หนังสือ รู้ทันอะกีดะฮ์วะฮาบี

[มุคลิศ]

Tweet

สลามุนลอฮิอะลัยกุม

เกิดมีความคิดขึ้นมาว่า  น่าจะให้บังอัลอัซฮะรีย์  เขียนหนังสือ "รู้ทันอะกีดะฮ์วะฮาบียะฮ์"  ขึ้นมาสักเล่มหนึ่ง  หรือเขียนขึ้นมาให้เราได้โหลดกัน  เพื่อจะนำไปเผยแพร่ให้พี่น้องทั้งหลายรู้ถึงหลักอะกีดะฮ์อันแท้จริงของวะฮาบี  เนื่องจากวะฮาบีมักอ้างว่าตนเองอะกีดะฮ์สะลัฟ  แต่ปรากฏว่าในเว็บนี้ได้นำเสนออะกีดะฮ์วะฮาบีไปเลยเรื่องซึ่งไม่ใช่อะกีดะฮ์สะละฟุศศอและฮ์  ดังนั้นอย่าให้พี่น้องออกความเห็นกันว่าสมควรหรือไม่ที่จะมีหนังสือ "รู้ทันอะกีดะฮ์วะฮาบียะฮ์" สักเล่ม

วัสลามุอะลัยกุม

[นูรุ้ลอิสลาม]

อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

หากทำเป็นหนังสือขึ้นมา  แล้วใครเดือดร้อน? แล้วใครถูกด่าประณาม? 

[นูรุ้ลอิสลาม]

กีตาบมลายู ก็มีอ่ะ แต่จำชื่อหนงสือไม่ได้


เอาตั้งแต่คนเริ่มประวัติ อะไรเนี่ยมีครบ

กิตาบยาวีที่น้องว่ามานั้น  มีการอ้างอิงจากตำราโดยตรงตามหลักวิชาบะฮัษเหรอเปล่าครับ  และมีการนำเสนอเรื่องอะกีดฮ์ทีละประเด็นๆ เหรอเปล่า  แต่ที่อยากจะเสนอความเห็นก็คือ  หากมีการทำเป็นตำราขึ้นก็อยากจะนำเสนออะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ก่อน  แล้วนำอะกีดะฮ์อะฮ์ลุลวะฮาบียะฮ์เสนอว่าแตกต่างกับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อย่างไร  และแตกต่างหรือเหมือนกับมั๊วะตะซิละฮ์หรือกลุ่มบิดอะฮ์อื่นๆ อย่างไร  โดยมีการอ้างอิงจากตำราของพวกเขาอย่างพร้อมสรรพเพื่อจะไม่ให้เป็นการกล่าวหา  และเพื่อให้ประชาชนรู้ว่าหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีนั้นมีระบุไว้ในตำราของพวกเขาจริงๆ

[Al Fatoni]

อัสสลามุ อลัยกุม

              ส่วนตัวผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดดังกล่าว แต่ขอแนะนำสักนิดว่า หากจะมีการทำขึ้นจริงๆ แล้ว ก็ขอให้ทำแบบเป็นการชี้แจงเชิงวิชาการอย่างแท้จริง และขอให้ชี้แจงอย่างชัดเจนถึงสภาพที่แท้จริงของวะฮาบีย์ทั่วๆ โลก กับวะฮาบีย์ประเทศไทยครับ เพราะเท่าที่ผมสัมผัสมานั้น บางอย่างวะฮาบีย์เมืองไทยไม่ได้เป็นไปอย่างที่โจมตีเสมอไป กล่าวอีกนัยก็คือ ยังไม่ใช่วะฮาบีย์อย่างเต็มที่ คือส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเองเป็นสะละฟียะฮ์ และมองว่าวะฮาบีย์เป็นกลุ่มหนึ่งที่ผิด แต่ไม่ใช่พวกเขา ซึ่งเป็นสะลฟียะฮ์ พูดง่ายๆ คือ ก่อนที่จะกล่าวถึงความเชื่อของวะฮาบีย์ เราควรเกริ่นให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนว่า วะฮาบีย์กับกลุ่มสะละฟียะฮ์มีความสัมพันธ์กันเช่นไร? และแตกต่างกันเช่นไร และวะฮาบีย์ทั่วๆ ไปกับวะฮาบีย์เมืองไทย แตกต่างกันเช่นไร เพราะถ้าเราไม่เกริ่นความเข้าใจตรงก่อน ผมเชื่อว่า คงจะต้องตามมาโดยการโจมตี และดีไม่ดี คนทั่วไปจะเชื่อว่าเป็นการกล่าวหา แทนที่จะรับรู้ในสิ่งที่เราจะชี้แจง ดังนั้น เมื่อผู้คนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างวะฮาบียทั่วๆ ไปกับวะฮาบีย์เมืองไทย และระหว่างสะละฟีย์ที่ควรจะเป็นกับสะละฟียะที่แอบอ้าง เมื่อผู้คนเข้าใจตรง การต่อไปนี้ เมื่อเราจะกล่าวถึงอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ มันก็จะเป็นที่น่ารับฟังและติดตาม ฝากไว้พิจาณาด้วยนะครับ ขอให้เป็นการชี้แจง ตักเตือน ไม่ใช่การโจมตีเพื่อคงไว้ซึ่งพวกตน

วัสสลามุ อลัยกุม

[นูรุ้ลอิสลาม]

อัสสลามุ อลัยกุม

              ส่วนตัวผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดดังกล่าว แต่ขอแนะนำสักนิดว่า หากจะมีการทำขึ้นจริงๆ แล้ว ก็ขอให้ทำแบบเป็นการชี้แจงเชิงวิชาการอย่างแท้จริง และขอให้ชี้แจงอย่างชัดเจนถึงสภาพที่แท้จริงของวะฮาบีย์ทั่วๆ โลก กับวะฮาบีย์ประเทศไทยครับ เพราะเท่าที่ผมสัมผัสมานั้น บางอย่างวะฮาบีย์เมืองไทยไม่ได้เป็นไปอย่างที่โจมตีเสมอไป กล่าวอีกนัยก็คือ ยังไม่ใช่วะฮาบีย์อย่างเต็มที่ คือส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเองเป็นสะละฟียะฮ์ และมองว่าวะฮาบีย์เป็นกลุ่มหนึ่งที่ผิด แต่ไม่ใช่พวกเขา ซึ่งเป็นสะลฟียะฮ์ พูดง่ายๆ คือ ก่อนที่จะกล่าวถึงความเชื่อของวะฮาบีย์ เราควรเกริ่นให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนว่า วะฮาบีย์กับกลุ่มสะละฟียะฮ์มีความสัมพันธ์กันเช่นไร? และแตกต่างกันเช่นไร และวะฮาบีย์ทั่วๆ ไปกับวะฮาบีย์เมืองไทย แตกต่างกันเช่นไร เพราะถ้าเราไม่เกริ่นความเข้าใจตรงก่อน ผมเชื่อว่า คงจะต้องตามมาโดยการโจมตี และดีไม่ดี คนทั่วไปจะเชื่อว่าเป็นการกล่าวหา แทนที่จะรับรู้ในสิ่งที่เราจะชี้แจง ดังนั้น เมื่อผู้คนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างวะฮาบียทั่วๆ ไปกับวะฮาบีย์เมืองไทย และระหว่างสะละฟีย์ที่ควรจะเป็นกับสะละฟียะที่แอบอ้าง เมื่อผู้คนเข้าใจตรง การต่อไปนี้ เมื่อเราจะกล่าวถึงอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ มันก็จะเป็นที่น่ารับฟังและติดตาม ฝากไว้พิจาณาด้วยนะครับ ขอให้เป็นการชี้แจง ตักเตือน ไม่ใช่การโจมตีเพื่อคงไว้ซึ่งพวกตน

วัสสลามุ อลัยกุม

       จริงๆ แล้วสะละฟีย์มันไม่มีหรอกครับ  เพราะประเด็นเรื่องฟิกห์นั้นมิใช่เกิดขึ้นเพียงแค่ยุคสะลัฟเท่านั้น  เพราะในยุคหลัง 400 ปีลงมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันก็มีประเด็นฟิกห์เกิดขึ้นมามากมายซึ่งจำเป็นต้องวินิจฉัย  อย่างมัซอับอิมามทั้ง 4 ซึ่งเป็นมัซฮัลสะลัฟหรือสะละฟีย์ของแท้  ซึ่งมีลูกศิษย์มากมายที่ได้ทำการถ่ายทอดแนวทางของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน  และในแต่ละยุคสมัยนั้นก็มีการวินิจฉัยฟิกห์ที่เกิดขึ้นมาในสมัยนั้นๆ เรื่อยๆ มาจนพันปี  ซึ่งประเด็นฟิกห์ในยุคปัจจุบันที่เพิ่งเกิดขึ้นก็มีมากมายที่สะลัฟได้ทำการวินิจฉัยไว้  ฉะนั้นคำว่าสะละฟีย์จึงเป็นแค่แอบอ้างให้ตนเองดูดีเท่านั้นเอง  เนื่องจากความจริงแล้วมัซฮับสะละฟีย์นั้นไม่มีจำกัดเฉพาะกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดหรอก

       ประการต่อมา  วะฮาบีโลกอาหรับนั้นเป็นเช่นนั้นนักศึกษาสูงๆ คงรู้ดี  ส่วนวะฮาบีบ้านเราคือวะฮาบีระดับปลาย  รู้ไม่ลึกซึ้งถึงแนวทางอะกีดะฮ์ของวะฮาบีจริงๆ  ดังนั้น เมื่อเราได้พูดอะไรออกไปเกี่ยวกับวะฮาบี  ก็มีวะฮาบีเมืองไทย งง กันเป็นแถวว่าหลักการนั้นๆ มีด้วยหรือ  ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นแนวทางวะฮาบีแต่วะฮาบีเมืองไทยที่ไม่รู้เรื่องลึกหนาบางจึงไม่รู้จริงในแนวทางของตน  แต่หากทำเป็นหนังสือขึ้นมาจริง  เราก็คงทำเป็นหนังสือชี้แจงแนวทางวะฮาบีโดยมีการอ้างอิงจากตำราของวะฮาบี  เพื่อจะให้วะฮาบีเมืองไทยระดับปลายที่เพิ่งเข้าเป็นวะฮาบี  ได้รู้หลักอะกีดะฮ์ที่แท้จริงที่วะฮาบีเองไม่รู้ถึงอะกีดะฮ์ฉากหลังของเขา 

[Al Fatoni]

ประการต่อมา  วะฮาบีโลกอาหรับนั้นเป็นเช่นนั้นนักศึกษาสูงๆ คงรู้ดี  ส่วนวะฮาบีบ้านเราคือวะฮาบีระดับปลาย  รู้ไม่ลึกซึ้งถึงแนวทางอะกีดะฮ์ของวะฮาบีจริงๆ  ดังนั้น เมื่อเราได้พูดอะไรออกไปเกี่ยวกับวะฮาบี  ก็มีวะฮาบีเมืองไทย งง กันเป็นแถวว่าหลักการนั้นๆ มีด้วยหรือ  ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นแนวทางวะฮาบีแต่วะฮาบีเมืองไทยที่ไม่รู้เรื่องลึกหนาบางจึงไม่รู้จริงในแนวทางของตน  แต่หากทำเป็นหนังสือขึ้นมาจริง  เราก็คงทำเป็นหนังสือชี้แจงแนวทางวะฮาบีโดยมีการอ้างอิงจากตำราของวะฮาบี  เพื่อจะให้วะฮาบีเมืองไทยระดับปลายที่เพิ่งเข้าเป็นวะฮาบี  ได้รู้หลักอะกีดะฮ์ที่แท้จริงที่วะฮาบีเองไม่รู้ถึงอะกีดะฮ์ฉากหลังของเขา

            นี่แหละคือสิ่งที่ผมกังวลต่อเพื่อนๆ ที่มหาลัย เพราะจากจากที่ผ่านมา ก็มีรุ่นหลายต่อหลายได้เปลี่ยนความคิดจากเดิมไปเป็นวะฮาบีย์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และสังเกตกันเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ที่อะไรๆ ก็อ้างว่าทำตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ พร้อมกันนั้นก็โจมตีกลุ่มอื่นจากตนทั้งทางตรงและโดยนัยยะความหมาย ซึ่งอย่างหลังนี้ อ.มักจะใช้ และน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ตัวว่าตัวเองถูกโจมตีอยู่ แต่ก็มิวายที่พวกเขาจะคล้อยไปตามการโจมตีนั้น โดยไม่รู้ตัว น่าอนาจแท้ครับ - วัสสลาม

[นูรุ้ลอิสลาม]

            นี่แหละคือสิ่งที่ผมกังวลต่อเพื่อนๆ ที่มหาลัย เพราะจากจากที่ผ่านมา ก็มีรุ่นหลายต่อหลายได้เปลี่ยนความคิดจากเดิมไปเป็นวะฮาบีย์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และสังเกตกันเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ที่อะไรๆ ก็อ้างว่าทำตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ พร้อมกันนั้นก็โจมตีกลุ่มอื่นจากตนทั้งทางตรงและโดยนัยยะความหมาย ซึ่งอย่างหลังนี้ อ.มักจะใช้ และน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ตัวว่าตัวเองถูกโจมตีอยู่ แต่ก็มิวายที่พวกเขาจะคล้อยไปตามการโจมตีนั้น โดยไม่รู้ตัว น่าอนาจแท้ครับ - วัสสลาม

วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์ฯ

       เพราะความไม่รู้หรือมีความรู้อันน้อยนิดไงล่ะครับ  จึงถูกเก็บเกี่ยวโดยไม่รู้ตัว  บรรดาอาจารย์วะฮาบีพยายามที่จะเอาเรื่องหลักปฏิบัติเล็กๆน้อยๆ มาฮุกุ่มบิดอะฮ์  เอาเรื่องหลักปฏิบัติเชิงคิลาฟิยะฮ์มาพูดกันแล้วฮุกุ่มฝ่ายนั้นฝ่ายนี้บิดอะฮ์ขัดกับซุนนะฮ์นบี  พอเอาเข้าจริงๆ  ก็มิใช่ตามที่พวกเขาบอกทั้งหมด  ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่พวกเขาบอกว่าเป็นบิดอะฮ์มันกลับเป็นซุนนะฮ์เสียด้วยซ้ำไป  พวกอาจารย์วะฮาบีมักจะเอาเรื่องหลักปฏิบัติที่เห็นๆ กันมาพูดมาฮุกุ่มโจมตี  แต่ในทางตรงกันข้าม  เรื่องอะกีดะฮ์ บรรดาอาจารย์วะฮาบีกลับไม่นำมาพูด  ไม่นำมาตีแผ่  นั่นก็เพราะว่าหลักอะกีดะฮ์วะฮาบีในเบื้องลึกแล้ว  ไม่ชอบมาพากลนั่นเองครับ  ดังนั้นพวกเขาจึงปกปิดส่วนที่ด้อยเอาไว้  ทั้งที่มันสำคัญยิ่งยวด  และยังเป็นตัวชี้ว่ากลุ่มใหนบิดอะฮ์กลุ่มใหนบิดอะฮ์ที่ตามปราชญ์ยุคก่อนๆ เขาเข้าใจกัน  จะมาบอกกันว่า ใครอ่านกุนูต  ใครลูบหน้าหลังละหมาด  ใครกล่าวอุศ็อลลี  ใครลูบหน้าหลังดุอา  ใครละหมาดฮาญัต  ใครละหมาดตัสบีห์  ถือเป็นพวกบิดอะฮ์  ซึ่งหากอุลามาอ์ผู้มีคุณธรรมยุคก่อนได้ทราบ  คงจะส่ายหัวเพราะผู้ที่ตัดสินคนอื่นเป็นพวกบิดอะฮ์ด้วยเรื่องแบบนี้  ไม่เข้าใจนิติศาสตร์อิสลามไม่เข้าใจจิตวิญญาณของหลักชะรีอัตอิสลาม

วัสลาม

[vrallbrothers]

 salam

.....แต่ในทางตรงกันข้าม  เรื่องอะกีดะฮ์ บรรดาอาจารย์วะฮาบีกลับไม่นำมาพูด  ไม่นำมาตีแผ่  นั่นก็เพราะว่าหลักอะกีดะฮ์วะฮาบีในเบื้องลึกแล้ว  ไม่ชอบมาพากลนั่นเองครับ  ดังนั้นพวกเขาจึงปกปิดส่วนที่ด้อยเอาไว้  ทั้งที่มันสำคัญยิ่งยวด.....

แต่ก็แปลกนะครับ ทั้งๆที่รู้ว่าหลักอะกีดะฮ์เบื้องลึกไม่ชอบมาพากลแล้ว ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นอีกหล่ะครับ  เรื่องนี้คิดเท่าไรก็ไม่ออกครับ... เฮ้อ! กลุ้มใจแทน... 

[Al Fatoni]

ผมแปลกใจที่ว่า ทำไมเวลาคุยเรื่องประเด็นปลีกย่อยทางฟิกฮ์ อ.มักจะคุยเสียอร่อยปาก อ้างหลักฐานโน้นหลักฐานนี้ และมักจะอ้างเพียงแค่หดีษเพียง แต่ไม่ค่อยจะอ้างคำวินิจฉัยของบรรดาอิมามผู้สันทัดในการวินิจฉัยตัวบทจริงๆ เพียงแค่อ้างอัลกุรฺอานและหดีษเท่านั้น พวกเขาก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูคำวินิจฉัยของอุละมาอ์มุจฺญ์ตะฮิด หากมีการอ้าง ก็จะอ้างที่ตรงกับทัศนะของตน และกรณีที่มีการกล่าวหลายๆ ทัศนะ ก็มักจะสรุปทัศนะที่ใกล้กับทัศนะตนมากที่สุด และพยายามโน้มจิตใจผู้อ่านให้เห็นคล้อยตาม ไม่ใช่คิดและพิเคราะห์ตาม เพื่อที่ผู้อ่านหรือนักศึกษาสามารถเลือกได้ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมบอกอยู่นี้ มีนักศึกษา มอ.บางคนได้อ่านอยู่ หลายๆ คนเคยรับรู้ถึงปัญหาตรง แต่ก็มีหลายคนที่เฉยเมยต่อเรื่องนี้ เพราะมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ สับซ้อน หาข้อสรุปไม่ได้ มีแต่จะแตกแยก ก็อาจจะเป็นจริงดังที่ว่าและคิด ก็มีจะจบได้อย่างไรเล่า หากท่านไม่คิดที่จะเลี่ยวมองมันและร่วมกันตรองกันต้นเหตุของมัน จับจุดให้ได้ แล้วท่านจะไม่พบว่าเป็นเรื่องที่หาข้อสรุปไม่ได้แต่ประการใดไม่ หากแต่ท่านอาจจะเปลี่ยนมุมมองจากเดิม โดยมองว่ามันคือหน้าที่ หน้าที่ท่านต้องใส่ใจ ไม่ใช่หน้าที่มองว่าเป็นภาระ - วัสสลามุ อลัยกุม

[Al Fatoni]

แต่ก็แปลกนะครับ ทั้งๆที่รู้ว่าหลักอะกีดะฮ์เบื้องลึกไม่ชอบมาพากลแล้ว ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นอีกหล่ะครับ  เรื่องนี้คิดเท่าไรก็ไม่ออกครับ... เฮ้อ! กลุ้มใจแทน...

               ผมว่า เป็นเพราะเปลือกนอกของวะฮาบีย์ ในด้านการพูดและตำราต่างๆ ของพวกเขามีแต่การอ้างอายะฮฺอัลกุรฺอานและอัลหดีษมากมายเหลือเกิน จนบางเล่มมีคำพูดของผู้เขียนเพียงน้อยนิด แล้วปล่อยให้อายะฮฺหรือความหมายของอายะฮฺทำหน้าที่อธิบายแทน โดยถือว่าอายะฮฺเหล่านั้น ผู้อ่านสามารถวิเคราะห์ได้เอง และสามารถเข้าใจได้ง่าย ทั้งๆ ที่ความเป็นไม่เป็นเช่นนั้น และประกอบกับการเรียกร้องให้มีการยึดอัลกุรฺอานและสุนนะฮฺเป็นหลัก แทรกในทุกๆ ข้อความของหนังสือ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่า ตนกำลังได้รับสัจธรรม อั
กุรฺอานและสุนนะฮฺเป็นสัจธรรมจริงแท้แน่นอน หากแต่การเข้าใจของผู้อ่านสิ จะเข้าใจตรงกับเจตนารมณ์ของอัลกุรฺอานและสุนนะฮ์ได้อย่างไรเล่า หากปราศจากการอธิบายจากบรรดาอุละมาอ์ บางครั้งเรื่องนี้มันก็น่าคิดเหมือนกัน ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงคิดว่าแนวทางของตนเท่านั้นที่ถูกๆ ทั้งๆ ที่มีหลักฐานมากมายบ่งชี้ว่ามีข้อผิดพลาดมากมายจากความเข้าใจของพวเขา - วัลลอฮุ อะอฺลัม - วัสสลาม

[นูรุ้ลอิสลาม]

แต่ก็แปลกนะครับ ทั้งๆที่รู้ว่าหลักอะกีดะฮ์เบื้องลึกไม่ชอบมาพากลแล้ว ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นอีกหล่ะครับ  เรื่องนี้คิดเท่าไรก็ไม่ออกครับ... เฮ้อ! กลุ้มใจแทน... 

       ก็เพราะเขาไม่เข้าใจอะกีดะฮ์อย่างละเอียดละออไงล่ะ  มีอาจารย์วะฮาบีบางคนที่ชื่อ มูฯ  ประกาศยอมรับตัวเองในเว็บของเขาว่า  เขาไม่ชำนาญไม่เรื่องอะกีดะฮ์  ไม่ชำนาญแล้วไม่ยอมศึกษา  มัวแต่ไปศึกษาฮุกุ่มว่า กุนูตบิดอะฮ์  ละหมาดตัซบีห์บิดอะฮ์  ลูบหน้าหลังดุอาบิดอะฮ์  ละหมาดฮายัตบิดอะฮ์  เมาลิดรำลึกถึงนบีบิดอะฮ์ร้ายแรงลุ่มหลง  มัวแต่วิจารณ์พี่น้องตับลีฆแบบฝ่ายเดียว  มัวแต่ปกป้องผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นก็อดยานี  ก็เลยไม่รู้เรื่องอะกีดะฮ์เบื้องลึกของตนเอง

      จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้  มันอยู่ที่ฮะดียะฮ์ของอัลเลาะฮ์ตะอาลาน่ะครับ  ตราบใดที่มีคนเข้าเป็นชีอะฮ์อยู่เนืองๆ  ก็ไม่แปลกที่มีคนเข้าเป็นวะฮาบี

[sunnah 50]

อัสสลามุอะลัยกุ้ม
   ยังเหมือนเดิมนะครับ  ท่านอาจารย์นูรุ้ลอิสลามถนัดเรื่องนี้ น่าจะเขียนเองนะครับจะได้สนองตัญหาพวกสาวกที่กำลังยาก

[นูรุ้ลอิสลาม]

อัสสลามุอะลัยกุ้ม
   ยังเหมือนเดิมนะครับ  ท่านอาจารย์นูรุ้ลอิสลามถนัดเรื่องนี้ น่าจะเขียนเองนะครับจะได้สนองตัญหาพวกสาวกที่กำลังยาก

คุณอะสันต้องดีใจน่ะ  เพราะหากเราจัดทำ ก็แสดงว่าเราได้ช่วยเผยแพร่อะกีดะฮ์ของวะฮาบีไงล่ะ 

[คะลัคคะลุย]

 salam

หากจะเขียน  ก็ต้องเขียนสิ่งที่เป็นความจริงเท่านั้น 

[read]

สนับสนุนครับ