ได้ยินข่าวน้องๆนักศึกษาแล้วน่าเป็นห่วงจริงๆ

[Haytham]

ในความเป็น Unity ของเรานั้น ปรากฏชัดเจนอย่างหนึ่งที่พอตัวอย่างได้ในเดือนรอมฎอนนี้  เรามีเวลามาละศิลอดร่วมกัน
และละหมาดตารอแวะฮร่วมกัน  เชื่อสิ  นักศึกษาที่มองผ่านชมรมเราจากภายนอกอาจจะแปลกใจว่า ในการละหมาดตารอแวะของเรา มียี่สิบรอกาอัต และประกอบด้วยการกล่าวซอลาวัต(อันเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำ---เข้าใจถูกต้องมั้ย)กันเป็นหมู่คณะหนึ่ง   ขณะที่ เรามีพี่น้องบางคน ที่ศึกษากับผู้รู้ที่ไม่สังกัดมัซฮับ ซึ่งบางคนละหมาดแปดรอกาอัต ไม่กล่าวซอลาวัต  ก็ไม่เห็นใครว่าอะไร                   //  และ ผู้ที่อ่านฟาติฮะชัดเจนถูกต้อง เขาจะได้เป็นอิหม่ามนำละหมาด ไม่เกี่ยวว่าจะมาจากการศึกษาแนวคิดใหน  ในอะฮลุ้ลซุนนะฮวัลญามาอะฮ//   

[Haytham]

จะไปแล้ว  มีเรื่องเล่าแถม
   ก่อนหน้าเราได้จัดกิจกรรม ประมาณเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวก้าวสู่รอมฎอน เราเชิญวิทยากรผู้รู้/ที่จบป.ตรีจากอัซ-ฮัร--โทที่โมรอคโคถ้าจำไม่ผิดนี้แหละ /  โดยอาศัยลูกศิษย์ของท่านที่เรียนอยู่ที่นี่ จำนวนหนึ่ง  เราไม่ถามและแบ่งพรรคพวกว่าทำไมไม่เชิญท่านนั้น ท่านนี้ เราพร้อมอยู่แล้วที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกัน นักเรียนจากสถาบันอื่นก็มา

               หลังจากกิจกรรมเสร็จ  มีนศ. จากม. เอกชน--แถวๆร่มเกล้า--พัฒนาการ  คนหนึ่ง/มาคนเดียวด้วย/มาขอวารสารชมรม
               เราบอกว่า เดี่ยว เราส่งให้ที่ชมรมคุณเอง  ตอนนี้เราไม่มี
               เขาบอกว่า  ที่ม. เขานั้น ตอนนี้เขาไม่รับวารสารชมรมฝ่ายซุนนะฮจากมหาลัยเรา 
               ประมาณว่า ตอนนี้ฝ่ายบิดอะฮเป็นใหญ่ตามความเข้าใจของเขา
               ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับชมรมเราส่งไป  ชมรมเขาจะไม่รับ
   เรา//เวทนาในสติปัญญาของคนพูด//และบอกเขาว่า  คุณคิดมากไปหรือเปล่า  กลับเหอะ เดี่ยววารสารเราจะส่งที่ชมรมคุณเอง   ไปรอรับได้เลย..................................
.......เขา แทนเขาเองและเราว่าพวกซุนนะฮอย่างเรา และเรียกคนในชมรมเขาว่าฝ่ายบิดอะฮ ................................เป็นอุตริศัพท์ใหม่ที่ออกจากปากคนจำพวกเรียนมหาลัยที่ไม่ได้เก่งกว่าชาวบ้านซ๊ะทุกคนหรอกครับผมเห็นคนจบปริญญาตรีโง่ๆ (ในทุกๆเรื่อง) เยอะเลย ตาม จกขกท     แล้วมาเพิ่มต่อจาก คำว่าวาฮาบี/ซุนนะฮ ให้สังคมมุสลิมร้าวแล้วร้าวอีก
..........................................................................

[บุคคลธรรมดา]

อืม   มันพร้อมใจกันแตกแยก ทั้งสองฝ่ายแหละ

แต่อาจจะคนละคน  คนละสถานที่

และบางทีความห่วงใย เรา ก้อ ปนเปื้อน ด้วย ความรู้สึก ชิงชังต่อ กัน

ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แบบ สะเทือนใจ

แต่ เท่าที่อ่าน ๆ มัน ก็ทำให้รู้สึก ทั้ง ท้อ และ น้อยใจ

บางคน ทำอย่างกับ อีกฝ่าย เป็น แมงสาบ

ที กับ กาเฟร ประคบ ประหงม เอาใจ

แต่ กับภายใต้ อะกีดะฮฺ เดียวกัน ไม มัน

เขี่ยเราทิ้ง เหมือน ผัก ในจานข้าว เด็ก แบบนี้เนอะ

ยังงัย ซะ  อคติ จะหมดสิ้น ก็เริ่มจากเราก่อน เช่นกัน

 

[Goddut]

พวกเขามักจะเอาเปรียบ โดยอ้างว่า คนอื่น มาเอาเปรียบ
ยกตัวอย่าง ใน กระทู้มุสลิมไทย ที่ปิดไปแล้วขณะนี้

ได้มีน้องบางท่านชี้แจง กรณี ละหมาด 8 ร๊อกอัตว่า ประเสริฐ กว่า
แต่พอทางเราจะชี้แจงแย้งบ้าง ก็กล่าวว่าอย่าทะเลาะกัน

ได้มีน้องบางท่านมากล่าวหาผู้นำของเรา ทำชั่ว
แต่พอเราจะชี้แจงว่าไม่ได้ทำตรงไหน ก็กล่าวว่าขอให้ยุติ

พอเขามาถามปัญหาเรื่องกรณีเช่นนี้ จะถูกมองว่าเป็นคนไม่รู้
แต่พอเราจะถามปัญหาเช่นนี้ เรียกว่าหาเรื่อง

น้องบางท่าน มีความคิดแบ่งแยก มัสยิดซุนนะ และมัสยิดบิดะอย่างชัดเจน
น้องบางท่าน มีความคิดแบ่งแยก คนที่ไม่ใช่มุสลิม เป็นกาเฟร อย่างชัดเจน
น้องบางท่าน มีความคิดแบ่งแยก ในเรื่องที่เป็นปัญหาคิลาฟิยะ ให้แตกหักอย่างชัดเจน

ผมสามารถกล่าวได้ว่า ที่ใด ได้ประสบ หรือพบปัญหาเหล่านี้บ้าง ( บอกแค่เป็นกรณี แต่ขอสงวนสถานที่ )
1. กล่าวหาอีหม่าม ในมัสยิดที่ตนละหมาดว่า กระทำบิดอะ
2. กล่าวหาพี่น้อง ในกัมปงที่ตนอยู่ว่า เป็นพวกกาเฟร
3. กล่าวหามัสยิด หลายๆ มัสยิดว่า ไม่ใช่ซุนนะ
4. เข้าใจว่า การตามมัซฮับในทุกเรื่องนั้นผิด และทำตามไม่ได้
5. เข้าใจว่า การตามผู้รู้ในสังคมไทยนั้นเชื่อถือได้ มากกว่าการตามมัซฮับที่มีปัญหาขัดแย้งกัน
6. มักไม่ศึกษา ปัญหาคิลาฟิยะ ในหลายๆทรรศนะ
7. มักจะศึกษาเพียงทรรศนะเดียว แล้วเชื่อตามที่ได้ศึกษาว่าถูกต้องที่สุด ทั้งๆ ที่มีหลายทรรศนะ
8. ชอบขอหลักฐาน กับผู้ที่ตนเองไม่ชอบ ( อคติ ) แม้จะไม่มีความรู้เข้าใจได้เพียงพอ ก็ขอหลักฐาน
9. มักจะหาหลักฐาน ฝั่งตรงข้ามกับตนเอง แบบขอไปที และไม่นิยมศึกษาให้เข้าใจ หรือคิดตามที่ได้รับมาจริงๆ
10. หลังจากที่ได้พบหลักฐานจากฝั่งที่นิยมชมชอบ ก็จะเชื่อแบบสุดฤทธิ์ และจะไม่เชื่อหรือศึกษาทรรศนะอื่นๆ อีก แม้จะมาจาก 4 มัซฮับใหญ่
11. ชอบอ้างว่า ทุกคนเป็นมนุษย์ และทุกคนย่อมผิดพลาดกับคนอื่น แต่ไม่อ้างว่าผู้รู้ที่ตนเองชื่นชอบ นั้นมีผิดพลาดได้
12. ชอบอ้างว่า ตนเองตามนบี แต่กริยามารยาท และความบริสุทธิ์ใจ ( อัคลาค และ อิคลาส ) นั้น ไม่ได้ ตามนบีเลย..

ผมขอกล่าวว่า ทั้งพี่น้องผม และคนรู้จักผม มักที่จะนำเรื่องเหล่านี้ มาบอกกล่าวผมบ่อยครั้ง
เนื่องจากว่า เจ็บใจ บุคคลกลุ่มนี้ เป็นอันมาก ที่สร้างความแตกแยกกับสังคม
1. แตกแยกกับมัสยิด ไปตั้งมัสยิดใหม่ หรือ ละหมาดที่อื่น  เช่น มัสยิดอะซานได้เวลาละหมาด ก็เดินสวนกลับไปละหมาดบ้าน
2. แตกแยกกับชุมชน ไม่คบหา หรือทำงานร่วมกันในชุมชนนั้น เช่น มีงานมัสยิด งานเลี้ยงละศีลอด หรืองานบุญ ก็จะไม่เข้าร่วม
3. แตกแยกกับครอบครัว โดยไม่สนใจใยดี เช่น เวลามีงานที่บ้าน ก็มักจะคลุกแต่ในห้องตัวเอง หรือออกนอกบ้านแซร้งติดธุระ

มีหลายแหล่งข่าวที่แจ้งความคืบหน้า ในเรื่องความก้าวร้าวของบุคคลเหล่านี้อย่างมากมาย ชนิดที่เรียกว่าถ้าได้รู้ก็จะเสื่อมศรัทธากันไปเอง
ดังที่เห็นในปัจจุบันว่ามีพี่น้องหลายท่าน ออกมาจากกลุ่มดังกล่าวมากเป็นลำดับ
ซึ่ง เท่าที่ผมทราบนั้น แหล่งข่าว หรือผู้มีประสบการณ์แตกแยกเหล่านั้น มีอยู่มากกว่า 10 ชุมชน ด้วยกัน ซึ่งจะรุนแรงมากน้อยตามแต่ความไฟแรง และลักษณะนิสัยของบุคคลเหล่านี้ที่อาศัยอยู่
1. บางที่มีการขึ้นโรง ขึ้นศาล
2. บางที่มีการยกเลิก วายิบละหมาดที่มัสยิด
3. บางที่มีการกล่าวหาว่าไม่ใช่มุสลิม
4. บางที่ไม่ให้แต่งงานกัน
5. บางที่ชกต่อยกัน

นอูซุบิลลา.. ขอพระองค์ทรงให้เราได้ห่างไกลด้วยเถิด.
หวังว่า พี่น้องจะรักศึกษาความจริงเปิดใจยอมรับทรรศนะอื่น และงดการกล่าวร้ายต่อบรรดาผู้รู้ต่างๆ
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...

[บุคคลธรรมดา]

ญะซากัลลอฮฺ น้องด้ท 

ให้รายละเอียด ได้ชัดเจน และ เห็นภาพ(ที่ไม่น่าจะเกิดกับพี่น้อง)

จริง ๆ มีเรื่องนึง ที่พี่เห็นได้อย่างชัดเจน

เกี่ยวกับการเปิดกระทู้โจมตี จุฬาราชมนตรี  ลามไปถึง การไม่ยอมรับ สัญลักษณ์ฮาล้าล

จาก ท่านจุฬาฯ คนปัจจุบัน

โดยพยายามซูม ไปที่เรื่องความผิดพลาดเกี่ยวกับ กรณี หอยจ๊อ ที่เรารู้กัน
(ซึ่งก็ได้ผู้รับผิดชอบแล้ว)


ที่น่าเป็นห่วง คือ การ ใช้คำชี้นำ ว่า การให้สัญลักษณ์ ฮาล้าล เชื่อถือไม่ได้อีกแล้ว

ตรงนี้ มีเด็กๆ ที่เข้าไปอ่าน แล้ว เอาไปเป็นข้ออ้าง ต่อการเลือกซื้อ อาหารต่าง ๆ

โดยไม่ทันได้แยกแยะ ต่อเหตุการณ์  และเอาไปสรุปตามคำชี้นำที่มักง่าย

ว่า คงไม่ต้องดู ต้องเลือก ว่า มีสัญลักษณ์ ฮาล้าล เพราะ ยังงัย ก็เชื่อถือไม่ได้

ซึ่งตรงนี้ ถือ ว่า เป็นความมักง่ายมาก ๆ ทางการ ตอบโต้ ที่นอกจาก จะไม่ได้ประโยชน์

แต่กลับสร้างความเข้าใจผิด ให้กับคนอื่นๆ ได้ เพียงเพราะ

การให้ข้อมูลเพื่อความสะใจ มากกว่า การแก้ปัญหา

และ นี่เป็นอีกหนึ่งผลกระทบ จาก ความแตกแยก    :'( :'(
 

[philosophy]

أسلام عليكم
ได้ยินคนเขาพูดกันว่า...คนที่ไม่ละหมาดจะได้เข้าสวรรค์เพราะคนที่ไปละหมาดชอบทะเลาะกัน
نعوذ بالله من ذلك
والسلام
 

[นูรุ้ลอิสลาม]

พวกเขามักจะเอาเปรียบ โดยอ้างว่า คนอื่น มาเอาเปรียบ
ยกตัวอย่าง ใน กระทู้มุสลิมไทย ที่ปิดไปแล้วขณะนี้

ได้มีน้องบางท่านชี้แจง กรณี ละหมาด 8 ร๊อกอัตว่า ประเสริฐ กว่า
แต่พอทางเราจะชี้แจงแย้งบ้าง ก็กล่าวว่าอย่าทะเลาะกัน

ได้มีน้องบางท่านมากล่าวหาผู้นำของเรา ทำชั่ว
แต่พอเราจะชี้แจงว่าไม่ได้ทำตรงไหน ก็กล่าวว่าขอให้ยุติ

พอเขามาถามปัญหาเรื่องกรณีเช่นนี้ จะถูกมองว่าเป็นคนไม่รู้
แต่พอเราจะถามปัญหาเช่นนี้ เรียกว่าหาเรื่อง

น้องบางท่าน มีความคิดแบ่งแยก มัสยิดซุนนะ และมัสยิดบิดะอย่างชัดเจน
น้องบางท่าน มีความคิดแบ่งแยก คนที่ไม่ใช่มุสลิม เป็นกาเฟร อย่างชัดเจน
น้องบางท่าน มีความคิดแบ่งแยก ในเรื่องที่เป็นปัญหาคิลาฟิยะ ให้แตกหักอย่างชัดเจน

ผมสามารถกล่าวได้ว่า ที่ใด ได้ประสบ หรือพบปัญหาเหล่านี้บ้าง ( บอกแค่เป็นกรณี แต่ขอสงวนสถานที่ )
1. กล่าวหาอีหม่าม ในมัสยิดที่ตนละหมาดว่า กระทำบิดอะ
2. กล่าวหาพี่น้อง ในกัมปงที่ตนอยู่ว่า เป็นพวกกาเฟร
3. กล่าวหามัสยิด หลายๆ มัสยิดว่า ไม่ใช่ซุนนะ
4. เข้าใจว่า การตามมัซฮับในทุกเรื่องนั้นผิด และทำตามไม่ได้
5. เข้าใจว่า การตามผู้รู้ในสังคมไทยนั้นเชื่อถือได้ มากกว่าการตามมัซฮับที่มีปัญหาขัดแย้งกัน
6. มักไม่ศึกษา ปัญหาคิลาฟิยะ ในหลายๆทรรศนะ
7. มักจะศึกษาเพียงทรรศนะเดียว แล้วเชื่อตามที่ได้ศึกษาว่าถูกต้องที่สุด ทั้งๆ ที่มีหลายทรรศนะ
8. ชอบขอหลักฐาน กับผู้ที่ตนเองไม่ชอบ ( อคติ ) แม้จะไม่มีความรู้เข้าใจได้เพียงพอ ก็ขอหลักฐาน
9. มักจะหาหลักฐาน ฝั่งตรงข้ามกับตนเอง แบบขอไปที และไม่นิยมศึกษาให้เข้าใจ หรือคิดตามที่ได้รับมาจริงๆ
10. หลังจากที่ได้พบหลักฐานจากฝั่งที่นิยมชมชอบ ก็จะเชื่อแบบสุดฤทธิ์ และจะไม่เชื่อหรือศึกษาทรรศนะอื่นๆ อีก แม้จะมาจาก 4 มัซฮับใหญ่
11. ชอบอ้างว่า ทุกคนเป็นมนุษย์ และทุกคนย่อมผิดพลาดกับคนอื่น แต่ไม่อ้างว่าผู้รู้ที่ตนเองชื่นชอบ นั้นมีผิดพลาดได้
12. ชอบอ้างว่า ตนเองตามนบี แต่กริยามารยาท และความบริสุทธิ์ใจ ( อัคลาค และ อิคลาส ) นั้น ไม่ได้ ตามนบีเลย..

ผมขอกล่าวว่า ทั้งพี่น้องผม และคนรู้จักผม มักที่จะนำเรื่องเหล่านี้ มาบอกกล่าวผมบ่อยครั้ง
เนื่องจากว่า เจ็บใจ บุคคลกลุ่มนี้ เป็นอันมาก ที่สร้างความแตกแยกกับสังคม
1. แตกแยกกับมัสยิด ไปตั้งมัสยิดใหม่ หรือ ละหมาดที่อื่น  เช่น มัสยิดอะซานได้เวลาละหมาด ก็เดินสวนกลับไปละหมาดบ้าน
2. แตกแยกกับชุมชน ไม่คบหา หรือทำงานร่วมกันในชุมชนนั้น เช่น มีงานมัสยิด งานเลี้ยงละศีลอด หรืองานบุญ ก็จะไม่เข้าร่วม
3. แตกแยกกับครอบครัว โดยไม่สนใจใยดี เช่น เวลามีงานที่บ้าน ก็มักจะคลุกแต่ในห้องตัวเอง หรือออกนอกบ้านแซร้งติดธุระ

มีหลายแหล่งข่าวที่แจ้งความคืบหน้า ในเรื่องความก้าวร้าวของบุคคลเหล่านี้อย่างมากมาย ชนิดที่เรียกว่าถ้าได้รู้ก็จะเสื่อมศรัทธากันไปเอง
ดังที่เห็นในปัจจุบันว่ามีพี่น้องหลายท่าน ออกมาจากกลุ่มดังกล่าวมากเป็นลำดับ
ซึ่ง เท่าที่ผมทราบนั้น แหล่งข่าว หรือผู้มีประสบการณ์แตกแยกเหล่านั้น มีอยู่มากกว่า 10 ชุมชน ด้วยกัน ซึ่งจะรุนแรงมากน้อยตามแต่ความไฟแรง และลักษณะนิสัยของบุคคลเหล่านี้ที่อาศัยอยู่
1. บางที่มีการขึ้นโรง ขึ้นศาล
2. บางที่มีการยกเลิก วายิบละหมาดที่มัสยิด
3. บางที่มีการกล่าวหาว่าไม่ใช่มุสลิม
4. บางที่ไม่ให้แต่งงานกัน
5. บางที่ชกต่อยกัน

นอูซุบิลลา.. ขอพระองค์ทรงให้เราได้ห่างไกลด้วยเถิด.
หวังว่า พี่น้องจะรักศึกษาความจริงเปิดใจยอมรับทรรศนะอื่น และงดการกล่าวร้ายต่อบรรดาผู้รู้ต่างๆ
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...

     ของแท้เลยขอรับ  เป็นการฉายภาพให้เห็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย  ว่านั่นคือหลักการของวะฮาบีหัวรุนแรงในศาสนาอิสลาม  แต่วะฮาบีย์ที่มั๊วะตะดิล(คือวะฮาบีย์ที่เป็นกลางไม่กล่าวหาใคร) หายากขอรับแต่ก็มีให้เห็นบ้าง อัลฮัมดุลลาฮ์

[del_dangerous]

นี่คือสิ่งที่ผมเจอ

ถ้าไม่ใช่มัซฮับชาฟีอีย์ หรือไม่เหมือนกับที่โต๊ะครูบอก

ผิดหมด

เคยเจอหรือเปล่าครับแบบนี้



สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา ก็เรื่องของมัซฮับนี้แหล่ะ

คนที่ไม่ได้เรียนในระดับสูง ไม่เข้าใจเรื่องมัซฮับ คิดว่าที่ตัวเองเรียนมา

นั้นถูกที่สุด ถ้าคนอื่นมัซฮับอื่น หรือปฏิบัติอย่างอื่น ถือว่าผิด

มันถูกต้องหรือเปล่าครับ

อย่างเช่นผมที่อยู่เฉยๆ บอกสิ่งที่ได้เรียนรู้มา

โดนกล่าวหาว่าเป็นพวกคณะใหม่ พวกวาฮาบีย์บ้างละ

อีกหน่อยดีไม่ดี อาจจะโดนหุกมว่า เป็น กาเฟรก็ได้ ใครจะไปรู้

เพราะฉะนั้น ผมว่านะ

โต๊ะครูที่สอนศาสนา สอนเรื่องของความแตกต่าง ระหว่างมัซฮับ ความแตกต่างระหว่างทัศนะด้วย(อาจพอมีบ้าง)

วัสลาม

[Goddut]

นี่คือสิ่งที่ผมเจอ

ถ้าไม่ใช่มัซฮับชาฟีอีย์ หรือไม่เหมือนกับที่โต๊ะครูบอก

ผิดหมด

พวกเหล่านี้ มีแค่ที่ ภาคใต้ และพวกที่ ไม่ค่อยได้สนใจศาสนาเท่าไหร่ในแถบอื่น เช่น อยู่กรุงเทพ เมื่อก่อนชอบเที่ยวกลางคืน ชอบทำสิ่งไม่ดีต่างๆ

ประเด็น แยก 2 กลุ่มคือ

1. คนใต้ จะได้รับอิทธิพลมาจากอุสตาด ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะเชื่ออุสตาดมาก เพราะจริงๆ เขาความรู้น้อย และอุสตาดเองก็สอนเป็นมัซฮับ

ปัญหาที่พบ เช่น เขาตามละหมาดอีหม่าม เวลาซุปฮฺ ที่ไม่ได้กุนูต จะละหมาดเองใหม่  เป็นต้น  เพราะตนได้เรียนมาเท่านั้น

ซึ่งมาจากการที่มีความรู้น้อย และคนเหล่านี้จะไม่ว่าใคร ว่าตกนรก !! จำไว้ครับ แต่หากสอนเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ว่าเขา เขาก็เชื่อได้ง่าย เพราะจริงๆ ความรู้เขามีไม่มากนัก คนเหล่านี้มักจะให้เกียรติบรรดาผู้รู้กว่าเสมอ

2. คนที่เคยมีอดีต จากที่เคยมีอดีตมาก่อน ซึ่งบุคคลเหล่านี้พอได้พบสัจธรรม เลยคิดว่า สัจธรรมจริงๆ มันมีอย่างเดียว ( หลายสายมาก ทั้งคณะเก่า ทั้งคณะใหม่ ทั้งวะฮะบี )

ปัญหาที่พบ เช่น เชื่อว่าการโดนตัวของชายหญิงเมื่อมีน้ำละหมาด ถือว่าไม่เสีย แล้วใครถือว่าเสียก็จะผิดหลักซุนนะ  แม้จะเป็น อีหม่ามซาฟีอี ก็ตาม โดยอ้างอีหม่ามซาฟีอีไม่รู้ฮะดีส ( นะอุซุบิลลา )

ซึ่งมาจากการที่มีเหลวไหลมากก่อน และคนเหล่านี้จะชอบว่าคนอื่น ว่าตกนรก !! จำไว้ครับ ถ้าหากสอนเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจยังไง เขาก็จะไม่เชื่อง่ายๆ เพราะจะถามหาหลักฐานก่อน เนื่องจากกลัวหลงโดนหลอกเหมือนสมัยอดีต คนเหล่านี้มักจะไม่ให้เกียรติบรรดาผู้รู้กว่า

ผู้รู้กว่า คือ ผู้ที่มีความรู้มากกว่าคนอีกคน เช่น พ่อรู้มากกว่าลูก  น้ารู้มากกว่าหลาน  พี่รู้มากกว่าน้อง  เป็นต้น
ถึงขนาด ออกมากล่าวว่า ผู้รู้ระดับโลก ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ว่า "คนนั้นฟาซิก" "บิดอะตกนรก" "ขัดหลักซุนนะ" "ฟัตวามั่ว" "ทรรศนะของคนนี้เราไม่เอา"
ล้วนอยู่ในกลุ่ม ที่ 2 แทบทั้งสิ้น ที่มักจะคิดว่า ตนเองหวนกลับมาทาง อาคิเราะ แล้วจะมีความรู้ด้านอาคิเราะ มากกว่าคนอื่น ( ซุบฮานัลลอฮฺ )

โดนกล่าวหาว่าเป็นพวกคณะใหม่ พวกวาฮาบีย์บ้างละ
อีกหน่อยดีไม่ดี อาจจะโดนหุกมว่า เป็น กาเฟรก็ได้ ใครจะไปรู้

อย่างแรก เขาไม่ฮุก่มว่า เป็นกาเฟร หรอก... ( นอกจากพวก 3 จังหวัด ที่โดนอุสตาดปัตตานีสอนผิดๆ )
อย่างสอง จะเป็น คณะใหม่  หรือ วะฮะบี ก็ดี คณะไหนก็ได้
คุณจะไปโกรธแค้นอะไร ถ้าคุณไม่พอใจ แสดงว่าคุณน่ะ ครึ่งวะฮะบี

เพราะพวกที่เป็น วะฮะบี กับ คณะใหม่ พวกที่ผมรู้จักเหล่านั้น เขายืนยันชัดเจนว่าเป็นคณะกลุ่มเหล่านั้น
หากพวกที่โดนกล่าวไม่พอใจ แสดงว่า ก็ปฏิเสธทั้ง คณะใหม่ และ วะฮะบี อีกด้วย
จริงๆ แล้ว คณะเก่า คณะใหม่ วะฮะบี ก็ คณะเดียวกัน คือ อิสลาม

เราไม่มีปัญหากันเลย เราละหมาดตามกันได้ เรารักกัน และพวกเขา ก็ไม่เคยตราหน้าใครว่า ตกนรก หรือ ขัดหลักซุนนะ ที่มีปัญหานั้น คุณไม่ทราบจริงหรือว่าพวกไหน

แน่นอนมันมีแต่พวกครึ่งวะฮะบี ต่างหากที่ไล่ฮุก่มพี่น้อง เป็นกาเฟร บิดอะตกนรก
ผมบอกคุณได้ครับ คุณ del_dangerous พี่น้องเราไปนั่งฟังบรรยายมา เขายังพูดออกไมค์ กันเลยว่า  "พวกนั้นมันเป็นกาเฟร" หรือ "คนนั้นเชื่อถือไม่ได้" เป็นต้น

นี่หรือ ผู้รู้ที่เรียนจบเมืองนอก ?
นี่หรือ ผู้รู้ที่มีลูกศิษย์ ลูกหา มากมาย ?

ปล. พูดถึงเรื่อง ฮาล้าล รุ่นน้องผม ทำวิจัยอยู่ จะบอกว่า
ร้านไอศครลีม สเวนเซ่น นั้นทานได้ครับ  ส่วนใครจะบอยคอตก็ว่ากันไป
น้ำอัดลม โค้ก เป๊บซี่ ก็ทานได้ครับ ส่วนใครจะบอยคอตก็ว่ากันไป
เส้นใหญ่ ที่ใช้ใส่ก๋วยเตี๋ยว หรือผัดซีอี้ว ก็ยังทานได้ครับ
แต่พวกเขาเหล่านั้น นำมาเล่ากันอย่างเป็นตุเป็นตะ เฮ้อ....... ถึงขนาดเชื่อว่า ใครทานแล้ว เหมือนรับประทานสุกร ก็ไม่ปาน...

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

[Goddut]

อ่อ ผมลืมบอกไป

ที่ มหาวิทยาลัย แห่งหนึ่ง ก็มีเรื่องเช่นนี้

คือ ที่หอพักใน จะมีกลุ่ม ครึ่งวะฮะบี กับกลุ่มคณะเก่า แล้วก็มี คณะกลางใหม่กลางเก่า (ขอเรียกคณะกลาง) อยู่ พร้อมหน้า

คณะกลาง คือ ละหมาดซุปฮฺทำกุนูตบ้าง ไม่ทำบ้าง หรือ เชื่อว่าเมาลิดทำได้ หรือ เชื่อว่ามีบิดอะฮาซานะ เป็นบางครั้งที่ซอละวาตนบีหลังละหมาด
คณะใหม่ คือ ละหมาดซุปฮฺไม่ทำกุนูต ไม่ทำเมาลิด หรือเชื่อว่า บิดอะไม่มีฮาซานะ ไม่ซอละวาตนบีหลังละหมาด
คณะเก่า คือ ละหมาดซุปฮฺทำกุนูต หรือ เชื่อว่าเมาลิดทำได้ หรือ เชื่อว่ามีบิดอะฮาซานะ ซอละวาตนบีหลังละหมาด

ครึ่งวะฮะบี คือ ละหมาดซุปฮฺไม่ทำกุนูต เชื่อว่าทำเมาลิดไม่ได้ หรือเชื่อว่า บิดอะไม่มีฮาซานะ ไม่ซอละวาตนบีหลังละหมาด
จะเห็นว่า ครึ่งวะฮะบี นั้นโดยมองคร่าวๆ เหมือน คณะใหม่ แต่ การที่คณะใหม่ไม่ทำเมาลิด นั้น ไม่ได้เชื่อว่าใครทำเมาลิดแล้วบาป

กลับมาดูประเด็น ในหอพัก ต่อ
วันหนึ่ง อีหม่ามนำละหมาดซุปฮฺ มีกุนูต พวกเขาเหล่านั้น ( พวกครึ่งวะฮะบี ) ก็จะไม่ยกมือตาม อีหม่าม โดยจะยืนเฉยๆ
แล้วหาก มีซอละวาตหลังละหมาด พวกเขาก็จะลุกหนีไป

วันหนึ่ง อีหม่ามนำละหมาดซุปฮฺ ไม่มีกุนูต พวกเขาเหล่านั้น ( พวกคณะเก่า ) เมื่อละหมาดจบ ก็จะไปละหมาด ซุปฮฺใหม่ กันเองต่อ
แล้วหาก ไม่มีซอละวาตหลังละหมาด พวกเขาก็จะซอละวาตกันเอง

แต่ การกระทำแบบนั้น ทั้งสองกลุ่มจะพูดว่า
คณะเก่า กล่าวว่า : ละหมาดซุปฮฺ ไม่มีกุนูต มันใช่ไม่ได้ !! ทำไมไม่ซอละวาตนบี ใครๆ ก็สรรเสริญนบีทั้งนั้น
ครึ่งวะฮะบี กล่าวว่า : ละหมาดซุปฮฺ ไม่ได้มีกุนูต เฉพาะซุปฮฺ คนที่เชื่อว่าให้ทำเฉพาะซุปฮฺ เป็นบิดอะ ตกนรก !!! ใครซอละวาตหลังละหมาด บิดอะตกนรก เพราะนบีไม่ทำ !!!

กับ กลุ่มหนึ่ง กล่าวว่า ใช้ไม่ได้  กับอีกกลุ่ม กล่าวว่า ตกนรก นี่ต่างกันอย่างชัดเจนเลย
แล้วใคร มันจะอยากพูดด้วยหรือ เพราะแค่อ้าปากจะเสนอความคิดเห็น ก็ตกนรกไปเรียบร้อยแล้ว มิหนำซ้ำบางคนก็ทำท่ารังเกียจไม่อยากคุยกับชาวบิดอะ เสียอีก

จึงเป็นที่มาถึง ที่ หอพักใน แปะไว้หน้าห้องว่า "ศิษย์อาจารย์..(ชื่ออาจารย์ครึ่งวะฮะบี ท่านหนึ่ง).. ห้ามเข้าห้องนี้"  เป็นต้น
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

[บุคคลธรรมดา]

เฮ้อ

ฟังแล้วเหนื่อยใจแทน 

[sufriyan]

อย่างแรก เขาไม่ฮุก่มว่า เป็นกาเฟร หรอก... ( นอกจากพวก 3 จังหวัด ที่โดนอุสตาดปัตตานีสอนผิดๆ )

อัสลามูอาลัยกุม
นิดหนึ่ง ปัตตานีคือดินแดนที่อิสลามเจริญรุ่งเรืองมาก่อนนะครับ บรรดาอาจารย์ ครู บาบอ ทางภาคใต้ จบมาจากปัตตานีส่วนใหญ่ครับ แชคดาวุต อัลฟาตอนี ก็เป็นคน ปัตตานี และคนที่สอนผิดๆก็มักไม่ใช่อุสตาดหรอกครับ บรรดาอาจารย์ที่เรียนจบมาจากปัตตานี แล้วมาอยู่จังหวัดอื่นไม่มีใครมีปัญหาสักคน มีปัญหาแค่ในจังหวัดเองครับ และไม่น่าจะเกี่ยวกับอุสตาดด้วย อุสตาดนอกรีดส่วนน้อยที่ไหนก็มีครับ อันนั้นมีทั่วประเทศ  อย่าเข้าทางโจรซิครับ เค้ายิ่งต้องการทำลายภาพพจน์มุสลิมอยู่ด้วย
วัสลาม

[قطوف من أزاهير النور]

เอ้ ถ้าเขารู้ตัวว่าเขาไม่รู้  และพยายามหาความรู้  แล้วคนที่รู้ตัวว่าตัวเองรู้มีวิธีบอกให้เขาผู้ไม่รู้อย่างไร
ให้เขาได้รู้และมั่นใจในความรู้นั้น
 

ไม่มีวิธีอ่ะค่ะน้อง  เพราะจากการวิจัย (ส่วนตัว^^) พบว่าต่างฝ่ายต่างมีโครงสร้างทางความคิดต่างกัน
ยากที่จะทำให้อีกฝ่ายมายอมรับและทำในสิ่งที่เราทำ
(ประเด็นนี้มีตัวอย่างจะๆด้วยนะ แต่ขี้เกียจหยิบมาเป็นประเด็น)

ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนั้นด้วย

ปกติที่เป็นอยู่พี่เองก็อยู่ภายใต้จุดยืนของตัวเอง และยอมรับจุดยืนของคนอื่น
ไม่ว่าเค้าจะต่างกับเราแค่ไหน 
เพราะพี่คิดว่ามันไม่ใช่ประเด็นในการเป็นพี่เป็นน้องกัน  คบหากัน ตักเตือนกัน
สำหรับพี่คนที่หยิบยกประเด็นความแตกต่างตรงนี้มาเป็นเงื่อนไขในการคบหากัน
พี่จะถือว่าเขาเป็นคนมีอีหม่านไม่ถึงขั้น

แต่อัลฮัมดุิลิ้ลลา เท่าที่เจอมา .. น้อยคน (นั่นไม่ได้แปลว่าไม่มี)

สุดท้ายถ้าถามจะแก้ยังไง มันขึ้นอยู่กับการโฟกัสของเรานั่นล่ะ
คนบางคนเกิดมาเพื่อดะวะคนให้ปิดหน้า
คนบางคนเกิดมาเพื่อดะวะคนให้เป็นมุอมินะ
คนบางคนเกิดมาเพื่อดะวะคนทำบิดอะ(ตามที่เขาบอก) ไปสู่ซุนนะ (ตามแบบของเขา)
หรือคนบางคนเกิดมาเพื่อดะวะคนที่ไม่ละหมาดไปละหมาด คนไม่ทำฟัรดูมาทำฟัรดู

เลือกเอาแล้วกันว่าจะโฟกัสตรงไหน ยังไง

วัสลาม

[al-azhary]

ญะซากัลลอฮ์สำหรับทุก ๆ ความเห็นครับ

[Goddut]

อย่างแรก เขาไม่ฮุก่มว่า เป็นกาเฟร หรอก... ( นอกจากพวก 3 จังหวัด ที่โดนอุสตาดปัตตานีสอนผิดๆ )

อัสลามูอาลัยกุม
นิดหนึ่ง ปัตตานีคือดินแดนที่อิสลามเจริญรุ่งเรืองมาก่อนนะครับ บรรดาอาจารย์ ครู บาบอ ทางภาคใต้ จบมาจากปัตตานีส่วนใหญ่ครับ แชคดาวุต อัลฟาตอนี ก็เป็นคน ปัตตานี และคนที่สอนผิดๆก็มักไม่ใช่อุสตาดหรอกครับ บรรดาอาจารย์ที่เรียนจบมาจากปัตตานี แล้วมาอยู่จังหวัดอื่นไม่มีใครมีปัญหาสักคน มีปัญหาแค่ในจังหวัดเองครับ และไม่น่าจะเกี่ยวกับอุสตาดด้วย อุสตาดนอกรีดส่วนน้อยที่ไหนก็มีครับ อันนั้นมีทั่วประเทศ  อย่าเข้าทางโจรซิครับ เค้ายิ่งต้องการทำลายภาพพจน์มุสลิมอยู่ด้วย
วัสลาม

อุสตาดปัตตานี ที่กล่าวถึงตรงนี้ คือ  อุสตาดที่ "ต้องการตั้งรัฐปัตตานี"
ปฏิเสธ ไม่ได้ครับว่า มีแนวคิดเช่นนี้อยู่
รุ่นน้องผม ถึงกับบอกกับผมเลยว่า มีอุสตาดสอนแบบนี้ "ใครไปช่วยเหลือพวกกาเฟร ถือว่าเป็นกาเฟร" และ "การฆ่าศัตรูของอิสลาม ไม่บาป แถมได้บุญ" เป็นต้น
คุณจะกล่าวว่า อุสตาดนอกรีดที่ไหน ก็มี ผมยอมรับว่าที่ไหนก็มี
แต่อุสตาดที่สอนให้ฆ่าคน เพื่อสร้างรัฐปัตตานี ก็ต้องเป็น อุสตาดปัตตานี  จะเป็น อุสตาดกรุงเทพ มันก็ใช่ที่
ดังนั้น คำว่า อุสตาดปัตตานี ตรงนี้ ไม่ได้หมายถึง คนเรียนจบปัตตานี คุณกำลังเข้าใจผิดตรงนี้....
แต่ อุสตาดปัตตานี ตรงนี้หมายถึง อุสตาดเพื่อปัตตานี จริงๆ

วัสลาม...