กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
กระทู้ที่น่าสนใจ
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
2
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม (อ่าน 4416 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
เมื่อ:
ต.ค. 17, 2012, 05:42 AM »
0
Tweet
คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อิบรอฮีม ( إبراهيم - ชื่อศาสนทูต) R4.
เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 52 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อิบรอฮีม
ซูเราะฮฺ อิบรอฮีมเป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺที่ประมวลไว้ด้วยเรื่องของการศรัทธาในหลักการใหญ่ ๆ คือ การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ต่อสาส์นแห่งการเป็นรอซูล และต่อการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน ความมุ่งหมายหลักของซูเราะฮฺนี้ เกือบทั้งหมดจะกล่าวถึงเรื่องของสาส์นและรอซูล การเรียกร้องเชิญชวนของบรรดารอซูลจะเป็นไปอย่างละเอียด ชี้แจงถึงหน้าที่ของรอซูล ความหมายของการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแห่งสาส์นที่มาจากชั้นฟ้า บรรดานะบีทั้งหมดถูกส่งมาเพื่อจรรโลงการศรัทธา และชี้แนะประชาชาติของแต่ละยุคแต่ละสมัย ให้ศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง และนำมนุษยชาติออกจากความมืดสู่ความสว่าง การเรียกร้องเชิญชวนของพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงสาส์นของนะบีมูซา อะลัยฮิสสลาม เชิญชวนประชาชาติของเขาให้เคารพอิบาดะฮฺ แด่อัลลอฮฺ ตะอาลา และขอบคุณพระองค์ โดยยกตัวอย่างของประชาชาติที่ปฏิเสธการเรียกร้องของบรรดารอซูลในอดีต เช่น ประชาชาติของนะบีนูหฺ ประชาติของอ๊าดและษะมูด ในซูเราะฮฺยังได้กล่าวถึงบรรดารอซูล กับประชาชาติต่าง ๆ หลายยุคหลายสมัย และได้กล่าวถึงการโต้แย้งระหว่างกัน ในที่สุดพระองค์ทรงให้พวกอธรรมประสบกับความหายนะ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดารอซูลของพวกเขาว่า แน่นอนเราจะให้พวกท่านออกจากแผ่นดินของเราหรือว่าพวกท่านจะกลับไปยังศาสนาของพวกเขา ดังนั้นพระเจ้าของพวกเขาทรงวะฮียฺให้แก่บรรดารอซูลว่า แน่นอนเราจะทำลายพวกอธรรม และแน่นอนเราจะให้พวกท่านพำนักอยู่ในแผ่นดินหลังจากพวกเขา นั่นสำหรับผู้ที่กลัวต่อการยืนต่อหน้าข้า และกลัวต่อสัญญาร้ายของข้า
ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงสภาพของวันอาคิเราะฮฺ สภาพของอาชญากรผู้โชคร้าย ได้พบกับบรรดาลูกน้องของพวกเขา และได้กล่าวถึงการสนทนาต่อว่าต่อขานระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง การสนทนาสิ้นสุดลงด้วยการเข้าไปอยู่นรกด้วยกันทั้งสองฝ่าย การต่อว่าต่อขาน และการกล่าวโทษ อีกทั้งการประณามของลูกน้องที่กระทำต่อหัวหน้ามิได้อำนวยประโยชน์อันใดเลย ในที่สุด ทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในนรกญะฮันนัม หลังจากนั้น อัลอายาตได้ยกอุทาหรณ์เปรียบเทียบระหว่างคำพูดที่ดี คือคำพูดที่เกี่ยวกับการศรัทธานั้น เปรียบเสมือนต้นไม้ที่ดีออกดอกออกผล และคำพูดที่เลวคือคำพูดที่แสดงถึงการปฏิเสธศรัทธาและการดื้อดันนั้นเปรียบเสมือนต้นไม้ที่อับเฉาไม่ออกดอกออกผล และซูเราะฮฺจบลงด้วยการชี้แจงให้เห็นถึงชะตากรรมของบรรดาผู้อธรรม ในวันแห่งการตอบแทน คือ วันกิยามะฮฺ
----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1.
The Noble Qur’an
(Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2.
อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย
โดย มัรวาน สะมะอุน
R3.
ตัฟฮีมุลกุรฺอาน
(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4.
พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย
ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5.
พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย
(โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
ต.ค. 18, 2012, 06:29 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 1 - 3
คำแปล R1.
1. Alif-Lam-Ra. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (alone) knows their meanings].
(This is) a Book which We have revealed to you (O Muhammad) in order that you might lead mankind out of darkness (of disbelief and polytheism) into light (of belief in the Oneness of Allah and Islamic Monotheism) by their Lord’s Leave to the Path of the All-Mighty, the Owner of all Praise.
2. Allah to whom belongs all that is in the heavens and all that is in the earth! And woe unto the disbelievers from a severe torment.
3. Those who prefer the life of this world instead of the Hereafter, and hinder (men) from the Path of Allah (i.e.Islam) and seek crookedness therein - they are far astray.
คำแปล R2.
1. อาลิฟ ลาม รอ (นี้คือ) คัมภีร์ซึ่งเราได้มอบลงมาให้แก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้นำมนุษย์ออกมาจากความมืดมนสู่ความสว่างไสวโดยอนุมัติขององค์อภิบาลแห่งพวกเขาเองสู่แนวทางของ(อัลเลาะฮฺ)ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงถูกสรรเสริญยิ่ง
2. (พระองค์คือ)อัลเลาะฮฺซึ่งสรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดินเป็นของพระองค์ผู้เดียว และความหายนะย่อมประสบแก่พวกไร้ศรัทธาทั้งหลาย นั่นคือการลงโทษอันร้ายแรงยิ่ง
3. บรรดาพวกซึ่งพิสมัยทางโลกนี้เหนือกว่า(ชีวิต)โลกหน้า และพวกเขากีดขวาง(คนอื่น)จากแนวทางของอัลเลาะฮฺ และมุ่งบิดเบือนแนวทางนั้น พวกเหล่านั้นตกอยู่ในความหลงผิดอันห่างไกลยิ่ง
คำแปล R3.
1. อะลีฟ ลาม รอ
(โอ้ มุฮัมมัด)
นี่คือคัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมายังเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้นำมนุษย์ออกมาจากความมืด
(แห่งความโง่เขลา)
ไปสู่แสงสว่าง
(แห่งความรู้)
โดยความช่วยเหลือของพระผู้อภิบาลของพวกเขา สู่หนทางของพระผู้ทรงอำนาจ และผู้สมควรได้รับการสรรเสริญ
2. อัลลอฮฺผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และจะมีการทรมานอันเจ็บปวดสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม
3. ที่รักชีวิตแห่งโลกนี้มากกว่าโลกหน้า และขัดขวางผู้คนจากหนทางของอัลลอฮฺและต้องการจะทำให้หนทางนี้บิดเบือน
(เพื่อสอดคล้องความต้องการของพวกเขา)
คนพวกนี้หลงออกไปไกลลิบจากหนทางของอัลลอฮฺ
คำแปล R4.
1. อะลิฟ ลาม รอ คัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้านำมนุษย์ออกจากความมืดมนทั้งหลาย สู่ความสว่าง ด้วยอนุมัติของพระเจ้าของพวกเขา สู่ทางของพระผู้เดชานุภาพ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
2. (คือ) ทางของอัลลอฮ ซึ่งสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน เป็นของพระองค์และความหายนะจากการลงโทษอย่างสาหัส จงประสบแก่พวกปฏิเสธศรัทธา
3. บรรดาผู้พอใจเลือกเอาชีวิตในโลกนี้เหนือปรโลก และปิดกั้นจากทางของอัลลอฮฺ และต้องการที่จะให้มันคดเคี้ยว ชนเหล่านั้นอยู่ในการหลงทางที่ห่างไกล
คำแปล R5.
๑.
อลิฟ ลาม รอ
อัลเลาะห์เท่านั้นทรงรู้ความหมายของคำนี้ พระคัมภีร์อัล-กุรอานนี้
เป็นพระคัมภีร์ที่เรา
(อัลเลาะห์)
ได้มอบให้แก่เจ้า
(มุฮัมมัด)
เพื่อเจ้าจะได้ให้มวลมนุษย์ออกพ้นไปจาก
การขาดศรัทธาอันเป็นเสมือน
ความมืดมิด ไปสู่
ความมีศรัทธาอันเปรียบเสมือน
ความสว่างไสว ตามพระบัญชาแห่งองค์พระผู้อภิบาลของพวก
มนุษย์
เหล่านั้น คือได้ไปสู่วิถีทางแห่งองค์ผู้ยิ่งในอิทธิฤทธิ์ องค์ทรงยิ่งในการได้รับการสรรเสริญ
๒.
อัลเลาะห์พระผู้ทรงสิทธิสรรพสิ่งทั้งในบรรดาชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และ
สิ่งทั้งปวง
ในพิภพ
ไม่ว่าจะโดยทางปกครองโดยทางสร้างสรรค์ หรือโดยทางให้ตกอยู่ในอำนาจ
และเคราะห์จากการลงโทษทรมานอันรุนแรงนั้น ย่อมตกแก่เหล่าชนกาฟิร
๓.
ผู้ซึ่งชอบอยู่แต่ชีวิตแห่งภาคภพนี้ยิ่งกว่า
ชีวิตแห่งความเป็นอยู่ในภาค
ปรภพและ
เป็นผู้ซึ่งผละมวลมนุษย์
ให้ออกห่างจากวิถีแห่ง
ศาสนาของ
อัลเลาะห์ ทั้งพยายามให้ศาสนา
ของพระองค์
เขวไป
จากของจริงแท้
อีกด้วย
เพื่อว่าพวกนั้นจะได้หาเหตุตำหนิกันเล่น
พวกเหล่านั้นแหละตกอยู่ในความงมงายอย่างสุดไกล
จากความจริงแท้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
ต.ค. 19, 2012, 06:51 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 4 - 7
คำแปล R1.
4. And we sent not a Messenger except with the language of his people, in order that he might make (the message) clear for them. Then Allah misleads whom He wills and guides whom He wills. And He is the All-Mighty, the All-Wise.
5. And indeed we sent Musa (Moses) with our
Ayat
(signs, proofs, and evidences) (saying): "Bring out your people from darkness into light, and make them remember the annals of Allah. Truly, therein are evidences, proofs and signs for every patient, thankful (person)."
6. And (remember) when Musa (Moses) said to his people: "Call to mind Allah's Favour to you, when He delivered you from Fir'aun's (Pharaoh) people who were afflicting you with horrible torment, and were slaughtering your sons and letting your women alive, and in it was a tremendous trial from your Lord."
7. And (remember) when your Lord proclaimed: "If you give thanks (by accepting faith and worshipping none but Allah), I will give you more (of My Blessings), but if you are thankless (i.e. disbelievers), Verily! My punishment is indeed severe."
คำแปล R2.
4. และเรามิได้ส่งศาสนทูตคนใด(มาประกาศศาสนาแก่ประชาชาติหนึ่ง ๆ )นอกจาก(ให้เขาประกาศ)ด้วยภาษาของกลุ่มชนของเขาเอง ทั้งนี้เพื่อเขาจักได้ชี้แจงแก่พวกนั้น (ให้เข้าใจได้ง่าย) แล้วอัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงผิด(ดังเดิม) และทรงชี้นำแก่ผู้ที่พระองค์ทรงปะสงค์
5. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ส่งมูซา (มาเป็นศาสนทูต) พร้อมด้วยบรรดาสัญลักษณ์(ปาฏิหาริย์)ต่าง ๆ (และเรามีบัญชาแก่เขาว่า) “จงนำกลุ่มชนของเจ้าออกจากความมืดมนสู่ความสว่างเถิด และเจ้าจงเตือนพวกเขาให้ระลึกถึงวันต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ(ที่ทรงกำหนดขึ้นเพื่อตอบแทนผลกรรมทั้งของคนดีและคนชั่ว) แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์(เตือนใจ) สำหรับผู้อดทน ผู้กตัญญูทุกคน)
6. และ(จงระลึกเถิด)เมื่อมูซาได้กล่าวกับกลุ่มชนของเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ ที่ทรงโปรดแก่พวกท่านเถิด เมื่อพระองค์ทรงอำนวยความปลอดภัยแก่พวกเจ้าให้พ้นจาก(การตามล่าของ)วงศ์วานของฟิรเอาน์ ซึ่งพวกนั้นกดขี่พวกท่านอย่างทารุณที่สุด และพวกนั้นจับลูกชายของพวกท่านเชือด และไว้ชีวิตแก่ลูกผู้หญิงของพวกท่าน และในนั้นเป็นการทดสอบอันยิ่งใหญ่จากองค์อภิบาลของพวกท่าน”
7. และเมื่อองค์อภิบาลของพวกท่านได้ประกาศสัจวาจาว่า “ขอยืนยัน หากแม้นพวกเจ้าทั้งหลายกตัญญู แน่นอนข้าจักเพิ่มพูนแก่พวกเจ้า แต่หากพวกเจ้าอกตัญญู แน่นอนการลงโทษของข้านั้นร้ายแรงนัก
คำแปล R3.
4. เมื่อใดก็ตามที่เราได้ส่งรอซูลเพื่อนำสาส์นของเรา เขาก็นำมันไปในภาษาของผู้คนของเขา ทั้งนี้เพื่อที่ว่าเขาจะได้ทำให้มันเป็นที่ชัดเจนแก่คนเหล่านั้น แล้วอัลลอฮฺก็จะปล่อยให้คนที่พระองค์ประสงค์หลงทางไป และจะทรงแสดงทางนำให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
5. ก่อนหน้านี้เราได้ส่งมูซามาพร้อมกับสัญญาณของเรา และเราได้บัญชาเขาว่า “จงนำหมู่คนของเจ้าออกจากความมืดทึบทั้งหลายไปสู่แสงสว่างและจงตักเตือนพวกเขาให้เรียนรู้ถึงบทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอัลลอฮฺ" แท้จริงในนั้นมีสัญญาณสำหรับผู้อดทนและผู้กตัญญูทุกคน
6. และ
(จงนึกถึง)
เมื่อตอนที่มูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “จงนึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่ทรงต่อพวกท่าน เมื่อพระองค์ได้ทรงช่วยพวกท่านให้พ้นจากบริวารของฟิรเอาน์ผู้กดขี่พวกท่านด้วยการทรมานอันเหี้ยมโหด พวกเขาฆ่าลูก ๆ ของพวกท่านและปล่อยให้ผู้หญิงของพวกท่านมีชีวิต ในนั้นมีการทดสอบอันหนักหน่วงสำหรับพวกท่านจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน
7. และจงนึกถึงด้วยว่าพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้เตือนไว้ล่วงหน้าว่า “ถ้าหากสูเจ้ากตัญญู ฉันจะเพิ่มพูนความโปรดปรานให้แก่สูเจ้า และถ้าหากสูเจ้าเนรคุณ
(สูเจ้าก็จงรู้ไว้เถิดว่า)
การลงโทษของฉันนั้นรุนแรงยิ่งนัก”
คำแปล R4.
4. และเรามิได้ส่งรอซูลคนใด นอกจากด้วยการพูดภาษาชนชาติของเขา เพื่อจะได้ชี้แจงอย่างชัดแจ้งแก่พวกเขา อัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงทาง และทรงชี้แนะทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
5. และโดยแน่นอน เราได้ส่งมูซาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง ๆ ของเราว่า จงนำกลุ่มชนของเจ้าออกจากความมืดมนทั้งหลายสู่ความสว่าง และจงเตือนพวกเขาให้รำลึกถึงวัน (แห่งความโปรดปราน) ของอัลลอฮฺ แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทนผู้ขอบคุณทุกคน
6. และจงรำลึกขณะที่มูซากล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า จงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกท่าน เมื่อพระองค์ทรงให้พวกท่านรอดพ้นจากวงศ์วานของฟิรเอาน โดยให้พวกท่านได้ลิ้มรสการทรมานอันชั่วช้าและฆ่าลูกชายของพวกท่าน และไว้ชีวิตผู้หญิงของพวกท่าน และในการนั้นย่อมเป็นการทดสอบอย่างใหญ่หลวง จากพระเจ้าของพวกท่าน
7. และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าเนรคุณ แท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง
คำแปล R5.
๔.
และเรา
(อัลเลาะห์)
จะแต่งตั้งพระศาสนทูตใดขึ้นก็แต่ที่ใช้ภาษาที่ชนแห่งเขา
(พระศาสนทูต)
เท่านั้น เพื่อเขาจักได้ชี้แจงให้พวกเหล่านั้น
เข้าในข้อบัญญัติต่าง ๆ ซึ่งเขานำมา
ฉะนั้นอัลเลาะห์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงมุ่งประสงค์งมงายก็ได้ และจะทรงชี้แนวธรรมแก่ผู้ที่พระองค์ทรงมุ่งประสงค์ก็ได้ แหละว่าพระองค์นั้นทรงเป็นองค์อิทธิฤทธิ์ยิ่ง
ในด้านการปกครอง
ทรงประณีตยิ่ง
ในกิจการทั้งปวงของพระองค์
๕. ขอให้สัจปฏิญาณว่า
แน่แท้เรา
(อัลเลาะห์)
แต่งตั้งมูซาขึ้น
มาเป็นพระศาสนทูต
พร้อมมีสัญญาณจากเรา
เก้าประการ แปดประการมีระบุอยู่ในบท(ซูเราะห์)อัล-อะรอฟ ส่วนอีกประการหนึ่งมีระบุอยู่ในบทยูนุซ แล้วเราจึงสั่งมูซาว่า
เจ้าจงให้ประชากรของเจ้าออกพ้นไปจาก
การขาดศรัทธาอันเปรียบเสมือน
ความมืดมิดสู่
ความมีศรัทธาอันเปรียบเสมือน
ความสว่างไสว ทั้งจงให้พวกเขาได้รำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ด้วยเถิด
ความจริงการเตือนให้รำลึก
นั่นแหละเป็นสัญญาณของผู้อดทน
ยิ่งต่อความภักดีในอัลเลาะห์
ผู้รู้คุณยิ่งทุกคน
๖.
และ
โอ้มุฮำมัด
จงกล่าว
แก่ปวงชนของเจ้าเป็นอุดมคติ
เถิดในขณะที่มูซากล่าวแก่ประชากรของเขา
(มูซา)
ว่าพวกท่านจงรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ซึ่งมีแก่พวกท่านเถิด ในยามที่พระองค์ทรงให้พวกท่านปลอดพ้นจากพรรคของฟิรเอาน์ที่ให้พวกท่านได้ลิ้มรสแห่งโทษ
ทรมาน
อันชั่วช้า
ในภพดุนยา
และที่สังหารเด็กผู้ชาย
ซึ่งเป็นบุตรหลาน
ของพวกท่าน แต่ได้ยังชีวิตเด็กผู้หญิง
ซึ่งเป็นบุตรหลาน
ของพวกท่าน
ไว้ ในฐานะต่ำต้อยเพียงนางทาส ทั้งนี้เนื่องจากมีพวกโหราจารย์บางคนทายว่าเด็กผู้ชายที่กำเนิดมาในเชื้อวงศ์ของอิสรออีลจะเป็นตัวการโค่นบัลลังก์ของฟิรเอาน์ การให้ปลอดพ้นจากภัยก็ดี และการทำโทษทรมานก็ดี
นี่แหละเป็น
ทั้งคุณและ
ภัยอันใหญ่หลวงมาแต่องค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกท่าน
๗.
และ
โอ้มุฮำมัดจงกล่าวเถิดแก่ปวงชนของเจ้าเพื่อให้เป็นอุดมคติในขณะที่มูซากล่าวแก่ประชาชนของเขาว่า พวกท่านจงรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ ซึ่งมีแก่พวกท่านเถิด
ในยามที่องค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านทรงประกาศ
ไว้เป็นสัจ
ว่าถ้าพวกท่านขอบพระกรุณาธิคุณ
จากข้าสองประการ คือที่ข้าให้พวกท่านถือมั่นในเอกภาพของข้า และให้ได้เป็นผู้ภักดี
แล้วไซร้ ข้าก็จะเพิ่มให้พวกท่าน
ได้รับคุณอย่างอื่นอีก
แต่ถ้าพวกท่านปฏิเสธ
พระกรุณาธิคุณจากข้าหรือพวกท่านทรยศเสียก็ดี
แล้วไซร้ แน่นอน
ข้าจะลงโทษพวกท่าน
โทษทัณฑ์จากข้า
ที่จะลงแก่พวกท่าน
นั้นร้ายแรงนัก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
ต.ค. 20, 2012, 05:28 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 8 - 9
คำแปล R1.
8. And Musa (Moses) said: "If you disbelieve, you and all on earth together, then verily! Allah is rich (Free of all wants), Owner of all praise."
9. Has not the news reached you, of those before you, the people of Nuh (Noah), and 'Ad, and Thamud? And those after them ? None knows them but Allah. To them came their Messengers with clear proofs, but they put their hands in their mouths (biting them from anger) and said: "Verily, we disbelieve in that with which you have been sent, and we are really in grave doubt as to that to which you invite us (i.e. Islamic Monotheism)."
คำแปล R2.
8. และมูซาประกาศว่า “มาดแม้นพวกท่าน และผู้อยู่ในพื้นพิภพนี้ทั้งหมดจะอกตัญญูต่อพระองค์ แต่แท้จริงพระองค์ทรงรวย (เกินกว่าที่จะระคายต่อเบื้องพระเดชานุภาพของพระองค์) อีกทั้งทรงได้รับการสรรเสริญยิ่ง”
9. เรื่องราวของปวงชน (ผู้ไร้ศรัทธา) เมื่อก่อนหน้าพวกเจ้ามิได้มาถึงพวกเจ้าดอกหรือ เป็นต้นว่า กลุ่มชนของนูห์ กลุ่มชนของอ๊าด และกลุมชนของสะมู๊ด และบรรดากลุ่มชนสมัยหลังจากพวกนั้นอีก ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้เรื่องของพวกเหล่านั้น นอกจากอัลเลาะฮฺ บรรดาศาสนทูตแห่งพวกเขาได้มาสู่พวกเขาพร้อมด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ แต่แล้วพวกเขากลับเอามือใส่ไว้ในปากของพวกเขา(ด้วยความโกรธจัด) และพวกเขากล่าวว่า “แท้จริงเราขอคัดค้านสิ่งที่พวกท่านถูกนำส่งมาเผยแพร่ และแท้จริงเรายังมีความสงสัยเคลือบแคลงต่อสิ่งที่พวกท่านเรียกร้องเราไปสู่มันเหลือเกิน”
คำแปล R3.
8. และมูซาได้กล่าวว่า “ถ้าหากพวกท่านเนรคุณ พวกท่านและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินจงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺมิได้ทรงต้องการอะไรจากผู้ใดเพราะพระองค์ทรงมีพร้อมทุกอย่างและทรงได้รับการสรรเสริญ”
9. สูเจ้าไม่รู้เรื่องราวของผู้ที่มาก่อนสูเจ้าอย่างเช่น หมู่ชนของนูฮฺ หมู่ชนอ๊าด และหมู่ชนษะมูด และหมู่ชนหลังจากพวกเขากระนั้นหรือ? อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรู้จำนวนของพวกเขารอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขา พร้อมกับคำสอยที่ง่ายดายและสัญญาณอันชัดเจน แต่พวกเขาก็เอามืออุดปากของบรรดารอซูลและกล่าวว่า “เราปฏิเสธสาส์นนี้ พวกท่านได้ถูกส่งมาและเรามีความสงสัยพิกลเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านเชิญชวนเรา
คำแปล R4.
8. และมูซาได้กล่าวว่า หากพวกท่านและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมดปฏิเสธศรัทธา แท้จริงอัลลอฮนั้นทรงพอเพียงและทรงได้รับการสรรเสริญอย่างแน่นอน
9. เรื่องราวของบรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าพวกเจ้า เช่นกลุ่มชนของนูห อ๊าด และษะมูด และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขา มิได้มาถึงพวกเจ้าดอกหรือ? ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องของพวกเขา นอกจากอัลลอฮ บรรดาร่อซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง พวกเขาได้เอามือปิดปากของพวกเขาเอง และกล่าวว่า “แท้จริงเราได้ปฏิเสธศรัทธาในสิ่งที่พวกท่านถูกส่งมา (คืออัลกุรอาน) และแท้จริงพวกเราอยู่ในการสงสัยอย่างแน่นอนต่อสิ่งที่พวกท่านเรียกร้องเรา
คำแปล R5.
๘.
และมูซากล่าว
แก่ประชาชนของเขา
ว่า ถ้าพวกท่านและบุคคล
ตลอดจนเหล่ายิน
ทั้งสิ้น ณ หน้าแผ่นดินปฏิเสธ
พระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ การปฏิเสธนั้นก็ไม่ก่อความเดือดร้อนขึ้นแก่ใครได้นอกจากตัวพวกท่านเอง เพราะว่าพวกท่านยับยั้งตัวเองมิให้ได้รับพระกรุณาธิคุณเพิ่มมากขึ้น ซ้ำร้ายยังได้เสนอตัวเองให้ต้องโทษที่รุนแรงอีกด้วย
แน่นอนอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์ยิ่งด้วยความบริบูรณ์
มิได้ทรงปรารถนาที่จะได้รับความขอบพระกรุณาธิคุณและความมีศรัทธาจากพวกท่านแต่ประการใดเลย
ทรงเป็นองค์ยิ่งด้วยการได้รับสรรเสริญ
๙. โอ้ประชาชนของมูซา
ได้มีเรื่องราว
ทางประวัติศาสตร์
ของบรรดาชนที่ก่อนจากพวกเจ้าคือปวงชนของนูห์
ถูกโทษให้จมน้ำตาย
พวกอ๊าด
ผู้เป็นปวงชนของฮู๊ด ถูกโทษมหาวาตภัยตาย
และพวกซะมู๊ดปวง
ชนของศอลิห์ถูกโทษตายด้วยเสียงแผดตวาดของยิบรออีล
มายังพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ? แต่บรรดาชนรุ่นหลังจากพวกนี้หามีใครรู้ไม่นอกจากอัลเลาะห์
เนื่องจากประวัตินั้นมีกล่าวอยู่มากมาย
เหล่าพระศาสนทูตของพวกเหล่านั้น
ทั้งในยุคก่อนและยุคหลัง
ต่างได้มาถึงพวกเหล่านั้นแล้วพร้อมด้วยหลักฐานแจ้งชัด
ว่าได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระศาสนทูตจริง
แต่พวกเหล่านั้นกลับเอานิ้วมือยัดปากตัวเอง
และกัดอย่างแรงเพราะกริ้วจัด
พลางกล่าว
แก่เหล่าพระศาสนทูตของพวกตน
ว่า พวกเราไม่เชื่อตาม
ข้อบัญชาใช้และห้าม
ที่พวกท่านได้รับกระแสมา
โดยนึกคิดของพวกท่านเอง
หรอก ทั้งพวกเรานี้ก็สงสัยสุดสงสัยยิ่งนักในข้อซึ่งพวกท่านชี้ชวนพวกเรา
ให้เชื่อตาม
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #4 เมื่อ:
ต.ค. 21, 2012, 07:50 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 10 - 12
คำแปล R1.
10. Their Messengers said: "What! Can there be a doubt about Allah, the Creator of the heavens and the earth? He calls you (to Monotheism and to be obedient to Allah) that He may forgive you of your sins and give you respite for a term appointed." They said: "You are no more than human beings like us! You wish to turn us away from what our fathers used to worship. Then bring us a clear authority i.e. a clear proof of what you say)."
11. Their Messengers said to them: "We are no more than human beings like you, but Allah bestows his Grace to whom He wills of his slaves. It is not ours to bring you an authority (proof) except by the permission of Allah. And in Allah (alone) let the believers put their trust.
12. "And why should we not put our trust in Allah while He indeed has guided us our ways. And we shall certainly bear with patience all the hurt you may cause us, and in Allah (alone) let those who trust, put their trust."
คำแปล R2.
10. บรรดาศาสดาของพวกเขา (ในแต่ละยุค)กล่าวว่า “ยังจะสงสัยอีกหรือในองค์อัลเลาะฮฺ พระองค์ทรงเป็นผู้ประดิษฐ์ฟากฟ้าและแผ่นดินขึ้น พระองค์เรียกร้องท่านทั้งหลายเพื่อทรงให้อภัยแก่ท่านทั้งหลาย จากมวลบาปของท่านทั้งหลาย และพระองค์ทรงประวิงพวกท่านไปจนถึงวาระที่ถูกำหนดไว้” พวกเขากล่าว(โต้ศาสนทูต)ว่า “พวกท่านมิใช่อื่นใดเลยนอกจากเป็นปุถุชนธรรมดาเยี่ยงพวกเรานี้เอง พวกท่านปรารถนาที่จะขัดขวางพวกเราจากสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยนมัสการ ดังนั้นพวกท่านจงนำหลักฐานที่เด่นชัดมาแสดงแก่พวกเราซิ”
11. เหล่าศาสนทูตของพวกเขา (ในแต่ละยุค)ได้กล่าวตอบพวกนั้นว่า “เรามิใช่อื่นใดนอกจากเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา เช่นพวกท่านทั้งหลายนั่นเอง เพียงแต่ว่าอัลเลาะฮฺทรงโปรดปรานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากมวลบ่าวของพระองค์ และเราไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะนำหลักฐานมายังพวกท่านได้ นอกจากโดยอนุมัติของอัลเลาะฮฺ และเฉพาะอัลเลาะฮฺเท่านั้นที่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายพึงให้การมอบหมายเถิด
12. และไม่มีเหตุผลอันใดสำหรับเราที่จะไม่มอบหมายแด่อัลเลาะฮฺ เมื่อพระองค์ได้ทรงชี้นำแก่เรา ซึ่งหนทางของเรา และเราจะต้องอดทนในสิ่งที่พวกท่านราวีเรา และเฉพาะแต่อัลเลาะฮฺเท่านั้นบรรดาผู้มอบหมายพึงให้การมอบหมายเถิด
คำแปล R3.
10. บรรดารอซูลของพวกเขาได้กล่าวว่า “พวกท่านสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของอัลลอฮิผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกระนั้นหรือ? พระองค์ทรงเรียกร้องพวกท่านเพื่อที่พระองค์จะทรงยกโทษบาปของพวกท่านและให้เวลาแก่พวกท่านในการสำนึกผิดจนกระทั่งถึงวาระที่ได้กำหนดไว้ พวกเขากล่าวว่า “พวกท่านก็มิได้เป็นอะไรนอกไปจากมนุษย์เหมือนกับพวกเรา พวกท่านต้องการที่จะขัดขวางพวกเราจากการเคารพสักการะสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคยเคารพสักการะ ดังนั้น จงเอาสัญญาณที่ชัดเจนมาให้พวกเรา”
11. บรรดารอซูลของพวกเขาได้ตอบพวกเขาว่า “จริง ที่เราไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ามนุษย์เหมือกับพวกท่าน แต่ว่าอัลลอฮิทรงประทานความโปรดปรานแก่บ่าวของพระองค์คนใดก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และเราไม่มีอำนาจที่นำสัญญาณใด ๆ มายังพวกท่าน เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงอนุมัติเท่านั้น และในอัลลอฮฺเท่านั้นที่บรรดาผู้ศรัทธาจะมอบความไว้วางใจ
12. และไฉนพวกเราจึงไม่ไว้วางใจในอัลลอฮฺในเมื่อพระองค์ได้ทรงนำทางเราในหนทางแห่งชีวิตทั้งหลายของพวกเรา? พวกเราจะอดทนต่อการที่พวกท่านกดขี่เรา และผู้มอบความไว้วางใจจะมอบความไว้วางใจในอัลลอฮฺเท่านั้น”
คำแปล R4.
10. บรรดาร่อซูลของพวกเขาได้กล่าวว่า มีการสงสัยในอัลลอฮฺ พระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกระนั้นหรือ? พระองค์ทรงเรียกร้องพวกท่านเพื่อทรงยกโทษในความผิดของพวกท่านและทรงผ่อนผันพวกท่าน จนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ พวกเขากล่าวว่า พวกท่านมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นปุถุชนเยี่ยงเรา พวกท่านประสงค์ที่จะกีดกันพวกเราจากสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคยเคารพบูชา ดังนั้นพวกท่านจงนำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้พวกเราซิ
11. บรรดาร่อซูลของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเรามิใช่อื่นใด นอกจากเป็นปุถุชนเยี่ยงพวกท่าน แต่ทว่าอัลลอฮฺทรงโปรดปรานผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากปวงบ่าวของพระองค์ ไม่บังควรแก่เราที่จะนำหลักฐานมาแสดงแก่พวกท่าน เว้นแต่โดยอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น และแด่อัลลอฮฺเท่านั้น บรรดามุอฺมินพึงมอบความไว้วางใจเถิด
12. และทำไมเล่าเราจึงไม่มอบความไว้วางใจแด่อัลลอฮฺ และแน่นอนพระองค์ทรงชี้แนะแนวทางทั้งหลายแก่เราและเราจะอดทนต่อการที่พวกท่านทำร้ายเรา และบรรดาผู้มอบความไว้วางใจพึงไว้วางใจแด่อัลลอฮเท่านั้น
คำแปล R5.
๑๐.
เหล่าพระศาสนทูตของพวกเหล่านั้นก็เอ่ย
ถาม
ขึ้นว่า ยังจะมีสงสัยใน
เรื่องเอกภาพของ
อัลเลาะห์องค์เนรมิตบรรดาชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และแผ่นดินอยู่อีกหรือ ?
ย่อมไม่มีอะไรต้องสงสัยเลยอย่างแน่นอนเพราะการที่ทรงเนรมิตบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดก็ดี และผืนแผ่นดินก็ดี ถือได้ว่าเป็นหลักฐานอันกระจ่างชัดชี้ถึงพลานุภาพของพระองค์
พระองค์จักทรงชี้ชวนพวกท่าน
ไปสู่ความภักดีในพระองค์
เพื่อทรงยกโทษทั้งปวงให้พวกท่านและเพื่อจะทรงทอดเวลาแห่งการลงทัณฑ์ให้พวกท่านไปจนถึงกำหนดกาล
แห่งอายุขัยของพวกท่านเอง
พวกเหล่านั้น
ที่เป็นประชากรของเหล่าพระศาสนทูต
กล่าวว่า พวกท่านมิใช่ใครอื่นหากแต่เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานั่นเอง ซึ่งพวกท่านยังจะหมายให้พวกเราหันหลังให้เหล่า
เทวรูป
ที่บรรพบุรุษของพวกเราเคารพบูชาอยู่อีก พวกท่านจงเอาหลักฐานที่ชัดแจ้ง
ยืนยันฐานะจริงแห่งการเป็นพระศาสนทูตของพวกท่าน
มาให้พวกเราซิ
๑๑.
เหล่าพระศาสนทูต
ทั้งในยุคก่อนและยุคหลัง
กล่าวแก่พวก
ประชากร
เหล่านั้นว่าพวกเรานี้มิใช่ใครอื่นเป็นแต่เพียงมนุษย์เหมือนอย่างพวกท่านนั่นแหละ แต่ทว่าอัลเลาะห์ทรงกรุณาต่อบรรดาข้าของพระองค์ตามที่ทรงมุ่งประสงค์
ให้ได้รับตำแหน่งพระศาสนทูต เช่นพวกเรานี้
แล้วพวกเราก็ไม่อาจนำหลักฐานใดมาให้พวกท่านได้นอกจากโดยมีอนุมัติจากอัลเลาะห์เท่านั้น
เพราะพวกเรานี้อยู่ในฐานะข้าที่มีพระเจ้านับถืออยู่
ฉะนั้นเหล่าศรัทธาชนพึงยึดมั่นอยู่กับอัลเลาะห์ด้วยเถิด
๑๒.
ไม่มีอันใดยับยั้งพวกเรามิให้ยึดมั่นในอัลเลาะห์ได้เลย โดยพระองค์จะทรงให้พวกเรา
มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
อยู่ในแนวทางของ
พระองค์ตามที่ทรงกระชับใช้
พวกเรา
ให้ดำเนินตามแนวนั้น
และว่า
โดยสัจจริงแล้ว
พวกเราจักต้องอดทนต่อใด ๆ ที่พวกท่านก่อให้พวกเราได้ความเดือดร้อน เฉพาะต่ออัลเลาะห์เท่านั้นที่เหล่า
ศรัทธาชน
ผู้ยึดมั่นจงยึดมั่นไว้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #5 เมื่อ:
ต.ค. 22, 2012, 06:45 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 13 - 17
คำแปล R1.
13. And those who disbelieved, said to their Messengers: "Surely, we shall drive you out of our land, or you shall return to our religion." So their Lord inspired them: "Truly, we shall destroy the
Zalimun
(polytheists, disbelievers and wrong-doers.).
14. "And indeed, we shall make you dwell in the land after them. This is for him who fears standing before Me (on the Day of Resurrection or fears My punishment) and also fears My threat."
15. But they (the Messengers) sought victory and help [from their Lord (Allah)], and every obstinate, arrogant dictator (who refuses to believe in the Oneness of Allah) was brought to a complete loss and destruction.
16. In front of him (every obstinate, arrogant dictator) is Hell, and he will be made to drink boiling, festering water.
17. He will sip it unwillingly, and he will find a great difficulty to swallow it down his throat , and death will come to him from every side, yet he will not die and in front of him, will be a great torment.
คำแปล R2.
13. และบรรดาพวกไร้ศรัทธาได้กล่าวกับศาสนทูตของพวกเขาว่า “ขอสาบาน! เราจักขับพวกท่านออกไปให้พ้นจากแผ่นดินของเรา หรือมิฉะนั้นพวกท่านก็จงกลับคืนสู่ศาสนาของเรา (ตามเดิม) และองค์อภิบาลของพวกเขาก็ได้ดลจิตแก่พวกเขาว่า “เราจักทำลายล้างเหล่าทุจริตชนอย่างแน่นอน”
14. “และเราจักให้พวกเจ้า(ศาสนทูตเหล่านั้น) ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น ภายหลังจากพวกเขา(ถูกทำลายล้างแล้ว) นั้น!เป็น(สิ่งตอบแทน)ของผู้ที่เกรงกลัวการยืน(เผชิญการสอบสวน)ต่อหน้าข้า และเกรงกลัวสัญญาลงโทษของข้า
15. และพวก(ศาสนทูต)เหล่านั้น ต่างขอให้ได้ชัยชนะ(ต่อพวกไร้ศรัทธา)และผู้ผยองลำพองอีกทั้งดื้อรั้นทุกคน ต้องประสบความขาดทุนอย่างแน่นอน
16. เบื้องหน้าของพวกเขาคือนรกยะฮันนัม และเขาถูกบังคับให้ดื่มน้ำหนอง(ที่ไหลออกจาชาวนรกด้วยกัน)
17. ซึ่งเขาจะฝืนกลืนมัน แต่เขาก็เกือบจะกลืนไม่เข้า(เพราะความขยะแขยง)และความตายมาห้อมล้อมพวกเขาไว้ทุกด้าน แต่เขาก็หาได้ตายไม่ และจากเบื้องหลังของพวกเขาคือการลงโทษอันมหันต์
คำแปล R3.
13. ในที่สุด บรรดาผู้ปฏิเสธก็ได้กล่าวแก่บรรดารอซูลของพวกเขาว่า “พวกท่านจะต้องกลับมายังศาสนาของพวกเรา หรือไม่เราก็จะขับไล่พวกท่านออกจากแผ่นดินของเรา” แวพระผู้อภิบาลของพวกเขาก็ได้วะฮีย์แก่บรรดารอซูลว่า “เราจะทำลายผู้ทำความชั่วเหล่านี้
14. และหลังจากพวกเขา เราจะให้พวกเจ้าตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดินนี้ เป็นรางวัลของบรรดาผู้กลัวว่าจะต้องมายืนตอบต่อหน้าฉันและกลัวต่อคำขู่ที่จะลงโทษของฉัน”
15. พวกเขาได้แสวงหาการตัดสิน
(และพวกเขาก็ได้ถูกตัดสินไปแล้ว)
และผู้ทระนงโอหังทุกคนต่างต้องได้รับความอับอาย
16. แล้วหลังจากนี้ นรกก็จะปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา และเขาจะถูกให้ดื่มน้ำอันสกปรกโสโครก
17. เขาพยายามจะจิบมัน แต่ไม่สามารถกลืนมันลงไปได้ ความตายจะล้อมรอบเขาในทุก ๆ ด้าน แต่เขาก็จะไม่ตาย และต่อหน้าเขาคือการลงโทษอันร้ายแรง
คำแปล R4.
13. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดาร่อซูลของพวกเขาว่า แน่นอนเราจะขับพวกท่านออกจากแผ่นดินของเรา หรือว่าพวกท่านจะกลับไปยังศาสนาของเรา ดังนั้นพระเจ้าของพวกเขาทรงวะฮีให้แก่พวกเขา (บรรดาร่อซูล) ว่า แน่นอน เราจะทำลายพวกอธรรม
14. และแน่นอน เราจะให้พวกท่านพำนักในแผ่นดิน หลังจากพวกเขา นั่นสำหรับผู้ที่กลัวต่อการเผชิญหน้าข้า และกลัวต่อสัญญาการลงโทษของข้า
15. และพวกเขา(บรรดาร่อซูล) ขอต่อพระองค์ให้ได้รับชัยชนะ และให้ผู้หยิ่งผยองที่ดื้อด้านทุกคนประสบความพินาศ
16. จากเบื้องหลังของเขาคือนรกญะฮันนัม และจะได้ดื่มน้ำจากน้ำหนอง
17. เขาจิบมันแต่ไม่อาจจะกลืนมันได้ และความตายมาหาเขาจากทุกทิศทาง โดยที่เขาก็ไม่ตาย และเบื้องหลังของเขาคือการลงโทษที่รุนแรง
คำแปล R5.
๑๓.
บรรดาชนที่เป็นกาฟิร กล่าวแก่เหล่าพระศาสนทูตของพวกตนว่าเราจักต้องขับพวกท่านออกไปจากแผ่นดินของเราหรือ
ก็ต้อง
ให้พวกท่านคืนกลับสู่ศาสนาของพวกเราให้จงได้ แต่แล้วองค์พระผู้อภิบาลแห่งพวก
ศาสนทูต
เหล่านั้นก็ทรงดลกระแสโองการมายังพวก
พระศาสนทูต
เหล่านั้น
โดยเป็นสัจจะ
ว่าเรา
(อัลเลาะห์)
จะทำลายพวก
กาฟิร
ผู้อธรรมอย่างแน่นอนทีเดียว
๑๔.
แล้วเราจะให้พวกเจ้า
(พระศาสนทูต)
ได้อยู่อาศัย ณ แผ่นดิน
ดังกล่าว
ต่อจากพวกเหล่านั้น
ที่ถูกทำลายล้างสูญหายไปแล้วอีกด้วย ความมีชัยของพวกเจ้าก็ดี และการที่พวกเจ้ามาอยู่ ณ แผ่นดินแทนที่พวกกาฟิรก็ดี
นี่แหละสำหรับผู้ที่เกรงกลัวการเผชิญกับ
การสอบสวนของ
ข้า และที่เกรงกลัวสัญญา
การลงทัณฑ์
ของข้า
๑๕.
ทั้งพวก
พระศาสนทูต
เหล่านั้นต่างก็ขอ
ต่ออัลเลาะห์
ให้ได้ชัยชนะ
พวกกาฟิร
แล้วผู้โอหัง
ต่อการภักดีต่ออัลเลาะห์
ผู้ดื้อด้านทุกคน
ผู้ไม่ยอมรับความจริง
จึงต้องขาดทุน
๑๖.
ที่เบื้องหน้าเขามีนรกยะฮันนำอยู่ด้วย
ซึ่งเขาจะต้องเข้าไปในนั้น
แล้วเขาจะถูกให้ดื่มน้ำเหลือง
๑๗.
เขาจะฝืนใจกล้ำกลืนมัน
(น้ำเหลือง)
เข้าไป
ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ก็
ไม่กล้าอยู่ตั้งหลายครั้ง ทั้งนี้เพราะมันมีรสขมและ
เกือบจะกลืนไม่ลงคอ
เนื่องด้วยรู้สึกสะอิดสะเอียน
แล้ว
สภาพอันน่าถึงแก่
ความตายนั้นเล่ามีขึ้นแก่เขาอยู่รอบด้าน แต่เขาก็ไม่ตาย และที่เบื้องหน้าเขายังมีโทษอุกฉกรรจ์
ซ้ำซ้อนเข้าเสีย
อีก
หลังจากผ่านการถูกลงโทษมาแล้วต่าง ๆ นานา
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #6 เมื่อ:
ต.ค. 23, 2012, 07:29 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 18 - 21
คำแปล R1.
18. The parable of those who disbelieve in their Lord is that their works are as ashes, on which the wind blows furiously on a stormy day, they shall not be Able to get aught of what they have earned. That is the straying, far away (from the Right Path).
19. Do you not see that Allah has created the heavens and the earth with truth? If He will, He can remove you and bring (in your place) a new creation!
20. And for Allah that is not hard or difficult (i.e. very easy for Allah).
21. And they all shall appear before Allah (on the Day of Resurrection) then the weak will say to those who were arrogant (chiefs): "Verily, we were following you; can you avail us anything from Allah's torment?" They will say: "Had Allah guided us, we would have guided you. It makes no difference to us (now) whether we rage, or bear (these torments) with patience, there is no place of refuge for us."
คำแปล R2.
18. อุปมาบรรดาพวกที่อกตัญญูต่อองค์อภิบาล อันผลงานของพวกเขานั้น ประดุจดังเถ้าถ่านที่ลมพัดพามันไปอย่างรุนแรงในวันที่พายุหนัก พวกเขาไม่มีอำนาจ(ครอบครอง)สิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้สักประการเดียวก็ตาม นั้น ! มันเป็นความหลงผิดอันห่างไกลที่สุด
19. เจ้าไม่รู้หรือว่า อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินโดย(เป้าหมายที่อำนวยประโยชน์อย่าง)จริงแท้ หากพระองค์ประสงค์ พระองค์ก็ทรง(สิทธิ์ที่จะ)ขจัดพวกเจ้าจนสูญสิ้น(ชาติพันธุ์)และทรงนำมาซึ่งประชากรอื่น(แทนที่พวกเจ้า)
20. และสิ่งนั้น(การล้างชาติและทดแทนชาติใหม่ดังกล่าวนั้น)มิใช่เป็นสิ่งหนักหนาแก่อัลเลาะฮฺเลย
21. และ(ในวันกิยามะฮฺ)พวกเขาได้(ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา)ปรากฏตัวต่ออัลเลาะฮฺทั้งหมด แล้วบรรดาผู้อ่อนแอก็กล่าวกับบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ว่า “อันที่จริงพวกเราเป็นผู้ตามพวกท่าน แล้วพวกท่านสามารถป้องกันเราให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะฮฺสักกรณีหนึ่งได้ไหม? พวกเรานั้นตอบว่า “หากอัลเลาะฮฺทรงชี้นำเรา แน่นอนเราก็ย่อมชี้นำพวกท่านได้ (ณ บัดนี้) เป็นการทัดเทียมกันสำหรับพวกเรา ไม่ว่าพวกเราจะสะทกสะท้านหรือพวกเราจะอดทนก็ตาม (มีผลเป็นอย่างเดียวกันคือ) ไม่มีทางรอดเลยสำหรับเรา”
คำแปล R3.
18. การงานของบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นอาจเปรียบได้กับขี้เถ้าที่ถูกลมพัดฟุ้งกระจายในวันมีพายุ พวกเขาจะไม่สามารถได้รับสิ่งใดจากที่พวกเขาได้กระทำไว้ นี่คือการหลงออกไปอย่างไกลสุด
19. สูเจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไว้ด้วยความจริง? ถ้าหากพระองค์ประสงค์ พระองค์ก็ทรงสามารถที่จะเอาสูเจ้าออกไปและสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแทนสูเจ้าก็ได้
20. และนั่นไม่เป็นการยากเลยสำหรับอัลลอฮฺ
21. และเมื่อพวกเขาถูกนำตัวออกมาพร้อมกันต่อหน้าอัลลอฮฺ พวกคนที่อ่อนแอกว่าในโลกนี้จะพูดกับพวกที่วางท่าโอหังว่า “เนื่องจากเราเป็นผู้ตามพวกท่าน ตอนนี้พวกท่านจะทำอะไรที่ช่วยให้พวกเราพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้บ้าง?” พวกเขาตอบว่า “หากอัลลอฮฺทรงนำพวกเราไปสู่หนทางแห่งการรอดพ้น เราก็จะนำพวกท่านไปยังทางนั้นด้วยเช่นกัน แต่นี่ก็มีค่าเท่ากันไม่ว่าเราจะร้องโอดครวญหรืออดทน ไม่มีทางรอดพ้นไปได้เลยสำหรับพวกเรา”
คำแปล R4.
18. อุปมาบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา การงานของพวกเขาประดุจดังขี้เถ้า เมื่อลมพัดมันไปอย่างแรงเมื่อวันมีพายุ พวกเขาไม่มีอำนาจในสิ่งที่พวกเขาแสวงหาไว้แต่อย่างใดนั่นคือการหลงทางที่ไกลลิบ
19. สูเจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงหากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงให้พวกเจ้าสูญสิ้นไป และจะทรงนำมาซึ่งกลุ่มชนรุ่นใหม่
20. และในการนั้นมีใช่เป็นการยากแก่อัลลอฮ
21. และพวกเขาได้ออกมาพร้อมกันต่อหน้าอัลลอฮ พวกอ่อนแอกล่าวกับพวกหัวหน้าว่า แท้จริงพวกเราเป็นผู้ตามพวกท่าน พวกท่านจะช่วยพวกเราได้อย่างไร ให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ พวกเขากล่าวว่า หากอัลลอฮทรงชี้แนะทางแก่เรา แน่นอนเราก็จะชี้แนะทางแก่พวกท่าน มีผลเท่ากันสำหรับเรา ถึงแม้ว่าเรากระวนกระวายหรือเราอดทน สำหรับพวกเรานั้นไม่มีทางรอดไปได้
คำแปล R5.
๑๘.
อุปมาปฏิบัติการ
อันดีงาม เช่น การบริจาคทานและการกตัญญูต่อบิดามารดาตลอดจนมวลมนุษย์และการมีไมตรีจิตต่อผู้ทุกข์ยาก การไถ่ตัวเชลย การเลี้ยงอาหารและคุณความดีใด ๆ
ของบรรดา
(กาฟิร)
ผู้ปฏิเสธองค์อภิบาลแห่งตนนั้น
จะไม่ได้รับตอบแทนกุศลเลยสักแม้นิดเดียวทั้งนี้เพราะปฏิบัติของพวกเขาปราศจากเงื่อนไขแห่งการตอบแทนบุญกุศล นั้นคือผู้ปฏิบัติต้องเป็นผู้มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ นี้เปรียบ
ประหนึ่งผงธุลีถูกลมพัดแรงในวันพายุหนัก
จนเถ้าธุลีนั้นปลิวว่อนหายสูญไป และเก็บมารวมไว้มิได้
พวก
กาฟิร
เหล่านั้นจึงไม่อาจได้รับส่วน
แห่งบุญกุศล
ที่พวกตนได้ขวนขวายไว้
ในภาคภพดุนยา ข้อเปรียบเทียบปฏิบัติการที่ไร้ประโยชน์
นี้แหละคือความหลงผิด
(สูญเสียในบุญกุศล)
อย่างสุดไกล
๑๙. โอ้ปวงชนผู้สดับฟัง
เจ้าก็ได้แลเห็นแล้วมิใช่หรือว่าอัลเลาะห์นั้นทรง
มีพลานุภาพในการ
สร้างบรรดาชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และแผ่นดินโดยมีเคล็ดลับ
โอ้มวลมนุษย์
แม้พระองค์ทรงมุ่งประสงค์แล้วไซร้ พระองค์จะทรงให้พวกเจ้าสาบสูญ
ชาติพันธุ์
ก็ได้ และทรงให้มีประชาชาติ
ซึ่งมิใช่พงศ์พันธ์ของพวกเจ้าและมีความภักดีต่ออัลเลาะห์ดีกว่าพวกเจ้า
ขึ้นมาอีก
แทนพวกเจ้าที่หน้าพิภพนี้
ก็ได้
๒๐
การ
ที่ทรงให้พวกเจ้าสูญสิ้นชาติพันธุ์และให้มีประชาชาติซึ่งมิใช่เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าและมีความภักดีต่ออัลเลาะห์ดีกว่าพวกเจ้าแทนพวกเจ้า ณ หน้าพิภพ
นี้มิได้ยากเย็นแก่อัลเลาะห์
แต่ประการใด
เลย
๒๑.
แล้วพวกเหล่านั้น
ซึ่งตายไปแล้ว
ทั้งสิ้นก็ได้อุบัติขึ้น
จากสุสานของพวกตน
ไปสู่อัลเลาะห์
เพื่อพระองค์จะได้ทรงพิพากษาปลแห่งกรรมของพวกเหล่านั้น และทรงตอบสนองให้พวกเหล่านั้นที่ปฏิบัติกรรมดีได้บุญกุศลและที่ปฏิบัติกรรมชั่วได้รับโทษทัณฑ์
แต่พวกที่ด้อย
ปัญญาความคิดซึ่งดำเนินแนวศาสนาและความเชื่อมั่นตามพวกหัวหน้า
กล่าวแก่
(หัวหน้า)
ผู้ซึ่งหยิ่งยโสว่า พวกเรานี้ดำเนินตามพวกท่าน
ทั้งในด้านศาสนา มีความเชื่อมั่น ตลอดจนหาว่าพระศาสนทูตเป็นผู้เท็จ และหันหลังให้ความหวังดีของพระศาสนทูต
แล้วพวกท่านจะคอยป้องกันพวกเราให้รอดพ้นจากการลงทัณฑ์ของอัลเลาะห์ได้บ้างไหม? พวก
หัวหน้า
เหล่านั้นตอบ
เป็นเชิงขัดข้อง
ว่า ถ้าอัลเลาะห์ทรงชี้แนวธรรมแก่พวกเรา
ได้ไปสู่ศรัทธาในภาคพิภพนี้
เราก็จะชี้แนวธรรมแก่พวกท่านด้วย
แต่ปรากฏว่าพระองค์ทรงให้พวกเราหลงงมงายในหนทาง พวกเราก็ต้องชวนพวกท่านให้งมงายตามไปด้วย
ไม่ว่าพวกเราจะเหลือทนหรือว่าทนได้
ต่อการเผชิญกับการลงทัณฑ์
ก็คงค่าเท่ากันสำหรับพวกเราพวกเราย่อมไม่มีที่หลบลี้
หนีการถูกลงโทษ
เลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #7 เมื่อ:
ต.ค. 24, 2012, 06:42 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 22 - 23
คำแปล R1.
22. And Shaitan (Satan) will say when the matter has been decided: "Verily, Allah promised you a promise of truth. And I too promised you, but I betrayed you. I had no authority over you except that I called you, so you responded to me. So blame me not, but blame yourselves. I cannot help you, nor can you help me. I deny your former act in associating me (Satan) as a partner with Allah (by obeying me in the life of the world). Verily, there is a painful torment for the
Zalimun
(polytheists and wrong-doers, etc.)."
23. And those who believed (in the Oneness of Allah and his Messengers and whatever they brought) and did righteous deeds, will be made to enter Gardens under which rivers flow, - to dwell therein forever (i.e.in Paradise), with the permission of their Lord. Their greeting therein will be: Salam (peace!) .
คำแปล R2.
22. และมารร้ายกล่าว เมื่อการงานได้ถูกลุล่วงแล้ว (นั่นคือมีการนำตัวชาวสวรรค์เข้าสวรรค์ และชาวนรกเข้านรก)ว่า “แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงสัญญาโดยสัตย์จริงกับพวกท่าน และฉันเองก็ทำสัญญากับพวกท่าน แต่ฉันผิดสัญญากับพวกท่าน แลพฉันไม่มีพลังอำนาจใด ๆ เหนือพวกท่านเลย ยกเว้นเพียงฉันเรียกร้องพวกท่าน แล้วพวกท่านก็สนองตอบฉันเท่านั้นเอง ดังนั้นพวกท่านอย่าตำหนิฉันเลย แต่พวกท่านจงตำหนิตัวของพวกท่านเองเถิด เพราะฉันนั้นหามีอำนาจช่วยเหลือพวกท่าน(ให้พ้นโทษ)ไม่ และพวกท่านก็ช่วยฉันไม่ได้เช่นเดียวกัน แท้จริงฉันได้ปฏิเสธฐานะที่พวกท่านได้ตั้งฉันขึ้นเป็นภาคี(กับอัลเลาะฮฺ)ดมื่อก่อนนั้นแล้ว แท้จริงเหล่าทุจริตชนทั้งหลาย ย่อมได้รับการลงโทษอันสาหัสยิ่ง
23. และบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามได้ถูกนำตัวเข้าสวรรค์ต่าง ๆ ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าประจำอยู่ในนั้นโดยนิรันดร ด้วยการอนุมัติขององค์อภิบาลพวกเขา คารวธรรมของพวกเขา (ที่แสดงกัน)นั้นคือการประสาทสันติสุข(ให้กัน)
คำแปล R3.
22. และเมื่อการตัดสินของเราได้เสร็จสิ้นแล้ว มารร้ายก็จะกล่าวว่า “แท้จริงที่อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาไว้กับพวกท่านนั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น และฉันก็ได้สัญญาไว้กับพวกท่านเช่นกัน แต่ฉันก็บิดพลิ้วพวกท่าน และฉันไม่มีอำนาจเหนือพวกท่าน ฉันไม่ได้ทำอะไรนอกจากเชิญชวนพวกท่านและพวกท่านก็ตอบรับคำเชิญชวนของฉัน ดังนั้นจงอย่ามาตำหนิฉัน แต่จงตำหนิตัวพวกท่านเอง ฉันไม่สามารถช่วยเหลือพวกท่านได้ที่นี่และพวกท่านก็ไม่สามารถช่วยเหลือฉันได้ ฉันปฏิเสธการที่พวกท่านตั้งฉันเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าก่อนหน้านี้ แท้จริง คนที่ผิดเช่นนั้นจะต้องได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด”
23. และ
(ในทางตรงข้ามกับบรรดาผู้ฝ่าฝืน)
บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดีจะถูกรับเข้าสู่สวรรค์ที่เบื้องล่างนั้นมีสายน้ำไหลผ่าน พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดไปโดยการอนุญาตของพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะได้รับการต้อนรับที่นั่นด้วยคำว่า “ขอความสันติจงมีแด่ท่าน”
คำแปล R4.
22. และชัยฎอนได้กล่าวเมื่อการงานได้ถูกตัดสินแล้วว่า แท้จริงอัลลอฮได้ทรงสัญญาพวกท่านซึ่งเป็นสัญญาแห่งความจริง และฉันได้สัญญาพวกท่านแล้วฉันได้บิดพลิ้วพวกท่าน ฉันไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือพวกท่าน นอกจากฉันได้เรียกร้องพวกท่าน แล้วพวกท่านก็ตอบสนองฉัน ดังนั้นพวกท่านอย่าได้ประณามฉัน แต่ทว่าจงประณามตัวพวกท่านเอง ฉันไม่อาจร้องทุกข์แทนพวกท่านได้ และพวกท่านก็ไม่อาจ ร้องทุกข์แทนฉัน (จากการลงโทษของอัลลอฮ) ได้ แท้จริงฉันได้ปฏิเสธต่อสิ่งที่พวกท่านตั้งฉันให้เป็นภาคี (กับอัลลอฮ) แต่ก่อนนี้ แท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้น สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอย่างเจ็บปวด
23. และบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย ถูกนำให้เข้าสวนสวรรค์มากหลาย มีลำน้ำหลายสายไหลผ่านเบื้องล่าง โดยพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลด้วยอนุมัติของพระเจ้าของพวกเขา การกล่าวคำนับทักทายของพวกเขาในนั้นคือศานติ
คำแปล R5.
๒๒.
ไซตอน
(ตัวมาร)
กล่าวในขณะที่การ
นำตัวชาวสวรรค์ให้เข้าสู่สวรรค์และนำตัวชาวนรกเข้าสู่ขุมนรก
เสร็จสิ้นลงแล้ว
โดยยืนอยู่บนแท่นปราศรัยในขุมนรก
ว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงสัญญาไว้กับพวกท่าน แน่นอนแล้ว
แท้จริงพวกท่านต้องคืนชีวิตขึ้นมาจากสุสาน และจะทรงตอบสนองผลแห่งวีรกรรมของพวกท่าน
แล้วฉันก็ได้สัญญาไว้แก่พวกท่าน
ว่าข้อสัญญาของอัลเลาะห์นั้นไม่เป็นจริงตามนั้น
ฉันจึงต้องผิดสัญญาแก่พวกท่านด้วย
กล่าวเท็จกับพวกท่านในข้อสัญญาของฉันที่เคยให้ไว้
และฉันไม่มีอำนาจใดจะบังคับพวกท่าน
ให้ดำเนินตามฉัน
ได้ เพียงแต่ฉันชักชวนพวกท่านเท่านั้น พวกท่านเองต่างหากที่
รีบ
ยอมรับ
จะเชื่อตาม
ฉัน ฉะนั้นพวกท่านอย่าได้ตำหนิ
อะไร
ฉันเลย แต่จงตำหนิตัวของพวกท่านเองเถิด
ที่มายอมตามฉัน
ฉันไม่อาจช่วยเหลือพวกท่าน
ให้พ้นโทษจากพระองค์
ได้ และพวกท่านเองก็ไม่อาจช่วยเหลือฉัน
ให้พ้นโทษฐานฉันเคยสัญญาเท็จและเคยหลอกลวงพวกท่าน
ได้อีกด้วย ฉัน
(ไชคอน)
ต้องขอปฏิเสธเรื่องที่พวกท่านเคยตั้งตัวฉันเป็นคู่ภาคี
กับอัลเลาะห์ในด้านให้ความเคารพบูชา
มาก่อน
ในภาคพิภพดุนยา
แน่แท้พวกกาฟิรย่อมได้รับโทษทัณฑ์อันเจ็บแสบ
๒๓.
บรรดาผู้มีศรัทธาและที่ประพฤติชอบย่อมได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ซึ่งภายใต้มีลำธารไหลผ่านโดยอยู่ประจำ ณ ที่
(สวรรค์)
แห่งนั้นถาวรตามพระประสงค์แห่งองค์พระผู้อภิบาลของพวกเขา
ทั้งจะไม่ถูกขับออกและไม่ตาย
คำสดุดี
ไม่ว่าจะโดยคำตรัสจากอัลเลาะห์หรือคำกล่าวจากมลาอิกะห์หรือ
จากพวกเขาภายในสวรรค์นั้นคือ
การกล่าวคำว่า
“สุขศานติ”
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #8 เมื่อ:
ต.ค. 25, 2012, 06:03 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 24 - 27
คำแปล R1.
24. See you not how Allah sets forth a parable? - A goodly word as a goodly tree, whose root is firmly fixed, and its branches (reach) to the sky (i.e. very high).
25. Giving its fruit at all times, by the leave of its Lord and Allah sets forth parables for mankind in order that they may remember.
26. And the parable of an evil word is that of an evil tree uprooted from the surface of earth having no stability.
27. Allah will keep firm those who believe, with the word that stands firm in this world (i.e. they will keep on worshipping Allah alone and none else), and in the Hereafter. And Allah will cause to go astray those who are
Zalimun
(polytheists and wrong-doers, etc.), and Allah does what He wills.
คำแปล R2.
24. เจ้าไม่สังเกตดอกหรืออัลเลาะฮฺได้ยกอุทาหรณ์เป็ถ้อยคำอันดีเยี่ยม (คือ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ) ประหนึ่งต้นไม้ที่ดีซึ่งโคนของมันมั่นคง(อยู่ในพื้นดิน)และกิ่งของมันชูขึ้นสู่เบื้องฟากฟ้า
25. (ต้นไม้นั้น)มันให้ผลบริโภคได้ของมันตลอดเวลา(ทุกฤดูกาล) โดยอนุมัติแห่งองค์อภิบาลของมัน และอัลเลาะฮฺทรงยกอุทาหรณ์ต่าง ๆ แก่มวลมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้มีจิตสำนึก
26. และเปรียบถ้อยคำอันสามานย์ ดั่งต้นไม้ที่เลว มันถูกถอนรากออกกองไว้บนพื้นดิน(ได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน) มันหาความมั่นคงใด ๆ ไม่ได้เลย
27. อัลเลาะฮฺทรงบันดาลความมั่นคงแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งหลายด้วยคำพูดอันมั่นคงในชีวิตทางโลกนี้และโลกหน้า(นั่นคือคำแสดงออกทางการปฏิญาณในความเชื่อ)และอัลเลาะฮฺจะปล่อยให้พวกฉ้อฉลทั้งหลายหลงผิด(ตลอดไป) และอัลเลาะฮฺทรงบันดาลสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
คำแปล R3.
24. สูเจ้าไม่เห็นหรือว่า อัลลอฮฺได้เปรียบเทียบ “ถ้อยคำที่บริสุทธิ์”กับอะไร? มันเหมือนกับต้นไม่ที่ดีที่รากของมันหยั่งลึกลงไปในพื้นดินและกิ่งก้านสาขาของมันแผ่ขยายขึ้นสู่ฟ้า
25. มันออกผลทุกขณะโดยการอนุมัติของพระผู้อภิบาลของมัน อัลลอฮฺทรงยกข้อเปรียบเทียบนี้ขึ้นมาสำหรับมนุษย์ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับบทเรียนจากมัน
26. และคำพูดที่ชั่ว อาจเปรียบได้ดังต้นไม้ที่เลวซึ่งถูกถอนอกมาจากพื้นดินและไม่มีความมั่นคง
27. อัลลอฮฺได้ทรงทำให้บรรดาผู้ศรัทธามั่นคงในชีวิตแห่งโลกนี้และในโลกหน้าด้วยถ้อยคำที่มั่นคง แต่ทรงปล่อยให้ผู้ฝ่าฝืนหลงทาง อัลลอฮฺทรงมีอำนาจที่จะทำอะไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
คำแปล R4.
24. เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า อัลลอฮทรงยกอุทาหรณ์ไว้ว่า อุปมาคำพูดที่ดีดั่งต้นไม้ที่ดี รากของมันฝังแน่นลึกมั่นคง และกิ่งก้านของมันชูขึ้นไปในท้องฟ้า
25. ผลของมันจะออกมาทุกกาลเวลา โดยอนุมัติของพระเจ้าของมันและอัลลอฮทรงยกอุทาหรณ์แก่ปวงมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้รำลึก
26. และอุปมาคำพูดที่เลว ดั่งต้นไม้ที่อับเฉาถูกถอนรากออกจากพื้นดิน มันไม่มีความมั่นคงเลย
27. อัลลอฮทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง ในการมีชีวิตอยู่ทั้งในโลกนี้ และในปรโลกและอัลลอฮทรงให้บรรดาผู้อธรรมหลงทาง และอัลลอฮทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
คำแปล R5.
๒๔. โอ้มวลมนุษย์
เจ้าแลเห็นแล้วมิใช่หรือ อัลเลาะห์ทรงชักตัวอย่างคำอันประเสริฐขึ้นคำหนึ่ง
ที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพบูชาเว้นแต่อัลเลาะห์”
เปรียบเสมือนต้นไม้ประเสริฐ
เช่นต้น อินทผลัม
อันรากของมัน
หยั่งลง
ยึดแน่นอยู่
ในดิน
และยอดของมันชะลูดขึ้นสู่เบื้องสูง
ในอากาศ
๒๕. ต้นไม้นั้น
มันให้ผลอยู่ตลอดทุกปี ตามพระประสงค์แห่งองค์พระผู้อภิบาลของมัน
ข้อเปรียบเช่นนี้ย่อมเปรียบได้กับถ้อยคำแสดงศรัทธาในอัลเลาะห์ที่ยังความประทับใจแก่ผู้ศรัทธา ซึ่งปฏิบัติการภักดีของเขาถูกเสนอขึ้นสู่เบื้องฟ้าเพื่อรับตอบแทนบุญกุศลที่สมบูรณ์ทุกเวลา
แล้วอัลเลาะห์จะทรงแจ้งอีกหลายอุทาหรณ์ให้แก่มวลมนุษย์
ไว้ในพระคัมภีร์อัล-กุรอาน
เพื่อว่าพวกเขาจักได้เชื่อฟัง
๒๖.
และ
ท่านแลเห็นแล้วมิใช่หรือ อัลเลาะห์ทรงชักตัวอย่าง
ถ้อยคำอันเลว
คือวาจาปฏิเสธศรัทธาในอัลเลาะห์เป็นวาจาซึ่งไร้ความมั่นคงและขาดความสมบูรณ์พูนผล
เปรียบเสมือนต้นไม้เลว
เช่นต้นขี้กา
ซึ่งมีแต่ถูกถอนทิ้งจากแผ่นดิน ไม่มี
กิ่งก้านสาขา
ที่มั่นคง
๒๗.
อัลเลาะห์จะทรงให้บรรดาชนผู้มีศรัทธาได้มั่นคงอยู่ด้วยถ้อยคำมั่นคง
เป็นหลักประกันสำหรับพวกมีศรัทธาเหล่านั้นมิให้พลั้งพลาดจากศาสนาเมื่อพวกนั้นกำลังตกอยู่ในภาวะยุ่งเหยิงแต่พวกนั้นกลับรอดพ้นจากภัยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการถูกประหาร ถูกจับเป็นเชลยและอื่น ๆ อีก ซึ่งศาสนาคอยพิทักษ์ไว้ทั้ง
ในภาคภพนี้และภาคปรภพ
โดยเฉพาะในสุสานพวกเหล่านั้นจะตอบคำซักถามของมลาอิกะห์ ๒ ท่านชื่อ มุงกัร กับ นกีร ที่ไต่ถาม “ใครคือพระเจ้าของท่าน ท่านนับถือศาสนาใด และกล่าวถึงบุรุษผู้หนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระศาสนทูตว่ากระไร?” ด้วยถ้อยคำอันถูกต้องว่า “พระเจ้าของฉันคืออัลเลาะห์ ฉันนับถือศาสนาอิสลาม และฉันอ้างสัจปฏิญาณว่าบุรุษซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นพระศาสนทูตผู้นี้คือข้าของพระองค์และเป็นศาสนทูตของพระองค์”
แต่อัลเลาะห์จะทรงให้พวกกาฟิรหลงหนทาง
เที่ยงธรรม พวกนั้นจึงไม่ได้รับแนวธรรมที่จะตอบถ้อยคำถามดังกล่าวของมลาอิกะห์ทั้งสองได้ถูกต้อง เพียงแต่จะตอบได้ว่า “เราไม่รู้”
และอัลเลาะห์ทรงกระทำการ
ใด ๆ
ตามที่พระองค์ทรงมุ่งประสงค์ก็ได้
โดยหามีผู้ใดคัดค้านได้ไม่
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #9 เมื่อ:
ต.ค. 26, 2012, 05:34 PM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 28 - 30
คำแปล R1.
28. Have you not seen those who have changed the Blessings of Allah into disbelief (by denying Prophet Muhammad and his message of Islam), and caused their people to dwell in the house of destruction?
29. Hell, in which they will burn, - and what an evil place to settle in!
30. And they set up rivals to Allah, to mislead (men) from His Path! Say: "Enjoy (your brief life)! But certainly, your destination is the (Hell) Fire!"
คำแปล R2.
28. เจ้าไม่สังเกตไปยังบรรดาพวกที่เปลี่ยนแปลงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ มาเป็นความอกตัญญูดอกหรือและพวกเขายังได้ชักจูงพวกพ้องให้ตกในสถานที่แห่งความพินาศ
29. มันคือนรกยะฮันนัม ซึ่งพวกเขาจะต้องเข้าไปในนั้น และมันเป็นแหล่งที่เลวทรามที่สุด
30. และพวกเขาได้อุปโลกน์บรรดาคู่เคียงต่าง ๆ แก่อัลเลาะฮฺ เพื่อพวกเขาจะทำให้หลงผิดไปจากแนวทางของพระองค์ จงประกาศเถิด “พวกท่านจงภิรมย์เถิด! เพราะแท้จริงพวกท่านทั้งหลายต้องกลับคืนเข้าสู่นรก
คำแปล R3.
28. เจ้าไม่เห็นคนที่ตอบแทนความโปรดปรานของอัลลอฮฺด้วยการเนรคุณและนำผู้คนของพวกเขา(และตัวของพวกเขาเอง)เข้าไปสู่ที่พำนักแห่งความหายนะดอกหรือ?
29. นรกคือสถานที่ที่พวกเขาจะเข้าไปและมันเป็นสถานที่ที่พักอันเลวร้ายที่สุด
30. และพวกเขาได้ตั้งภาคีขึ้นมาควบคู่กับอัลลอฮฺเพื่อที่จะให้มันนำพวกเขาหลงออกไปจากทางของอัลลอฮฺ จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จงสนุกสนานกันไปชั่วขณะหนึ่งเถอะ เพราะในที่สุดแล้ว พวกท่านจะต้องกลับไปสู่ไฟนรก”
คำแปล R4.
28. เจ้าไม่เห็นดอกหรือ บรรดาผู้เปลี่ยนความโปรดปรานของอัลลอฮ เป็นการปฏิเสธศรัทธาและได้นำกลุ่มชนของพวกเขาลงสู่ที่พำนักอันหายนะ
29. นรกญะฮันนัมที่มีเปลวไฟร้อนจัดของมัน และมันเป็นที่พำนักอันชั่วช้า
30. และพวกเขาได้ตั้งภาคีคู่เคียงกับอัลลอฮ เพื่อให้พวกเขาหลงทางของพระองค์ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงร่าเริงกันเถิด เพราะแท้จริงทางกลับของพวกท่านย่อมไปสู่ไฟนรก
คำแปล R5.
๒๘. โอ้มุฮำมัด
เจ้ามิได้
ประหลาดใจที่ได้
แลเห็น
บรรดาชนชาวนครมักกะห์
ผู้ซึ่งแปรผันจากพระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ด้วยการเนรคุณดอกหรือ?
ฉะนั้นในเมื่อพวกกาฟิรมักกะห์เนรคุณอยู่ พระกรุณาธิคุณจากพระองค์จึงถูกถอนคืนไปจากพวกนั้นเสียเลย กล่าวคือบุคคลจำพวกนี้ อัลเลาะห์ทรงสร้างขึ้นมามีภูมิลำเนาอยู่ในเขตสงวน(นครมักกะห์)ของพระองค์ และทรงให้ชนแห่งตระกูลนี้มีหน้าที่อนุรักษ์วิหารอัล-กะบะห์ตลอดจนให้พวกนั้นเป็นชนผู้มีเกียรติ อยู่ได้ด้วยพระศาสดามุฮำมัด และให้พวกนั้นอุดมบริบูรณ์ทั้งในด้านอุปโภคและบริโภค แต่แล้วพวกนั้นกลับเนรคุณในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ดังกล่าวมา พระองค์จึงทรงให้พวกนั้นอดอยากขาดแคลนเป็นเวลายาวนานถึง ๗ ปี ถูกประหารและถูกจับตัวไปเป็นเชลย และด้วยเหตุที่พระองค์ทรงถอนคืนซึ่งพระกรุณาธิคุณของพระองค์นี้เอง พวกนั้นจึงกายเป็นชนผู้ตกต่ำ
ทั้งพวก
กาฟิร
เหล่านั้น
ที่เป็นพวกหัวหน้า ๆ
ยังชักจูงพรรคพวกของตนให้ตกอยู่ในสถานอันต่ำ –
๒๙.
แห่ง
นรก
ยะฮันนำ ซึ่งพวก
กาฟิร
เหล่านั้นจะเข้าไปและ
(ขุมนรกยะฮันนำ)
มันเป็นแหล่งอันเลวนัก
๓๐.
อีกทั้งพวก
กาฟิร(ชาวนครมักกะห์)
เหล่านั้นยังได้ตั้ง
เหล่าเทวรูปเป็น
คู่ภาคีกับอัลเลาะห์
ฐานที่ให้ความเคารพบูชา
พวกเหล่านั้นจึงหลงงมงาย
หรือทำให้ผู้อื่นหลงงมงาย
ในวิธีทางแห่ง
ศาสนาอิสลามของ
พระองค์
โอ้มุฮำมัด
เจ้าจงบอก
แก่พวกเหล่านั้น
เถิดว่า พวกท่านจงปลาบปลื้ม
กับการให้ความเคารพบูชาเหล่าเทวรูป
อยู่ชั่วขณะ
ในภาคพิภพนี้
เถิด แน่นอนแหล่งที่กลับไปสู่ของพวกท่านคือขุมนรก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #10 เมื่อ:
ต.ค. 28, 2012, 05:53 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 31 - 34
คำแปล R1.
31. Say (O Muhammad ) to
'Ibadi
(My slaves) who have believed, that they should perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and spend in charity out of the sustenance we have given them, secretly and openly, before the coming of a Day on which there will be neither mutual bargaining nor befriending.
32. Allah is He who has created the heavens and the earth and sends down water (rain) from the sky, and thereby brought forth fruits as provision for you; and He has made the ships to be of service to you, that they may sail through the sea by his Command; and He has made rivers (also) to be of service to you.
33. And He has made the sun and the moon, both constantly pursuing their courses, to be of service to you; and He has made the night and the day, to be of service to you.
34. And He gave you of all that you asked for, and if you count the Blessings of Allah, never will you be able to count them. Verily! Man is indeed an extreme wrong-doer, - a disbeliever (an extreme ingrate, denies Allah's Blessings by disbelief, and by worshipping others besides Allah, and by disobeying Allah and his Prophet Muhammad ).
คำแปล R2.
31. จงประกาศเถิด แก่บรรดาข้าทาสของข้าผู้มีศรัทธาทั้งมวลให้พวกเขาทำละหมาดเป็นอาจิณ ให้เสียสละทรัพย์สินบางส่วนที่เราได้ให้เป็นโชคผลแก่พวกเขา ทั้งในที่ลับและที่เปิดเผย ก่อนหน้าที่วัน(ชาติหน้า)จะมาถึง ซึ่งในวันนั้นจะไม่มีการซื้อขาย (เพื่อไถ่ตัวให้พ้นโทษ) และไม่มีมิตรภาพ(ที่จะนำมาอ้างเพื่อช่วยให้พ้นจากโทษทัณฑ์ต่าง ๆ )
32. อัลเลาะฮฺผู้ทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน และทรงประทานน้ำฝนให้ลงมาจากฟากฟ้า (เมฆ) และทรงผลิด้วยเหตุแห่งน้ำฝนนั้นจากบรรดาพืชพันธุ์ต่าง ๆให้เป็นโชคผลแก่พวกเจ้า และทรงให้เรืออำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าเพื่อมันวิ่งไปในทะเลตามบัญชาของพระองค์และทรงให้ลำน้ำทั้งหลายอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าอีกด้วย
33. และทรงให้ดวงตะวันและดวงเดือนอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าอย่างถาวร และทรงให้กลางคืนและกลางวันอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าด้วย
34. และพระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้าจากทุก ๆ สิ่งที่พวกเจ้าได้ขอไว้ และหากพวกเจ้าจะคอยนับความโปรดปรานต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ พวกเจ้าไม่สามารถนับมันถ้วนได้ แท้จริงมนุษย์นั้นเป็นผู้ฉ้อฉล อีกทั้งอกตัญญูยิ่งนัก
คำแปล R3.
31. โอ้นบี จงบ่าวผู้ศรัทธาของฉันให้ดำรงนมาซและใช้จ่ายทั้งในที่ลับและที่เปิดเผยจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา ก่อนวันนั้น วันที่จะไม่มีการซื้อขายและไม่มีการช่วยเหลือกันแบบมิตรภาพ
32. อัลลอฮฺ คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและพระองค์ได้ทรงประทานน้ำลงมาจากฟากฟ้า และจากน้ำนั้นพระองค์ได้ทรงให้มีผลไม้นานาชนิดออกมาเพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า พระองค์คือผู้ทรงทำให้เรืออยู่ในอำนาจของสูเจ้าที่จะแล่นไปในทะเลโดยคำสั่งของพระองค์และในทำนองเดียวกันก็ได้ทรงทำแม่น้ำเป็นประโยชน์สำหรับสูเจ้า
33. พระองค์คือผู้ทรงทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ต้องโคจรไปตามวิถีอย่างแน่นอนและพระองค์ได้ทรงทำให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์ต่อสูเจ้า
34. พระองค์คือผู้ทรงตอบสนองทุกสิ่งที่สูเจ้าเรียกร้องต้องการ จนสูเจ้าไม่อาจที่จะนับความโปรดปรานของพระองค์ได้ ถ้าหากสูเจ้าจะนับ แต่ความจริงแล้ว มนุษย์นั้นไม่ยุติธรรมและเป็นผู้เนรคุณ
คำแปล R4.
31. จงกล่าวแก่ปวงบ่างผู้ศรัทธาของข้าว่าให้พวกเขาดำรงการละหมาด และบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา ทั้งอย่างลับ ๆ และอย่างเปิดเผย ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึงซึ่งไม่มีการซื้อขาย(ต่อรอง) ในวันนั้นและไม่มีการเป็นมิตร
32. อัลลอฮผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงให้น้ำลงมาจากชั้นฟ้า และทรงให้พืชผลงอกเงยออกมาด้วยมัน (จากน้ำ) เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า และทรงให้เรือเดินสมุทรมีความสะดวกแก่พวกท่าน เพื่อใช้แล่นตามแม่น้ำโดยพระบัญชาของพระองค์ และทรงให้ลำน้ำทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า
33. และพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า โดยโคจรเป็นปกติ และทรงให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า
34. และพระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้าทุกสิ่งที่พวกเจ้าขอต่อพระองค์ และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลลอฮแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะคำนวณมันได้แท้จริงมนุษย์นั้นอธรรมยิ่ง เนรคุณยิ่ง
คำแปล R5.
๓๑. โอ้มุฮำมัด
เจ้าจงบอกแก่บรรดาชนของข้าผู้ซึ่งมีศรัทธาเถิดว่าพวกนั้นจะต้องดำรงละหมาด
๕ เวลาให้ครบตามหลักเกณฑ์และองค์ประกอบของมัน
และจักต้องบริจาคทรัพย์เพื่อเป็นทานจากส่วนที่เรา
(อัลเลาะห์)
ได้อำนวยให้พวกนั้นไว้ จะโดยลับหรือโดยเปิดเผยก็ได้
ทั้งนี้
ก่อนจะถึงวัน
(อาคิเราะห์)
หนึ่งที่การไถ่ถอน
ตัวให้พ้นจากขุมนรก
และความเป็นมิตรหามิได้
๓๒.
อัลเลาะห์พระผู้สร้างบรรดาชั้นฟ้า
ทั้ง ๗
และแผ่นดิน ทรงหลั่งน้ำฝนมาแต่
ก้อนเมฆบน
ฟากฟ้า ทั้งทรงให้พืชพันธุ์เกิดเป็นโภคลาภแก่พวกเจ้าเพราะน้ำ
ฝน
นั้น พระองค์ทรงให้พวกเจ้าได้ใช้เรือเพื่อแล่นไปมาในท้องทะเล
และบรรทุกสินค้าต่าง ๆ
โดยอนุญาตของพระองค์และทรงให้พวกเจ้าได้ใช้แม่น้ำลำธารตามความปรารถนา
๓๓.
ทั้งพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไป
ในท้องฟ้าอย่างสม่ำเสมอโดยมิได้ชะลอช้าลงและไม่หยุดชะงักแต่ประการใดเลยจนถึงวันกิยามะห์
เพื่อพวกเจ้า และทรงให้เกิดมีกลางคืนและกลางวันเพื่อพวกเจ้า
จะได้พักผ่อนในยามค่ำคืนและแสวงหาคุณความดีจากพระองค์ในภาคกลางวัน
๓๔.
และพระองค์ทรงให้พวกเจ้าได้รับซึ่งบางส่วนแห่งสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเจ้าร้องขอ
ให้ได้มาซึ่งคุณประโยชน์ตามปรารถนา
แล้วหากว่าพวกเจ้าจะคิดจำนวน
สิ่งทั้งสิ้นที่เป็น
พระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์
ที่มีแก่พวกเจ้า
แล้วไซร้ พวกเจ้าก็ไม่อาจนับได้ถ้วน แน่แท้มนุษย์นั้นล้วนแต่อธรรม
แก่ตนเอง
และเนรคุณ
ต่อพระกรุณาธิคุณของพระองค์
ยิ่งนัก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #11 เมื่อ:
ต.ค. 29, 2012, 04:51 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 35 - 36
คำแปล R1.
35. And (remember) when Ibrahim (Abraham) said: "O my Lord! Make this city (Makkah) one of peace and security, and keep me and my sons away from worshipping idols.
36. "O my Lord! They have indeed led astray many among mankind. but whoso follows me, he verily is of me. And whoso disobeys me, - still you are indeed Oft-Forgiving, Most Merciful.
คำแปล R2.
35. และเมื่ออิบรอฮีมได้วอนขอว่า “โอ้องค์อภิบาล! โปรดบันดาลให้เมืองนี้เป็นเมืองที่ปลอดภัยเถิด และโปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้า และลูก ๆ ของข้าพเจ้าห่างไกลเสียจากการที่พวกเราจะทำการกราบไหว้พวกเทวรูปทั้งหลาย
36. โอ้องค์อภิบาล! แท้จริงพวก(เทวรูป)เหล่านั้นได้ทำให้มนุษย์ส่วนมากหลงผิด ดังนั้นผู้ใดตามฉัน แน่นอนเขาก็เป็นหนึ่งจาก(พวกของ)ฉัน และผู้ใดฝ่าฝืนฉัน(แล้วกลับใจและสารภาพโทษ) แน่นอนพระองค์ก็เป็นผู้ทรงให้อภัย อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
คำแปล R3.
35. จงนึกถึงเมื่อครั้งที่อิบรอฮีมได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลขอพระองค์ได้ทรงทำเมืองนี้ให้เป็นเมืองแห่งสันติภาพ และขอทรงคุ้มครองฉันและลูกหลานของฉันให้พ้นจากการเคารพบูชาเทวรูป
36. โอ้พระผู้อภิบาล สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้มนุษย์หันห่างออกจากแนวทางที่ถูกต้อง ดังนั้นใครที่ปฏิบัติตามทางของฉัน เขาก็เป็นพวกฉัน แต่บรรดา ผู้ปฏิบัติตามแนวทางอื่นนอกไปจากแนวทางของฉัน
(ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของพระองค์)
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้อภัย ผู้ทรงเมตตา
คำแปล R4.
35. และจงรำลึกเมื่ออิบรอฮีมกล่าวว่าโอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้เมืองนี้ (มักกะฮ) ปลอดภัยและทรงให้ข้าพระองค์และลูกหลานของข้าพระองค์พ้นจากการบูชาเจว็ด
36. โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงพวกมันได้ทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่หลงทาง ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามข้าพระองค์ แท้จริงเขาเป็นพวกของข้าพระองค์ และผู้ใดฝ่าฝืนข้าพระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา
คำแปล R5.
๓๕.
และ
โอ้มุฮำมัด จงกล่าวแก่ประชากรของเจ้าเพื่อพวกเขาจะได้พินิจให้ถี่ถ้วนแล้วจะได้กลับใจจากการเนรคุณต่อพระกรุณาธิคุณถึง
ขณะที่อิบรอฮีมกล่าวว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดให้นคร
มักกะห์
นี้เป็นที่สงบปลอดภัย
แต่แล้วอัลเลาะห์จึงทรงรับรองคำวิงวอนของอิบรอฮีมโดยทรงให้นครมักกะห์เป็นเมืองแห่งความมีเกียรติปลอดจากการนองเลือด และปลอดจากการถูกฉ้อโกง แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ ณ เมืองนี้ก็จะไม่ถูกล่า ตลอดทั้งผลหมากรากไม้จะไม่ถูกทำลายอีกด้วย
และขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์รวมทั้งบุตรหลานแห่งข้าพระองค์ห่างพ้นจากการเคารพบูชาเหล่าเทวรูปด้วยเถิด
๓๖.
โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ แท้จริงพวก
เทวรูป
เหล่านั้นชักนำคนเป็นอันมากให้หลงงมงาย
โดยที่มนุษย์ไปเคารพบูชาพวกมัน
ฉะนั้นถ้าผู้ใดดำเนินตามฉัน
โดยเว้นจากการเคารพบูชาเหล่าเทวรูป
ผู้นั้นย่อมเป็นผู้หนึ่งในคณะของฉัน
และเป็นผู้นับถือศาสนาของฉัน
แล้วถ้าผู้ใดทรยศต่อฉัน
โดยเขาเคารพบูชาเทวรูป แต่พอถึงที่สุดเขาผู้นั้นกลับใจมาดำเนินตามฉัน
แน่นอนพระองค์ทรงยิ่งด้วยการให้อภัย ทรงปรานียิ่ง
ต่อเขาผู้นั้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #12 เมื่อ:
ต.ค. 30, 2012, 07:02 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 37 - 38
คำแปล R1.
37. "O our Lord! I have made some of my offspring to dwell in an uncultivable valley by your sacred house (the Ka'bah at Makkah); In order, O our Lord, that they may perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), so fill some hearts among men with love towards them, and (O Allah) provide them with fruits so that they may give thanks.
38. "O our Lord! Certainly, you know what we conceal and what we reveal. Nothing on the earth or in the heaven is hidden from Allah.
-
คำแปล R2.
37. โอ้องค์อภิบาลของเรา แท้จริงข้าพเจ้าได้ให้ที่อยู่อาศัยแก่ผู้สืบตระกูลบางคนของข้าพเจ้า ณ หุบเขา(แห่งนครมักกะฮฺ)ซึ่งปราศจากพืชพันธุ์ชิดกับบ้าน(บัยติลลาห์)ต้องห้ามของพระองค์ โอ้องค์อภิบาลของเรา! เพื่อพวกเรา(ผู้สืบตระกูล)จะได้ดำรงการละหมาด ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดดลบันดาลให้ดวงจิตของมนุษย์ได้โน้มรักใคร่ในพวกเขาด้วยเถิด และโปรดประทานผลพืชบางอย่างเป็นโชคผลแก่พวกเขาเพื่อพวกเขาจะได้รู้คุณ
38. โอ้องค์อภิบาลของเรา! แน่แท้พระองค์ทรงรอบรู้ทั้งสิ่งที่เราปิดบังและสิ่งที่เราเปิดเผย และไม่มีสิ่งใด ๆ ที่จะปิดบังอัลเลาะฮฺได้ ไม่ว่าจะในแผ่นดินหรือไม่ว่าจะในฟากฟ้าก็ตาม
คำแปล R3.
37. ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเราฉันได้ตั้งรกรากถิ่นฐานให้ลูกหลานของฉันบางคนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันต้องห้ามนี้ของพระองค์ ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ฉันทำสิ่งนี้ก็ด้วยหวังว่าพวกเขาจะได้ดำรงการนมาซที่นั่น ดังนั้นได้ทรงโปรดหันหัวใจของผู้คนไปยังพวกเขาด้วยเถิด และได้ทรงโปรดประทานผลไม้ อาหารแก่พวกเขาด้วยเถิด เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู
38. โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่เราซ่อนเร้นและเปิดเผย และไม่มีสิ่งใดทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดินนี้จะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้
คำแปล R4.
37. โอ้พระเจ้าของเรา แท้จริงข้าพระองค์ได้ให้ลูกหลานของข้าพระองค์ พำนักอยู่ ณ ที่ราบลุ่มนี้โดยไม่มีพืชผลใด ๆ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านอันเป็นเขตหวงห้ามของพระองค์ โอ้พระเจ้าของเรา เพื่อให้พวกเขาดำรงการละหมาด ขอพระองค์ทรงให้จิตใจจากปวงมนุษย์ มุ่งไปยังพวกเขา และทรงประทานปัจจัยยังชีพที่เป็นพืชผลแก่พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะขอบคุณ
38. โอ้พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เราปิดบังและสิ่งที่เราเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นไปจากอัลลอฮ ทั้งในแผ่นดินและในชั้นฟ้า
คำแปล R5.
๓๗.
โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์แท้จริงข้าพระองค์ได้ให้เครือญาติบางคนของข้าพระองค์
อันได้แก่อิสมาอีลกับมารดาของเขาชื่อว่าฮายัร
พักอาศัยอยู่ ณ ที่ราบ
แห่งนครมักกะห์ ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาอันเป็นที่
ซึ่งปราศจากพืชพันธุ์ ใกล้ ๆ กับมหาสถาน
อัล-กะบะห์
แห่งพระองค์
ซึ่งมีประดิษฐานมาช้านานแล้วก่อนจากมหาอุทกภัยสมัยของนูห์เสียอีก
โอ้องค์อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทั้งนี้เพื่อพวกเขา
ผู้เป็นบุตรหลานของข้าพระองค์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับวิหารอัล-กะบะห์
จะได้ดำรงละหมาด ฉะนั้นขอพระองค์ได้โปรดดลใจให้ปวงชนได้หวนรำลึกถึงเขาบ้าง
เพื่อปวงชนจะได้มาเยี่ยมเยียนยังวิหารอัล-กะบะห์พร้อมกับทำพิธีฮัจย์ อันจะทำให้ปวงอนุชนของข้าพระองค์ได้รับคุณประโยชน์ในทางค้าขายกับผู้ประกอบพิธีฮัจย์
และขอได้โปรดอำนวยแก่พวก
อนุชน
เหล่านั้น
ของข้าพระองค์
ให้ได้รับซึ่งพืชผลด้วยเถิด เพื่อว่าพวกเหล่านั้นจะได้ขอบพระคุณ
ในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ แล้วการณ์ก็ปรากฏเป็นเช่นที่พระศาสดาอิบรอฮีมวอนขอ กล่าวคืออัลเลาะห์ทรงบันดาลให้แผ่นดินส่วนหนึ่งของนครซีเรียอันเป็นแผ่นดินอุดมบริบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารมาประดิษฐานอยู ณ เมืองตออิฟสำหรับให้ปวงอนุชนของอิบรอฮีมได้รับบริโภค
๓๘.
โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ แน่แท้พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่ข้าพระองค์ซ่อนเร้นไว้ และสิ่งที่ข้าพระองค์เปิดเผย ย่อมไม่มีสิ่งใดทั้งในแผ่นดินและในฟากฟ้า จะซ่อนเร้นพ้นไปจากอัลเลาะห์ได้เลย
พระองค์ทรงรู้หมดสิ้นถึงอากัปกิริยาของเหล่าข้าพระองค์ ทรงรู้ถึงทุกสิ่งว่าอะไรจะเป็นประโยชน์ และเป็นโทษแก่ข้าพระองค์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #13 เมื่อ:
ต.ค. 31, 2012, 05:34 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 39 - 41
คำแปล R1.
39. "All the praises and thanks be to Allah, who has given me in old age Isma'il (Ishmael) and Ishaque (Isaac). Verily! My Lord is indeed the All-Hearer of invocations.
40. "O my Lord! Make me one who performs As-Salat (Iqamat-as-Salat), and (also) from my Offspring, our Lord! And accept my invocation.
41. "Our Lord! Forgive me and my parents, and (all) the believers on the Day when the reckoning will be established."
คำแปล R2.
39. การสรรเสริญเป็นของอัลเลาะฮฺ ซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าในยามชราให้มี(บุตรคือ)อิสมาอีลและอิสหาก แท้จริงองค์อภิบาลของฉัน ย่อมได้ยินคำวอนขออย่างแน่นอน
40. โอ้องค์อภิบาล! โปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้าและผู้สืบตระกูลจากข้าพเจ้าเป็นผู้ดำรงละหมาดเป็นอาจิณ โอ้องค์อภิบาลของเรา! และโปรดตอบรับคำขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด
41. โอ้องค์อภิบาลของเรา! โปรดให้อภัยแก่ข้าพเจ้า, แก่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองของข้าพเจ้า, และแก่มวลศรัทธาชนในวันที่จะมีการสอบสวน(คือวันชาติหน้า)
คำแปล R3.
39. “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงประทานลูกชายอย่างอิสมาอีลและอิสฮากให้แก่ฉันในยามชรา แท้จริงพระผู้อภิบาลของฉันทรงได้ยินคำวิงวอน
40. โอ้ พระผู้อภิบาล โปรดได้ทรงทำให้ฉันเป็นผู้ดำรงนมาซและจากบรรดาลูกหลานของฉัน (ก็ขอให้ทรงมีผู้ปฏิบัติสิ่งนี้ด้วย) ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ทรงตอบสนองคำวิงวอนของฉันด้วยเถิด
41. ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ทรงโปรดให้อภัยแก่ฉัน และแก่พ่อแม่ของฉันและแก่บรรดาผู้ศรัทธาในวันที่มีการชำระบัญชีด้วยเถิด”
คำแปล R4.
39. การสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ ผู้ได้ประทานอิสมาอีลและอิสฮากแก่ข้าพระองค์ ขณะที่ข้าพระองค์อยู่ในวัยชรา แท้จริงพระเจ้าของข้าพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินการวิงวอนอย่างแน่นอน
40. โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์และจากลูกหลานของข้าพระองค์เป็นผู้ดำรงการละหมาด โอ้พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงตอบรับการวิงวอนของข้าพระองค์ด้วยเทอญ
41. โอ้พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ และแก่บิดามารดาของข้าพระองค์ และแก่บรรดามุอมิน ในวันที่การสอบสวนจะมีขึ้น
คำแปล R5.
๓๙.
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แห่งอัลเลาะห์ พระผู้ซึ่งประทานให้ข้าพระองค์ได้อิสมาอีล และอิสหาก
เป็นบุตร
ในยามชราภาพ
คืออิบรอฮีมได้อิสมาอีลเป็นบุตรเมื่ออายุ ๙๙ ปีและได้อิสหากเป็นบุตรเมื่ออายุ ๑๑๒ ปี
แน่แท้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทรงได้ยินซึ่งคำร้องขอ
จากอิบรอฮีม
๔๐.
โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์และบุตรหลานแห่งข้าพระองค์บางคนได้เป็นผู้ดำรงละหมาด โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดรับรองซึ่งคำร้องขอจากข้าพระองค์ด้วยเถิด
๔๑.
โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดประทานอภัยแก่ข้าพระองค์ แก่บิดามารดาของข้าพระองค์
คำวอนขอประทานอภัยโทษแก่บิดามารดานี้ อิบรอฮีมขอไว้ก่อนจากเป็นที่ปรากฏชัดว่าบิดามารดาของอิบรอฮีมเป็นชนกาฟิร
และแก่พวกมีศรัทธา
(มุอ์มิน)
ในวันที่การสอบสวนจะมีขึ้นด้วยเถิด
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
«
ตอบกลับ #14 เมื่อ:
พ.ย. 01, 2012, 06:55 AM »
0
สูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 42 - 45
คำแปล R1.
42. Consider not that Allah is unaware of that which the
Zalimun
(polytheists, wrong-doers, etc.) do, but He gives them respite up to a Day when the eyes will stare in horror.
43. (They will be) hastening forward with necks outstretched, their heads raised up (towards the sky), their gaze returning not towards them and their hearts empty (from thinking because of extreme fear).
44. And warn (O Muhammad) mankind of the Day when the torment will come unto them; then the wrong-doers will say: "Our Lord! Respite us for a little while, we will answer your call and follow the Messengers!" (It will be said): "Had you not sworn aforetime that you would not leave (the world for the Hereafter).
45. "And you dwelt in the dwellings of men who wronged themselves, and it was clear to you how we had dealt with them. And we put forth (many) parables for you."
คำแปล R2.
42. และเจ้า(มุฮำมัด)อย่าคิดว่าอัลเลาะฮฺเป็นผู้ละเลยต่อสิ่งที่เหล่าทุจริตชนประพฤติไว้ ความเป็นจริงพระองค์ทรงประวิงพวกเขาไว้รอจนกว่าจะถึงวันหนึ่งซึ่งดวงตาทั้งหลายจะเบิกค้าง (ด้วยความตกใจสุดขีด)ใน(วัน)นั้น
43. พวกเขาวิ่งกระเซอะกระเซิงแหงนศีรษะขึ้นเพ่งมอง สายตาของพวกเขาไม่ยอมกะพริบ และหัวใจของพวกเขาเวิ้งว้าง
44. และ เจ้า(มุฮำมัด)จงเตือนให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงวัน(ชาติหน้า) ซึ่งการลงโทษจะมาประสบแก่พวกเขา แล้วบรรดาพวกที่ฉ้อฉลก็จะพูดว่า “โอ้องค์อภิบาลของเราโปรดประวิงเวลาให้พวกเราได้เนิ่นไปจนถึงกำหนดเวลาอันใกล้นี้ด้วยเถิด เราจะได้สนองตอบคำเรียกร้องของพระองค์(ให้เข้าศาสนา) และเราจะตามบรรดาศาสนทูต(ตามที่เขาประกาศ) พวกเจ้าไม่เคยสาบานตนมาก่อนเลยกระนั้นหรือ? พวกเจ้าไม่มีการสูญสิ้น(จากโลกนี้กลับไปสู่โลกเดิมอีกแล้ว
45. และพวกเจ้าได้อาศัยอยู่ในบรรดาที่อยู่ของพวกที่ฉ้อฉลตัวเอง และได้ประจักษ์แจ้งแก่พวกเจ้าแล้วว่า “เราได้กระทำกับพวกเขาอย่างไรบ้าง?” และเราได้ยกอุทาหรณ์ทั้งหลายไว้สำหรับพวกเจ้าทั้งมวล
คำแปล R3.
42. สูเจ้าอย่าคิดว่าอัลลอฮฺทรงนิ่งเฉยต่อสิ่งที่พวกอธรรมเหล่านี้กำลังกระทำ พระองค์แค่ทรงเลื่อนเวลาของพวกเขาออกไปจนถึงวันที่สายตาทั้งหลายจะจ้องมองด้วยความตกตะลึงเท่านั้น
43. พวกเขาจะวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวและตาเหลือกและถอดใจ
44. (โอ้มุฮัมมัด) จงเตือนมนุษย์ถึงวันที่การลงโทษของเราจะมายังพวกเขาแล้วบรรดาผู้ทำผิดจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ได้โปรดให้เวลาแก้ตัวแก่เราอีกสักนิดแล้วเราจะตอบรับการเชิญชวนของพระองค์และปฏิบัติตามรอซูล” (แต่พวกเขาก็จะถูกกล่าวว่า) “ก่อนหน้านี้สูเจ้าเองมิใช่หรือที่สาบานว่าสูเจ้าจะไม่ตกต่ำ
45. ในขณะที่สูเจ้าได้เคยอาศัยอยู่ในถิ่นฐานของบรรดาผู้อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง และได้เห็นแล้วว่าเราได้จัดการกับพวกเขาอย่างไร และเราได้ยกพวกเขาเป็นตัวอย่างแก่พวกเจ้าอย่างไร?
คำแปล R4.
42. และเจ้าอย่าคิดว่าอัลลอฮฺทรงละเลยต่อสิ่งที่พวกอธรรมปฏิบัติ แท้จริงพระองค์ทรงประวิงเวลาให้พวกเขาจนถึงวันที่สายตาเงยจ้องไม่กระพริบ (วันกิยามะฮฺ)
43. พวกเขารีบเร่งเงยศีรษะของพวกเขาขึ้นนัยน์ตาของพวกเขาไม่กระพริบ และจิตใจของพวกเขาลอย
44. และจงเตือนมนุษย์ถึงวันที่การลงโทษจะมาหาพวกเขา บรรดาผู้อธรรมจะกล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา โปรดประวิงเวลาแก่เราจนถึงกำหนดอันใกล้นี้ เพื่อเราจะได้สนองตอบการเชิญชวนของพระองค์ และเราจะปฏิบัติตามบรรดาร่อซูล และพวกเจ้ามิได้สาบานแต่ก่อนนี้ดอกหรือว่า พวกเจ้านั้นจะไม่สูญสลาย
45. และพวกเจ้าได้พำนักอยู่ในสถานที่ของบรรดาผู้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง และเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พวกเจ้าแล้วว่า เราได้กระทำแก่พวกเขาอย่างไร และเราได้ยกอุทาหรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว
คำแปล R5.
๔๒.
และ
อัลเลาะห์ตรัสว่า โอ้มุฮำมัด
เจ้าอย่าได้คำนึงเลยว่า อัลเลาะห์นั้นทรงละเลยการ
ลงโทษเพราะความชั่วช้า
ที่พวกกาฟิร
ชาวนครมักกะห์กระทำไว้
เพียงแต่พระองค์ทรงประวิงการ
ลงทัณฑ์
ให้พวก
กาฟิร
เหล่านั้น จนถึงวัน
ปรภพ
ที่สายตามองค้าง
ดูเหตุการณ์อันสับสนวุ่นวายเป็นที่สุดของวันปรภพ
เท่านั้น
๔๓.
โดยที่ศีรษะของพวกนั้นจะแหงนดูฟากฟ้าฉับพลันอย่างเปลือกตาไม่กระพริบเลย ทั้งหัวใจของพวกนั้นก็เหม่อลอย
คิดอะไรไม่ออกเพราะความตกใจอย่างหนัก
๔๔.
และ
โอ้มุฮำมัด
เจ้าจงเตือนปวงชน
กาฟิร
ให้กลัววัน
กิยามะห์
ซึ่งการลงทัณฑ์จะมีขึ้นเถิด แต่บรรดาชนกาฟิรกล่าวว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลของเหล่าข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดคืนเหล่าข้าพระองค์กลับไป
ยังภพดุนยา
อีกสักชั่วระยะหนึ่งเถิด ข้าพระองค์จะได้ยอมรับตามคำชี้ชวนของพระองค์
ที่ให้ถือเอกภาพของพระองค์
และข้าพระองค์จะดำเนินตามบรรดาพระศาสนทูต
ของพระองค์ พวกกาฟิรจึงถูกตำหนิว่า
ก็พวกเจ้าเคยได้สาบานกันมาก่อนแล้วมิใช่หรือ?
เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ในภพดุนยา
ว่า พวกเจ้าจะไม่สูญสิ้นไป
จากโลกพิภพสู่ปรภพ(อาคิเราะฮฺ)
อีกเลย
๔๕. และในภาคพิภพนี้
พวกเจ้าเคยได้พักอาศัยอยู่ในบ้านเมืองของบรรดาชนผู้อธรรม
ที่ปฏิเสธศรัทธากันมาก่อนพวกเจ้า
แล้วพระองค์ทรงชี้แจงแก่พวกเจ้าให้ทราบ
ถึงสภาพการของบรรดาผู้อธรรม
ว่า “เรา
(อัลเลาะห์)
จะจัดการ
ลงโทษ
กับพวกเหล่านั้นสถานใด” ทั้งเรา
(อัลเลาะห์)
ยังได้ชักอุทาหรณ์ต่าง ๆ
ในอัล-กุรอาน
ไว้สำหรับพวกเจ้า
(กาฟิร)
อีกด้วย
พวกเจ้าก็หาได้พินิจพิเคราะห์ไม่
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
2
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย สูเราะฮฺที่ 14 อิบรอฮีม
GoogleTagged
peace
ครึ่ง
62922401
rain
58187178
รออีด
1355534169
44990110
55819444
46751780
56643336
agc
ที่7
52434380
53217764
62578216
ซ
รอซูล
bmk