ข้อมูลเชิงวิชาการต่อไปนี้ ขอมอบให้กับพี่น้องสำนักวะฮาบีย์เฉพาะที่หัวรุนแรงครับ
ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ อุลามาอ์แนวหน้าท่านหนึ่งแห่งสำนักวะฮาบีย์ในปัจจุบัน ได้กล่าวว่า
وأما قراءة القرآن والصدقة وغيرها من أعمال البر فلا نزاع بين علماء السنة والجماعة في وصول ثواب العبادات المالية كالصدقة والعتق كما يصل إليه الدعاء والاستغفار والصلاة عليه صلاة الجنازة والدعاء عند قبره، وتنازعوا في وصول الأعمال البدنية كالصوم والصلاة والقراءة، والصواب أن الجميع يصل إلى الميت وهذا مذهب أحمد وأبي حنيفة وطائفة من أصحاب مالك والشافعي، وهو ينتفع بكل ما يصل إليه من كل مسلم سواء كان من
أقاربه أو غيرهم
"สำหรับการอ่านอัลกุรอาน , การบริจาคทาน และอื่น ๆ เป็นบรรดาอะมัลที่ดีงาม โดยไม่มีการขัดแย้งกันในหมู่นักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ เกี่ยวกับเรื่องผลบุญอิบาดะฮ์ในเชิงทรัพย์สินนั้นถึงมัยยิด เช่นการศ่อดะเกาะฮ์และการปล่อยทาสนั้นถึงผู้ตาย เช่นเดียวกัน ผลบุญจะถึงยังผู้ตายโดยการขอดุอาอ์ , อิสติฆฟาร , การละหมาดญะนาซะฮ์ให้แก่เขา , และการขอดุอาอ์ที่กุบูรของผู้ตาย และบรรดานักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้ขัดแย้งกันในเรื่องผลบุญถึงผู้ตายจากอะมัลที่กระทำในเชิงร่างกาย เช่น การถือศีลอด , การละหมาด , การอ่านอัลกุรอาน และที่ถูกต้องนั้น คือ ทั้งหมด(จากการถือศีลอด , การละหมาด(ฮะดียะฮ์ผลบุญไปให้) , การอ่านอัลกุรอาน)นั้น ผลบุญจะถึงไปยังผู้ตาย นี้คือ มัซฮับของอิมามอะห์มัด , อบูหะนีฟะฮ์ และปราชญ์กลุ่มหนึ่งจากสานุศิษย์ของอิมามมาลิกและอิมามชาฟิอีย์ ซึ่งเป็นมัซฮับที่ผู้ตายจะได้รับประโยชน์จากทุก ๆ สิ่งที่มุสลิมทุกคนไม่ว่าจะเป็นเครือญาติหรือไม่ใช่เครือญาติก็ตาม(ผลบุญฮะดียะฮ์ของพวกเขาจะถึง)ไปยังผู้ตาย" มัจญ์มั๊วะอัลฟะตาวา 24/366
ท่านอิบนุก็อยยิม ศิษย์เอกของท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ได้กล่าวว่า
واختلفوا في العبادة البدنية كالصوم والصلاة وقراءة القرآن والذكر فمذهب الإمام أحمد وجمهور السلف وصولها وهو قول بعض أصحاب أبى حنيفة نص على هذا الإمام أحمد في رواية محمد بن يحيى الكحال قال قيل لأبى عبد الله الرجل يعمل الشيء من الخير من صلاة أو صدقة أو غير ذلك فيجعل نصفه لأبيه أو لأمه قال أرجو أو قال الميت يصل إليه كل شيء من صدقة أو غيرها وقال أيضا اقرأ آية الكرسي ثلاث مرات وقل هو الله أحد وقل اللهم إن فضله لأهل المقابر
ท่านอิบนุก๊อยยิม ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า "บรรดานักปราชญ์ได้ขัดแย้งเกี่ยวกับอิบาดะฮ์ที่กระทำด้วยร่างกาย เช่น การถือศีลอด การละหมาด การอ่านอัลกุรอาน และการซิกรุลลอฮ์ ท่านอิมามอะห์มัด และปราชญ์สะลัฟส่วนมาก มีทัศนะว่า ผลบุญการถือศีลอด การละหมาด การอ่านอัลกุรอาน การซิกรุลลอฮ์ ถึงผู้ตาย และมันยังเป็นทัศนะของกล่าวบางส่วนของสานุศิษย์อิมามอบูหะนีฟะฮ์ และท่านอิมามอะห์มัดได้กล่าวระบุไว้ในสายรายงานของมุฮัมมัด บิน อะห์มัด อัลกะห์ฮาล เขากล่าวว่า "ได้กล่าวถามแก่ท่านอบีอับดิลลาฮ์ (คือท่านอิมามอะห์มัด) ว่า ชายคนหนึ่งได้กระทำความดี จากการละหมาด การซอดาเกาะฮ์ และอื่น ๆ แล้วมอบผลบุญครึ่งหนึ่งให้แก่บิดาหรือมารดาของเขา ท่านอิมามอะห์มัดตอบว่า "ฉันหวัง(ว่าผลบุญนั้นถึง)" หรือท่านอิมามอะห์มัดกล่าวว่า "ทุก ๆ สิ่งจากการซอดาเกาะฮ์และอื่น ๆ นั้น ผลบุญจะถึงแก่มัยยิด" และท่านอิมามอะห์มัดกล่าวเช่นเดียวกันว่า "ท่านจงอ่านอายะฮ์กุรซีย์ 3 ครั้ง ท่านกุลฮุวัลลอฮุอะฮัด และท่านจงกล่าวว่า "โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้า ความดีงามของมันนั้น มอบแด่บรรดาชาวกุบูร" หนังสือ อัรรั๊วะห์ ของท่านอิบนุก๊อยยิม 1/117
ท่านอิบนุก็อยยิมได้กล่าวไว้เช่นกันว่า
فإن قيل هذا لم يكن معروفاً عن السلف ولا أرشدهم إليه النبي صلى الله عليه وسلم، فالجواب: إن كان مورد هذا السؤال متعرفا بوصول ثواب الحج ولصيام والدعاء، قيل له: ما الفرق بن ذلك وبين وصول ثواب القراءة؟ وليس كون السلف لم يفعلوه حجَّة في عدم الوصول!! ومن أين لنا هذا النفي العام؟!
فإن قيل فإن الله أرشدهم إلى الصوم والحج والصدقة دون القراءة!!، قيل هو صلى الله عليه وسلم لم يبتدئهم بذلك بل خرج ذلك مخرج الجواب لهم، فهذا سأله الحج عن ميته فأذن له فيه وهذا سأله عن الصوم فأذن له فيه ولم يمنعهم مما سوى ذلك، وأي فرق بين وصول ثواب الصوم الذي هو مجرد نية وإمساك بين وصول القراءة والذكر
ً"หากถามว่า การอ่านอัลกุรอานฮะดียะฮ์ผลบุญให้ผู้ตายนั้น ไม่เป็นที่รู้กันจากสะลัฟและท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมก็ไม่ได้แนะนำพวกเขา คำตอบก็คือ หากผู้ที่นำคำถามนี้มา โดยเขายอมรับว่าผลบุญการทำฮัจญ์ , การถือศีลอด , และการขอดุอาอ์ , นั้นถึงไปยังผู้ตาย ก็กล่าวแก่เขาว่า อะไรคือข้อแบ่งแยกระหว่างสิ่งดังกล่าวกับผลบุญการอ่านอัลกุรอานถึงผู้ตาย? และการที่สะลัฟไม่เคยกระทำมันนั้นมิใช่เป็นหลักฐานว่าผลบุญไม่ถึงผู้ตาย และสำหรับเราแล้วใหนล่ะหลักฐานที่มาปฏิเสธแบบโดยรวม?! ดังนั้น หากกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ได้ชี้แนะพวกเขาให้ทำการถือศีลอด , ทำฮัจญ์ , ศ่อดาเกาะฮ์ , โดยมิได้ชี้แนะให้อ่านอัลกุรอาน!! ถูกกล่าวอีกว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ไม่เคยริเริ่มกับพวกเขาด้วยสิ่งดังกล่าว แต่ทว่า สิ่งดังกล่าวนั่นแหละเป็นทางออกสำหรับคำตอบให้กับพวกเขา(ผู้ที่คัดค้าน) ดังนั้น ชายคนนี้ได้ถามท่านนบีเกี่ยวกับการทำฮัจญ์แทนผู้ตายของเขา แล้วท่านนบีก็อนุญาตแก่เขา และชายคนนี้ได้ถามท่านนบีเกี่ยวกับการถือศีลอด(ให้กับมัยยิด)ท่านนบีก็อนุญาต โดยท่านมิได้ห้ามพวกเขาจากการกระทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการทำฮัจญ์และการถือศีลอดเลย แล้วอะไรเล่าคือข้อแบ่งแยกระหว่างผลบุญถึงผู้ตายจากการถือศีลอดที่เป็นเพียงการเหนียตและงดสิ่งต้องห้ามสำหรับการถือศีลอดกับผลบุญถึงผู้ตายจากการอ่านอัลกุรอานและซิกิร" หนังสืออัรรั๊วะห์ 1/143
ท่านมุฮัมมัด อิบนุ อุษมัยมีน แกนนำสำนักวะฮาบีย์ในปัจจุบัน ได้กล่าวฟัตวาเกี่ยวกับเรื่องการอ่านอัลกุรอานให้วิญญาณผู้ตาย ความว่า
الراجح أن الميِّت ينتفع بذلك وأنَّه يجوز للإنسان أن يقرأ بنيَّة أنَّه لفلان أو فلانة من المسلمين سواء كان قريباً أم غير قريب لأنَّه ورد في جنس العبادات جواز صرفها للميِّت
"ทัศนะที่มีน้ำหนักแล้วนั้น ผู้ตายจะได้รับผลประโยชน์ด้วยกับสิ่งดังกล่าว และอนุญาตให้มนุษย์(มุสลิม) ทำการอ่านอัลกุรอาน ด้วยมีการเหนียตว่า การอ่านนั้นให้กับผู้ชายคนนั้น ผู้หญิงคนนี้ จากบรรดามุสลิมีน ไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นเครือญาตใกล้ชิดหรือไม่ใช่เครือญาตก็ตาม เพราะในชนิดของอิบาดะฮ์ต่าง ๆ นั้นไม่มีระบุรายงานว่าอนุญาตให้มอบผลบุญอิบาดะฮ์ต่าง ๆ ให้แก่ผู้ตาย" หนังสือ มัจญ์มั๊วะอฺ อัษษะมีน มิน ฟะตาวา อิบนุอุษมีน 2/115
والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم