ผู้เขียน หัวข้อ: จริงหรือ? ที่อุลามาฮฺอะชาอิเราะฮฺบางท่านกลับตัว  (อ่าน 6107 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป

อัสสลามุ อลัยกุม

           เมื่อวัน พฤ (22) ที่ผ่านมาผมได้เข้าไปค้นหาข้อมูลในห้องวิทยานิพนธ์  เพื่อหาข้อมูลมาทำรายงาน ระหว่างหานั้น ปรากฎว่าผมเจอวิทยานิพนธ์เล่มนี้ ที่แตะตาผมมาก ผมเลยรีบคว้ามาอ่าน ซึ่งวิทยานิพนธ์ดังกล่าวมีชื่อว่า "อะชาอิเราะฮฺ : ประวัติ แนวคิด และอิทธิพลต่อหลักศรัทธาของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้" โดย Isma'il Katek เป็นวิทยานิพนธ์ที่ดีมากครับ ในส่วนของการนำเสนอความจริงที่เป็นอยู่ด้านความรู้ความเข้าใจของชาวบ้านเกี่ยวกับหลักการอะกีดะฮฺตามแนวอัชอะรีย์ มีบทสัมภาษณ์ผู้คนหลากหลายนับตั้งแต่ผู้ที่มีตำแหน่งระดับคณะกรรมกลางอิสลาม จนถึงระดับชาวบ้านธรรมดา ส่วนนั้นผมก็เห็นด้วยกับข้อมูลที่เขาได้วิจัย และค้นคว้ามา

           เมื่อได้ทำการอ่านไปมาแล้ว ปรากฏเจอหัวข้อหนึ่งที่ชื่อว่า "ความกระจนกระวายใจ และการกลับตัวของผู้อาวุโสในสำนักอัล-อัชอะรียะฮฺ ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกว่า ผู้วิจัยไม่รู้ไปได้ข้อมูลจากไหน ผมอ่านแล้วไม่สบายใจมากๆ มือสั่น หน้าแดง ด้วยความที่ต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้ ผมจึงต้องการนำเสนอส่วนหนึ่งจากวิทยานิพนธ์ดังกล่าว ในส่วนที่เป็นเรื่องข้างต้น แล้วขอความกรุณาท่านผู้รู้นำเสนอข้อมูลที่ตนทราบมาอย่างเป็นวิชาการให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านทุกคน

            1.) ความกระวนกระวายใจของอิมามอัล-หะรอมัยนฺ (419-478 ฮ.ศ.)

            มีอยู่วันหนึ่ง มีผู้ถามท่านเกี่ยวกับปัญหาอิสติวาอฺ (การสถิตของอัลลอฮฺบนบัลลังก์) ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

-----------------------------------------------------------
เดียวมาต่อนะครับ พอดีมีเหตุจำเป็นหน่อย ขอโทษด้วยนะครับ

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
ต่อ จากฉบับที่แล้ว

1.) ความกระวนกระวายใจของอิมามอัล-หะรอมัยนฺ (419-478 ฮ.ศ.)

            มีอยู่วันหนึ่ง มีผู้ถามท่านเกี่ยวกับปัญหาอิสติวาอฺ (การสถิตของอัลลอฮฺบนบัลลังก์) ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า
------------------------------------------

"الرحمن على العرش استوى"
[/b]
<طه/5>

ความว่า "พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงสถิตย์บนบัลลังก์"

                เขา (อิม่ามอัล-หะรอมัยนฺ-ผู้นำเสนอ)1 ตอบว่า "อัลลอฮฺนั้น ทรงมีอยู่โดยไม่มีอัรชฺ" (ตอบโดยเอะอะโวยวาย เป็นการแสดงออกว่า ท่านปฏิเสธการสถิตของอัลลอฮฺบนบัลลังก์) อะบูญะฟัร อัล-ฮะมะซะนีย์2 ตอบโต้ว่า "ท่านไม่ต้องพูดถึงในเรื่องนี้ เพราะมีหลักฐานชัดเจนแล้ว ในอัล-กุรฺอาน และเป็นสิ่งจำเป็นในจิตใจของมนุษย์  ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนจึงยอมรับว่า อัลลอฮฺพระผู้ทรงสูงส่ง ทรงสถิตบนบัลลังก์ และเราจะป้องกันสิ่งเหล่านั้นอย่างไร" ท่าน (หมายถึง อิม่ามอัล-หะรอมัยนฺ-ผู้นำเสนอ) ก็ได้ตีหัวตัวเอง และกล่าวว่า "อัล-ฮะมะซะนีย์ ทำให้ข้าพเจ้ากระวนกระวายใจ" (al-Dhahabi:1995:259) จากข้อความดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า อิลมุกะลามไม่มีความสามารถจะนำไปสู่สัจธรรมได้ เพราะทำให้มีความกระวนกระวายใจ ดังนั้น ท่านอิม่าม (อัล-หะรอมัยนฺ-ผู้นำเสนอ) ได้กล่าวในช่วงเวลาที่ท่านกำลังเจ็บป่วย  ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตว่า "ท่านทั้งหลาย จงเป็นพยานว่า ฉันได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างจากคำพูดของฉันที่คัดค้านแนวทางของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ" (al-Dhahabi:1995:258)

_______________________________________________________

                1 ในวิทยานิพนธ์ดังกล่าว ไม่ได้มีการกำกับชื่ออย่างนี้ เกรงว่าจะทำให้ผู้อ่านงง ผู้นำเสนอจึงกำกับชื่อไว้ ดังนั้น การกำกับชื่อเป็นไปตามความเข้าของผู้นำเสนอ และรายละเอียดอื่นๆ ถ้าเป็นความคิดของผู้นำเสนอ ผู้นำเสนอจะกำกัลด้านหลังข้อความเสมอว่าเป็นของผู้นำเสนอ หากไม่มีแสดงว่าไม่ใช่ของผู้นำเสนอ

                2 อัลฮะมะซะนีย์ คือ อัล-หะสัน อิบนุ อะมัด อิบนุ อัล-หะสัน อัล-อะฮฺฎอรฺ เป็นอิม่ามอัล-หะฟิซฺ เป็นนักอ่าน และนักท่องอัล-หะดีษ (488-569 ฮ.ศ.), (al-Dhahabi,n.d:21/40) 


SaFinah

  • บุคคลทั่วไป

เยี่ยมเลยครับน้อง Al-Fatoni
เพราะว่าตอนนี้ผมก็กำลังหาความรู้เรื่องเตาฮีดอยู่พอดี
รออ่านตอนต่อไปครับผม

---------------------------------------------------------------

ปล. รบกวนบังอัลอัซฮารีช่วยนำเสนอกระทู้ "แก้ต่างการใส่ใคล้ที่มีต่ออัลอะชาอิเราะฮ์" ต่อด้วยนะครับผม
ผมรอไม่ไหวแล้วครับผม... ^_~

ญาซากัลลอฮ์

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
2.) ความกระวนกระวาย และการกลับตัวของ อัล-อิมาม อัล-ฆอซาลีย์ (252-505 ฮ.ศ.)

                 ในช่วงท้ายของชีวิตของท่านอิม่ามฆอซาลีย์  ท่านได้ยอมรับว่า แนวทางของสลัฟ1นั้น คือ แนวทางที่ถูกต้องที่ไม่มีแนวทางอื่นอีกแล้ว เป็นแนวทางที่ไม่ได้ตีความหมายอายะฮฺ และอัล-หะดีษที่เกี่ยวข้องกับศิฟาตฺ และแนวทางของอะฮฺลุลกะลาม (Ahlul Kalam-ผู้นำเสนอ) นั้น  เป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง (Al-Ghazali:1994:42) และท่านได้กล่าวอีกว่า "การแก้ปัญหาความคลุมเครือของกลุ่ม "ตัชบีฮฺ"2 ง่ายกว่าการแก้ปัญหาความไม่ใยดีของกลุ่ม "ตะอฺฏีล"3  ดังนั้นจึงเป็นการประจักษ์หลักฐานชัดเจนจากตัวบทอัล-กุรฺอานที่อัลลอฮฺ ตรัสไว้ว่า

"ليس كمثله شيء وهوالسميع البصير"
<الشورى/11>

ความว่า "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ พระองค์คือ ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงมองเห็น"
[/b]

                   และท่านได้กล่าวอีกว่า "การศรัทธาที่เกิดขึ้นจากหลักฐานของอิลมุกะลามนั้น  เป็นหลักฐานที่อ่อนแอมาก" (al-Ghazali:1994:94)

___________________________________________________

                     1 สลัฟ ที่ผู้วิจัยอ้างถึงนั้น ก็คือ กลุ่มสะละฟียะฮฺ นั้นเอง หรือรู้จักในอีกชื่อหนึ่งที่ผู้ไม่นิยมตั้งให้ ก็คือ "วะฮะบีย์" นั้นเอง - ผู้นำเสนอ
                     2 กลุ่มตัชบีฮฺ คือ กลุ่มที่เปรียบเทียบคุณลักษณะของอัลลอฮฺเหมือนกับคุณลักษณะของสรรพสิ่ง (มัคลูก-ผู้นำเสนอ) เช่น มือของอัลลอฮฺ เหมือนกับมือของมนุษย์-ผู้วิจัย
                     3 คำว่า "ตะอฺฏีล" ในเชิงภาษา หมายถึง การทำให้ว่างเปล่า,  แต่ในทางวิชาการ หมายถึง การปฏิเสธพระนาม (อัสมาอฺ-ผู้นำเสนอ) และคุณลักษณะ (ศีฟัต-ผู้นำเสนอ) ที่จำเป็นต่ออัลลอฮฺ  ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน  1.) การปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เช่น การปฏิเสธของ ญะอัด อิบนุ ดิรฺฮัม 2.) การปฏิเสธบางส่วน หรือตีความเป็นความหมายอื่น เช่น การปฏิเสธของอัล-อะชาอิเราะฮฺ (Muhammad Salih,1980:10)

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป

3.) การกระวนกระวายใจ และการกลับตัวของท่านอิม่ามอัล-ชะฮฺริสตะนีย์ (467-548 ฮ.ศ.)

                ท่านได้กลับไปสู่แนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ ในบางปัญหา  ซึ่งท่านได้อธิบายไว้ในตำราของท่านที่มีชื่อว่า Nihayah aliqdam เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการรู้จักการมีอยู่จริงของอัลลอฮฺ, อะชาอิเราะฮฺนั้น มีแนวคความคิดว่า วิธีที่จะรู้จักการมีอยู่ของอัลลอฮฺ ก็คือ อัน-นะซอรฺ (al-Nazar)1,2  แต่ท่านได้มีแนวคิดคัดค้านอะชาอิเราะฮฺ  ซึ่งท่านมีทัศนะว่า หลักฐานยืนยันการมีอยู่จริงของอัลลอฮฺ คือ  อัล-ฟิตเราะฮฺ (Al-Fitrah)3, (al-Shahritani,N.d:4) เพราะอัลลอฮฺตรัสไว้

"وإذا مسّكم الضّرّ في البحر ضلّ مَن تدعون إلا إيّاه"
{الإسراء : 67}

ความว่า "และเมื่ออุทกภัยประสบแก่พวกเจ้าในท้องทะเล
ผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขอก็จะสูญหายไป เว้นแต่พระองค์เท่านั้น"
[/b]

และอัลลอฮฺ ทรงตรัสอีกว่า

"أمّن يجيب المضطرّ إذا دعاه"
[/b]
{النمل : 62}

ความว่า "หรือผู้ใดเล่า จะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ"

_____________________________________________________________

                        1 "วิธีที่จะรู้จักการมีอยู่ของอัลลอฮฺ ก็คือ อัน-นะซอรฺ (al-Nazar)" ประโยคนี้ความเดิมที่ปรากฏในวิทยานิพนธ์ คือ "วิธีที่จะรู้จักการมีอยู่ของอัลลอฮฺคออันนะซอรฺ (alNnazar)" ประโยคแรกเป็นประโยคที่ผู้นำเสนอได้เรียบเรียงใหม่-ผู้นำเสนอ
                        2 อัน-นะศอรฺ al Nnazar คือ การวิจารณญาณ-ผู้วิจัย
                        3 อัล-ฟิฏเราะ al Fitrar คือ ความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ที่อัลลอฮฺสร้าง-ผู้นำเสนอ

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป

4.) การกระวนกระวายใจ และการกลับตัวของท่านอิม่ามฟัครุดดีน  อัร-รอซีย์ (606 ฮ.ศ.)

             ท่านอิม่ามได้แสวงหาความรู้อันมากมาย และท่านได้นิยมอิลมุกะลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอยู่ในสำนักอัล-อัชอะรีย์ จนกระทั่งท่านได้มีความกระวนกระวายใจบางปัญหา  ท่านก็ได้กลับไปยังอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ1 ซึ่งท่านได้ประกาศไว้ว่า

نهاية إقدام العقول عقال
وأكثر سعى الناس للعالمين ضلال
وأر واحنا في وجضة
وغاية دنيانا أروى ووبال
ولم نستفد من بحثنا طول عمرنا
سوى أن جمعا قيل وقالوا

ความว่า

"การสิ้นสุดของความเจริญก้าวหน้าของอัลอิลมุกะลาม คือ ไม่มีที่ไป
และความพยายามของมนุษย์กับอิลมุลกะลามในโลกนี้อันมากมายที่หลงทาง
การมีอิลมุลกะลามในจิตวิญญาณของเรา ทำให้เราไม่มีความสงบ
ผลที่ได้จากอิลมุลกะลามนั้น เป็นสิ่งที่เลวร้าย และไม่มีประโยชน์
การค้นหาอิลมุลกะลามในระยะเวลาอันยาวนาน ไม่มีความหมาย
นอกจากเป็นสิ่งที่ผู้คนเล่าต่อกันไป โดยไม่มีที่มา"

                 และท่านได้อธิบายว่า แนวทางที่ถูกต้องที่สุด คือ แนวทางที่มาจากอัล-กุรฺอาน (Ibn Abi Usaiba'ah:1965:468) และอ้างจาก (Ibn Taymiyyah:1985:183-184)

____________________________________________________________

                       1 อะฮฺลุซซุนนะฮฺตามความเข้าใจของผู้วิจัย คือ กลุ่มสะละฟียะฮฺ หรือที่รู้จักกันในนามว่า "วะฮะบีย์" นั่นเอง  และกลุ่มอะชาอิเราะฮฺเป็นกลุ่มที่หลงทาง หรืออาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺด้วยซ้ำ ตามทัศนะของผู้วิจัย ตามที่ผู้นำเสนอได้อ่านวิทยานิพนธ์ดังกล่าวมา-ผู้นำเสนอ

____________________________________________________________

ข้อชี้แจง

           1.) หัวข้อที่ผู้นำเสนอได้นำเสนอไปนั้น ที่ชื่อว่า  "อะชาอิเราะฮฺ : ประวัติ แนวคิด และอิทธิพลต่อหลักศรัทธาของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้" โดย Isma'il Katek ปรากฏในวิทยานิพนธ์ดังกล่าว ตั้งแต่หน้า 24-27 ตามลำดับข้อตั้งแต่ข้อแรก (1) จนข้อสุดท้าย (4)
           2.) การสะกดชื่อของอุลามาอฺ และคำภาษาอาหรับบางคำเป็นภาษาไทยนั้น บางคำผู้นำเสนอเขียนตามที่ปรากฏในวิทยานิพนธ บางคำผู้นำเสนอได้เขียนตามที่ผู้นำเสนอเคยผ่านตามาจากการอ่านหนังสือต่างๆ ที่ของสำนักพิมพ์ที่น่าเชื่อถือได้ (เช่น สำนักพิมพ์อิสลามิค อะเคเดมี) ในการสะกดคำอาหรับเป็นไทย หากผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
           3.) ท่านสามารถค้นคว้าวิทยานิพนธ์ดังกล่าวต่อได้ ที่ หอสมุดจอห์น เอฟ เคเนดี้ มอ.ปัตตานี ชั้น 3 ห้องวิทยานิพนธ์ รายงานการวิจัย หนังสือดังกล่าวอยู่ในชั้นวางหนังสือที่ 2 นับจากขวาไปซ้ายของห้อง ชั้นวางหนังสือดังกล่าวอยู่ฝั่งขวา เมื่อท่านเข้าไป
           4.) ข้อมูลอ้างอิงวิทยานิพนธ์ดังกล่าวคือ : อิสมาแอ กาเต๊ะ. ม.ป.ป. อะชาอิเราะฮฺ : ประวัติ แนวคิด และอิทธิพลต่อหลักศรัทธาของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้. ม.ป.ท.
                4.1.) ม.ป.ป. หมายถึง ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์
                4.2.) ม.ป.ท. หมายถึง ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์
            5.) วิทยานิพนธ์ดังกล่าว เป็น "วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2547"

________________________

วัสสลามุ อลัยกุม วะเราะฮฺ มะตุ้ลเลาะฮฺ วะบะเราะก้าตุ้ล
อินชาอัลเลาะฮฺ หากท่านสนใจเนื้อหาในส่วนอื่นของวิทยานิพนธ์ บอกได้ครับ จะนำเสนอให้เท่าที่สามารถหามาได้ เพื่อพี่น้องทุกคน

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ขอบใจน้อง อัล-ฟาตอนีย์มาก ๆ ที่ทำการนำเสนอคำกล่าวอ้างของวะฮาบีย์ที่มีต่อนักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ครับ  ว่าง ๆ เราจะทำการชี้แจงข้อเท็จจริงทีละท่าน ๆ ครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

والسلام
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ sunnah 50

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 117
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุ อลัยกุม

           เมื่อวัน พฤ (22) ที่ผ่านมาผมได้เข้าไปค้นหาข้อมูลในห้องวิทยานิพนธ์  เพื่อหาข้อมูลมาทำรายงาน ระหว่างหานั้น ปรากฎว่าผมเจอวิทยานิพนธ์เล่มนี้ ที่แตะตาผมมาก ผมเลยรีบคว้ามาอ่าน ซึ่งวิทยานิพนธ์ดังกล่าวมีชื่อว่า "อะชาอิเราะฮฺ : ประวัติ แนวคิด และอิทธิพลต่อหลักศรัทธาของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้" โดย Isma'il Katek เป็นวิทยานิพนธ์ที่ดีมากครับ ในส่วนของการนำเสนอความจริงที่เป็นอยู่ด้านความรู้ความเข้าใจของชาวบ้านเกี่ยวกับหลักการอะกีดะฮฺตามแนวอัชอะรีย์ มีบทสัมภาษณ์ผู้คนหลากหลายนับตั้งแต่ผู้ที่มีตำแหน่งระดับคณะกรรมกลางอิสลาม จนถึงระดับชาวบ้านธรรมดา ส่วนนั้นผมก็เห็นด้วยกับข้อมูลที่เขาได้วิจัย และค้นคว้ามา

           เมื่อได้ทำการอ่านไปมาแล้ว ปรากฏเจอหัวข้อหนึ่งที่ชื่อว่า "ความกระจนกระวายใจ และการกลับตัวของผู้อาวุโสในสำนักอัล-อัชอะรียะฮฺ ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกว่า ผู้วิจัยไม่รู้ไปได้ข้อมูลจากไหน ผมอ่านแล้วไม่สบายใจมากๆ มือสั่น หน้าแดง ด้วยความที่ต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้ ผมจึงต้องการนำเสนอส่วนหนึ่งจากวิทยานิพนธ์ดังกล่าว ในส่วนที่เป็นเรื่องข้างต้น แล้วขอความกรุณาท่านผู้รู้นำเสนอข้อมูลที่ตนทราบมาอย่างเป็นวิชาการให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านทุกคน

            1.) ความกระวนกระวายใจของอิมามอัล-หะรอมัยนฺ (419-478 ฮ.ศ.)

            มีอยู่วันหนึ่ง มีผู้ถามท่านเกี่ยวกับปัญหาอิสติวาอฺ (การสถิตของอัลลอฮฺบนบัลลังก์) ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

-----------------------------------------------------------
เดียวมาต่อนะครับ พอดีมีเหตุจำเป็นหน่อย ขอโทษด้วยนะครับ

อัสสลามุอะลัยกุ้ม
มื่อสั่นเลยหรือครับ คงไปแตะกล่องดวงใจเข้าให้ ;D ;D ;D

ออฟไลน์ sunnah 50

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 117
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
วะอลัยกุมุสสลาม บังครับ
        ผมว่าหยุดเหอะครับ หากยังคิดว่าตัวเองเป็นปัญญาชนมุสลิมแล้วละก็ ก็ขอให้ตระหนักในส่วนนี้ด้วยนะครับ หากไม่ใช่แล้ว ก็ขอให้เงียบเสียดีกว่านะ แล้วค่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ ว่าไงครับบังหะซัน ผมพูดเคลียร์ไหม ไม่ต้องตอบมานะครับ ตอบกับตัวเองก็พอ  wink:
วัสสลามุ อลัยกุม 

แหมใจเย็นๆซิครับน้องบ่าว  ขอชมเชยที่น้องบ่าวเป็นคนไฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความมานะพยายามค้นหาข้อมูล แต่มันจะมีประโยชน์อะไรละครับ ถ้าเราถือฝ่ายมาแต่ในมุ้ง  เพราะเล่มใหนไม่ตรงกับฉัน ฉันว่าถือว่าผู้เขียนมีความอธรรม  แบบนี้ไม่มีทางเข้าถึงสัจธรรมได้หรอกน้องเอ๋ย  หอสมุดในมหาวิทยาลัยเขาเปิดกว้าง แต่ถ้าคนใจแคบ(อันนี้ไม่ได้ว่าน้องบ่าวนะแต่หมายถึงคนแบบนี้)ไปค้นคว้า พอเห็นไม่ตรงกับทัศนะตัวเองแล้วมือสั่น แบบนี้น่าเป็นห่วงนะครับ น้องบ่าวอัลฟาตอนีย์ที่รัก ;D ;D

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป

อัสสลามุ อลัยกุม
            ขอบคุณมากๆครับบังหะสัน สำหรับความหวังดี  ผมดีใจนะ ที่กระทู้ที่ผมเขียนนั้น สามารถเข้าใจได้สองแง่สองมุม  แล้วแต่บังหะสันจะตีความละกันนะ เพราะจุดประสงค์แต่ละครั้งที่ผมนำเสนอกระทู้นั้น  ผมเสนอ เพื่อต้องการทราบข้อมูลจากหลายฝ่าย ทั้งจากฝ่ายวะฮะบีย์ไม่ว่าจะเป็น ผู้ตาม หรือตำรับตำรา ของวะฮะบีย์เอง หรือข้อมูลจากมุมมองของผู้ที่ไม่นิยมวะฮะบีย์ ผมศึกษาทั้งสองอะครับ อะไรที่ดีของวะฮะบีย์ผมก็เห็นด้วยในบางเรื่อง  อะไรที่ดูขัดๆ ผมก็ต้องการคำชี้แจงจากท่านผู้รู้ ทั้งสองฝ่าย แล้วเอามาเปรียบเทียบด้วยตัวเอง  ด้วยหลักฐานที่น่าเชื่อถือของทั้งสองฝ่ายที่นำเสนอ  ส่วนผมจะยึดตามทัศนะไหนนั้น  มันก็เป็นสิทธิของผมอะครับ  ดังนั้น หากบังหะสันมีข้อมูลดีๆ ที่น่าเชื่อถือก็นำเสนอได้ครับ ตอนนี้บังหะสัน สำหรับผมแล้ว ผมยังให้ความเคารพบังนะ ส่วนบังก็อย่าทำให้ผมรู้สึกกับบังเหมือนที่คนอื่นรู้สึกกับบังเลย บังครับบางเรื่องที่ผมสงสัย ผมก็ถามไปตามที่ผมสงสัย ไม่ได้มีเจตนาจะต่อต้าน หรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้ที่มิได้มีความคิดไม่เหมือนตัวเองเลย  อัลเลาะฮฺเท่านั้นที่รู้ใจผมดียิ่ง ดีกว่าตัวเองด้วยซ้ำ ผมก็เคยไปถามเรื่องในลักษณะอย่างงี้ในเว็บ อ.มุรีด เพราะต้องการทราบทัศนะของท่านด้วย ผมไม่ได้ฟังข้อมูลของวะฮะบียฺเฉพาะจากคนที่ไม่นิยมวะฮะบีย์หรอกครับ แต่ผมฟังจากทั้งสองฝ่าย, 
           อ.ที่ผมเรียนด้วย หนังสือที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้  ก็เป็นของ อ.ฝ่ายวะฮะบีย์เขียนและค้นคว้ามาทั้งนั้น  เป็นธรรมดาอยู่เองครับที่คนเราเวลาเจออะไรที่ตนไม่ได้รับรู้มา ก็ต้องต่อต้านเป็นธรรมดา  ผมอาจจะต่อต้านบ้าง  แต่ไม่ได้หลับหูหลับตาตัวเองในการรับรู้ข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ  บังครับ ผมขอขอบคุณบังหะสันมากๆ ครับ ที่เตือนสติผมให้เปิดใจกว้าง และในเย็นๆ ไม่ได้ประชดนะ แต่ต้องการฟังคำนี้มากๆ มันทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้นอะครับ  แต่หากบังยังไม่พอใจ ผมก็จะพยายามเปิดใจให้กว้างถึงไปอีก  เท่าที่สามารถทำได้  หากบังหะสันรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ผมนำเสนอ ก็สามารถชี้แจงได้นะครับ ผมเขียนกำกับไว้เสมอว่า ต้องการให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันชี้แจง และวิพากษ์วิจารณ์ตามแบบวิชาการ   ห้ามใช้อารมณ์  หวังว่าคงจะเคลียร์นะบัง  ต่อจากการตอบนี้ผมจะไม่ตอบโต้อะไรกับบังอีกละ ผมจะนำเสนออย่างเดียว หากมีข้อมูลดีๆ นำเสนอชี้แจงได้เลยนะ ยินดีรับฟังเสมอ

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ sunnah 50

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 117
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

อัสสลามุ อลัยกุม
              หากบังหะสันรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ผมนำเสนอ ก็สามารถชี้แจงได้นะครับ ผมเขียนกำกับไว้เสมอว่า ต้องการให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันชี้แจง และวิพากษ์วิจารณ์ตามแบบวิชาการ   ห้ามใช้อารมณ์  หวังว่าคงจะเคลียร์นะบัง  ต่อจากการตอบนี้ผมจะไม่ตอบโต้อะไรกับบังอีกละ ผมจะนำเสนออย่างเดียว หากมีข้อมูลดีๆ นำเสนอชี้แจงได้เลยนะ ยินดีรับฟังเสมอ

วัสสลามุ อลัยกุม
วะอะลัยกุมุสสลาม
  ดีมากครับ  ถ้าน้องบ่าวนำเสนอข้อมูลดีๆ  ไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแต่เสนอแนะเท่านั้น  คือ บางที่เสียดายที่น้องบ่าวนำของดีๆมา แต่ก็ถูกตัดสิน โดยขาใหญ่ในเว็บนี้ว่า เป็นของวะฮบีย์บ้าง ,ไม่เข้าตากรรมการบ้าง สอบตกบ้าง  วันก่อนเห็นน้องบ่าวนำเอาอะกีดะฮสะลัฟ ที่แปลโดยเพื่อนอาบังเอง  ได้แจ้งให้เขาทราบแล้ว  การที่มีคนมาตัดสินว่าหนังสือเล่มนั้น เล่มนี้ผิด อยากจะถามว่า "เอาอะไรมาเป็นเครืองตัดสิน" อันนี้ขอให้น้องบ่าวพิจารณาด้วย  ว่าสิ่งที่เขาเอามาตัดสินนั้นคืออะไร       ส่วนน้องบ่าวจะนับถืออาบังหรือไม่ อันนี้ไม่สำคัญ แต่ก็เตือนด้วยความหวังดี    ตอนนี้น้องบ่าวอัลอัซฮารีย์ก็น่ารัก อาบังก็ขอชม   นำเสนอสิ่งเราเชื่อ ส่วนใครจะเชื่อเหมือนเราหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องโฆษณา ให้ร้าย เช่นตอนนี้ เว็บหลายๆเว็บมีปัญหา ก็กล่าวหาว่า เป็นพวกวะฮบีย์ ทั้งที่ เว็บที่ถูกเรียกว่า"วะฮบีย" ก็เจอปัญหาเดียวกัน มาหลายวัน เพิ่งจะใช้ได้   มันสมควรหรือไม่ ที่ไปกล่าวหาพวกนั้น พวกนี้ โลกอินเตอร์เน็ต มันกว้างสิ่งที่เราไม่รู้ไม่ทราบมีอีกมาก  น่าพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะโวยวายฟาดหัวฟาดหาง ลามปามไปกล่าวหาเว็บนั้นเว็บนี้
.........
วัสสลาม

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป


          ขอบคุณมากครับบัง  แล้วบังสัญญากับผมได้ไหมว่า จะไม่ตอบโต้ใครก็ตามที่มีความเห็นต่างจากสิ่งที่บังยึดถืออยู่ด้วยกับหยาบคาย และไม่เหมาะสม  นอกจากด้วยหลักฐานทางวิชาการ และความคิดเห็นที่เหมาะสม แล้วบังสำหรับผมก็จะเป็นอยู่อย่างงี้ต่อไป ตราบนานเท่านาน หากไม่เป็นอย่างที่บอกไว้ คงยื้อไว้อย่างเดิม คงยากแล้วละครับ

วัสสลามุ อลัยกุม

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
อัสสลามุ อลัยกุม



ตอนนี้ต้องการทราบข้อมูลที่โพสต์มากๆ เพราะหนังสือวิจัยที่ผมอ่านส่วนใหญ่จะออกแนวนี้ เครียดมากๆ ทำไงดี[/size]

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ตอนนี้น้องบ่าวอัลอัซฮารีย์ก็น่ารัก อาบังก็ขอชม   นำเสนอสิ่งเราเชื่อ ส่วนใครจะเชื่อเหมือนเราหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องโฆษณา

บังอะสันครับ  ผมนั้นน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วล่ะครับ (หลงตัวเองไปเรื่อยเลยเรา...)  ;D  ตอนนี้ไม่ค่อยว่างสักเท่าไหร่ในการนำเสนอ  จัดเวลาเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่  ก็จะนำเสนอกันต่อไปครับ  อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อัสสลามุ อลัยกุม
ตอนนี้ต้องการทราบข้อมูลที่โพสต์มากๆ เพราะหนังสือวิจัยที่ผมอ่านส่วนใหญ่จะออกแนวนี้ เครียดมากๆ ทำไงดี

ขอเวลาเสร็จสิ้นจากภาระกิจอีกสักช่วงครับ   แล้วเราจะชี้แจง  ใจเย็น ๆ น่ะครับ   หนังสือวิจัยที่น้องอ่านนั้น  ไม่มีอะไรใหม่สำหรับแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  บังคิดว่ามันเป็นเรื่องเก่า ๆ ที่เอามาเขียนใหม่  แต่มันอาจจะใหม่สำหรับน้องที่กำลังศึกษา  ยังไงก็ใฝ่รู้ต่อไปครับ  แล้วเราจะชี้แจงให้กระจ่าง  ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged