ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ฮะดิษมนุษย์ตายแล้วอะมัลเขาจะขาดตอนนอกจาก 3 ประการ  (อ่าน 14942 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 09, 2008, 09:08 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
ไฟล์เสียงที่เกี่ยวข้อง

ไม่ใช่ของ  al-azhary  หรอกครับ

แต่เป็นของ อ.อาลี เสือสมิง อธิบายจากหนังสือ ปะริไซฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 28, 2008, 09:43 PM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ไฟล์เสียงที่เกี่ยวข้อง

ไม่ใช่ของ  al-azhary  หรอกครับ

แต่เป็นของ อ.อาลี เสือสมิง อธิบายจากหนังสือ ปะริไซฯ

โหลดเรียบร้อยแล้วครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ julee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 97
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
สลามครับ

ได้ไปอ่านหนังสือ منهاج الطالبين  ของอิมามนะวาวีย์ รอฮิมะฮุลลอฮ์  ซึ่งได้ท่านกล่าวไว้ในบท الوصايا  ว่า

وَتَنْفَعُ المَيِّتَ صَدَقَةٌ وَدُعَاءٌ مَنْ وَارِثٍ وَأَجْنَبِيٍّ

"และจะเป็นประโยชน์แก่มัยยิดโดยการบริจาคทานและดุอาอ์จากทายาทและบุคคลอื่น(ที่ไม่ใช่ทายาท)"

ใครมีหนังสือชาเราะห์มินฮาจญุตตอลิบีน  ก็นำเสนออธิบายกันมาเลยครับจะได้ความรู้กันท้วนหน้า

                                  วัสลาม



الفخر كل الفخر أني اشعري

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ได้ไปอ่านหนังสือ منهاج الطالبين  ของอิมามนะวาวีย์ รอฮิมะฮุลลอฮ์  ซึ่งได้ท่านกล่าวไว้ในบท الوصايا  ว่า

وَتَنْفَعُ المَيِّتَ صَدَقَةٌ وَدُعَاءٌ مَنْ وَارِثٍ وَأَجْنَبِيٍّ

"และจะเป็นประโยชน์แก่มัยยิดโดยการบริจาคทานและดุอาอ์จากทายาทและบุคคลอื่น(ที่ไม่ใช่ทายาท)"

ท่านอิมามอิบนุฮะญัร อัลฮัยตะมีย์  ได้อธิบายความว่า

وينفع الميت صدقة عنه ومنها وقف لمصحف وغيره وحفر بئر وغرس شجر منه في حياته أو من غيره عنه بعد موته ودعاء له من وارث وأجنبي إجماعاً وصحَّ في الخبر : إنّ الله تعالي يرفع درجة العبد في الجنة بإستغفار ولده له . وهما مخصِّصان وقيل ناسخان لقوله تعالي : وَأَنْ لَيْسَ لِلإِنْسَانِ إلاَ مَا سَعيَ . إن أريد ظاهره وإلاّ فقد أكثروا في تأويله ، ومنه أنه محمول علي الكافر أو أن معناه لا حق له إلا فيما سعي ، وأمّا ما فُعِلَ عنه فهو محض فضل لا حق له فيه

"เป็นผลประโยชน์ต่อผู้ตาย  โดยการบริจาคทาน  แทนให้แก่เขา  ซึ่งส่วนหนึ่งจากการบริจาคทานนั้น  คือการวากัฟอัลกุรอานและอื่น ๆ  การขุดบ่อและการปลูกต้นไม้ที่เขาได้ปลูกขณะมีชีวิตอยู่  หรือผู้อื่นจากเขา (ได้ทำการซอดาเกาะฮ์) ให้แก่เขาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว  และ(เป็นผลประโยชน์แก่ผู้ตาย)โดยการขอดุอาอ์ให้แก่เขาที่มาจากทายาทและบุคคลอื่น(ที่ไม่ใช่ทายาท) โดยมติ(อิจญ์มาอฺ)ของปวงปราชญ์ และได้มีฮะดิษซอฮิห์ ระบุว่า "แท้จริงอัลเลาะฮ์ตะอาลา  จะยกระดับฐานันดรบ่าวคนหนึ่งในสรวงสรรค์ด้วยเหตุการอิสติฆฟารของบุตรที่มีให้แก่เขา" ดังนั้น มติ(อิจญ์มาอฺ)ของปวงปราชญ์และฮะดิษนี้  จึงเป็นตัวที่มาทอนความหมายให้กับ (ความเข้าใจของอายะฮ์ดังต่อไปนี้)หรือมายกเลิก(ความเข้าใจ)คำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลาที่ว่า "ไม่มีให้กับมนุษย์นอกจากสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้" คือถ้าหากให้ความหมายแบบผิวเผิน (คือมนุษย์จะไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติพากเพียรไว้นอกจากการการซอดาเกาะฮ์และการขอดุอาอ์ให้แก่เขา)  หากมิเป็นเช่นนั้น  บรรดาอุลามาอ์มากมายได้ทำการตีความมัน  ส่วนหนึ่งคือ  คำว่ามนุษย์จากคำตรัสของพระองค์นี้  ถูกตีความถึง  คนกาเฟร (คือคนกาเฟรจะไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้เท่านั้น) หรือความหมายของคำตรัสของพระองค์นั้นก็คือ  ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ สำหรับเขานอกจากในสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้ (คือสิ่งที่เขาได้เคยพากเพียรไว้นั้นเขาย่อมมีสิทธิจะได้รับการตอบแทน)  สำหรับสิ่งที่ถูกกระทำให้แก่เขา (เช่นซอดาเกาะฮ์หรือดุอาอ์จากคนเป็นให้แก่เขา) ย่อมเป็นความโปรดปรานโดยแท้(ที่มาจากอัลเลาะฮ์) ซึ่งเขาไม่มีสิทธิใด ๆ เกี่ยวกับมันเลย (แต่พระองค์ทรงมอบสิทธิและผลบุญการซอดาเกาะฮ์และการดุอาอ์ให้แก่เขาอันเนื่องจากมาจากความโปรดปรานนั่นเอง)" หนังสือ ตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ ของท่านอิบนุฮะญัร อัลฮัยตะมีย์ 7/72 และท่านอิมามอัรรอมลีได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันในหนังสือ นิฮายะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 6/92

ดังนั้น  ผู้ใดที่บอกว่า  คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้เป็นลูก  ได้ทำการขอดุอาและบริจาคทานซอดาเกาะฮ์  ผลบุญไม่ถึงผู้ตายเพราะไปขัดแย้งกับฮะดิษ "มนุษย์ตายแล้วอะมัลเขาจะขาดตอนนอกจาก 3 ประการ" นั้นถือว่าฟังไม่ขึ้น  เนื่องจาก มติอิจญ์มาอฺของอุลามาอ์นั้น  เป็นไปไม่ได้ที่ไปขัดกับฮะดิษ  และหากกล่าวว่าอิจญ์มาอฺอุลามาอ์  เป็นแค่ทัศนะมีผิดมีถูก  ถือว่าเขากล่าวอ้างโดยไม่เข้าใจหลักการของศาสนา

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 03, 2008, 09:24 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
และได้มีฮะดิษซอฮิห์ ระบุว่า "แท้จริงอัลเลาะฮ์ตะอาลา  จะยกระดับฐานันดรบ่าวคนหนึ่งในสรวงสรรค์ด้วยเหตุการอิสติฆฟารของบุตรที่มีให้แก่เขา" ดังนั้น มติ(อิจญ์มาอฺ)ของปวงปราชญ์และฮะดิษนี้  จึงเป็นตัวที่มาทอนความหมายให้กับ (ความเข้าใจของอายะฮ์ดังต่อไปนี้)หรือมายกเลิก(ความเข้าใจ)คำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลาที่ว่า "ไม่มีให้กับมนุษย์นอกจากสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้"

ฮะดิษนี้  รายงานโดยท่านอิบนุมาญะฮ์  ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง  باب بِرِّ الْوَالِدَيْنِ  "การปฏิบัติดีต่อบิดามารดา"  จากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ความว่า

وَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ ـ صلى الله عليه وسلم‏ إِنَّ الرَّجُلَ لَتُرْفَعُ دَرَجَتُهُ فِي الْجَنَّةِ فَيَقُولُ أَنَّى هَذَا فَيُقَالُ بِاسْتِغْفَارِ وَلَدِكَ لَكَ

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  "แท้จริงชายคนหนึ่งจะถูกยกฐานันดรของเขาในสรวงสวรรค์  แล้วเขาก็จะกล่าวว่า  นี้มาจากใหนกัน?  จึงถูกกล่าวแก่เขาว่า  นี้ (คือการถูกยกฐานันดรนั้น) ด้วยเหตุการอิสติฟาร(การขออภัยโทษ)ของบุตรของท่านให้แก่ท่าน" ฮะดิษลำดับที่ 3791

ส่วนการขอดุอาอ์ขอภัยโทษให้แก่บิดามารดานั้น  คือดุอาอ์ปกติที่เราขอกันทุกวัน  คือ

اللهمَّ إغْفِرْ لِيْ ذُنُوبِيْ وَلِوَالِدَيُّ وَأرْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِيْ صَغَيْراً

หรืออ่านสั้น ๆ ว่า

اللهمَّ إغْفِرْ لِوالِدَيًّ

"อัลลอฮุมมัฆฟิร ลิวาลิดัยย่า"

หรือกล่าวว่า

أَسْتَغْفِرُ اللهَ لِوَالِدَيَّ

"อัสตัฆฟิรุลลอฮ้า ลิวาลิดัยย่า"

ดุอาอ์ให้พ่อแม่ของเราให้มาก ๆ นะครับพี่น้อง  อินชาอัลเลาะฮ์  แล้วอย่าลืมให้กับบรรดามุสลิมีนด้วยนะครับ  ทั้งวะฮาบีย์หรือไม่ใช่วะฮาบีย์ก็ดุอาอ์ให้พวกเขาทั้งหมดเลย
loveit:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ท่านอิมามอัรรอมลี  ได้กล่าวว่า

قال إبن الصلاح : وينبغي الجزم بنفع اللهمّ أوصل ثواب ما قرأناه

ً"ท่านอิบนุสศ่อลาห์กล่าวว่า  สมควรต้องมั่นใจเด็ดขาดว่า มีประโยชน์(ต่อผู้ตายด้วยคำดุอาอ์ที่ว่า) โอ้ อัลลอฮ์เจ้า  โปรดทรงให้ผลบุญที่เราได้อ่านไปถึง...ด้วยเถิด"  หนังสือนิฮายะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ เล่ม 6 หน้า 93

ดังนั้น  มีพี่น้องบางท่านบอกว่า  การทำบุญเป็นทานการอ่านอัลกุรอาน ซิกรุลลอฮ์ และดุอาอ์ให้แก่มัยยิด นั้น ทำเพื่อความสบายใจเผื่ออัลเลาะฮ์ทรงให้ผลบุญถึงจริง ๆ   ถือว่าเป็นคำพูดไม่ถูกต้องนะครับ  เพราะการกระทำดังกล่าวนั้น  เรามั่นใจเด็ดขาดและยาเกนในการขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ให้ผลบุญดังกล่าวมีประโยชน์ต่อมัยยิด  ไม่ใช่ขอต่ออัลเลาะฮ์เพื่อความสบายใจหรือเผื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงประทานให้ผลบุญไปถึงมัยยิด  ซึ่งไม่ใช่อย่างแน่นอนและเด็ดขาด  เพราะการขอดุอาอ์นั้นต่ออัลเลาะฮ์นั้น  มีด้วยหรือที่ขอแบบ "เผื่อ" เนื่องจากการขอดุอาอ์ "ต้องยาเกน"

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอัซซัยยิด อัลบักรีย์  ได้กล่าวว่า

قال المحب الطبري : يصل للميت كل عبادة تفعل عنه واجبة أو مندوبة . وفي شرح المختار لمؤلفه : مذهب أهل السنة ، إن للإنسان أن يجعل ثواب عمله وصلاته لغيره ويصله . والله سبحانه وتعالي أعلم

"ท่านอัลมุฮิบอัลฏ็อบรีย์  ได้กล่าวว่า  ทุก ๆ อิบาดะฮ์ที่ทำให้แก่มัยยิดไม่ว่าจะเป็นอิบาดะฮ์วายิบหรือสุนัต(ผลบุญ)ย่อมถึงมัยยิด  และในหนังสือชัรห์อัลมุคตาร ของท่านมุฮิบอัฏฏ็อบรีย์ได้ระบุว่า "มัซฮับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์นั้น  คืออนุญาตให้แก่มุสลิมทำการ(ฮะดียะฮ์)ผลบุญการปฏิบัติอะมัลและการละหมาดของเขาให้แก่ผู้อื่นได้และผลบุญจะถึงไปยังเขาด้วย"  วัลลอฮุซุบฮานุฮูวะตะอาลาอะลัม" หนังสือ อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 3/357 ตีพิมพ์ดารุลฟิกร์

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 08, 2008, 08:51 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ข้อมูลเชิงวิชาการต่อไปนี้  ขอมอบให้กับพี่น้องสำนักวะฮาบีย์เฉพาะที่หัวรุนแรงครับ

ท่านอิบนุตัยมียะฮ์  อุลามาอ์แนวหน้าท่านหนึ่งแห่งสำนักวะฮาบีย์ในปัจจุบัน  ได้กล่าวว่า

وأما قراءة القرآن والصدقة وغيرها من أعمال البر فلا نزاع بين علماء السنة والجماعة في وصول ثواب العبادات المالية كالصدقة والعتق كما يصل إليه الدعاء والاستغفار والصلاة عليه صلاة الجنازة والدعاء عند قبره، وتنازعوا في وصول الأعمال البدنية كالصوم والصلاة والقراءة، والصواب أن الجميع يصل إلى الميت وهذا مذهب أحمد وأبي حنيفة وطائفة من أصحاب مالك والشافعي، وهو ينتفع بكل ما يصل إليه من كل مسلم سواء كان من
أقاربه أو غيرهم

"สำหรับการอ่านอัลกุรอาน , การบริจาคทาน  และอื่น ๆ เป็นบรรดาอะมัลที่ดีงาม  โดยไม่มีการขัดแย้งกันในหมู่นักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ เกี่ยวกับเรื่องผลบุญอิบาดะฮ์ในเชิงทรัพย์สินนั้นถึงมัยยิด  เช่นการศ่อดะเกาะฮ์และการปล่อยทาสนั้นถึงผู้ตาย  เช่นเดียวกัน  ผลบุญจะถึงยังผู้ตายโดยการขอดุอาอ์ , อิสติฆฟาร , การละหมาดญะนาซะฮ์ให้แก่เขา , และการขอดุอาอ์ที่กุบูรของผู้ตาย  และบรรดานักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้ขัดแย้งกันในเรื่องผลบุญถึงผู้ตายจากอะมัลที่กระทำในเชิงร่างกาย  เช่น  การถือศีลอด , การละหมาด , การอ่านอัลกุรอาน  และที่ถูกต้องนั้น  คือ  ทั้งหมด(จากการถือศีลอด , การละหมาด(ฮะดียะฮ์ผลบุญไปให้) , การอ่านอัลกุรอาน)นั้น  ผลบุญจะถึงไปยังผู้ตาย  นี้คือ มัซฮับของอิมามอะห์มัด , อบูหะนีฟะฮ์  และปราชญ์กลุ่มหนึ่งจากสานุศิษย์ของอิมามมาลิกและอิมามชาฟิอีย์  ซึ่งเป็นมัซฮับที่ผู้ตายจะได้รับประโยชน์จากทุก ๆ สิ่งที่มุสลิมทุกคนไม่ว่าจะเป็นเครือญาติหรือไม่ใช่เครือญาติก็ตาม(ผลบุญฮะดียะฮ์ของพวกเขาจะถึง)ไปยังผู้ตาย"  มัจญ์มั๊วะอัลฟะตาวา 24/366

ท่านอิบนุก็อยยิม  ศิษย์เอกของท่านอิบนุตัยมียะฮ์  ได้กล่าวว่า

 واختلفوا في العبادة البدنية كالصوم والصلاة وقراءة القرآن والذكر فمذهب الإمام أحمد وجمهور السلف وصولها وهو قول بعض أصحاب أبى حنيفة نص على هذا الإمام أحمد في رواية محمد بن يحيى الكحال قال قيل لأبى عبد الله الرجل يعمل الشيء من الخير من صلاة أو صدقة أو غير ذلك فيجعل نصفه لأبيه أو لأمه قال أرجو أو قال الميت يصل إليه كل شيء من صدقة أو غيرها وقال أيضا اقرأ آية الكرسي ثلاث مرات وقل هو الله أحد وقل اللهم إن فضله لأهل المقابر

ท่านอิบนุก๊อยยิม  ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า  "บรรดานักปราชญ์ได้ขัดแย้งเกี่ยวกับอิบาดะฮ์ที่กระทำด้วยร่างกาย  เช่น  การถือศีลอด  การละหมาด   การอ่านอัลกุรอาน  และการซิกรุลลอฮ์   ท่านอิมามอะห์มัด  และปราชญ์สะลัฟส่วนมาก  มีทัศนะว่า  ผลบุญการถือศีลอด  การละหมาด  การอ่านอัลกุรอาน  การซิกรุลลอฮ์  ถึงผู้ตาย  และมันยังเป็นทัศนะของกล่าวบางส่วนของสานุศิษย์อิมามอบูหะนีฟะฮ์  และท่านอิมามอะห์มัดได้กล่าวระบุไว้ในสายรายงานของมุฮัมมัด บิน อะห์มัด  อัลกะห์ฮาล  เขากล่าวว่า  "ได้กล่าวถามแก่ท่านอบีอับดิลลาฮ์ (คือท่านอิมามอะห์มัด) ว่า  ชายคนหนึ่งได้กระทำความดี  จากการละหมาด  การซอดาเกาะฮ์  และอื่น ๆ   แล้วมอบผลบุญครึ่งหนึ่งให้แก่บิดาหรือมารดาของเขา  ท่านอิมามอะห์มัดตอบว่า  "ฉันหวัง(ว่าผลบุญนั้นถึง)"  หรือท่านอิมามอะห์มัดกล่าวว่า "ทุก ๆ สิ่งจากการซอดาเกาะฮ์และอื่น ๆ นั้น  ผลบุญจะถึงแก่มัยยิด"  และท่านอิมามอะห์มัดกล่าวเช่นเดียวกันว่า "ท่านจงอ่านอายะฮ์กุรซีย์ 3 ครั้ง  ท่านกุลฮุวัลลอฮุอะฮัด  และท่านจงกล่าวว่า  "โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้า  ความดีงามของมันนั้น  มอบแด่บรรดาชาวกุบูร"    หนังสือ  อัรรั๊วะห์  ของท่านอิบนุก๊อยยิม  1/117

ท่านอิบนุก็อยยิมได้กล่าวไว้เช่นกันว่า

فإن قيل هذا لم يكن معروفاً عن السلف ولا أرشدهم إليه النبي صلى الله عليه وسلم، فالجواب: إن كان مورد هذا السؤال متعرفا بوصول ثواب الحج ولصيام والدعاء، قيل له: ما الفرق بن ذلك وبين وصول ثواب القراءة؟ وليس كون السلف لم يفعلوه حجَّة في عدم الوصول!! ومن أين لنا هذا النفي العام؟!
فإن قيل فإن الله أرشدهم إلى الصوم والحج والصدقة دون القراءة!!، قيل هو صلى الله عليه وسلم لم يبتدئهم بذلك بل خرج ذلك مخرج الجواب لهم، فهذا سأله الحج عن ميته فأذن له فيه وهذا سأله عن الصوم فأذن له فيه ولم يمنعهم مما سوى ذلك، وأي فرق بين وصول ثواب الصوم الذي هو مجرد نية وإمساك بين وصول القراءة والذكر

ً"หากถามว่า  การอ่านอัลกุรอานฮะดียะฮ์ผลบุญให้ผู้ตายนั้น  ไม่เป็นที่รู้กันจากสะลัฟและท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมก็ไม่ได้แนะนำพวกเขา  คำตอบก็คือ  หากผู้ที่นำคำถามนี้มา  โดยเขายอมรับว่าผลบุญการทำฮัจญ์ , การถือศีลอด , และการขอดุอาอ์ , นั้นถึงไปยังผู้ตาย  ก็กล่าวแก่เขาว่า  อะไรคือข้อแบ่งแยกระหว่างสิ่งดังกล่าวกับผลบุญการอ่านอัลกุรอานถึงผู้ตาย?  และการที่สะลัฟไม่เคยกระทำมันนั้นมิใช่เป็นหลักฐานว่าผลบุญไม่ถึงผู้ตาย  และสำหรับเราแล้วใหนล่ะหลักฐานที่มาปฏิเสธแบบโดยรวม?!  ดังนั้น  หากกล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ได้ชี้แนะพวกเขาให้ทำการถือศีลอด , ทำฮัจญ์ , ศ่อดาเกาะฮ์ , โดยมิได้ชี้แนะให้อ่านอัลกุรอาน!!  ถูกกล่าวอีกว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ไม่เคยริเริ่มกับพวกเขาด้วยสิ่งดังกล่าว  แต่ทว่า  สิ่งดังกล่าวนั่นแหละเป็นทางออกสำหรับคำตอบให้กับพวกเขา(ผู้ที่คัดค้าน)  ดังนั้น  ชายคนนี้ได้ถามท่านนบีเกี่ยวกับการทำฮัจญ์แทนผู้ตายของเขา  แล้วท่านนบีก็อนุญาตแก่เขา  และชายคนนี้ได้ถามท่านนบีเกี่ยวกับการถือศีลอด(ให้กับมัยยิด)ท่านนบีก็อนุญาต  โดยท่านมิได้ห้ามพวกเขาจากการกระทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการทำฮัจญ์และการถือศีลอดเลย  แล้วอะไรเล่าคือข้อแบ่งแยกระหว่างผลบุญถึงผู้ตายจากการถือศีลอดที่เป็นเพียงการเหนียตและงดสิ่งต้องห้ามสำหรับการถือศีลอดกับผลบุญถึงผู้ตายจากการอ่านอัลกุรอานและซิกิร" หนังสืออัรรั๊วะห์ 1/143

ท่านมุฮัมมัด อิบนุ อุษมัยมีน แกนนำสำนักวะฮาบีย์ในปัจจุบัน  ได้กล่าวฟัตวาเกี่ยวกับเรื่องการอ่านอัลกุรอานให้วิญญาณผู้ตาย  ความว่า

الراجح أن الميِّت ينتفع بذلك وأنَّه يجوز للإنسان أن يقرأ بنيَّة أنَّه لفلان أو فلانة من المسلمين سواء كان قريباً أم غير قريب لأنَّه ورد في جنس العبادات جواز صرفها للميِّت

"ทัศนะที่มีน้ำหนักแล้วนั้น  ผู้ตายจะได้รับผลประโยชน์ด้วยกับสิ่งดังกล่าว  และอนุญาตให้มนุษย์(มุสลิม) ทำการอ่านอัลกุรอาน ด้วยมีการเหนียตว่า  การอ่านนั้นให้กับผู้ชายคนนั้น  ผู้หญิงคนนี้  จากบรรดามุสลิมีน  ไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นเครือญาตใกล้ชิดหรือไม่ใช่เครือญาตก็ตาม  เพราะในชนิดของอิบาดะฮ์ต่าง ๆ นั้นไม่มีระบุรายงานว่าอนุญาตให้มอบผลบุญอิบาดะฮ์ต่าง ๆ ให้แก่ผู้ตาย" หนังสือ มัจญ์มั๊วะอฺ อัษษะมีน มิน ฟะตาวา อิบนุอุษมีน 2/115

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 03, 2009, 05:55 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

สิ่งที่ผมได้นำเสนอไปนั้น  เคยมีวะฮาบีย์ทัศนะหัวรุนแรง  กล่าวผมว่า  เวลาทัศนะที่ตัวเองจะเอาก็ชอบยกทัศนะของอุลามาอ์ที่ตนคัดค้าน(ในเรื่องอะกีดะฮ์)  ผมขอตอบว่า  ที่ผมยกอ้างไปนั้นเพื่อให้วะฮาบีย์อย่างท่านอ่านไงล่ะ!  และมีบางคนกล่าวกับผมว่า "พวกเขาเป็นอุลามาอ์ไม่ใช่เป็นนบีย่อมมีถูกมีผิด"  ได้ยินคำพูดนี้  แล้วถือว่าเป็นการคัดค้านเฮื้อกลมหายใจสุดท้ายและเป็นหลักฐานข้ออ้างของเขาที่มีน้ำหนักเสียจริง ๆ ครับ!!       

อีกเว็บหนึ่ง  ผมได้บอกว่า  การอ่านอัลกุรอาน ด้วยอัลฟาติฮะฮ์  อายะฮ์กุรซีย์  และซิกิรต่าง ๆ แล้วขอดุอาอ์ฮะดียะฮ์ผลบุญให้แก่มัยยิด ทำไมจะไม่ได้  วะฮาบีย์คนนั้นโต้ทันทีเลยว่า  "ใหนหลักฐานที่มาเจาะจงให้อ่านอัลกุรอานซูเราะฮ์นั้น อายะฮ์นี้"  แต่ผมไม่ตอบ  เพราะบางเว็บเขาไม่นิยมเสวนาเรื่องคิลาฟียะฮ์  เกรงใจนะครับ

เมื่อกี้เวลาประมาณเวลา 12 : 30 น. (ที่อียิปต์)  ผมได้คุยกับพี่น้องท่านหนึ่งทางเอ็มเอสเอ็น  ซึ่งนานมาแล้วที่ไม่ได้คุยกัน  เขากำลังทำปริญญโทอยู่  เคยบอกชื่นชอบผมที่ทำการโต้ชีอะฮ์  แต่เมื่อก่อนเขาก็เคยไม่ค่อยพอใจที่ผมได้นำเสนอวิจารณ์แนวทางวะฮาบีย์ในเว็บไซต์แห่งนี้  วันนี้ผมจึงเลือกเสวนากับเขา  และเขาก็ให้เกียรติเสวนากับผม   ซึ่งเป็นการเสวนาที่มีประโยชน์ครับ

อัลอัซฮะรีย์ : อัสลามุอะลัยกุ้ม

ผู้ให้เกียรติ : วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะรอกาตุฮ์

อัลอัซฮะรีย์ : พอมีเวลาคุยกับผมสัก 3 นาทีได้ไหมครับ

ผู้ให้เกียรติ :  ได้  ได้  ครับ

อัลอัซฮะรีย์ :  ท่านว่า  หากเราจะบริจาคเสื้อผ้าเนี่ย เราต้องบริจาคเสื้อผ้าคุณภาพที่ดี ย่อมได้ผลบุญมากกว่า เสื้อผ้าที่เก่า ๆ ใช่ไหมครับ

ผู้ให้เกียรติ :  ควรมอบสิ่งที่ดีกว่า

อัลอัซฮะรีย์ :  ชัดเจนครับ

อัลอัซฮะรีย์ :  ท่านว่า  การอ่านอัลกุรอานเป็นอะมัลที่ประเสริฐ แน่นอนใช่ไหมครับ

ผู้ให้เกียรติ :  แค่อ่านเหรอ  ต้องศึกษาความหมายด้วยสิ

อัลอัซฮะรีย์ :  คร๊าบ

อัลอัซฮะรีย์ :  อ่านอย่างเดียวก็ได้ผลบุญและเป็นความดีงามแล้วใช่ไหมครับ

ผู้ให้เกียรติ :  แต่บางคนเขาคิดว่าของสูง  อ่านแล้วทำให้จิตใจสงบ เหมือนได้ที่พึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ความหมาย

ผู้ให้เกียรติ :  ทำแบบสอบถามหรอ

อัลอัซฮะรีย์ :  ครับผม

ผู้ให้เกียรติ :  ส่วนตัวเห็นว่าถูกต้อง ไม่ควรจำกัดรูปแบบว่า...นาบีได้ทำเป็นแบบอย่างไว้  หรือไม่   เช่นประเพณีเก่าแก่ ที่ไม่ได้ทำให้จริยธรรมเสื่อมเสีย ก็ทำได้

อัลอัซฮะรีย์ :  ชัดเจนครับ

อัลอัซฮะรีย์ :   การศอดาเกาะฮ์ให้แก่ผู้เสียชีวิตไปแล้วนั้น  ถือว่าได้หรือไม่ครับ

ผู้ให้เกียรติ :   ใช้ได้ ไม่มีข้อห้ามไว้

อัลอัซฮะรีย์ :  ท่านคิดว่า ซูเราะฮ์อัลฟาติฮะฮ์นั้น  เป็นซูเราะฮ์ที่ประเสริฐสุดและมุสลิมทุกคนต้องอ่าน ใช่ไหมครับ

ผู้ให้เกียรติ:   ใช่ครับ เป็นอุมฯ  (ซูเราะฮ์แม่บทของอัลกุรอาน) และเป็นซูรอฮ์ "เปิด"

อัลอัซฮะรีย์ :  เมื่อการอ่านอัลกุรอานเป็นความดีงาม  และทุกความดีงามเป็นศอดาเกาะฮ์  ผมจะทำการอ่านอัลกุรอานด้วยซูเราะฮ์อัลฟาติฮะฮ์  ซึ่งเป็นซูเราะฮ์ประเสริฐสุดและดีเยี่ยม  แล้วฮะดียะฮ์ผลบุญการอ่านซูเราะฮ์อันประเสริฐสุดนี้  ให้แก่ผู้เสียชีวิตไปแล้วนั้น  ถือว่ากระทำได้ใหมครับ

ผู้ให้เกียรติ :   ได้ครับ

อัลอัซฮะรีย์ :  ญะซากัลลอฮ์ค็อยร็อนมาก ๆ ครับ

ผู้ให้เกียรติ :  ไม่พรือ ๆ

อัลอัซฮะรีย์ :  ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนท่านที่เสวนาเชิงวิชาการนี้  และผมขออนุญาตนำไปเผยแผ่น่ะครับ

ผู้ให้เกียรติ :  ได้ ได้

อัลอัซฮะรีย์ :  งั้นขอตัวก่อนน่ะครับ

อัลอัซฮะรีย์ :  วัสลามุอะลัยกุ้ม

ผู้ให้เกียรติ :  วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์

สรุปการเสวนา  ก็คือ  คนเรานั้นเวลาจะศอดาเกาะฮ์หรือฮะดียะฮ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ก็จะเลือกสิ่งที่ดีหรือดีที่สุดให้แก่พี่น้องมุสลิม  ดังนั้น  เราจึงเลือกซูเราะฮ์อัลฟาติฮะฮ์ , ซูเราะฮ์อัลฮะฮัด (กุลฮุวัลลฮ์) , อายะฮ์กุรซีย์ , ท้ายซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ , การกล่าวลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ , และซิกรุลลอฮ์ อื่น ๆ ที่มีความประเสริฐยิ่งทั้งหลาย  แล้วทำการฮะดียะฮ์ให้แก่พี่น้องมุสลิมที่ล่วงลับไปแล้วครับ

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
สลามุลลอฮิอะลัยกุม

เป็นการเสวนาเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจนเลยทีเดียว  cool2:

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 salam

แล้วการฮะดียะห์ผลบุญให้แก่มัยยิตนั้น เราสามารถเนียตอย่างเดียว ขอต่ออัลลอฮฺมอบผลบุญให้แก่มัยยิตนั้นๆ หรือว่าเราจะต้องขอดุอาอ์ร่วมด้วยครับผม?
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะครับ...  cool2:
ญะซากุมุลลอฮ์ ล่วงหน้าครับ  loveit:


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
salam

แล้วการฮะดียะห์ผลบุญให้แก่มัยยิตนั้น เราสามารถเนียตอย่างเดียว ขอต่ออัลลอฮฺมอบผลบุญให้แก่มัยยิตนั้นๆ หรือว่าเราจะต้องขอดุอาอ์ร่วมด้วยครับผม?
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะครับ...  cool2:
ญะซากุมุลลอฮ์ ล่วงหน้าครับ  loveit:

       มัซฮับของนักปราชญ์ส่วนมาก  เพียงแค่เหนียตฮะดียะฮ์ให้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว  แต่มัซฮับของอิมามชาฟิอีย์ต้องด้วยการขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ให้พระองค์ทรงมอบผลบุญ(ที่อยู่ในความหมายเราะห์มัตความเมตตาและการอภัยโทษของพระอง์)ที่เป็นของพระองค์นั้นให้แก่พี่น้องมุสลิมีนที่ล่วงลับไปแล้ว  เราจะสังเกตุได้ว่าพี่น้องของเรานั้นเวลาอ่านอัลกุรอานหรือซิกรุลลอฮ์เสร็จ ก็จะทำการขอดุอาให้ตบท้าย  เพื่อออกจากการคิลาฟระหว่างอุลามาอ์นั่นเองครับ  วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อวาบ
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
...เราจะสังเกตุได้ว่าพี่น้องของเรานั้นเวลาอ่านอัลกุรอานหรือซิกรุลลอฮ์เสร็จ ก็จะทำการขอดุอาให้ตบท้าย  เพื่อออกจากการคิลาฟระหว่างอุลามาอ์นั่นเองครับ  วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อวาบ

อ๋อ...ครับ ชัดเจนครับผม  mycool:

ญะซากัลลอฮ์ บังนุรุ้ลอิสสลาม ครับ
 loveit:


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

 

GoogleTagged