بسم الله الرحمن الرحيم
การคิดในแง่ดีต่อผู้อื่นทำให้สบายใจ
ความมีมานะทิฐิ จิตใจมุ่งร้ายต่อผู้อื่นโดยขาดความเข้าใจต่อวิญญาณของอัลอิสลาม เอาทัศนะความขัดแย้งอยู่ก่อนหลักอุศูลพื้นฐานอิสลามที่เกี่ยวกับหลักการที่ว่า “มุสลิมเป็นพี่น้องกัน” จนกระทั่งจิตใจมีดื่มด่ำไปด้วยความอคติ เคียดแค้น จงเกลียดจงชัง ตัดสินรายบุคคลว่าผู้ที่ไม่เหมือนฉันเขาคือคนทำบิดอะฮ์ เป็นคนชั่ว ทั้งที่ผมคิดว่าเราน่าจะแยกแยะระหว่างทัศนะกับความเป็นพี่น้องมุสลิม ซึ่งหากเรานำทัศนะของตนมาเป็นตัวแบ่งแยกในหมู่พี่น้องมุสลิมแล้ว อิสลามคงจะต้องพินาศและอ่อนแอ ดังนั้นหากเราเชื่อว่าพี่น้องต่างทัศนะคือมุสลิม แน่นอนว่าอิสลามย่อมเป็นของทุกคน จะกักตุนความถูกต้องของอิสลามมาอยู่ฝ่ายตนเพียงอย่างเดียวย่อมไมได้ ในเมื่อวาระสุดท้ายของเราจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ได้นอกจากอัลเลาะฮ์ ดังนั้นในเรื่องของหลักการ เราก็ว่ากันในเรื่องของหลักการ ส่วนตัวบุคคลนั้นเราต้องปฏิบัติด้วยความมีมารยาทนอบน้อมถ่อมตนในฐานะของพี่น้องมุสลิม
ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตของคนเรา ไม่มีอะไรที่จะทำให้สบายใจและมีความสุขมากไปกว่าการคิดในแง่ดีต่อผู้อื่น และด้วยการคิดในแง่ดีต่อผู้อื่นนี้แหละ ที่จะทำให้ปลอดภัยจากการนึกคิดวิตกกังวลซึ่งทำให้จิตไม่เป็นปกติ ทำให้สมองขุ่นมัว และร่างกายเกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหล้า
อนึ่ง การคิดในแง่ดีต่อผู้อื่นนั้น จะทำให้จิตใจสบาย ปลอดโปร่ง เสริมความสัมพันธภาพและความรักให้เกิดขึ้นในสังคม แน่นอนว่า หัวใจของเรานั้นก็จะไม่แบกรับความอิจฉาริษยาและความอคติเคียดค้านต่อผู้อื่น ดังกล่าวนั้น เพื่อที่จะสนองคำสั่งใช้ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า
“พวกท่านจงระวังการคิดในแง่ไม่ดีต่อผู้อื่น เพราะการคิดในแง่ไม่ดีต่อผู้อื่นนั้นเป็นการพูด(ในจิตใจ)ที่โกหกที่สุด พวกท่านอย่าแสวงหาข้อตำหนิต่อกัน อย่าสืบเสาะความลับของผู้อื่น อย่าแก่งแย่งชิงดีต่อกัน อย่าอิจฉาริษยาต่อกัน อย่าโกรธเคืองต่อกัน อย่าผินหลังให้กัน และพวกท่านจงเป็นบ่าวของอัลเลาะฮ์ในสภาพที่เป็นพี่น้องกัน”
เมื่อสังคมอยู่ในรูปแบบอันมีเกียรตินี้ ศัตรูของอิสลามก็มิอาจจะทำให้พวกเราสั่นคลอนได้เลย และพวกเขาก็จะไม่สามารถที่จะให้เราเดินทางแผนทางการเมืองของเขาที่ว่า “ท่านจงแยกแล้วจะได้เป็นหัวหน้า” ซึ่งการที่พวกเขาต้องการให้เราอย่างนั้น เพราะเป็นที่ทราบดีว่า บรรดาหัวใจนั้นมีความกลมเกลียวกัน และบรรดาจิตใจก็มีความบริสุทธิ์ ดังนั้นการสร้างความแตกแยก จะทำให้เกิดแกนนำเกิดขึ้นเพื่อชิงดีชิงเด่น จิตใจจึงมีความหมองมัว มีความอคติต่อกัน แม้จะบอกว่าฉันทำเพื่อซุนนะฮ์นบี ก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะผลที่ออกมามันไม่สอดคล้องกับซุนนะฮ์นบี
ส่วนหนึ่งจากปัจจัยที่ทำให้มีทัศนะคติในแง่ดีต่อผู้อื่นมีหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งผมจะนำมากล่าวดังต่อไปนี้ :
1. การขอดุอา
ท่านชัดดาด บิน เอาส์ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สอนให้เรากล่าวว่า
اللَّهُمَّ إِنِّي أَسْأَلُكَ الثَّبَاتَ فِي الْأَمْرِ ، وَأَسْأَلُكَ عَزِيمَةَ الرُّشْدِ ، وَأَسْأَلُكَ شُكْرَ نِعْمَتِكَ ، وَحُسْنَ عِبَادَتِكَ ، وَأَسْأَلُكَ لِسَانًا صَادِقًا ، وَقَلْبًا سَلِيمًا ، وَأَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا تَعْلَمُ ، وَأَسْأَلُكَ مِنْ خَيْرِ مَا تَعْلَمُ ، وَأَسْتَغْفِرُكَ مِمَّا تَعْلَمُ إِنَّكَ أَنْتَ عَلَّامُ الْغُيُوبِ
“โอ้อัลเลาะฮ์ ฉันวอนขอต่อพระองค์ให้มีความมั่นคงในเรื่องศาสนา ฉันขอต่อพระองค์หนักแน่นบนความถูกต้อง ฉันขอต่อพระองค์ให้มีความกตัญญูรู้คุณในเนี๊ยะมัตของพระองค์ ให้มีการทำอิบาดะฮ์ที่สวยงามต่อพระองค์ ฉันวอนขอต่อพระองค์ให้มีลิ้นที่พูดสัจจริง มีหัวใจที่ปลอดภัย(จากอารมณ์ใฝ่ต่ำทั้งต่อตนเองและผู้อื่น) และฉันขอความคุ้มครองด้วยกับพระองค์จากความชั่วที่พระองค์ทรงรู้(แต่ฉันไม่รู้) และฉันวอนขอต่อพระองค์จากความดีงามที่พระองค์ทรงรู้ และฉันขออภัยโทษต่อพระองค์จากสิ่งที่พระองค์ทรงรู้ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้รู้ยิ่งจากสิ่งเร้นลับ” รายงานโดยอิมามอะห์มัด (17155) ท่านอัตติรมีซีย์ (3407) และท่านอันนะซาอีย์ (1304) ฮะดิษซอฮิห์
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา กล่าวคือ หากพี่น้องคนหนึ่งได้พูดหรือกระทำสิ่งหนึ่ง ก็ให้เราทุกคนนำตัวเองให้อยู่ในสถานะภาพแบบเขา เพื่อสิ่งดังกล่าวจะทำให้เขาคิดในแง่ดีต่อผู้อื่น ดังที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงชี้แนะแก่ปวงบ่าวของพระองค์ความว่า
لَوْلا إِذْ سَمِعْتُمُوهُ ظَنَّ الْمُؤْمِنُونَ وَالْمُؤْمِنَاتُ بِأَنْفُسِهِمْ خَيْراً
“ไฉนเล่าขณะที่พวกเจ้าได้ยินเรื่องเท็จ(ในการกล่าวหาท่านหญิงอาอิชะฮ์)นั้น มวลศรัทธาชนทั้งชายและหญิงจึงไม่คิดถึงตัวเองแต่ในด้านดี?” อันนูร 12
فَإِذَا دَخَلْتُمْ بُيُوتاً فَسَلِّمُوا عَلَى أَنْفُسِكُمْ
“ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าเข้าบ้านใด ๆ พวกท่านก็จงให้สลามแก่ตัวพวกท่านเอง” อันนูร 61
3. ตีความคำพูดผู้อื่นในแง่ที่ดียิ่งกว่า
เฉกเช่นนี้ คือจรรยาบรรณของสะละฟุศศอลิห์ ท่านอุมัรอิบนุค็อฏฏ็อบได้กล่าวว่า “คำพูดหนึ่งที่ออกมาจากพี่น้องผู้ศรัทธานั้น ท่านอย่าคิดมันไม่แง่ไม่ดีในขณะที่ท่านพบว่าคำพูดนั้นยังสามารถถูกตีความในทางที่ดีได้”
ท่านลองพิจารณาไปยังแบบอย่างของอิมามอัชชาฟิอีย์ขณะที่ท่านป่วย ได้มีพี่น้องบางส่วนของท่านได้มาเยี่ยม แล้วเขาก็กล่าวแก่อิมามอัชชาฟิอีย์ว่า ความอ่อนแอของท่านนั้นได้มีพลังขึ้นเพื่ออัลเลาะฮ์แล้ว ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์กล่าวว่า หากความอ่อนแอของฉันได้มีพลังขึ้น มันก็จะฆ่าฉันน่ะซิ เขากล่าวว่า ฉันไม่ได้มีเป้าหมายอันใดนอกจากความดีงาม ดังนั้นท่านอิมามจึงกล่าวว่า หากแม้นว่าท่านด่าทอฉัน ท่านก็ไม่มีเป้าหมายอันใดนอกจากความดีงาม”
4. ห่างไกลจากการตัดสินความนึกคิดของคนอื่น
ประการนี้ถือเป็นมูลเหตุแห่งการมองโลกในแง่ดี โดยที่บ่าวคนหนึ่งนั้นจะต้องละทิ้งสิ่งที่เร้นลับอยู่ในใจของคน ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้หรอกนอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น และพระองค์ก็มิเคยสั่งใช้ให้เราผ่าอกของพี่น้องมุสลิมเพื่อล่วงรู้ถึงภายในจิตใจของเขา ดังนั้น เราต้องห่างไกลจากการคิดในแง่ไม่ดีและมีความอคติ
5. ควรนึกถึงผลเสียในการคิดแง่ไม่ดี
ผู้ใดที่ชอบมีความอคติ คิดในแง่ลบ มองมนุษย์ในแง่ไม่ดีนั้น เขาจะมีแต่ความเหน็ดเหนื่อยและกลุ้มใจอย่างไม่สิ้นสุด ซ้ำร้ายเขายังสร้างความขาดทุนให้แก่ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา จนกระทั่งญาติใกล้ชิดที่สุดด้วยเช่นกัน เนื่องจากมนุษย์มักอยู่ในวิสัยที่ผิดพลาด หากแม้นไม่ได้เจตนาก็ตาม และโรคร้ายของความอคติและคิดในแง่ไม่ดีต่อผู้อื่นนั้น จะทำให้เขาชอบกล่าวหาคนอื่นพร้อมกับคิดว่าตนเองดีกว่า และนั่นก็ถือเป็นการยกยอตัวเองหรือถือว่าตนเองดีซึ่งอัลเลาะฮ์ได้ทรงห้าม ดังที่พระองค์ได้ทรงตรัสว่า
فَلا تُزَكُّوا أَنْفُسَكُمْ هُوَ أَعْلَمُ بِمَنِ اتَّقَى
"ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ายกยอตัวของพวกเจ้าเอง พระองค์ทรงรู้แก่ผู้มีจิตยำเกรงยิ่งนัก" อันนัจญ์มุ 32
พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
أَلَمْ تَرَ إِلَى الَّذِينَ يُزَكُّونَ أَنْفُسَهُمْ بَلِ اللَّهُ يُزَكِّي مَنْ يَشَاءُ وَلا يُظْلَمُونَ فَتِيلاً
"เจ้าไม่สังเกตุดอกหรือ บรรดาผู้ขจัดมลทิน (ยกยอ) ตัวเอง อันที่จริงอัลเลาะฮ์ทรงขจัดมลทิน (ยกย่อง) แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพวกเขาไม่ถูกอธรรมสักเพียงเล็กน้อย" อันนิซาอฺ 49
ดังนั้น การคิดในแง่ดีต่อพี่น้องมุสลิมนั้น จำต้องมุญาฮะดะฮ์ฝึกฝนจิตใจตนเองให้มีความคิดในแง่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชัยฏอนมันกำลังวิ่งอยู่ในสายเลือดของลูกหลานอาดัม และมันก็ไม่เบื่อหน่ายเลยที่จะยุเย่ สร้างความแตกแยก และความอคติให้แก่เกิดขึ้นระหว่างมุสลิมีน และการปิดกันแผนการณ์ของชัยฏอนนี้ ก็คือ การคิดในแง่ดีต่อพี่น้องมุสลิมนั่นเอง
วัลลอฮุอะลัม