให้ยุบถึงหลายพรรคและตนเองต้องถูกแบนจากการเมือง 5 ปี ข้อหาคือ กระทำการหลายกรณีซึ่งเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญระบอบเซคคิวลาร์ ส่วนหนึ่งในนั้นคือ การสวมหิญาบของภรรยาของเขาและผู้คนที่ชื่นชอบเขา เพราะว่ารัฐธรรมนูญตุรกีถือว่าการสวมหิญาบคือ สัญลักษณ์ต่อต้านระบอบเซคคิวลาร์


...........................................
รุ่งอรุณ เเห่งอิสลาม เรียบเรียง



ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=299507040080151&set=a.295243367173185.75730.100000625735761&type=3
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

 

GoogleTagged