salam
ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
الأَعْمَالُ صُوَرٌ قَائمَةٌ ، وأَرْواحُها وُجُوْدُ سر الإخلاص فيهاَ
“บรรดาการปฏิบัติการ คือรูปแบบที่ดำรงอยู่ และบรรดาวิญญาณของมัน ก็คือ การมีความบริสุทธิ์ใจซ่อนเร้นอยู่ในมัน”
ฮิกัมนี้ ถือว่าเป็นส่วนเสริมสมบูรณ์ให้กับฮิกัมที่ผ่านมา
หลังจากที่เราทราบมาแล้วว่า บรรดาอะมัลที่มุสลิมจะสร้างความใกล้ชิดยังอัลเลาะฮ์นั้น มิใช่จำกัดเพียงบรรดาฟัรดูขึ้นพื้นฐานที่เป็นรุกุ่นอิสลาม แต่ทว่าบรรดาอะมัลยังมีอีกมากมายและหลากหลาย ซึ่งได้ครอบคลุมภายใต้คำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า
عَمِلُوا الصَّالِحَاتِ
“พวกเขาได้ปฏิบัติบรรดาคุณงามความดี”
ซึ่งเป็นคุณประโยชน์ที่จะหวนกลับไปสู่ปัจเจกชนและกลุ่มชนมนุษย์ทั้งหลาย และเราต่างก็ทราบดีว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้จัดแบ่งประเภทอะมัลต่าง ๆ มากมายให้อยู่ท่ามกลางบรรดาปวงบ่างของพระองค์แล้วแต่ศักยภาพ ความสามารถ และสภาพการณ์ของพวกเขาที่อัลเลาะฮ์ทรงให้พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นหลังจากที่เราได้รู้สิ่งดังกล่าวนี้แล้ว ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้เตือนให้เราตระหนักว่า บรรดาอะมัลจะดีมีคุณภาพ และผลของมันในการทำให้บรรลุถึงความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์และได้รับผลบุญจากพระองค์ตามความหลากหลายของอะมัลนั้น ต้องมีเงื่อนไขว่าความตั้งใจที่ผลักดันเขาทำการปฏิบัตินั้นต้องบริสุทธิ์ กล่าวคือต้องบริสุทธิ์จากผลประโยชน์และเป้าหมายที่ขุ่นมัวทั้งหมด นอกจากต้องมีเจตนาสร้างความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮ์และให้บรรลุถึงความพึงพอพระทัยของพระองค์
ดังนั้น เราจำเป็นต้องรู้ถึงความหมายของฮิกัมนี้เสียก่อนว่า ทุก ๆ ความใกล้ชิดที่มุสลิมได้กระทำขึ้นเพื่อความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮ์นั้น ถูกประกอบขึ้นจาก การปฏิบัติและการเจตนาตั้งใจ เพราะฉะนั้น ก็คงไม่มีคุณค่าใด ๆ สำหรับการปฏิบัติอะมัล หากเจตนาที่ผลักดันยังการปฏิบัตินั้นมิใช่เพื่อให้บรรลุถึงความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮ์และผลบุญของพระองค์ หากแม้นว่าภาพภายนอกเป็นที่ดูดีเป็นที่น่าตอบรับสักทีก็ตาม และในส่วนมาก การเจตนาก็ไม่มีค่าอันใดหากไม่ทำการปฏิบัติอะมัลตามรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้
ส่วนคำว่า “ในส่วนมากการเจตนาไม่มีค่าอันใดหากไม่ปฏิบัติอะมัลตามรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้” หมายถึง การตั้งเจตนาที่บริสุทธิ์นั้น บางครั้งไม่ต้องการการปฏิบัติมาอยู่ร่วมในบางเวลา กล่าวคือ ขณะที่มุสลิมคนหนึ่งได้มีเจตนาอันบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัตอะมัลหนึ่ง แต่เขาไม่สามารถที่จะทำให้บรรลุถึงอะมัลดังกล่าวได้ เช่น เขาตั้งใจจะยืนมือไปช่วยเหลือคนยากจนคนหนึ่ง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือได้ ซึ่งไม่สงสัยเลยว่าการตั้งใจที่จะกระทำในลักษณะนี้ ถือว่าเพียงพอ และได้มีฮะดิษต่าง ๆ มากมายจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ได้มายืนยันในหลักการดังกล่าว
แต่ทว่าการปฏิบัติที่ปราศจากเจตนาที่ถูกบริสุทธิ์ต่ออัลเลาะฮ์นั้น ทุก ๆ การกระทำที่ได้ลุล่วงไปโดยมีเป้าหมายที่ไม่บริสุทธิ์ใจ มันก็ย่อมเป็นการปฏิบัติที่โมฆะตามมาตรฐานของอัลเลาะฮ์ตะอาลา
พระองค์ทรงตรัสความว่า
وَقَدِمْنَا إِلَى مَا عَمِلُوا مِنْ عَمَلٍ فَجَعَلْنَاهُ هَبَاء مَّنثُوراً
“และเราได้มุ่งสู่ (การพิจารณา) การงานที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ แล้วเราก็บันดาลมันให้ (ไร้ผลประดุจดัง) ฝุ่นที่ปลิวว่อน (ในอากาศ)” อัลฟุรกอน : 25
เมื่อดังกล่าวได้ประจักษ์ชัดแล้ว เราโปรดมาพิจารณาถึงตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงดังต่อไปนี้ :
- ชายคนหนึ่งเขามีหนี้สินติดตัวอยู่ ขณะถึงเวลาต้องชดใช้หนี้ เขาได้เห็นเจ้าหนี้มุ่งมาหาเขาแต่ไกล ดังนั้นเขาจึงรีบมุ่งหน้ารุดไปยังมัสยิดที่ใกล้ที่สุด แล้วทำการละหมาดสุนัตมากมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมิต้องสงสัยเลยว่า ผู้ที่กำลังละหมาดอยู่นี้เขามิได้ทำละหมาดเพื่อสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาหรอก เนื่องจากพระองค์ไม่นับว่าเขาได้กระทำอิบาดะฮ์ในการละหมาดเช่นนี้ ดังกล่าวก็เพราะว่าเจตนาของเขามิได้ต้องการสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ แต่ต้องการหนีการชดใช้หนี้นั่นเอง
- พนักงานคนหนึ่งได้ทำการงานในห้องทดลอง แล้วเขาได้ฉวยโอกาสขณะอะซานซุฮ์ริโดยละทิ้งการทำงานด้วยการให้เหตุผลว่าการจะไปละหมาดซุฮ์ริ เขาจึงไปอาบน้ำละหมาดแล้วอาบน้ำละหมาดนาน ๆ หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปทำละหมาดโดยทำนาน ๆ ตามที่เขาต้องการ หลังจากนั้นเขาก็หาสถานที่นั่งพักร่วมแล้วพิงเอนหลังเพื่อทำการพักผ่อนหย่อนใจและการทำการอ่านวิริดหรืออัลกุรอานอย่างมากมาย ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการละหมาดของเขาในรูปการเช่นนี้ ย่อมมิเข้าอยู่ในประเภทอะมัลที่สร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา เพราะเขามีเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานโดยแอบพักผ่อน
- บุคคลหนึ่งจากผู้ที่ทำภารกิจเพื่อรับใช้อิสลามและเรียกร้องสู่อิสลามตามที่พวกเขาได้กล่าวอ้าง โดยตั้งใจว่าภารกิจนี้กระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางดุนยาไม่ว่าจะเป็นการได้รับทรัพย์สิน ได้รับตำแหน่งทางการเมืองการปกครอง แต่ทว่าได้มีบุคคลหนึ่งได้มาตำหนิว่า เขาได้ทำการอันบกพร่องในเรื่องอิบาดะฮ์ต่าง ๆ เช่นย เขาไม่ตืนละหมาดซุบฮิ ไม่ได้อ่านอัลกุรอานเลย แล้วเขาก็ตอบว่า “แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงให้เขาดำรงอยู่ในภาระหน้าที่ของดะวะฮ์เรียกร้องและรับใช้อิสลามโดยพระองค์มิได้ให้เขาดำรงไว้ซึ่งอิบาดะฮ์การอ่านอัลกุรอานหรืออ่านวิริด” ดังนั้นจึงมิต้องสงสัยเลยว่า คำกล่าวอ้างของพวกเขานั้น ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะภารกิจที่เขาได้มุ่งหวังกระทำอยู่นั้น มิได้อยู่พร้อมกับวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ใจต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
บทสรุปก็คือ จำเป็นบนเราต้องรู้และอย่าลืมว่า บรรดาอะมัลที่ดีงามที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้นั้น มิใช่จำกัดเพียงแค่ในเรื่องฟัรดูหลัก ๆ เท่านั้น แต่ทว่ายังครอบคลุมถึงทุก ๆ สิ่งที่ยังให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์ ไม่ว่าเกิดประโยชน์ในด้านปัจเจกชนหรือสังคมโดยรวมก็ตามหากความบริสุทธิ์ใจเข้ามามีอิทธิพลเหนือบรรดาหัวใจของผู้ปฏิบัติภาระกิจต่าง ๆ มากมายในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ในโลกดุนยา
วัลลอฮุอะลัม