ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 21 สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์  (อ่าน 5305 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์ อายะฮฺที่ 87 - 91


คำแปลR1.
87. And (remember) Dhan-Nun (Jonah), when he went off in anger, and imagined that we shall not punish him (i.e. the calamites which had befallen him)! But He cried through the darkness (saying): La ilaha illa Anta [none has the right to be worshipped but you (O Allah)], glorified (and exalted) are you [above all that (evil) they associate with you]. Truly, I have been of the wrong-doers."
88. So we answered his call, and delivered him from the distress. And thus we do deliver the believers (who believe in the Oneness of Allah, abstain from evil and work righteousness).
89. And (remember) Zakariya (Zachariah), when he cried to his Lord: "O my Lord! Leave me not single (childless), though you are the best of the inheritors."
90. So we answered his call, and we bestowed upon him Yahya (John), and cured his wife (to bear a child) for him. Verily, they used to hasten on to do good deeds, and they used to call on us with hope and fear, and used to humble themselves before us.
91. And (remember) she who guarded her chastity [Virgin Maryam (Mary)], we breathed into (the sleeves of) Her (shirt or garment) [through Our Ruh - Jibrael (Gabriel)], and we made her and her son ['Iesa (Jesus)] a sign for Al-'Alamin (the mankind and jinns).

 
คำแปล R2.
87. และ(จงระลึกถึงประวัติของ)ซัลนูน(ได้แก่นบียูนุส)เมื่อเขาได้หลบไป(จากกลุ่มชนของเขา)ด้วยความโกรธแล้วเขาก็คิดว่า เราคงจะไม่ทำความคับแค้นกับเขาเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงวิงวอนภายในความมืดว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์, พระองค์ทรงบพิตรยิ่ง, แท้จริงข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ฉ้อฉล
88. จากนั้นเราก็สนองตอบคำคอของเขาและให้เขาปลอดภัยจากทุกข์ยาก และเช่นนั้นเราทำความปลอดภัยแก่มวลศรัทธาชนทั้งหลาย
89. และ(จงระลึกถึงประวัติของนบี)ซะกะรียา เมื่อเขาได้วิงวอนต่อองค์อภิบาลของเขาว่า “โอ้องค์อภิบาล ขออย่าปล่อยข้าพเจ้าไว้เพียงเดียวดาย(โดยปราศจากผู้สืบตระกูล)และพระองค์ทรางเป็นผู้สืบมรดกที่ประเสริฐสุด
90. แล้วเราก็สนองตอบคำขอของเขาและเราได้ให้(บุตร)แก่เขา(ชื่อ)ยะหฺยา และเราได้พัฒนา(สภาพแห่ง)คู่ครองของเขา(ที่เป็นหมัน)ให้ดีขึ้น(เพื่อนางจะได้มีบุตร) แท้จริงพวกเหล่านั้นต่างก็รีบเร่งใน(การประกอบ)คุณความดีต่าง ๆ และต่างก็วิงวอนต่อเราโดยความพิสมัยและความหวั่นกลัว และพวกเขาต่างแสดงอาการนอบน้อมต่อเราเป็นอันดี
91. และ(จงระลึกถึง)หญิงหนึ่งที่รักษพรหมจรรย์ของนางไว้(ไม่ยอมให้มีราคีคาว) แล้วเราได้เป่าลงไปในนางจากชีวิต(ที่เราได้ดลบันดาลตามความปรารถนา)ของเรา และเราได้บันดาลนางและบุตรของนางให้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับชาวโลกทั้งมวล


คำแปล R3.
87.   และ (เราได้ประทานความโปรดปรานแก่) ซุนนูน เมื่อเขาหนีไปด้วยความโกรธ เพราะเขาคิดว่าเราจะไม่เอาผิดเขา แต่หลังจากนั้นเขาก็วิงวอนต่อเราท่ามกลางความมืดโดยกล่าวว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ แท้จริงฉันอยู่ในหมู่ผู้ทำผิด”
88.   ดังนั้นเราได้ยินคำวิงวอนของเขาและได้ช่วยเขาให้พ้นจากความลำบาก นั่นแหละที่เราได้ช่วยผู้ศรัทธาทั้งหลายให้รอด
89.   และ (เราได้ประทานความโปรดปราน) แก่ซะกะรียาเมื่อเขาได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดยกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดอย่าได้ปล่อยให้ฉันต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีบุตรเถิด ถึงแม้พระองค์ทรงเป็นผู้สืบทอดที่ดีที่สุด”
90.   ดังนั้นเราได้ยินคำวิงวอนของเขาและเราได้ประทานยะฮฺยาแก่เขาและทำให้ภรรยาของเขาสมบูรณ์ (ที่จะมีบุตร) สำหรับเขา คนเหล่านี้แข่งขันกันในการทำความดีและวิงวอนต่อเราด้วยความรักและความกลัว และพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตนต่อเรา
91.   และ (เราได้ประทานความจำเริญแก่) นางผู้รักษาความบริสุทธิ์ เราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในตัวนาง และได้ทำให้นางและลูกของนางเป็นสัญญาณแก่โลกทั้งมวล


คำแปล R4.
87. และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นะบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย
88. ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทมและเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา
89. และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซะกะรียาเมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ของพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่อย่างเดียวดาย และพระองค์ท่านเท่านั้นเป็นผู้สืบมรดกอันดียิ่ง
90. ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนแก่เขา และเราได้ประทานบุตรแก่เขาคือยะฮฺยา และเราได้ปรับปรุงแก้ไขภริยาของเขาให้เป็นปกติแก่เขา แท้จริงพวกเขา แข่งขันกันในการทำความดีและพวกเขาวิงวอนเราด้วยความหวังในการลงโทษของเรา และพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตัวเกรงกลัวต่อเรา
91. และจงรำลึกถึงสตรีที่รักษาความบริสุทธิ์ของนางเอาไว้ แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง และเราได้ทำให้นางและบุตรของนางเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มวลมนุษย์


คำแปล R5.
๘๗. โอ้ มุฮำมัด และจงระลึกถึงประวัติของยูนุสบุตรของ “มะตา” ผู้เป็นเจ้าของปลา เมื่อเขาได้ไปจากชาวเมือง “นีนะวา” อันเป็นเมืองที่เขาได้รับบัญชาจากอัลเลาะห์ให้เข้าไปประกาศหลักธรรมของพระองค์แก่ประชาชน ที่เขาหนีจากเมืองดังกล่าวก็โดยความโกรธที่มีกับพวกนั้น เนื่องจากพวกนั้นกระด้างกระเดื่องไม่ยอมศรัทธาในพระองค์อัลเลาะห์ และปฏิเสธที่จะทำการกราบไหว้พระองค์ตามคำเชิญชวนของเขา เขาจึงโกรธคนพวกนั้น แล้วก็เดินทางออกจากเมืองดังกล่าวโดยพลการของเขา เขายังไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์อัลเลาะห์ในการหนีออกจากเมืองนั้นแต่อย่างใดทั้งสิ้นและเขาได้สัญญากับพวกนั้นว่าอีกสามวัน พวกเขาจะต้องได้พบกับความพินาศ แต่เมื่อหนีออกมาแล้ว พวกชาวเมืองก็เกิดความเชื่อมั่นว่าเขาคือนบีจริง มิใช่ปลอมดังที่พวกเขาคิดกันแต่ก่อน พวกเขาทั้งหมดจึงกลับตัวและขอสารภาพโทษต่อพระองค์อัลเลาะห์ พวกเขาจึงไม่ได้พบการลงโทษดังกล่าว แล้วเขาก็คิดว่าเราคงจะไม่กำหนดเหนือเขาให้เขาต้องประสบกับความคับแค้น จะโดยการกักขังหรืออื่น ๆ ก็ตาม แล้วอัลเลาะห์ก็บันดาลให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในท้องปลาถึง ๔๐ วัน เพื่อเตือนเขาที่เขาละเมิดคำสั่ง คิดหลบหนีจากชาวเมือง “นีนะวา” โดยพลการ อัลเลาะห์ได้ตรัสแก่ปลามิให้กินเขาและหักกระดูกของเขา เพราะเขามิใช่อาหารของปลา อัลเลาะห์เพียงประสงค์จะกักขังเขาไว้ในท้องปลาชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในความมืดต่าง ๆ ถึง ๓ ความมืดด้วยกัน คือความมืดของท้องปลา, ความมืดของท้องทะเล, และความมืดของยามกลางคืน ว่า ไม่มีพระเจ้าใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากพระองค์ พระองค์ทรงพิสุทธิคุณ ปราศจากคุณลักษณะอันไม่บังควรและบกพร่องทั้งหลาย แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ทุจริตทั้งหลาย ฐานข้าพระองค์ได้หนีออกจากเมืองนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์ ก่อนที่เขาจะเข้าไปอยู่ในท้องปลานั้น เขาได้อาศัยเรือลำหนึ่งซึ่งบรรทุกของเต็มเพียบ และเมื่อเรือได้วิ่งไปจนถึงกลางทะเลน้ำลึก เรือกับหยุดเสียเฉย ๆ ไม่ยอมวิ่งอีกต่อไป เขากล่าวว่า สาเหตุที่เรือไม่วิ่งเป็นเพราะในเรือมีทาสที่หนีมาจากนาย แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด พวกเขาจึงจับฉลาก ปรากฏว่าฉลากออกตรงกับท่านนบียูนุส พวกเขาจึงขับไล่ท่านลงจากเรือ โดยจับโยนลงไปในทะเล แล้วก็มีปลาตัวหนึ่งมากลืนท่านไว้ในท้องดังกล่าวไว้แล้ว
๘๘. แท้จริงเราได้สนองตอบแก่เขาตามที่เขาวิงวอนขอ และเราให้เขาปลอดจากความทุกข์ตรมที่เขาประสบอยู่ขณะที่ต้องทรทรมานอยู่ในท้องปลาถึง ๔๐ วัน และเช่นที่ยูนุสได้รับความปลอดภัยนั่นแหละเราจักให้ความปลอดภัยแก่บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เมื่อเขาประสบความทุกข์ตรม แล้วเขาได้วิงวอนขอต่อเรา โดยใช้คำวิงวอนเช่นที่ท่านนบียูนุสได้กล่าวไว้
๘๙. โอ้มุฮำมัด และเจ้าจงระลึกถึงประวัติของนบีซะกะรียา เมื่อเขาได้วอนขอต่อองค์พระอภิบาลของเขาให้พระองค์ประทานบุตรแก่เขาโดยเขากล่าวว่า โอ้องค์พระอภิบาลของข้า ขอพระองค์อย่าปล่อยข้าไว้โดดเดี่ยวเพียงคนเดียวโดยไม่มีบุตรที่จะสืบตระกูลและรับมรดก และพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงถาวร ทรงอมตะหลังจากบรรดาสรรพสิ่งทั้งมวลได้ถึงแก่ความเสียหายจนไม่มีเหลือสักสิ่งเดียว ยังคงอยู่เฉพาะพระองค์เท่านั้นเปรียบประหนึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้สืบมรดกที่ดีที่สุด
๙๐. แท้จริงเราได้สนองตอบแก่เขาตามที่เขาขอ และเราได้ประทานบุตรแก่เขาชื่อยะห์ยา และเราได้ให้ภรรยาของเขามีสุขภาพดี โดยให้นางสิ้นสภาพเป็นหมัน สามารถให้กำเนิดได้ ทั้งนี้เป็นเพราะแท้จริงพวกเขาล้วนเป็นศาสนทูตซึ่งชอบที่จะรีบเร่งในการทำความดีทั้งมวล ไม่มีใครล่าช้าต่อการทำดีต่าง ๆ และพวกเขาวิงวอนขอต่อเราด้วยความรักที่จะได้รับความโปรดปราน และความกลัวต่อการลงโทษและพวกเขาเป็นผู้นอบน้อมต่อเรา ยอมตนกราบไหว้และวิงวอนขอด้วยความนอบน้อมถ่อมตนโดยแท้จริง
๙๑. โอ้มุฮำมัด และเจ้าจงระลึกถึงประวัติของ “มัรยัม” ผู้ซึ่งรักษาอวัยวะเพศของนางให้บริสุทธิ์ เป็นสาวพรหมจรรย์ ไม่ยอมมีความสัมพันธ์ทางเพศกับบุรุษใดเลย และนางไม่ยอมให้บุรุษใดเข้าใกล้นางด้วยซ้ำ แล้วเราได้ประกาศิตให้ยิบรออีลเป่าชีวิตที่เป็นไปโดยการบันดาลของเราผ่านในคอเสื้อของนาง หลังจากนั้น นางได้ตั้งครรภ์แล้วได้บุตรเป็นชาย คือ “นบีอีซา” และเราได้บันดาลให้นางมัรยัมและอีซาบุตรชายของนางเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเอกภาพและอานุภาพของเราแด่ชาวโลกทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ญิน หรือมลาอิกะห์ก็ตาม ย่อมใช้ประวัติตอนนี้ไปเป็นหลักฐานประกอบความเชื่อของเขาได้เป็นอย่างดี เพราะประการที่ “นบีอีซา” เกิดจาก “มัรยัม” โดยไม่มีบิดานั้น เป็นความมหัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงบันดาลให้อุบัติขึ้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์ อายะฮฺที่ 92 - 96


คำแปลR1.
92. Truly! This, your Ummah [Sharia or Religion (Islamic Monotheism)] is one religion, and I am your Lord, therefore worship Me (alone). [TafsirIbn Kathir]
93. But they have broken up and differed as regards their Religion among themselves. (And) they all shall return to us.
94. So whoever does righteous good deeds while he is a believer (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism), his efforts will not be rejected. Verily! We record it in his Book of deeds.
95. And a ban is laid on every town (population) which we have destroyed that they shall not return (to this world again, nor repent to us).
96. Until, when Ya'juj and Ma'juj (Gog and Magog) are let loose (from their barrier), and they swiftly swarm from every mound.


คำแปล R2.
92. แท้จริงประชาชาติของพวกเจ้านี้ล้วนเป็นประชาชาติ(ที่ดำเนินชีวิตภายใต้ครรลองแห่งศาสนา)เดียวกัน(คือศาสนาอิสลาม) และข้าเป็นองค์อภิบาลของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงนมัสการข้า(โดยเฉพาะ)เถิด
93. และมนุษย์ส่วนมากต่างก็มีความแตกแยกระหว่างพวกเขาในกิจการ(ทางศาสนา)ของพวกเขาเอง ซึ่งทั้งหมดนั้นจะต้องกลับคืนมาสู่(การตัดสินของ(เรา)
94. ดังนั้นผู้ใดประพฤติแต่ความดีงาม โดยที่ตัวเองมีศรัทธามั่น แน่นอนที่สุด การขวนขวายของเขาย่อมไม่สูญเปล่า และแท้จริงเราเป็นผู้ลิขิตสิ่งนั้นไว้
95. และเป็นไปไม่ได้สำหรับ(ชาว)เมืองใด ที่เราได้ทำลายล้างไปแล้ว ที่พวกเขาจะไม่คืนกลับมา(สู่เราเพื่อการสอบสวนและการตอบแทนผลกรรมต่าง ๆ ในวันกิยามะฮฺ)
96. จนกระทั่งเมื่อยะอ์ยูจและมะอ์ยูจได้ถูกเปิด(โอกาส)ให้ โดยที่พวกมันจะประดังการออกมาจากที่สูงทุกแห่ง


คำแปล R3.
92.   แท้จริงหมู่ชนนี้ของสูเจ้าเป็นหมู่ชนเดียวกัน และฉันเป็นพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้นจงเคารพภักดีฉัน
93.   แต่พวกเขาได้แยกความเชื่อ (หนึ่ง) ของพวกเขาออกเป็นหลายศาสนา พวกเขาทั้งหมดจะกลับมาหาเรา
94.   ใครก็ตามที่กระทำความดีและเป็นผู้ศรัทธา ความพยายามของเขาก็จะไม่ถูกปฏิเสธ เพราะเราเป็นผู้บันทึกมันไว้สำหรับเขา
95.   และเป็นไปไม่ได้ที่เมืองที่เราได้ทำลายไปแล้วจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
96.   จนกว่ายะอ์ยูจญ์และมะอ์ญูจญ์จะถูกปล่อยออกมา พวกมันจะดาหน้ากันลงมาจากที่สูงทุกแห่ง


คำแปล R4.
92. แท้จริง นี่คือประชาชาติของพวกเจ้า ซึ่งเป็นประชาชาติเดียวกันและข้าเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีข้าเถิด
93. และพวกเขาได้แตกแยกกันในเรื่องของศาสนาระหว่าเขากันเอง ทั้งหมดนี้พวกเขาจะเป็นผู้กลับไปหาเรา
94. ดังนั้นผู้ใดประกอบกรรมดีทั้งหลาย โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา สำหรับการอุตสาหะวิริยะของเขาจะไม่ถูกปฏิเสธ และแท้จริงเราเป็นผู้บันทึกความดีสำหรับเขา
95. และเป็นที่ห้ามแก่ชาวเมือง ที่เราได้ทำลายเมืองนั้นแล้วว่า แน่นอนพวกเขาจะไม่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
96. จนกระทั่งเมื่อยะอฺญูจญ์ และมะอฺญูจญ์ถูกปล่อยออกมาจากกำแพง และพวกเขาจะหลั่งไหลกันลงมาจากทุกทิศทาง


คำแปล R5.
๙๒. แท้จริงประชาชาติที่อยู่ในระบอบอิสลามนี้คือประชาชาติแห่งพวกเจ้าทั้งมวลอันเป็นประชาชาติเดียวกัน อยู่ในระบอบเดียวกัน คือระบอบอิสลาม เป็นระบอบที่ยึดมั่นและยอมตนในพระเจ้าองค์เดียว คือ อัลเลาะห์ และไม่ยอมรับสิ่งอื่นใดเป็นที่สักการบูชานอกจากพระองค์เท่านั้น โดยระบอบนี้ บรรดาศาสดาและบทบัญญัติต่าง ๆ มีความสอดคล้องกันเป็นเอกฉันท์ อาจจะผิดแผกกันบ้างในด้านรูปแบบแห่งการปฏิบัติตามแต่ยุคสมัย และข้าเป็นพระผู้เป็นเจ้าผู้อภิบาลพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายพึงนมัสการข้าแต่เพียงองค์เดียวอย่าได้อุปโลกน์สิ่งอื่นใดขึ้นเป็นพระเจ้า กราบไว้ร่วมเป็นภาคีกับข้า ไม่ว่าจะเป็นเทวรูป ต้นไม้ ก้อนหิน มนุษย์หรือสิ่งอื่นก็ตาม
๙๓. และพวกเขาได้ทำการแตกแยกแก่การงานอันเป็นระบบศาสนาของพวกเขาจนเกิดเป็นกลุ่มอันแตกต่างกัน โดยพวกเขามุ่งหน้าขัดแย้งและโต้เถียงกันเอง พวกนั้นได้แก่พวกยะฮูดีและนะซอรอ พวกเขาศรัทธาบางศาสดาและปฏิเสธบางศาสดา เช่น ยะฮูดีเชื่อมูซาปฏิเสธอีซาและศาสดาอื่น ๆ พวกนะซอรอเชื่ออีซาแต่ปฏิเสธมูซาและศาสดาอื่น ๆ ซึ่งผิดกับมุสลิม เชื่อในศาสดามุฮำมัดและเชื่อในศาสดาอื่น ๆ ทั้งหมด จึงเป็นชนกลุ่มเดียวที่ยึดมั่นในอุดมการณ์แห่ง “ประชาชาติเดียวกัน” อย่างเหนียวแน่น พวกเขาแตกกันออกเป็นกลุ่มเป็นนิกายต่าง ๆ ไม่สามารถจะประนีประนอมกันได้ ต่างฝ่ายต่างก็ทับถมซึ่งกันและกัน พวกเขาเพิกเฉยต่อพระบัญชาของพระเจ้าที่ประสงค์จะให้มนุษยชาติรวมตัวกันเป็นประชาชาติเดียวกัน ทุกคนที่หันเหออกจากพระบัญชาของพระเจ้า โดยสลายพลังแห่ง “ประชาชาติเดียวกัน” ดังกล่าวแล้วนั้นจะต้องกลับมาหาเรา เพื่อรับสนองผลแห่งการกระทำของพวกเขาอย่างสาสม
๙๔. ดังนั้น ผู้ใดปฏิบัติแต่ความดี แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม โดยเขาเป็นผู้ศรัทธาแน่นอนจะไม่มีการปฏิเสธในความพากเพียรของเขาที่เขาได้ทำความดีดังกล่าว และแท้จริงเราได้มีบัญชาให้มลาอิกะห์เป็นผู้บันทึกความดีนั้นให้เขาอย่างละเอียดทุก ๆ อย่าง ไม่มีตกหล่นเลย แล้วต่อไป ก็จะนำความดีของเขามาตอบแทนเป็นผลรางวัลสำหรับเขา
๙๕. และถูกห้ามแก่ชาวเมืองใด ๆ ที่เราได้ทำลายพวกเขาให้เสียหายไปแล้วเมื่ออดีตไว้ว่า แท้จริงพวกเขาจะไม่คืนกลับ มาสู่ภพปัจจุบันนี้อีกครั้งไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม เช่น ชาวเมืองที่พระองค์อัลเลาะห์ได้บันดาลให้จมน้ำตาย เป็นต้น
๙๖. ที่ห้ามมิให้พวกที่ถูกทำลายไปแล้วได้กลับคืนสู่ภพปัจจุบันนั้นจนกว่าจะถึงวันปรภพ ซึ่งมีสัญญาณแสดงหลายอย่าง อาทิ เช่น ยะยูจและมะยูจ จะได้รับการเปิดกำแพงที่ปิดกั้นพวกเขาไว้มิให้เข้าสู่ภายในโลกนี้ได้ ซึ่งพวกยะยูจและมะยูจเพียรพยายามที่จะเจาะกำแพงของโลกนี้เพื่อเข้ามาให้ได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำได้สำเร็จ ซึ่งวาระนั้นเป็นวาระอันใกล้ที่โลกนี้จะสลายแล้ว เมื่อถึงวาระที่โลกนี้ใกล้สลาย ท่านนบีอีซาก็จะลงมาจากฟ้าชั้น ๒ มายังหออะซานในประเทศซีเรีย หลังจากนั้นพวกยะยูจ มะยูจ ก็จะตายหมดโดยการวิงวอนของนบีอีซา ซากศพพวกเขากระจายอยู่ทั่วไปทุกแห่งหนในแผ่นดินนี้ แล้วก็มีนกชนิดหนึ่งบินมาคาบศพเหล่านั้นไปทิ้ง แล้วฝนใหญ่จะตกลงมาชะล้างแผ่นดิน และพืชนานาชนิดงอกงาม อาหารบนแผ่นดินก็จะมีอย่างอุดมสมบูรณ์ ในระหว่างนั้นท่านนบีอีซาและบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายจะอยู่กันด้วยความสุข แล้วจึงมีลมระรวยพัดมาเก็บชีวิตของผู้ศรัทธาทั้งหลายจนหมดสิ้นเหลือแต่พวกเหล่าทุรชนผู้เนรคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพวกนี้จะประหัตประหารซึ่งกันและกันจนล้มตายกันหมด ระยะเวลาที่วันปรภพจะอุบัติขึ้น นับจากวาระที่ท่านนบีอีซาเสียชีวิตกับการเป่าสังข์ครั้งแรกเป็นเวลา ๑๒๐ ปี แต่เวลาในช่วงนั้นได้รวบรัดลงมาเหลือ ๑ ปี เท่ากับ ๑ เดือน ๑ เดือนเท่ากับ ๑ สัปดาห์เท่านั้น ที่พวกยะยูจมะยูจทำลายกำแพงออกมาได้นั้น โดยพวกเขาเร่งรีบออกมาจากทุกด้านของแผ่นดินที่เป็นเนินสูงประดุจดังภูเขา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์ อายะฮฺที่ 97 - 100
 

คำแปลR1.
97. And the true Promise (Day of Resurrection) shall draw near (of fulfillment). Then (when mankind is resurrected from their graves), you shall see the eyes of the disbelievers fixedly stare in horror. (They will say): "Woe to us! We were indeed heedless of this; Nay, but we were Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.)."
98. Certainly! You (disbelievers) and that which you are worshipping now besides Allah, are (but) fuel for Hell! (Surely), you will enter it.
99. Had these (idols, etc.) been Aliha (Gods), they would not have entered there (Hell), and all of them will abide therein.
100. Therein breathing out with deep sighs and roaring will be their portion, and therein they will hear not.


คำแปล R2.
97. และสัญญาอันจริงแท้(แห่งโลกหน้า)ได้ใกล้เข้ามาแล้ว ทันใดนั้นเอง มันก็ทำให้ดวงตาของพวกไร้ศรัทธาเหลือกถลน(พร้อมกับรำพึงว่า) “โอ้! ความวิบัติแห่งเราเพราะเราได้อยู่โดยความหลงลืมจากวันนี้โดยแท้ ยิ่งกว่านั้นเราล้วนเป็นผู้ฉ้อฉล (ที่คัดค้านคำประกาศของศาสดาจึงต้องประสบกับเหตุการณ์อันร้ายแรงเช่นนี้)
98. แท้จริงพวกเจ้าและสิ่งที่พวกเจ้าทำการนมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺนั้น(จะต้องกลายไป)เป็นเชื้อเพลิงของนรก ซึ่งเจ้าต้องเข้าไปในนั้น
99. มาดแม้น(เทวรูป)เหล่านี้เป็นพระเจ้า(ที่แท้จริง) พวกนั้นก็ย่อมไม่ได้เข้านรกเป็นแน่ แต่ทั้งหมดจะต้องเข้าประจำอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร
100. พวกเขาจะมีแต่เสียงครวญคราง(ด้วยความเจ็บปวดทรมาน)ในนั้น และพวกเขาไม่ได้ยิน(เสียงอื่นใด)ในนั้นเลย


คำแปล R3.
97.   และเวลาของสัญญาแห่งความจริงก็ใกล้เข้ามาแล้ว ในตอนนั้น สายตาของบรรดาผู้ปฏิเสธจะตกตะลึง พวกเขาจะกล่าวว่า “บรรลัยแล้วเรา เราไม่ได้ใส่ใจในสิ่งนี้ ใช่แต่เท่านั้น เรายังเป็นผู้ทำผิดด้วย”
98.   ความจริงแล้วสูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะนอกเหนือไปจากอัลลอฮฺนั้นล้วนเป็นเชื้อเพลิงแห่งนรก สูเจ้าจะได้เข้าไปอยู่ในนั้น
99.   ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นเป็นพระเจ้าจริง พวกมันก็ไม่ต้องเข้าไปในนั้น แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดจะอยู่ในนั้นตลอดไป
100.   ที่นั่น พวกมันจะร้องครวญคราง แต่พวกมันจะไม่ได้ยินสิ่งใด (ตอบรับเนื่องจากเสียงครวญครางนั้น)


คำแปล R4.
97. และเมื่อสัญญาแห่งความจริงได้ใกล้เข้ามา ขณะนั้นเรื่องของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาคือสายตาของบรรดาผู้ปฏิเสธจะจ้องเขม็งแล้ว กล่าวว่า โอ้ความหายนะของเรา แน่นอนยิ่งเราอยู่ในความหลงลืม (จากทางหลับที่น่ากลัวนี้) ยิ่งกว่านั้นเรายังเป็นผู้อธรรมอีกด้วย
98. แท้จริงพวกเจ้า (มุชริกีน) และสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺนั้น ทั้งหมดนั้นเป็นเชื้อเพลิงของนรก โดยพวกเจ้าจะเข้าไปอยู่ในนั้น
99. หากมันเหล่านั้นเป็นพระเจ้าจริงแล้วมันจะไม่เข้าไปอยู่ในนั้น และทั้งหมดจะเข้าอยู่ในนั้นอย่างถาวร
100. สำหรับพวกเขาในนรกนั้นมีแต่เสียงครวญครางและพวกเขาในนรกนั้นจะไม่ได้ยินมันเลย


คำแปล R5.
๙๗. และสัญญาอันเป็นสัจจะแห่งกาลปาวสานของโลกนี้และการอุบัติของโลกหน้านั้นได้ใกล้เข้ามาแล้ว แท้จริง ณ บัดนั้นเหตุการณ์แห่งกาลปาวสานของโลก มันเป็นผู้ทำให้ดวงตาของเหล่าทุรชนผู้เนรคุณทั้งหลายต้องเหลือกถลน เพราะความกลัวและตกใจสุดขีด ที่ทราบว่ากาลปาวสานแห่งโลกนี้ได้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาพากันอุทานขึ้นมาว่า โอ้ความพินาศของเรา บัดนี้เราได้พบกับความพินาศแน่แล้ว และพวกเราทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในความหลงลืมต่อสิ่งนี้ พวกเราไม่นึกเลยว่าจะเกิดวันปรภพขึ้นเช่นนี้ แต่ทว่าพวกเราเป็นผู้ทุจริตทั้งสิ้น โดยเหตุที่ได้ยกโกหกแก่ท่านศาสดา และไม่ยอมเชื่อถือในคำประกาศของท่าน
๙๘. โอ้ชาวมักกะห์ทั้งหลาย แท้จริงพวกเจ้าและบรรดาเทวรูปอันเป็นสิ่งที่พวกเจ้าทำการกราบไหว้นอกไปจากอัลเลาะห์นั้น เป็นเชื้อเพลิงแห่งนรกซึ่งพวกเจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในนั้น
๙๙. หากแม้นบรรดาเทวรูปเหล่านั้นเป็นพระเจ้าที่แท้จริง แน่นอนพวกนั้นก็จะไม่เข้าไปในนั้นหรอก แต่โดยหลักฐานและเหตุผลได้แสดงอย่างประจักษ์ชัดว่า บรรดาเทวรูปที่พวกท่านทำการกราบไหว้นั้นจะต้องเข้าไปสู่นรกโดยเป็นเชื้อเพลิงแห่งนรกนั้น ดังนั้นเทวรูปเหล่านั้นจึงมิใช่พระเจ้าอย่างแน่นอน และไม่ว่าจะเป็นเทวรูปหรือผู้กราบไหว้ก็ตาม ทุกสิ่งจะอยู่ในนั้นโดยถาวรตลอดไป ไม่มีโอกาสออกจากนั้นได้เลย
๑๐๐. พวกเหล่านั้น เมื่ออยู่ในนรก จะมีเสียงคราง ด้วยความทรมานอยู่ตลอดเวลา และในนั้นพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงอื่นใดทั้งสิ้น จะมีแต่เสียงเดือดพล่านอันร้อนแรงของเปลวไฟแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์ อายะฮฺที่ 101 - 104
 

คำแปลR1.
101. Verily those for whom the good has preceded from us, they will be removed far therefrom (Hell) [e.g. 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary); 'Uzair (Ezra), etc.].
102. They shall not hear the slightest sound of it (Hell), while they abide in that which their own selves desire.
103. The greatest terror (on the Day of Resurrection) will not grieve them, and the angels will meet them, (with the greeting): "This is your day which you were promised."
104. And (remember) the day when we shall roll up the heavens like a scroll rolled up for Books, as we began the first creation, we shall repeat it, (it is) a promise binding upon us. Truly, we shall do it.


คำแปล R2.
101. แท้จริงบรรดาผู้ที่ความดีจากเราได้(ถูกกำหนด)ล่วงหน้าไว้แก่พวกเขา พวกเหล่านั้นย่อมถูกกันห่างออกไปจากนรกนั้น
102. พวกเขาไม่ได้ยิน(แม้แต่)เสียงเพลิงลุกของมัน และพวกเขาได้อยู่ประจำถาวรในสิ่ง(ที่เป็นความสุขจากสวรรค์)ซึ่งอารมณ์ของเขาใฝ่ปรารถนา
103. ความวิกฤตอันใหญ่หลวง(ของวันกิยามะฮฺ)ไม่ทำความเศร้าโศกแก่พวกเขาเลย และมวลมลาอิกะฮฺต่างก็ต้อนรับพวกเขา(ด้วยความยินดีและกล่าวกับพวกเขาว่า) “นี้คือวันของพวกท่าน ตามที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้(จากอัลเลาะฮฺ)”
104. วันซึ่งเราจะม้วนฟ้าให้เหมือนหน้าบันทึกรายงานดังเช่นที่เราได้ให้การเริ่มต้นในการสร้างครั้งแรก เราจะกลับคืนมัน(ให้ฟื้นคืนกลับมาอีกภายหลังจากได้ตายเน่าเปื่อยไปแล้ว) เป็นสัญญาที่เรารับผิดชอบ แท้จริงเราเป็นผู้กระทำ(ทุกสิ่งตามสัญญาเสมอ)


คำแปล R3.
101.   สำหรับบรรดาผู้ที่เราได้กำหนด(รางวัลแห่ง) ความดีไว้แล้วนั้น พวกเขา จะถูกรักษาไว้ให้ห่างจากมัน
102.   พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมัน และพวกเขาจะได้พำนักอยู่ท่ามกลางสิ่งที่พวกเขาต้องการ
103.   เวลาแห่งการตื่นตระหนกครั้งใหญ่จะไม่ทำให้พวกเขาต้องว้าวุ่น มลาอิกะฮฺจะออกมารับพวกเขาและกล่าวว่า “นี่คือวันที่พวกท่านทั้งหลายได้ถูกสัญญาไว้”
104.   ในวันนั้น เราจะม้วนท้องฟ้าเหมือนกับการม้วนของแผ่นกระดาษจารึกที่ถูกม้วน เราจะนำสิ่งถูกสร้างออกมาอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับที่เราได้ให้มันบังเกิดขึ้นมาในตอนแรก นี่เป็นคำสัญญาที่เราได้ทำไว้ต่อเราเองและเราจะทำตามนั้น


คำแปล R4.
101. แท้จริงบรรดาผู้ที่ความดีจากเราได้ประสบแก่พวกเขามาก่อนนั้น ชนเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากมัน
102. พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมันและพวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์อย่างถาวรตามที่จิตใจของพวกเขาปรารถนา
103. ความตื่นตระหนกอันยิ่งใหญ่จะไม่ทำให้พวกเขาเศร้าโศก และมะลาอิกะฮฺจะพบพวกเขาแล้วกล่าวว่า นี่คือวันของพวกท่านซึ่งพวกท่านได้ถูกสัญญาไว้
104. วันซึ่งเราจะม้วนชั้นฟ้า ประหนึ่งการม้วนแผ่นกระดาษสำหรับการบันทึก ดังเช่นที่เราได้เริ่มให้มีการบังเกิดครั้งแรก เราจะให้มันกลับเป็นขั้นมาอีก เป็นสัญญาผูกพันกับเรา แท้จริงเราเป็นผู้กระทำอย่างแน่นอน


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้  “อิบนุซิบะอรอ” ได้กล่าวว่า โดยอาศัยข้อบัญญัติแห่งโองการที่พ้นมานั้น “อุไซ๊ร์” “อีซา” และ “มลาอิกะห์” ก็ต้องลงนรกด้วย เพราะทั้งสามนี้มีผู้กราบไหว้บูชากันอยู่ อัลเลาะห์จึงลงโองการนี้แก่มุฮำมัดเพื่อตอบโต้คำกล่าวนั้น
๑๐๑. แท้จริงบรรดาผู้ที่เคยได้รับความดีงามจากเรามาก่อนนั้น พวกเหล่านั้นได้รับความห่างไกลจากนรก ไม่ว่าจะเป็น “อุไซ๊ร์” “อีซา” หรือ “มลาอิกะห์” ก็ตาม ซึ่งทั้งสามนั้นล้วนเป็นผู้ได้รับความดีจากอัลเลาะห์ พวกเขามุ่งปฏิบัติความภักดีต่ออัลเลาะห์ มีความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ในการประพฤติต่าง ๆ ซึ่งพวกนี้ไม่มีทางได้เข้านรกเลย พวกรูปจำลองแห่งเทวะและผู้กราบไหว้สิ่งนั้นต่างหากที่ต้องเข้านรก
๑๐๒. พวกที่เคยได้รับความดีจากอัลเลาะห์ดังกล่าวนั้นเขาอยู่ห่างนรกจนพวกเขาไม่ได้ยินเสียงกัมปนาทแห่งไฟนรกเลย แต่พวกเขาจะได้เข้าอยู่โดยถาวรในสวนสวรรค์อันเป็นสิ่งที่อารมณ์ของพวกเขาชอบ พวกเขาจะได้รับความสุขชั่วนิจนิรันดร
๑๐๓. ความน่ากลัวอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะต้องประสบจากการลงนรกมิได้ทำให้พวกที่เข้าสวรรค์เขารู้สึกเศร้าโศกเลย ซึ่งผิดกับพวกเข้านรก ที่ต้องพบกับความเศร้าโศกอย่างหนัก เมื่อต้องผจญกับสภาวะอันน่าตระหนกตกใจของนรก คือพวกเขาถูกไล่ให้เข้าไปในนั้น แล้วประตูนรกก็ถูกปิดตายไม่มีโอกาสออกมาได้ และเหล่ามลาอิกะฮ์จะทำการต้อนรับพวกเขา นับแต่พวกเขาคืนชีพจากสุสานจวบจนถึงประตูสวรรค์ โดยมลาอิกะฮ์ต่างพากันแซ่ซ้องด้วยความยินดีในวาสนาของพวกเขาว่า วันนี้เป็นวันของพวกท่านตามที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้โดยองค์พระผู้อภิบาล พวกท่านทั้งหลายพึงดีใจและภาคภูมิใจเถิดที่ได้รับกุศลต่าง ๆ ตามสัญญาทุกประการ
๑๐๔. วันนี้คือวันซึ่งเราม้วนฟากฟ้าเหมือนการม้วนของ มลาอิกะฮ์ซิญิลต่อบรรดาข้อบันทึกอันเป็นบัญชีรายงานความประพฤติของมนุษย์ทั้งหลายเมื่อใกล้ตาย มลาอิกะฮ์ก็จัดการม้วนบัญชีนั้น เท่ากับปิดบัญชีความประพฤติลงเพียงเท่านั้น เฉกเช่นเราได้เริ่มบันดาลสิ่งต่าง ๆ ในวาระแรกสุด โดยก่อนการบันดาลไม่มีสิ่งนั้นมาก่อนเลย เราก็ให้มันคืนกลับ มาประกอบเป็นกายร่างขึ้นอีกครั้งหนึ่งภายหลังจากที่ได้ตายหรือสลายไปแล้ว สิ่งนั้นเป็นสัญญาเหนือเรา ซึ่งเราจะบันดาลให้เป็นไป เพราะแท้จริงเราเป็นผู้บันดาลสิ่งต่าง ๆ ตามที่ได้สัญญาไว้เสมอ ไม่มีอำนาจใด ๆ มาขัดขวางเราได้ ดังนั้นการฟื้นคืนชีพจากสุสานอีกครั้งหนึ่งตามที่ได้สัญญาไว้นี้ก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะการฟื้นครั้งที่สองนี้ง่ายกว่าการสร้างครั้งแรก เนื่องด้วยการสร้างครั้งแรกนั้นยังไม่มีตัวตนมาก่อนเลย ดังนั้นการฟื้นขึ้นอีกครั้งจึงเป็นไปได้ง่ายกว่าการสร้างในครั้งแรกเริ่ม เพราะได้สร้างขึ้นมาจากสภาพเดิมที่ประกอบด้วยตัวตนครบถ้วน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์ อายะฮฺที่ 105 - 107
 

คำแปลR1.
105. And indeed we have written In Zabur (Psalms) [i.e. all the revealed Holy Books the Taurat (Torah), the Injeel (Gospel), the Qur'an] after (We have already written in) Al-Lauh Al-Mahfuz (the Book, that is in the heaven with Allah), that My righteous slaves shall inherit the land (i.e. the land of Paradise).
106. Verily, in this (the Qur'an) there is a plain message for people who Worship Allah (i.e. the true, real believers of Islamic Monotheism who act practically on the Qur'an and the Sunnah legal ways of the Prophet ).
107. And we have sent you (O Muhammad) not but as a Mercy for the 'Alamin(mankind, jinns and All that exists).


คำแปล R2.
105. ขอยืนยันแท้จริงเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ที่เราลงให้ภายหลังจากการระบุ(ไว้ในเลาหุลมะฮฺฟูซ)ว่า “แท้จริงแผ่นดินนั้น มวลข้าทาสผู้ประพฤติตัวดีของข้าเท่านั้นที่จะทำการสืบทอดมัน”
106. แท้จริงใน(อัลกุรอาน)นี้ มีสาระที่เพียงพอแล้วสำหรับกลุ่มชนที่ทำการนมัสการ(อัลเลาะฮฺ)
107. และเรามิได้ส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูต(เพื่ออื่นใดทั้งสิ้น)นอกจากเพื่อเป็นเมตตาธรรมแก่ชาวโลก(ทั้งมวล)


คำแปล R3.
105.   และเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ษะบูรฺหลังจากข้อตักเตือนนั้นว่า “บ่าวผู้มีคุณธรรมของเราจะเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินนั้น”
106.   แท้จริง ในนี้มีข่าวดีสำหรับหมู่ชนที่ภักดีเรา
107.   (โอ้ มุฮัมมัด) เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อเป็นความเมตตาต่อประชาชาติ


คำแปล R4.
105. และแท้จริงนั้นเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูร หลังจากที่เราได้บันทึกไว้ในลูห์มะห์ฟูซว่า แผ่นดินนั้นปวงบ่าวของเราที่ดีมีคุณธรรมจะเป็นผู้สืบมรดกมัน
106. แท้จริงในการกล่าวไว้เช่นนี้ เป็นการเพียงพอสำหรับหมู่ชนที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ
107. และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย


คำแปล R5.
๑๐๕. และแท้จริงเราได้บันทึกไว้ในบรรดาคัมภีร์ต่าง ๆ จำนวนทั้ง ๑๐๔ เล่ม ที่เราได้ประทานแก่ศาสดาในแต่ละยุค ภายหลังจากที่เราได้บันทึกไว้ก่อนหน้านั้นลงใน “คัมภีร์แม่” อันได้แก่ “เลาหุลมะฮ์ฟูซ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้การรำลึก โดยบันทึกไว้ว่า อันแผ่นดินสวรรค์นั้นไซร้ บรรดาข้าทาสที่ดีของข้าเท่านั้นที่จะได้สืบมรดก โดยรับส่วนแบ่งให้ได้เข้าไปเสพสุขอยู่ในนั้น
๑๐๖. แท้จริงในกุรอานนี้ มีสิ่งที่นำให้บรรลุถึงการเข้าสวรรค์แก่กลุ่มชนที่น้อมนมัสการ มวลชนผู้ปรารถนาจะเข้าสวรรค์ อัลกุรอานก็ทำให้เขาได้เข้าอย่างเพียงพอแล้ว เพราะในนั้นมีคำสอนนานาประการ ซึ่งผู้ใดปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เขาก็จะได้เข้าสวรรค์อย่างง่ายดาย
๑๐๗. โอ้มุฮำมัดและเรามิได้ส่งเจ้ามาให้เป็นศาสนทูตเพื่อประโยชน์อื่นใดเลย นอกจากเพื่อเป็นเมตตาธรรมแก่ชาวโลกทั้งมวล ทั้งมนุษย์และญิน การที่พระองค์อัลเลาะห์ได้ส่งท่านศาสดาให้เป็นศาสนทูตประกาศธรรมแก่ชาวโลก โดยประกอบด้วยบทบัญญัตินานาประการอันเกี่ยวเนื่องด้วยวิถีชีวิตทั้งของโลกนี้และโลกหน้านั้นก็เพราะพระองค์ทรงเมตตาแก่พวกเขา และปรารถนาชี้นำพวกเขาให้เข้าสู่วิถีทางอันเป็นสัจจะ เป็นทางรอดพ้นโดยแท้จริง เมื่อเหล่าทุนชนผู้เนรคุณไม่ยอมรับท่านศาสดา และไม่สนใจคำประกาศของท่าน ซึ่งเป็นไปโดยความเมตตาแก่พวกเขา พวกเขาก็จะไม่มีวาสนา ทั้งในทางศาสนาและในทางโลก


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอ์ อายะฮฺที่ 108 - 112
 

คำแปลR1.
108. Say (O Muhammad): "It is revealed to me that your Ilah (God) is only One Ilah (God - Allah). Will you then submit to his will (become Muslims and stop worshipping others besides Allah)?"
109. But if they (disbelievers, idolaters, Jews, Christians, polytheists, etc.) turn away (from Islamic Monotheism) say (to them O Muhammad): "I give you a notice (of war as) to be known to us all alike. And I know not whether that which you are promised (i.e. the torment or the Day of Resurrection) is near or far."
110. (Say O Muhammad) Verily, He (Allah) knows that which is spoken aloud (openly) and that which you conceal.
111. And I know not, perhaps it may be a trial for you, and an enjoyment for a while.
112. He (Muhammad) said:"My Lord! Judge you in truth! Our Lord is the Most Beneficent, whose help is to be sought against that which you attribute (unto Allah that He has offspring, and unto Muhammad that He is a sorcerer, and unto the Qur'an that it is poetry, etc.)!"


คำแปล R2.
108. จงประกาศเถิด “อันที่จริง ฉันได้รับโองการมาว่า พระเจ้าที่แท้จริงของพวกท่านั้น เป็นพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น แล้วพวกท่านจะยอมสวามิภักดิ์ไหม”
109.ต่อมา หากพวกเขาหันเห เจ้าก็จงประกาศต่อไปเถิดว่า “ฉันได้ประกาศให้พวกท่าน(ทราบในสิ่งที่ฉันได้รับโองการมา)โดยความเสมอภาค และฉันไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้นั้น จะอุบัติขึ้นในเวลาอันใกล้หรือยังอยู่อีกห่างไกล”
110. แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ในถ้อยคำที่พวกท่านพูดโดยเปิดเผย และทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกท่านปิดเร้นไว้
111. “และฉันไม่รู้(อีกว่า)เพราะอะไรสัญญการลงโทษพวกท่านจึงล่าช้า)บางทีการประวิงสัญญานั้นเป็นเพียงการทดสอบแก่พวกท่านและเป็นความสุข(เพียงชั่วคราว)ตราบถึงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
112. (นบีมุฮำมัด)เขากล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาล โปรดตัดสินโดยชอบธรรมเถิด และองค์อภิบาลของเราทรงเป็นผู้ยิ่งในความเมตตา ทรงถูกขอความช่วยเหลือบนกรณีที่พวกท่านทั้งหลายบรรยายลักษณะไว้


คำแปล R3.
108. จงบอกพวกเขาว่า “สิ่งที่ถูกวะฮีย์แก่ฉันก็คือ พระเจ้าของพวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว แล้วพวกท่านจะยอมจำนนต่อพระองค์ไหม ?”
109. หลังจากนั้นแล้ว ถ้าพวกเขาหันหลังให้ จงบอกพวกเขาว่า “ฉันได้เตือนพวกท่านให้รู้กันอย่างเปิดเผยแล้ว ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้นั้นอยู่ใกล้หรือไกล
110. (อย่างไรก็ตามจงรู้ไว้ว่า) พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านพูดออกมาอย่างเปิดเผยและสิ่งที่พวกท่านปิดบังไว้
111. ฉันคิดว่า นี่(การล่าช้าออกไป) อาจจะเป็นการทดสอบพวกท่าน และเป็นการให้ท่านได้รื่นเริงเพื่อรอเวลาที่ถูกกำหนดไว้”
112. (ในที่สุดแล้ว) รอซูลก็ได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดพิพากษาด้วยความจริง และเราไว้วางใจในพระผู้อภิบาลของเรา ผู้ทรงกรุณาปรานีที่จะช่วยเหลือเราในสิ่งที่พวกท่านกล่าวอ้าง”


คำแปล R4.
108. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันได้รับวะฮีมา ให้ประกาศว่า แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นพวกท่านยังมิยอมนอนน้อมอีกหรือ
109. หากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า ฉันได้ประกาศแจ้งให้พวกท่านทราบแล้วโดยถ้วนหน้า และฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้นั้น จะอยู่ใกล้หรือไกล
110. แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้คำพูดที่เปิดเผยและทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านปิดบังไว้
111. และฉันก็ไม่รู้ หวังว่าการประวิงเวลา อาจจะเป็นการทดสอบแก่พวกท่าน และอาจจะเป็นการร่าเริงชั่วขณะหนึ่ง
112. เขา (มุฮัมมัด) กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงชี้ขาดตัดสินแก่เราด้วยความจริง และพระเจ้าของเรา คือ พระผู้ทรงกรุณา ปรานี ผู้ทรงถูกขอความช่วยเหลือต่อสิ่งที่พวกท่านกล่าวหา


คำแปล R5.
๑๐๘. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดว่า แท้จริงข้าได้รับการดลโองการจากพระผู้อภิบาลของข้าให้มาประกาศว่าพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงของพวกเจ้านั้นเป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นจากพระองค์ แล้วพวกเจ้ายอมสยบต่อโองการดังกล่าวกระนั้นหรือ อันที่จริงพวกเจ้าจะต้องยอมรับในเอกภาพของพระองค์ เพื่อพวกเจ้าจะได้พบกับศาสนาอันบริสุทธิ์โดยแท้จริง
๑๐๙. ดังนั้น หากพวกเขาหันเหไม่ยอมรับในเอกภาพของพระองค์ เจ้า (มุฮำมัด) ก็จงกล่าวเถิดว่า ข้าขอประกาศต่อพวกเจ้าว่า พวกเจ้าจะต้องได้รับการลงโทษทรมานบนความเท่าเทียมกันระหว่างข้ากับเจ้าในความรู้ที่มีกับการลงโทษทรมานนั้น ใช่ว่าการลงโทษนั้นข้าจะรู้เพียงคนเดียว พวกเจ้าไม่รู้ก็หาไม่ และข้าไม่รู้หรอกว่า การลงโทษตามที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้นั้นจะเร็วหรือช้า ความจริงผู้รอบรู้ในกำหนดแห่งการลงโทษดังกล่าวมีเพียงพระองค์อัลเลาะห์เท่านั้น
๑๑๐. แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งเปิดเผยจากคำพูดหรือการกระทำของพวกเจ้า หรือของผู้อื่นจากพวกเจ้า และพระองค์ทรงรอบรู้ความลับอันเป็นสิ่งที่พวกเจ้าหรือผู้อื่นจากพวกเจ้าปิดบังไว้
๑๑๑. และข้าไม่รู้หรอก บางทีการลงโทษที่ข้าได้ประกาศให้พวกเจ้าทราบแล้วนั้นอาจจะเป็นเพียงประหนึ่งการทดสอบแก่พวกเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทราบว่าเมื่อถึงวาระลงโทษนั้น พวกเจ้าจะทำอย่างไร และบางทีก็อาจจะเป็นความรื่นรมย์ของพวกเจ้าไปจนถึงสิ้นกาลอายุขัยของพวกเจ้า
๑๑๒. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลของข้า ได้โปรดตัดสินด้วยความสัจจริงเถิด ในระหว่างตัวข้ากับบรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย โดยขอให้พวกเขาได้รับความพ่ายแพ้และพบกับการลงโทษ คำวิงวอนของท่านนบีมุฮำมัด (ซ.ล.) ได้รับการตอบสนองเป็นอันดีโดยพระองค์อัลเลาะห์บันดาลให้พวกนั้นประสบความพ่ายแพ้ในสงคราม และองค์อภิบาลของเราซึ่งทรงเป็นพระเจ้าผู้มีเมตตา ทรงเป็นผู้ถูกขอความช่วยเหลือ ย่อมทรงลักษณะคุณเหนือสิ่งที่พวกเจ้าได้กล่าวถึงลักษณะของพระองค์อันเป็นเท็จ ซึ่งลักษณะเหล่านั้นมิเป็นการบังควรแก่พระองค์เลย เช่นที่กล่าวว่าพระองค์มีบุตร กล่าวหาท่านศาสดาว่าเป็นผู้กล่าวเท็จ เป็นนักเล่นกล และกล่าวหากุรอานว่า เป็นกาพย์กลอนเป็นต้น

 

---------------------------------------------------------------------------
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบตอนที่ 21 สูเราะอฮฺ อัลอัมบิยาอ์
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 10, 2013, 05:18 AM โดย Bangmud »

 

GoogleTagged