คืนลัยละตุลกอดร์
بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
ปรากฏว่ามุสลิมีนส่วนมากที่แสดงความยินดีเนื่องจากเดือนรอมะดอนอันมีเกียรติได้มาถึง ที่จริงนั้นเป็นการแสดงถึงความยินดีเบื้องต้น พวกเขาทำการต้อนรับเดือนรอมะดอนเสมือนกับมนุษย์คนหนึ่งที่หิวกระหายอาหาร ดังนั้นในขณะที่เขาได้เห็นสำรับ เขาก็จะมุ่งหน้าไปรับประทานอย่างตะกละตะกลาม จนกระทั่งเมื่อเขาได้รับประทานได้ไม่กี่คำ ก็เริ่มอาการเบื่อหน่าย หลังจากนั้นเล็กน้อย เขาเริ่มมีอาการไม่สนใจใยดีกับอาหาร และทำการลุกขึ้นยืนหันหลังจากไปโดยทำเป็นลืม
หากสังเกตเราจะพบว่า มุสลิมีนมากมายได้ทำการต้อนรับเดือนรอมะดอนอันมีเกียรติ กันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่ำคืนแรก มัสยิดคับคั่งไปด้วยผู้คนที่มาละหมาด บางครั้งไม่เหลือสถานที่ว่างให้เห็นเลย แต่หลังจากนั้นจำนวนผู้ละหมาดเริ่มลดน้อยลง ความเนืองแน่นเริ่มถดถอย ซึ่งสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งสิบคืนสุดท้ายมาถึง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเสริฐสุดในเดือนนี้ เนื่องจากมีความหวังในคืนลัยละตุลกอดร์ ซึ่งเป็นคืนแห่งความดีงาม ดังที่อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงตรัสความว่า
لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ
"คืนลัยละตุลกอดร์นั้นประเสริฐกว่าหนึ่งพันเดือน" อัลกอดร์ 3
เมื่อท่านสังเกตุดูจะพบว่าบางครั้งในบางมัสยิดเกือบจะว่างเปล่าจากผู้คน
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ หากสิ่งดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นอย่างนั้นจริง ก็คงจะบ่งชี้ให้เห็นว่าหัวใจของคนเราคงว่างเปล่าจากการมีความบริสุทธิ์ใจในการทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการละหมาดโดยมิได้แสวงหาความพึงพอพระทัยของพระองค์
ขณะนี้สิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมะดอนได้มาถึงแล้ว ซึ่งเป็นบรรดาค่ำคืนที่สมควรแก่การขออภัยโทษและสร้างความพึงพอใจต่ออัลเลาะฮ์ เป็นบรรดาค่ำคืนสุดท้ายที่อัลเลาะฮ์ทรงแจกแจงไว้ในซูเราะฮ์หนึ่งอย่างเป็นเอกเทศ ความว่า
إِنّا أَنْزَلْناهُ فِي لَيْلَةِ الْقَدْرِ
"แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานมาให้ ในคืนลัยละตุลกอดร์"
وَما أَدْراكَ ما لَيْلَةُ الْقَدْرِ
"และอันใดหรือที่ทำให้เจ้ารู้ว่า อะไรคือคืนลัยละตุลกอดร์"
لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ
"ลัยละตุลกอดร์นั้นประเสริฐกว่าหนึ่งพันเดือน"
ดังนั้น ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ พวกท่านโปรดพิจาณาใคร่ควรญการพรรณนาของอัลกุรอานเกี่ยวกับค่ำคืนนี้ โปรดจงพิจารณาคำดำรัสของอัลเลาะฮ์ตาอาลา ที่ว่า "และอันใดหรือที่ทำให้เจ้ารู้ว่า อะไรคือคืนลัยละตุลกอดร์" พวกท่านเคยจินตนาการถึงความสำคัญของค่ำคืนดังกล่าวหรือไม่? ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมะดอน ได้มีหะดิษซอฮิห์ที่รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม จากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า
من قام ليلة القدر إيماناً واحتساباً غفر له ما تقدم من ذنبه
"ผู้ใดที่ทำการละหมาดในคืนลัยละตุลกอดร์ โดยมีความศรัทธามั่นและมีความบริสุทธิ์ใจนั้น เขาจะได้รับการอภัยโทษบาปที่ผ่านมาแล้ว"
บางสายรายงานกล่าวว่า
غفر له ما تقدم من ذنبه وتأخر
"เขาจะได้รับการอภัยโทษบาปที่ผ่านมาแล้วและบาปที่จะมีหลังจากนั้น"
ท่านอิมามอะห์มัด ได้รายงานฮะดิษจากท่านอุบาดะฮ์ บิน อัสศอมิต ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
التمسوها في ليلة الواحد والعشرين، أو ثلاث وعشرين، أو خمس وعشرين، أو سبع وعشرين، أو تسع وعشرين، أواخر رمضان، من قامها احتساباً غفر له ما تقدم من ذنبه وما تأخر
"พวกท่านจงแสวงหาคืนลัยละตุลกอดร์ ในคืนที่ยี่สิบเอ็ด หรือคืนที่ยี่สิบสาม หรือคืนที่ยี่สิบห้า หรือคืนที่ยี่สิบเจ็ด หรือคืนที่ยี่สิบเก้า หรือช่วงท้ายรอมะดอน ผู้ใดที่ทำการละหมาดในค่ำคืนลัยละตุลกอดร์ โดยมีความบริสุทธิ์ใจ เขาจะได้รับการอภัยโทษบาปที่ผ่านมาแล้วและบาปที่จะมีหลังจากนั้น" หมายถึงบาปทั้งหมดจะได้รับการอภัยโทษให้ และการละหมาดในค่ำคืนนี้ อย่างน้อยให้ไปทำการละหมาดตะรอวิห์ในมัสยิดอย่างสมบูรณ์ แต่ที่สมบูร์ยิ่งนั้น คือให้เขาลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อทำการละหมาดและทำอิบาดะฮ์ตลอดทั้งคืนดังกล่าว โดยมุงไปยังอัลเลาะฮ์ตาอาลา ทำการอิสติฆฟาร กลับตัวกลับใจเคาะประตูแห่งความพึงพอพระทัยแห่งพระผู้เป็นเจ้า เคาะประตูแห่งการขออภัยโทษ เพื่อพระองค์จะทรงเปิดประตูแห่งการเตาบัตและทรงประทานอภัยโทษจากบาปทั้งหลาย
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ ผู้คนบางส่วนเข้าใจว่าคือลัยละตุลกอดร์นั้นถูกจำกัดหรือถูกซ่อนเร้นอยู่ในคืนที่ยี่สิบเจ็ดเท่านั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่มาจากการกระซิบกระซาบของชัยฏอน การกระซิบกระซาบนี้ยังคงสถิตอยู่ในความนึกคิดของผู้คนส่วนมาก เพื่อจะทำให้พวกเขาไม่สนใจการเข้าหาอัลเลาะฮ์ในค่ำคืนอื่น ๆ เนื่องจากพวกเขาเข้าใจว่าคืนลัยละตุลกอดัรนั้นจำกัดเพียงแค่คืนที่ยี่สิบเจ็ดเท่านั้น จึงทำให้พวกเขาไม่สนใจเน้นทำอิบาดะฮ์ในคืนที่ยี่สิบเอ็ด หรือคืนยี่สิบสาม หรือคนที่ยี่สิบห้า แต่ทว่าบรรดาหะดิษของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กลับบ่งชี้ว่ารอมะดอนทั้งเดือนนั้น เป็นสถานที่สำหรับคืนหนึ่งของลัยละตุลกอดัร ซึ่งอัลเลาะฮ์ตาอาลาได้ทำการซ่อนเร้นมันจากเราเพราะมีฮิกมะฮ์หรือเคล็ดลับหนึ่งเพื่อพระองค์จะทรงประสงค์ให้มนุษย์ทำการเก็บเกี่ยวในการทำอิบาดะฮ์ทุกชั่วโมงยามของทุกค่ำคืนแห่งเดือนอันจำเริญนี้ ดังนั้น พระองค์จึงซ่อนเร้นค่ำคืนลัยละตุลกอดร์แต่ทว่ามนุษย์บางส่วนได้ทำลายการซ่อนเร้นของพระองค์ โดยป่าวประกาศว่าคืนลัยละตุลกอดร์นั้นคือค่ำคืนที่ยี่สิบเจ็ด ซึ่งดังกล่าวนี้ย่อมทำให้การที่อัลเลาะฮ์ทรงซ่อนเร้นค่ำคืนดังกล่าวไร้ความหมาย
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากมีคำถามขึ้นว่า คืนลัยละตุลกอดร์ที่ประเสิรฐกว่าหนึ่งพันเดือนนั้น เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาเดียวหรือว่าเกิดขึ้นหลายช่วงเวลา เพราะว่าโลกมันกลมและหมุนตามวงโคจร หากซีกโลกหนึ่งเป็นตอนกลางวัน แน่นอนว่าอีกซีกหนึ่งเป็นช่วงกลางคืน ซึ่งช่วงเวลากลางคืนจะเกิดขึ้นทุกสถานที่ตามช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกในสถานที่นั้น ๆ
เราขอตอบว่า อัลเลาะฮ์ตาอาลาจะทรงสำแดงความโปรดปรานของพระองค์ในทุกเวลาและสถานที่ของคืนลัยละตุลกอดัรตามที่พระองค์ทรงประสงค์ อย่างเช่นคืนลัยละตุลกอดัรอยู่ในคืนที่ยี่สิบห้า ในพื้นที่ของประเทศเรานี้ จะมีช่วงเวลาหนึ่งของค่ำคืนที่อัลเลาะฮ์ทรงเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษไว้ แล้วพระองค์ก็สำแดงความโปรดปรานแก่ผู้คนที่อยู่ในประเทศนี้ ในช่วงเวลาดังนั้น ดังนั้นพระองค์ก็ทรงทำการให้อภัยโทษแก่พวกเขา และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงค่ำคืนที่ยี่ห้านี้ได้เกิดขึ้นในประเทศอื่นอีก อัลเลาะฮ์ก็จักทรงสำแดงความโปรดต่อผู้คนที่อยู่ในอาณาเขตดังกล่าวนั้นอีก ดังนั้นคืนลัยละตุลกอดร์จึงเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาด้วยการถูกแบ่งตามช่วงเวลาของค่ำคืนดังกล่าวโดยทั่วโลก
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ กระผมขอหวนกลับมาอธิบายอีกครั้งว่า แท้จริงแล้วบรรดาการงานต่าง ๆ นั้นพิจารณากันที่วาระช่วงสุดท้ายของมัน เมื่อเรามีความปรารถนาที่จะแสดงความปิติยินดีต้อนรับเดือนรอมะดอนอันมีเกียตรินี้ ดังนั้น จึงไม่สมควรที่เราทำการต้อนรับเดือนดังกล่าว เสมือนกับบุคคลหนึ่งที่ตะกละตะกลามต้องการอาหาร จนกระทั่งเมื่อได้รับประทานไม่กี่คำและรู้สึกอิ่ม จนรู้สึกเบื่อหน่ายอาหารนั้นและก็ทำการลุกขึ้นออกไปจากสำรับอาหาร ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาครับ สิ่งดังกล่าวเราถือว่าไม่ใช่เป็นการเผยให้เห็นถึงการต้อนรับและมีความปิติยินดีต่อเดือนที่มีความจำเริญนี้ แต่ทว่าเราต้องเผยความปิติยินดีดังกล่าว ด้วยการปรับปรุงตนเอง โดยการมุ่งทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ เดินทางไปสู่ความพึงพอพระทัยของพระองค์ ดังนั้น การเดินทางไปสู่พระองค์นั้นต้องสม่ำเสมอ เพราะการเดินทางไปสู่พระองค์จะไม่ขาดตอน
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า
وَاعْبُدْ رَبَّكَ حَتَّى يَأْتِيَكَ الْيَقِينُ
"เจ้าจงทำอิบาดะฮ์ต่อผู้อภิบาลของเจ้า จนกระทั่งความมั่นใจได้มาหาท่าน" อัลฮุจญ์ 99
อะไรคือความมั่นใจครับพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ความหมั่นใจนี้ก็คือความตายนั่นเอง ดังนั้นท่านจงเดินทางไปยังอัลเลาะฮ์ด้วยการมุ่งมั่นทำอิบาดะฮ์โดยอย่างเบื่อหน่าย
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
فَإِذا فَرَغْتَ فَانْصَبْ، وَإِلَى رَبِّكَ فَارْغَبْ
"ดังนั้นเมื่อเจ้าเสร็จสิ้น (การทำอิบาดะอ์หนึ่งแล้ว) เจ้าก็จง (เริ่ม) บากบั่น (กระทำความดีอื่น ๆ ต่อไปอย่าท้อถอย)" อัลอินชิรอฮฺ 7
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ หากมีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า อะไรคือความจำเป็นที่ทำให้ฉันต้องเดินทางไปสู่อัลเลาะฮ์ด้วยการบากบั่นทำอิบาดะฮ์ และอะไรคือแรงขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอะมัลอย่างต่อเนื่อง? เราขอกล่าวว่า บางครั้งท่านอาจจะไม่รู้หรือว่าบางครั้งท่านอาจจะลืมไปว่า ท่านจะต้องเดินทางกลับไปสู่อัลเลาะฮ์ กล่าวคือ ในภายภาคหน้าท่านต้องประสบกับความตาย และความตายนั้นไม่ใช่หมายถึงการทำให้ไม่มี แต่ทว่าความตายเป็นการย้ายไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกแห่งการสอบสวน ส่วนกุโบรก็จะไปสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงผลการเดินทางของท่านไปสู่อัลเลาะฮ์ ดังนั้นหากเป็นการเดินทางที่มุ่งไปยังพระองค์ กุบูรก็จะกลายเป็นสวนหนึ่งจากบรรดาสวนของสวรรค์ แต่ถ้าหากการเดินทางของท่านเป็นการเดินทางที่ถดถอยและเบื่อหน่ายคำบัญชาใช้ของพระองค์ ท่านจงรู้ไว้เถิดว่า ต่อไปกุบูรของท่านก็จะกลายเป็นขุมหนึ่งจากบรรดาขุมของนรก
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ ท่านจงหวนรำลึกกลับไปในอดีตถึงสิ่งที่เราได้กระทำไว้ แล้วเราจงเสียใจและทำการขออภัยโทษ เพื่อสะสมเป็นสะเบียงและเตรียมพร้อมไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา
أقول قولي هذا وأستغفر الله العظيم لى ولكم