ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 20 สูเราะฮฺ ฏอ ฮา  (อ่าน 4989 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ ฏอ ฮา (  طه - ชื่อหนึ่งของท่านนะบียฺมุหัมมัด)

เป็นบัญญัติ มักกียะฮฺ มี 135 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ ฏอฮา

   ซูเราะฮฺฏอฮา เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ที่มีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกับซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ โดยเน้นหนักถึงหลักการอัตเตาฮีด การให้เอกภาพ การแต่งตั้งนะบี การฟื้นคืนชีพ การชุมนุมในวันกิยามะฮฺเพื่อรับการตอบแทน
   ในซูเราะฮฺนี้บุคลิกภาพของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจะปรากฏขึ้นอย่างขยันขันแข็งและการมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะไม่เป็นการกระทบกระเทือนต่อสิ่งที่ท่านจะเผชิญอย่างมากหลาย เป็นต้นว่า การวางแผนต่อต้าน การดื้อรั้น การเยาะเย้ย การปฏิเสธไม่รับฟัง และเพื่อเป็นการชี้แนะให้ท่านระลึกถึงหน้าที่หลักของท่าน คือ การเผยแพร่เชิญชวน การตักเตือน การแจ้งข่าวดี การเตือนสำทับ และมิใช่หน้าที่ของท่านที่จะบังคับผู้อื่นให้มีการศรัทธา
   ซูเราะฮฺนี้ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของบรรดานะบี เพื่อเป็นการปลอบใจท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยกล่าวอย่างละเอียดถึงเรื่องของท่านนะบีมูซาและฮารูน ที่เกิดขึ้นกับฟิรฺเอาน์(ฟๆโรห์) ผู้หยิ่งยโส ผู้โอหัง ส่วนใหญ่ของซูเราะฮฺกล่าวถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุการณ์เสวนาระหว่างมูซากับพระเจ้าของเขา เหตุการณ์ใช้มูซาให้เผยแพร่สาสน์ เหตุการณ์โต้แย้งระหว่างมูซากับฟิรเอานฺ เหตุการณ์การท้ายการต่อสู้ระหว่างมูซากับนักเล่นกล ระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดแจ้งถึงความคุ้มครองของอัลลอฮฺตะอาลา ที่มีต่อมูซา นะบีของพระองค์และผู้ที่พระองค์ทรงสนทนากับเขา ตลอดจนการที่พระองค์ทรงสังหารทำลายเหล่าศัตรูของพระองค์ที่ดื้อรั้นและเป็นอาชญากร
   ซูเราะฮฺได้เล่าเรื่องของนะบีอาดัม อะลัยฮิสสลามโดยย่อ คือกล่าวถึงความเมตตาของอัลลอฮฺตะอาลา ที่มีต่ออาดัมภายหลังการสารภาพผิด และชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้แก่ลูกหลานของเขาด้วยการแต่งตั้งบรรดาร่อซูลเพื่อมาแจ้งข่าวดีและกล่าวเตือนประชาชาติของเขา แล้วปล่อยให้เขาเลือกทางเดิน ซึ่งมีทั้งดีและชั่ว
   ในซูเราะฮฺได้เผยให้เห็นถึงปรากฏการณ์ในวันกิยามะฮฺ ด้วยสำนวนที่ทำให้จักรวาลสั่นสะเทือน และทำให้จิตใจสั่นสะท้านและขวัญกระเจิง ซูเราะฮฺได้เผยให้เห็นถึงสภาพของวันฟื้นคืนชีพที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งการชำระบาปบุญคุณโทษจะมีขึ้นด้วยความเป็นธรรม บรรดาผู้จงรักภักดีจะเดินเข้าสู่สวนสวรรค์ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะถูกนำไปสู่นรกญะฮันนัม ทั้งนี้เป็นการยืนยันถึงคำมั่นสัญญาของอัลลอฮฺตะอาลา ที่จะตอบแทนรางวัลให้แก่บรรดามุอ์มิน และลงโทษแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
   ซูเราะฮฺจบลงด้วยการชี้แนะจากพระผู้เป็นเจ้าแก่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้มีการอดทนต่อการทำร้ายของพวกมุชริกีน ทั้งนี้เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์ในทางของอัลลอฮฺ จนกว่าความช่วยเหลือของพระองค์จะมาถึง
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ฏอฮา เป็นชื่อหนึ่งของท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งนี้เพื่อเป็นการประสานจิตใจและเอาใจท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เนื่องเพราะท่านได้รับการต่อต้านและการทำร้ายจากพวกมุชริกีน ดังนั้นซูเราะฮฺจึงเริ่มต้นด้วยความเมตตาจากพระองค์ โดยเรียกชื่อของท่านว่า ฏอฮา เรามิได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เจ้าเพื่อให้เจ้าลำบาก



----------------------------------------------------


เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 1 - 8


คำแปล R1.
1. Ta-Ha.
2. We have not sent down the Qur'an unto you (O Muhammad) to cause you distress,
3. But only as a reminder to those who fear (Allah).
4. A Revelation from Him (Allah) who has created the earth and high heavens.
5. The Most Beneficent (Allah) Istawa (rose over) the (mighty) Throne (in a manner that suits his Majesty).
6. To Him belong all that is in the heavens and all that is on the earth, and all that is between them, and all that is under the soil.
7. And if you (O Muhammad) speak (the invocation) aloud, then verily, He knows the secret and that which is yet more hidden.
8. Allah! La ilahla illa Huwa (none has the right to be worshipped but He)! To Him belong the best Names.


คำแปล R2.
1. ฏอฮา
2. เรามิได้ลงอัลกุรอานมาแก่เจ้าเพื่อเจ้าต้องคับแค้นใจ
3. นอกจากเพื่อเป็นข้อสังวรแก่ผู้มีความเกรงกลัว
4. เป็นสิ่งที่ถูกประทานลงมาจากองค์ผู้ทรงบันดาลแผ่นดินและฟากฟ้าที่สูง
5. องค์พระผู้ทรงเมตตา ทรงอำนาจปกครองเหนือบัลลังก์
6. สรรพสิ่งในฟากฟ้า สรรพสิ่งในพื้นดินย่อมเป็นสิทธิของพระองค์ทั้งสิ้น
7. และถึงเจ้าจะกล่าวถ้อยคำด้วยเสียงอันดัง(ในการวอนขอ แต่ที่จริงแล้ว(เจ้าไม่ต้องใช้เสียงดังก็ได้เพราะ)พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งลี้ลับและที่ซ่อนเร้น(อยู่ในจิตใจ)
8. อัลเลาะฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงมีพระนามอันไพจิตรอยู่มากมาย


คำแปล R3.
1. ฏอ ฮา
2. เรามิได้ประทานกุรอานนี้ลงมาแก่เจ้าเพื่อทำให้เจ้าท้อแท้
3. นอกจากเป็นคำตักเตือนสำหรับทุกคนที่เกรงกลัว (อัลลอฮฺ)
4. นี่เป็นสิ่งที่ถูกประทานมาจากผู้ทรงสร้างโลกและชั้นฟ้าอันสูงส่งทั้งหลาย
5. พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงประทับอยู่บนบัลลังก์แห่งอาณาจักร(ของจักรวาล)
6. พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระหว่างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นและภายใต้ผืนดิน
7. ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวคำวิงวอนด้วยเสียงดังหรือไม่ก็ตาม (มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน) เพราะพระองค์ทรงรู้ ไม่เพียงแต่ที่ถูกกล่าวอย่างแผ่วเบาเท่านั้น แต่ยังรู้ถึงสิ่งที่ถูกเก็บไว้เป็นความลับที่สุดอีกด้วย
8. พระองค์คืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ สำหรับพระองค์คือพระนามอันประเสริฐทั้งหลาย


คำแปล R4.
1. ฏอฮา
2. เรามิได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้าลำบาก
3. เว้นแต่เป็นการตักเตือนแก่ผู้ที่ยำเกรง
4. เป็นการประทานลงจากพระผู้สร้างแผ่นดินและชั้นฟ้าทั้งหลายอันสูงส่ง
5. ผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์
6. กรรมสิทธิ์ของพระองค์นั้นคือ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง และสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดิน
7. และหากว่าเจ้ากล่าวเสียงดัง เพราะแท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ และสิ่งซ่อนเร้น
8. อัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์สำหรับพระองค์นั้นทรงพระนามอันสวยงาม


คำแปล R5.
๑. ตอฮา อัลเลาะห์พระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งถึงความหมายแห่งคำของพระองค์ในโองการนี้
๒. โอ้ มุฮำมัด เรา(อัลเลาะห์) มิได้ดลพระคัมภีร์อัล-กุรอานลงมายังเจ้าเพื่อเจ้าต้องลำบาก เพราะต้องอยู่กับการดำรงละหมาดยามค่ำคืนเป็นเวลานาน ๆ ตามที่เจ้าได้กระทำอยู่แล้วดอก ให้เจ้าปฏิบัติไปตามสะดวกเถิด
๓. แต่ที่เรา(อัลเลาะห์)ได้ดลพระคัมภีร์อัล-กุรอานลงมานั้น เพียงจะใช้พระคัมภีร์ดังกล่าวเป็นข้อเตือนสำหรับผู้ยำเกรงอัลเลาะห์เท่านั้น
๔. อัล-กุรอานเป็นคัมภีร์ที่ดลทยอยลงมาจาก อัลเลาะห์องค์ผู้ทรงสร้างแผ่นดินและชั้นฟ้าเบื้องสูง
๕. พระผู้ทรงสร้างนั้นแหละคือองค์ทรงยิ่งด้วยความปรานีซึ่งปกครองอัล-อัรช์(ฟ้าชั้นที่เก้าในทางบริหารกิจทั้งปวงและเผด็จการโดยเด็ดขาด
๖. สิ่งทั้งปวงอันมีอยู่ในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดสิ่งทั้งปวงมีอยู่ ณ แผ่นดิน สิ่งทั้งปวงอันมีอยู่ระหว่างทั้งสองนั้นและสิ่งทั้งปวงอันอยู่ใต้แผ่นดินทั้งเจ็ดชั้นย่อมเป็นสิทธิโดยเฉพาะของพระองค์เท่านั้น
๗. และโอ้มุฮำมัด ถึงเจ้าจะกล่าวถ้อยคำให้ดัง จะเป็นคำกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะห์ เช่นว่า ลาอิลาหะอิลลัลเลาะห์ เป็นต้น ก็ตาม หรือกล่าวคำขอใด ๆ ก็ตาม พระองค์ก็หาทรงได้ประสงค์ความดังเช่นนั้นไม่ ทั้งนี้เพราะว่าพระองค์นั้นทรงรู้ทั้งที่แผ่วเบาและที่เงียบงำอยู่ในใจของเจ้าอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าอย่าได้ก่อความลำบากแก่ตัวเจ้าเองเลย
๘. อัลเลาะห์นั้น หามีพระเจ้าอื่นใด ณ ภาคภพนี้ ควรแก่การเคารพสักการะไม่นอกจากพระองค์ สำหรับพระองค์ทรงมีบรรดาพระนามอันไพจิตรถึงเก้าสิบเก้าพระนามด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 9 - 16


คำแปล R1.
9. And has there come to you the story of Musa (Moses)?
10. When he saw a fire, he said to his family: "Wait! Verily, I have seen a Fire; Perhaps I can bring you some burning brand there from, or find some guidance at the fire."
11. And when he came to it (the fire), he was called by name: "O Musa (Moses)!
12. "Verily! I am your Lord! So take off your shoes, you are in the sacred valley, Tuwa.
13. "And I have chosen you. So listen to that which is inspired to you.
14. "Verily! I am Allah! La ilaha illa Ana (none has the right to be worshipped but I), so worship Me, and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat) for My Remembrance.
15. "Verily, the Hour is coming and My will is to keep it hidden that every person may be rewarded for that which he strives.
16. "Therefore, let not the one who believes not therein (i.e. in the Day of Resurrection, reckoning, Paradise and Hell, etc.), but follows his own lusts, divert you there from, lest you perish.


คำแปล R2.
8. อัลเลาะฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงมีพระนามอันไพจิตรอยู่มากมาย
9. และเจ้ารู้เรื่องราวของมูซาบ้างไหม
10. เมื่อเขามองเห็น(แสง)ไฟ(ระหว่างเดินทางออกจากเมืองมัดยัน)เขาก็กล่าวกับครอบครัว(คือภริยาและคนรับใช้)ของเขาว่า “พวกเจ้าจงพักรอ(อยู่ตรงนี้ก่อน)เพราะแท้จริงฉันได้แลเห็น(แสง)ไฟ บางทีฉันอาจนำดุ้นไฟจากที่นั่นมาให้พวกเจ้า หรือฉันอาจได้พบสิ่งชี้นำทางที่ไหนั้น
11. ครั้นแล้วเมื่อเขาได้มาถึงมัน(บริเวณที่มีไฟ)ก็มีเสียงเรียกว่า “โอ้มูซา”
12. แท้จริงข้าคือผู้อภิบาลเจ้า ดังนั้นเจ้าจงถอดรองเท้าทั้งสองของเจ้าออกเถิด เพราะขณะนี้เจ้ากำลังอยู่ ณ หุบเขาฏุวาอันบริสุทธิ์
13. และข้าได้คัดเลือกเจ้า(ให้เป็นศาสดา) ดังนั้นเจ้าจงรับฟังสิ่งที่จะถูกดล(แก่เจ้า)เถิด
14. แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเว้นแต่ข้าเท่านั้น ดังนั้นจงนมัสการข้าเถิด และเจ้าจงทำละหมาดเพื่อการระลึกถึงข้า
15. แท้จริงกาลอวสานของโลกนั้นต้องอุบัติขึ้นแน่ ข้าเกือบจะซ่อนเร้น(สัญญาณของ)มัน(มิให้ผู้ใดรู้เลย) เพื่อทุก ๆ ชีวิตจะถูกตอบสนองไปตามที่เขาพากเพียรไว้
16. ดังนั้นจงอย่าให้ผู้ไม่ศรัทธากับมันและตามอารมณ์ของตนเองมาทำให้เจ้าผันแปรออกจาก(ความเชื่อถือใน)มัน อันจะทำให้เจ้าประสบความหายนะ


คำแปล R3.
9. และเจ้าไม่รู้เรื่องของมูซากระนั้นหรือ
10. เมื่อเขาเห็นไฟ เขาได้บอกครอบครัวของเขาว่า “คอยเดี๋ยว ฉันเห็นไฟ บางทีฉันอาจจะนำเอาดุ้นไฟมาให้พวกเจ้า หรือพบทางที่ไฟนั้น
11. เมื่อเขาไปถึงที่นั่นก็ได้มีเสียงกล่าวอกมาว่า “โอ้มูซา”
12. แท้จริงฉันเป็นพระผู้อภิบาลของเจ้า จงถอดรองเท้าของเจ้าเสีย เพราะเจ้าอยู่ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งฏุวา
13. และเราได้เลือกเจ้าแล้ว ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ได้ถูกวะฮีย์แก่เจ้า
14. แท้จริง ฉันต่างหากคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากฉัน ดังนั้นจงเคารพภักดีฉัน และจงดำรงนมาซเพื่อระลึกถึงฉัน
15. เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่มันเป็นความประสงค์ของฉันที่จะเก็บเวลาที่จะมาถึงนั้นไว้เป็นความลับ เพื่อที่ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนตามที่พากเพียร
16. ดังนั้นจงอย่าปล่อยให้ผู้ใดที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้และตกเป็นทาสอารมณ์ต่ำของพวกเขา หันเหความคิดของเจ้าออกไป มิเช่นนั้น เจ้าจะได้รับความหายนะ


คำแปล R4.
9. และเรื่องราวของมูซาได้มีมาถึงเจ้าบ้างไหม
10. เมื่อเขาเห็นไฟ เขาจึงกลัวแก่ครอบครัวของเขาว่า พวกท่านจงหยุดอยู่ที่นี่ เพราะฉันเห็นไฟ บางทีฉันจะนำคบเพลิงจากที่นั่นมาให้พวกท่าน หรือฉันอาจจะพบผู้นำทางที่กองไฟนั้น
11. ครั้นเมื่อเขามาถึงกองไฟนั้น มีเสียงเรียกขึ้นว่า โอ้ มูซาเอ๋ย
12. แท้จริงข้าคือพระเจ้าของเจ้า จงถอดรองเท้าทั้งสองข้างของเจ้าออก แท้จริงเจ้ากำลังอยู่ ณ หุบเขาอันศักดิ์สิทธิ์ (มีชื่อว่า ) ฏุวา
13. และข้าได้เลือกเจ้า ฉะนั้น จงตั้งใจฟังสิ่งที่ถูกวะฮี
14. แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า
15. แท้จริงวันอวสานของโลกนั้นกำลังมาถึงข้าปกปิดมันไว้เพื่อทุกชีวิตจะถูกตอบแทนตามี่มันได้แสวงหาไว้
16. ดังนั้น ผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อมันจะต้องไม่ทำให้เจ้าเหินห่างจากมัน และปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของเขา แล้วเจ้าจะพินาศ


คำแปล R5.
๙. โอ้ มุฮำมัด และเรื่องราวของมูซาได้มีมายังเจ้าแล้ว เจ้าจงระลึกถึงเถิดในตอนหนึ่ง
๑๐. ขณะที่เขา(มูซา) ได้แลเห็นแสงของกองไฟอยู่ แต่จะขอเท้าความในเบื้องต้นก่อนว่า มูซาเป็นบุตรเขยของนบีซุไอบ์ ครั้งหนึ่งมูซาได้ขออนุญาตพ่อตาของตนเพื่อจะออกเดินทางจากเมืองมัดยันพร้อมด้วยครอบครัว อันมีนางซอฟูรออ์ผู้ภรรยากับคนรับใช้ไปเยี่ยมมารดากับพี่ชายชื่อฮารูนที่ประเทศอียิปต์ ทั้งสามได้เริ่มออกเดินทางไป แต่หาได้ไปตามเส้นทางปกติไม่ ทั้งนี้เพราะกลัวภัยจากเจ้าเมืองซาม(ซีเรีย) แต่ทั้งสามได้เดินทางซัดเซไปอย่างสุ่มไม่รู้แห่งหนใด กระทั่งได้หลงเข้าไปถึงช่องเขา มีแหล่งน้ำ ชื่อว่าแอ่งน้ำตูวา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาตูร นางก็บังเอิญคลอดบุตร ณ ที่นั้น ในคืนวันศุกร์ซึ่งมีอากาศหนาวจัดจนหิมะตก ทั้งเป็นคืนที่มืดมิดด้วย ส่วนฝูงแพะ แกะ ที่นำไปด้วยก็ได้แตกฝูงเพราะความมืด ทั้งน้ำท่าก็หมด มูซาได้เก็บเอาไม้มาถูกันจะให้เกิดไฟ เพราะอากาศหนาวจัด ระหว่างอยู่ในสภาพเช่นนั้น มูซาจึงบังเอิญเหลือบไปเห็นแสงไฟอยู่ทางด้านภูเขาซึ่งตั้งอยู่ ณ เบื้องซ้ายของเส้นทางเดิมไป แล้วเขา(มูซา) ได้บอกแก่นางซอฟูรออ์ผู้ภรรยาของเขาว่า เธอจงหยุดพักอยู่ตรงนี้ก่อนเถิด ฉันได้แลเห็นไฟชัดแจ้งอยู่โน่นแล้ว ฉันคงได้ดวงไฟจากที่นั้นมาให้เธอหรือฉันอาจพบผู้แนะนำสักคนหนึ่งอยู่ตรงไฟนั้น ช่วยชี้เส้นทางให้ก็ได้
๑๑.  เมื่อเขา(มูซา) ได้ไปถึงที่ที่มีไฟอยู่นั้นได้แลเห็นต้นไม่สดชื่อเอาซัจซึ่งลุกเป็นไฟแสงขาวอยู่รอบต้นตั้งแต่โคนจนถึงยอด ไฟนี้มีรัสมีสว่างไสวแต่ไม่ไหม้สิ่งใด ผิดกับธรรมดาไฟในภพนี้ มีแสงสว่างแต่ไหม้สิ่งอื่น ๆ ได้ ผิดกับไฟสถิตซึ่งอยู่ในไม้ซึ่งไม่มีแสงสว่างและไม่ไหม้ และผิดกับไฟนรกยะฮันนำ ไม่มีแสงสว่างแต่ไหม้สิ่งอื่นได้ มูซาได้ทิ้งนางผู้ภรรยากับบุตรและคนรับใช้ให้คอยอยู่ ณ ที่ราบตูวาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งกระทาชายคณะหนึ่งเป็นชาวมัดยัน เลี้ยงแกะอยู่ผ่านมาพบเห็นเข้าก็รู้จักพวกเขา จึงนำคนทั้งสามไปส่งให้นบีซุไอบ์ กระทาชายเหล่านั้นพักอยู่กับนบีซุไอบ์เป็นเวลานาน ครั้นเมื่อมูซาได้นำพาพวกบนีอิสรออีลฝ่าข้ามทะเลพ้นไปได้ แต่ฟิรเอาน์กับสมรรคพักพวกจมน้ำตายแล้ว จึงมีข่าวรู้มาถึงกระทาชายเหล่านั้น ดังนั้นนบีซุไอบ์จึงส่งกระทาชายเหล่านั้นไปยังมูซาที่ประเทศอียิปต์ด้วย ครั้นแล้วเขา(มูซา) จึงถูก อัลเลาะห์เรียกเป็นพจมานครั้งแรกรัหว่างมูซากับอัลเลาะห์ว่า โอ้มูซา
๑๒. แน่แท้ข้า(อัลเลาะห์) นี้คือองค์พระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้าจงถอดรองเท้าทั้งสองข้างของเจ้าเพื่อแสดงความเคารพสถานที่ มูซาจึงถอดรองเท้าออกทั้งสองข้าง แล้วโยนทิ้งไปพ้นจากที่ราบระหว่างหุบเขา เพราะแท้จริงเจ้านั้นอยู ณ ที่ราบตูวาอันสะอาดแล้ว
๑๓. และข้า(อัลเลาะห์) ได้เฟ้นตัวเจ้าขึ้นจากพรรคพวกของเจ้าเป็นศาสดา(รอซูล)แล้ว ในตอนที่ข้าเรียกเจ้า ณ ที่ราบตูวานั้นแหละ ขณะนั้นมูซามีอายุได้สี่สิบปี ฉะนั้นเจ้าจงฟังเรื่องต่าง ๆ ของศาสนาที่ถูกดลมาเป็นกระแสโองการจากเราสู่เจ้าเถิดดังความต่อไป
๑๔. ที่เกี่ยวข้องหลักยึดมั่นทางปัญญาอันได้แก่วิชาอุซูลุดดีนว่า แน่นอนข้า(อัลเลาะห์) นี้แหละคืออัลเลาะห์ย่อมไม่มีพระเจ้าอื่นใดในภาคภพนี้ควรแก่การได้รับเคารพสักการะเลยนอกจากข้า(อัลเลาะห์) เท่านั้น ส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยหลักยึดมั่นทางวิชาฟิกห์ว่า ฉะนั้นเจ้าจงเคารพสักการะต่อข้าและเจ้าจงดำรงละหมาดเพื่อระลึกถึงข้าในขณะปฏิบัติละหมาดอยู่นั้น
๑๕. และที่เกี่ยวข้องด้วยอัลเลาะห์ตรัสถามมูซาเพื่อให้รับคำทั้งที่ทรงรู้ดีอยู่แล้วว่า วาระแห่งวันกิยามะฮฺนั้นย่อมมีขึ้นแน่ ซึ่งข้า (อัลเลาะห์) เกือบจะปกปิด สัญญาณต่าง ๆ ที่บอกเวลาแห่งการมาถึงช่วงนั้น (กิยามะห์)มิให้มนุษย์รู้อยู่แล้ว เพื่อทุกชีวิตจะได้รับตอบสนองผลแห่งกรรมดีและกรรมชั่วตามที่ตนได้อุตสาหะกระทำไว้ ณ ภาคภพดุนยา
๑๖. อย่าให้ผู้ซึ่งมิได้มีศรัทธาในข้อนี้(วันกิยามะห์)  ทั้งยังเจริญตามกิเลสแห่งตนอีกด้วยมาผลักดันเจ้า(มูซา) ให้เหหันจากการระลึกถึงวาระแห่งวันกิยามะห์นั้นเลย มิฉะนั้นแล้วเกรงว่าเจ้าจะเกิดหายนะ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 17 - 23


คำแปล R1.
17. "And what is that in your right hand, O Musa (Moses)?"
18. He said: "This is my stick, whereon I lean, and wherewith I beat down branches for my sheep, and wherein I find other uses."
19. (Allah) said: "Cast it down, O Musa (Moses)!"
20. He cast it down, and behold! It was a snake, moving quickly.
21. Allah said:"Grasp it, and fear not, we shall return it to its former state,
22. "And press your (right) hand to your (left) side, it will come forth white (and shining), without any disease as another sign,
23. "That we may show you (some) of our greater signs.


คำแปล R2.
17. “และอะไรเล่าที่มือขวาของเจ้านั้น โอ้มูซา”
18. เขาทูลตอบว่า “มันคือไม้เท้าของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าค้ำบนมัน และข้าพเจ้าใช้มันฟาด(กิ่งไม้เพื่อให้ใบไม้ร่วงลงมา)บนฝูงแกะของข้าพเจ้า(ได้กิน) และในมันยังมีประโยชน์อื่น ๆ สำหรับข้าพเจ้าอีกมากมาย
19. พระองค์ทรงตรัสว่า “เจ้าจงโยนมันเถิด โอ้มูซา”
20. จากนั้นเขาก็โยนมันลงไป พลันมันก็แปรสภาพเป็นงูที่เคลื่อนไหว(เลื้อยได้อย่างรวดเร็ว)
21. พระองค์ทรงตรัสต่อไปว่า “เจ้าจงหยิบมันขึ้นมาและเจ้าอย่ากลัว เราจะดลบันดาลให้มันแปลงกลับมาสู่สภาพเดิมของมัน
22. และเจ้าจงสอดมือของเจ้าเข้าไปในสีข้างของเจ้า (ใต้แขนข้างซ้าย) แล้วมันจะออกมาในสภาพขาวผ่องปราศจากสิ่งเลวร้าย(เช่น โรคผิวหนัง ด่าง ฝ้า)อยู่เลย เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่ง
23. เพื่อเราจักทำให้เจ้ามองเห็นบางสัญลักษณ์ใหญ่ ๆ (ที่สำคัญ)ของเรา(ที่จะมอบแก่เจ้าให้แสดงออกเป็นปาฏิหาริย์)


คำแปล R3.
17. “และโอ้มูซา นั่นอะไรในมือขวาของเจ้า?”
18. มูซาได้ตอบว่า “มันคือไม้เท้าของฉัน ฉันได้ใช้มันค้ำยันกายและใช้มันตีใบไม้เพื่อฝูงสัตว์ของฉัน และฉันยังใช้มันทำประโยชน์อย่างอื่นอีก”
19. พระองค์จึงได้ทรงกล่าวว่า “จงโยนมันลงไป มูซา”
20. ดังนั้น เขาจึงได้โยนมันลงไปและทันใดนั้นมันก็กลายเป็นงูที่เลื้อยไปมา
21. พระองค์ทรงกล่าวว่า “จงจับมันไว้ และไม่ต้องกลัว เพราะเราจะทำให้มันกลับมาสู่สภาพเดิม
22. ทีนี้จงเอามือของเจ้าล้วงเข้าไปใต้รักแร้ มันจะออกมาอย่างขาวสว่างโดยที่ไม่เจ็บป่วยอันใด(แก่เจ้า)เป็นอีกสัญญาณหนึ่ง
23. เพื่อทำให้เจ้าได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของเรา


คำแปล R4.
17. และอะไรที่อยู่ในมือขวาขอเจ้าเล่า โอ้มูซา เอ๋ย
18. เขากล่าวว่า มันคือไม้เท้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ใช้มันสำหรับยัน และข้าพระองค์ใช้มันตีบนพุ่มไม้เพื่อเป็นอาหารสำหรับแกะของข้าพระองค์ และข้าพระองค์ใช้มันในประโยชน์อื่น ๆ อีก
19. พระองค์ตรัสว่า จงโยนมันไปซิ โอ้มูซาเอ๋ย
20. เขาจึงโยนมันลงไป แล้วมันก็ได้กลายเป็นงูเลื้อย
21. พระองค์ตรัสว่าจงจับมันขึ้นมาและอย่ากลัว เราจะให้มันกลับมาเป็นไม้เท้าตามสภาพก่อนของมัน
22. และจงเอามือของเข้าซุกเข้าไปใต้รักแร้แล้วเอามันออกมามันจะมีสภาพขาวประกาย ปราศจากอันตรายใด ๆ มันเป็นอีกสัญญาณหนึ่ง
23. เพื่อเราจะให้เข้าได้เห็นบางส่วนจากสัญญาณทั้งหลายอันยิ่งใหญ่ของเรา


คำแปล R5.
๑๗. เรื่องของความลี้ลับเช่นวันอาคิเราะฮฺ นรกและสวรรค์ เป็นต้นว่า และที่มือขวาของเจ้านั้นคืออะไร โอ้มูซา
๑๘. เขา(มูซา) ตอบว่า มันคือไม้เท้าของฉันสำหรับฉันจะใช้มันค้ำยันขณะจะเดินหรือวิ่ง และฉันจะใช้มันฟาดใบไม้ร่วงลงมาสำหรับแพะของฉันกิน ทั้งที่มัน(ไม้เท้า) ยังมีประโยชน์อย่างอื่นสำหรับฉันอีกด้วย เช่นมีไว้เพื่อหาบเสบียง หิ้วกระติกน้ำและนมตลอดถึงใช้มันไล่ฝูงแกะก็ได้
๑๙. พระองค์(อัลเลาะห์) ตรัสแก่มูซาว่า โอ้มูซา
๒๐. เจ้าจงโยนมันลงไปบนพื้นดินซิ เขา(มูซา)จึงโยนลงที่พื้นดิน บัดดลนั้นเองมัน(ไม้เท้า)ก็กลับกลายสภาพเป็นพญางูเลื้อยได้เร็วอย่างงูตัวเล็ก ๆ ทั้งหลาย
๒๑. พระองค์ตรัสแก่มูซาว่า เจ้าจงจับเอามัน(งู) มาซิ อย่าได้กลัวมันเลย เรา(อัลเลาะห์) จะแปลงมันคืนเป็นสภาพเดิมของมัน ในตอนนั้นมูซาสวมเสื้อคลุมขนสัตว์อยู่ครั้นเมื่อพระองค์ทรงสั่งมูซาให้จับเอางูขึ้น มูซาจึงเริ่มขมวดแขนเสื่อคลุมมือไว้ แต่พระองค์ทรงกำชับมูซาให้ถลกแขนเสื้อขึ้นเหลือแต่มือเปล่าและตรัสเป็นนัยให้มูซาตอบคำถามว่า เจ้าเห็นหรือไม่ว่า ถ้าอัลเลาะห์ทรงเห็นอำนาจฤทธิ์แก่งูนั้นแล้ว เสื้อที่เจ้าขมวดคลุมไว้นั้นจะคุ้มตัวเจ้าได้ไหม มูซาตอบว่ามิได้ แต่เหตุที่ข้าพระองค์ขมวดแขนเสื้อคลุมไว้ด้วยนั้นก็เพราะว่าข้าพระองค์ใจไม่ไกล้า ครั้นแล้วมูซาก็ถลกแขนเสื้อขึ้นตามคำสั่งของพระองค์ และยื่นมือเปล่าเข้าไประหว่างง่ามปากของมันและรวบขากรรไกรไว้ ในทันใดงูนั้นจึงกลายสภาพเป็นไม้เท้ามีสองง่าม แต่ขณะที่มูซายื่นมือเข้าไปจะจับนั้น มูซาแลเห็นส่วนที่ปากงูเป็นง่ามไม้เท้า ทั้งนี้เนื่องจากอัลเลาะห์ทรงมิทรงต้องการจะให้มูซาสะดุ้งกลัว และในขณะเดียวกันสำหรับฟิรเอาน์ก็ยังคงแลเห็นเป็นงูอยู่อย่างเดิม
๒๒. และเจ้าจงกำมือข้างขวาของเจ้าสอดไปด้านข้างตรงใต้รักแร้ของเจ้า มือของเจ้าซึ่งแต่เดิมเป็นสีดำแดงนั้น มันจะแสดงสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งออกเป็นสีขาวผ่องดูไม่น่าเกลียดมีแสงวาวดังแสงกล้าจากดวงอาทิตย์ที่สายตาทนมองไม่ได้
๒๓. เท่าที่เรา(อัลเลาะห์)ได้ใช้เจ้าให้กระทำการตามที่กล่าวนั้น เพื่อเราจะให้เจ้าได้แลเห็นบางส่วนแห่งบรรดาสัญลักษณ์ของเราที่สำคัญเก้าประการ แสดงถึงการได้รับและแต่งตั้งเป็นศาสนทูตของเจ้า อันจะยังผลให้ฟิรเอาน์และสมัครพรรคพวกสิ้นฤทธิ์ ไม่กล้าแสดงแข่งขันด้วย และเมื่อมูซาประสงค์จะให้มีผิวที่มือของตนกลับเป็นสีดำแดงตามเดิม มูซาก็จะกำมือนั้นสอดเข้าที่ด้านข้างใต้รักแร้ดังกล่าวแล้วชักออกมา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 24 - 35


คำแปล R1.
24. "Go to Fir'aun (Pharaoh)! Verily, he has transgressed (all bounds In disbelief and disobedience, and has behaved as an arrogant, and as a tyrant)."
25. [Musa (Moses)] said: "O My Lord! Open for me my chest (grant me self-confidence, contentment, and boldness).
26. "And ease my task for me;
27. "And make loose the knot (the defect) from my tongue, (i.e. remove the incorrectness from my speech) [That occurred as a result of a brand of fire which Musa (Moses) put in his mouth when he was an infant]. [Tafsir At-Tabari, Vol. 16, Page 159].
28. "That they understand my speech,
29. "And appoint for me a helper from my family,
30. "Harun (Aaron), my brother;
31. "Increase my strength with him,
32. "And let him share my task (of conveying Allah's message and Prophet hood),
33. "That we may glorify you much,
34. "And remember you much,
35. "Verily! You are of us ever a Well-Seer."


คำแปล R2.
24. เจ้าจงไปยังฟิรเอาน์เถิด เพราะเขาเป็นผู้ละเมิด
25. เขากล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาล โปรดเปิดจิตใจของข้าพเจ้าให้ปลอดโปร่งแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”
26. “โปรดอำนวยผลการงานของข้าพเจ้าแก่ข้าพเจ้า”
27. “และโปรดเปลื้องปุ่มจากลิ้นของข้าพเจ้า(ที่ทำให้ข้าพเจ้าพูดไม่ชัดเจน เพื่อให้ข้าพเจ้าพูดได้ชัดเจนขึ้น)”
28. “พวกเขาจะได้เข้าใจคำพูดของข้าพเจ้า(ในการประกาศสัจธรรม)”
29. “โปรดแต่งตั้งบางคนจากครอบครัวของข้าพเจ้า เป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า(ในการประกาศ)”
30. “เขาคือฮารูนผู้เป็นพี่ชายของข้าพเจ้า”
31. “โปรดให้เขามาเสริมกำลังของข้าพเจ้าให้เข้มแข็งขึ้น”
32. “และโปรดให้เขาได้ร่วมในการงานของข้าพเจ้าด้วย”
33. “เพื่อข้าพเจ้าจะได้ถวานสดุดีความบริสุทธิ์แด่พระองค์ได้มากยิ่ง”
34. “และเพื่อเราจะได้รำลึกถึงพระองค์ให้มาก”
35. “เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นพวกเราเสมอ”


คำแปล R3.
24. ดังนั้นจงไปหาฟิรเอาน์ เพราะเขาเป็นผู้ละเมิด
25. มูซาจึงกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดทรงเปิดหัวใจของฉัน
26. และทำให้งานของฉันง่ายดายสำหรับฉัน
27. และขจัดการติดขัดทั้งหลายออกไปจากลิ้นของฉัน
28. เพื่อที่ผู้คนจะได้เข้าใจคำพูดของฉัน
29. และโปรดทรงแต่งตั้งคนในครอบครัวของฉันเป็นผู้ช่วยฉันคนหนึ่ง
30. นั่นคือฮารูน พี่ชายของฉัน
31. เพื่อทำให้ฉันมีความเข้มแข็งขึ้น
32. และโปรดทรงทำให้เขามีส่วนช่วยในงานของฉัน
33. เพื่อที่เราจะได้แซ่ซ้องพระองค์ได้อย่างมากมาย
34. และเราจะได้ระลึกถึงพระองค์เสมอ
35. แท้จริงพระองค์ทรงเฝ้าดูเราอยู่เสมอ”


คำแปล R4.
24. จงไปหาฟิรเอาน์ เพราะเขาได้ละเมิดฝ่าฝืน
25. เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดเปิดอกของข้าพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด
26. และทรงโปรดทำให้การงานของข้าพระองค์ง่ายดายแก่ข้าพระองค์ด้วย
27. และทรงโปรดแก้ปม จากลิ้นของข้าพระองค์ด้วย
28. เพื่อให้พวกเขาเข้าใจคำพูดของข้าพระองค์
29. และทรงโปรดให้คนในครอบครัวของข้าพระองค์ เป็นผู้ช่วยแก่ข้าพระองค์ด้วย
30. ฮารูนพี่ชายของข้าพระองค์
31. ได้โปรดให้เขาเพิ่มความเข้มแข็งแก่ข้าพระองค์ด้วย
32. และให้เขามีส่วนร่วมในกิจการของข้าพระองค์ด้วย
33. เพื่อเราจักได้ถวายการแซ่ซ้องสดุดีต่อพระองค์ท่านอย่างมากมาย
34. และเราจักได้รำลึกถึงพระองค์ท่านอย่างมากมาย
35. แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเห็นเรา


คำแปล R5.
๒๔. เจ้าจงไปยังฟิรเอาน์กับพวกของมันในฐานะผู้เป็นศาสนทูตพร้อมด้วยนำเอาสัญลักษณ์สองอย่างนี้ไปด้วยเถิด ด้วยว่ามัน(ฟิรเอาน์) นั้นทระนงยิ่งนัก ซึ่งนอกจากไร้ศรัทธาแล้วยังอ้างตนเป็นพระเจ้าด้วย
๒๕. เขา(มูซา) กล่าวถ้อยคำแสดงวิงวอนต่อพระองค์ว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดเปิดหัวอกของข้าพระองค์ให้แจ้งแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด เพื่อเทิดทูนความเป็นศาสนทูตให้เด่นขึ้น
๒๖. และขอพระองค์ได้โปรดให้ความสะดวกในกิจการแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้นำบัญญัติออกเผยแพร่ให้ทั่วถึง
๒๗. ทั้งขอพระองค์ได้โปรดเปลื้องปุ่ม ๆ หนึ่งอันเกิดแต่เมื่อครั้งที่ข้าพระองค์ยังเยาว์อยู่ ข้าพระองค์ได้หยิบก้อนถ่านไฟยัดใส่ปากจนเป็นผลทำให้ลิ้นของข้าพระองค์เกิดปุ่มจนบัดนี้ออกจากลิ้นของข้าพระองค์ด้วยเถิด
๒๘. เพื่อให้ข้าพระองค์พูดจาได้ชัดเจนแล้วพวกเหล่านั้น ทั้งฟิรเอาน์และสมัครพรรคพวกของมันจะได้เข้าใจถ้อยคำของข้าพระองค์ในขณะที่นำข้อบัญญัติของพระองค์ออกเผยแพร่
๒๙. และขอพระองค์ได้โปรดตั้งให้ผู้อยู่ในครอบครัวของข้าพระองค์เป็นผู้ช่วยในบรรดากิจการเผยแพร่บทบัญญัติไปให้ทั่วถึงสำหรับข้าพระองค์สักคนหนึ่งเถิด
๓๐. คือฮารูนผู้พี่ชายของข้าพระองค์
๓๑. อีกทั้งขอพระองค์ได้โปรดให้พลังของข้าพระองค์เข้มแข็งขึ้นเพราะมีเขา(ฮารูน)ส่งเสริมอยู่ด้วย
๓๒. และขอพระองค์ได้โปรดให้เขา(ฮารูน) มีส่วนร่วมในกิจการด้านศาสนทูตของข้าพระองค์ด้วยเถิด
๓๓. เพื่อว่าข้าพระองค์ทั้งสอง(มูซาและฮารูน) จะได้ถวายคำพิศุทธ์ด้วยถ้อยคำเช่น “ซุบฮานัลลอห์” เป็นต้นแด่พระองค์ให้มาก ๆ
๓๔. และเพื่อข้าพระองค์ทั้งสองจะได้ระลึกถึงพระองค์ให้มาก ๆ อีกด้วย
๓๕. แน่แท้ พระองค์นั้นทรงประจักษ์แจ้งโดยยิ่งต่อข้าพระองค์ทั้งสองอยู่แล้ว พระองค์จึงทรงมีกรุณาให้ข้าพระองค์ได้รับแต่งตั้งตำแหน่งศาสนทูต


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 36 - 40
 

คำแปล R1.
36. Allah said: "You are granted our request, O Musa (Moses)!
37. "And indeed we conferred a Favour on you another time (before).
38. "When we inspired your mother with that which we inspired.
39. "Saying: 'Put him (the child) into the Tabut (a box or a case or a chest) and put it into the river (Nile), then the river shall cast it up on the bank, and there, an enemy of mine and an enemy of his shall take him.' and I endued you with love from me, in order that you may be brought up under my eye,
40. "When your sister went and said: 'Shall I show you one who will nurse him?' So we restored you to your mother, that she might cool her eyes and she should not grieve. Then you did kill a man, but we saved you from great distress and tried you with a heavy trial. Then you stayed a number of years with the people of Madyan (Midian). Then you came here according to the fixed term which I ordained (for you), O Musa (Moses)!


คำแปล R2.
36. พระองค์ทรงตรัสว่า “เจ้าย่อมได้รับตามที่เจ้าขอทุกประการ โอ้มูซา”
37. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้เคยโปรดปรานแก่เจ้ามาแล้วในครั้งก่อน คือ
38. เมื่อเราได้ดลใจแก่มารดาของเจ้า(ให้รู้ใน)เรื่องที่ดลใจ(ดังต่อไปนี้)
39. เธอจงบรรจุเขา(มูซา)ลงในหีบแล้วปล่อยมันลงไปในแม่น้ำ(ไนล์)เถิด จากนั้นจงให้แม่น้ำซัดเขาเข้าหาฝั่งเพื่อ(ฟิรเอาน์)ผู้เป็นศัตรูของข้าและศัตรูของเขาจะได้เอาตัวเขาไว้ และข้าได้หลั่งความรักจากข้าแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ถูกปรนนิบัติ(จากเมียของฟิรเอาน์)บนการดูแลของข้าเอง
40. เมื่อพี่สาวของเจ้า(ชื่อมัรยัม)เดิน(ติดตามดูเจ้าและนางก็ถูกนำตัวเข้าวังของฟิรเอาน์เพื่อให้เป็นแม่นมของเจ้า แต่เจ้าปฏิเสธไม่ยอมดื่มน้ำนมจากแม่นมคนใดทั้งสิ้น) แล้วนางได้กล่าว(กับฟิรเอาน์)ว่า “ข้าพเจ้าขอนำนำท่านในเรื่องบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ชุบเลี้ยงเขา(และคาดว่าเขาคงไม่ปฏิเสธที่จะดื่มนม)” จากนั้นเราจึงนำเจ้ากลับคืนสู่มารดาของเจ้า(ให้มารดาของเจ้ามาเป็นแม่นมเอง)เพื่อนางได้ชื่นชมยินดีและเจ้าจะได้ไม่เศร้าโศก และเจ้าเคยสังหารชีวิตหนึ่ง(ในขณะเจ้าอายุ 30 ปี) แต่แล้วข้าก็ปลดปล่อยเจ้าให้พ้นไปจากความทุกข์กังวลนั้น และเราได้ทำการทดสอบเจ้าต่าง ๆ นานา ครั้นต่อมา เจ้าได้พำนักอยู่ในครอบครัวของชาวมัดยัน(คือนบีชุอัยบ์) เป็นเวลาหลายปี(ประมาณ 10 ปี) หลังจากนั้นเจ้าก็(ออก)มา(จากที่นั่น)ตามกำหนดเวลา โอ้มูซา


คำแปล R3.
36. พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า “เจ้าได้ในสิ่งที่เจ้าร้องขอ มูซา”
37. เราได้แสดงความโปรดปรานแก่เจ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว
38. จงนึيกถึงเมื่อตอนที่เราได้ดลใจแก่แม่ของเจ้าให้มีความคิดขึ้นมาด้วยการวะฮีย์ของเรา
39. ว่า “จงเอาเด็กคนนี้ใส่ลงในกล่องและเอากล่องนั้นไปวางในแม่น้ำ แม่น้ำจะไหลพาเขาไปยังตลิ่ง และศัตรูของฉันและศัตรูของเขาจะเก็บมันขึ้นมา ฉันเองได้ทำให้เจ้าเป็นที่รักใคร่และได้จัดการสิ่งต่าง ๆ จนเจ้าได้ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาภายใต้การควบคุมของฉัน
40. จงนึกถึงเมื่อตอนที่น้องสาว(หมายเหตุผู้นำเสนอ:น่าจะเป็น “พี่สาว”)ของเจ้ากำลังเดินอยู่แล้วนางได้กล่าวว่า:ให้ฉันบอกท่านถึงคนที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ดีที่สุดได้ไหม?” ดังนั้นเราจึงได้ให้เจ้ากลับไปอยู่กับแม่ของเจ้าเพื่อที่ตาของนางจะได้เย็นลงและนางจะได้ไม่เศร้าโศกเสียใจ และ(จงนึกถึง)เมื่อตอนที่เจ้าได้ฆ่าคนผู้หนึ่ง และเราได้ทำให้เจ้าหลุดพ้นจาก(ผลของ)ความชั่วนั้น และได้ทำให้เจ้าผ่านการทดสอบต่าง ๆ และเจ้าได้อยู่กับชาวมัดยันเป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้นเจ้าก็มาตรงเวลาที่กำหนดไว้พอดี มูซา


คำแปล R4.
36. พระองค์ตรัสว่า แน่นอน เราได้ให้ตามคำขอของเจ้าแล้ว โอ้ มูซาเอ๋ย
37. และโดยแน่นอน เราได้ให้ความโปรดปรานแก่เจ้ามาครั้งหนึ่งก่อนนี้แล้ว
38. โดยที่เราได้ดลใจให้มารดาของเจ้าถึงสิ่งที่ถูกดลใจ
39. โดยให้นางวางเขาลงในหีบ แล้วเอาไปปล่อยในแม่น้ำ (ไนล์) แล้วแม่น้ำก็ซัดเขาไปติดที่ชายฝั่ง (จากนั้น) ศัตรูของข้าและศัตรูของเขาก็จะเก็บเอาเขาไป และข้าก็ได้ให้ความรักจากข้าแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดู ภายใต้การดูแลของข้า
40. เมื่อพี่สาวของเจ้าเดินไป เธอได้พูด(กับพวกนั้น)ว่า ฉันจะชี้แนะผู้ที่เลี้ยงดูเขาแก่พวกท่านไหม?  แล้วเราให้เจ้ากับไปหามารดาของเจ้า เพื่อที่จะได้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของนางและไม่เศร้าโศกและเจ้าได้ฆ่าชายคนหนึ่ง แล้วเราได้ช่วยเจ้าให้พ้นจากความหนักใจ และเราได้ทดสอบเจ้าด้วยการทดสอบนานาชนิด แล้วเจ้าได้พำนักอยู่กับชาวมัดยันเป็นเวลาหลายปี ภายหลังเจ้าได้กลับมาตามกำหนด โอ้ มูซาเอ๋ย !


คำแปล R5.
๓๖. พระองค์ตรัสแก่มูซาว่า โอ้มูซาเจ้านั้นย่อมได้รับส่วนได้ของเจ้าตามที่เจ้าวอนขอต่อเรา(อัลเลาะห์)จากที่บ่งไว้ในโองการที่ ๒๕ แห่งบท(ซูเราะห์)นี้ แน่นอน
๓๗. และแน่แท้เรา(อัลเลาะห์) ได้ให้ความชื่นชอบแก่เจ้าอีกครั้งหนึ่งคือ
๓๘. ในขณะเรา(อัลเลาะห์) ได้ดลใจให้มารดาของเจ้าชื่อว่านางฮันนะห์ ในขณะเธอกำลังนอนหรือในขณะเธอกำลังจะคลอดเจ้า และเกรงว่าฟิรเอาน์จะสังหารตัวเจ้าเสียอีกคนหนึ่งในรายการสังหารใหญ่ ซึ่งบรรดาเด็ก ๆ ผู้ชายที่เกิดมาล้างบัลลังก์แห่งอำนาจของฟิรเอาน์ ฟิรเอาน์จำต้องสังหารเด็ก ๆ ผู้ชายซึ่งเกิดใหม่เสีย เราจึงดลใจให้เธอ ได้รู้แล้วถึงเรื่องอันเกี่ยวข้องกับตัวเจ้าที่ถูกดลไว้ดังนี้ว่า
๓๙. ให้เธอ(นางฮันนะห์) จงบรรจุเขา(มูซา) ลงในหีบและให้หย่อนลงแม่น้ำไนล์หีบจะได้ลอยน้ำไป และให้แม่น้ำซัดมันไปเข้าชายฝั่ง ฟิรเอาน์ผู้เป็นศัตรูของข้า(อัลเลาะห์) และศัตรูของเขา(มูซา) จะได้เก็บมัน(หีบบรรจุมูซา) ไว้ หลังจากที่ฟิรเอาน์ได้เก็บเจ้าจากชายฝั่งแม่น้ำไนล์แล้ว ข้า(อัลเลาะห์) ยังได้หลั่งความรักอันล้นเหลือจากข้ามาสู่เจ้าอีก ด้วยให้ทั้งตัวฟิรเอาน์เองและผู้อื่นที่พบเห็นเจ้า เกิดความรักและเมตตาเจ้า และเพื่อให้เจ้า (มูซา) จะได้รับความเอาใจใส่ตรงตามข้าที่มุ่งไว้
๔๐. ในขณะที่ มัรยำพี่สาวของเจ้ากำลังเดินติดตามเพื่อต้องการจะรู้ข่าวคราวของเจ้าอยู่นั้น นางได้พบเห็นเจ้าอยู่ในปกครองของฟิรเอาน์ แต่ก็ได้มีบุคคลทั้งหลายนำพานางนมมาเสนอเป็นแม่นมของเจ้า เจ้ามิยอมรับนางคนใดเป็นแม่นมเลย นางมัรยำ พูดขึ้นว่าฉันจะชี้ให้พวกท่านไหมเล่าว่าใครที่จะมาเป็นผู้เลี้ยงเขา(มูซา) ด้วยให้เขาได้ดื่มนมอย่างอุดมสมบูรณ์ได้ เมื่อฉันชี้แล้วพวกท่านจะเชื่อตามที่ฉันชี้ไหม ปรากฏว่าคณะของฟิรเอาน์ยอมเชื่อตามนางมัรยำ นางมัรยำจึงได้นำมารดาของมูซามา ขณะนี้เองมูซาจึงยอมรับนมจากมารดาของตน เพราะก่อนมูซาจะถูกนำใส่หีบมาโยนทิ้งนั้น มูซาได้ดื่มนมจากมารดาของตนนานมาแล้วถึง ๓ เดือน เร(อัลเลาะห์) จึงได้ให้เจ้าคืนสู่มารดาของเจ้าอีกเพื่อเป็นขวัญตาของเธอ (มารดา) และเพื่อว่าเธอจะได้ไม่โศกใจ เพราะความพลัดพรากจากกันเสียที และเมื่อเจ้ามีอายุได้ ๓๐ ปี เจ้าเคยได้ฆ่าคน ๆ หนึ่งเป็นชายชาวกิปตีย์ (อียิปต์โบราณ)ชื่อ ค็อตตอบ ซึ่งเป็นพ่อครัวของฟิรเอาน์ เจ้ามีความเศร้าใจมากจากการที่ได้ฆ่าเขาต่อหน้าฟิรเอาน์ แต่เรา(อัลเลาะห์) ได้ให้เจ้าพ้นจากทุกข์โศก กับทั้งเรา(อัลเลาะห์) ยังได้ปฏิบัติคล้ายเราจะทดลองให้เจ้าได้ภัยต่าง ๆ เช่น จักต้องอพยพออกจากเมือง ต้องจากพวกพ้องที่รักของเจ้า เดินเท้าเปล่าและขาดเสบียง เจ้าก็ได้พักอยู่กับ นบีชุไอบ์ชาวมัดยันเป็นเวลานานถึง ๑๐ ปี ได้สมรสกับซอฟูรออ์บุตรสาวของนบีซุไอบ์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 41 - 48


คำแปล R1.
41. "And I have Istana'tuka, for myself.
42. "Go you and your brother with My Ayat(proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), and do not, you both, slacken and become weak in My remembrance.
43. "Go, both of you, to Fir'aun (Pharaoh), Verily, he has transgressed (all bounds in disbelief and disobedience and behaved as an arrogant and as a tyrant).
44. "And speak to him mildly, perhaps he may accept admonition or fear Allah."
45. They said: "Our Lord! Verily! We fear lest he should hasten to punish us or lest he should transgress (all bounds against us)."
46. He (Allah) said: "Fear not, verily! I am with you both, hearing and seeing.
47. "So go you both to him, and say: 'Verily, we are messengers of your Lord, so let the Children of Israel go with us, and torment them not; indeed, we have come with a sign from your Lord! And peace will be upon him who follows the guidance!
48. 'Truly, it has been revealed to us that the torment will be for him who denies [believes not in the Oneness of Allah, and in his Messengers, etc.], and turns away.'(From the truth and obedience of Allah)"


คำแปล R2.
41. “และข้าได้คัดเลือกเจ้าไว้เป็น(ศาสนาทูต)สำหรับข้าเอง”
42. “เจ้าและพี่ชายของเจ้า จงนำบรรดาสัญลักษณ์(อันมหัศจรรย์)ของข้าไป(ประกาศสู่ประชาชน)เถิด และเจ้าทั้งสองอย่าเบื่อหน่ายในการรำลึกถึงข้า”
43. “เจ้าทั้งสองจงไปยังฟิรเอาน์เพราะเขาเป็นผู้ละเมิด”
44. “แล้วเจ้าทั้งสองจงพูดกับเขาด้วยคำพูดอันอ่อนโยนเพื่อเขาจะได้สำนึกหรือเกรงกลัว”
45. เขาทั้งสองกล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา เราทั้งสองกลัวว่าเขาจะจับตัวเราลงโทษหรือล่วงละเมิด (ไม่ยอมรับฟังคำประกาศของเรา)”
46. พระองค์ทรงตรัสว่า “เจ้าทั้งสองอย่ากลัวไปเลย เพราะอันที่จริงข้าพร้อม(ที่จะช่วยเหลือ)เจ้าทั้งสองอยู่แล้ว ข้าได้ยิน ข้ามองเห็น
47. ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปหาเขา(ฟิรเอาน์)เถิด แล้วจงประกาศตัวว่า “แท้จริงเราทั้งสองเป็นทูตจากองค์อภิบาลของท่าน ดังนั้นจงปล่อยตัวพวกวงศ์วานของอิสรออีลให้ไปกับเราทั้งสองเถิด และท่านอย่ากดขี่พวกเขาเป็นอันขาด พร้อมกันนี้ เราได้นำสัญลักษณ์หนึ่งจากองค์อภิบาลของท่านมาด้วย และสันติภาพย่อมประสบแก่ผู้ประพฤติตามสิ่งชี้นำทาง
48. “แท้จริงเราทั้งสองนี้ได้รับโองการ(จากพระเจ้า)มาว่า “การลงโทษทัณฑ์จากอุบัติแก่ผู้ที่กล่าวหาว่าเท็จและหันเห(ไม่ยอมรับศรัทธา)


คำแปล R3.
41. ฉันได้หล่อหลอมเจ้าเพื่อภารกิจของฉัน
42. เจ้าและพี่ชายของเจ้าจงไป(ปฏิบัติภารกิจนี้)พร้อมกับสัญญาณของฉัน และจงอย่าเฉื่อยชาในการระลึกถึงฉัน”
43. “เจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์ เพราะเขาเป็นผู้ละเมิดขอบเขตทุกอย่าง
44. แล้วจงพูดกับเขาอย่างสุภาพ เผื่อว่าบางทีเขาอาจจะคิดได้หรือเกรงกลัวบ้าง”
45. ทั้งสองได้กล่าวว่า “โอ้พระผู้อภืบาลของเรา เรากลัวว่าเขาจะไม่เป็นธรรมต่อเราและปฏิบัติต่อเราอย่างโหดร้าย”
46. พระองค์ได้ทรงตอบว่า “เจ้าทั้งสองจงอย่ากลัว ฉันจะอยู่กับเจ้า ฉันได้ยินทุกสิ่งและเห็นทุกสิ่ง
47. จงไปหาเขาและกล่าวว่า “เราเป็นรอซูลจากพระผู้อภิบาลของท่าน ดังนั้นขอท่านจงปล่อยให้พวกลูกหลานอิสรออีลไปกับเราและจงอย่ากดขี่พวกเขา เราได้มายังท่านพร้อมกับสัญญาณจากพระผู้อภิบาลของท่าน และความสันติจงมีแด่ผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง
48. และเราได้รับรู้จากทางวะฮีย์ว่าจะมีการลงโทษสำหรับผู้ปฏิเสธและหันห่างจากแนวทางนั้น


คำแปล R4.
41. และเราได้เลือกเจ้าเพื่อทำหน้าที่ของข้า
42. เจ้าจงไปพร้อมกับพี่ชายของเจ้า พร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายของข้า และเจ้าทั้งสองอย่าเฉื่อยชาในการรำลึกถึงข้า
43. เจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์ แท้จริงเขายโสโอหังมาก
44. แล้วเจ้าทั้งสองจงพูดกับเขาด้วยคำพูดที่อ่อนโยน บางทีเขาอาจจะรำลึกขึ้นมา หรือเกิดความยำเกรงขึ้น
45. เขาทั้งสองได้กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา แท้จริงเรากลัวว่า เขาจะล่วงเกินเรา
46. พระองค์ตรัสว่า เจ้าทั้งสองอย่ากลัวแท้จริงข้าอยู่กับเจ้าทั้งสอง ข้าได้ยินและได้เห็น (ทุกสิ่งทุกอย่าง)
47. ดังนั้น เจ้าทั้งสองจงไปหาเขาแล้วกล่าวว่า “แท้จริงเราเป็นรอซูลของพระเจ้าของท่าน ฉะนั้นท่านจงปล่อยวงศ์วานอิสรออีลมากับเราเถิด และอย่าได้ทรมานพวกเขาเลย แน่นอน เราได้นำสัญญาณ จากพระเจ้าของท่านมายังท่านแล้วและความปลอดภัย (จากการลงโทษของอัลลอฮฺ) จงมีแด่ผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง
48. “แท้จริงได้มีวะฮีมายังเราว่า แท้จริงการลงโทษจะประสบแก่ผู้ที่ปฏิเสธ (บรรดานะบีของอัลลอฮฺ) และหันหลัง (ให้กับการอีมาน)


คำแปล R5.
๔๑. และข้าได้เลือกเจ้าจากบรรดาพวกเจ้าด้วยการให้ตำแหน่งศาสนทูตเพื่อข้าจำหน่ายจ่ายเจ้าในด้านการงานของข้า และเจ้าอย่าหันเหแต่จงยืนยงในหลักฐานของข้า และปฏิบัติให้ทั่วถึงในการแต่งตั้งของข้าให้เจ้าเป็นรซูล และเจ้าจงดำรงอยู่ด้วยการปฏิบัติงานของเจ้า ส่วนหนึ่งของเจ้าเพื่อให้กับข้า ไม่ใช่เพื่อตัวเจ้าหรือผู้อื่นนอกจากเจ้า
๔๒. เจ้าและพี่ชายของเจ้า(ฮารูน) จงนำสัญลักษณ์ของข้า อาทิเช่น ไม้เท้ากลับกลายเป็นงูใหญ่ การเลื้อยเร็วของงูกลับเป็นไม้เท้าได้ งูไม่ทำอันตรายกับมูซาเวลาเข้าไปในปาก สีขาวจัดของมือกลับเป็นสีเดิมของมือเป็นต้น ไป สู่มวลมนุษย์เถิด และเจ้าทั้งสองอย่าได้เบื่อหน่ายในการรำลึกถึงข้า และการให้มนุษย์รู้ถึงในการที่ข้าแต่งตั้งเจ้าให้เป็นศาสนทูต
๔๓. เจ้าทั้งสองจงไปยังฟิรเอาน์ แท้จริงเขาได้ละเมิด ด้วยการอ้างตนเองเป็นพระเจ้า
๔๔. และเจ้าทั้งสองจงกล่าวกับเขาด้วยถ้อยคำที่สุภาพอ่อนโยนในการให้เขาเปลี่ยนแปลงจากการอ้างตนเป็นพระเจ้า บางทีเขาอาจจะได้สำนึก จะเคารพในคำเตือนของเจ้าหรือเกิดความเกรงกลัวต่ออัลเลาะห์ เป็นเหตุให้เขากลับจากการอ้างตนเป็นพระเจ้า
๔๕. เขาทั้งสอง (มูซา) และฮารูน) ได้กล่าวว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลของเรา เรากลัวว่าเขาจะรีบจัดการลงโทษแก่พวกเราเสียก่อน หรือไม่เขาก็จะละเมิดด้วยการโอหังไม่ยอมฟังเรา
๔๖. อัลเลาะห์ตรัสว่า เจ้าทั้งสองอย่ากลัว แท้จริง ความรู้ของข้าอยู่ร่วมกับเจ้าทั้งสอง พร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ข้าได้ยินในสิ่งที่เขาพูดและข้าเห็นในสิ่งที่เขากระทำ
๔๗. ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปยังเขา(ฟิรเอาน์) เถิด และเจ้าทั้งสองจงกล่าวกับเขาว่า เราทั้งสองเป็นทูตจากองค์พระผู้อภิบาลของท่านดังนั้นท่านจงส่งพวกบนีอิสรออีลไปยังเมืองซีเรีย(ชาม) พร้อมกับเราเพื่อให้เป็นอิสระเถิดและท่านอย่าได้ลงโทษทรมานพวกเขาเป็นอันขาด เช่น ให้ทำงานที่ลำบาก การขุดบ่อ การก่อสร้าง การแบกหามของหนัก แท้จริงเราได้นำสัญลักษณ์จากองค์อภิบาลของท่านมาสู่พวกท่านด้วยความจริง และสันติภาพ ความปลอดภัยจากการลงโทษย่อมประสบแก่ผู้ประพฤติตามการชี้นำของพระผู้เป็นเจ้า
๔๘. ทั้งสองกล่าวว่า เราทั้งสองได้รับโองการมาว่า การลงโทษจะต้องประสบแก่ผู้ที่ปฏิเสธต่อสิ่งที่เรานำมาและหันเหออกจากสิ่งที่เรานำมา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 49 - 56


คำแปล R1.
49. Fir'aun (Pharaoh) said: "Who then, O Musa (Moses), is the Lord of you two?"
50. [Musa (Moses)] said: "Our Lord is He who gave to each thing its form and nature, then guided it aright."
51. [Fir'aun (Pharaoh)] said: "What about the generations of old?"
52. [Musa (Moses)] said: "The knowledge thereof is with my Lord, in a record. My Lord is neither unaware nor He forgets,"
53. Who has made earth for you like a bed (spread out); and has opened roads (ways and paths etc.) for you therein; and has sent down water (rain) from the sky. And we have brought forth with it various kinds of vegetation.
54. Eat and pasture your cattle, (therein); Verily, in this are proofs and signs for men of understanding.
55. Thereof (the earth) we created you, and into it we shall return you, and from it we shall bring you out once again.
56. And indeed we showed him [Fir'aun (Pharaoh)] all our signs and evidences, but he denied and refused.



คำแปล R2.
49. เขา(ฟิรเอาน์) “แลวใครกันคือองค์อภิบาลของท่านทั้งสอง โอ้มูซา”
50. เขาตอบว่า “องค์อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงประทานแก่ทุกสิ่งซึ่งกำเนิดของมันหลังจากนั้นพระองค์ทรงชี้นำ”
51. ฟิรเอาน์ถามต่อไปว่า “แล้วสภาพการของบรรดาบรรพชนในยุคแรกเป็นอย่างไรบ้าง”
52. เขาตอบว่า “ความรู้ในเรื่องนั้นเป็นขององค์อภิบาลของฉัน มีปรากฏในบันทึกซึ่งองค์อภิบาลของฉันไม่หลงและไม่ลืมเป็นอันขาด
53. “พระองค์ผู้ทรงบันดาลแผ่นดินให้เป็นที่พักพิงสำหรับเจ้าทั้งมวล และทรงจัดทางเดินต่าง ๆ ไว้ในแผ่นดินสำหรับพวกเจ้า พระองค์ทรงบันดาลน้ำฝนให้ลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราได้ให้มันเป็นเหตุทำให้บรรดาประเภทแห่งพืชพันธุ์ต่าง ๆ ผลิออกมา”
54. “พวกเจ้าจงบริโภคและจงเลี้ยงปศุสัตว์ของพวกเจ้า(ด้วยพืชพันธุ์เหล่านั้น)เถิด แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์(เตือนใจ)สำหรับบรรดาผู้มีปัญญาทั้งหลาย
55. จากมัน(ดิน)นั้นเองที่เราบันดาลพวกเจ้าขึ้นมาและเราได้ให้พวกเจ้ากลับคืนไปสู่มัน(ด้วยการถูกฝังหลังตาย)และเราจะให้พวกเจ้าออกมาจากมันอีกครั้งหนึ่ง(ในโลกหน้า)
56. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้แสดงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราทั้งหมดให้เขา(ฟิรเอาน์)ได้เห็น(เป็นที่ประจักษ์แจ้ง) แต่แล้วเขากลับกล่าวว่าเป็นเรื่องเท็จและเขาขัดขืน (ไม่ยอมศรัทธา)

 
คำแปล R3.
49. ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “ใครคือพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง มูซา?”
50. มูซาได้ตอบว่า “พระผู้อภิบาลของเราคือผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นรูปร่างแล้วหลังจากนั้นก็ทรงนำทาง”
51. ฟิรเอาน์ได้ถามว่า “แล้วคนก่อนหน้านี้เล่าเป็นอย่างไร?”
52. มูซาได้ตอบว่า “ความรู้ในเรื่องนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลของฉันซึ่งอยู่ในจารึกแล้ว พระผู้อภิบาลของฉันไม่ทรงผิดพลาดและไม่ทรงหลงลืม”
53. พระองค์คือผู้ทรงทำให้โลกเป็นพื้นราบเพื่อสูเจ้า และได้ทรงทำหนทางต่าง ๆ สำหรับสูเจ้าเพื่อสัญจรไปมา พระองค์ได้ทรงประทานน้ำลงมาจากฟากฟ้าและทำให้พืชพันธุ์นานาชนิดงอกเงยออกมา
54. สูเจ้าจงกินสิ่งเหล่านี้และเลี้ยงปศุสัตว์ของสูเจ้า แท้จริงในนั้นมีสัญญาณต่าง ๆ มากมายสำหรับผู้มีสามัญสำนึก
55. เราได้สร้างสูเจ้ามาจากโลกนี้และเราได้ให้สูเจ้ากลับเข้าไปในนั้น และเราจะนำสูเจ้าออกมาจากที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง
56. เราได้แสดงสัญญาณของเรา ทุกอย่างให้แก่ฟิรเอาน์ได้เห็นแล้ว แต่เขาก็ยังถือว่ามันเป็นเรื่องเท็จและไม่ยอมเชื่อ


คำแปล R4.
49. เขากล่าวว่า ดังนั้น ใครเล่าคือพระเจ้าของท่านทั้งสอง โอ้มูซาเอ๋ย
50. มูซากล่าวว่า พระเจ้าของเราคือ ผู้ทรงประทานทุกอย่างแก่สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างแล้วพระองค์ก็ทรงชี้แนะแนวทางให้
51. เขากล่าวว่า แล้วสภาพของคนรุ่นก่อน ๆ นั้นเป็นเช่นไร
52. มูซากล่าวว่า ความรู้ในเรื่องนั้นอยู่ที่พระเจ้าของฉัน ในบันทึกของพระองค์ พระเจ้าของฉันจะไม่ทรงผิดพลาด และไม่ทรงหลงลืม
53. พระผู้ทรงทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบเรียบ สำหรับพวกท่าน และทรงทำให้เป็นถนนหนทางสำหรับพวกท่าน และทรงหลั่งน้ำฝนมาจากฟากฟ้าและเราได้ให้พืชผลนานาชนิดออกมาเป็นคู่ ๆ
54. พวกเจ้าจงกิน และจงเลี้ยงปศุสัตว์ของพวกเจ้า แท้จริงในการนั้น แน่นนอน ย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับปัญญาชน
55. จากแผ่นดินเราได้บังเกิดพวกเจ้า และ ณ แผ่นดินนั้นเราจะให้พวกเจ้ากลับคืนไป และจากแผ่นดินนั้น เราจะให้พวกเจ้ากลับออกมาอีกครั้งหนึ่ง
56. และแน่นอน เราได้ให้เขาเห็นสัญญาณทั้งหมดของเรา แต่เขาได้ปฏิเสธและดื้อดึง


คำแปล R5.
๔๙. เขา(ฟิรเอาน์) กล่าวกับมูซา เพราะมูซาเป็นผู้รับตำแหน่งรซูลโดยตรง แต่ฮารูนเป็นผู้ช่วยและผู้ติดตามมูซาว่า โอ้มูซา แล้วใครเล่าเป็นผู้อภิบาลของท่านทั้งสอง
๕๐. เรา(มูซา) กล่าวว่า องค์พระผู้อภิบาลของเรานั้นคือองค์พระผู้ทรงประทานกำเนิดอันสมบูรณ์แก่ทุกสิ่งทุกอย่างพระองค์ทรงสร้างรูปและอาการทุกอย่างที่เหมาะสมด้วยคุณลักษณะและคุณประโยชน์พิเศษที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นหลังจากนั้นพระองค์ทรงชี้นำทางอันถูกต้อง
๕๑. เขา(ฟิรเอาน์) กล่าว(กับมูซา) ว่า แล้วบรรดาผูที่ผ่านมาในยุคอดีต เช่นสมัยนูฮ์ ฮูด และซอลิห์นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
๕๒. เขา(มูซา) กล่าวว่า ความรู้ในสิ่งนั้นมีอยู่ ณ องค์พระผู้อภิบาลของข้า ซึ่งจารึกไว้ ในคัมภีร์อันได้แก่แผ่นทะเบียนเดิมที่แขวนอยู่ไว้ใต้ฟ้าชั้นเก้า “เลาฮิลมะห์ฟูซ” ซึ่งองค์อภิบาลของข้าจะไม่หลงและลืมเป็นอันขาด พระองค์จะทรงตอบแทนกับพวกเหล่านั้นในภพหน้า
๕๓. ซึ่งพระองค์ทรงบันดาลแผ่นดินให้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับพวกเจ้าทั้งมวล และพระองค์ทรงให้แผ่นดินนั้นเป็นทางเดินให้มีทางเดินระหว่างภูเขาในที่ราบและหาดทราย พวกเจ้าจะเดินทางจากประเทศหนึ่งตามประสงค์ของพวกเจ้าและพวกเจ้าได้ประโยชน์และความสะดวกจากแผ่นดินนั้นแก่พวกเจ้าทั้งหลายและพระองค์ทรงให้น้ำฝนลงมาจากเมฆบนท้องฟ้าแล้วเราก็ให้พืชพรรณต้นไม้ใบหญ้าชนิดต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยทั่วไปด้วยน้ำจากฝนนั้น
๕๔. พวกเจ้าจงบริโภคและจงเลี้ยงปศุสัตว์ของเจ้า อันมีอูฐ โค กระบือ แพะ แกะ แท้จริงในสิ่งที่กล่าวมานั้นเราให้เป็นสัญลักษณ์และเป็นคติสำหรับผู้มีปัญญาทั้งหลาย
๕๕. เราสร้างพวกเจ้าจากมัน(ดิน) โดยสร้างอาดัมปู่ของพวกเจ้าซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกจากดินและเราจะให้พวกเจ้ากลับไปสู่มัน(ดิน) โดยพวกเจ้าถูกฝังในสุสานหลังจากถึงแก่ความตายแล้ว และเราจะให้พวกเจ้าออกมาจากมัน(ดิน) อีกครั้งหนึ่ง โดยกลับฟื้นคืนชีพออกจากสุสานในวันสอบสวน
๕๖. เราขออ้างเป็นสัจจะว่า แท้จริงเราให้เขา(ฟิรเอาน์) เห็นประจักษ์ชัดถึงสัญลักษณ์เราทั้งหมด ๙ ประการ คือทำให้มือขาวผ่องสวยผิวกับผิวมือเดิม ไม้เท้ากลายเป็นงู น้ำท่วม ให้เกิดมีตั๊กแตนทำลายพืชพันธุ์และผลไม้ ให้ตัวหมดก่อความเดือดร้อน ให้มีกบเกลื่อนกลาดตามบ้านช่องตลอดทั้งในอาหาร ให้น้ำดื่มเป็นเลือด ให้ทรัพย์สมบัติกลายเป็นก้อนหิน ให้เกิดการแห้งแล้งถึงขนาดทำให้ผลไม้ผลิผลน้อย แต่แล้วเขา(ฟิรเอาน์) ก็ปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นและคิดว่าแท้จริงสิ่งเหล่านั้นเป็นวิทยากลและดื้อดึงโดยไม่ยอมรับในเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 57 - 60


คำแปล R1.
57. He [Fir'aun (Pharaoh)] said: "Have you come to drive us out of our land with your magic, O Musa (Moses)?
58. "Then verily, we can produce magic the like thereof; so appoint a meeting between us and you, which neither we, nor you shall fail to keep, in an open wide place where both shall have a just and equal chance (and beholders could witness the competition)."
59. [Musa (Moses)] said: "Your appointed meeting is the day of the festival, and let the people assemble when the sun has risen (forenoon)."
60. So Fir'aun (Pharaoh) withdrew, devised his plot and then came back.


คำแปล R2.
57. เขา(ฟิรเอาน์)กล่าวว่า “ท่านมาหาเรา(ในครั้งนี้)เพื่อ(มีเจตนาที่จะ)ขับเอราออกจากแผ่นดินของเรา โดยใช้มายากลของท่านกระนั้นหรือ โอ้มูซา
58. ถ้าเช่นนั้น ขอสาบาน เราจะตอบโต้ท่านด้วยนำม่ซึ่งมายากลให้ทัดเทียมกัน แล้วจงกำหนดนัดหมายไว้ระหว่างฝ่ายเรากับฝ่ายของท่าน ซึ่งเราและท่านจะต้องไม่พิดนัดนั้น
59. มูซาจึงกล่าวว่า “กำหนดนัดหมายของท่านั้งหลายคือวันเฉลิมฉลองและให้ชุมนุมผู้คนไว้ในเวลาสาย ๆ”
60. จากนั้นฟิรเอาน์ก็หันออกไปและจัดการรวบรวม(นักมายากลตาม)แผนการของเขา หลังจากนั้นเขาก็มา(ยังที่นัดหมาย)


คำแปล R3.
57. เขาได้กล่าวว่า “มูซา เจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะขับไล่เราออกจากแผ่นดินของเราโดยใช้อำนาจแห่งมายากลกระนั้นหรือ?
58. เดี๋ยวเราก็จะเอามายากลเหมือนอย่างของเจ้ามาด้วยเช่นกัน ดังนั้นขอให้บอกมาเลยว่าเมื่อไหร่และที่ไหนที่จะให้มีการประลองกันแล้วเราและเจ้าจะไม่มีการบิดพลิ้วกันออกมาในที่โล่ง ๆ เลยก็ได้”
59. มูซาจึงตอบว่า “ขอให้เราได้พบท่านในวันเทศกาล และมีผู้คนมาชุมนุมกันมาก ๆ หลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นก็แล้วกัน”
60. หลังจากนั้นฟิรเอาน์ก็ได้กลับออกไปเพื่อเตรียมแผนการต่าง ๆ หลังจากนั้นก็ออกมา


คำแปล R4.
57. เขากล่าวว่า เจ้ามาหาเราเพื่อที่จะเอาเราออกจากแผ่นดินของเรา ด้วยเล่ห์กลของเจ้ากระนั้นหรือ โอ้ มูซาเอ๋ย
58. ดังนั้น เราก็จะนำมาซึ่งเล่ห์กลนั้นเจ้าเช่นเดียวกัน ฉะนั้น เจ้าจงกำหนดวันขึ้นระหว่างเรากับท่าน ณ สถานที่ที่แน่นอน โดยที่เราจะไม่ผิดสัญญาและตัวท่านด้วย
59. มูซากล่าวว่า กำหนดวันของพวกท่านคือวันอีดวันรื่นเริง โดยให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันในตอนสาย
60. ฟิรเอาน์ได้กลับออกไป เพื่อไปร่วมมือกันวางแผนการณ์ของเขา แล้วได้มายังที่นัดหมาย


คำแปล R5.
๕๗. เขา(ฟิรเอาน์) กล่าวว่า โอ้มูซา เจ้ามาหาเราด้วยวิทยากลของเจ้าเพื่อเจ้าจะขับไล่เราออกจากเมืองอียิปต์ซึ่งเป็นแผ่นดินของเรา แล้วเจ้าจะได้ปกครองเสียเองกระนั้นหรือ
๕๘. เราขออ้างเป็นสัจจะว่า แท้จริงเราจะนำวิทยากลมายังเจ้าเหมือนกัน เป็นสิ่งที่แปลกและไม่เคยเห็นในวิทยากลของเรา เราจะขัดขวางวิทยากลของเจ้าท่านจงทำกำหนดนัดหมายระหว่างเราและท่านซึ่งทั้งเราและท่านจะต้องไม่ผิดต่อกำหนดนัดหมายนั้นในสถานที่ซึ่งเป็นศูนย์กลาง
๕๙. เขา(มูซา) กล่าวว่า กำหนดนัดหมายของพวกเจ้านั้นเป็นวันเฉลิมหรือวันตรุษของพวกนั้น คือวันแห่งการประดับประดาและชุมนุมผู้คน และให้รวมผู้คนชาวเมืองอียิปต์ในเวลาสายเพื่อร่วมกันพิสูจน์วิทยากลของทั้งสองฝ่ายระหว่างมูซาและฟิรเอาน์
๖๐. แล้วฟิรเอาน์ก็ผินออกจากสถานที่นั้น แล้วเขาก็รวบรวม พวกวิทยากลจำนวน ๗๒,๐๐๐ คน เพื่อแสดงเล่ห์กลของเขา หลังจากนั้นเขา(ฟิรเอาน์) ก็ได้มาถึงสถานที่นัดหมายนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 61 - 64


คำแปล R1.
61. Musa (Moses) said to them: "Woe unto you! Invent not a lie against Allah, lest He should destroy you completely by a torment. And surely, He who invents a lie (against Allah) will fail miserably."
62. Then they debated with one another they must do, and they kept their talk secret.
63. They said: "Verily! These are two magicians. Their object is to drive you out from your land with magic, and overcome your chiefs and nobles.
64. "So devise your plot, and then assemble in line. And whoever overcomes this day will be indeed successful."


คำแปล R2.
61. มูซาได้กล่าวกับคนพวกนั้นว่า “ความหายนะจักประสบอก่พวกท่าน ท่านทั้งหลายจงอย่าเสกสรรความเท็จแก่อัลลาะฮฺเถิด เพราะพระองค์จะต้องทำลายพวกท่านด้วยการลงโทษ(พวกท่าน)อย่างแน่นอน และแท้จริงผู้เสกสรรความเท็จย่อมล้มเหลวเสมอ”
62. ครั้นแล้วพวก(นักมายากล)เหล่านั้นก็ขัดแย้งกันเองในการงานของพวกเขา(เกี่ยวกับนบีมูซา) และพวกเขาได้ปิดบังข้อตกลงเป็นความลับ(มิแพร่งพรายให้ฟิรเอาน์รู้)
63. พวกเขากล่าวว่า “หากแม้นคนทั้งสองนี้เป็นนักมายากลที่ปรารถนาจะใช้มายากลของทั้งสองขับพวกท่านออกจากแผ่นดินและลบล้างประเพณีอันเลิศเลอของพวกท่านแล้วไซร้”
64. พวกท่านก็จงรวบรวมแผนการของพวกท่าน(ไว้ให้พร้อมสรรพ)เถิด หลังจากนั้นพวกท่านก็จงมา(สู่ที่นัดหมายให้เป็นแถว (อย่างเป็นระเบียบ) และแท้จริงในวันนี้ ผู้มีฝีมือเหนือกว่าย่อมได้รับชัยชนะเป็นแน่


คำแปล R3.
61. (ในโอกาสนั้นเอง) มูซาได้เตือน (บรรดาผู้ที่จะเผชิญหน้ากับเขา)โดยกล่าวว่า “ท่านผู้เคราะห์ร้ายทั้งหลายจงอย่าสร้างความเท็จเกี่ยวกับอัลลอฮฺ มิเช่นนั้นแล้วพระองค์จะทรงทำลายพวกท่านด้วยการลงโทษ เพราะใครก็ตามที่สร้างความเท็จขึ้นมาจะถูกทำลาย
62. (เมื่อได้ยินเช่นนั้น)พวกเขาเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องนั้น และก็เริมปรึกษากันอย่างลับ ๆ
63. (ในที่สุดหลังจากปรึกษากันแล้ว) พวกเขาก็กล่าวว่า “ทั้งสองคนนี้เป็นแค่นักมายากล เป้าหมายของเขาทั้งสองคือการขับไล่พวกท่านโดยอาศัยอำนาจแห่งมายากลของพวกเขาและต้องการที่จะทำลายวิถีชีวิตอันสูงส่งของพวกท่าน
64. ดังนั้นจงเตรียมแผนการทุกอย่างของพวกท่านและผนึกกำลังกันออกมาพร้อม ๆ กัน และวันนี้ใครเหนือกว่า เขาผู้นั้นก็ชนะแน่”


คำแปล R4.
61. มูซาได้กล่าวแก่พวกเขา ความหายนะจงประสบแก่พวกท่าน พวกท่านอย่าได้เสกสรรปั้นแต่งการมุสาต่ออัลลอฮฺ มิฉะนั้นพระองค์จะทรงทำลายพวกท่านด้วยการลงโทษ และแน่นอนผู้ปั้นแต่งการมุสานั้น ได้ประสบความผิดหวังมาแล้ว
62. พวกเขาได้โต้แย้งกันในเรื่องของพวกเขา และได้มีการพูดกันอย่างลับ ๆ
63. พวกเขากล่าวว่า สองคนนี้มิได้เป็นอื่นใด นอกจากเป็นนักมายากลอย่างแน่นอน ต้องการที่จะเอาพวกท่านออกจากแผ่นดินของพวกท่านด้วยเล่ห์กลของเขาทั้งสอง และต้องการจะลบล้างขนบธรรมเนียมอันดีงามของพวกท่าน
64. ดังนั้น พวกท่านจงรวบรวมแผนการของพวกท่าน แล้วเดินออกมาเป็นแถว และวันนี้ผู้ใดเหนือกว่า ก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน


คำแปล R5.
๖๑. มูซาได้กล่าวกับพวกเขาว่า เป็นความหายนะอันใหญ่หลวงของพวกเจ้าที่พวกเจ้าอ้างว่าประกาศิตแห่งโองการของพระองค์อยู่ในมือของพวกนักวิทยากลทั้งหลายเช่นที่ฟิรเอาน์กระทำ นั่นคือความเสียหายที่พระองค์อัลเลาะห์ได้ทรงประทานให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าอย่าได้สร้างความเท็จแก่อัลเลาะห์โดยนำสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์อันเป็นเหตุให้พระองค์ทำลายพวกเจ้าด้วยการลงโทษซึ่งเป็นความเสียหายซึ่งเตรียมไว้สำหรับผู้สร้างความเท็จ และแท้จริงผู้ที่เสกสรรคำเท็จนั้นจะต้องขาดทุนอย่างแน่นอน
๖๒. และแล้วพวกเขา(พวกวิทยากล) ก็ได้ถกเถียงในการงานของพวกเขาในระหว่างพวกเขากันเอง อันเกี่ยวกับมูซาและฮารูนว่าคนทั้งสองจะเป็นเพียงนักวิทยากลหรือเป็นศาสนทูตอันเที่ยงแท้และพวกเขาต่างปิดซ่อนความลับจากการถกเถียงนั้นมิให้ฟิรเอาน์รู้ เพราะพวกนักวิทยากลแอบกระซิบร่วมกันว่า หากพวกเขาแพ้มูซา พวกเขาก็จะยอมเชื่อและตามมูซา
๖๓. พวกวิทยากลที่ฟิรเอาน์รวบรวมมาเขากล่าวว่าแท้จริงมูซาและฮารูนทั้งสองนี้เป็นนักวิทยากลทั้งคู่ซึ่งเขาทั้งสองมุ่งหวังจะขับไล่พวกท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ของพวกท่านเองด้วยวิทยากลของเขาทั้งสอง และคนทั้งสองจะนำผู้มีเกียรติที่ได้รับการยกย่องของพวกท่านไปเนื่องจากพวกนั้นได้เอนเอียงมาทางมูซาและฮารูนเมื่อคนทั้งสองได้รับชัยชนะในการประลองวิทยากล
๖๔. ดังนั้นพวกท่านจงรวบรวมเล่ห์กลของพวกท่านไว้ให้พร้อมเถิด หลังจากนั้นพวกท่านจงมาสู่ที่นัดหมายโดยเข้าแถวอย่างมีระเบียบในวันนี้ผู้มีชัยชนะจะได้รับโชคชัยอันเป็นยอดปรารถนาอย่างแท้จริง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 65 - 70


คำแปล R1.
65. They said:"O Musa (Moses)! Either you throw first or we be the first to throw?"
66. [Musa (Moses)] said: "Nay, throw you (first)!" Then behold, their ropes and their sticks, by their magic, appeared to him as though they moved fast.
67. So Musa (Moses) conceived a fear In himself.
68. We (Allah) said: "Fear not! Surely, you will have the upper hand.
69. "And throw that which is in your right hand! It will swallow up that which they have made. That which they have made is only a magician's trick, and the magician will never be successful, no matter whatever amount (of skill) he may attain."
70. So the magicians fell down prostrate. They said: "We believe in the Lord of Harun (Aaron) and Musa (Moses)."


คำแปล R2.
65. พวกเขากล่าวว่า “โอ้มูซา ท่านจะโยนก่อนก็ได้ และจะให้เราเป็นผู้โยนก่อนก็ได้ (ตามแต่ท่านะเลือก)
66. มูซาตอบว่า “แต่พวกท่านจงโยนก่อน(เถิด)” ทันใดนั้นเชือกและไม้เท้าของพวกเขา(นักมายากลของฟิรเอาน์ก็ถูกโยนลงไปในพิธีมายากลนั้น) ก็ทำให้เกิดอุปาทานแก่มูซา(เป็นงูจำนวนมหาศาล)ซึ่งมันเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียว)เนื่องจากมายากลของพวกมัน
67. แล้วมูซาก็เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในจิตใจของเขา
68. เราจึงรับสั่งแก่เขาว่า “เจ้าอย่ากลัว เพราะเจ้าเป็นผู้เหนือกว่า(คนพวกนั้น)”
69. “และเจ้าจงโยนไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาของเจ้านั้นลงไปเถิด มันจะกลืนสิ่งที่พวกเขากระทำ เพราะอันที่จริงที่พวกนั้นกระทำเป็นเพียงแผนการของนักมายากลเท่านั้น และนักมายากลย่อมไม่ประสบผลไม่ว่าเขาจะอยู่อย่างไรก็ตาม”
70. จากนั้นบรรดานักมายากลทั้งหลายต่างก็ทรุดลงกราบ(นบีมูซา)พร้อมกับกล่าวว่า “เราได้ศรัทธาต่อองค์อภิบาลของฮารูนและมูซาแล้ว”


คำแปล R3.
65. พวกนักมายากลกล่าวว่า “มูซา ท่านจะโยน(สิ่งของของท่าน)หรือจะให้เราโยนก่อน?”
66. มูซาได้ตอบว่า “ไม่ พวกท่านโยนก่อน” ทันใดนั้น มันก็ปรากฏแก่มูซาว่า เชือกและไม้เท้าของพวกเขาวิ่งไปวิ่งมาโดยอำนาจมายากลของพวกเขา
67. และหัวใจของมูซาก็เต็มไปด้วยความกลัว
68. เราได้กล่าวว่า “เจ้าจงอย่ากลัว เพราะเจ้าจะได้รับชัยชนะ
69. จงโยนสิ่งที่มีอยู่ในมือของเจ้า และมันจะกลืนสิ่งที่พวกเขาทำขึ้น เพราะเป็นแค่เพียงกลลวงของนักมายากลเท่านั้น และนักมายากลนั้นไม่อาจจะประสบความสำเร็จไม่ว่าเขาจะเก่งกาจอย่างไรก็ตาม”
70. ดังนั้น (เมื่อการประลองสิ้นสุดลง) พวกนักมายากลต่างก็ก้มตวลงกราบและพวกเขากล่าวออกมาว่า “เราศรัทธาในพระเจ้าของฮารูนและมูซา”


คำแปล R4.
65. พวกเขากล่าวว่า โอ้ มูซาเอ๋ย ท่านจะเป็นผู้โยนหรือว่าพวกเราจะเป็นผู้โยนก่อน
66. มูซากล่าวว่า แต่ว่าพวกท่านจงโยนก่อนเถิด ณ บัดนั้น เชือกและไม้เท้าของพวกเขาดูประหนึ่งว่ามันเลื้อยคลานไปมาเพราะเล่ห์กลของพวกเขา
67. มูซาจึงรู้สึกกลัวขึ้นในตัวของเขา
68. เรากล่าวว่า เจ้าอย่ากลัว แท้จริง เจ้าอยู่ในสภาพที่เหนือกว่า
69. และเจ้าจงโยนสิ่งที่อยู่ในมือขวาของเจ้า มันจะกลืนสิ่งที่พวกเขาทำขึ้น แท้จริงสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นนั้นเป็นแผนของนักมายากล และนักมายากลนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเขาจะมาจากทางไหนก็ตาม
70. ดังนั้น พวกมายากลได้ก้มลงสุญูด โดยกล่าวว่า เราขอศรัทธาต่อพระเจ้าของฮารูนและมูซา


คำแปล R5.
๖๕. พวกเขากล่าวว่า โอ้ มูซา ท่านจงเลือกเอาเถิดว่า ท่านจะโยนไม้เท้าก่อนหรือจะให้เราโยนเชือกและไม้เท้าก่อน
๖๖. มูซากล่าวว่าพวกท่านจงโยนก่อนเถิดในบัดดลนั้นเองเชือกและไม้เท้าของพวกเขา(ฟิรเอาน์) ก็ได้สร้างอุปาทานให้แก่มูซาให้เห็นว่ามันมีชีวิตเป็นงูเลื้อยเพราะวิทยากลของพวกนั้น กล่าวคือพวกนั้นทาเชือกและไม้เท้าด้วยปรอทเมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสงลงมาบนเชือกและไม้เท้าก็คล้ายกับว่ามันเคลื่อนไหวได้
๖๗.แล้วมูซาก็มีความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจของเขา เขากลัวว่าประชาชนอาจไม่เชื่อในอภินิหารของเขาที่จะทำให้ไม้เท้ากลายเป็นงู และวิทยากลของพวกนั้นที่ทำให้เชือกและไม้เท้ากลายเป็นงูอาจทำให้ประชาชนเกิดความลังเลขึ้นมาได้
๖๘. เรา(อัลเลาะห์) จึงตรัสกับมูซาว่า เจ้าอย่ากลัว เพราะเจ้าเหนือกว่าพวกนั้น โดยเจ้าจะต้องได้รับชัยชนะ
๖๙. และเจ้าจงโยนไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาของเจ้าลงไปเถิด มันจะกลืนเชือกและไม้เท้าที่พวกนั้นทำขึ้น และคิดจากสิ่งที่ไม่มีตัวจริง เพราะแท้จริงสิ่งที่พวกนั้นกล่าวเท็จและได้ประดิษฐ์ทำขึ้นนั้นเป็นเพียงเล่ห์กลของนักวิทยากลเท่านั้นเอง และแน่นอนนักวิทยากลย่อมไม่สมหวัง ไม่ว่าเขาจะมายังแห่งหนใดก็ตาม
๗๐. นักวิทยากลทั้งหลายก็ก้มลงกราบต่อองค์พระผู้อภิบาลพร้อมกับกล่าวว่าพวกเราขอศรัทธาในองค์พระผู้อภิบาลแห่งฮารูนและมูซา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 14, 2013, 07:13 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 71 - 76


คำแปล R1.
71. [Fir'aun (Pharaoh)] said: "Believe you in him [Musa (Moses)] before I give you permission? Verily! He is your chief who taught you magic. So I will surely cut off your hands and feet on opposite sides, and I will surely crucify you on the trunks of date-palms, and you shall surely know which of us [I (Fir'aun - Pharaoh) or the Lord of Musa (Moses) (Allah)] can give the severe and more lasting torment."
72. They said: "We prefer you not over the clear signs that have come to us, and to Him (Allah) who created us. So decree whatever you desire to decree, for you can only decree (regarding) this life of the world.
73. "Verily! We have believed in our Lord, that He may forgive us our faults, and the magic to which you did compel us. And Allah is better as regards reward in comparison to your [Fir'aun's (Pharaoh)] reward, and more lasting (as regards punishment in comparison to your punishment)."
74. Verily! Whoever comes to his Lord as a Mujrimin (criminal, polytheist, disbeliever in the Oneness of Allah and his Messengers, sinner, etc.), then surely, for him is Hell, therein he will neither die nor live.
75. But whoever comes to Him (Allah) as a believer (in the Oneness of Allah, etc.), and has done righteous good deeds, for such are the high ranks (in the Hereafter),
76. 'Adn (Edn) Paradise (everlasting Gardens), under which rivers flow, wherein they will abide forever: such is the reward of those who purify themselves [(by abstaining from all kinds of sins and evil deeds) which Allah has forbidden and by doing all that which Allah has ordained)].


คำแปล R2.
71. ฟิรเอาน์กล่าว(ด้วยความโกรธ)ว่า “”พวกเจ้าจะศรัทธาต่อเขาก่อนที่ข้าให้อนุญาตแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ ที่แท้เขาก็คือหัวหน้าของพวกเจ้า ซึ่งสอนมายาศาสตร์แก่พวกเจ้านั่นเอง (แล้วทำทีว่าเป็นคนละพวก) ดังนั้นข้าจะต้องตัดมือตัดเท้าของพวกเจ้าโดยสลับกัน และข้าจะตรึงพวกเจ้าไว้กับลำต้นของอินทผลัม และแน่นอน พวกเจ้าจะได้รู้ว่า ผู้ใดจากพวกเราที่ทำการลงโทษได้ร้ายแรงและจีรังกว่า
72. พวก(มายากล)เหล่านั้นกล่าวว่า “เราไม่ขอยึดท่านให้สำคัญกว่าบรรดา(หลักฐาน)อันชัดแจ้งที่ได้มาประสบแก่พวกเราและ(สำคัญกว่า)พระผู้ทรงบันดาลพวกเรา ดังนั้น ท่านจงตัดสินตามที่ท่านประสงค์เถิด เพราะท่านก็ตัดสินได้เฉพาะแต่ในชีวิตทางโลกนี้เท่านั้น”
73. “แท้จริงเราได้ศรัทธามั่นในองค์อภิบาลของเราแล้ว เพื่อพระองค์ทรงนิรโทษความผิดต่าง ๆ แก่พวกเราและ(นิรโทษความผิดจาก)มายากลที่ท่านบังคับให้เราแสดง และอัลเลาะฮฺทรงประเสริฐสุด และทรงจีรังสุด”
74. แท้จริงผู้ใดที่เข้าหาองค์อภิบาลของเขาอย่างคนบาป แน่นอนเขาจะต้องได้นรกยะฮันนัมซึ่งเขา(มีสภาพอันแสนทรมานแบบ)ไม่ตายและไม่เป็น ขณะอยู่ในนั้น
75. และผู้ใดเข้าหาพระองค์อย่างผู้มีศรัทธาที่ประพฤติแต่ความดี แน่นอนพวกเหล่านั้นย่อมได้บรรดาฐานันดรอันสูงส่ง(เป็นเครื่องตอบแทน)
76. นั่นคือบรรดาสวรรค์อันอมตะ ซึ่งมีธารน้ำหลากหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าประจำอยู่ในนั้นเป็นการถาวร และนั้นเป็นสิ่งตอบแทนแก่ผู้ที่บริสุทธิ์(หมดมลทิน)

 
คำแปล R3.
71. ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “พวกเจ้าศรัทธาเขาก่อนที่ข้าอนุญาตกระนั้นหรือ? ใช่สิ เขาเป็นนายผู้สอนมายากลพวกเจ้าอย่างแน่นอน เอาละ ถ้าเช่นนั้นข้าจะตัดมือตัดเท้าของพวกเจ้าสลับกัน และจะเอาพวกเจ้าไปตรึงไว้บนต้นอินทผลัม แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าการลงโทษของใครที่รุนแรงและยาวนานกว่า (การลงโทษของฉันหรือของมูซา)
72. พวกนักมายากลตอบว่า “ด้วยพระองค์ผู้ทรงสร้างเรา เราไม่อาจที่จะเห็นแก่ท่าน(มากกว่าสัจธรรม) หลังจากที่เราได้เห็นสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว ดังนั้นท่านจะตัดสินรุนแรงอย่างไรก็ตามใจท่าน เพราะอย่างมากที่สุด ท่านก็ตัดสินได้แต่เฉพาะชีวิตแห่งโลกนี้เท่านั้น
73. เราศรัทธาในพระผู้อภิบาลของเราเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงให้อภัยความผิดและบาปของเราในเรื่องมายากลที่ท่านบังคับเราให้แสดง อัลลอฮฺทรงดีเลิศที่สุด ทรงนิรันดร”
74. ความจริงสำหรับคนที่มาปรากฏต่อหน้าพระผู้อภิบาลของเขาในฐานะผู้ทำผิดนั้น จะมีนรกเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งในนั้นเขาจะไม่เป็นและไม่ตาย
75. ส่วนคนที่มาปรากฏต่อหน้าพระผู้อภิบาลของเขาในฐานะผู้ศรัทธา ผู้กระทำความดี คนเหล่านี้จะได้รับตำแหน่งอันสูงส่ง
76. พวกเขาจะพำนักอยู่อย่างนิรันดรในสวรสวรรค์อันถาวรซึ่งใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน นั่นคือรางวัลของผู้ที่รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์


คำแปล R4.
71. เขา (ฟิรเอาน์) กล่าวว่า พวกท่านศรัทธาต่อเขา ก่อนที่ฉันจะขออนุญาตให้แก่พวกท่านกระนั้นหรือ  แท้จริงเขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกท่าน ซึ่งได้สอนวิชามายากลแก่พวกท่าน ฉะนั้น ฉันจะตัดมือและเท้าของพวกท่านสลับข้างกัน และฉันจะเอาพวกท่านไปตรึงไว้ที่ต้นอินทผลัม และพวกท่านก็จะรู้อย่างแน่ชัดว่า ผู้ใดในหมู่พวกเราที่จะให้การลงโทษที่สาหัสกว่า และยาวนานยิ่งกว่า
72. พวกเขากล่าวว่า เราจะไม่ฝักใฝ่ท่านมากกว่าหลักฐานที่ชัดแจ้งที่ได้มายังเรา ขอสาบานต่อพระผู้ให้บังเกิดเรา ท่านจงกระทำตามสิ่งที่ท่านต้องการจะกระทำเถิด แท้จริงท่านจะกระทำได้ในชีวิตแห่งโลกนี้เท่านั้น
73. แท้จริง เราได้ศรัทธาต่อพระเจ้าของเรา เพื่อพระองค์จะทรงอภัยความผิดต่าง ๆ ของเราให้แก่เรา และทรงอภัยสิ่งที่ท่านได้บังคับให้เรากระทำเกี่ยวกับเรื่องมายากล และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้ดีเลิศยิ่งและทรงยั่งยืนตลอดไป
74. ความจริงนั้น ผู้ใดมาหาพระเจ้าของเขาในสภาพของผู้กระทำความผิด แน่นอน เขาจะได้รับนรกเป็นการตอบแทน โดยที่เขาจะไม่ตายและไม่เป็นในนั้น
75. และผู้ใดมาหาพระองค์โดยเป็นผู้ศรัทธาเขาได้กระทำความดีต่าง ๆ ไว้ ชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขานั้นจะมีสถานะอันสูงส่ง
76. สวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล และนั่นคือการตอบแทนสำหรับผู้ขัดเกลาตนเอง (ให้พ้นจากความชั่ว)


คำแปล R5.
๗๑. ฟิรเอาน์กล่าวว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อพระผู้อภิบาลของฮารูนและมูซาก่อนที่ข้าจะอนุญาตแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ แท้ที่จริงมูซาเขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของพวกเจ้าที่สอนวิทยากลให้พวกเจ้าและพวกเจ้านั้นที่แท้ก็เป็นศิษย์ของเขา พวกเจ้าจึงได้ประนีประนอมกับเขาได้ ข้าขอสาบานว่าข้าจะต้องตัดมือและเท้าของพวกเจ้าโดยสลับกัน คือ ถ้าตัดมือขวาก็ตัดเท้าซ้าย และข้าจะตรึงพวกเจ้าทั้งหลายไว้กับต้นอินทผลัมและพวกเจ้าจะได้รู้ว่าใครข้าหรือพระเจ้าของมูซาจะลงโทษได้ร้ายแรงกว่าและจีรังกว่า
๗๒.พวกเขา(วิทยากล) กล่าวตอบฟิรเอาน์ว่า พวกเราจะไม่เลือกท่านให้เหนือไปกว่าสิ่งที่มาสู่เราจากสัญลักษณ์ต่าง ๆ อันชัดแจ้งที่นำมาโดยมูซาหรอก และให้เหนือกว่าองค์พระผู้อภิบาลซึ่งพระองค์ทรงสร้างพวกเรา ท่านจงกระทำต่อพวกเราตามที่ท่านประสงค์เถิด พวกเราไม่สนใจที่จะกลัวท่านหรอก เพราะแท้จริงท่านจะกระทำต่อพวกเราได้ก็เฉพาะในชีวิตแห่งภพนี้เท่านั้น แต่ในภพหน้าท่านก็จะต้องถูกตอบแทนอย่างสาสมโดยพระผู้เป็นเจ้าของพวกเราอย่างแน่นอน
๗๓. แท้ที่จริงพวกเราศรัทธาในองค์พระผู้อภิบาลของเรา เพื่อพระองค์ทรงอภัยแก่พวกเราในความผิดพลาดต่าง ๆ ของพวกเรา และอภัยในสิ่งที่ท่าน(ฟิรเอาน์) ได้บังคับให้พวกเรากระทำจากวิทยากลที่ให้พวกเราเล่าเรียน และให้นำมาแสดงเพื่อขัดขวางมูซา และบุญกุศลที่ได้รับจากอัลเลาะห์นั้นดีที่สุดและจีรังที่สุด
๗๔. แท้ที่จริงบุคคลใดมายังพระผู้อภิบาลของเขาโดยเป็นคนบาป ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์เช่น ฟิรเอาน์ เขาก็จะต้องได้นรกยะฮันนำอย่างแน่นอน เขาอยู่ในนั้นแบบไม่ตายและไม่มีชีวิตอย่างเป็นสุข
๗๕. ส่วนผู้ใดมายังพระองค์โดยเป็นผู้ศรัทธาซึ่งเขาได้แต่ทำความดีทั้งที่บังคับและไม่บังคับ พวกเขาเหล่านั้นแหละจะได้รับตำแหน่งอันสูงส่งอย่างแน่นอน
๗๖. และถ้าผู้ที่มายังพระองค์โดยการเชื่อ เขาทำความดีทั้งที่บังคับและไม่บังคับ พวกเขาเหล่านั้นแหละจะได้สถานพำนักชั้นเยี่ยม นั่นคือสวรรค์แห่งความนิรันดร อันมีแม่น้ำลำธารไหลผ่าน ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาคงอยู่ในนั้นชั่วกาลนาน ไม่ออกและไม่ตายและสวรรค์นั้นเป็นสิ่งตอบแทนแก่ผู้ที่มีความบริสุทธิ์ปราศจากบาปต่าง ๆ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 77 - 79
 

คำแปล R1.
77. And indeed we inspired Musa (Moses) (saying): "Travel by night with Ibadi (My slaves) and strike a dry path for them in the sea, fearing neither to be overtaken [by Fir'aun (Pharaoh)] nor being afraid (of drowning in the sea)."
78. Then Fir'aun (Pharaoh) pursued them with his hosts, but the sea-water completely overwhelmed them and covered them up.
79. And Fir'aun (Pharaoh) led his people astray, and he did not guide them.


คำแปล R2.
77. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ให้โองการมายังมูซาว่า “เจ้าจงนำบรรดาข้าทาสของข้า(ชาวยิว)ออกเดินทางกลางคืนเถิด(เพื่อหลบหนีการกดขี่ของฟิรเอาน์) แล้วเจ้าจงฟาดไม้เท้าลงในทะเลเป็นทางเดินอันแห้งสนิทสำหรับพวกเขา(ใช้เดินข้ามไปสู่อีกฟากหนึ่ง) เจ้าอย่ากลัว(ว่าพวกฟิรเอาน์จะ)ตามทันและเจ้าอย่าหวาดหวั่น(ว่าจะจมน้ำตาย)
78. จากนั้นฟิรเอาน์ก็นำกองทัพของเขาออกตามพวกเขา(มาติด ๆ) แล้วทะเลก็ประกบพวกนั้นไว้อย่างมิดชิด(และจมน้ำตายในที่สุด)
79. และฟิรเอาน์ได้สร้างความหลงผิดแก่พวกพ้องของเขา และเขาไม่ชี้นำ(ทางถูกแก่พวกพ้องของเขาเลย)


คำแปล R3.
77. และเราได้ส่งวะฮีย์มายังมูซาว่า: “จงออกเดินทางพร้อมกับบรรดาบ่าวของฉันในตอนกลางคืนและจงสร้างทางแห้งข้ามทะเลให้พวกเขาจงอย่ากลัวว่าจะถูกตามทันและจงอย่าหวาดหวั่นใด ๆ ทั้งสิ้น (ขณะข้ามทะเล)
78. ฟิรเอาน์ได้นำกำลังทหารของเขาออกติดตามพวกเขา แต่น้ำทะเลได้ท่วมพวกเขาจนมิด
79. ฟิรเอาน์ได้นำผู้คนให้หลงผิดและไม่ได้นำพวกเขาให้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง


คำแปล R4.
77. และโดยแน่นอน เราได้วะฮีแก่มูซาว่า จงเดินทางในเวลากลางคืนพร้อมด้วยปวงบ่าวของข้าแล้วฟาดลงในทะเล ให้เป็นทางเดินแห้งแก่พวกเขา เจ้าอย่าได้กลัวว่าจะถูกตามทัน และเจ้าอย่าได้กลัวจมน้ำ
78. ฟิรเอาน์พร้อมด้วยไพร่พลของเขาได้ตามมาทันพวกเขา แล้วน้ำจากทะเลได้ท่วม ทำให้พวกเขาจมน้ำ
79. และฟิรเอาน์ได้ทำให้กลุ่มชนของเขาหลงผิด และมิได้แนะทางที่ถูกต้องให้


คำแปล R5.
๗๗. และเราขออ้างเป็นสัจจะว่าแท้จริงเราได้โองการแก่มูซาว่า เจ้าจงนำมวลบ่าวของข้า(พวกบนีอิสรออีล) ออกเดินทางในยามกลางคืนพร้อมด้วยลูกหลานของเจ้า(ยะอ์กูบ)จากอียิปตืไปยังเมืองชาม(ประเทศซีเรีย) หลังจากมูซาได้พำนักอยู่เป็นเวลาหลายปี มูซาได้ชี้ชวนให้พวกฟิรเอาน์เข้ายอมรับนับถือศาสนาอิสลามด้วยสัญลักษณ์ของพระองค์แต่พวกนั้นยิ่งเพิ่มความหยิ่งยโสมากขึ้นแล้วเจ้าจงใช้ไม้เท้าของเจ้าตีลงไปในทะเลให้เป็นทางเดินอันแห้งสนิทสำหรับพวกเขา เจ้าอย่ากลัวว่าฟิรอูนจะตามเจ้าทัน และเจ้าอย่ากลัว จมน้ำตาย
๗๘. แล้วฟิรเอาน์ก็นำกองทัพของเขาติดตามลูกหลานของยะอ์กูบ พวกของมูซาจำนวน ๖๗๐,๐๐๐ คนไปพร้อมด้วยทหารจำนวน ๗๐๐,๐๐๐ คนฟิรเอาน์ตามรอยเท้าที่พวกมูซาเดินไปทันพอดีในขณะนั้นมูซาได้ใช้ไม้เท้าฟาดลงในทะเล ฟิรเอาน์ไม่รู้เท่าทันเดินตามไป แล้วอัลเลาะห์ทรงให้ทะเลครอบคลุมพวกเขา(ฟิรเอาน์) ไว้จนเสียชีวิตหมดสิ้น
๗๙. แล้วฟิรเอาน์ทำให้พวกของเขาหลงผิดอย่างสนิทโดยเขาชี้ชวนพวกนั้นให้เคารพบูชาตัวเขา เขาไม่ชี้หนทางเที่ยงแท้ให้กับพวกนั้นเลย แต่กลับทำให้พวกนั้นตกอยู่ในความเสียหาย ขัดแย้งกับคำพูดของเขาที่ว่า “ข้าไม่ชี้ให้พวกเจ้าเว้นแต่ทางเที่ยงแท้” และนี่แหละเป็นการกระทำของฟิรเอาน์ที่ทำให้ต้องจมน้ำตาย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 80 – 82


คำแปล R1.
80. O Children of Israel! We delivered you from your enemy, and we made a covenant with you on the right side of the mount, and we sent down to you Al-Manna and quails,
81. (Saying) eat of the Taiyibat (good lawful things) wherewith we have provided you, and commit no oppression therein, lest My Anger should justly descend on you. And he on whom My Anger descends, he is indeed perished.
82. And verily, I am indeed forgiving to him who repents, believes (in My Oneness, and associates none in worship with me) and does righteous good deeds, and then remains constant in doing them, (till his death).


คำแปล R2.
80. โอ้วงศ์วานแห่งอิสรออีล แท้จริงเราได้ให้พวกเจ้าปลอดภัยจากศัตรูของพวกเจ้า เราได้ให้สัญญาแก่พวกเจ้า ณ ด้านขวาของภูเขาฎูรซีนา และเราได้ให้มันน์และซัลวาลงมา(เป็นอาหาร)แก่พวกเจ้า
81. “พวกเจ้าจงบริโภคจากโชคผลที่ดี ๆ ซึ่งเราได้ให้แก่พวกเจ้าเถิด และพวกเจ้าอย่าอกตัญญูในสิ่งนั้น อันเป็นสาเหตุทำให้ความกริ้วของข้าประสบแก่พวกเจ้า และผู้ใดก็ตามที่ความกริ้วของข้าประสบแก่เขา แน่นอนเขาย่อมประสบความหายนะ
82. และแท้จริงข้าเป็นผู้อภัยยิ่งนัก แก่บุคคลที่สารภาพผิด อีกทั้งมีศรัทธา และประพฤติแต่ความดี หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการชี้นำ(สู่ทางที่ถูกต้อง)


คำแปล R3.
80. วงศ์วานอิสรออีลเอ๋ย เราได้ช่วยสูเจ้าให้พ้นจากศัตรูของสูเจ้าและได้กำหนดให้สูเจ้ามาอยู่กันที่ทางด้านขวาของภูเขาฏูรฺ และได้ประทาน มันนะ และ ซัลวา แก่สูเจ้า
81. จงกินสิ่งที่บริสุทธิ์ทั้งหลายที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าและจงอย่าฝ่าฝืนหลังจากนี้ มิเช่นนั้นแล้ว ความกริ้วของฉันจะมาเยือนสูเจ้า และใครก็ตามที่ความกริ้วของฉันมาเยือนเขาจะตกต่ำ
82. แต่สำหรับคนที่สำนึกผิดและศรัทธาและประกอบความดีแล้วมั่นคงอยู่ในทางนำนั้น ฉันเป็นผู้อภัยอย่างแน่นอน


คำแปล R4.
80. โอ้ วงศ์วานของอิสรออีลเอ๋ย แน่นอนเราได้ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากศัตรูของพวกเจ้า และเราได้สัญญาพวกเจ้าทางด้านขวาของภูเขาฏูร และเราได้ให้อาหารหวานและนกคุ่มแก่พวกเจ้า
81. พวกเจ้าจงกินจากสิ่งที่ดีทั้งหลาย ที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าอย่าได้ฝ่าฝืน มิฉะนั้น ความกริ้วของข้าจะเกิดขึ้นแก่พวกเจ้า และผู้ใดที่ความกริ้วของข้าจะเกิดขึ้นแก่เขาแน่นอนเขาจะประสบความพินาศ
82. และแท้จริง ข้าเป็นผู้อภัยอย่างมากหลายแก่ผู้ลุแก่โทษ และศรัทธา และประกอบความดีแล้วยึดมั่นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง


คำแปล R5.
๘๐. โอ้เผ่าพันธุ์ของอิสรออีลทั้งหลาย ซึ่งเป็นลูกหลานของยะอ์กูบในสมัยของมุฮำมัด เราได้ให้บรรพบุรุษของพวกเจ้าพ้นอันตรายจากฟิรเอาน์ซึ่งเป็นศัตรูของบรรพบุรุษของพวกเจ้า และเราได้ให้คำมั่นของพวกเจ้า ให้มา ณ ด้านขวาของภูเขาตูริซีนา เพื่อจะประทานคัมภีร์เตารอตแก่มูซาเพื่อถือปฏิบัติและเราได้ให้น้ำตาลฟ้า (อัลมัน) และนกคุ้ม (นาซัลวา) แก่ บรรพบุรุษของพวกเจ้าทั้งมวลเป็นอาหาร
๘๑. พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งที่ดีจากสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเจ้าเถิดและพวกเจ้าอย่าได้เนรคุณแก่สิ่งเหล่านั้นเป็นอันขาด จะเป็นเหตุให้ข้าเกิดความกริ้วโกรธต่อบรรพบุรุษของพวกเจ้าและผู้ใดซึ่งถูกข้ากริ้วเขาก็จะตกลงสู่ไฟนรก
๘๒. และแท้จริงข้าจะให้อภัยแก่บุคคลที่กลับตัว มีศรัทธา และประพฤติแต่ความดี ทั้งที่บังคับและไม่บังคับ หลังจากนั้นเขาจะได้รับการชักนำ ไปสู่ทางเที่ยงตรง


ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ติดตามอยู่ค่ะ
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

 

GoogleTagged