ตอบ : เรามิทราบว่า ซีฟัต 20 ที่กลุ่มวะฮาบีย์บอกว่าเป็นบิดอะฮ์นั้น ในแง่ใหน? หากพวกเขาอ้างว่า ซีฟัต 20 บิดอะฮ์ตามหลักการนั้น ถือว่าผู้กล่าวอ้างกลายเป็นผู้อุตริกรรมบิดอะฮ์เสียงเอง เนื่องจากซีฟัตทั้ง 20 นั้น ถูกรับรองด้วยหลักฐานจากอัลกุรอานที่มีข้อบ่งชี้และยืนอย่างเด็ดขาดโดยทั้งหมด
หากเราตั้งคำถามขึ้นมาว่า เหตุใดจึงจำเป็นต้องรู้ซีฟัต 20 (คือจำเป็นแบบตัฟซีลีย์) แต่ว่าไม่จำเป็นต้องรู้ซีฟัต มือของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตดวงตาของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตเท้าของอัลเลาะฮ์ หน้าแข้งของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตใบหน้าของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตการนั่งของอัลเลาะฮ์ ตามนััยยะที่วะฮาบีย์พยายามนำมาเป็นประเด็น เพื่อเรียกร้องให้กลุ่มตนได้ชื่อว่าเป็นอะฮ์ลิสซุนนะฮ์แท้ ^^
ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ซีฟัต 20 นั้น เสมือนกับเป็นซีฟัตแม่ เป็นซีฟัตที่อัลเลาะฮ์ตาอาลายืนยันและเรียกร้องให้เราทำการรู้จักมัน
เช่นซีฟัตอัลเลาะฮ์ทรงมี เพราะทรงตรัสว่า
إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا
"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14
อัลเลาะฮ์ทรงมีซีฟัตกุดเราะฮ์(สามารถ)
إِنَّ اللّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
"แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงสามารถ(กุดเราะฮ์)เหนือทุก ๆ สิ่ง" อัลบะกอเราะฮ์ 148
อัลเลาะฮ์ทรง อิรอดะฮ์ (ทรงต้อง) กระทำตามที่พระองค์ทรงต้องการ
فَعَّالٌ لِّمَا يُرِيدُ
"พระองค์กระำทำตามสิ่งที่ทรงประสงค์"
พระองค์ทรงรู้ (อัลอิลมุ)
وَاللّهُ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمٌ
"และอัลเลาะฮ์ทรงรู้เหนือทุก ๆ สิ่ง" อันนิซาอฺ 176
อัลเลาะฮ์ทรงได้ยิน(อัซซัมอุ) และทรงเห็น (อัลบะซ่อรุ)
وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ
"และพระองค์ทรงได้ยินยิ่ง ทรงเห็นยิ่ง"
เห็นไหมครับพี่น้อง อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบอกและเรียกร้องให้เรารู้ว่า พระองค์ทรงสามารถ(มีกุดเราะฮ์) ทรงกระทำตามที่พระองค์ประสงค์(มีอิรอดะฮ์) ทรงรอบรู้ (มีซีฟัตอิลมุ) ทรงได้ยินและเห็น (คือมีซีฟัตอัซซัมอุและอัลบะซ่อรุ้) เมื่อเป็นเช่นนี้ อัลอะชาอิเราะฮ์จึงนำบรรดาซีฟัตดังกล่าวมาเป็นซีฟัตแห่งบทนำหรือซีฟัตแม่ ที่มุสลิมสมควรต้องรู้จักมันเป็นอันดับแรก
ส่วนซีฟัตมือของอัลเลาะฮ์ (ขอแปลตรงตัวตามที่พวกเขาต้องการครับ) ซีฟัตดวงตาของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตเท้าของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตหน้าแข้งของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตใบหน้าของอัลเลาะฮ์ ซีฟัตการนั่งของอัลเลาะฮ์ ตามนััยยะที่วะฮาบีย์พยายามนำมาเป็นประเด็นนั้น คนเอาวามอย่างเรา ๆ ไม่จำเป็นต้องรู้จักครับ และอัลเลาะฮ์ก็มิได้เรียกร้องให้ทำการรู้จักด้วย เพราะว่าเป็นซีฟัตปลีกย่อย หากคนมุกัลลัฟไม่รู้จัก ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ไม่บาป ตายไปก็ไม่ถูกสอบสวน ดังนั้น อัลอะชาอิเราะฮ์จึงไม่นำซีฟัตเหล่านี้มาเป็นซีฟัตบทนำเพื่อให้คนมุกัลลัฟต้องรู้จักครับ
และอีกอย่างหนึ่งคือ บรรดาซีฟัตที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นแม่บทหรือบทนำของซีฟัตทั้งหลายนั้น เพราะว่ามีหลักฐานยืนยันจัดเจนและเด็ดขาดทั้งในด้านของความหมายและที่มา ส่วนซีฟัตที่วะฮาบีย์ชอบนำมาเป็นประเด็นนั้น ถือว่ามีข้อบ่งชี้หรือมีความหมายหลายนัย จึงถือว่าไม่เด็ดขาด ดังนั้น อัลอะชาอิเราะฮ์จึงไม่นำมาเป็นซีฟัตที่คนมุกัลลัฟต้องเรียนรู้เป็นอับแรก
วัลลอฮุอะลัม